ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กลรักวังหลวง [서현]

    ลำดับตอนที่ #68 : การตัดรอนของซุนฮวา [100%]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.36K
      107
      21 ก.ค. 62

    ตอนที่ 68 การตัดรอนของซุนฮวา






         เมื่อซอฮยอนเดินออกมาจากเรือนพักก็จัดการปิดประตูตามหลังก่อนจะเอนตัวพิงผนังอย่างหมดแรง ความรู้สึกผิดอันเนื่องมาจากการที่ตัวเองปิดบังความจริงกับเพื่อนสนิทนั้นตื้นตันเต็มอก แต่ทว่านางไม่สามารถพูดเรื่องนี้กับซุนฮวาได้ พูดไม่ได้จริงๆ

         "ซอฮยอน" เชวซังกุงที่เดินเข้ามาพอดีร้องทัก "เจ้ามาทำอะไรตรงนี้หรือ"

         หญิงรีบยืนตัวตรงก่อนจะพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ

         "เป็นอะไรรึเปล่า เจ้าดูเหนื่อยนะ"

         "เปล่าเจ้าค่ะ"

         "คงจะดูตำรามากไปสินะ เฮ้อ เป็นอย่างนี้ทุกปี พอใกล้ฤดูกาลแห่งออซองเคียววอนทีไรก็จะมีคนเคร่งเครียดตลอด เจ้าเองก็อย่าหักโหมจนเกินไปล่ะ"

         "เจ้าค่ะนายหญิง"

         เชวซังกุงพยักหน้าก่อนจะหันกายทำท่าจะเดินต่อ ฉับพลันซอฮยอนก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

         "เอ่อ นายหญิง"

         นางหันกลับมามอง "อะไรหรือ"

         "มีนางวังรับใช้หรือใครพบสร้อยป้ายหยกที่หักครึ่งบ้างรึไม่เจ้าคะ"

         "พบอะไรนะ"

         "สร้อยเจ้าค่ะ มันร้อยด้วยป้ายหยกหักครึ่งเอาไว้ มีนางวังรับใช้ที่ทำความสะอาดภายในกองงานเจอมันตกที่ไหนบ้างรึไม่เจ้าคะ"

         "อืม ปกตินางวังรับใช้เจอของมีค่าตกก็จะเก็บไว้ที่ห้องเก็บของพร้อมกับแจ้งข้าตลอดนะ แต่พักนี้ไม่มีใครแจ้งมาเลย สร้อยนั่นของเจ้าหรือ"

         "เจ้าค่ะนายหญิง ของข้าเอง ข้าทำตกไว้ที่ห้องเก็บตำราเมื่อหลายคืนก่อน"

         "เจ้าหาดูทั่วหรือถามเพื่อนๆ แล้วหรือ"

         "เจ้าค่ะนายหญิง ไม่พบเลย"

         "เช่นนั้นเดี๋ยวถ้ามีคนแจ้งเมื่อไรข้าจะรีบบอกเจ้าทันทีแล้วกัน" เชวซังกุงกล่าว

         "ขอบคุณมากเจ้าค่ะนายหญิง"

         







      
         เช้าวันถัดมาในห้องเก็บรักษากระดาษฮันจิของกองงานวรรณกรรม ซงฮวันมองเซจีด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นนางยื่นสร้อยร้อยหยกมาให้

         "จะให้ข้าเก็บเอาไว้หรือ"

         "ไม่ใช่ แต่ให้เอาไปคืนซอฮยอนเสีย" เซจีตอบ

         "จะบ้าหรือ จะเอาไปคืนนางทำไม" ซงฮวันงุนงง

         "นายหญิงบอกว่าป้ายหยกนี่ไม่ใช่หยกประจำพระองค์ของยิมโฮแทกุน"

         "แล้วอย่างไร เราต้องคืนนางด้วยหรือ"

         "คิมซังกุงบอกให้คืนก็คืนเถิด แต่อย่าไปคืนตรงๆ แกล้งวางให้นางมาเจอเองก็ได้"

         "พูดตรงๆ ข้าไม่อยากคืนนาง"

         "ถ้าอย่างนั้นก็แล้วแต่เจ้า แต่อย่าให้นางจับได้เด็ดขาด" เซจีกำชับ ซงฮวันรีบพยักหน้า 

         ประตูห้องเก็บกระดาษเปิดผางออกอย่างแรง ซุนฮวาเดินเข้ามาพลางหรี่ตามองทั้งคู่ด้วยความแปลกใจ ซงฮวันรีบชักมือที่ถือสร้อยร้อยหยกไว้ข้างหลังทันทีด้วยความตกใจ

         "ข้าชักสงสัยนะ" ซุนฮวาเปรยขึ้น "ว่าเซจีจริงๆ แล้วเป็นนางกำนัลในตำหนักใหญ่รึเปล่า"

         "เจ้าหมายความว่าอะไร" เซจีถาม

         "ก็เห็นเจ้ามาที่นี่บ่อยเหลือเกินราวกับเป็นนางกำนัลในกองงานวรรณกรรมคนหนึ่งเสียอย่างนั้น"

         เซจีหน้าขึ้นสี นางไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับซุนฮวาจึงเดินหน้าตึงออกจากห้องเก็บกระดาษไป ซุนฮวาหันมามองซงฮวัน

         "มีอะไร จะหาเรื่องข้ารึ" ซงฮวันรีบพูด

         "อะไรกัน อย่าร้อนตัวสิ ข้ายังไม่ทันได้ว่าอะไรเลยนะ"

         ซงฮวันเชิดหน้าก่อนจะค่อยๆ เดินผ่านซุนฮวาเพื่อออกไปจากห้องอีกคน ฉับพลัน ซุนฮวาก็ยื่นมือคว้าสร้อยร้อยหยกในมือที่อยู่ข้างหลังของซงฮวันออกมาอย่างแรง 
       
         "นี่เจ้า! จะทำอะไรน่ะ" ซงฮวันร้องเสียงหลง

         "อย่านึกนะว่าข้าไม่เห็นตอนเดินเข้ามา เจ้าเองใช่ไหมที่ขโมยสร้อยของซอฮยอนไป" ซุนฮวาพูดเสียงดังพลางชูสร้อยขึ้น

         "อย่ามาพูดบ้าๆ นะ นี่... นี่มันของข้าต่างหาก"

         "โกหก สร้อยเส้นนี้เป็นของซอฮยอน ป้ายหยกหักครึ่งแบบนี้ ข้าเองกับนางกำนัลหลายคนเคยเห็นซอฮยอนถอดออกก่อนจะอาบน้ำ แต่ถ้าเจ้ามั่นใจว่าเป็นของเจ้าจริงๆ  เราไปถามคนอื่นๆ ด้วยดีรึไม่ ข้าว่าโทษทัณฑ์การขโมยของรวมถึงกล่าวตู่ว่าเป็นของตนนั้น เชวซังกุงน่าจะจัดการขั้นรุนแรงเลยล่ะ"

         ซงฮวันหน้าถอดสี อากัปกิริยาเริ่มลุกลี้ลุกลนอย่างเห็นได้ชัด

         "เอ่อข้า... ข้าเจอมันตกไว้ต่างหาก"

         "ในที่สุดก็ยอมรับ แล้วทำไมไม่เอาไปคืนซอฮยอน"

         "ข้าไม่รู้นี่นาว่าเป็นของนาง" ซงฮวันปด

         "จริงหรือ เจ้าไม่รู้จริงหรือ" ซุนฮวาถามเสียงสูง

         "ก็ใช่น่ะสิ ถ้าข้ารู้ก็คงไปคืนนางแล้ว"

         "ถึงจะรู้อยู่แก่ใจว่าเจ้าโกหก แต่ข้าจะแกล้งเชื่อแล้วกัน"

         ซงฮวันมองหน้าซุนฮวาอย่างชิงชังก่อนจะกล่าวว่า

         "สนใจแต่กับตัวเองเถิด กลายเป็นหมาหัวเน่ายังไม่รู้ตัว" 

         ซุนฮวาชะงัก หันมามองหน้าคนพูด

         "เจ้าว่าอะไรนะ"

         "ทำมาเป็นเพื่อนรักของซอฮยอนนู่นนี่นั่น คราวนี้ต่อให้เอาสร้อยไปคืนนางได้ แต่อย่าหวังเลยว่านางจะเห็นเจ้าเป็นเพื่อน"

         "เจ้าจะพูดอะไรกันแน่"

         "ข้ารู้นะ ว่าสามวันมานี้ซอฮยอนแอบไปที่ไหนมาทุกคืน พอกลับมาที่เรือนพักเจ้าก็เฝ้าถามนางแต่นางก็ไม่บอก มิหนำซ้ำยังโกหกเจ้าอีก แบบนี้ไม่เรียกว่าหมาหัวเน่าจะเรียกว่าอะไร ร่วมฝ่าฝันกันมาตั้งเยอะสุดท้ายก็ไม่ได้รับความไว้วางใจ"

         มือของซุนฮวาชุ่มเหงื่อ "นาง... นางไม่ได้ปิดบังข้า"

         "ไม่ได้ปิดบังรึ ถามจริง?" ซงฮวันกอดอกก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ "เจ้าก็ออกจะฉลาดนะ แต่ทำไมถึงดูไม่ออกว่านางปิดบัง ไม่หรอก เจ้าน่ะรู้ แต่เจ้าแค่หลอกตัวเอง"

         "หุบปากนะ!"

         "เจ้ากำลังจะโดนเขี่ยทิ้ง ซอฮยอนทั้งเก่ง ทั้งโดดเด่น นางฉายแสงเรื่อยมาตั้งแต่สอบเซ็งกักชิจนถึงเรื่องขององค์หญิงดายอง เจ้าคิดรึว่านางจะเอาเจ้าไว้ข้างกายต่อน่ะ คนไร้ค่าไร้ประโยชน์อย่างเจ้า ถ้าข้าเป็นซอฮยอน ข้าก็เขี่ยทิ้ง!"

         ซุนฮวากำหมัดแน่น สติส่วนลึกกำลังบอกตัวเองว่าซงฮวันกำลังพูดใส่ไฟให้ปั่นป่วน แต่วาจาสุดท้ายเมื่อครู่นั้นเหมือนจุดไฟกองใหญ่ในอกให้ลุกโหมโชติช่วงทำลายสติสัมปชัญญะส่วนลึกเสียสิ้น ราวกับว่ามันแทงใจดำฉะนั้น
         
         "เจ้าน่าจะรู้ตัวนะว่านางไม่เอาเจ้าแล้ว ควรถอยห่างเถิด ทนอยู่ข้างกายนางไปก็จะทำให้ซอฮยอนรังเกียจเสียเปล่าๆ เป็นเพื่อนกันแท้ๆ แต่ไม่พูดจากัน ขนาดข้าเองยังรู้เลยว่าซอฮยอนไปที่ไหนดึกๆ ดื่นๆ" ซงฮวันแสร้งปด

         "อะไรนะ เจ้ารู้หรือ"

         "ใช่ แต่ข้าไม่บอกเจ้าหรอกนะ เพราะซอฮยอนขอร้องไว้"

         "โกหก!"

         "ก็แล้วแต่จะคิด อยากรู้ก็ไปถามนางเองสิ" ซงฮวันหัวเราะดังลั่นก่อนจะเดินออกจากห้องเก็บกระดาษไป ทิ้งให้ซุนฮวายืนหน้าซีดคนเดียวอยู่เช่นนั้น










         ยามดึก หลังตำหนักร้างปรากฏดวงไฟไหววูบวาบคล้ายดวงวิญญาณที่ล่องลอยไปมา เดี๋ยวจ้า เดี๋ยวดับ โผล่ทางนู้นทีทางนี้ทีราวกับไม่หยุดนิ่ง แต่ทว่าจ้องมองดีๆ ฝ่าความมืด จะพบว่าดวงไฟเหล่านั้นคือโคมไฟที่นางในหลายคนถืออยู่ แต่ละคนต่างวิ่งกลับที่พักของตนอย่างรีบร้อน บางคนชะเง้อคอมองรอบด้านเพื่อตรวจดูทหารยามก่อนจะวิ่งหายไป

         เมื่อนางในเริ่มแยกย้ายกลับไปมากแล้ว ซอฮยอนก็เดินออกมาบ้าง แต่นางไม่ได้ถือโคมเหมือนคนอื่น หญิงสาวอาศัยร่มเงาของตำหนักต่างๆ เดินลัดเลาะจนมาถึงกองงานวรรณกรรมได้ในที่สุด

         ซอฮยอนยกมือขึ้นลูบหน้าด้วยความเหนื่อยอ่อนก่อนจะสะบัดแขนสะบัดขาไปมาพลางคิดในใจว่าคืนนี้จะไม่อาบน้ำดีไหมเพราะอ่อนเพลียเหลือเกิน

         "กลับมาแล้วหรือ" เสียงหนึ่งดังออกมาจากความมืด หญิงสาวสะดุ้งโหยงเมื่อเห็นซุนฮวาเดินออกมาจากใต้ต้นไม้ใหญ่ สีหน้านางดูเย็นชาพิกล

         "โธ่ ซุนฮวา ทำข้าตกใจหมดเลย"

         "เจ้าไปไหนมาหรือ" ซุนฮวาถาม 

         "ก็เหมือนเดิม ไปท่องตำรา"

         "ไหนล่ะตำราเจ้า"

         ซอฮยอนชะงัก "เอ่อ ข้าเพิ่งเดินไปเก็บที่ห้องตำราเมื่อครู่น่ะ"

         "อย่างนั้นหรือ"

         "ใช่ อากาศตอนกลางคืนเย็นสบายดีนะ"

         ซุนฮวาก้มหน้าลง

         "จริงหรือ เจ้าไม่ได้โกหกข้าหรอกหรือ"

         "เปล่านะ ข้าพูดจริงๆ"

         "พอเถอะซอฮยอน"

         "อะไรนะ"

         "เลิกโกหกเสียที!" ซุนฮวาตะเบ็งเสียงจนหญิงสาวสะดุ้งโหยง

         "เลิกพูดจาโป้ปดกับข้า เจ้ายังเห็นข้าเป็นเพื่อนอยู่รึเปล่า ปิดบังข้าไม่พอ ยังโกหกข้าอีก ข้าบอกเจ้าแล้วไม่ใช่หรือว่าเราเพื่อนกัน ไม่ต้องมองถึงขั้นเพื่อนแท้เพื่อนตาย แต่เป็นเพื่อนที่ช่วยเหลือซึ่งกันและกันก็พอ เรื่ององค์หญิงที่ข้าตามไปช่วยเจ้า ขอคำมั่นให้เจ้าบอกข้าทุกอย่างเวลามีเรื่องอะไร เจ้าลืมหมดสิ้นแล้วหรือ" ซุนฮวาตะโกน

         ซอฮยอนตกตะลึง นางอ้าปากค้างอยู่ชั่วขณะก่อนจะค่อยๆ พูดออกมา

         "เจ้า... เจ้าเป็นอะไรน่ะ"

          "เจ้านั่นแหละเป็นอะไร!" ซุนฮวาร้อง "เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า เจ้าเปลี่ยนไป กลายเป็นคนมีความลับแม้กระทั่งข้า ข้าไม่ใช่หัวหลักหัวตอ แต่เป็นเพื่อนเจ้านะ ข้านั่งรอเจ้าตรงนี้ตั้งแต่ฟ้ายังไม่มืด ตากลมตากน้ำค้าง โดนยุงกัดมากมายเพื่อจะมาฟังคำโกหกอย่างนั้นหรือ"

          ซอฮยอนหลับตาลงพลางถอนหายใจ

         "ซุนฮวา ข้าขอโทษที่ปิดบังเจ้า ข้ายอมรับว่าข้าไปทำอะไรบางอย่างมาจริงๆ แต่... แต่ข้าบอกเจ้าไม่ได้"

         "จนบัดป่านนี้เจ้ายังจะปิดบังข้าอยู่อีกรึ!" 

         "เจ้าไม่เคยมีความลับที่อยู่ในใจซึ่งมันเป็นอะไรที่น้ำท่วมปาก บอกใครไม่ได้บ้างหรือ"

         "แต่เราเป็นเพื่อนกัน เพื่อนต้องไว้ใจซึ่งกันและกันสิ"

         "ซุนฮวา ข้าขอโทษ ข้าบอกเจ้าไม่ได้จริงๆ"

         ซุนฮวาตาลุกวาว "บอกข้าไม่ได้ แต่บอกซงฮวันได้อย่างนั้นหรือ"

         "อะไร ซงฮวันมาเกี่ยวอะไรด้วย"

         "เจ้ากำลังจะทอดทิ้งข้า เพราะข้าไม่เก่งเท่าเจ้าใช่ไหม เจ้าเบื่อข้า!"

         "ซุนฮวา นี่มันชักไปกันใหญ่--"

         "เช่นนั้นก็อธิบายมาสิ อธิบาย!"

         "เจ้าพูดเบาๆ หน่อยได้รึไม่"

         "ไม่! ข้าจะตะโกนจนกว่าเจ้าจะบอกข้า"

         "เลิกงอแงเป็นเด็กเสียที ซุนฮวา"

         "เด็กรึ แล้วที่ข้าเป็นแบบนี้ไม่ใช่เพราะเจ้ารึอย่างไร เจ้าต่างหากที่ได้ดีแล้วลืมเพื่อน!"

         ซอฮยอนตาเบิกค้าง ความโกรธปะทุขึ้นมาจนไม่ทันได้ไตร่ตรองคำพูด

         "บางอย่างที่ข้ารู้ดีว่าบอกเจ้าไปก็ไม่มีประโยชน์ ข้าจะบอกไปทำไม"

         ทุกอย่างเงียบสนิท

         ซอฮยอนกว่าจะรู้ตัวว่าพูดอะไรออกไปก็ต่อเมื่อเห็นซุนฮวาร้องไห้เสียแล้ว

         "เจ้า... เจ้ากำลังจะบอกว่าข้าไม่มีประโยชน์รึ" ซุนฮวาพูดเสียงขาดเป็นห้วงๆ

         "มะ... ไม่ใช่ ข้าไม่ได้หมายความอย่างนั้น"

         ซุนฮวาล้วงสร้อยร้อยป้ายหยกที่เอามาจากซงฮวันออกมาก่อนจะขว้างใส่ซอฮยอนเต็มแรง
     
         "ข้าเพิ่งรู้วันนี้เองว่าเจ้าเห็นแก่ตัวแค่ไหน ปาร์คซอฮยอน" ซุนฮวาพูดจบก็หันหลังเดินจากไปทันทีอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้ซอฮยอนยืนนิ่งกลางลานหินดุจรูปปั้นอยู่เช่นนั้น






    [ต่อจาก 50%]





         ใต้เท้าคิมแทซุนวางตำราเล่มหนึ่งลงบนโต๊ะต่อหน้าคิมซังกุง 

         "ท่านลุง ท่านได้มาแล้วหรือ" ซังกุงรับบัญชาพูดออกมาอย่างตกตะลึง ใต้เท้าคิมพยักหน้า

         "ข้าให้คนของเราไปสืบความมาจากเซโจซังกุงและบรรดาซังอึยฝ่ายพิธีการแล้ว ถึงจะยังไม่สามารถหาโจทย์ได้แน่นอนนักแต่แนวข้อสอบของนางกำนัลตำหนักใหญ่อยู่ในเล่มนี้แน่นอน"

         "แสดงว่าข้อสอบออซองเคียงวอนแต่ละแผนกเริ่มทยอยออกมาแล้วใช่รึไม่เจ้าคะ"

         "ถูกต้อง แต่ละส่วนงานจะได้รับโจทย์ที่แตกต่างกันตามลักษณะงานที่ตัวเองดำรงสถานะอยู่ เจ้าจงเอาเล่มนี้ไปให้เซจีอ่าน รับรองนางได้เป็นหนึ่งในผลงานกลางลานหินแน่นอน" ใต้เท้าคิมกล่าว

         "ผลงานกลางลานหิน? คืออะไรเจ้าคะ" คิมซังกุงขมวดคิ้ว

         "จริงสิ ข้าลืมบอกเจ้าไปเสียสนิท การสอบออซองเคียงวอนปกติจะเลือกที่หนึ่งโดยเซโจซังกุง บูเซโจซังกุง รวมถึงซังกุงสูงสุดจากห้องต่างๆ แต่ทว่าปีนี้เปลี่ยนกฎใหม่โดยให้ผลงานสามชิ้นของนางกำนัลที่ได้รับยกย่องว่าเป็นเลิศในการสอบมาตั้งวางอวดโฉมให้ทุกคนดูกลางลานหินหน้าฝ่ายใน"

         "จริงหรือเจ้าคะ"

         "ที่สำคัญคนที่จะตัดสินแพ้ชนะคือคนในวังหลวงนี่แหละ หน้าประตูทางเข้าลานหน้าฝ่ายในจะมีป้ายไม้เล็กๆ ใครชื่นชอบผลงานชิ้นไหนก็วางป้ายไม้ตรงหน้าผลงานชิ้นนั้น ภายในหนึ่งวันผลงานใครมีป้ายไม้มากที่สุดจะเป็นผู้ชนะ"

         คิมซังกุงอ้าปากค้าง "แสดงว่าทุกคนก็สามารถเข้าไปวางป้ายไม้ได้น่ะสิเจ้าคะท่านลุง"

         "ใช่ สวรรค์เข้าข้างเราแท้ๆ ในราชสำนักมีคนของสกุลคิมอยู่มากมาย เราแค่เกณฑ์คนมาวางป้ายไม้ให้เซจี ผู้ชนะจะไปไหนเสีย"

         "มหัศจรรย์นัก การตัดสินเอื้อประโยชน์ให้เราแท้ๆ" คิมซังกุงหัวเราะ

         "ฉะนั้นเจ้าต้องให้เซจีเป็นหนึ่งในสามผลงานให้ได้ ข้าไม่พอใจกับการแค่สอบผ่าน สิ่งที่ข้าต้องการคือได้อันดับหนึ่ง เข้าใจรึเปล่า"

         "เจ้าค่ะท่านลุง"












         "นายหญิง ทำไมไม่ถามใต้เท้าคิมถึงโจทย์ข้อสอบของกองงานวรรณกรรมบ้างเล่าเจ้าคะ ทำไมมีแค่ตำหนักใหญ่ของเซจีที่ได้แนวข้อสอบ" ซงฮวันพูดอย่างอิจฉาเมื่อเห็นเซจีได้หนังสือแนวข้อสอบออซองเคียงวอนสำหรับตำหนักใหญ่จากคิมซังกุง

         "เจ้าคิดว่าการล้วงข้อสอบออซองเคียงวอนล่วงหน้านั้นง่ายดายมากเลยรึซงฮวัน"

         "ก็เห็นนายหญิงหามาให้เซจีได้ ก็นึกว่าจะมีของข้าด้วย"

         "เจ้าไม่ต้องหวังเป็นผลงานสามอย่างกลางลานเลย เอาแค่ผ่านก็พอ"

         "นายหญิง..."

         คิมซังกุงเลิกสนใจซงฮวันก่อนจะหันไปหาเซจี

         "เป็นอย่างไร พอไหวรึไม่"

         "เจ้าค่ะนายหญิง มันช่วยข้าได้เยอะเลย" เซจีตอบพลางพลิกหน้ากระดาษอ่านไปมา

         "รีบจำทุกอย่างให้แม่นยำ เจ้าต้องเป็นหนึ่งในสามผลงานให้ได้ แล้วก็เก็บตำรานี้ให้มิดชิดด้วย อย่าให้ผู้ใดเห็นเด็ดขาด"

         "เจ้าค่ะ" เซจีตอบก่อนจะทำหน้าสงสัย "แต่นายหญิง บางหน้าในนี้ถูกเขียนอธิบายไว้ด้วยภาษาอะไรเจ้าคะ ข้าอ่านไม่ออก" หญิงสาวยื่นหนังสือให้คิมซังกุง นางรับมาเพ่งตามองอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเหยียดยิ้ม

         "อักษรกระดองเต่าในสมัยจีนโบราณ เหอะ เซโจซังกุงฉลาดนัก  เขียนด้วยภาษาที่คนส่วนมากอ่านไม่ออกเพื่อป้องกันไม่ให้แนวข้อสอบหลุดไป"

         "แล้วนายหญิงอ่านออกรึไม่เจ้าคะ"

         "ออกสิ เดี๋ยวข้าจะเขียนเป็นภาษาจีนให้เจ้าอีกที*"

    (*อักษรฮันกึลเป็นของเกาหลีก็จริง แต่ในสมัยโบราณคนในวังสมัยโชซอนมักเขียนหนังสือด้วยภาษาจีนมากกว่า)

         คิมซังกุงหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งตามด้วยพู่กันสำหรับจะเขียนคำแปลให้เซจี นางก้มลงมองอักษรที่ดูคล้ายอักษรภาพทีละตัว

         "หน้านี้เหมือนจะอธิบายเกี่ยวกับหยกชนิดต่างๆ" คิมซังกุงเปรย "นี่อย่างไร มีรูปที่วาดด้วยช่างเขียนภาพใส่เอาไว้ด้วย" นางชี้ไปที่รูปของหยกชนิดต่างๆ ให้เซจีดู 

         "นายหญิงแปลให้ข้านิดเดียวก็ได้เจ้าค่ะ ไม่ต้องแปลทั้งหมดก็ได้ ข้อสอบคงไม่ออกแค่เรื่องหยกหรอกกระมังเจ้าคะ"
         
         "ไม่เป็นไร" คิมซังกุงตอบพลางเขียนคำแปลลงในกระดาษ ซงฮวันชะเง้อคอมองด้วยความอยากรู้

         "พวกหยกเหล่านี้ก็ไม่มีอะไรมาก บางอันก็--" จู่ๆ คิมซังกุงก็หยุดพูดไปอย่างฉับพลัน ตาเบิกค้างไปที่รูปหนึ่งในหนังสือ ปากอ้าค้างเล็กน้อย

         "นายหญิง มีอะไรหรือเจ้าคะ"

         "นี่มัน... นี่มันอะไรกันเนี่ย" คิมซังกุงยกตำราขึ้นเพ่งมองใกล้ๆ ราวกับไม่เชื่อสายตาตนเอง

         "นายหญิง เกิดอะไรขึ้นเจ้าคะ" 

         "เซจี สร้อยร้อยป้ายหยกที่เอามาให้ข้าดูอยู่ไหน เอามาให้ข้าที" 

         "ที่เป็นของซอฮยอนหรือเจ้าคะ"

         "ใช่"

         "อยู่ที่ซงฮวันเจ้าคะ นางเก็บไว้"

         คิมซังกุงหันไปมองซงฮวัน "เอามาให้ข้าเร็วๆ เข้า"

         ซงฮวันหน้าซีด

         "นั่งเฉยทำไม เอามาให้ข้าสิ"

         "นายหญิง สร้อยเส้นนั้นไม่ได้อยู่ที่ข้าแล้วเจ้าค่ะ" ซงฮวันตอบเสียงแผ่วเบา

         "อะไรนะ!"

         "เจ้าบอกจะเก็บไว้เองไม่ใช่หรือ" เซจีถาม

         "มันก็ใช่ แต่ซุนฮวาน่ะสิ นางแย่งเอาสร้อยนั่นไปเสียแล้ว"

         "อะ... อะไรนะ" เซจีร้อง

         "ข้าไม่รู้นี่ว่านางจะเห็นเข้า"

         คิมซังกุงนั่งกุมขมับอย่างหมดแรง

         "นายหญิง มีอะไรหรือเจ้าคะ ทำไมจู่ๆ ถึงอยากเห็นสร้อยของซอฮยอน" เซจีสงสัย

         คิมซังกุงหมุนหนังสือให้เซจีและซงฮวันดูพลางชี้ไปที่รูปหยกชนิดหนึ่ง มันดูคุ้นตาอย่างน่าประหลาด

         "นี่มัน..." เซจีอ้าปากค้าง

         "ป้ายหยกของซอฮยอนใช่รึไม่ ถึงมันจะหักครึ่ง แต่ลวดลายไม่ต่างกันเลย" คิมซังกุงกล่าว

         "ทำไมป้ายหยกของซอฮยอนจึงมาอยู่ในตำราเจ้าคะ"

         "นั่นไม่สำคัญหรอก ที่น่าตกใจคือคำแปลต่างหาก"

         "มันแปลว่าอะไรเจ้าคะ"

         "ป้ายหยกชนิดนี้คนธรรมดาทั่วไปจนกระทั่งถึงระดับเชื้อพระวงศ์ ไม่เคยมีใครที่จะสามารถพกมันได้เลย"

         เซจีกับซงฮวันตกตะลึง

         "ปาร์คซอฮยอน นางเป็นใครมาจากไหนกันแน่"







    โปรดติดตามตอนต่อไป
         

         
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×