ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ◆ IDEAL DOLL ◆ [YUNJAE]

    ลำดับตอนที่ #15 : - D o l l - 15. : แผนการของตุ๊กตา

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 184
      7
      8 ส.ค. 58

     

    ตอนที่ 15

     

     


              ยุนโฮรู้สึกได้ว่าแจจุงแปลกไปนิดหน่อย

                คือ มันก็ไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลอะไร ไม่ได้เกี่ยวกับความสามารถประหลาดๆ ของเจซอร์ซิสด้วย แต่ที่แปลกน่ะก็คือ พฤติกรรมต่างหาก จะว่ายังไงดีล่ะ

                แบบว่าขี้อ้อน...อะไรทำนองนั้น

                “ยุนโฮ เย็นนี้ เย็นนี้...ไป เอ่อ ไป” ขมวดคิ้วเล็กๆ เหมือนไม่แน่ใจ “ไปดูภาพยนตร์ เอ่อ ไม่ใช่ อ้อ ไปดูหนังกันมั้ย?”

                “หา”

                “ดูหนังไง”

                “รู้จักด้วยเหรอ ดูหนง ดูหนัง”

                “รู้จักสิ แจจุงเคยเห็นนะ” อธิบายอย่างกระตือรือร้น “ที่อยู่ในห้องมืดๆ กว้างๆ ดูจอใหญ่ๆ ที่เป็นสามมิติ”

                “อ่าหะ ทันสมัยเหมือนกันนี่เรา”

                อย่างที่คุณรู้ นี่ก็ผ่านมาเกือบ 70 ปีได้แล้ว เทคโนโลยีหรือนวัตกรรมต่างๆ ในโลกก็ก้าวหน้าไปอีกระดับ โรงภาพยนตร์ยังมีฉายเหมือนในอดีต เพียงแต่ได้ยกเลิกระบบจอสองมิติไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หนังทุกเรื่องที่เข้าฉายจะต้องมีการถ่ายทำและอัดเทปแบบสามมิติ เช่นเดียวกันในระบบสี่มิติก็มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังมีข้อจำกัดอยู่มาก เช่น หากเป็นภาพยนตร์ที่ค่อนข้างระทึกขวัญก็ไม่สามารถให้ผู้ที่มีโรคประจำตัวอย่างโรคหัวใจเข้าชมได้ เป็นต้น

                พล่ามเสียยาว ซึ่งก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับประเด็นที่ต้องการจะสื่อ เอาเป็นว่า เจ้าตุ๊กตาตัวน้อยเนี่ย ทำไมอยู่ๆ ถึงอยากจะดูหนังขึ้นมาได้ละเนี่ย?

                “ว่าแต่ ทำไมจู่ๆ ถึงอยากดูล่ะ”

                “ก็...” จะบอกยังไงดีล่ะว่ามันเป็นแผน...แต่ถ้าเป็นแผนก็บอกไม่ได้น่ะสิ “ก็อยากดูเฉยๆ อ่ะ ไม่ได้หรอ”

                พูดจบก็ทำตาแป๋วๆ แล้วกะพริบใส่อีกคนเลย

                ให้ตายเถอะ ไปเรียนท่าทางแบบนี้มาจากไหนเนี่ย

                “ไอ้ได้มันก็ได้อะแหละ” อืม...เดทหลังเลิกเรียน? ก็ไม่เลวนะ “อยากดูเรื่องอะไรอ่ะ”

                “เรื่องอะไรก็ได้ ยุนโฮเลือกเลย”

                “โอเค...งั้นก็ได้”

     

                เรียนต่ออีกแค่สองคาบออดเลิกเรียนก็ดังพอดี ยุนโฮกับแจจุงเก็บกระเป๋าและออกจากโรงเรียนอย่างไม่รีบร้อน เขาไม่ได้ชวนพวกยูชอน เพราะรู้ว่าเอสคลาสมีตารางแล็ปภาคค่ำวันนี้ และโชคดีที่ห้างสรรพสินค้าอยู่ไม่ไกลจากตัวโรงเรียน หนึ่งคนกับหนึ่งตุ๊กตาจึงใช้เวลาไม่มากนักในการเดินทาง พวกเขาไปดูรอบหนัง ก่อนยุนโฮจะเป็นฝ่ายเลือก มันเป็นหนังแนววิทยาศาสตร์ติดจะแอคชั่นนิดหน่อย จริงๆ เรื่องนี้ยุนโฮอยากดูมาตั้งแต่ออกตัวอย่างหนังมาแล้ว แต่เพราะมัวแต่ยุ่งๆ กับเรื่องตุ๊กตาตัวน้อย เขาก็เลยลืมไปเสียสนิท ซึ่งก็นับว่ายังมีโชคพอตัวที่มันยังไม่ออกจากโรงไปเสียก่อน

                “อีกตั้งชั่วโมงหนึ่งกว่าหนังจะฉาย ไปทำอะไรรอก่อนดีล่ะ” เอ่ยบอกพร้อมข้อเสนอ “ไปกินไอติมมั้ย วันนี้ร้อนอ่ะ อยากกิน”

                “ไอติม...ไอติม...ยุนโฮหมายถึง ที่เย็นๆ นุ่มๆ หรือเปล่า?”

                “ไอ้นั่นแหละ”

                “เขาเรียกไอศกรีมต่างหาก”

                “โวะ จะมาหลักภาษาอะไรกันตอนนี้ ไอติม ก็ไอติมเด้” พูดก่อนจะทำเป็นเมิน ก็จะเรียกไอติมอ่ะ มีปัญหาเปล่าล่ะ? ฮ่าๆๆ

                “นิสัยไม่ดีเลย” บ่นพึมพำก่อนจะทำหน้างอ แต่ก็ยอมเดินตามใครอีกคนต้อยๆ “แจจุงยังไม่เคยกินไอติมเหมือนกัน”

                “นั่นแน่ พูดตามแล้วอ่า” หันมาล้อเลียนอีกคน “ทำไมขี้ลอกจัง”

                คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอีก และดูเหมือนว่าคราวนี้ยุนโฮจะทำเจ้าตุ๊กตาตัวน้อยที่รอคอยแต่ความรักหงุดหงิดเข้าให้แล้ว “โอ๋ ล้อเล่นนิดเดียวเอง ไม่งอนสิ นะ”

                เอาอีกแล้ว...อาการแบบนี้

                พอยุนโฮมาทำเสียงน่ารักๆ ใส่แจจุงแบบนี้แล้ว ทำไมหัวใจต้องเต้นแรงๆ ทุกทีเลยนะ แย่จัง

               

                เป็นเพราะยุนโฮเป็นคนเลือกหนัง คราวนี้ก็เลยเป็นตาแจจุงบ้างที่จะเป็นฝ่ายเลือกร้านขนม เจ้าตุ๊กตาชี้ไปมั่วๆ ตามที่ตัวเองรู้สึกชอบ อันที่จริงก็ไม่รู้หรอกว่าจะอร่อยหรือไม่อร่อย เพราะไม่ว่าจะร้านไหนแจจุงก็ไม่เคยกินอยู่แล้ว แต่เห็นว่าร้านนี้มันน่ารักดีก็เลยเลือก ก็แค่นั้นแหละ

                เมนูที่ยุนโฮเลือกเป็นเค้กโรลรสนมกับไอศกรีมชาเขียว เสิร์ฟพร้อมผลไม้หั่นเล็กๆ กับช็อคโกแลต ส่วนของแจจุงเป็นพาร์เฟ่ต์สตรอว์เบอรี่...ชีสเค้ก อะไรก็ไม่รู้แหละ แต่แจจุงเห็นมันน่ารักดีก็เลยสั่งมา

                “อะไร มองกันแบบนั้นหมายความว่าไง”

                “.....”

                “ทำตาแป๋วๆ อีกแล้วนะ นี่ อยากกินของฉันหรือไง”

                “ก็...” เอ่ยเสียงเบา ราวกับขัดเขิน “ของยุนโฮดูน่ารักดีนี่”

                “อะไรเนี่ย ทำไมตะกละจัง” เป็นแค่ตุ๊กตาแท้ๆ

                “ไม่ได้ตะกละซักหน่อย” ทำหน้างออีกแล้ว “ไม่กินก็ได้”

                “โห่ยไร แค่นี้งอน” ทำเสียงล้อเลียน ก่อนจะตัดแบ่งไอศกรีมของตัวเองขึ้นมาเป็นคำเล็กๆ แล้วยื่นให้ “อ่ะ ให้”

                เห็นแบบนั้น มือขาวก็ทำท่าจะยื่นออกไปรับช้อนจากอีกคน แล้วเด็กหนุ่มกลับชักมือกลับ ก่อนจะส่ายหน้าไปมา

                “ไม่เอา อ้าปากดิ”

                “.....”

                “เร็วดิ”

                “จะทำอะไรอะ”

                “จะป้อนไง”

                “ไม่เอา แจจุงกินเองได้”

                “ไม่เอา จะป้อน”

                “ไม่อยากให้ป้อนอ่ะ”

                “ก็จะป้อน” โวะ ทำโรแมนติคๆ อ่ะเป็นไหม ตุ๊กตาตัวน้อยเอ๊ย

                “.....”

                “เร็วดิ” เร่งอีกครั้ง จนในที่สุดก็เหมือนว่าอีกคนจะยอมกันจนได้

                “อ้า” เห็นเจ้าตุ๊กตาตัวน้อยอ้าปากกลมๆ ออกเป็นรูโดนัทแล้วยุนโฮก็ได้แต่กลั้นหัวเราะ เฮ้อ...อะไรมันจะน่ารักได้ขนาดนั้น

                “อ้าม นะ อ้าม” เขาบอก ก่อนจะยื่นปลายช้อนเข้าไปใกล้ๆ และในจังหวะที่ปากกลมๆ กำลังจะงับลงมานั่นเอง มือไวๆ ก็ยกหนีก่อนจะป้ายเนื้อครีมนุ่มลงบนจมูกขาวทันที

                “อ๊ะ”

                “ฮ่าๆๆๆ”

                เสียงทุ้มหัวเราะดัง ก่อนจะค่อยๆ เงียบลงเมื่ออีกคนเริ่มเบะปากแล้วหันหน้าไปทางอื่นแทน ไม่แม้แต่จะหยิบอะไรมาเช็ดที่ปลายจมูก การกระทำที่เป็นเพียงการหยอกล้อ หารู้ไม่เลยว่าทำให้ใครอีกคนคิดเป็นตุเป็นตะไปถึงไหนต่อไหน

                ยุนโฮชอบแกล้งแจจุง...

                เคยอ่านในหนังสือ เขาบอกการแกล้งคือการรังแกคนที่เราไม่ชอบ...

                หรือว่ายุนโฮจะไม่ชอบแจจุงกันนะ

                “นี่ ไม่เช็ดจมูกหรือไง เลอะหมดแล้ว” ทำเป็นหาเรื่องทัก ทั้งที่จริงๆ ก็แค่อยากง้อเท่านั้นเอง “หันมานี่สิ เดี๋ยวเช็ดให้”

                แต่ก็ยังเงียบ

                เอาแล้วไง สงสัยโดนของจริงเข้าแล้ว

                “.....”

                “เฮ้ หันมาสิ”

                “ยุนโฮน่ะ” พูดเสียงเรียบๆ ทั้งๆ ที่ยังหันหน้าไปอีกทาง

                “หืม”

                “ยุนโฮทำไมถึงชอบแกล้งแจจุง” เอ่ยเสียงอ่อน “หรือว่า...ไม่ชอบแจจุงหรอ”

                อ้า...นี่มันชักจะไปกันใหญ่แล้วน่า

                หึ แกล้งเพราะไม่ชอบหรอ?

              ตรงกันข้ามเลยต่างหากล่ะ

                ไม่รู้ว่าเจ้าตุ๊กตาตัวน้อยจะรู้ตัวไหม แต่ไม่ว่าจะเป็นใครในโรงเรียน ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าสิ่งที่นักเลงชองยุนโฮของโรงเรียนเกลียดที่สุดก็คือการยุ่งย่ามเรื่องของคนอื่นนี่แหละ ยุนโฮไม่ชอบคบค้าสมาคมกับใคร และรักสันโดษ นอกจากยูชอน จุนซู ชางมิน ที่เป็นข้อยกเว้นแล้วเขาก็ไม่มีใคร เรื่องที่ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ก็อาจจะเป็นส่วนหนึ่ง แต่ประเด็นสำคัญหลักๆ ก็คือเขาไม่ต้องการยุ่งกับใคร ไม่รังแก แต่ก็ไม่ให้ความสนใจ ที่มีเรื่องอยู่ตลอดส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะหน้านิ่งๆ กับท่าทางไม่แยแสของเจ้าตัวนี่แหละ

                แต่กับแจจุงน่ะต่างออกไปเลย

                มันคงเป็นภาพที่ถ้าใครมาเห็นเข้าคงจะต้องแปลกใจน่าดู ที่ยุนโฮจะให้ความสนใจกับใครมากขนาดนี้ ทั้งหยอก ทั้งแกล้ง บางทีก็หัวเราะใส่ แม้ในสายตาของแจจุงยุนโฮจะเป็นแค่เด็กนิสัยไม่ดีธรรมดาคนหนึ่ง แต่เจ้าตุ๊กตาคงไม่อาจรู้...ว่าตัวเองน่ะสำคัญเป็นอันดับหนึ่งเลยสำหรับเขา

                ก็เพราะชอบนี่แหละถึงแกล้ง ไม่รู้หรือไง?

                “หึ” คิดอะไรเงียบๆ ในใจอยู่คนเดียวก่อนจะหัวเราะเบาๆ “คิดมากน่า”

                “.....” ก็ยังทำหน้าน้อยใจเหมือนเดิม

                “นี่ ตั้งแต่เกิดมาเนี่ย ฉันเคยเกลียดคนตั้งหลายคนนะ” เขาอธิบาย “แต่ที่แกล้งบ่อยๆ แบบนี้น่ะ นายคนแรก”

                “.....”

                “เห็นยัง ว่ามันไม่เห็นจะเกี่ยวกันตรงไหนเลย”

                แจจุงรู้สึกว่าตัวเองหน้าร้อนนิดหน่อย

                คล้ายว่าจะอยากยิ้ม ตอนที่ยุนโฮพูดคำว่า คนแรก ออกมา

                อะไรกันเนี่ย? สมองเขาต้องผิดปกติแน่ๆ โดนแกล้งเป็นคนแรกแล้วยังจะมาดีใจอีก!

                “น่ะ แอบยิ้มละ”

                “เปล่ายิ้ม” แต่แก้มนี่ตุ่ยเลย

                “อ่ะ ป้อนจริงไม่แกล้งและ”เขาตักโรลเค้กพอดีคำมาจ่อที่ปาก ตากลมมองอย่างไม่ไว้ใจนิดๆ ก่อนจะอ้าปากรับขนมเข้าไปเคี้ยวตุ้ยๆ และคราวนี้แหละ ที่อมยิ้มจริงๆ

                “ไง อร่อยอ่ะดิ””

                “อือ”

                “ไหนเอาของตัวเองมาแลกเลย” ไม่ต่างอะไรจากเด็กที่ประถมที่ขอเพื่อนเล่นของเล่นเป็นการแลกเปลี่ยนเลยสักนิด ตุ๊กตาตัวน้อยพยักหน้า ก่อนจะดันแก้วพาร์เฟต์ของตัวเองมาตรงหน้าเด็กหนุ่ม แต่ยุนโฮก็ยังไม่เลิกกวนประสาทด้วยการผลักมันกลับคืนพร้อมเอ่ยเสียงกระปอดกระแปด “เห่ย...เอาให้งี้ได้ไง”

                “.....”

                “ป้อนกลับมั่งดิ”

                “เรื่องมากจัง” พูดไปอย่างที่ใจคิด พาลทำเอาคนท่าเยอะต้องเจ็บเหมือนโดนแทงใจดำนิดๆ

                ไม่ได้เรื่องมากสักหน่อย! ตัวเองแหละ โดนจีบแล้วยังไม่รู้ตัวอีกนะ!

                “นิสัยไม่ดี” เลียนแบบคำที่อีกคนชอบใช้เสียเลย

                “รู้แล้วน่า อ้าปากสิ”

                “อ้า” ทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย ก่อนจะหลับตาพริ้ม รอรับการมาของรสอร่อยที่ปลายลิ้น ก่อนจะ...

              แหมะ!

                เละแม่งเต็มจมูกเลย

                - _ -

                “คิกๆ” นั่น ขำ ตลกเนอะ

                “เอาคืนเหรอฮะ!

                “ไม่ได้เอาคืนสักหน่อย แจจุงแค่ทำตามยุนโฮ”

                เออ โอเค เอาที่คิดว่าดีเลย ไอ้พฤติกรรมเลียนแบบเนี่ย

                “ถ้าจะป้ายมาขนาดนี้ ไม่คว่ำมาทั้งแก้วเลยล่ะ” เอ่ยประชดประชัน ทว่าคนตากลมก็ได้แต่อมยิ้มเล็กๆ “ได้เหรอ?”

                เฮ้ย เฮ้ย ของซื้อของขายนะโว้ย

                “ตลกและ”

                “ขำดิ”

                “มุกเก่าว่ะ”

                “เก่าอะไร แจจุงพูดครั้งแรก”

                เออ ก็จริง - _ - แต่มันเก่าสำหรับคนอื่นไง ตุ๊กตาบ้านี่

                “อ่ะอ้าปาก เดี๋ยวแจจุงป้อนใหม่” พฤติกรรมเลียนแบบนี่น่ากลัวจริงๆ

                เอาแต่เล่นแกล้งกันไปแกล้งกันมาอยู่พักใหญ่ จนเสียงหัวเราะดังก้องร้านไอศกรีมเล็กๆ บรรยากาศสีชมพูอบอวลไปทั่ว แต่ทว่าช่วงเวลาแห่งความสุขก็ดูเหมือนจะสั้นกว่าที่คิด เมื่อเสียงของใครบางคนเอ่ยขัดขึ้นมาในวินาทีที่มือขาวยกช้อนขึ้นไปใกล้ๆ ริมฝีปากของร่างสูง

              “แย่งหน้าที่คนอื่นทำน่ะมันไม่ดีเลยนะจ๊ะ คุณคิม”

                เสียงแบบนี้...

                “ฮวังมิยอง”

                “ใช่ ฉันเองแหละ” เธอตอบเสียงเข้ม ก่อนจะหันไปแย้มยิ้มบางๆ ให้อีกคน “ยุนโฮ...วันนี้มากินไอศกรีมไม่ชวนเราเลยได้ไงอะ ปกติเราก็มาด้วยกันนี่”

                เฮ้อ สงสัยจะได้มีระเบิดลงกันอีกละ - _ -

                “คือ... “ ตั้งใจที่จะอธิบายอะไรออกไปบ้างเพื่อแก้ไขสถานการณ์ เขาไม่ควรให้มิยองมาชวนแจจุงทะเลาะตอนนี้ แต่ก็นั่นแหละ ไม่รู้ว่าทำไม พอเป็นเรื่องของคุณประธานนักเรียนคนสวยคนนี้แล้วล่ะก็ ตุ๊กตาตัวน้อยที่รอคอยแต่ความรักถึงได้ฟิวส์ขาดง่ายเสียทุกทีไป

                “ทำไมล่ะ ทำไมยุนโฮจะมากับแจจุงไม่ได้” ดวงตากลมโตจดจ้องอีกฝ่ายอย่างไม่ลดละ “แล้วอีกอย่าง เราก็ตั้งใจจะมากันสองคน ทำไมต้องชวนคุณด้วยล่ะ”

                โอ้โห ร้ายแฮะ

                “นี่! ฉันถามยุนโฮนะ ไม่ได้ถามเธอ”

                หญิงสาวเอ่ยอย่างเกรี้ยวกราด มีอย่างที่ไหน ที่จู่ๆ ในแชทออนไลน์ของโรงเรียนก็เต็มไปด้วยรูปภาพกระหนุงกระหนิงของเด็กอันธพาลรูปหล่อผู้เป็นที่สนใจเงียบๆ จากคนทั้งโรงเรียน กับ เด็กใหม่หน้าใสที่มานั่งกินไอศกรีมกันแบบนี้ และถึงแม้จะเป็นภาพที่เห็นแล้วบาดใจแค่ไหน แต่ประธานคนสวยก็ยังนึกขอบคุณแม่มนุษย์กล้องตัวดีนัก ที่แอบถ่ายจนเธอตามรอยมาถึงที่นี่ได้แบบนี้

                “ยุนโฮ หนังจะเริ่มแล้ว ไปกันเถอะ” ยังกินไม่ทันหมดด้วยซ้ำ แต่เจ้าตุ๊กตาตัวน้อยก็ไม่ละความพยายามเลยที่จะลากร่างสูงให้ออกจากร้าน ไม่ต่างกันกับอีกคนที่สู้ไม่ถอยเช่นกัน “เอ๊ะ ยุนโฮคะ จะไปดูหนังกันต่อด้วยเหรอ เราไปด้วยสิ”

                “ไม่เอา ไม่ให้ไป”

                “โรงหนังไม่ใช่ของเธอเสียหน่อยนะ”

                “นี่ เลิกทะเลาะกันเถอะน่า” เขาเอ่ยออกมาอย่างหมดความอดทน “จะเถียงกันทำไมเนี่ย แล้วมิยอง เธอรู้ได้ยังไงว่าฉันกับแจจุงอยู่ที่นี่”

                “เอ่อ...ก็” นัยน์ตาคู่สวยหลุกหลิกไปมา “ก็บังเอิญเจอน่ะ ก็เลยเดินเข้ามาทัก”

                “โกหก” เสียงหวานของอีกคนรีบเถียง...แจจุงดูตามิยองก็รู้แล้ว ท่าทางแบบนั้นน่ะโกหกชัดๆ

                “เอ้า นี่ก็อย่าเพิ่งไปว่าเขาสิ”

                “ก็แจจุงพูดความจริงนี่นา” ดวงตาหลุกหลิก พูดจาติดขัด ท่าทางไม่มั่นใจ – นี่มันอยู่ในคุณสมบัติ สิบข้อจับผิดคนโกหก หนังสือที่ตุ๊กตาตัวน้อยเคยอ่านชัดๆ เลย

                “นะ ยุนโฮ เรามาคนเดียวอ่ะ ไปด้วยนะ”

                “เอ่อ...”

                “ไม่เอานะยุนโฮ” และเสียงแทรกนั้นก็ทำเอายุนโฮแอบอึ้งเล็กๆ เพราะนี่เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่เจ้าตุ๊กตาออกอาการดื้อแพ่งมากขนาดนี้ “ไม่ให้คุณฮวังไปด้วยนะ นะ”

                “ทำไมล่ะ”

                “ก็...” เอ่ยเสียงอ่อน คำพูดมากมายที่คัดเลือกไม่ได้กำลังตีกันอย่างหนักหน่วงในหัวกลมๆ...และในตอนนั้นเอง ที่เสียงของจุนซูลอดเข้ามาในห้วงความคิด

               

                ถ้ามีปัญหาอะไรขึ้นมา ก็งัดไม้ตายเลยนะแจจุง...

                ไม้ตาย ใช่สิ ไม้ตาย!

               

                คิดอย่างนั้น ก่อนมือขาวจะเริ่มยกขึ้นกอดรัดรอบลำแขนแกร่ง ใบหน้าหวานเงยขึ้นจ้องตา พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ้อนสุดๆ “แจจุงอยากดูกับยุนโฮสองคนอ่ะ...ไม่ได้เหรอ”

                แล้วยุนโฮก็เหมือนจะช็อตไปเลยจริงๆ

                ให้ตายเหอะ...

                ไปเรียนมาจากไหนวะ ไอ้ท่าทางแบบนี้เนี่ย!!!

                “นี่...”

                “ยุนโฮ...”

                “เอ่อ...”

                “ไม่รู้ล่ะ ถ้ายุนโฮไม่ยอมไปด้วยกันสองคน” ทำเสียงเบา ก่อนจะเมินหน้าไปทางอื่น “แจจุงก็จะกลับ”

                เอาสิ ไม่ยอมให้มันรู้ไป

                “เฮ้ย ไหงงั้น” เอ่ยอย่างสับสน อันที่จริง เขาก็ไม่ได้คิดจะชวนมิยองไปด้วยแต่แรกแล้วล่ะ เพียงแต่ที่มันน่าตกใจมากๆ ก็คือท่าทางของแจจุงนี่ต่างหาก เป็นอะไรของเขาเนี่ย? “โอเค...ใจเย็นๆ นะ”

                “.....”

                “เออ มิยอง คืองี้ ไว้วันหลังได้ไหมอะ” ในที่สุดก็ยอมหันไปยืนคุยกับอีกคนจนได้ และแน่นอน ว่ายุนโฮจำเป็นต้องมองข้ามหน้าตาที่เหมือนจะร้องไห้ได้ทุกเมื่อของคุณประธานคนสวยตรงหน้าไปอย่างใจร้าย “คือเราซื้อตั๋วหนังแล้วด้วยอะ ถึงมาด้วยกันก็อาจจะไม่ได้ดูด้วยกันหรอก แล้วตอนนี้หนังก็เริ่มฉายแล้วด้วย”

                “.....”

                “พวกฉันคงต้องรีบไปก่อน ขอโทษจริงๆ นะ”

                เยส!

                ฮวังมิยองพยักหน้ารับหงอยๆ แม้ในสายตาคนอื่น เธอจะเป็นประธานนักเรียนผู้เจ้าระเบียบ แต่ก็มียุนโฮนี่แหละ ที่เธอไม่เคยขัดใจเด็กหนุ่มได้สักที เป็นเพราะรู้ว่ายุนโฮไม่ชอบคนเซ้าซี้ ไอ้ที่อยากจะเจ้ากี้เจ้าการกับเขา แน่นอนล่ะว่าถ้ายังไม่เอ่ยปากขัดก็ทำได้ตามใจชอบ แต่เมื่อไรที่ยุนโฮตัดสินใจอะไรไปแล้วล่ะก็...เธอไม่ควรจะดื้อต่อเลย

                แม้จะรู้ดีแก่ใจว่ามันยากนักที่จะสมหวัง

                แต่ก็เพราะยุนโฮพยศแบบนี้นี่แหละที่ทำให้เธอยิ่งชอบเขาเข้าไปใหญ่

                เฮ้อ นี่มันเป็นกรรมอะไรกันนะ

                เด็กสาวได้แต่ปล่อยให้คนสองคนหันหลังเดินจากไปอย่างยอมรับสภาพ และแน่นอนว่าเธอก็คงไม่คิดจะเคืองขุ่นอะไรมากไปกว่านี้แน่ หากไม่ทันได้หันไปเป็นใบหน้ากวนๆ ของใครบางคน...ที่หันหลังมายิ้มล้อเลียนให้กันอย่างร้ายกาจเสียก่อน

                ให้ตาย...ท่าทางจะไม่ได้แบ๊วจริงๆ เหมือนหน้าตาเสียแล้วสิ

                เธอคงจะประมาทเกินไปจริงๆ

                คิมแจจุง...แล้วเราจะได้เห็นดีกัน!




     ◆ ◆ ◆





              และเมื่อมีป๊อบคอร์นหนึ่งกล่องใหญ่กับน้ำอัดลมแก้วโตพร้อมในมือ ก็ได้เวลาที่เดทแรกในโรงหนังของพวกเขาจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว

                อันที่จริง หากย้อนกลับไปสักหน่อย ทุกคนก็คงจะพอจะเดาได้ว่าแผนเที่ยวสองต่อสองของตุ๊กตาตัวน้อยที่รอคอยแต่ความรักในวันนี้น่ะมันมีที่มา

                ก็ด้วยจากบทสนทนาที่ว่า...

     

              “เอางี้ ไหนแจจุงลองเล่าเรื่องให้พวกฉันฟังละเอียดๆ หน่อยได้ไหม”

              “.....”

              “พวกเราจะได้แนะนำถูกยังไงล่ะ”

     

              แน่นอนว่าแจจุงก็เริ่มเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้เพื่อนทั้งสามฟังอย่างหมดเปลือก...

                แม้ว่าบางทีมันอาจจะเป็นเรื่องที่ทำให้ยูชอนต้องอ้าปากค้างบ้าง ชางมินต้องเผลอแก้โจทย์คณิตศาสตร์ผิดไปอย่างน่าตกใจ หรือจุนซูที่ช็อคจนหน้าแดงก่ำก็ตามที แต่เด็กเอสคลาสทั้งสามคนก็พยายามจะสงวนท่าทีเอาไว้และตั้งใจฟังจนกระทั่งแจจุงเล่าจบ พวกเขาขอเวลานอกกับแจจุงเพื่อสุมหัวกันประมาณสิบนาที ก่อนจะเงยหน้ากลับมาเผชิญหน้าด้วยด้วยสายตากรุ้มกริ้มอย่างที่ถ้ายุนโฮได้เห็นอาจจะขอแจกหมัดเรียงหน้ากระดานกันเลยก็ว่าได้

     

                “แจจุงอยากรู้ใช่ไหม ว่าจะทำยังไงให้ไอ้ยุนโฮมันรัก”

              “อือ”
              “ก่อนอื่น ถ้าจะเป็นคนรักกันได้ ก็ต้องชวนไปเดทบ่อยๆ” จุนซูเสนอ

              “เดท?”

              “อื้อ คือการไปไหนกันสองต่อสองน่ะ” ยูชอนอธิบาย “เช่นว่า ไปดูหนัง อะไรงี้ แต่ต้องไปสองคนนะ”

              “ดูหนัง?” นัยน์ตาคู่สวยกะพริบปริบๆ “หมายถึงภาพยนตร์ใช่ไหม ที่โรงกว้างๆ มืดๆ”

              “นั่นแหละ ใช่เลย” ชางมินเสริม “แจจุงคงยังไม่เคยดูหนังใช่ไหม ดีเลย ถือโอกาสชวนยุนโฮไปดูซะเลยสิ – เนี่ย แล้วเวลานั่งนะ ก็เบียดๆ เอนๆ ไปทางมันหน่อย อ้อ อย่าลืมซื้อป็อบคอร์นเข้าไปด้วยนะ”

              “ป็อบคอร์น?...หมายถึงข้าวโพดที่มันหอมๆ ใช่มั้ย” สามแสบพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม “เอามาทำไมหรอ”

              “เดี๋ยวถึงตอนนั้นก็รู้เองแหละ” จุนซูพูดพลางหัวเราะคิกคัก

              “พอถึงกลางๆ เรื่อง ถ้าได้จังหวะ ซบได้ ก็ซบเลยนะ” เจ้าของริมฝีปากอิ่มจนห้อยแนะนำต่อ “ถึงจะง่วงหรือไม่ง่วงก็เหอะ ซบเลย”

              “เอ๋”

              “เอาน่า ทำตามที่บอก เดี๋ยวก็รู้เองแจจุง”

              “อื้อ...แล้วถ้าเกิดยุนโฮไม่ยอมไปล่ะ” ริมฝีปากอิ่มเม้มเข้าหากัน “ฉันไม่เคยชวนยุนโฮทำอะไรแบบนี้เลย บางที...”

              “โอ้ย ไม่ต้องกลัวนะแจจุง เรื่องนี้พวกฉันคิดไว้ให้แล้ว” คนน่ารักพยายามยิ้มเพื่อคลายกังวล “ชางมินคำนวณแล้วว่ามีความเป็นไปได้ประมาณห้าเปอร์เซ็นต์ ที่ปัจจัยภายนอกจะเข้ามาขัดขวางการตัดสินใจของหมอนั่น ซึ่งในเรื่องนี้ เราก็ได้คิดหาวิธีการแก้ปัญหาเอาไว้แล้ว”

              “.....”

              “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น...อ้อนเข้าไว้นะแจจุง”

              “อ่า...”

              “ยิ่งยิ้มหวานๆ ได้เท่าไรก็ยิ่งดี กอดแขน จ้องตา จะจุ๊บด้วยก็ได้โอเคหมด งอแงเยอะๆ ตัดพ้อเข้าไป รับรอง...ไอ้ยุนโฮก็แค่ลูกไก่ในกำมือนายเท่านั้นแหละ แจจุง”

             

              และแม้ว่าแจจุงจะยังไม่แน่ใจและยังต้องการให้ชางมินคำนวณความเป็นไปได้ที่วิธีการนี้จะสำเร็จให้

                ด้วยเกียรติของเด็กเอสคลาสผู้มีไอคิว 205 – เขาก็คงบอกได้แค่ว่า

                ถ้าใช้วิธีนี้ล่ะก็...

              โอกาสสำเร็จ...หนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์

     

             


    TBC.






     TALK : อัพช้ามากเลย ขอบคุณทุกคอมเมนท์นะคะ
    ขอบคุณคนที่ยังรออ่านด้วยค่ะ แหะๆ ^^ ปล. ตุ๊กตาจะยั่วแล้ว!






    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×