ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    -(: ตัวสวย – ตัวหล่อ :)- [YUNJAE]

    ลำดับตอนที่ #37 : Part [17.] : การสื่อสารระบบดาวอังคาร

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.39K
      6
      14 เม.ย. 55


    -(: ตัวสวย - ตัวหล่อ :)-

    การสื่อสารระบบดาวอังคาร




                “ชอนดุง”

                “.....”

                “ชอนดุง...”

                “.....”

                “.....”

                “ฮึ”

                แผ่นหลังกว้างกระตุกนิดๆ ก่อนตาดุๆ จะหันไปมองคนตัวเล็กกว่าที่มาสะกิดอยู่ด้านหลัง เขาไม่ได้พูดอะไรออกมามากไปกว่านั้น หากแต่จ้องฮยอนซึงด้วยสายตาแทนคำถามว่ามีอะไร และแน่นอนว่า เพื่อนตัวเล็กที่ไม่ได้สนิทอะไรกับเขาสักนิดแต่ก็อยู่กับปาร์คซังฮยอนคนนี้มาตลอดสามปีแปลออก

                แม้จะเป็นเพียงแค่ปฏิกิริยาเล็กๆ น้อยๆ ฮยอนซึงก็เข้าใจมันได้ดี

                “ฉันไปถามแพลนเย็นวันนี้กับพวกรุ่นพี่มาแล้ว เดี๋ยวพอกางเต้นท์พี่เค้าจะให้ไปสันทนาการ กินข้าว แล้วก็อาบน้ำล่ะ วันนี้ยังสบายๆ ไม่วุ่นวายมาก”

                ไม่ตอบอะไร แต่ก็พยักหน้า

                “ไหวนะ?”

                เขาไม่ได้พูด แต่ฮยอนซึงก็รู้ว่าปาร์คซังฮยอนหมายความว่าเขายังไหว และลึกๆ ยิ่งไปกว่านั้น ก็คือเขาต้องการสื่อว่า มันก็ไม่ใช่ธุระอะไรของนายสักหน่อย

                ชอนดุงเป็นเด็กไม่พูดไม่จามาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว

                เขาพูดน้อย มีตาดุๆ นั่นเป็นเกราะป้องกันตัวจากสังคมและผู้คนรอบกาย เขามีความสามารถพิเศษหลายอย่าง ชอนดุงหัวดี แต่ก็มักไม่ได้แสดงออกความฉลาดเหล่านั้นในเรื่องของการเรียนมากนัก จึงทำให้มีผลการเรียนอยู่ในประเภทเด็กกลางกราฟตลอดทุกเทอม แน่นอน ด้วยบุคลิกเหล่านั้น ทำให้ไม่มีใครคิดจะสนใจเขา แม้ว่าความเป็นจริงแล้วชอนดุงจะไม่ได้ต่างอะไรจากรุ่นพี่ยุนโฮก็ตามที

                หมอนั่นหัวดี แต่ที่อยู่ห้อง B ก็เพราะชอนดุงไม่เคยอ่านหนังสือ

                ฮยอนซึงรู้ว่า เขาชอบเล่นแสครบเบิลมากกว่า

                ฮยอนซึงรู้ว่า ชอนดุงตัวจริงไม่ได้หยิ่งยโส เป็นลูกคุณหนูอย่างที่ใครๆ ว่า เขาติดดินจะตาย รักสัตว์ด้วย ก็แค่เด็กผู้ชายมนุษยสัมพันธ์ไม่ค่อยดี โลกส่วนตัวสูงก็เท่านั้น

                ฮยอนซึงรู้ทุกอย่าง และแอบมองชอนดุงมาตั้งแต่เข้าเรียนที่แทฮวาชิน...มองจนเขารู้ว่าตัวเองแอบมอง มองจนชอนดุงยอมให้อยู่ข้างๆ เขาอยู่ด้วยกันทุกที่ หากแต่ไม่เคยคุยกัน

                เพราะเขาแค่ตามชอนดุงไป

                ใช่ อยู่ด้วยกันเพราะเขาตามไป และไม่มีสักครั้งที่ชอนดุงจะหันหลังกลับมามอง

                แต่ฮยอนซึงก็ไม่ได้หวังอะไรมากกว่านั้น แค่โอกาสให้ยืนอยู่ริมๆ เปลือกโลกส่วนตัวของเด็กคนนั้นโดยไม่ขับไล่ไสส่งเขาไปก็น่าจะพอ..

              แค่จำชื่อกันได้และรู้ว่ายังมีตัวตนอยู่ก็น่าจะเพียงพอแล้ว

     

                ฮยอนซึงไม่เคยเจ็บปวดเพราะรักชอนดุง

              อาจจะเป็นเพราะชอนดุงไม่เคยรักใคร

                ไม่เคยเจ็บปวด จนกระทั่ง ...

     

              วันที่ชอบดุงได้รู้จักคิมแจจุง

     

                ฮยอนซึงไม่ได้เรียนรู้ภาษาใบ้ หรือมีสัมผัสที่ 6 ถึงเข้าใจชอนดุงได้

                แต่แม้กระทั่งเพียงปฏิกิริยาเล็กๆ น้อยๆ ของขอนดุง ฮยอนซึงยังเข้าใจมันได้ดี – เพราะฉะนั้น กับแค่อาการแปลกๆ และสายตาเหม่อลอยที่คนที่เขารักจ้องมองรุ่นพี่ที่เหมือนนางฟ้าคนนั้น

                มันยังจะมีเหตุผลอะไรที่จะทำให้เขาจะไม่รู้อีกว่า ชอนดุงกำลังตกหลุมรักคิมแจจุง

     

             

     

              “เอาล่ะ จัดเต้นท์เสร็จแล้ว มาสนิทกันเข้าไว้เถอะ ต้องค้างด้วยกันตั้งสองคืนแน่ะ!” รอยยิ้มสดใสฉีกกว้าง พลางยื่นมือไปขอเชคแฮนด์รุ่นน้องอีกสองคน ก่อนจะได้แต่หัวเราะแหะๆ เมื่อมีเพียงความเงียบเท่านั้นที่ลอยปกคลุมบทสนทนาของทั้งสี่คน เสียงหวานตะโกนในใจดังลั่น

                เอาเข้าไปสิ ใบ้ 2 ขี้อาย 1 คิมแจจุงตายแน่!’

     

              ริมฝีปากหยักได้แต่ยกมุมเล็กๆ เมื่อเห็นเจ้าตัวแก้มกลมตาใสทำหน้ามุ่ยเพราะไม่มีใครพูดด้วยซักคน ใช่ว่ายุนโฮจะพูดไม่ได้ แต่บางที เขาก็แอบติดใจกับใบหน้ามุ่ยๆ น่ารักๆ ของแจจุงเวลาเจ้าตัวไม่ได้ดั่งใจ จนอดแกล้งไม่ได้เหมือนกัน

                ทั้งๆ ที่กำลังอารมณ์ดีที่แผนโกงบัดดี้ของปาร์คยูชอนไปได้สวยอยู่แล้วเชียว แต่แอบยกมุมปากอยู่ได้ไม่นาน คิ้วเรียวที่ขยันพันเป็นปมก็มีอันต้องขมวดเข้าหากันอีกรอบ เมื่อจู่ๆ ก็มีความรู้สึกแปลกๆ เหมือนกำลังมีคนมองอยู่ขึ้นมาซะงั้น

                มีคนมองตัวเองอยู่น่ะ ยุนโฮชินจนแทบจะทำเป็นมองไม่เห็นได้แล้ว

                แต่มอง ตัวสวยน่ะ ไม่ใช่เรื่องที่จะยอมให้ มามอง มาจ้อง กันได้ทุกคนหรอกนะ

                ยิ่งเฉพาะกับ...

                ยุนโฮขมวดคิ้ว เมื่อค้นพบว่าต้นทางของสายตาแปลกๆ ที่กำลังมองตัวสวยของเขาอยู่มาจากเด็กหน้านิ่งที่ยืนอยู่ตรงหน้านี่เอง ตาคมตวัดไปจ้องตาดุๆ นั่นทันทีอย่างไม่หลบหลีก และดูเหมือนชอนดุงเองก็รู้ตัวเร็วเหมือนกัน เขาหันกลับมามองชองยุนโฮทันที

                ยุนโฮขมวดคิ้วนิดนึง

                มองไม

                ชอนดุงกดหางคิ้วลงเล็กน้อย

                แล้วไม

                ยุนโฮทำปาก - ^ -

                ห้ามมอง

                ชอนดุงทำปาก - _ -

                จะมอง

             

              เปรี๊ยะะ!!!!!

     

              เกิดไฟฟ้าสถิตย์ขึ้นใกล้ๆ นี้แน่แล้ว!

     

                ปื้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

     

                “ให้เวลาอีก 10 วินาทีสำหรับการเตรียมที่พักนะครับ ขอให้น้องๆ และผองเพื่อนทั้งหลายพาบัดดี้ตัวเองมาต่อแถวเป็นวงกลมตรงที่พี่ประกาศนี้นะครับ! ไอ้พวกปีสาม! เลิกม่อเด็กแล้วพาน้องมาเข้าแถวได้แล้ว!

              คนที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลยกับเขาตกใจกับเสียงนกหวีดที่หวีดสมชื่อจนไหล่เล็กสะดุ้งโหยง ในขณะที่หันกลับไปมองรุ่นพี่ซังฮยอคที่กำลังถือไมค์ลอยประกาศเสียงดังปาวๆ แจจุงถอนหายใจให้กับการผูกมิตรที่ดูจะไม่ประสบผลสำเร็จเท่าไหร่ ก่อนจะตัดสินใจปล่อยวางและดึงมือรุ่นพี่ตัวสูงที่ยืนเหม่อตั้งแต่ตะกี้กลับไปยังทิศที่รุ่นพี่หัวหน้ากิจกรรมเรียก

                “ไปกันเหอะพี่ยุนโฮ”

                แต่ก็นะ คนบางคนก็ดันทำตัวเหมือนไม่ได้ยินซะงั้น

                แจจุงขมวดคิ้วก่อนจะหันมองไปตามสายตาของคนตัวสูงกว่า แล้วพบว่า...

               

                ชองยุนโฮกับปาร์คซังฮยอนกำลังจ้องตากันเขม็ง

               

                ตากลมกะพริบปริบๆ ทันที

                คือต้องการสื่ออะไร?

                กำลังสื่อสารกันด้วยเรดาร์มนุษย์ดาวอังคารรึไงน่ะ?

               

                เอียงคอใส่ เผลอเอามือไปแตะไหล่คนทั้งคู่ด้วยความสงสัย ก่อนจะต้องสะดุ้งเมื่อเป็นพี่ยุนโฮที่หันมาจ้องเขาแทน ก่อนจะเปลี่ยนมาทำปาก ‘ ^ ’ อย่างนี้ใส่แล้วรีบดึงเขาออกมาจากตรงนั้นโดยไม่สนใจที่จะลารุ่นน้องทั้งสองแต่อย่างใด

                “ด..เดี๋ยวสิ พี่ยุนโฮ จะรีบลากแจจุงไปไหน?”

                “...”

                “พี่ยุนโฮ!

                “ก็ซังฮยอคเรียกแล้วไม่ใช่เหรอ”

                แจจุงกะพริบตาอีก (นี่เมื่อยลูกกะตาแล้วนะ) ทำหน้าเหมือนจะเข้าใจ ก่อนจะก้มลงไปมองมือที่จับกันอยู่แล้วก็ทำได้แต่...

                กะพริบตาปริบๆ

                “คือ มือ...” ก้มลงมองมือใหญ่ที่กุมมือเขาอยู่ซะมิดแล้วก็ได้แต่ทำแก้มปลี่ยนสีอยู่ตรงนั้นเอง แต่ตัวหล่อไม่ได้สังเกต ก็แค่จับต่อไป ก็แค่นั้นแหละ

                ไม่ได้สังเกต  ไม่ได้สังเกตจริงๆ นะ ...

              ไม่ได้เห็นว่าตัวสวยน่ารักมากอะไรเลย ไม่ได้เห็นว่าตัวสวยแก้มชมพูด้วย ไม่เห็นเลยซักนิด!

                แล้วก็ได้แต่ท่องคำว่า ไม่เห็นอยู่ในใจ แอบยกมุมปากที่ควบคุมไม่ได้ แล้วกุมมือแน่นขึ้นอีก

     

             

     

              “ดก ลูกดกไม่อยากลูกดกต้องทำยังไง! ซังฮานั้นจะบอกให้ ซังฮานั้นจะบอกให้….!

              ไมค์ลอยถูกโยนข้ามไปข้ามมาในขณะที่เสียงหัวเราะยังดังครื้นเครง น้องๆ ที่นั่งล้อมเป็นวงเอี้ยวตัวหลบเป็นพัลวันราวกับมันเป็นวัตถุระเบิดอย่างไรอย่างนั้น ปากันไปปากันมา ก่อนสุดท้ายจะไปตกอยู่ในมือของรุ่นพี่มือกลองที่ถูกบังคับเอ่ยชื่ออยู่ในเพลงที่มีเนื้อหาส่อสุดๆ จนเจ้าของชื่อได้แต่หัวเราะแหะๆ แต่ก็ยอมรับไมค์มา

                “ดก ลูกดกไม่อยากลูกดกต้องทำยังไง! ซังฮานั้นจะบอกให้ ซังฮานั้นจะบอกให้….!

                “เอากับนิวตันไง – ลูกจะได้ไม่ดก!

                “ฮิ้ววววววววววววว”

                “กร๊ากกกก ไอ้ซังฮา มึงเล่นบิดากูเลยนะ”

                “ฮ่าๆๆๆ”

              เสียงเฮดังขึ้นเป็นระยะ ในขณะที่ทุกคนกำลังหัวเราะสนุกสนานอยู่กับคำตอบที่เด็กวิทย์ตัวแสบแต่ละคนสรรหากันมาตอบ ไมค์ยังหมุนไปเรื่อยๆ ในขณะที่พิธีกรก็ยังไม่หยุดแหกปากร้อง ดก ลูกดก ไม่อยากลูกดกต้องทำยังไง นั่นอยู่ได้ วนกันไปวนกันมา จนกระทั่งในที่สุด วัตถุสีดำนั้นก็ถูกส่งเลื่อนมาจนถึงพี่ปีสามคนดัง คนหน้ามึนที่จุนซูไม่อยากให้โดนสุดๆ จนได้ เขาอ้าปากกว้าง หน้าเหวอหมดหล่อ ในขณะที่ฟังเสียงกลองตีเคล้าเป็นจังหวะ

                “ดก ลูกดกไม่อยากลูกดกต้องทำยังไง! ยูชอนนั้นจะบอกให้ ยูชอนนั้นจะบอกให้….!

                คนปากห้อยหน้าเหวอ ปากตกลงมาห้อยหนักกว่าเดิม ในขณะที่หันขวา ก็ไม่เห็นใครนอกไปเสียจากทีมงานปีเดียวกันที่คอยกดดันเขาอยู่เต็มไปหมด หรือจะหันซ้าย ก็ดันเห็นแต่จุนซที่ทำหน้าตกใจพอกัน เรียวลิ้นคนตั้งตัวไม่ทันสั่นระรัวๆ คับปาก ก่อนจะตอบคำถามออกไปแบบไม่ได้ตั้งใจ

                ...และอาจไม่ได้คิดด้วย

                “ดก ลูกดกไม่อยากลูกดกต้องทำยังไง! ยูชอนนั้นจะบอกให้ ยูชอนนั้นจะบอกให้….!

     

                “ป...ปล้ำน้องจุนซูไง ลูกจะได้ไม่ดก”

     

                “ฮิ้ววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววว”

     

                ทันทีที่เสียงโห่ร้องดังขึ้น ตามมาดหนุ่มทะเล้น ยูชอนก็ลุกขึ้นโค้งตัวให้ผองเพื่อนและรุ่นน้องอย่างหน้าบานเป็นจานดาวเทียม รีบนั่งลงกับที่แล้วหันไปฉีกยิ้มให้คนข้างตัว ก่อนจะหุบยิ้มลงแทบไม่ทันเมื่อเห็นใบหน้ากลมๆ ที่ไม่ยิ้มกลับ หากแต่กลับแยกเขี้ยวเป็นลิตเติ้ลเดวิลใส่เขาอยู่ซะงั้น

                ว...เหวอ

                ลืมถามไปว่ะ เพื่อนตลก ละน้องเค้าตลกกับกูมั้ยวะ แหะๆ

                “ย้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ปาร์คยูชอนนนน ไอ้บ้า!! ว้ากกก”

                “เหวอออ” มือเล็กรัวตีเข้าทันทีทั่วตัวของยูชอนจนรุ่นพี่สุดมึนต้องยกมือปัดป้องเป็นพัลวัน  หน้าจุนซูแดงก่ำ เขาทั้งโกรธทั้งอาย ก็ใครใช้ให้หมอนั่นพูดอะไรบ้าๆ ไม่คิดเลยแบบนั้น ไม่กลัวคนทั้งค่ายเขาล้อรึไง!

                “โอ้ย จุนซู อย่าตีพี่ โอ้ย พี่ยอมแล้ว”

                “ไม่ต้องมาแอ๊บเรียกตัวเองว่าพี่เลย!

               

              “ก็เห็นยุนโฮมันใช้ เท่ดีง่ะ”

             

              -*-

                เปลี้ยจริงๆ โอ้ยยย จุนซูหันมามองก่อนจะชะงักนิดๆ

                คิมจุนซูไม่ได้ตาบอดใช่มั้ย? – ทำไมถึงได้เผลอมองหน้าเอ๋อๆ ของหมอนั่นเป็นน่ารักไปได้นะ!

                “พูดมาก! ปากเสียที่สุด” กลับมาตั้งตัวได้ ก็ตรงเข้าทุบตีรุ่นพี่จอมเปลี้ยอีก ปาร์คยูชอนร้องโอย “โอย จุนซู โกรธอะไรพี่เนี่ย เจ็บๆ”

                “ก็ใครใช้ให้นายตอบเพลงทะลึ่งนั่นไปแบบนั้นกันเล่า!!!” จุนซูหน้าแดงแป๊ด แม่งเอ้ย คนหันมามองกันทั้งค่ายเลยไอ้ปาร์คยูชอนบ้า!

                “ง่า”

                “ง่าอะไรเจ้าบ้า!

               “ตัวอ้วนอ่า อย่าโกรธพี่เลยนะ” ทำหน้าตาหมาหงอย แต่วาจากลับดูกวนประสาทเช่นเคย แล้วอย่างนี้มันน่าหายโกรธไหมล่ะเนี่ย!

                คนถูกว่าอ้วนตีโพยตีพายจนเหนื่อย จุนซูถอนหายใจ ไม่อยากจะร้อนรนไปกับคนที่ยังไงก็คงตั้งท่าจะกวนประสาทเขาแบบไม่รู้ตัวแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ กลับมานั่งนิ่ง ก่อนคนตัวเล็กที่มักจะอารมณ์ดีอยู่เสมอจะไม่ทำอะไรเพิ่มเติมมากมายไปกว่าการหันไปแยกเขี้ยวให้รุ่นพี่ที่เอาแต่หัวเราะแหะๆ

                “ช่างเหอะ ทะเลาะกับนายไปก็เสียเวลา กวนประสาทฉันอยู่ได้”

                “แหะๆ”

                “คิดยังไงถึงพูดออกไปแบบนั้นนะ” บ่นเสียงเบากับตัวเอง แต่ตัวเปลี้ยที่เอามือป้องหูหันมาทางเขากลับทำหน้าเหรอหราประมาณว่า ได้ยินนะจ๊ะ

                “พูดแบบไหนเหรออออ”

                -*-

                “พูดมาก”

                “แบบไหนอ่ะ”

                “ก็....แบบในเพลงบ้าบอตะกี้ไงเล่า! พูดออกไปได้ไง ไม่กลัวคนเค้าล้อรึไงว่าเป็นเกย์นะฮะ!” เขารู้สึกเบื่อกับท่าทางไม่รู้ร้อนรู้หนาวของรุ่นพี่ตัวเปลี้ยเต็มที จึงตัดสินใจพูดออกไปแบบนั้น โดยที่ไม่ได้คิดเลยว่า คำตอบที่ได้จะทำให้รู้สึกเขินจนหัวใจเต้นแรงขนาดนี้

                “ก็ไม่เห็นจะเป็นไรเลย พี่คงจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ นั่นแหละ ก็พี่ชอบจุนซูนี่นา”

                บางทีก็ไม่ต้องพูดตรงขนาดนั้นก็ได้

                เขินนะเว้ย!

     

                        

               

              ช่วงเวลาแห่งการสันทนาการผ่านไปอย่างเชื่องช้าในความรู้สึกของชองยุนโฮ

                เขานั่งตาปรือ ในขณะที่มีแจจุงยกยิ้มหัวเราะร่าเริงอยู่ข้างๆ  แม้แต่ในเวลาที่ไมค์ถูกส่งให้เพื่อนรักอย่างปาร์คยูชอน เวลาที่ตัวน่ารักนั่งหน้าแดงแป๊ดอยู่ข้างเจ้านั่น เวลาที่ยงฮวากับมินโฮถูกเรียกไปเต้นท่าอุบาทว์ๆ ต่อหน้าทุกคน ไม่ว่าจะตอนไหนยุนโฮก็รู้สึกง่วง...

                จนกระทั่งรู้สึกได้ถึงสายตาคู่หนึ่งที่จ้องมองมาทางนี้นั่นแหละ

                เอาอีกแล้ว ความรู้สึกเหมือนโดนจ้องแบบนี้

                ความรู้สึกที่เหมือนโดนใครสักคนจ้อง...คนข้างตัว

                สีหน้าไม่สบอารมณ์ปรากฏขึ้นทันที ความง่วงหายไปเป็นปลิดทิ้ง ตาคมมองซ้ายขวาอยู่สักพัก ก่อนจะวิเคราะห์ถึงสภาพโดยรวมของสถานการณ์ในขณะนี้ ตามวิธีการทางวิทยาศาสตร์ (Scientific method) ได้ความว่า

     

                ปัญหา 

                 : ใครมองตัวสวยวะ?

    สมมติฐาน     

               : รุ่นน้อง รุ่นพี่ รุ่นเดียวกัน รู้สึกชอบคิมแจจุงแสนสวยของยุนโฮจนต้องแอบมองใช่หรือไม่ ; ผู้ต้องสงสัย : ปาร์คซังฮยอน หรือ ชอนดุง ไอ้เด็กตาดุนั่น!

                วิธีการทดลอง (การตรวจสอบสมมติฐาน)        

                : มองหน้าตัวสวยตอนยิ้ม วิเคราะห์ว่าไอ้พวกไหนกำลังเพ้อ แล้วก็มองหา...

                ผลการทดลอง

                : เด็กผู้หญิงและรุ่นน้องส่วนใหญ่มองเราเอง เด็กผู้ชายกำลังขำกิจกรรม ส่องรุ่นพี่สาวๆ สวยๆ และมีบางส่วนกำลังเพ้อคิมแจจุง - ปล. เจอไอ้เด็กชอนดุงนั่นแล้ว!  

                สรุปผลการทดลอง

                 : มีคนมองตัวหล่อเยอะมาก (แต่ช่างเหอะ - ^ -) มองตัวสวยนิดหน่อย (ไอ้พวกธรรมดาหล่อสู้เราไม่ได้อยู่แล้ว - ^ -) และตัวอันตราย - ไอ้เด็กตาดุ หน้าตาค่อนข้างดี... (แต่เราน่าจะดีกว่านะ - ^ -) ที่ชื่อปาร์คซังฮยอนนั่นก็มองอยู่ !

                ข้อเสนอแนะ

                : ตัวสวยอย่าทำตัวน่ารักมากไปกว่านี้ได้ไหม?

                           

                ยุนโฮหันไปมองจ้องกลับตาดุๆ ของรุ่นน้องที่นั่งอยู่ตรงข้าม ตอนนี้พวกเขาถูกจัดแถวให้นั่งเป็นวงกลมล้อมรอบ จึงสามารถจ้องมองคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามได้อย่างชัดเจน ชอนดุงนั่งอยู่ตรงนั้น...ข้างๆ เด็กขี้อายที่ชื่อฮยอนซึงนั่น ในขณะที่ยุนโฮเองก็นั่งอยู่ตรงนี้เหมือนกัน...ข้างๆ คิมแจจุง

                ชอนดุงชะงักไปเมื่อเห็นชองยุนโฮจ้องกลับมา บรรยากาศเดิมๆ เหมือนตอนก่อนจะออกมาจากเต้นท์นั่นกลับมาอีกครั้ง เขาเม้มปากนิดๆ พลางคิด

                เจ้านั่นรู้แล้วสินะว่าเรามองพี่แจจุงอยู่

              ความรู้สึกไวสมที่เป็นรุ่นพี่ชองยุนโฮผู้อัจฉริยะคนนั้นจริงๆ

     

                และการสื่อสารระบบดาวอังคารก็เริ่มต้นอีกครั้ง

     

     

              -  _ -

                แค่มองไม่ได้หรือไง

                - ^ -

                ก็แกไม่ได้ทำเหมือนแค่มองนี่

                - _ -

                หวงนักนะ

                - ^ -

                เออ

                จ้องตากันอยู่ได้สักพัก ก็เป็นรุ่นน้องเองที่ยกยิ้มมุมปากขึ้นมาก่อน ยุนโฮขมวดคิ้ว ก่อนจะมองเจ้าเด็กตาดุที่จู่ๆ ก็ทำหน้าเจ้าเล่ห์ จะยักคิ้วขึ้นข้างหนึ่งแล้วพยายามทำปากขมุบขมิบพูดออกมาเป็นข้อความไร้เสียงให้เขา

                ข้อความที่ท่ายุนโฮอ่านไม่ผิดมันต้องการจะบอกว่า...

     

              หวงนัก ก็ระวังไว้ให้ดีก็แล้วกัน

     

                นี่กะจะชนกันจริงๆ ใช่ไหมฮะ ไอ้เด็กเวร

                หน้ามุ่ยทันที ก่อนจะหันไปมองคนข้างกาย – แจจุงยังหัวเราะ แก้มขาวๆ พองออก

                ไวเท่าความคิด ตาคมจ้องกลับไปที่คนที่ยื่นสาส์นท้ารบแบบไร้เสียงนั่นมาให้เขา เอนตัวลงไปนิดหน่อย ก่อนจะเอื้อมมือวางพาดไปทางอีกด้านของร่างบางที่นั่งหัวเราะอยู่ข้างๆ จนจากมุมที่คนมองอยู่ฝั่งตรงข้าม เห็นเหมือนเขากำลังโอบเอวแจจุงอยู่

                ยุนโฮยิ้มกลับ ด้วยใบหน้าที่เจ้าเล่ห์ยิ่งกว่า

                พลางส่งข้อความไร้เสียงด้วยการขยับปากตอบกลับไป

               

                ถ้าคิดว่าแน่จริง ก็ลองดู

     

                 ชอนดุงกัดฟัน

                ไหนใครบอกว่าชองยุนโฮซื่อบื้อ พูดจาไม่ค่อยรู้เรื่อง สื่อสารก็ยากไม่ใช่หรือไง

                ทำไมทีอย่างนี้ถึงได้ดูเชี่ยวชาญนักนะ!

               

                ใบหน้าหล่อคมเอนไปที่ไหล่เล็ก มือก็พาดอยู่ที่เอวอย่างนั้น โชคดีที่เกาะอยู่แค่เสื้อ กว่าแจจุงจะรู้สึกตัวว่าพี่ยุนโฮขยับเข้ามาใกล้แถมยังเบียดเขาซะขนาดนั้น สงครามทางสายตาของสองหนุ่มดาวอังคารก็จบไปเสียแล้ว

                “หืม พี่ยุนโฮ เป็นอะไรนี่” ตากลมๆ ที่จดจ้องการแสดงหันมามองคนข้างตัวที่อยู่ๆ ก็มานั่งเบียดๆๆ นัวเนียๆ เป็นอะไรก็ไม่รู้ มือเล็กดันร่างสูงออกนิดหน่อย เพื่อดันใบหน้าคมมาสบสายตา “ตัวหล่อ?”

                “ง่วง”

                ก็พูดแค่นั้น

                แจจุงอมยิ้ม

                อ๋อ ที่แท้ก็เบื่อนี่เอง

                “เบื่อหรอ อะไรกัน กิจกรรมเค้าออกจะสนุก ตั้งใจดูสิพี่ยุนโฮ ตลกนะ ตะกี้ได้ทันมาเห็นพี่มินโฮเต้นหรือเปล่า”

                “ไม่ทัน”

                ก็มัวแต่จ้องไอ้เด็กนั่นอยู่นี่

                แต่ก็นั่นแหละ แจจุงเห็นซะที่ไหน

                “โห่ย ไม่ไหวเลย” ตัวสวยว่า ก่อนจะถูกขัดคำพูดไปด้วยเสียงจากรุ่นพี่พิธีกร

               

                ปรบมือหนึ่งครั้ง

                 

                มือเล็กรีบยกขึ้นมาปรบตามคนอื่น เป็นเสียงดังพร้อมเพรียง ในขณะที่ยุนโฮนั่งนิ่ง

                “ปรบมือสองครั้ง”

                แจจุงปรบตาม ยุนโฮก็นั่งนิ่ง

                “ปรบมือสามครั้ง”

                ปรมตามอีก แต่ยุนโฮก็ยังนั่งนิ่ง

                พวกปีสามที่จ้องน้องๆ เตรียมหาคนทำผิดแล้วเตรียมจะลากออกมาลงโทษเสียให้อายเล็งท่าทีนิ่งเฉยของยุนโฮตาเป็นมัน แต่ก็ได้แต่กำมือแน่นอย่างขัดใจ เพราะก็รู้อยู่แก่ใจว่า ถึงจะอยากเรียกมันออกมาใจแทบขาด แต่ก็นั่นแหละ เกิดมันไม่ให้ความร่วมมือ แล้วหนักข้อยิ่งกว่าเก่าอาจจะทำให้กิจกรรมทั้งค่ายกร่อยได้ เพราะฉะนั้น การไม่เสี่ยงเลือกหมอนั่นก็ดูน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด

                แต่ก็นั่นแหละ

                ถึงทุกคนจะยกยุนโฮให้เป็นข้อยกเว้นพิเศษ แต่นั่นไม่ใช่สำหรับตัวสวย

                ตากลมหันมามองคนนั่งนิ่งข้างๆ ก่อนจะถามทันดี “ทำไมไม่ปรบมือล่ะ”

                “ไร้สาระ”

                น่าหมั่นไส้จริงเชียว!

                “ปรบมือสิ แค่เอามือชนกันเอง นี่ไง” พูดจบ ก็ทำปากกลม ก่อนจะยกมือขึ้นมาตีเข้าหากันให้ดู

              แปะ แปะ

                ยุนโฮมอง แจจุงพยายามสื่อว่ามันง่ายนิดเดียว แต่ยุนโฮกลับไม่รู้จะคิดอะไรไปได้มากกว่า

              แค่เอามือมาตีกัน ทำไมต้องทำหน้าตาน่ารักขนาดนั้นด้วย

                สงสัยจะโรคจิตนะ ตัวสวย ทำหน้าสวยๆ น่ารักๆ ตลอดเลย ไม่เมื่อยบ้างรึไง?

                แจจุงหน้ามุ่ยเมื่อเห็นยุนโฮเอาแต่มอง “ปรบสิพี่ยุนโฮ”

                คำสั่งดังขึ้นอีกครั้ง

                คราวนี้ไม่ยอมแล้ว!

     

                ปรบมือหนึ่งครั้ง

     

                แปะ!

                “อ่ะ”

                ยุนโฮเบิกตากว้างเมื่อจู่ๆ มือขาวของคนข้างๆ ก็เอื้อมมาจับมือเขาขึ้นไปตบกลางอากาศเสียงดัง ได้ยินเสียงพวกปีสามหัวเราะคิกคัก แก้มกร้านเลยขึ้นสีจางๆ แต่ก็นั่นแหละ แจจุงยังไม่ปล่อยมือ ใช้มือนุ่มๆ นั่นจับมือเขาไว้อีก

                 “ปรบมือสองครั้ง”

                แปะ! แปะ!

                จับมือคนอื่นเขามาตีกันงี้ได้ไง ดื้อจริง ตัวสวย!

                “ปรบมือสามครั้ง”

                แปะ! แปะ! แปะ!

                “ขอบคุณมากคร้าบ ท่านยุนโฮที่ให้ความร่วมมือ” มือเล็กที่กำลังถือวิสาสะไปจับเอามือใหญ่ของคนที่ได้ชื่อว่าเย็นชาที่สุดของโรงเรียนนั้นสร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะคิกคักจากคนรอบข้างได้มากมาย จนแม้แต่ซังฮยอคที่เป็นคนสั่งปรบมือเองยังอดแซวออกไมค์ไม่ได้ ให้ตายเถอะ น้องแจจุงนี่สุดยอดเลย !

                “ทำไรน่ะ ตัวสวย คนมองหมดเลย”

                “ก็พี่ยุนโฮไม่ยอมปรบมือเองนี่”

                “ ทำเป็นพูด จริงๆ จะแอบจับมือพี่ใช่มั้ยล่ะ” พูดประโยคนั้นออกมาได้ทั้งที่ยังทำหน้านิ่งๆ อยู่ แจจุงตาโต เงยหน้าขึ้นมองยุนโฮตาค้าง “พี่ยุนโฮ!

                “เรียกทำไม”

                “ป..เปล่า”

                “ตัวสวยทะลึ่ง”

                มันมาอีกแล้ว!

                “อ...อะไร ก็แล้วจับไม่ได้หรือไงกัน!” แก้มแดง แต่ก็ทนเถียงไปข้างๆ คูๆ

                “ก็เปล่า” ยุนโฮก้มลงมองมือที่ประกบทับกับของตัวเองอยู่ แล้วยกยิ้มมุมปากนิดๆ ด้วยหน้าตาที่แจจุงมองยังไงก็ไม่หน้าไว้ใจสักนิด

                “ก็นุ่มดี จับอีกสิ”

              งื้อออออออออออ

              บางทีก็ควรเพลาบ้างอะไรบ้างนะ ตัวหล่อ!

     

               

     

                หลังทำสันทนาการเสร็จ วันนี้พี่ปีสามก็จัดตารางให้น้องๆ ได้ทำค่ายกันแบบสบายๆ ไปก่อนตลอดทั้งวันด้วยการปล่อยไปทานข้าวแล้วก็อาบน้ำ เพื่อที่จะมาร่วมกิจกรรมภาคกลางคืน ซึ่งคืนแรกก็ไม่ได้กะจะให้หนักหนาอะไรเป็นพิเศษอยู่แล้ว อย่างที่รู้กันว่านี่เป็นค่ายวิทย์ ดังนั้นจึงย่อมเน้นในเรื่องของการศึกษาหาความรู้ และพบประสบการณ์นอกตำราในสถานที่จริงบ้างก็เท่านั้น กิจกรรมต่างๆ จึงไม่ได้หนักหนาสาหัสประเภทอย่างค่ายทหารหรือค่ายลูกเสือ

                แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีอะไรผาดโผนซักอย่างเลยอะนะ ในเมื่อนี่เพิ่งเริ่มต้นปี ดังนั้นค่ายวิทย์นี่ก็ถือว่าเป็นการต้อนรับน้องปีหนึ่งเข้าใหม่ไปในตัว ในฐานะรุ่นปีสามที่อยู่กันมาจนเก่าแก่และกำลังจะจบในปีนี้แล้ว โดยกมลสันดานส่วนลึก มันอดจะหาเรื่องมาแกล้งน้องบ้างไม่ได้จริงๆ นั่นแหละ

                ยังไงคืนนี้ก็เห็นจะต้องเป็นกิจกรรมเบาๆ ก่อน ก็เดินทางมันก็เหนื่อยเหมือนกันนี่

                และด้วยเหตุผลประการทั้งปวง แคมป์ภาคกลางคืนคืนแรกนี้จึงมีแพลนเพียงการไปนั่งสมาธิฟังเสียงธรรมชาติในป่าลึก และการศึกษาดาวเท่านั้น

                แต่ต่อให้กิจกรรมธรรมดาขนาดไหน แจจุงก็ยังตื่นเต้นอยู่ดีนั่นแหละ

                กินข้าวเสร็จอิ่มแปล้ ก็ถึงเวลาที่จะต้องอาบน้ำ

                และเมื่อตอนนั้นเองแจจุงรู้สึกได้เลย ว่ายุนโฮเริ่มมีอาการลุกลี้ลุกลนแปลกๆ

                “เป็นอะไรพี่ยุนโฮ”

                “เปล่า”

                เขาตอบ แต่กลับทำหน้าเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ ท่าทางคิดหนักด้วย

                “คิดอะไรอยู่” แจจุงถาม ในขณะที่ก้มลงไปเตรียมอุปกรณ์อาบน้ำ หยิบๆ ออกมาใส่กระเป๋าเล็กที่เตรียมมาด้วย ยุนโฮมองมือขาวนั่นหยิบจับของแล้วยิ่งร้อนรนหนักกว่าเดิม แจจุงเอียงคอมอง หรือว่า...

     

                “พี่ยุนโฮ ลืมเอากางเกงในมาหรอ?”

     

                โธ่

                ยุนโฮส่ายหัว แต่ก็ยังทำหน้าเหมือนเดิม แจจุงจึงหันไปเปิดกระเป๋าให้ แล้วเริ่มหยิบๆ ของที่จำเป็นออกมา “งั้นก็รีบๆ หยิบของเข้าสิ เดี๋ยวก็อาบไม่ทันหรอก อาบรวมด้วย ป่านนี้คงเล่นกันห้องน้ำเละแล้ว”

                เท่านั้นแหละ ชะงักกึก

              อาบรวม

              ขมวดคิ้วเข้าสิ

                ขมวดเข้าไปอีก

                ขมวดเข้าไปๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

                “นี่ เป็นอะไร หน้าย่นหมดแล้ว เดี๋ยวตีนกาก็ขึ้นหรอก” แจจุงเอียงคอ พลางเอานิ้วชี้ไปจิ้มๆ ที่หว่างคิ้วของคนที่ชอบตีหน้าบึ้งแบบไม่รู้ตัวตลอดเวลา จัดแจงหยิบของออกมาให้คนที่มัวแต่เหม่อคิดอะไรอยู่ก็ไม่รู้ออกมาจนครบ แล้วก็ใส่ถุง ยัดใส่มือ

                “ปะ ไปอาบน้ำกัน”

                “.....”

                “อะไร นิ่งอีก หรือว่าไม่กล้าอาบรวม? ไม่ต้องอายหรอกน่า ผู้ชายด้วยกัน”

                “.....”

                “ก็ไหนบอกอยากอาบน้ำกับตัวสวย”

                คือตรงนั้นไม่ใช่ประเด็นไง ตัวสวยนี่ ทำไมเข้าใจอะไรยากจังนะ !

                อาบรวม ตัวเขาน่ะไม่เป็นไรหรอก แต่...โอ้ย  

                พูดยากจริง

                ยังไม่ทันที่ยุนโฮจะทักท้วงอะไร คนที่เตรียมอุปกรณ์อาบน้ำให้เขาเสร็จสรรพก็ยักไหล่ ก่อนจะลุกขึ้นยืน “ไม่อาบก็ไม่อาบ ไม่รู้จะเขินไรนะตัวหล่อ แจจุงไปอาบก่อนล่ะ เหนียวตัวแล้วอ่ะ เผื่อเจอพวกจุนซูด้วย ไปช้าเดี๋ยวไม่เจอ”

                ลุกขึ้นอย่างรวดเร็วแบบไม่สนใจจนคนที่นั่งนิ่งๆ ต้องคว้ามือไปจับชายเสื้อไว้ เหงื่อแตกนิดๆ แต่ก็ยอมลุกขึ้นยืนแล้วเดินตามแจจุงไปด้วยใบหน้าไม่สู้ดีนัก

     

                จะทำยังไงดีวะเนี่ย !

     

              จะทำอะไรยังไงได้ ในเมื่อแค่แม้แต่แจจุงเขายังไม่กล้าบอก

              ว่าไม่อยากให้อาบรวมเพราะไม่อยากให้ใครมองตัวสวยน่ะ!

     

     

                ทันทีที่ถึงห้องน้ำ แจจุงก็ลากยุนโฮเข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อแล้วจัดแจงถอดเสื้อผ้าทันที ท่าทางที่ทำเอายุนโฮถึงกับตะลึง แต่ก็มัวแต่จ้องตัวขาวๆ วิ้งๆ สะท้อนแสงอย่างนั้นอยู่ได้ไม่นาน คนที่คิดว่าตัวเองก็เหมือนเด็กผู้ชายทั่วไปก็หันกลับมามองเขา เอียงคอใส่ ก่อนจะทัก “รีบๆ ถอดเสื้อผ้าสิพี่ยุนโฮ ไปอาบเร็ว คนกำลังเยอะๆ เลย”

                ปากกลมคะยั้นคะยอ จนยุนโฮได้แต่เออออห่อหมกถอดตามไป ทั้งๆ ที่ยังคิดไม่ออกเลยว่า...

                จะทำยังไงไม่ให้ตัวสวยโป๊ต่อหน้าคนอื่นเนี่ย !

                “เร็วๆ สิพี่ยุนโฮ”

                โอ้ย เร่งจัง

                ยุนโฮไม่ได้มีปัญหากับการอาบน้ำร่วมกับคนอื่น หรือแม้แต่เรื่องจะให้แก้ผ้าต่อหน้าคนอื่นมันก็ไม่ใช่เรื่องประหลาดอะไร ก็ใช่ เด็กผู้ชาย... เด็กผู้ชายเหมือนกันจะกลัวอะไรอย่างที่แจจุงว่า และแน่นอนยุนโฮก็รู้ว่าแจจุงก็เป็นเด็กผู้ชาย

                เออนั่นสิแล้วกูกลัวอะไรวะเนี่ย !!

                แจจุงในสภาพบ็อกเซอร์สีน้ำเงินตัวเดียวกระโดดดโหยงเหยงไปมาเพราะรู้สึกเหนียวตัวจะแย่ ถือผ้าเช็ดตัวมาพันตัวไว้ลวกๆ เพราะอากาศตอนเย็นหนาวใช่เล่น รอพี่ยุนโฮอยู่สักพัก จนรู้สึกว่าตัวหล่ออิดออดยืดยาดเต็มที มือขาวจึงไม่รอช้าที่จะจับตัวหล่อแก้ผ้าจนโป๊หมดเหลือแต่บ็อกเซอร์สีดำสนิทแล้วรีบลากคนเอื่อยเฉื่อยเดินเข้าห้องน้ำไปทันที

     

                ยุนโฮกัดฟัน เบิ่งตากว้าง ในขณะที่มองคนตัวเล็กข้างหลังเอามือเล็กๆ รุนหลังเข้าห้องน้ำแบบไม่รู้สึกรู้สาอะไร

     

                เอาวะ เป็นไงเป็นกัน

              กูไม่รู้ กูไม่ได้หวง สาบานได้ แค่ไม่อยากให้ใครมองตัวสวยก็แค่นั้น

     

              แค่นั้นเองจริงๆ นั่นแหละ

              แค่นั้นเอง...แต่ใครกล้ามอง แม่งก็ลองดู!

     

              ทันทีที่รุ่นพี่ตัวสูงเดินเข้ามาในห้องน้ำ เสียงเอะอะโวยวายที่ดังอยู่ก็เพลาลงนิดหน่อย แต่ไม่มากนัก ส่วนหนึ่งก็ยังอาบน้ำ ฟาดขัน เล่นจับไอ้นั่นบ้าบอกันปกติตามประสาเหล่าจอมทะโมนทั้งหลาย หากแต่ส่วนหนึ่งที่เงียบเสียงไปที่ว่า อาจจะเป็นเหล่าเกย์ควีน ตุ๊ดเด็ก แอ๊บแมน ทั้งหลาย ที่ตกตะลึงเมื่อเจอแจ๊กพ็อตกลางอากาศเป็นชองยุนโฮในสภาพบ็อกเซอร์ตัวเดียวที่เดินอาดๆ เข้ามาแบบไม่เกรงใจใครทั้งสิ้น แม้จะยังดูมีท่าทางแปลกๆ เหมือนกำลังบังอะไรอยู่ซักอย่างก็เหอะ

                “อื้อๆ พี่ยุนโฮอะไรเนี่ย หลบๆ สิ แจจุงจะอาบน้ำ”

                พยายามเอามือดันๆ หลังกว้างที่ยืนโป๊อยู่ตรงหน้าออกไปแล้ว แต่ก็นั่นแหละ ยุนโฮยังยืนเกร็งตัวนิ่งเป็นเสาหิน และนั่นทำให้แจจุงขมวดคิ้ว

                มายืนเบียดอย่างนี้แล้วแจจุงจะอาบน้ำยังไงเนี่ย!

                แต่เหมือนยิ่งบัง ก็ยิ่งทำให้คนสนใจมากขึ้น ยุนโฮไม่สามารถบังแจจุงไว้จนได้เมื่อมือขาวพยายามดันๆ เขาออกเพื่อจะเดินออกมาอาบน้ำ และความขาววิ้งเป็นประกายแสบตาโคตรของนางฟ้าของสายวิทย์นั้นก็เรียกสายตาหลายคู่ให้หันไปมองได้ทันที และถึงกระนั้นเจ้าตัวก็ยังไม่ได้สนใจอะไร ตั้งหน้าตั้งตาทำตาแป๋วอาบน้ำต่อไปเรื่อยๆ ให้น้ำลายคนในห้องอาบรวมหยดเล่นๆ ทำเอายุนโฮถึงกับปวดหัว

                โอ้ย แม่งมองจัง สาดดดดด

                ทนไม่ไหวแล้วนะโว้ย!

                ทำหน้าย่นหนัก จนในที่สุดก็ทนไม่ไหวจนได้ วินาทีนั้นยุนโฮไม่รู้แล้วว่าเขากำลังทำอะไร รู้แค่ว่าตอนนั้นจู่ๆ ก็เดินออกไปอาบกับเขาบ้าง ยกน้ำขึ้นสาดตัวเองทั้งตัวตั้งแต่หัวจนผมเปียกลู่ เขาหันหน้ามามองรุ่นน้องทุกคนที่ทำเหมือนเขากับแจจุงเป็นของแปลกที่มาจากนอกโลก ใช้ตาคมกวาดมองทั่วทุกคน ก่อนจะยกมือขึ้นเสยผมด้วยท่าทางเซ็กซี่บาดใจแล้วพูดเสียงดังชัดเจนต่อหน้าทุกคน

     

                “กูแปลกใช่ไหม เพิ่งเคยเห็นกูแก้ผ้าครั้งแรกใช่ไหม จ้องกันเข้าไปสิ จ้องให้พอ แล้วก็ไม่ต้องสะเออะไปมองคิมแจจุงนะ!

     

                !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

     

                “มองกูได้ ไม่ว่า แต่ถ้ายังไม่อยากตาย อย่าจ้องไอ้เด็กนี่ด้วยหน้าหื่นๆ อย่างนั้นให้กูเห็น” เขาพูดว่าไอ้เด็กนี่ – ก่อนจะชี้ไปที่คนตัวขาวที่ทำทำปากกลมอ้าปากค้าง ทั้งที่ขันยังอยู่ในมือข้างๆ ตัว

                “ หรือถ้าใครคิดว่าแน่จริง...”

                เขาจิกตามองทุกคน

     

              “ก็ลองดู”

     

                สิ้นเสียงนั้น เขาก็กลับไปอาบน้ำต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

                ในขณะที่ทุกคนที่อยู่ในห้องน้ำได้แต่อึ้ง

                โอ้โห โหดเหี้ยๆ !!!!

             

              มันก็จริงอยู่ เด็กผู้ชายที่แทฮวาชินทุกคนไม่ได้พิศวาสในผู้ชายด้วยกันหรือเป็นเกย์กันหมดโรงเรียน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ยุนโฮและแจจุงจะเป็นที่สนใจของทุกๆ คน ในทุกๆ เรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งยุนโฮที่มีแฟนคลับเยอะทั้งเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชาย ด้วยความเพอร์เฟ็คในหลายๆ แง่ ต่อให้ไม่ชอบ แต่ก็ต้องสนใจอยู่ดี ในเมื่อเขาดังเสียขนาดนั้น

                ส่วนแจจุง บางที ต่อให้ไม่ได้ชอบผู้ชายด้วยกัน แต่ผิวขาวๆ นั่นก็น่ามองไม่ใช่เล่นอยู่ดีแหละ

                ฟังจากคำพูดของรุ่นพี่คนดัง ชี้ชัดอยู่พอสมควรว่าเขาปลงแล้ว ยังไงก็คงห้ามคนทั้งห้องน้ำไม่ให้หันมามองเขาและแจจุงไม่ได้ เพราะแจจุงเองก็ไม่ใช่ผู้หญิง จะอาบน้ำกับเพื่อนๆ ผู้ชายด้วยกันในที่แบบนี้ก็ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน

                ก็มีแต่เขาแหละที่บ้าเอง

     

                ระแวงไม่เข้าเรื่อง เอ้อ ไม่สิ กูยอมรับแล้วก็ได้

                มีแต่เขานั่นแหละที่บ้าเอง

              หวงไม่เข้าเรื่อง แต่จะให้ทำยังไงล่ะ ก็มันหวงนี่นา !

              สุดท้ายก็ได้แต่ห้ามไปข้างๆ คูๆ แบบนั้น ใครอยากมองก็มองไป แต่อย่ามาทำหน้าหื่นๆ น้ำลายไหลให้เขาเห็นก็แล้วกัน

     

     

                กว่าจะอาบเสร็จก็เล่นเอายุนโฮปวดเบ้าตาเพราะมัวแต่ตวัดตาดุใส่คนนู้นคนนี้ในห้องน้ำอยู่ได้

                แจจุงเดินเตาะแตะออกมาโดยที่หน้าแดงตัวแดงไปหมด – ก็ใครใช้ให้พี่ยุนโฮพูดเสียงดังแบบนั้น สาบานได้เลยว่าแจจุงทั้งอายแล้วก็โกรธ ก็ดูดิ อย่างนี้แจจุงจะมองหน้าคนอื่นได้ยังไง? ก็พี่ยุนโฮเล่นตะโกนปาวๆ ออกไปแบบนั้น นั่นแหละที่อาย ส่วนที่โกรธน่ะเหรอ? โธ่ ไม่เห็นน่าถามเลย

                ก็ใครใช้ให้พี่ยุนโฮบอกให้ทุกคนมองแต่ตัวเองแทนมองแจจุงแบบนั้น

                ก็รู้หรอกน่าว่าหวงแจจุง แต่แล้วไงล่ะ แล้วไง? ...ล ..แล้ว

     

                แจจุงจะหวงพี่ยุนโฮบ้างไม่ได้เหรอ?

     

              ดูดิ ลำเอียงไปป่ะ ทีเวลาตัวเองหวงแจจุงนะมาทำเอาตัวบังแจจุงงู้นงี้ ก็ตัวเองทำได้นี่! แล้วแจจุงล่ะ ? พี่ยุนโฮตัวตั้งใหญ่ แล้วแจจุงจะบังหมดได้ยังไง?

                เห็นเด็กผู้ชายตัวเล็กๆ หน้าขาวๆ ปากแดงๆ มองพี่ยุนโฮแล้วระทวยย้วยตายกันเต็มห้องน้ำแบบนั้น แจจุงก็หวงนะ ! ไหนจะตอนเดินตัวเปียกๆ กลับออกมาที่เต้นท์อีก ใครใช้ให้พี่ยุนโฮทำเสื้อตกในห้องน้ำ แล้วต้องเดินเปลือยอกใส่แต่กางเกงกลับมาที่เต้นท์ให้สาวๆ มองแบบนั้นกัน!

                นี่มันไม่ยุติธรรมเลยซักนิด

                ทั้งๆ ที่แจจุงก็หวงพี่ยุนโฮเหมือนกันแท้ๆ เลย!

     

               

     

     

                แต่ก็นั่นแหละ ยังไงซะ เรื่องในห้องน้ำวันนี้แจจุงจะทำเป็นลืมๆ ไปก็แล้วกัน

                ทำไมน่ะเหรอ?

                ก็เพราะว่าตอนนี้มีอะไรบางอย่างที่รบกวนจิตใจตัวสวยมากกว่านั้นน่ะสิ

               

                มือเล็กยกผ้าเปียกขึ้นมาหนีบๆ กับเชือกที่แขวนอยู่ระหว่างเต้นท์กับกิ่งไม้ใหญ่ ใจก็พลางเหม่อลอยไปจนไม่ได้สังเกตถึงรุ่นพี่สุดหล่อที่มายืนอยู่ข้างหลัง ดังนั้นทันทีที่ยุนโฮเอามือไปแตะที่หัวไหล่ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะสะดุ้งอย่างแรงแล้วหันมามองยุนโฮด้วยหน้าตาตระหนก

                แต่ว่า จะตกใจอะไรขนาดนั้นอ่ะ?

                “พ....พี่ยุนโฮ” แจจุงตอบเสียงสั่น หน้าแดงก่ำ ท่าทางที่ทำให้ยุนโฮได้แต่งง

                ตัวสวยเป็นไร?

                “เป็นอะไรตัวสวย หน้าแดง ไม่สบายเหรอ?”

                “เปล่า” เห็นก้มหน้างุด พูดเสียงเบา ยุนโฮก็ยิ้ม ก่อนจะแซวเหมือนทุกที

                “หึ สงสัยเขินที่พี่ถอดเสื้ออีกล่ะสิ ตัวสวยทะลึ่ง”

                “ใช่ซะที่ไหนกันเล่า ชินแล้วมั่งปะ”

                ใช่ แจจุงชินแล้วจริงๆ – เขาเถียงในใจ

                พี่ยุนโฮโป๊น่ะชินแล้วจริงๆ นะ ก็เห็นตั้งหลายที โดนล้อก็หลายครั้ง ก็ไม่ใช่ว่าจะมาขงเขินอะไรไร้สาระกันตอนนี้หรอก

     

              แต่ว่า...

              กลอกดวงตาไปมองวัตถุสามเหลี่ยมผ้ายืดที่แขวนอยู่บนราวเดียวกันไม่ไกลนัก

                ก่อนหน้าจะแดงขึ้นมาอีก

               

                แจจุงไม่ได้ทะลึ่งนะ แจจุงแค่สงสัยอะไรบางอย่าง

                ไม่นะ ไม่ใช่สิ

                แค่สายตามันไวๆ ไป แล้วก็เผลอสงสัยอะไรนิดหน่อยก็เท่านั้น

                คือแจจุงไม่ได้มอง สรุปก็คือแค่ตามันไวแล้วก็เผลอไปเห็น แล้วก็เลยสงสัย

                ตามประสาเด็กกำลังโตก็อยากรู้อยากเห็นใช่ป่ะ แจจุงไม่ได้ตั้งใจมองเลยนะ มันเห็นเอง โอเคป่ะ ไม่ได้ตั้งใจ ไม่เลย ไม่จริงๆ แล้วก็สงสัยแค่นิดเดียวด้วย

                สงสัยแค่นิดเดียวจริงๆ นะ . ////////// .

     

                ทำไมกางเกงในพี่ยุนโฮตัวใหญ่จัง?

               

                ทำไมนะ...ใครรู้คำตอบบ้าง

                บ้าเอ๊ย คิมแจจุงคิดอะไรอยู่เนี่ย!

               


               


           tbc.



    - - - - - - -

    TALK :

    ใครรู้คำตอบของคำถามตัวสวยบ้าง? ฮ่าๆ 555555555555 ทำไมหว่า

    แจ้งข่าว

    ★ ขออนุญาตแจ้งยกเลิกระบบ email fans แล้วเปลี่ยนมาตามข่าวในเฟสแทนนะคะ เนื่องด้วยความไม่พร้อมในหลายๆ อย่าง เลยคิดว่าเปิดเพจให้ตามข่าวน่าจะง่ายกว่าค่ะ , ขออภัยในความไม่สะดวกค่ะ TT , ขอบคุณค่ะ ★

    นี่เพจค่ะ , ใครอยากได้รวมเล่มตัวสวยฯ ช่วยเข้าไปตอบแบบสำรวจหน่อยนะคะ กำลังดูว่ามีคนอยากได้ประมาณกี่เล่มค่ะ ช่วยหน่อยน้า
    http://www.facebook.com/Kyokoong

    นี่ลิิ้้งค์เพจเฟสบุ้คของเราค่ะ (ก็ลิ้งค์ตะกี้อ่ะแหละ)
    http://www.facebook.com/Kyokoong





    . ตอนที่แล้วขอบคุณผู้สนับสนุนทุกคนที่มาเม้นท์ให้นะคะ






    .

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×