คุณแม่ตั้งครรภ์กับวิธีจัดการอาการท้องผูก
ร่างกายของคนเราตามธรรมชาติแล้วที่สมบูรณ์แล้ว มีระบบการหมุนเวียนสิ่งต่างๆ ในร่างกาย เมื่อมีของเสียก็มีการขับออกจากร่างกาย ร่างกายจะมีการขับออกมาหลากหลายวิธี เช่น การขับออกมาทางผิวหนังเป็นเหงื่อ ส่วนอาหารเมื่อมีการรับประทานเข้าไปแล้ว ก็ต้องขับถ่ายออกมาทางทวาร โดยปกติแล้วหากมีสิ่งแปลกปลอมหรือร่างกายของเราไม่ตอบสนองกับสิ่งที่เรานำเข้าสู่ร่างกาย ร่างกายก็จะมีการขับออกมา เช่น การอาเจียน แต่หากร่างกายไม่มีการขับถ่าย ร่างกายก็จะแสดงออกมาถึงความเจ็บป่วย หรือสิ่งผิดปกติของร่างกาย จนเห็นได้ชัด เช่น การขับถ่ายผิดปกติ (ท้องผูก) ก็อาจจะเป็นริดสีดวง
ไม่มีใครที่ไม่รู้จัก “ริดสีดวง” ริดสีดวงจะมี 2 ประเภท ก็คือ ริดสีดวงภายใน และริดสีดวงภายนอก มีลักษณะเป็นติ่งเนื้อติดกับรูทวาร เกิดจากการถ่ายของเสียนานๆ และเบ่งถ่ายนานๆ จนเกิดเป็นริดสีดวง หากมีการเบ่งถ่ายบ่อยๆ เข้า ริดสีดวงก็จะโตขึ้น จนเกิดอาการบวมแดง จะมีอาการเจ็บมาก จนนั่งไม่ได้ วิธีการรักษาก็คือ ต้องพบกับคุณหมอและทำการผ่าตัด หรือขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคุณหมอ
คุณแม่ที่ตั้งครรภ์ ก็มีปัญหาเกี่ยวกับการขับถ่ายเช่นกัน มักจะเกิดอาการท้องผูกแทบทุกรายไป เนื่องจากการตั้งครรภ์จะทำให้มดลูกขยายใหญ่ขึ้น จนทำให้ทับลำไส้ ทำให้ลำไส้ทำงานได้ไม่เต็มที่นัก และการปรับเปลี่ยนฮอร์โมนของตัวคุณแม่เอง ในคุณแม่บางรายอาจจะมีการถ่ายเป็นมูกเลือด จนกลายเป็นปัญหาใหญ่ตามมา หากคุณแม่เป็นคนถ่ายยากตั้งแต่ก่อนการตั้งครรภ์ ก็อาจจะส่งผลโดยตรงกับการเป็นริดสีดวงขณะตั้งครรภ์ คุณแม่ควรปรึกษาคุณหมอที่ฝากครรภ์ก่อน โดยส่วนมากแล้วคุณหมอจะไม่แนะนำให้ใช้ยาใดๆ เพราะจะส่งผลกับลูกในครรภ์ แต่คุณหมอจะแนะนำให้ทานอาหารที่มีใยอาหารมากๆ ทานผลไม้
ตอนนี้ก็มีวิธีการปรับเปลี่ยนทานอาหารสำหรับคุณแม่ที่มีอาการท้องผูกระหว่างการตั้งครรภ์มาแนะนำ
- ดื่มน้ำให้มาก อย่างน้อยไม่ต่อกว่า 2-3 ลิตร ต่อวัน แม้ว่าปกติคุณแม่จะเข้าห้องน้ำบ่อยอยู่แล้ว ก็ต้องเข้าบ่อยอีกค่ะ แต่เป็นสิ่งที่ดีสำหรับคุณแม่มีระบบขับถ่ายที่ดีขึ้น หรือ ทานน้ำผลไม้สดที่มีรสไม่หวานเกินไปร่วมด้วยก็ได้ค่ะ
- งดการดื่มน้ำอัดลม แอลกอฮอร์ ชา กาแฟ เพราะสิ่งเหล่านี้มีส่วนผสมของคาเฟอีน ที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อคุณแม่และลูกน้อย
- ทานอาหารที่มีส่วนผสมของ ปลา และผัก เป็นส่วนใหญ่ เพราะนอกจากจะไม่มีไขมันสะสมและยังทำให้ย่อยง่าย ควรรับประทานอาหารที่สุกและร้อนอยู่เสมอ เพราะการรับประทานอาหารสุกๆ ดิบๆ จะมีเชื้อแบคทีเรียปะปนอยู่ อาจจะทำให้คุณแม่เกิดอาการท้องอืด จุกเสียด คุณแม่ควรคำนึงถึงการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อคุณแม่และลูกน้อย
- ทานผลไม้ที่มีความเปรี้ยว เช่น ส้ม เพราะความเปรี้ยวของผลไม้นอกจากมีวิตามิน ซี แล้วยังช่วยระบบขับถ่ายดีขึ้นค่ะ หรือคุณแม่อาจจะทานผลไม้อย่างอื่นที่หาได้ตามท้องตลาด แต่แนะนำเป็นผลไม้สดนะคะ เช่น สตอเบอร์รี่ มะละกอ กล้วย แก้วมังกร มังคุด มะเฟือง ชมพู่ สัปปะรด ระกำ สละ แตงโม ส้มโอ ฝรั่ง องุ่น ผลไม้ที่คุณแม่ไม่ควรทาน ก็คือผลไม้ที่มีรสหวานเกินไป เช่น ทุเรียน มะม่วงสุก น้อยหน่า ผลไม้ที่มีรสหวานเกินไปอาจจะทำให้คุณแม่มีน้ำหนักเกินจนกลายเป็นไขมันสะสมได้ค่ะ และไม่แนะนำผลไม้หมักหรือดอง นอกจากจะไม่มีประโยชน์แล้วยังจะมีโทษด้วยค่ะ
- ปรับเปลี่ยนการรับประทานอาหาร เนื่องจากคุณแม่ตั้งครรภ์มักจะเกิดอาการหิวบ่อยๆ อยู่แล้ว ขอแนะนำให้คุณแม่ทานหลายๆ มื้อในแต่ละวัน และในแต่ละมื้อไม่ควรทานมากเกินไป
- ไม่ควรทานอาหารที่มีรสจัด การทานอาหารที่มีรสจัดเป็นการทำให้กรดในกระเพราะอาหารมีมากขึ้น จนทำให้ย่อยอาหารยาก และยังทำให้เกิดอาการจุกเสียด
- การออกกำลังกาย เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ทำให้ระบบการย่อยอาหารทำงานได้ดี แต่คุณแม่ต้องเลือกวิธีที่เหมาะสม คือ การเล่นโยคะ หรือว่ายน้ำ เดินเล่นในสวน อาจจะออกกำลังกายวันละ 10-15 นาที หรือ สัปดาห์ละ 3-4 วัน ครั้งละ 15-30 นาที
** วิธีเหล่านี้ล้วนแต่มีประโยชน์ต่อคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ค่ะ ลองนำไปปฏิบัติดูนะคะ รับรองค่ะว่าได้ผลแน่นอน คุณแม่แข็งแรง ลูกน้อยสมบูรณ์ค่ะ **
คอนโดแมว , พัดลมมือถือ , หมอนผ้าห่ม , หมอนหัวทุย , เก้าอี้หัดนั่ง
ความคิดเห็น