ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic Miraculous ladybug มหัศจรรย์ปาฏิหาริย์

    ลำดับตอนที่ #13 : จิ้งจอกมหัศจรรย์ตอนที่12 : ข้อเสนอ+แสดงธาตุแท้ของกันและกัน? 100%

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.39K
      378
      11 พ.ย. 61

    (แต่งแบบไม่ได้ตรวจคำผิด)




    "ถ้าเธอยอมแสดงนิสัยตัวเองต่อหน้าฉัน 
    ฉันก็จะแสดงนิสัยจริงๆต่อหน้าเธอด้วย 
    .
    .
    .
    ...ฟังดูเป็นธรรมดีมั้ย?" 


    ***




    "ไม่อยากเชื่อ! พวกเราโดนกักบริเวณ!"

    เสียงแหลมสูงที่ฟังดูชั่วร้ายของแจสเปอร์ บ่นพึมพำพลางบินวนไปมาสองสามรอบ ดูเหมือนเขาจะไม่พอใจเพราะว่าฉันได้สัญญากับแจสเปอร์ไว้ว่าจะพาไปกินไอศศริมรสบลูเบอรี่ด้วยกัน 

    รู้สึกผิดที่ตัวเองดันไปโฆษณากับแจสเปอร์ไว้เยอะ เจ้าตัวจึงคาดหวังว่าวันนี้ฉันจะพาไปกิน 

    แต่พอโดนคำสั่งจากเบื้องบน(ผู้ปกครอง)สั่งให้เธอหยุดเรียนวันนี้จากสาเหตุอาคุม่าล่าสุด ฉันก็เลยไม่สามารถพาแจสเปอร์ไปไหนได้  

    ทีแรกก็นึกว่าโดนกักบริเวณแค่วันเดียว...แต่ที่ไหนได้กลับปาไปสามวันแล้ว! 


    ถ้าเป็นปกติเธอจะแอบหนีไปแล้วล่ะ แต่ข้างนอกก็มีพวกการ์ด ชายชุดดำที่ฮิซาเบลล่า(คุณแม่)จ้างมายืนเฝ้าอยู่ข้างนอกด้วย ถ้าฉันแอบหนีออกไปแล้วผู้ปกครองรู้ ไม่แน่ว่าจากสามวันอาจจะกลายเป็นไม่ได้กลับไปเรียนอีกเลยก็ได้ 

    "ฉันกะแล้วว่าต้องเป็นอีกรอบนี้...แต่ยังดีนะที่พวกเขาปล่อยให้ฉันกลับมาอยู่ที่คอนโดได้" 

    สองวันแรกไปอยู่ที่คฤหาสน์ แต่วันที่สามฉันกลับมานอนที่คอนโดได้.. อย่างน้อยก็ไม่ต้องถูกจับตาดูทุก24ชั่วโมงล่ะนะ..

    ฉันถอนหายใจขณะที่นอนกอดตุ๊กตาเลดี้บัคและแคทนัวร์เอาไว้แน่น 

    "แต่ฉันอยากกินไอศศริมรสบลูเบอรี่นี้!" แจสเปอร์งอแงไม่ยอม ปกติเวลานี้เจ้าตัวนอนงีบกลางวันแล้วล่ะ แต่เพราะฉันไม่พาเขาแอบไปกินไอติมข้างนอกตามสัญญา ก็เลยโวยวายมา10นาทีได้แล้ว

    "ฉันขอโทษ... ไว้ครั้งหน้านะแจสเปอร์" ฉันอุ้มแจสเปอร์ที่ทำตัวเหมือนเด็กเอาแต่ใจขึ้นมาจุ๊บหน้าผาก เจ้าตัวดูซึมเล็กน้อยแต่ก็มีสีหน้าดีกว่าเมื่อกี้ 

    "เด็กดี.."

    จากนั้นพวกเราก็นั่งดูอนิเมะด้วยกัน 


    ติ๊ง___ก่อง


    "หือ?..ใครมานะ"

    เสียงออดดังเข้ามา พร้อมกับแสงกระพริบบนหน้าจอข้างตู้โทรศัพท์ ฉันเดินลุกไปกดปุ่มสีแดงก่อนที่ภาพจะปรากฎมาในหน้าจอ 

    "เอเดรียน?" ฉันเอ่ยอย่างคาดไม่ถึง ฉันไม่ได้สงสัยว่าเขามาบ้านฉันถูกได้ยังไง แต่เธอสงสัยมากกว่าว่ากาเบรียลให้เขามาบ้านเธอได้ยังไง?

    แน่ล่ะ เพราะคุณพ่อพระเอกเข้มงวดยิ่งกว่างูหวงไข่ในหินเสียอีก 

    ฉันบอกแจสเปอร์ให้ไปซ่อนตัว ก่อนที่ไดอาน่าจะเดินออกไปเปิดประตูให้เอเดรียนเข้ามา 


    "เอเดรียน มาเยี่ยมฉันเหรอ" เธอยิ้มหวานทักทาย พร้อมเปิดประตูกว้างๆให้เด็กหนุ่มเข้ามาข้างในก่อน....เฮ้ ฉันไม่ได้เป็นผู้หญิงใจง่ายนะ แต่เอเดรียนเคยมาบ้านฉันเพราะทำรายงานกลุ่มกันมาแล้ว

    อีกอย่างถ้าการ์ดข้างล่างยอมให้เอเดรียนเข้ามาได้ แปลว่าคุณแม่ก็รู้แล้วว่าเพื่อนมาหา แถมเป็นลูกชายของกาเบรียล อเกรซอีกด้วย

    "ฉันเอางานที่ครูบัสเทียร์สั่งมาให้น่ะสิ เธอหยุดไปตั้งสามวันทุกคนในห้องเป็นห่วงว่าเธออาจจะไม่สบาย" เอเดรียนยิ้มแย้มแจ่มใส เขาถอดรองเท้าไว้หน้าประตู ก่อนจะเดินเข้ามาพร้อมกับกระเป๋าในมือ 

    ฉันแอบโล่งใจที่เขาไม่ได้พูดถึงเรื่องล่าสุดที่พวกเรากอดกันในสวนสาธารณะวันนั้นเลย 


    "ขอบคุณนะ..แล้วมีอะไรอีกหรือเปล่า" ฉันหยิบกระดาษรายงานขึ้นมาอ่านพลางๆ มันเป็นโจทย์ให้แก้นี้เอง หาในอินเทอร์เน็ตได้ไม่ได้ยากอะไร

    "มีอีกงานของวิชาครูบัสเทียร์เป็นการนำเสนอคู่ ฉันกับเธอได้คู่กัน พวกเราต้องมาคิดการแสดงสั้นๆ3นาทีเพื่อนำเสนอ"

    ฉันนั่งฟังเอเดรียนอธิบายว่ามันคืองานที่ต้องร่วมกันคิดโจทย์และแสดงกับคู่ตัวเองสั้นๆ จะนำเสนออะไรก็ได้ขอแค่มันน่าสนใจและสอดแทรกเนื้อหาที่เลือกแสดงมาด้วย

    "แล้วนายคิดไว้หรือยังว่าจะแสดงอะไร" ฉันถามพลางเหม่อมองเด็กหนุ่มที่ทำตัวเป็นนักสำรวจ เดินดูรอบๆห้อง

    "ไม่เลย ฉันมาที่นี่ว่าจะถามนี้แหละ ว่าเธอมีไอเดียดีๆมั้ย" เอเดรียนเดินสำรวจห้องนอนฉันไปพลางๆ เขาหยิบตุ๊กตาแคทนัวร์ขึ้นมามอง ก่อนจะเหล่ไปมองที่ตุ๊กตาของเลดี้บัคและก็ซิลเวอร์

    หมับ

    "อย่าแตะตัวนี้สิ" ฉันว่าพร้อมแย่งตุ๊กตาแมวดำจากเอเดรียนขึ้นมากอดเอง มันเป็นของที่สั่งซื้อมาจากอินเทอร์เน็ตแบบเป็นชุดครบของซูปเปอร์ฮิโร่ 

    ตอนที่เลื่อนๆเปิดมาเจอเธอก็หักห้ามใจกดสั่งซื้อไปไม่ได้ สุดท้ายมันจึงได้มานอนแอ๊งแม๊งที่ห้องนอนและห้องรับแขก เพราะเธอสั่งมาสองชุดแถมฉันหวงมากด้วย   

    "ฮึ..โทษที เธอคงชื่นชอบแคทนัวร์จริงๆนั้นแหละ" เอเดรียนเกือบหัวเราะกับความหวงตุ๊กตาแมวตัวหนึ่ง แต่ในใจก็รู้สึกหมั่นไส้ตุ๊กตาตัวนั้นเช่นกัน

    ทั้งที่ตัวจริงอยู่ที่นี่...แต่ดันหวงตุ๊กตา

    "ตกลงพวกเราจะแสดงอะไรดี" ฉันวนกลับมาเข้าเรื่องหัวข้องานต่อ พวกเรานั่งเงียบกริบ...ดีที่ไม่ใช่ความเงียบที่น่าอึดอัด เพราะพวกเรากำลังช่วยกันคิดกันอยู่

    "เอาเป็นเรื่องจากนิทานดีมั้ย? สอนให้คนอดทนและฝ่าฟันอุปสรรคแล้วชีวิตจะดีขึ้นเอง อย่างเช่น.. ซินเดอเรลล่า? สโนว์ไวท์? ...ลืมไปจำนวนคนไม่พอ"  ฉันเอ่ยอย่างนึกไม่ออก เอเดรียนขบคิดสักพัก

    "เราควรสวมบทบาทในการเล่นนะ" เอเดรียนเอ่ย ฉันเดินไปนั่งบนเตียงตัวเองพร้อมนั่งฟัง 

    "บางทีเราอาจจะเพิ่มความรู้สึกเข้าไปในบทบาทให้สมจริงด้วย ให้ดูทันสมัยเหมือนปัจจุบัน จะได้รับคะแนนมากขึ้นจากความคิดสร้างสรรค์" เอเดรียนกล่าว ฉันหันไปสบตาเขาพร้อมเลิกคิ้วถาม

    "เช่นแบบไหน?"

    "ถ้าเอาธีมซินเดอเรลล่าที่ปรับเปลี่ยนให้ดูทันสมัยให้เล่นสองคนมันก็ไม่ใช่เรื่องยาก แค่ทำตัวให้เหมือนโคลอี้" ฉันหัวเราะออกมาทันที เมื่อเขากำลังบอกให้ทำตัวดูทันสมัยแล้วยกโคลอี้เป็นตัวอย่าง 

    "นายล้อฉันเล่นใช่มั้ย?" ฉันฮ่ะแฮ่มไอทีหนึ่งเพื่อหยุดก่อนทำหน้าจริงจัง  

    "ฉันพูดจริง"

    "แล้วแสดงเป็นโคลอี้ทำยังไงล่ะ" 

    "อย่างนี้" เขาเดินไปที่กลางห้อง เมื่อเขาหาตำแหน่งยืนดีๆได้แล้วก็หันกลับมา พร้อมกับขยับริมฝีปากเล็กๆ ทำให้ฉันมองด้วยความทึ่งทันที

    เอเดรียนทำหน้าหยิ่ง เขาเท้าเอวกับสะโพกตัวเองและยืนอยู่ตรงหน้าเธอ ขาข้างหนึ่งตรงและอีกข้างงอเล็กน้อย เอเดรียนทำท่าตรวจดูเล็บทีหนึ่ง จากนั้นก็หันมาด้วยท่าทางที่ดูเหมือนรังเกียจ เขาถามพร้อมมองฉันขึ้นลง 

    "เธอคิดว่าตัวเองกำลังนั่งที่ใครอยู่ไดอาน่า" เอเดรียนทำเสียงจิกกัด...ไม่ใช่แค่น้ำเสียงแต่สายตาเขาก็กำลังจิกกัดฉันอยู่!?

    "ออกจากที่นั่งของฉันเดียวนี้..! หรือจะให้ฉันเรียกคุณพ่อ!" เอเดรียนทำหน้าไม่สบอารมณ์และดูรังเกียจฉันมาก เหมือนว่าเธอไปเผลอแย่งที่ของเขาเข้า 

    พรืด....!

    ฉันไม่สามารกกลั้นเสียงหัวเราะตัวเองได้แล้ว เป็นอีกครั้งที่ฉันไม่สามารถคงภาพลักษณ์คุณหนูไดอาน่าไว้ได้ ฉันหัวเราะจนหงายหลังไปบนเตียง ก่อนที่จะเริ่มกลิ้งไปมาอย่างอดไม่อยู่

    "ฮ่ะฮ่าๆ หึๆ นะ นายลืม...อะ อะไรไปบ้างอย่าง ถ้าเป็นโคลอี้ตัวจริงเธอจะไม่ทำท่าทางแบบนั้นใส่ฉัน"

    แต่จะทำใส่มาริเน็ตต่างหาก ถ้าเปลี่ยนชื่อไดอาน่าเป็นมาริเน็ตละก็...มันใช่เลย! 

    ฉันตีมือไปบนเตียงของตัวเอง พร้อมร่างกายที่ยังคงสั่นสะเทือนกับการพยายามกลั้นขำแทบตาย ฉันรู้สึกว่าตัวเองขำจนน้ำตาไหล 

    "นายทำได้ยังไง มันดูเหมือนจริงมาก"  


    มานึกภาพผู้ชายมาทำท่าแบบนั้นสิ แล้วไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเอเดรียนแสดงเป็นโคลอี้ได้สมจริงมาก จนฉันแทบอยากยกมือมาปรบมือดังๆ ถ้าเธอหยุดหัวเราะได้แล้วอ่ะนะ

    เอเดรียนยกไหล่พร้อมกับยิ้มเพลียๆ

    "ฉันเคยบอกเธอแล้วใช่มั้ย ฉันกับโคลอี้ตอนเด็กพวกเรารู้จักกันมานานแล้ว" 

    นานกว่าฉันหรือเปลานะ ฉันสงสัยจังว่าโคลอี้กับเอเดรียนพวกเขาเป็นเพื่อนกันตอนไหน

    "เอาล่ะ ถึงตาเธอแสดงแล้ว ทำแบบฉันเมื่อกี้" เอเดรียนพยักพเยิดให้ฉันลุกขึ้นมา ก่อนเขาจะลงมานั่งลงตำแหน่งฉันแทน 

    ฉันอ้าปากเหวอ อารมณ์ขันเมื่อกี้ปลิวหายไปทันที

    "อย่าบอกนะว่าเมื่อกี้บทฉัน?" เอาจริงดิ ฉันเล่นเป็นโคลอี้เหรอ?

    "ถ้าไม่ใช่บทเธอแล้วจะเป็นใครละ" เอเดรียนแสร้งทำหน้าไม่เข้าใจ เขาหยิบหมอนฉันขึ้นมากอด 

    เป็นนายมั้ง... เหมาะดีออกนะ

    นึกถึงท่าทางแสดงเมื่อกี้ของเขาฉันก็เกือบจะหัวเราะขึ้นมาอีกรอบ เอาเถอะ..ก็ยังไงเมื่อฉันคิดเรื่องไม่ออกว่าจะแสดงอะไรแล้วนี่นา 

    "เดี๋ยวก่อน แล้วนายแสดงเป็นอะไร?" เธอหันไปถามเพราะเพิ่งนึกขึ้นได้ 

    "ฉันเป็นเด็กหนุ่มฝึกงานที่ยังไม่มีประสบการณ์ทำงานยังไม่ดี แล้วมาเจอคุณหนูขี้วีนไงล่ะ เอาเป็นแกล้งว่าเธอโดนฉันทำงานพลาดหรือเผลอไปทิ้งรองเท้าราคาแพงไปก็ได้" 

    พอฉันได้ยินว่าเขาได้เล่นบทที่โดนเธอกดขี่.. ฉันก็เริ่มอารมณ์ดีขึ้นมานิดหนึ่ง...แค่ก! 

    ไม่อยากบอกเลยว่าเรื่อง(แกล้ง)แสดงนี้ฉันขนัด!

    "ก็ได้" ฉันยืนหายใจเข้าลึกๆเพื่อนึกถึงคาแรสเตอร์ที่ต้องสวมบท ก่อนครู่หนึ่งฉันก็ลืมตาขึ้นมาพร้อมกับแววตาที่ดูคมขึ้น ฉันเชิดค้างขึ้นเล็กน้อยขณะที่มองเหยียดลงมาอย่างยโส 

    เอเดรียนที่นั่งกอดหมอนเล่นก็ชะงัก เขาแข็งทื่อเมื่อเห็นท่าทางของเธอที่ดูเหมือนคนละคน มันไม่ใช่เพียงแค่สีหน้าที่เปลี่ยน แต่เหมือนออร่ารอบๆตัวเธอก็เปลี่ยนไปด้วย

    "คุณอีกแล้ว!?...ครั้งนี้ทำเรื่องบ้าอะไรไปอีกล่ะ!" ฉันทำเสียงฮึขึ้นจมูก ก่อนจะกวาดตามองเขาขึ้นลงเหมือนรำคาณ 

    "นั่นมัน!...รองเท้าคู่โปรดของฉันนี่!? ทำไมมันไปอยู่ในถังขยะได้... นายไม่รู้หรือยังไงว่ามันราคาเท่าไหร่!" ฉันทำท่าตกใจ ชี้ไปที่ตรงหนึ่งข้างๆเขา

    ริมฝีปากของเอเดรียนบิดขึ้นเป็นรอยยิ้มเหมือนเขากำลังกลั้นเอาไว้ 


    "ยังจะมายิ้มอีก! ไม่ได้ยินที่ฉันถามใช่มั้ยห๊ะ แบบนี้ยังมีหน้ามารับใช้ฉันคนนี้อีกเหรอ" เธอตวาดใส่เมื่อเอเดรียนยกยิ้มขึ้นมา 

    ก่อนที่เขาจะมองเธอปริบๆเมื่อรู้ตัวแล้วว่ากำลังโดนดึงให้ร่วมแสดงไปด้วย 

    เขาเปลี่ยนสีหน้าจากที่ยิ้มอ่อนโยน กลายเป็นดูสั่นกลัวเหมือนคนกระทำผิดและกำลังกลัวเธอลงโทษ ร่างกายเขาสั่นไหวเล็กน้อยขณะที่ลุกยืนก้มหน้าสำนึกผิด

    "ผมผิดไปแล้วครับ! ครั้งนี้กระผมสะเพร่าเอง ต้องขออภัยคุณผู้หญิงจริงๆครับ!" 

    '!?'

    ฉันแทบหลุดบทนึกชื่นชมคุณพระเอกในใจ สมกับที่เป็นตัวเอกการแสดงของเขาดูไหลรื่นมาก เหมือนสวมตัวละครจริงๆ ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรมากเลย 

    "หึ! น้ำหน้าอย่างนายน่ะเหรอ.. ขนาดแค่รองเท้ามียี่ห้อยังดูไม่เป็น!" ฉันยิ้มเหยียดพร้อมกับแตะแก้มเอเดรียนผลักไปอีกด้านเบาๆ แต่เอเดรียนทำให้มันดูรุนแรงขึ้น จนเหมือนว่าเธอตบหน้าเขาหันไปอีกทางจริงๆ 

    "ฉันจะบอกคุณพ่อให้ไล่คุณออก! แล้วอย่าสะเออะมาให้ฉันเห็นหน้าอีก!" ฉันมองเขาด้วยสายตาดูถูก เด็กหนุ่มชะงักไปที่ได้ยินเช่นนั้น เขาหันกลับมาด้วยดวงตาที่ดูสั่นไหว

    "ผมขอโทษครับคุณผู้หญิง! ผมสัญญาว่าจะไม่ทำเช่นนี้อีก แต่... แต่อย่า-ได้โปรดอย่าไล่ผมออกไปเลยครับ! ครอบครัวผมหวังพึ่งผมกับงานนี้จริงๆ...ผมยังมีคนป่วยที่บ้านที่ต้องดูแล" 

    เอเดรียนเดินมาเกาะแขนฉันอย่างกระวนกระวายใจ เสียงเขาเอ่ยอย่างแหบพร่าแลดูสิ้นหวัง 

    ถ้าใครมาเห็นเขาตอนนี้คงจะนึกสงสารจับใจแน่ๆ แต่ฉันที่ตอนนี้เป็นคุณหญิงขี้วีน ไม่เคยตกตระลำบากไม่เคยเห็นหัวใครนอกจากเรื่องตัวเอง หรือจะเข้าใจความยากลำบากของคนหาเลี้ยงชีพไปวันๆ 

    "อย่ามาแตะตัวฉัน!" เธอปัดแขนเขาทิ้งเหมือนรับไม่ได้ แล้วฉันตบหน้าเขาอีกครั้ง..แน่นอนล่ะว่าเอเดรียนเขาแกล้งทำเหมือนว่าเธอตบมาอย่างรุนแรง

     "อี๋..นายมันน่าขยะแขยง" ฉันทำท่าเช็ดมือกับผ้าเช็ดหน้าที่มโนขึ้นมาเอง  

    ดวงตาสีเขียวของเขากำลังสะท้อนถึงความเศร้าและอัปยศ เขายืนก้มหน้านิ่งไม่ไหวติ่งแต่มือของเขากับสั่นเทาเหมือนอดกลั้นมันไว้มาก 

    "รีบเก็บของแล้วไปให้พ้นหน้าฉันซะ!" เธอเอ่ยก่อนทำท่าจะเดินจากไป  

    "อ๊ะ..! ระวังพื้นตรงนั้นผมเพิ่งล้างไป"  อยู่ๆเอเดรียนก็พูดขึ้นมาไม่มีปี่มีขลุ่ย 

    เล่นส่งบทมาแบบนี้... คิดว่าฉันควรทำยังไงดีล่ะ 

    ล้มสิคะ!?

    "กริ๊ด!" เธอร้องอย่างตกใจก่อนที่จะล้มลง ฉันทำท่าเหมือนว่าอับอายและเจ็บมาก ทั้งที่เธอไม่ได้ล้มเจ็บอะไรเลย ฉันหันมาสำรวจตัวเองด้วยความตกใจ

    "ชุดฉัน! กระโปร่งเดรสของฉัน!?" เธอหน้าแดงและรู้สึกโมโหเหมือนว่าเขามาทำลายชุดเธอ ทั้งที่ตัวเองล้มเองแท้ๆ...ฉันหันไปถลึงตาใส่เขา

    "นายจงใจแกล้งฉัน!?" เธอมองเขาอย่างโกรธแค้นและอับอาย ในขณะที่ในใจก็ร้อง

    'อยู่ๆก็ส่งบทมาแบบนี้ฉันเลยคิดบทไม่ทัน นี้จงใจแกล้งให้เธอล้มแน่ๆ!'

    "ผมขอโทษ...ให้ผมได้ช่วยคุณนะ" เอเดรียนทำหน้าเสียใจอย่างสุดซึ้ง เขายื่นมือมาให้เธอจับ ฉันมองเหมือนเห็นสิ่งสกปรกแต่ไม่มีทางเลือก 

    ฉันยื่นมือไปวางอย่างไม่เต็มใจ มันจึงไม่ได้จับแน่นอะไรเมื่อเขาดึงเธอลุกขึ้นก็เลยกลายเป็นว่าเธอล้มไปอีกครั้ง แต่ที่ผิดคาดคือเอเดรียนก็ล้มลงมาด้วยเพราะเขาเสียหลัก 

    "อ๊ะ" เขาอุทานเมื่อใบหน้าพวกเราใกล้กันมาก ท่าทางตอนนี้คือฉันโดนเขาคร่อมโดยเด็กหนุ่มข้างบน มือสองข้างของเอเดรียนยันพื้นเอาไว้เหนือหัวเธอ ฉันเกือบจะผลักเขาออกแล้ว

    แต่นึกขึ้นได้ว่าพวกเรากำลังแสดงละครกันอยู่ ฉันจึงนอนนิ่งรอดูว่าคุณพระเอกจะส่งบทอะไรมาให้เล่นอีก...

    แต่อนิจจา...ดวงตาสีมรกตงดงามตรงหน้า ไม่ได้เหลือบขึ้นมามองที่เธอเลยแต่กลับไปโฟกัสที่ริมฝีปาก.. 

    อึก

    ฉันเม้มริมฝีปากด้วยความประหม่า ดวงตาสีเขียวนั้นก็ยิ่งเป็นประกายแสงจ้ามากขึ้น


    "จะอยู่ท่านี้อีกนานไหม.." เธอกระซิบพร้อมกับเบี่ยงหน้ามองไปทางอื่น หวังว่าท่าทางเช่นนี้จะทำให้เขาได้สติขึ้นมา

    "อะ เอ่อ.." เด็กหนุ่มเหมือนได้สติ เขากระพริบตามองเธอปริบๆเหมือนกำลังประมวลผล ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นยืนและพยุงเธอลุกตามขึ้นมา 

    "ขอบใจ" เธอกล่าว

    ก่อนที่เขาจะนั่งมองเธอนิ่ง

    "อะไร?" เธอถามอย่างระแวง 

    "เธอคิดว่าเราควรเพิ่มบทจูบเข้าไปไหม" เขาถามคำถามที่เกือบทำให้ฉันเซล้มทั้งยืน 

    "ฮะ!" เธอส่งเสียงหัวเราะ ก่อนจะถามไปอีกครั้งเผื่ิอคิดว่าตัวเองหูฝาด

    "นายว่าอะไรนะ?" 

    "เธอคิดว่าเราควรเพิ่มจูบเข้าไปไหม ธีมที่เราแสดงเกี่ยวกับเทพนิยาย ถ้าเปรียบตัวเอกชายเป็นซินเดอเรลล่าเราควรเพิ่มบทจูบเข้าไป? ให้เขาวิ่งหนีจากความรัก ไม่ใช่ซินเดอเรลล่าที่วิ่งหนีความรัก มันอาจจะทำให้เนื้อเรื่องดูมีความคิดแหวกแนวมากขึ้น" 

    เอเดรียนพูดอีกครั้งด้วยสีหน้าปกติเหมือนกับว่าเขาคิดมาดีแล้ว แต่ก็ยังมีน้ำเสียงผสมดูไม่แน่ใจ เหมือนคิดว่าเรื่องมันจะออกมาดีไหม ดูจริงจังกับการแสดงสุดๆจนฉันแทบอยากจะปรบมือนับถือ

    แต่เธอก็คิดว่านั่นไม่ใช่ประเด็นที่ต้องโฟกัสสิ! จูบเลยนะนั่นน่ะมันคือจูบ! 


    "ฉะ ฉันไม่รู้.. มันทันสมัยแล้วเหรอ" ฉันตอบด้วยใบหน้าเหลอหลา แต่ความจริงแล้วไม่ใช่แค่สีหน้าแต่สติเธอก็หลุดไปแล้วล่ะ 

    "ไม่แน่ใจ หรือเธอมีความคิดอื่น" เขาถามเหมือนจนปัญญา 

    แน่นอนว่า..ไม่! เธอส่ายหัวอย่างจนปัญญาเช่นกัน  ก่อนที่ดวงตาสีเขียวจะเป็นประกายเหมือนกับว่าเขาดูสนุก

    "งั้นมาลองกันเถอะ" เอเดรียนว่าอย่างยิ้มแย้มแจ่มใส ดูไม่ทุกข์ไม่ร้อนอะไรเลยจนฉันเหงื่อตก

    "เดี๋ยวนี้เลยเหรอ!" เธอว่าเสียงสูงด้วยใบหน้าที่ขึ้นสีแดง ใบหน้าของเด็กหนุ่มดูสลดไปทันทีเมื่อฉันถอยหนี

    "หรือเธอรังเกียจ?" 

    "ไม่! ไม่ใช่..."  เธอนึกถึงตอนที่แคทนัวร์ทำเมื่อตอนนั้น.. ครั้งก่อนก็ไม่ได้รังเกียจอะไรนะ..ก็แค่ปากแนบกันเฉยๆ? 

    ถึงแม้ว่ามันจะเป็นแค่เหตุสุดวิสัยก็เถอะ

    "ว้าว..แปลว่าเธอรู้สึกตระตือรือร้นที่จะจูบฉันด้วย" เอเดรียนยิ้มแย้มเขาพูดล้อเลียนเหมือนตอนที่เป็นแคทนัวร์  

    เขารู้ตัวไหมนะว่าได้เผลอแสดงคาแรสเตอร์แคทนัวร์ออกมาแล้ว

    "ฉันเปล่า! นายทำเสียงเหมือนแคทนัวร์เลย ตอนที่เขากำลังเจ้าชู้ใส่คนอื่น" เธอจี้ปมเขาเข้าให้จะได้อยู่เงียบๆไปซะ แล้วก็ได้ผลเมื่อเดรียนชะงักเขาดูวิตกเล็กน้อยก่อนที่จะกลับมาทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    "แคทนัวร์เขาเจ้าชู้?" เขาถามเหมือนไม่รู้ ฉันลอบยิ้มเยาะในใจ

    "ใช่ ทั้งเจ้าชู้ทั้งอวดดีเลยล่ะ" เธอตอบเสียงมั่นใจพร้อมกับลงเน้นเสียงตรงเจ้าชู้ตัวใหญ่ๆ 

    "เธอรู้ได้ยังไง?" เขาถามจนฉันเกือบสำลัก ฉันกลับไปยิ้มบางก่อนจะตอบเสียงเบา

    "เพราะฉันโดนแคทนัวร์ช่วยไว้ตอนโดนอาคุม่าตามล่าเมื่อสามวันก่อนไงล่ะ ฉันได้อยู่กับเลดี้บัคและแคทนัวร์เลยรู้ไง" 

    เมื่อฉันอธิบายจบเอเดรียนก็ทำท่าร้องโอ้พึมพำว่าอย่างนี้งี้เอง.. 'เกือบไปแล้วไหมละเรา' ฉันลอบเช็ดเหงื่อข้างขมับ

    "ฉันไม่รู้ตัวเลยว่าแสดงแบบนั้นไป..แต่บางครั้งฉันก็อวดดีจริงๆ แต่ก็ต้องพยายามปกปิดมันเอาไว้" 

    "ทำไม?" 

    "เพราะผู้หญิงไม่ชอบผู้ชายที่อวดดีและหยิ่งน่ะสิ" เอเดรียนตอบพร้อมยักไหล่ 

    "...." ฉันพยักหน้าเข้าใจ ถ้าฉันทำตัวไม่สมเป็นผู้หญิง ผู้ชายก็คงไม่ชอบเช่นกัน

    เพราะฉันบางครั้งก็ไม่สามารถทำตัวเรียบร้อยได้ตลอดรอดฝั่งได้จริงๆ(?) เอ๋ แต่เดี๋ยวนี้ฉันรู้สึกว่าตัวเองเริ่มรักษาภาพลักษณ์คุณหนูไว้ไม่ได้แล้วล่ะ

    ตกลงฉันยังเหลือภาพลักษณ์ หญิงสาวผู้เรียบร้อยอ่อนโยนอยู่ไหมนะ

    "ไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนหรอก ทำไมนายไม่ลองแสดงตัวตนของนายให้ฉันดู แล้วมาดูกันว่าฉันจะชอบนายน้อยลงหรือเปล่า" ฉันเอ่ยปลอบพร้อมแนะนำวิธีที่เขาจะได้แสดงนิสัยตัวเองออกมาได้ ถ้าไม่ทำอย่างนั้นเอเดรียนอาจจะหาจุดยืนของตัวเองไม่ได้

    ที่เขาลงทุนดื้อกับคุณพ่อเพื่อให้ได้มาโรงเรียน ก็เพราะหาสถานที่สามารถแสดงนิสัยตัวเองออกมาได้ไม่ใช่หรือยังไง..?

    "..." เอเดรียนมองเธอนิ่งเหมือนเขามองอะไรสักอย่างที่ดูประหลาด จนฉันต้องคิดย้อนกลับไปว่าตัวเองพูดผิดไปที่ตรงไหน ทำไมเขาจ้องเธอนิ่งจัง..

    "ฉันจะทำอย่างที่เธอแนะนำก็ได้..แต่มันคงไม่แฟร์กันเท่าไหร่" เอเดรียนว่าเขาลูบคางตัวเองก่อนจะเอ่ยต่อ

    "ถ้าเธอยอมแสดงนิสัยตัวเองต่อหน้าฉัน ฉันก็จะแสดงนิสัยจริงๆต่อหน้าเธอด้วย ฟังดูเป็นธรรมดีมั้ย?"

    "นิสัยของฉัน..." เธอเอ่ยเสียงเบาหวิว นิสัยจริงๆที่ฉันพยายามปกปิดมันไว้น่ะหรือ เขาพูดแบบนี้แปลว่าเอเดรียนรู้สินะว่าเธอไม่ได้แสดงความรู้สึกจริงๆต่อหน้าเขา

    ฉันลอบถอนหายใจ ก่อนจะหลับตาลงเหมือนขอเวลาคิดข้อเสนอนั้นก่อน...ทีจริงมันก็ไม่ได้มีอะไรเสียหายเลยสักนิด แต่ฉันก็ต้องทำทีเหมือนขบคิดอย่างหนัก

    "ถ้านายจะไม่มาเสียใจทีหลังที่ได้รู้จักนิสัยของฉันล่ะก็...ได้ ตกลง"  

    ฉันยื่นมือไปข้างหน้า คุณพระเอกก็ยื่นมือมาจับ

    "ดีล/ดีล"

    ฉันกับเอเดรียนพวกเรายิ้มให้กันพร้อมเขย่ามือเป็นพิธี โดยที่ในใจฉันก็คิดเรื่องสนุกที่กำลังจะเกิดหลังจากนี้



    ถ้าคุณพระเอกรู้นิสัยจริงๆของฉันล่ะก็...


    เขาอาจจะเสียใจก็ได้ที่กล่าวข้อเสนอนี้ขึ้นมา 



    --------------------------------------------------------------------------------------------------

    50%


    วันถัดมาฉันได้รับอนุญาตให้ไปโรงเรียนได้ ฉันรู้สึกตระตือรือร้นสุดๆที่จะได้ไปโรงเรียนวันนี้

    อย่างน้อยไปโรงเรียนก็ดีกว่าหมกตัวอยู่แต่ในห้องทั้งวัน

    "นาธานนนน!"  เสียงใสไปก่อนตัวเสียอีก ฉันเดินเพื่อเข้าห้องเรียนก็เจอกับนาธาเนียลระหว่างทางพอดี 

    หมับ! 

    "คิดถึงนายจังเลย ไม่ได้คุยกันตั้งสามวัน" ฉันกระโดดกอดคอนาธานจากข้างหลังอย่างอารมณ์ดี เด็กหนุ่มเกือบเสียหลักล้มเพราะไม่ได้ตั้งตัว 

    เขาหันมามองเธออย่างตื่นๆก่อนจะยิ้มอย่างโล่งอกออกมาเมื่อเห็นว่าเป็นเธอ

    "ไดอาน่า..! ฉันคิดว่าเธอจะไม่ได้มาเรียนซะแล้ว" นาธานลูบหัวเธอเหมือนเอ็นดู ฉันยิ้มหวานพร้อมกับกอดแขนเขาเข้าไปในห้องเรียน 

    "ไดอาน่าเธอมาเรียนได้แล้วเหรอ!" อัลย่าเป็นคนแรกที่เห็นเธอ มาริเน็ตที่นั่งข้างๆอัลย่าก็เงยหน้าขึ้นมามองก่อนจะยิ้มทักทายฉันกับนาธาน 

    '?' ฉันแอบเห็นว่ามาริเน็ตชะงักตอนมองมาที่มือฉันเกี่ยวแขนนาธานไว้อยู่ แต่มันเกิดขึ้นเพียงพริบตาเดียวเท่านั้นฉันจึงไม่ได้เอะใจอะไร

    "สวัสดีไดอาน่า สวัสดีนาธาเนียล" มาริเน็ตเอ่ยยิ้มแจ่มใสดูปกติ ฉันก็ยิ้มหวานตอบ


    "อรุณสวัสดิ์ทั้งสองคน" หลังจากทักทายเพื่อนๆในห้องเสร็จ ฉันก็ลากนาธานนั่งลงประจำที่ตัวเอง ก่อนที่จะหันไปมองเพื่อนชายข้างๆด้วยสายตาเป็นประกายวิบวับ


    "เธอ...ดูอารมณ์ดีกว่าปกตินะ? เจอเรื่องดีมาเหรอ" นาธานถามอย่างสงสัยพร้อมเหงื่อตกเล็กน้อย ฉันก็ยิ่งยิ้มหวานพร้อมตาเป็นประกายมากขึ้น 

    "มีคนบอกให้ฉันแสดงนิสัยตัวเองรอบๆตัวเขาด้วย นาธานคิดว่าเป็นไง" เธอถามเกริ่นด้วยท่าทีดูซุกซนเหมือนกำลังรอดูเรื่องสนุก 

    มีเพียงแค่นาธานคนเดียวที่ได้เห็นฉันในมุมมองแบบนี้ เพราะว่าเขาคือเพื่อนสนิทคนเดียวที่ฉันไว้วางใจ นาธาเนียลรู้ว่าฉันไม่ได้เรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้อย่างที่เห็นจากภาพลักษณ์

    จริงๆแล้วฉันขี้แกล้งกว่าที่ใครคิด 

    "ใครคนนั้นต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ.." นาธานเอ่ยอย่างไว้อาลัยล่วงหน้า ทำให้ฉันแอบเตะขาเขาจากใต้โต๊ะกับความโอเวอร์ของเขา?

    ในตอนที่ฉันก็นั่งข้างนาธาเนียลปกติ อยู่ๆโคลอี้และลูกสมุนหนึ่งเดี่ยวของเธอก็เดินมาที่โต๊ะพวกเรา พร้อมกับวางอะไรไว้บนโต๊ะ

    ปุบ

    ฉันเงยหน้าขึ้นมองอย่างสงสัย เมื่อโคลอี้หยิบบัตรโรงหนังอะไรสักอย่างมาตรงหน้าเธอ ฉันหยิบขึ้นมาดูอย่างสนใจว่ามันคืออะไร..

    รอบฉายหนัง?


    "เลดี้ไดอาร่าสนใจไปดูหนังด้วยกันกับพวกเราไหม? เธอจะได้ไม่ต้องมาใช้เวลาอยู่กับผู้ชายขี้แพ้คนนี้" โคลอี้เอ่ยขณะที่มีซาบรีน่าตามหลังมาอย่างทุกที 

    โคลอี้ยิ้มเยาะตอนที่พูดว่าขี้แพ้หันไปทางนาธาเนียล 

    กึก

    เมื่อเรียวที่หยิบบัตรชะงักทันที

    "คุณพ่อของฉันบอกว่าถ้าเธอสนใจจะมาด้วยกันล่ะก็ท่านจะพาไปดูโรงรอบปฐมทัศน์ก่อนที่ภาพยนต์จะออก ถ้าเธอต้องการล่ะก็ขอเพียงแค่บอก" โคลอี้พูดยิ้มๆดูมั่นใจมากว่าไดอาน่าต้องมากับเธอแน่ 

    โดยที่ไม่รู้เลยว่ารอยยิ้มของไดอาน่าค่อยๆเลือนหายไป เส้นเลือดตรงขมับของไดอาน่าเริ่มเต้นตุบๆ

    ปัง!

    "อย่ามาเรียกเพื่อนฉันว่าไอ้ขี้แพ้นะ!"  ฉันเอะอะกับโคลอี้ นาธานรีบดึงฉันเอาไว้ทันทีเมื่อเห็นเพื่อนสาวดูโมโห

    "ใจเย็นไดอาน่า!" 

    "แต่ว่า.." ไดอาน่าหันไปมองนาธาเนียลเหมือนสื่อว่านายยอมไปได้ยังไง แต่นาธานส่ายหัวพร้อมสื่อทางสายตาว่าไม่อยากให้เธอต้องไปเสียเวลาทะเลาะกับโคลอี้

    แต่กลับกันถ้าโคลอี้กล้าว่าไดอาน่า นาธาเนียลก็พร้อมจะใส่ไปสักตั้งเช่นกัน...

    เสียงตบโต๊ะเมื่อกี้เรียกความสนใจจากเพื่อนๆในห้องได้ดี ร่วมถึงบุคคลที่เพิ่งเดินเข้ามาใหม่ด้วย

    "ทำอะไรน่ะโคลอี้" เสียงทุ้มต่ำเอ่ยจากด้านหลังของโคลอี้ 

    โคลอี้ที่กำลังอึ้งอยู่หันไปมอง เมื่อเห็นว่าเป็นใครเธอก็ร้องออกมาอย่างดีใจพร้อมกับวิ่งไปกอดแขนคนมาใหม่ไว้ 

    "เอเดรียน!" เมื่อเห็นว่าใครมาโคลอี้ก็เริ่มดึงความสนใจเพื่อนสมัยเด็กของเธอทันที 

    "ดูไดอาน่าสิ เธอโมโหอะไรไม่รู้ฉันกำลังช่วยเขาอยู่แท้ๆ เธอน่าจะขอบใจฉันมากกว่า" โคลอี้บ่นพร้อมกับเหล่มองมาที่ไดอาน่า โคลอี้ทำสีหน้าเหมือนกับว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม 

    "เกิดอะไรขึ้น?" เอเดรียนตามเรื่องไม่ทัน เขาเอ่ยถามอย่างฉุดงงเพราะเขาเพิ่งมาถึง

    "ก็-" โคลอี้กำลังพูดแต่ทว่ามีเสียงหนึ่งรีบแทรกขึ้นมาก่อน

    "เมื่อกี้โคลอี้ไปดูถูกนาธาเนียลว่าไอ้ขี้แพ้ไดอาน่าเลยโกรธน่ะสิ เธอควรขอโทษนาธาเนียลมากกว่านะโคลอี้!" 

    มาริเน็ตที่นั่งอยู่กับอัลย่าลุกขึ้นพูดอย่างอดไม่อยู่ เมื่อเธอเห็นว่าโคลอี้กำลังฟ้องเอเดรียนอยู่ เธอกลัวว่าเอเดรียนจะเข้าใจไดอาน่าผิดๆ

    "กลับไปท่องภาษาโง่ๆของเธอต่อเถอะมาริเน็ต!" โคลอี้เถียงกลับไปอย่างหงุดหงิดที่เห็นคนเข้ามาสอดระหว่างเธอกำลังพูด

    "ว่าไงนะ!?" มาริเน็ตเตรียมเดินไปเอาเรื่องแต่ก็โดนอัลย่าดึงรั้งเอาไว้ มาริเน็ตที่ได้ยินถึงกับฟิวขาด เมื่อโคลอี้กำลังด่าถึงภาษาจีนที่มาริเน็ตกำลังท่องจำเพื่อนำไปเสนอละครอยู่

    ฉันมองสลับระหว่างมาริเน็ตและโคลอี้ไปมา มาริเน็ตดูโกรธมากกว่าที่เธอคิด พร้อมกับประโยคเมื่อกี้ของโคลอี้ทำให้ฉันตาโตเบาๆ

    'โอ้..นี่โคลอี้ไปเอาความมั่นใจมาจากไหน ถึงได้กล้ามาด่าภาษาที่ยากที่สุดเป็นอันดับสามเลยนะ'

    ไดอาน่าที่ตอนแรกโมโหสุดๆก็เริ่มใจเย็นลงแล้ว แต่เธอก็ยังเคืองโคลอี้ที่กล้ามาว่ามะเขือเทศน้อยของเธออยู่

    'ระวังตัวเถอะโคลอี้.. ระหว่างทางกลับบ้านระวังวูบ!' ฉันคิดในใจอย่างชั่วร้าย พร้อมกับโคลอี้ที่อยู่ๆก็รู้สึกเสียวสันหลังวูบขึ้นมา

    ฉันเริ่มเห็นมาริเน็ตและโคลอี้เตรียมวางมวยกันแล้ว เธอก็อดเข้าไปแทรกไม่ได้ก่อนที่เรื่องมันจะไปไกลกว่านี้ 

    แต่อย่างนั้นฉันก็อยากให้โคลอี้มาขอโทษนาธาเนียลเสียก่อน!

    "ฉันขอถามหน่อย เธอกำลังช่วยอะไรนอกจากกำลังว่าเพื่อนฉันอยู่" ไดอาน่ากอดอกดันหน้าอกตัวเองขึ้น 

    ดวงตาสีฟ้าสดใสของเด็กสาวดูขุ่นมัว ยืนแผ่บรรยากาศกดดันเต็มที่ ขนาดนาธานยังต้องถอยออกมายืนห่างๆ 

    เพื่อนๆในห้องต่างหยุดชะงักกิจกรรมทุกอย่าง แล้วพร้อมใจกันหันมาให้ความสนใจกับโคลอี้และไดอาน่าที่กำลังยืนประจันหน้ากันอยู่ 

    "แม่เจ้า..ฉันไม่เคยเห็นสีหน้าแบบนี้ของไดอาน่าเลย" นีโน่พูดกระซิบเบาๆกับอัลย่าที่กำลังอ้าปากเหวอร่วมกับมาริเน็ตอยู่

    "ดูโคลอี้สิ เธอหน้าเจื่อนไปเลย" อัลย่าหันไปพูดกระซิบให้มาริเน็ตและนีโน่ฟังอย่างสะใจ เพราะว่าโคลอี้ก็ถือเป็นแฟนคลับคนหนึ่งของไดอาน่า.. แต่ไม่แน่ใจว่าหลังจากนี้ไปโคลอี้จะยังคงชอบไดอาน่าอยู่หรือเปล่า 

    "ฉะ ฉันหวังดีหรอกนะ..เพราะว่าไม่อยากให้คนระดับเธอต้องไปหมกตัวอยู่กับไอ้ขี้แพ้แบบนั้น-" 

    "nĭ zhēn ràng wŏ ě xīn!

    'หนี่ เจิน ย่าง หว่อ เอ่อ ซิน'


    !?

    อยู่ๆไดอาน่าก็พูดออกมาเป็นภาษาจีนดังๆ เพื่อนๆต่างได้ยินกันชัดเต็มสองหู..

    ??? 

    โคลอี้ยืนทื่อทันทีเพราะว่าเธอฟังไม่ออกว่าไดอาน่ากำลังพูดอะไรอยู่  ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไดอาน่าด่าหรือพูดอะไร เพราะว่าไดอาน่ากำลังยิ้มหวานอยู่..

    "เมื่อกี้เธอพูดว่าอะไรนะ.." อัลย่าสะกิดศอกถามมาริเน็ตที่ยืนทึ่งอ้าปากเหวอหลายนาที ก่อนที่มาริเน็ตจะส่ายหัวรัวๆ

    "ฉะ ฉันก็แปลไม่ออกอ่ะ..แต่เธอพูดชัดมากเลย" มาริเน็ตพอพูดภาษาจีนได้นิดหน่อยเพราะแม่เธอเป็นคนจีน แต่ถึงอย่างนั้นมาริเน็ตก็ไม่ได้ฝึกภาษาจีนมากเท่าไหร่ ก็พอพูดแนะนำตัวเองได้และฟังออกนิดหน่อยเท่านั้นเอง

    แต่ก็มีคนหนึ่งในห้องที่ฟังและแปลออก..

    "เฮ้! ถ้านายรู้ก็บอกฉันหน่อย!" นีโน่เดินมาสะกิดถามเอเดรียนที่กำลังเอามือปิดปากตัวเองไว้ พร้อมกับร่างกายที่สั่นไหวเล็กน้อยเพราะว่าเจ้าตัวกำลังกลั้นขำ นีโน่เลยรู้ว่าเอเดรียนน่าจะแปลออก เพราะเหมือนเอเดรียนจะเคยบอกว่าเขาพูดและฟังภาษาจีนกลางได้

    "เธอบอกว่า You make me sick!"  

    แปลว่า[คุณทำให้ฉันรู้สึกขยะแขยง!] 


    เอเดรียนกระซิบให้ได้ยินกันแค่สองคน นีโน่อ้าปากเหวอทันทีที่ได้คำแปลจากเอเดรียน อย่าว่าแต่นีโน่ที่อึ้งเลย ขนาดเอเดรียนเองยังไม่คิดว่าไดอาน่าจะกล้าพูดออกมา 

    ถึงแม้จะเป็นภาษาอื่นก็เถอะ..

    "ฮึ! สงสัยไดอาน่าคงอยู่กับมาริเน็ตมากเกินไป เธอเลยได้รับเชื้อภาษาโง่มาจากมาริเน็ตด้วย" โคลอี้ยักไหล่พร้อมเถียงกลับไปอย่างไม่ยอมรับ 

    "เอ๊ะ! นี้เธอ" มาริเน็ตหันขวับมามองโคลอี้ที่จิกกัดเธออีกแล้ว

    "...."

    ไดอาน่าที่ได้ยินไม่ได้โมโหไปตามคำยัวยุของโคลอี้ เธอกลับมายิ้มหวานอีกครั้งพร้อมกับตอกกลับไปนิ่มๆ


    "โคลอี้...ถึงนาธานจะไม่ได้เกิดมาร่ำรวยอย่างเธอหรือฉัน.. แต่เธอก็ไม่มีสิทธิ์ไปดูถูกคนอื่น หรือมาพูดดูถูกมาริเน็ต เพราะมันบอกถึงมารยาทของคนที่สอนเธอมา"


    ฮือฮา ฮือฮา

    "....!"

    ประโยคคำพูดนี้ทำให้โคลอี้หน้าเจื่อนไปเลย เธอเม้มริมฝีปากแน่นก่อนจะเอ่ยพูดเร็วๆแล้วหันกลับไปนั่งที

    "ตามใจเธอก็แล้วกัน! ฉันอุสาเตือนเพราะชอบเธอหรอกนะ ถ้าเสียใจเมื่อไหร่ก็มาทางนี้ได้ทุกเมื่อ" โคลอี้ว่าพร้อมกับซาบรีน่าที่ถอยทัพไปนั่งที่ตัวเองอย่างอารมณ์เสีย 

    'เธอน่ะสิจะเสียใจ!'  ฉันกู่ร้องในใจลับหลังโคลอี้ ถ้าไม่ใช่เพราะนาธานทำหน้าไม่อยากให้มีเรื่องกันล่ะก็นะ 

    ถึงเป็นลูกสาวนายกเทศมนตรีฉันก็ไม่ยอมหรอก..! 

    เพื่อนๆเห็นว่าทุกอย่างคลี่คลาย ก็เริ่มกลับไปนั่งทีเพราะมันใกล้ถึงเวลาเริ่มเรียนชั่วโมงแรกแล้ว

    "ไดอาน่า" แรงสะกิดทำให้ฉันได้สติหันมามองเพื่อนชายตัวเอง 

    "ฉันจะไปนั่งกับโรสนะ ฉันต้องไปเตรียมตัวเรื่องการแสดงวันนี้" นาธานว่าพร้อมชี้ไปที่โรส เด็กสาวหน้าตาน่ารักจากโต๊ะอีกฝั่งก็โบกมือให้ 

    "โอเค" ฉันโบกมือทักทายโรสกลับพร้อมพยักหน้ารับรู้ให้นาธาน นาธานเห็นเช่นนั้นเขาก็ลุกออกไป 

    'นาธานได้แสดงคู่กับโรสเองสินะ' ฉันกวาดสายตามองรอบๆ ก่อนจะพบว่ามีเพื่อนบางคนที่ลุกไปนั่งที่อื่นที่ไม่ใช่ที่เดิมตัวเองเช่นกัน ส่วนโคลอี้ได้คู่กับอีวาน...ฉันไว้อาลัยให้อีวานในใจ

    ตุบ

    แรงขยับบางอย่างที่มานั่งแทนที่นาธานทำให้ฉันหันกลับมามองอย่างสงสัย ก่อนจะถูกตีแสกหน้าด้วยรอยยิ้มสว่างไสว..อุ แสบตา

    "ฉันนั่งด้วยคนนะ อัลย่าไปนั่งกับนีโน่แล้ว" เอเดรียนว่าพร้อมพยักเพยิดไปที่นั่งตัวเองที่มีเด็กสาวผิวแทนมานั่งแทน นอกจากอัลย่าย้ายที่แล้วยังมีอลิสเด็กสาวตัวเล็กของห้องก็ย้ายไปนั่งที่ของอัลย่าด้วย 

    ฉันจึงสรุปได้ว่าอัลย่าคงได้คู่แสดงกับนีโน่ และมาริเน็ตกับอลิส

    "เมื่อกี้เธอสุดยอดไปเลยนะ" เอเดรียนพูดขึ้นมาลอยๆ พร้อมกับเค้าคางมองเธอเหมือนว่าเขากำลังสนุก....ขอโทษเถอะนะ แต่เมื่อกี้ฉันโมโหจริงๆ! 

    "พอเห็นเธอเมื่อกี้นี้ ทำให้ฉันมีไอเดียดีๆขึ้นมา" เอเดรียนกล่าวทำให้ฉันหันไปมองเขา

    "โอ้ มันเกี่ยวกับเรื่องโยนโคลอี้จากหอไอเฟลใช่มั้ย?"  ฉันจ้องมองพร้อมพ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิด  

    "ไม่ใช่สิ" เอเดรียนส่ายหัวพร้อมพยายามซ่อนรอยยิ้ม เพราะไดอาน่าตอนนี้ดูเหมือนลูกแมวที่กำลังหัวเสียได้ทีเลย 

    "นอกจากจีนแล้วเธอพูดภาษาอื่นได้ไหม" เอเดรียนถามทำให้ฉันต้องมานั่งนับ

    "อืมม นอกจากจีนและที่เคยพูดถึงมาฉันก็พอพูดภาษาญี่ปุ่นได้นะ นายถามทำไม?" 

    "ฉันคิดว่าเราน่าจะพูดภาษาอื่นที่ไม่ใช่ภาษาฝรั่งเศสน่ะสิ เท่านี้พวกเราก็นินทาใครก็ได้เกี่ยวกับภาษาอื่น หรือเธอจะพูดภาษาจีนหรือญี่ปุ่นก็ได้ แล้วพวกเขาจะไม่เข้าใจว่าพวกเราคุยอะไร" 

    ตาฉันเบิกกว้างขึ้นเหมือนเพิ่งได้มองเอเดรียนเต็มๆตา ฉันคว้ามือเอเดรียนไว้พร้อมเขย่าๆรัวด้วยสายตาเป็นประกาย 

    "นั่นเป็นความคิดที่ดีมาก ทำไมฉันคิดไม่ได้นะ" 

    เสร็จฉันล่ะโคลอี้!

    "ฉันรู้ตัวดีว่าตัวเองฉลาด" เอเดรียนแกล้งปัดผมตัวเองเบาๆ พร้อมกับขยิบตาให้เธอ  

    ท่าทางเมื่อกี้ของเขาดูเหมือนแคทนัวร์สุดๆไปเลย นี้คงเป็นข้อตกลงที่เขาจะแสดงนิสัยตัวเองต่อหน้าฉันสินะ...

    รู้สึก..ดีใจดีมั้ยนะ?

    "นายดูเกเรกว่าที่ฉันคิดเยอะเลย แถมหลงตัวเองด้วย" ฉันยิ้มพร้อมเอ่ยล้อเลียนทำให้เขาหน้ามุ่ยทันที 

    "เฮ้ เธอเป็นคนที่บอกให้ฉันเป็นตัวของตัวเองนะ" เอเดรียนพูดปกป้องตัวเอง 

    อุ ทำไมอยู่ๆฉันก็รู้สึกว่าเขาดูน่ารักขึ้นมากันล่ะเนี่ย?

    แต่ก่อนที่พวกเราจะได้พูดคุยอะไรอีก คุณครูสาวบัสเทียร์ก็เข้าห้องมาเสียก่อน

    ปึก!

    "สวัสดีจ๊ะเด็กๆ ครูหวังว่าพวกเธอจะซ้อมกันมาแล้วว่าจะทำอะไรกับคู่ของตัวเอง เพราะพวกเธอจะต้องออกมานำเสนอกันวันนี้นะ" 

    ครูบัสเทียร์ตบโต๊ะเรียกความสนใจ เธอพูดออกมาด้วยสีหน้าใจดี แต่ประโยคคำว่านำเสนอตอนนี้ ทำให้เพื่อนในห้องต่างดูกระวนกระวายใจ พวกเขาหันมากระซิบกระซาบคุยกันเสียงดัง

    ยกเว้นฉันกับเอเดรียนที่นั่งมองอย่างสงบนิ่ง

    ไม่สิ ที่จริงแล้วข้างในฉันกระวนกระวายสุดๆไปเลย!?

    "เอ้าล่ะ ใครอยากออกมาก่อน?" ครูประจำวิชาถามพวกเราในห้อง  เสียงที่ดังเมื่อครู่ก็หยุดลงทันทีเหมือนมีคนไปปิดสวิชต์

    "..........."

    ความเงียบทั่วห้องที่รอคอยว่าใครจะออกไปก่อน ทำให้ฉันรู้สึกประหม่าเหมือนเมื่อชาติก่อนกลับมาอีกแล้ว  


    "ดีมากจ๊ะ เอเดรียนและไดอาน่าจะออกมานำเสนอก่อน" ครูสาวพูดจบก็เดินไปที่หลังชั้นของห้องเพื่อเตรียมรอดู

    อะไรนะ! 

    ฉันหันคอแทบเคล็ดทันที เมื่อเห็นว่าคนข้างๆตัวเองกลับยกมือขึ้นเด่นหรา ในขณะที่เพื่อนๆในห้องไม่มีใครกล้ายกมือออกมาด้วยซ้ำ

    เอเดรียนหัวเราะ

    "เอาน่าไปคนแรกจะได้เสร็จไวๆไง ลุกขึ้นเร็วเข้า" เอเดรียนคว้ามือเธอให้ลุกขึ้นเมื่อเพื่อนๆต่างปรบมือให้พวกเธอ ฉันจึงจำใจต้องลุกไปหน้าชั้นเรียนทั้งที่ใจยังไม่พร้อม 


    นี้พวกเราต้องจูบให้คนอื่นดูจริงๆเหรอเนี่ย!? 


    ตุบ  

    พวกเราเดินมาที่หน้าชั้นเรียน พร้อมกับสายตาเพื่อนๆที่มองมาอย่างสนใจ ฉันเห็นอัลย่าและนีโน่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเตรียมอัดวิดีโอ นอกจากนั้นยังมีนาธานที่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเตรียมไว้เช่นกัน

     
    "เธอพร้อมไหม?" เอเดรียนถามพร้อมกับกุมมือเธอสองข้างเอาไว้ระหว่างกัน ฉันย่นหน้าใส่ทันทีพร้อมกระซิบเสียงลอดไรฟัน

    "ทำไมไม่ถามฉันก่อนหน้าที่จะยกมือขึ้นล่ะ ฉันอาจจะให้คำตอบนายได้นะ" ฉันว่าเสียงขุ่นเคืองเบาๆ ทำให้เด็กหนุ่มที่ได้ยินหัวเราะออกมาเล็กน้อย 


    "ไม่ต้องกังวลเธอทำได้ดีมาก ทำเหมือนกับที่พวกเราซ้อมกันมาเมื่อวาน"  เอเดรียนกระซิบปลอบทำให้ฉันใจเย็นขึ้นมาบ้าง นั้นสิฉันจะไปกลัวอะไรกัน ก็แค่แสดงเหมือนเมื่อวาน..


    แต่เมื่อวานพวกเราไม่ได้จูบกันจริงๆซะหน่อย!  





    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++100%+++++++++++++++++++++++++++++++++++++
    ตอนนี้ยาวมาก ตัดไปตอนถัดไป

    วันก่อนโดนรุ่นน้องหิ้วกระเป๋าผิดไป เอาไปทั้งกระเป๋ามีโน๊ตบุ๊คกระเป๋าเงินเครดิตและบัตรประชาชน ถ้าหายคือหมดกันเลย T T น้ำตาซึมเลยเดินหาซะทั่ว ดีที่แฝดไปหาโรงอาหารเห็นพวกน้องเขากำลังคุยเล่นกันอยู่ ใกล้พากันกลับกันแล้ว 

    แต่เอากระเป๋าซ้อนทับไว้กับเพื่อนๆ ดีที่เราห้อยรูปเท็งงูจากเกมองเมียวจินไว้ แฝดจำได้เลยขอน้องเขาดูพอเห็นว่าเป็นของเราก็ขอคืน พร้อมหยิบกระเป๋าเงินรูปน้องกบสีเขียวเป็นหลกฐานว่านี้ของเรานะ 

    พวกน้องเขาไม่ขอโทษเลยอ่ะแต่ดูอึ้งๆเหมือนว่าถ้าเอาไปแล้วกระเป๋าตูล่ะ? แฝดเราเลยเดินมาเลยเพราะรอนานไม่พูดขอโทษสักคำ ไอ้เราก็น้ำตาไหลเลยตอนหาไม่เจอ มีแต่คนบอกให้ทำใจ T^T ดีนะที่แฝดหาเจอ จบด้วยการเลี้ยงน้ำมัน ฮือ 





    ถ้าใครเคยตามอ่านนิยายเรื่องอื่นของไรท์มาจะรู้ว่าไรท์วาดรูปเป็น( แต่ไม่ได้วาดบ่อยๆเพราะไม่มีเวลา)

    ลิงค์เครดิตภาพที่ไรท์วาดตาม จิ้มเข้าไปดูได้นะ ไรท์วาดขึ้นใหม่แต่เปลี่ยนตัวหลักออก(แฮ่) ชอบเอเดรียนร้องไห้มากมันน่ารักกกก!     



    ----------------------------------------------------------------------------------------------------
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×