เจ้าหนูทำไม?
คุณพ่อคุณแม่คงจะเคยสงสัยว่า ทำไมเจ้าตัวเล็กถึงมีคำถามมาถามได้ไม่รู้จักหยุด ถ้าลองมองย้อนกลับไปดู ตอนเด็กๆของคุณพ่อคุณแม่คงไม่ต่างจากเจ้าตัวเล็กในเวลานี้แน่นอน นั่นเป็นเพราะว่ากระบวนการเรียนรู้ของเด็กกำลังทำงานจึงส่งผลให้เกิดความคิด เกิดความสงสัย และต้องการหาคำตอบเพื่อไขข้อสงสัยให้กับตัวเอง สมองของเด็กที่มีขนาดแค่กำปั้นมือและยังมีการเชื่อมโยงของเซลล์สมองไม่เต็มที่จึงควรได้รับการพัฒนาเพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจให้มากยิ่งขึ้น คุณพ่อคุณแม่อย่าเพิ่งรำคาญกับคำถามต่างๆนาๆที่ลูกมีมาถามทุกวัน ให้นึกเสียว่าลูกเพิ่งรู้จักกับโลกเพียงไม่กี่ปี ในขณะที่คุณพ่อคุณแม่มีประสบการณ์มาแล้วกี่ปีดังนั้น คุณพ่อคุณแม่จึงไม่ควรหลีกเลี่ยงการตอบคำถามของลูก หรือดุลูกเวลาที่ลูกถามคำถาม
ลูกอยากรู้ว่าหนูมาจากไหน? แหมแค่ฟังคำถามก็คงจะทำให้คุณพ่อคุณแม่ถึงกับอึ้งกันแล้ว ถ้าคุณพ่อคุณแม่ตอบลูกว่า “ หนูเกิดมาจากความรักของคุณพ่อคุณแม่ไงคะ” เป็นคำตอบที่ฟังดูดีหรืออีกนัยหนึ่งคือคำตอบโลกสวย แต่ลูกคงไม่เข้าใจหรอกค่ะว่าความรักคืออะไร? เพราะคำว่าความรักเป็นนามธรรมไม่มีตัวตน สิ่งที่เด็กต้องการได้คำตอบคือความเป็นจริงที่เด็กเห็นหรือจับต้องได้ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรอธิบายง่ายๆที่เด็กสามารถเข้าใจได้เช่น “ เพราะหนูอยู่ในท้องของคุณแม่มา 9 เดือน พอหนูพร้อมที่จะออกมาอยู่กับโลกภายนอก หนูก็ได้ออกมาเป็นเด็กตัวเล็กๆ ทานข้าวทานนมจนตัวใหญ่เท่านี้ไงคะ”นี่เป็นคำตอบที่เด็กจะได้รู้เกี่ยวกับความเป็นมาของตัวเด็กเองด้วย
ทำไมแมวถึงร้องเหมียวๆ? คำถามนี้ของลูก คุณพ่อคุณแม่ต้องตอบอย่างมีเหตุผลดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรจะอธิบายด้วยคำง่ายๆที่เด็กสามารถจะเข้าใจได้ถึงในเรื่องของภาษาสำหรับมนุษย์และสัตว์ที่มีความแตกต่างกัน แต่สามารถอยู่ร่วมกันและเรียนรู้ซึ่งกันและกันได้จากกิริยาต่างๆที่มนุษย์และสัตว์แสดงต่อกันเช่น การให้ลูกลองร้องเรียกแมวว่าเหมียวๆ แมวจะเกิดความเข้าใจว่าตอนนี้มันกำลังถูกเรียก หรือการที่แมวร้องเหมียวๆอาจจะเป็นเพราะว่ามันกำลังขออาหาร หรืออยากเล่นด้วยนั่นเอง
ทำไมฝนถึงตก? ถ้าอธิบายตามหลักวิทยาศาสตร์คงทำให้ลูกเข้าใจได้ยาก ดังนั้นคำตอบที่ลูกสามารถเข้าใจได้ดีต้องเป็นคำตอบที่ไม่ซับซ้อนเกินไป คุณพ่อคุณแม่อาจจะให้ลูกดูไอน้ำที่เกิดกาต้มน้ำหรือเมื่อเปิดฝาหม้อข้าวร้อนๆ แล้วมีไอน้ำออกมาพร้อมทั้งอธิบายให้ลูกเข้าใจว่าเมื่อไอน้ำลอยขึ้นไปบนฟ้า(ต้องใช้ภาษาง่ายๆค่ะ) ก็จะไปรวมตัวกันเป็นก้อนเมฆ เมื่อก้อนเมฆมารวมตัวมากขึ้นจนหนักและไม่สามารถลอยอยู่บนฟ้าได้ก็จะตกลงมาเป็นเม็ดฝนยังไงล่ะ
ทำไมนกถึงบินได้? แหมพาออกมาเดินเล่นแป๊บเดียวมีคำถามมาแล้ว ได้เวลาไขข้อสงสัยของลูกแล้วค่ะ ที่นกถึงบินได้ก็เพราะว่าตัวของนกมีขนาดเล็ก น้ำหนักเบาเพราะกระดูกกลวงและเบา ปีกของนกมีลักษณะพิเศษที่ทำให้นกพยุงตัวในอากาศได้ยังไงล่ะคะ
ปลามันหายใจในน้ำได้ยังไงคะ? ก็เพราะว่าปลาไม่มีปอดแต่ปลาใช้เหงือกในการช่วยหายใจมันจึงอยู่ในน้ำได้ยังไงล่ะ แต่ลูกไม่ควรจับปลามาไว้บนบกนะจ๊ะเดี๋ยวปลามันจะตาย
ตอนกลางวันดาวหายไปไหน? ถ้าคุณพ่อคุณแม่เคยพาลูกดูดาวบนท้องฟ้าในยามค่ำคืนล่ะก็ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมลูกจึงถามคำถามนี้ เพราะเมื่อเวลากลางวันลูกมองไม่เห็นดวงดาวเขาจะเกิดคำถามที่ว่าดาวหายไปไหน คำตอบที่มีเหตุมีผลตรงตามหลักความเป็นจริงก็คือ ดวงดาวไม่ได้หายไปไหน หากแต่ในเวลากลางวันแสงของพระอาทิตย์(ภาษาของเด็ก)จะสว่างจ้ามากกว่าแสงของดวงดาวจึงทำให้เราไม่สามารถเห็นดาวในเวลากลางวันได้นั่นเอง
ผีมีจริงหรือเปล่า? ลูกนั่งดูละครผีตอนเย็นแล้วเกิดคำถาม ผีจะมีจริงหรือไม่จริงยังเป็นข้อถกเถียงกันอยู่ตอบคำถามของลูกอย่างง่ายๆแบบมีเหตุมีผลว่า ลูกมีอึอึ๊(ภาษาของเด็ก)หรือเปล่า แมวมีอึอึ๊หรือเปล่า ปลามีอึอึ๊หรือเปล่า ต้นไม้มีลูกไม้หรือไม่ ทุกสิ่งที่ลูกเห็นและสัมผัสได้ล้วนแล้วแต่มีตัวตน ดังนั้นถ้าลูกไม่เคยเห็นอึอึ๊ของผี ก็แปลว่าผีไม่มีอยู่จริง คำตอบข้อนี้ควรจะต้องตอบเพราะเด็กส่วนใหญ่จะมีความรู้สึกว่ากลัวผีทั้งที่ไม่เคยเห็น แต่กลัวตามคำบอกเล่าจากคนอื่น หรือจากที่ได้ดูในหนังในละคร คุณพ่อคุณแม่จึงควรให้คำแนะนำในการดูด้วย
ดิฉันเคยได้อ่านจากในหนังสือเกี่ยวกับพระราชประวัติของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีใจความตอนหนึ่งว่า “เมื่อเด็กถามต้องตอบ เพราะคำตอบของเราคือการเรียนรู้ของเด็ก” และดิฉันก็จำใส่ใจมาโดยตลอด ทุกครั้งที่เด็กๆถามคำถามดิฉันก็จะตอบเพื่อไขข้อข้องใจของเด็กโดยไม่เคยรู้สึกเบื่อเลย
รวีวรรณ เกตุสุทธิ
คอนโดแมว , พัดลมมือถือ , หมอนผ้าห่ม , หมอนหัวทุย , เก้าอี้หัดนั่ง
ความคิดเห็น