ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    -(: ตัวสวย – ตัวหล่อ :)- [YUNJAE]

    ลำดับตอนที่ #35 : Part [16.] : Marsman's mission 1

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.68K
      7
      17 มี.ค. 55


    -(: ตัวสวย - ตัวหล่อ :)-

    Marsman's mission 1

     

                สาบานได้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่ชองยุนโฮสนใจกิจกรรมของโรงเรียนมากขนาดนี้

                หลังจากทำให้สมาชิกปีสามห้อง  A ทุกคนตะลึงด้วยการเข้าร่วมฟังประชุมรายละเอียดเกี่ยวกับค่ายวิทย์ที่อีกไม่นานจะมาถึงแล้ว มันยังน่าสนใจกว่าเดิมเพราะชองยุนโฮผู้ซึ่งเกลียดกิจกรรมคนนั้น นอกจากจะไม่นอนหลับเข้าโลกส่วนตัวเหมือนอย่างทุกทีแล้ว คราวนี้เขายังฟังอย่างตั้งใจอีกด้วย

                ซึ่งเหตุผลนั้นทุกคนต่างก็คิดเหมือนๆ กัน ว่าเพราะต้องฝืนไปค่ายเนื่องจากไปดูแลน้องแจจุง ยุนโฮก็เลยต้องศึกษาตารางกิจกรรมไว้บ้างเพื่อไม่ให้ปล่อยไก่ที่ค่ายล่ะมั้ง?

                แต่ความจริงแล้วไม่ใช่แค่นั้นหรอก

                และปาร์คยูชอน ชองยงฮวา และลีมินโฮก็เพิ่งจะรู้เหมือนกัน ว่าไอ้เพื่อนหน้ามึนของตัวเองน่ะ มันไม่ได้มีดีแค่ฉลาดเรื่องเรียนจริงๆ

     

                “โกง?”

     

                “อืม”

                “หมายความว่ายังไงโกง?”

                “เพราะฉันไม่ต้องการให้มีความผิดพลาด” ยุนโฮว่า ในขณะที่ขยับมือแก้ลูกเหลี่ยมๆ สีสันสดใสที่เรียกว่ารูบิคไปมาอย่างรวดเร็วโดยที่แทบไม่ต้องมอง “ถึงฉันจะไม่เคยไปค่ายบ้าบออะไรนอกจากค่ายลูกเสือ แต่ฉันก็พอจะเข้าใจสิ่งที่ยัยจียองพูดเมื่อเช้า ทั้งเรื่อง อืม.. หน้าที่ของปีสาม – การจับบัดดี้ – ไนท์ปาร์ตี้ – แรลลี่ ติ๊งต๊องอะไรจำพวกนั้นนะ”

                เมื่อเห็นว่าเพื่อนของตัวเองทำท่าจะพูดอะไรเป็นเรื่องเป็นราวและมีนัยยะกว่าทุกที สามสหายก็มารวมกันในทันที

                “แล้วไง”

                “ฉันมีเรื่องจะให้พวกแกช่วย”

                “หืม?”

                ปาร์คยูชอน ชองยงฮวา และลีมินโฮมองหน้ากันทันที มีเรื่องให้ช่วยฉบับชองยุนโฮเนี่ย คือ ไม่ว่ายังไงก็ต้องช่วย ใช่หรือเปล่าล่ะวะ?

                “ว่าไง จะช่วยไม่ช่วย”

                “ถ้าการไม่ช่วยแกจะหมายถึง การบ้านของพวกฉันที่จะไม่มีลอกตลอดปีการศึกษาส่งท้ายนี่ล่ะก็ ก็โปรดสั่งมาได้เลยคร้าบคุณยุนโฮ” ปาร์คยูชอนจีบปากจีบคอ และนั่นทำให้เขาโดนตบหัวหนึ่งครั้งแบบไร้ซึ่งเหตุผลใดๆ

                และเมื่อเพื่อนทั้งสามพยักหน้า ยุนโฮก็ได้แต่ยิ้มเล็กๆ

                ยิ้มเล็กๆ แบบยกมุมปาก ที่เหล่าสามสหายเห็นพ้องตรงกันว่ามันช่างน่ากลัวชะมัด

                “แกลองว่ามาสิ ว่าที่เราไปค่ายครั้งนี้ เราต้องไปทำอะไรบ้าง แล้วฉันจะบอก ว่าพวกแกต้องทำอะไร” ยุนโฮเริ่ม ในขณะที่ยูชอนกับมินโฮได้แต่พยักเพยิดไปทางยงฮวา ผู้เชี่ยวชาญด้านการเข้าค่ายเป็นนิจด้วยสีหน้าประมาณว่า ถึงเวลาของมึงแล้วในขณะที่ยงฮวาได้แต่ทำหน้าเหวอ ก่อนจะหันมาตอบ

                “อ่อ.. เออ ก็คราวนี้เราจะไปเข้าค่ายที่อุทยานน้ำตกกัน กิจกรรมจากที่ฟังยัยจียองว่าก็ เราจะนั่งรถบัสออกจากแทฮวาชินตอนหกโมงเช้า – ถึงนู่นก็น่าจะซักสิบโมงได้ แล้วก็จะเริ่มกิจกรรมบัดดี้กันโดยรุ่นพี่ปีสามฝ่ายกรรมการนักเรียนจะเป็นคนนำ จับบัดดี้เสร็จก็แยกกลุ่มตามห้อง ขนของไปไว้ที่พัก เสร็จแล้วก็ไปกินข้าวเที่ยง วันแรกน่าจะไม่มีอะไรมาก น่าจะพาไปแนะนำสถานที่กันก่อนอะ”

                “เดี๋ยวๆ ดิ๊ บัดดี้นี่มันอะไรวะ” ยูชอนทำหน้างง ในขณะที่มินโฮเองก็ไม่แน่ใจ เขาว่า “ใช่ที่จับเป็นคู่ๆ รึเปล่า?”

                “ใช่” ยงฮวาพยักหน้า “ฉันเองก็ไม่รู้ว่าพวกปีสามที่เป็นกรรมการฝ่ายกิจกรรมน่ะ มันจะกำหนดกติกาหนักขนาดไหน บัดดี้น่ะจะจับกับใครก็ได้ อาจได้รุ่นน้อง เพื่อน หรือรุ่นพี่แล้วแต่ดวง แต่ปกติพวกปีสามส่วนใหญ่ก็ชอบใช้เส้นลงไปจับกับเด็กเพราะอยากจะหาเรื่องแกล้งน้องอยู่แล้ว”

                “แล้วคนเป็นบัดดี้นี่ต้องทำไรกันมั่งวะ”

                “ก็แล้วแต่กติกา อย่างมากก็ทำกิจกรรมด้วยกัน นอนด้วยกัน แค่ไปไหนไปกันเฉยๆ ถ้าอย่างหนักที่ฉันเคยเจอนี่คือ เอาเชือกผูกติดมือกันเลย แต่ก็ไม่น่าจะหนักขนาดนั้นนะ เพราะนี่มันค่ายชิวๆ อะ” ปาร์คยูชอนและลีมินโฮพยักหน้าเข้าใจ ในขณะที่ยุนโฮไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกมา

                “แล้วเราจะนอนกันยังไง” มินโฮถาม ในขณะที่ยูชอนหันมาตอบบ้าง “ฉันได้ยินว่าเค้าจะให้นอนเต้นท์นะ เต้นละสี่หรือหกคนเนี่ยแหละ จำไม่ได้อะ”

                “ก็คงนอนตามบัดดี้”

                “โอเคเข้าใจ ข้ามกิจกรรมอื่นๆ ไปเลยยงฮวา เอาที่เด็ดๆ หนักๆ น่ะ ฉันสงสัยมาก ปกติเขาเล่นอะไรกันวะ” มินโฮนึก ในขณะที่ยงฮวาได้แต่ส่ายหน้า

                “ถามอย่างนี้พูดไม่ถูกว่ะ ก็แล้วแต่แกอ่ะยุนโฮ อยากรู้อะไรล่ะ”

                ยิงคำถามกลับไปให้คนที่เป็นคนเปิดประเด็นตั้งแต่ทีแรก มือใหญ่ๆ ไม่ได้หมุนรูบิคอีกต่อไปแล้ว เขายิ้มนิดๆ ในขณะที่วางลูกทรงบาศก์ที่เปลี่ยนเป็นสีเดียวกันเรียบร้อยครบหกหน้าตั้งแต่เมื่อห้านาทีที่แล้วลงบนโต๊ะ ก่อนจะตอบ

                “เรื่องที่พวกแกต้องช่วยฉันอย่างแรก ก็เรื่องบัดดี้นั่นแหละ”

                “หืม”

                “แกก็คงจะรู้ ว่าฉันไปค่ายเพราะอะไร” ไม่รู้ทำไม แต่พวกเขาช่างรู้สึกเหลือเกินว่าไอ้ชองยุนโฮเนี่ย นอกจากจะดุแล้วมันยังมาเฟียขึ้นทุกวันจริงๆ “อืม น้องแจจุงไง”

                เขาพยักหน้าเบาๆ

                เข้าใจง่ายแบบนี้ก็ดีล่ะ

              “อืม นั่นแหละ ไปทำยังไงก็ได้ ให้ฉันได้บัดดี้คู่แจจุง” ยุนโฮตอบด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง

                ในขณะที่สามสหายได้แต่ทำหน้า -*-

                 “เอ่า ไอ้สาด แล้วพวกกูจะทำไงล่ะ งี้โกงนี่หว่า” สรรพนามเริ่มเปลี่ยน ในขณะที่ยุนโฮเองตอกกลับ

                “ก็กูบอกแต่แรกแล้วนี่ว่าจะโกง หรือมึงไม่ได้ยิน?”

                เออ ก็จริงของมัน  -*-

                “แล้วจะทำไงล่ะ”

                “ไปหาทางมา กูรู้เรื่องแค่นี้พวกมึงทำได้” ยุนโฮตัดบท

                -*-

                และในขณะที่ยงฮวากับมินโฮกำลังทำหน้าเหนื่อยๆ อยู่นั้นเอง ปาร์คยูชอนที่เกิดปิ๊งไอเดียอะไรบางอย่างออกก็ยิ้มแป้น ก่อนจะหันไปตกลงโดยไว “เอางี้ๆ กูรับปากเองเรื่องบัดดี้ อยากคู่ตัวสวยใช่มั้ยจ๊ะ เดี๋ยวพี่ปาร์คจัดให้!

                พวกเขามองหน้ากัน ก่อนจะพยักหน้า

                “แล้วมีอะไรให้ช่วยอีก” มินโฮถาม ในขณะที่ยุนโฮได้แต่ส่ายหน้า

                “ไว้ถึงเวลาแล้วกูจะบอกอีกที”

                “งั้นก็ตกลงตามนั้น”

     

     

    1st Marsman’s mission

                ผู้รับผิดชอบภารกิจแรก : ปาร์คยูชอน

              หน้าที่ : ล็อคบัดดี้ของยุนโฮให้ได้

     

             

              เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก

              แต่ไม่ว่าจะยังไงก็เหอะ ในที่สุดวันนี้ก็ถึงวันที่พวกเขาต้องไปค่ายแล้ว

                วันนี้ยุนโฮตื่นไปรับแจจุงแต่เช้า แม้ว่าพวกเขาจะเพิ่งบอกลากันไม่ถึงสิบชั่วโมงดีเพราะเมื่อวานก็เพิ่งไปซื้อของใช้ที่จำเป็นด้วยกันมา ตัวสวยที่น่ารักของยุนโฮจัดการเตรียมนู่นนี่ให้ทุกอย่างพลางเตือนเขานู่นนี่นั่นวุ่นวายไปหมดเพราะกลัวว่าด้วยชั้นปีที่ต่างกัน อาจจะทำให้แจจุงไม่ได้เข้ามาดูแลยุนโฮมากนัก และเพราะอย่างนั้นเอง นิสัยซื่อๆ มึนๆ ของตัวหล่อจึงเป็นอะไรที่เขาห่วงมาก แล้วก็ได้แต่กลัวไปสารพัด

                สารพัดยังไงน่ะเหรอ? ก็ประมาณว่า

     

                “นี่พี่ยุนโฮ อย่ามัวแต่ฟังเพลงตอนที่พี่ลีดเข้าอธิบายนู่นนี่รู้มั้ย เดี๋ยวเค้าสั่งอะไรแล้วไม่รู้เรื่อง”

              “นี่พี่ยุนโฮ สนใจคนอื่นบ้างนะ อย่าหยิ่งให้มันมากนัก เดี๋ยวเข้าป่าหลงทางงไปจะขำให้”

              “นี่พี่ยุนโฮ ห้ามทำอะไรเว่อร์ๆ ให้แจจุงอายอีกรู้มั้ย คราวนี้คนเยอะมาก อะไรเสี่ยวๆ อะ พอเลยนะเข้าใจเปล่า”

              “นี่พี่ยุนโฮ เสี่ยวก็คืออะไรที่พี่ยุนโฮชอบทำให้แจจุงระเบิดตัวตายอ่ะ ไม่ต้องมาทำหน้างงเลย”

              “นี่พี่ยุนโฮ ถ้าเราไม่ได้อยู่ด้วยกันก็อย่างอแงมากนะรู้มั้ย ยังไงก็ได้ไปค่ายด้วยกัน แล้วแจจุงจะแวะเดินไปหาพวกปีสามบ่อยๆ”         

              “นี่พี่ยุนโฮ เอาตุ๊กตาตัวสวยไปด้วยรึเปล่า เก็บดีๆ นะระวังหล่นหาย ไม่งั้นแจจุงโกรธจริงๆ ด้วย”

               

                และ นี่พี่ยุนโฮ พี่ยุนโฮ พี่ยุนโฮ พี่ยุนโฮ อีกร้อยแปดพันอย่างที่ปากกลมๆ นั่นจะสรรหามาพูดให้เขาฟัง

                ซึ่งยุนโฮเองก็ได้แต่ฟังบ้างไม่ฟังบ้าง พลางพยักหน้าเออออไป จนแจจุงเกือบจะงอนเอาเหมือนกัน ก็มันช่วยไม่ได้นี่นา เพราะยังไง นี่พี่ยุนโฮ ที่ว่า ก็คงไม่เกิดขึ้นกับเขาอยู่แล้ว

     

              เพราะยังไง แจจุงก็ได้อยู่ด้วยกันกับยุนโฮตลอดค่ายแน่นอน : )

                 

                แต่ก็นั่นแหละ ตัวสวยยังไม่รู้แผนการของเขาถึงได้พูดแบบนั้น เขาเข้าใจดี และที่ไม่บอก ก็เพราะคิดว่าถ้าบอก ปากกลมๆ นั่นก็คงจะต้องแว้ดๆ ใส่เขาอีกชุดใหญ่แน่ๆ ล่ะ

                เพราะงั้นก็ทำเป็นว่าฟลุ้คไปก็แล้วกัน

                ก็ช่วยไม่ได้นี่นา จุดประสงค์ของการไปค่ายครั้งนี้อยู่ที่ไหนก็รู้ๆ กันอยู่

               

                “พี่ยุนโฮ”

                “หืม” ในขณะที่นั่งคิดอะไรไปเพลินๆ กับแผนการนู่นนี่นั่นเท่าที่จะบังคับรอยหยักในสมองทั้งหมดให้ทำเร่งทำงานกันออกมาได้ เสียงใสๆ ที่ดังขึ้นในขณะที่พวกเขากำลังนั่งอยู่บนรถประจำทางที่ออกตัวกะแรก ก็เรียกความสนใจให้ยุนโฮกลับมาได้ชะงัก เขาหันไปมองคนที่นั่งทำตาปรือๆ อยู่ข้างๆ

                “แจจุงง่วง”

                พูดแบบนั้นไม่พอ ตากลมๆ ที่ปกติจะกะพริบปริบๆ ก็ปรือลงด้วย หัวกลมๆ โงนไปเงนมา จนยุนโฮนึกขัดใจนิดๆ ที่ว่าทำไมพวกกรรมการต้องนัดไปเช้าขนาดนี้ด้วย ถ้าตัวสวยของเขานอนไม่พอแล้วโตช้า ไม่สบาย เป็นไข้ขึ้นมาแล้วจะว่ายังไง?

                มือใหญ่ขยับกระเป๋าเดินทางสองใบใหญ่ๆ มาวางไว้ข้างๆ ตอนนี้ในรถไม่มีใครเลย ก่อนจะเอากระเป๋าเป้ที่เหมือนจะใส่ขนมไว้เยอะแยะของแจจุงมาวางบนตักตัวเอง ใบหน้าคมคายไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกมา หากเพียงแต่ตอบสนองด้วยการจับหัวกลมๆ มาพิงไหล่กว้างเอาไว้

                “ง่วงก็นอน เดี๋ยวถึงโรงเรียนพี่ปลุก”

                แจจุงอมยิ้ม แก้มกลมแดงเรื่อนิดๆ ในขณะที่หันหน้าไปพิงลงกับไหล่กว้าง แล้วยังแทบจะเลยไปบนอกอุ่นๆ อย่างชอบใจ

               

              รักพี่ยุนโฮที่สุดเลย

               
           ♥


                ในที่สุดยุนโฮกับแจจุงก็มาถึงโรงเรียนจนได้ในเวลาตีห้าสี่สิบนาที คนเริ่มมากันเยอะบ้างแล้วพอสมควร พวกปีสามที่กำลังจัดน้องๆ ตามรายชื่อเพื่อจัดบัสที่จะต้องขึ้นก็ทำงานกันอย่างขะมักเขม้น บัสจะจัดรวมน้องๆ ที่อยู่ห้องเดียวกัน โดยมีพี่ปีสามแยกย้ายกันขึ้นไปตามแต่ละบัสด้วยเพื่อดูแล และแน่นอนว่ายุนโฮก็ต้องเตรียมการบังคับรายชื่อตัวเองให้ไปอยู่คันแรกของปีสอง นั่นคือห้อง 2-A อย่างไม่ต้องสงสัย รวมถึงที่นั่งด้วย มาถึงก็รีบไปจองเป็นคนแรกๆ เลย

                “พี่ยุนโฮขึ้นรถคันเดียวกับแจจุงเหรอ?”

                “อืม”

                “โชคดีเนอะ” แจจุงยิ้ม

                “อืม”

              เรื่องรถน่ะยังแค่เบาะๆ...

              เขาอยากจะบอกตัวสวยจริงๆ ว่ามันมีเรื่องน่าโชคดียิ่งกว่านี้อีก

     

              ก็ถือว่าโชคดีเพราะแก๊งของยุนโฮน่ะแห่กันมาขึ้นรถคันเดียวกันได้ครบแก๊งค์แบบไม่มีขาดตกบกพร่องจริงๆ ซึ่งในทีแรกยูชอนก็เตรียมจะดีใจเต็มที่เพราะได้ขึ้นรถคันเดียวกับคิมจุนซู ก่อนจะได้แต่นั่งหน้าหงอยอยู่ในรถอย่างเดียวดายเมื่อพบว่าเจ้าตัวน่ารักของเขาเกาะติดชิมชางมินลูกเดียวไม่ปล่อย ซึ่งเจ้ารุ่นน้องอัจฉริยะนั่นก็ได้แต่หันมาทำหน้าไม่รู้จะช่วยยังไงให้เขา เพราะจุนซูน่ะมีขนมเพียบ ถ้าไม่มีเหตุจำเป็นจริงๆ ชางมินก็ไม่ได้อยากย้ายไปนั่งไกลๆ เหมือนกัน

                เห็นแก่กินว่างั้นเหอะ ชิมชางมิน

                “พี่ยุนโฮๆ ขอนั่งริมหน้าต่างนะ”

                “อืม”

                บางทีชองยุนโฮก็นึกสงสัยจริงๆ ว่าการไปค่ายน่ะมันสนุกขนาดนั้นเลยเหรอ?

                ทำไมเขาจะไม่รู้สึกล่ะ ว่าตั้งแต่ออกจากบ้านมาเนี่ย แจจุงดูจะตื่นเต้นเป็นพิเศษทีเดียว ตั้งแต่ขึ้นรถ รับแจกน้ำแจกขนม ยุนโฮก็ไปช่วยบ้างตามประสารุ่นพี่ที่ดี ในขณะเดียวกันก็ต้องทนอึดอัดกับสายตาที่คนอื่นมองเขาไปด้วย ปาร์คยูชอนบอกว่า เพราะวันนี้เป็นวันที่ประวัติศาสตร์โรงเรียนต้องจารึกว่า ภูเขาหินยุนโฮผู้เกลียดกิจกรรมน่ะ กำลังจะได้ไปค่ายอย่างอื่นนอกจากค่ายลูกเสือกับเขาแล้วไง น้องๆ จากทุกชั้นปีถึงได้ต้องจ้องเขาเสียหน่อยเพื่อเป็นบุญแก่ตา ซึ่งยังไงยุนโฮก็ว่าเหตุผลมันปัญญาอ่อนเกินไป ทั้งเรื่องจริงแล้วก็เพราะคนพูดเป็นปาร์คยูชอนด้วยนั่นแหละ

                แต่เอาเข้าจริง ยุนโฮก็ไม่ได้แคร์สายตาอะไรพวกนั้นซักเท่าไหร่

                เพราะคนที่เขาสนใจ คือเจ้าตัวขาวๆ ตากลมๆ ที่นั่งข้างๆ นี่ต่างหากล่ะ

                “พี่ยุนโฮ รู้ป่าว น้องคนนั้นที่แจจุงเคยเล่าให้ฟังเค้าก็มาค่ายด้วยล่ะ”

                “น้องคนไหน?” ยุนโฮได้แต่ทำหน้างง เรื่องที่แจจุงเล่าให้เขาฟังน่ะมีเป็นร้อยแปดพันเรื่อง ถึงเขาจะเป็นอัจฉริยะ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะจำได้หมดหรอกนะ

                “น้องซูจองไง ที่น่ารักๆ น้องแจจุง”

                “อ๋อ น้องแจจุง”

                “ไม่ใช่น้องแจจุง แจจุงบอกว่า น้องซูจอง น้องแจจุง” ปากกลมเถียงใหญ่เลย

                “ก็น้องแจจุงไง”

                “โอ้ย ชองยุนโฮ กวนประสาทแจจุงอ่ะ”

                “ก็น้องแจจุงที่ตัวไม่โตใช่รึเปล่า”

                “ตัวโตแล้วนะ!

                “อ๋อ น้องแจจุงที่น่ารักๆ” แก้มใสแดงเรื่อ ก่อนจะสะบัดหัวไปมาเป็นเชิงว่า นี่ไม่ใช่เวลามาเขินซักหน่อย!

                “พี่ยุนโฮอย่ามาตลก บอกว่าน้องซูจอง ถ้าไม่ฟังแจจุง แจจุงไม่เล่าแล้วนะ”

                “อืมๆ ซูจองไง” ทำหน้านิ่งแต่ก็รีบตอบรับเชียวนะ กลัวตัวสวยงอนล่ะสิ คิก

                “อือ น้องซูจองอ่ะ เป็นเด็กที่น่ารักมากๆ เรียนเก่งมากๆ นิสัยดี เรียบร้อยมากๆ แจจุงชอบมาก” เสียงใสว่า ในขณะที่ยุนโฮตอบเสียงเรียบ “ยังไงก็ชอบน้อยกว่าตัวหล่ออยู่แล้วนี่”

                เอ๊ะ พี่ยุนโฮนี่เป็นอะไร พูดนู่นนี่นั่นให้เขินอยู่นั่นแหละ !

                “เงียบไปเลย”

                “แล้วไง”

                “แจจุงจะบอกว่า ห้ามพี่ยุนโฮแกล้งน้องซูจองนะ แล้วก็ต้องดูแลน้องแจจุงดีๆ ด้วย”

                “ดูแลน้องแจจุงดีๆ ได้ๆ ให้ข้าวตรงเวลา จดบันทึก...”

                “บอกให้ดูแลน้องซูจอง ไม่ใช่แจจุงซักหน่อย!

                “ก็พูดเองว่าให้ดูแลน้องแจจุงดีๆ นี่”

                “แจจุงหมายถึง...โอ้ย พี่ยุนโฮกวนอ่ะ! ไม่คุยด้วยแล้ว!

                “อ่ะ โอเคๆ แล้วซูจองคนไหนล่ะ พี่ไม่เคยเห็น จะไปรู้ได้ไง” ยุนโฮหันไปตอบดีๆ แต่คราวนี้ ตัวสวยก็กอดอกหน้ามุ่ยหันไปนอกหน้าต่างซะแล้ว “เฮ้ ว่าไง”

                “.....”

                ปากยื่นอย่างนี้ จากการศึกษา บันทึกไว้ว่า นี่เป็นภาษากายของตัวสวยแปลว่า งอน

                แล้วก็จากการศึกษา บันทึกไว้ว่า ภาษากายนี้ต้องการให้ตัวหล่อมา ง้อด้วย

                ก็โอเค

                เขาว่าเขาแปลภาษาเก่งขึ้นเยอะเลยล่ะ

                “นี่ อย่างอนสิ ไม่กวนแล้ว”

                “ไม่ได้งอนสักหน่อย แต่พูดไปก็ไม่ฟัง เหนื่อยจะพูดแล้ว เมื่อยปาก”

                ปากกลมๆ อย่างนี้เมื่อยเป็นด้วยเหรอ? – อยากจะบอกออกไป แต่สงสัยจะต้องแย่กว่าเดิมแน่ๆ

                “ก็ฟังอยู่นี่ไง น้องซูจอง”

                “เดี๋ยวก็น้องแจจุงอีก”

                “ก็ โอเค ซูจองๆ” ยุนโฮไม่ชอบสถานการณ์ตกเป็นรองอย่างนี้เลยให้ตาย แต่ก็นั่นแหละ ตอนแกล้งตัวสวยมันสนุกจริงๆ นี่

                “ช่างเหอะ ไม่มีอารมณ์เล่าแล้ว” แจจุงว่า ในขณะที่ยุนโฮทำหน้าเป็นหมีหงอย จนคนน่ารักต้องโวยวายออกมา “ก็เปล่าโกรธซักหน่อย ทำหน้าเป็นหมีถูกทิ้งทำไมเนี่ย? แจจุงง่วงแล้วจริงๆ เฉยๆ”

                “.....” ก็ยังหงอย โธ่ ทำตัวเองแท้ๆ

                “จริงๆ พี่ยุนโฮ แจจุงจะนอนแล้วขอหนุนหน่อย” ว่าจบ ก็ซบลงไปบนอกอุ่นๆ ที่ตอนเช้าก็พึ่งซบมาแล้วอีกครั้ง ปากกลมอมยิ้มเล็กๆ เมื่อรู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นเร็วขึ้นเล็กน้อยของคนที่กำลังซบอยู่ เขากระซิบ “เขินหรอ ตัวหล่อ”

                “นอนไปเงียบๆ เลยไป”

                “อืมมม ง่วงจริงๆ แล้วล่ะ” ดวงตากลมหลับพริ้ม ในขณะที่มือเล็กๆ ยังวางอยู่บนหน้าตัก แจจุงอมยิ้มไปกับกลิ่นโคโลญจ์หอมๆ ที่กรุ่นออกมาจากกายของร่างสูง พลางนึกขึ้นอย่างดีใจว่าคงไม่มีใครที่จะโชคดีได้มีโอกาสซบอกอุ่นๆ ของพี่ยุนโฮแบบแจจุงแล้วแน่ๆ

                ตัวหล่อของแจจุง

                ก่อนจะหลับไป เสียงทุ้มอันเต็มไปด้วยความอบอุ่นนั้นยังดังก้อง

                “นอนเหอะ เดี๋ยวถึงแล้วพี่ปลุก”

     

                ถึงมันจะห้วน แต่คุณว่ามันก็หวานสุดๆ ไปเลยเหมือนกันใช่ไหมล่ะ?

               

           

     

                เชื่อเถอะว่ามันเป็นเวลากว่าสี่ชั่วโมงที่ยุนโฮได้แต่นั่งตัวแข็งทำอะไรไม่ถูก

                แจจุงหลับไปแล้ว – หลับไปจริงๆ ตั้งแต่ชั่วโมงที่สองที่อยู่บนรถ

                หลับไปทั้งๆ ที่ก็พิงหัวอยู่บนอกยุนโฮนั่นแหละ

                ใบหน้าสวยพลิกจมไปกับอกเขา ยุนโฮไม่ปฏิเสธหรอกว่าหัวใจเขาเต้นแรงๆ จนเจ็บไปหมดเลยอีกแล้ว มือเล็กๆ ยังวางอยู่บนตักเขา ดวงตาคมทำเป็นไม่เห็นสายตาสนใจของน้องๆ ปีสองและพวกปีสามบางคนที่กำลังทำหน้าสอดรู้ ก็สงสัยจะเพิ่งเคยเห็นโมเม้นท์จะๆ แบบนี้เป็นครั้งแรก เลยเหวอกันไปเยอะเหมือนกัน สาบานได้ว่าทั้งรถ คงจะมีแค่คนขับ – ยงฮวากับมินโฮที่กำลังเล่นพีเอสพี – ปาร์คยูชอนที่กำลังหาทางแกล้งตัวน่ารัก – และชางมินกับจุนซูที่กำลังกินขนมกันแน่ๆ ที่ไม่ได้สนใจยุนโฮกับแจจุง ก็ที่เหลือน่ะ หันมามองกันตาโตแถมยังซุบซิบอะไรก็ไม่รู้ เห็นแล้วมันก็น่าหงุดหงิดนิดๆ

                แค่คนเขาเลี้ยงตัวสวยเฉยๆ จะมามองอะไรกันนักหนา

                ยุนโฮผู้ซึ่งเริ่มอยู่ในสภาวะทำตัวไม่ถูกได้แต่แกะขนมที่อยู่ในกระเป๋าแจจุงออกมานั่งกินเล่น นั่งฟังเพลงไปพลางๆ จะขยับตัวมากก็กลัวตัวสวยจะตื่น เมื่อเช้าดูเหมือนจะนอนไม่พอมาเสียด้วยยุนโฮเลยอยากให้แจจุงได้นอนมากๆ แม้สายตาคมจะไม่ได้ละไปจากมือขาวๆ ที่วางอยู่บนตักตัวเองเท่าไหร่ก็เถอะ

                กินขนมไปด้วย นั่งมองมือตัวสวยไปด้วย

                ไม่รู้ยังไง จู่ๆ ก็นึกอยากจะวัดมือขึ้นมา

                ก็ใครใช้ให้มือแจจุงเล็กแบบนี้ล่ะ

                ยุนโฮเลื่อนมือเข้าไปใกล้ นิ้วสั้นๆ และมืออ้วนๆ ของคนที่กำลังหลับ มือแจจุงใหญ่ประมาณเด็กผู้ชาย แต่พอเทียบดูแล้วก็ยังเล็กกว่าเขาตั้งเยอะ ข้อนิ้วยุนโฮยาว แล้วฝ่ามือก็กว้างกว่า เทียบดูยังไง จากสายตาที่กะรัศมีโดยประมาณ เมื่อคำนวณพื้นที่ด้วยสูตร πr2 ดูแล้ว มือของยุนโฮคงมีพื้นที่มากพอที่จะกำมือของแจจุงได้รอบแน่ๆ

                ยุนโฮบอกตัวเองว่ามันก็แค่การทดลอง เพื่อพิสูจทฤษฎีเท่านั้น

                ทันทีที่คิดเสร็จ เขาก็วางลงไปบนมือเล็กของคนที่หลับ ก่อนจะกุมมันเอาไว้เบาๆ

                รอบจริงๆ

              การทดลองประสบผลแล้ว แต่ยุนโฮก็ยังไม่ปล่อยมือ

     

              และเป็นอีกครั้งที่เขาได้แต่บอกตัวเองว่า

                ถึงจะเป็นนักวิทยาศาสตร์ แต่บางทีก็อาจจะลืมเก็บอุปกรณ์หลังการทดลองก็ได้นี่นา

     

     

               

     

                เชื่อเถอะว่าบางทีปาร์คยูชอนก็มีประโยคมากมายกว่าที่คุณคิด

                ถึงแม้ยุนโฮจะสงสัย ว่าวิธีการอะไรที่ทำให้ตัวเปลี้ยนั่นมั่นใจถึงขนาดที่ว่ารับอาสาไปทำมิชชั่นด้วยตัวเอง แต่ยุนโฮก็ไม่ใส่ใจอะไรเท่ากับผลลัพธ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นภายในอีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงนี้

                ผ่านไปราวสี่ชั่วโมง ในที่สุดรถบัสกว่าสิบคันที่มีผู้โดยสารเป็นนักเรียนชั้นมัธยมปลายจากโรงเรียนแทฮวาชินก็เดินทางมาถึงจุดหมาย

                ก่อนถึงประมาณสิบห้านาที ยุนโฮปลุกคนสวยที่กำลังหลับพริ้มอย่างน่ารักอยู่บนอกอุ่นอย่างสบายให้ตื่นขึ้นมา ไม่ลืมจะเก็บอุปกรณ์หลังการทดลองที่ว่าให้เรียบร้อยก่อนตากลมๆ จะกะพริบ ก่อนแจจุงที่หลับมาจนเวียนๆ หัวอยู่บ้างจะรีบกุลีกุจอขึ้นมาเก็บกระเป๋าแล้วเตรียมลงจากรถ

                ใบหน้าสวยหวานมีประกายเหงาๆ นิดหน่อย เมื่อคิดได้ว่า อาจจะต้องแยกกับยุนโฮแล้ว

                ในขณะที่ร่างสูงกับไม่แสดงอาการอะไร และเรียบเฉยจนน่าประหลาดใจ

                “เอ้าปีสาม จัดน้องหน่อย ตามห้อง ตามชั้นปีนะ”

                เสียงหนึ่งในกรรมการซักคนเรียก พลางเป่านกหวีด ให้น้องๆ ลงจากบัสกันเร็วๆ ก่อนจะมารวมตัวกันข้างล่าง เสียงพูดคุยจ้อกแจ้กและสายตาที่มองมายังกลุ่มยุนโฮยังมากมายเช่นเดิม รวมไปถึง สายตาของเด็กสองคนจากชั้นปีหนึ่งห้องคิงก็ด้วย

                ปาร์คฮยอนชอล และ อิมซูจอง ห้อง 1-A

                สำหรับซูจอง เธอจับจ้องไปที่ยุนโฮกับแจจุงแน่

                แต่ฮยอนชอล ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเขามองยุนโฮหรือว่ามองสายตาร้ายๆ ของเด็กผู้หญิงที่อยู่ไม่ไกลตัวกันแน่

     

              อิมซูจอง บางทีเธอกันผมอาจต้องมีกิจกรรมร่วมกันมากกว่าที่คิดซะแล้วสิ

     

              เสียงบรรยายกิจกรรมยังเป็นไปอย่างราบรื่นเมื่อเด็กๆ มาเรียงแถวกันเสร็จ เสียงฮือฮาดังขึ้นทันทีเมื่อรุ่นพี่สักคนอธิบายถึงกิจกรรมบัดดี้ที่จะต้องทำตลอดสี่วันที่อยู่ที่นี่ เขาบอกว่าจะทำการจับบัดดี้สองครั้ง คือวันนี้กับวันที่สาม หลายคนมองหน้ากันเพราะเพื่อนๆ กันก็อยากจะถูกจับให้อยู่ด้วยกันทั้งนั้น ในขณะที่แจจุงที่เข้าแถวอยู่กับพวกจุนซูก็ชักจะเป็นกังวลมาบ้างเหมือนกันเมื่อรู้ว่ามีโอกาสเกือบหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ที่ต้องไปอยู่กับคนที่ไม่รู้จัก

                “ยังไงดีล่ะเนี่ย ถ้าเขาไม่ชอบฉันล่ะ”

                “ไม่เป็นไรหรอก ใครๆ ก็อยากจะอยู่กับแจจุงทั้งนั้นแหละ น่ารักขนาดนี้” จุนซูให้กำลังใจ น่ารักจริงๆ นะ เพื่อนใคร

                สุดท้ายก็ถึงเวลาที่จะให้พวกรุ่นพี่เป็นตัวแทนมาสุ่มจับฉลาก แน่นอนว่าที่ต้องเป็นเฉพาะพวกรุ่นพี่ก็เพราะต้องมีการเตี๊ยมกันเองภายในบางส่วนอยู่แล้ว เหตุผลที่บอกน้องว่าวุ่นวายน่ะข้ออ้างชัดๆ และแน่นอนว่า หนึ่งในตัวแทนปีสามก็ต้องมีปาร์คยูชอนอยู่ด้วย

     

                และทันทีที่ผลออกมา คงไม่ต้องถามว่าบัดดี้ของแจจุงจะเป็นใคร.

     

    - - - - - -  -

    TALK :

    หงิง.


    แจ้งประชาสัมพันธ์ รีปริ้นท์ฟิค 4 เรื่องนะคับ
    (true or lies?,checkmate,scandal,the parallel story)
    4 เรื่องนี้ รีรอบสุดท้ายแล้วนะจ๊ะ จะไม่ทำ ไม่เอาไปขายที่งานอีกแล้วจ้า จะไปทำแต่ตัวสวยฯ แว้ว
    สั่งได้ตั้งแต่วันนี้ - 31 มีนา นะ : )) ดูรายละเอียดที่นี่ค่ะ
    http://kyokoong.exteen.com/20120310/no-1-2-3-4-2

    . ตอนที่แล้วขอบคุณผู้สนับสนุนทุกคนที่มาเม้นท์ให้นะคะ.




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×