ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC] F.T Island ...ReFrain...

    ลำดับตอนที่ #18 : ...โดดเรียนกันเถอะ...(2)ต่ออีกนิด ตัดตอนพลาดไปหน่อย

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 812
      2
      11 ต.ค. 52

     

    มินฮวานทอดฝีเท้าเดินเยื้องหลัง   ซ่อนแววเศร้ามองดูคนสองคนหยอกล้อกันอย่างสนิทสนม   เราจะทำอย่างไรดี   แค่บอกรักอย่างนั้นเหรอ   ไม่ใช่ซักหน่อย    เราไม่ได้ต้องการแค่นี้

     

     

    มินฮวานก็เป็นแค่คนคนหนึ่งที่มีความรัก   ไม่ว่าความรักนั้นจะบริสุทธิ์ซักแค่ไหนแต่ว่าก็ยังหนีไม่พ้นความทุกข์ที่ไม่ได้เป็นเจ้าของ   ไม่ได้ครอบครอง   และที่แย่ที่สุด   ไม่ได้รับความรักจากคนที่รัก   แต่ต่อให้เจ็บกว่านี้อีกซักร้อยเท่าเขาก็มั่นใจว่าไม่สามารถหยุดรักได้   แล้วตรงไหนกันล่ะที่เป็นจุดสิ้นสุดของวงเวียนแห่งความปวดร้าวนี้

     

     

    แม้พยายามบอกตัวเองให้คิดว่าแค่บอกความรู้สึกของตัวเองให้วอนบินรับรู้เท่านั้นก็พอ   แต่แค่นั้นมันไม่พอ   ไม่เคยพอ  และไม่มีวันพอ   จะทำอย่างไรสายตานั้นถึงจะหันมามองเราบ้างนะ

     

     

    ต้องทำอย่างไร

     

     

    แล้วตัวเรานั้นเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่   ความสัมพันธ์ที่มีแต่ความสนุกสนานและความสุขในทุกๆวันนั้นหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่   พี่จงฮุน   พี่วอนบินแค่มองหน้ากันโดยไม่ยกเท้าเข้าถีบกันก็แทบจะทำไม่ได้   พี่แจจิน   เป็นคนที่เขาได้คุยมากที่สุด   แต่ลึกๆแล้วพี่คนคนนี้ก็ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของคนรอบข้ามากที่สุด   จุดเริ่มต้นมันอยู่ที่ไหนกัน   บางที   มินฮวานแอบคิด   ถ้าหาจุดเริ่มต้นของทุกอย่างพบเขาอาจจะแก้ไขมันและทุกอย่างก็จะกลับไปเป็นเหมือนเดิม

     

     

    คืนวันแสนสุขที่มีทุกคนอยู่เคียงข้างไม่ใช่กระจัดกระจายไร้ความหมายเช่นทุกวันนี้

     

     

    พี่ฮงกี  เคยเป็นคนที่มินฮวานเชื่อใจมากที่สุด   ทั้งเชื่อใจและเชื่อมั่นว่าพี่คนนี้ทำได้ทุกอย่าง   แค่พี่กลับมาทุกทุกอย่างอาจจะเหมือนเดิม   แต่มินฮวานกลับอดกังขาไม่ได้   จุดเริ่มต้นของรอยร้าวทั้งหมดนั้นเกิดจากพี่คนนี้หรือเปล่า

     

     

    ลี  ฮงกี

     

     

    เพราะความสัมพันธ์ของเราทั้งหมดมันเริ่มจากพี่

     

     

    โชคชะตาที่นำมาเราพบกันอย่างนั้นเหรอ   ไม่ใช่หรอกเป็นพี่ต่างหาก   เป็นพี่ที่นำเรามาพบกัน 

     

     

    มินฮวาน วอนบินหันกลับมาเรียกแม้หน้าจะบึ้งแต่ดวงตาเป็นประกายบ่งว่าอารมณ์ดี วันนี้กลับด้วยกันอีกนะ  ฮงกีแจจินจะมารับ   แล้วเดี๋ยวพี่ไปส่งเราเอง

     

     

    มินฮวานยิ้มรับสดใส   อย่างน้อยตอนนี้เราก็ได้อยุ่ด้วยกัน

     

     

     

     

    ฮงกี  จงฮุน   ฉันพบนาย   นายพบฉัน   หรือเราพบกัน

     

     

     

     

    ฉันให้นายถามได้หนึ่งข้อ เด็กชายวอนบินประกาศเสียงกร้าวกันเด็กชายตากลมที่นอนเล่นอยู่บนเตียง

     

     

    อะไรก็ได้อย่างนั้นเหรอ ลีฮงกีถามอย่างกังขา   คิ้วสวยๆจึงผูกกันแน่น

     

     

    ใช่อะไรก็ได้ที่อยู่ในหนังสือเล่มนี้   ถ้าฉันตอบไม่ได้ฉันถึงจะยอมพานายไปด้วย

     

     

    จริงนะ ดวงตาสวยเป็นประกายสดใสรับหนังสือมาเปิดดูทันที

     

     

    อื้ม   พ่อสอนว่าลูกผู้ชายต้องไม่โกหกเพราะงั้นนายเชื่อใจฉันได้แน่นอน วอนบินรับรองหนักแน่น

     

     

    ถามได้ทุกอย่างในเล่มจริงๆนะ ฮงกีถามซ้ำ   มองภาพในหนังสือกับตัวหนังสือยาวเหยียดติดกันเป็นแถบอย่างงุนงง   หากเพียงครู่ดวงตาสวยก็เปล่งประกายเมื่อได้ความคิดดีๆ

     

     

     

    ก็บอกแล้วไงว่าได้   ทั้งหมดในเล่มนั้นน่ะฉันรู้หมดแล้ว   ถามๆมาเหอะนายจะได้เลิกเซ้าซี้จะไปค่ายกับฉันซะที   รำคาญจะแย่แล้ว

     

     

    บางครั้งคำพูดที่ไม่คิดอะไรของเด็กๆก็ทำร้ายกันและกันได้อย่างคิดไม่ถึง

     

     

    ฮงกีเม้มปากนิดหนึ่ง ถ้างั้นฉันอยากรู้ว่า   กระดาษสีเคลือบมันอย่างนี้ทำยังไงเหรอ

     

     

    มือเล็กชูหนังสือขึ้นมาอย่างท้าทาย  ฉันชอบวาดรูประบายสีแต่ทำยังไงมันกไม่สวยอย่างนี้   ได้ยินมาว่ากระดาษทำมาจากเปลือกไม้   แต่ทำยังไงล่ะ   นายบอกขั้นตอนการทำให้ฉันได้ไหมโอวอนบิน

     

     

    วอนบินอ้าปากค้าง  อึ้งไปสามวินาทีก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นโกรธจัด นายโกงนี่ เด็กชายบริภาษ

     

     

    ตรงไหนกัน ฮงกีถามเสียงสูง   หน้าซื่อ

     

     

    ฉันไม่อยากยุ่งกับนายแล้ว   นายมันนิสัยไม่ดีอยากไปนักก็เชิญไปคนเดียวเลย วอนบินกล่าวอย่างโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงเขาอุตส่าห์พยายามอ่านมาแทบเป็นแทบตาย   นั่งท่องทั้งคืนแม้จะง่วงซักแค่ไหนก็ไม่ยอมนอนจนกว่าจะมั่นใจว่าเนื้อหาทั้งหมดนั้นเข้าไปอยู่ในหัวตัวเองหมดแล้ว   แต่หมอนั่นกลับเล่นโกง   อย่างนี้มันน่าโมโหนั้น

     

     

    ฮงกีอ้าปากเหมือนจะรั้งเพื่อนไว้   เมื่อวอนบินยัดๆของทุกอย่างที่เอามาเล่นด้วยกันใส่เป้ของตัวพร้อมทั้งหนังสือเจ้าปัญหานั้นด้วย   แต่ฮงกีก็ไม่ได้พูดออกมาจนหลังของเพื่อนลับบางประตูไปนั่นแหละ  

     

     

    นายสัญญาแล้วไม่ใช่เหรอ ฮงกีพึมพำเบา   มองห้องนอนหรูหรากว้างใหญ่แล้วทำหน้าเศร้า   ร่างเล็กมุดไปนอนใต้ผ้าห่ม   ดวงหน้าหวานมุ่ยจัดกดลงกับหมอนนุ่มฟูหอมกรุ่นเพราะแม่คอยกำชับให้แม่บ้านเปลี่ยนให้เสมอแล้วปล่อยให้น้ำตาไหลมาช้าๆ

     

     

    ฮงกีสะอื้นเบาๆ  สัญญาแล้วไม่ใช่เหรอไง

     

     

    ที่ประตูห้องที่เปิดทิ้งไว้มีสตรีสวยมากคนหนึ่งเดินมาหยุดมองดูร่างเล็กที่สั่นสะท้านในผ้าห่มแล้วถอนใจ

     

     

     

     

    เดี๋ยวจ๊ะวอนบิน   รอป้าแป๊ป   ป้ามีเรื่องจะคุยด้วย เสียงหวานใสรั้งเด็กชายที่กำลังจ้ำเดินอย่างรวดเร็วไว้

     

     

    วอนบินชะงักก่อนผ่อนฝีเท้าลงและหยุดในที่สุด   คนที่เรียกเขาไว้เป็นหญิงสาวสวยสะพรั่งอย่างที่ไม่น่าเชื่อว่าจะมีลูกแล้ว   แถมลูกยังเป็นเด็กนิสัยไม่ดีอีกต่างหาก   วอนบินเสริมต่อในใจ    คุณนายลียิ้มอ่อนหวานให้จากเชิงบันไดชั้นสองของบ้าน   เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนนุ่มสลวยปล่อยทิ้งเคลียบ่า   ดวงตากลมใสฉายแววใจดีอยู่เสมอ   ดวงตาที่คล้ายกันเหลือเกินกับใครอีกคนที่เขาเพิ่งเผ่นแนบจากมา

     

     

    ครับ วอนบินรับคำ   ยืนเรียบร้อยแม้หน้าจะบึ้ง

     

     

    สตรีผู้นั้นก้าวลงบันไดมาหาเขาช้าๆ   ท่าเดินของเธอดูสง่างามอย่างคนตระกูลผู้ดีทุกระเบียดนิ้ว   ถ้าเทียบว่าเป็นนกเธอคงได้เป็นหงส์สาสีขาวที่งดงามมากแน่ๆ  วอนบินคิดอย่างชื่นชม   เจ้าหญิงหงส์ขาวที่บินอย่างสง่างามในท้องฟ้าสีคราม   อย่างฮงกีก็เป็นได้แค่นกกระจอกที่ขโมยของชาวบ้านเขานั้นแหละ   ไม่รู้คุณนายลีเลี้ยงลูกยังไง  

    ถึงไม่ค่อยสมประกอบ

     

     

    วอนบินแอบด่าคนที่ไม่ได้อยู่ด้วยไปอีกหลายคำ   เจอกันครั้งหน้าฉันจะเรียกนายว่า  นายนกกระจอก    คอยดูสิ

     

     

    ไม่สิ   กับคนนิสัยไม่ดีอย่างนั้นไม่ต้องพบกันอีกเลยดีกว่า   วอนบินตัดสินใจ   อืม   เขาจะไม่มาหาฮงกีที่บ้านอีกแล้ว

     

     

    มือนิ่มเย็นมาแตะที่แก้มเขาเบาๆ ทำเอาวอนบินสะดุ้ง   เงยหน้าขึ้นก็เห็นใบหน้างดงามสมบูรณ์แบบของแม่เด็กนกกระจอกในระยะใกล้   สวยมากจริงๆ   วอนบินอดหน้าแดงไม่ได้

     

     

    หัดทำหน้าบึ้งแต่เด็กอย่างนี้   แก่ไปเธอต้องหน้าย่นมากๆแน่ๆเลย เสียงหวานปรารภ

     

     

    วอนบินหน้าหงิกกว่าเดิม   ชัดเลยปากเสียอย่างนี้แม่ลูกกันไม่ผิดแน่

     

     

    ทำไมต้องมากๆด้วยล่ะครับ   มากคำเดียวก็พอแล้ว วอนบินว่า   เขาไม่เคยได้คุยกับคุณนายลีอย่างจริงจังมาก่อน   เคยแต่ทักทายกันไม่กี่ครั้งเพราะเพิ่งเคยมาบ้านฮงกีไม่กี่ครั้ง   แต่ด้วยบรรยากาศสบายๆรอบตัวผู้หญิงคนนี้ทำให้เขากล้าต่อปากต่อคำได้อย่างไม่ขัดเขิน

     

     

    คุณนายลีหัวเราะเบาๆ เถียงด้วยอ่ะ   เด็กนิสัยไม่ดี

     

     

    นั่นมันลูกคุณวอนบินเผลอสวน   พูดแล้วค่อยนึกได้จึงยิ้มแหยๆเป็นเชิงของลุแก่โทษที่เสียมารยาท

     

     

    หญิงสาวส่ายหน้าเส้นผมสีอ่อนละเอียดราวเส้นไหมพลิ้วไปมา    คุณนายลีถอนหายใจใบหน้ามีรอยจริงจังมากขึ้น เพราะอย่างนี้เหรอ   วันนี้เธอถึงได้กลับไวนัก   เพราะฮงกีทำนิสัยไม่ดีใส่เธอ

     

     

    วอนบินอึกอักไม่อยากตอบนัก   เพราะอย่างนั้นจริงๆเหรอ

     

     

    เพราะฮงกีทำไม่ถูกใจเธอ   เธอก็เลยโมโหเขาแล้วก็ทิ้งเขาไว้

     

     

    วอนบินมองหน้าสวยของเธอ   เขาเห็นความทุกข์อยู่ในนั้น

     

     

    ฉันมั่นใจว่าลูกของฉันไม่ใช่เด็กนิสัยไม่ดี   เขาไม่เคยทำให้ใครเสียใจ   ไม่เคยทำให้ใครผิดหวัง   ไม่ว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับตัวเองและทำให้ตัวเองเจ็บปวดขนาดไหนเด็กคนนั้นก็อดทนได้ดีเสมอมา    เพราะไม่อยากให้คนรอบข้างต้องเป็นกังวลไปกับตัวเอง    แล้วเขานิสัยไม่ดีตรงไหนอย่างนั้นเหรอ   ฉันไม่ได้อยากจะเรียกร้องให้เธอทำตามใจฮงกีทุกอย่าง   คนตามใจน่ะฮงกีมีมากจนหาที่เก็บไม่ได้   สิ่งที่เขาต้องการก็แค่เพื่อน    เพื่อนที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็จะอยู่เคียงข้าง    เธอจะโกรธเขาก็ได้    แต่อย่าได้เกลียดเค้าเลยนะ   ถือว่าฉันขอร้องก็ได้   ฉันสงสารลูก   ไม่อยากเห็นเขาร้องไห้อย่างนั้น

     

     

    คุณนายลีหยุดไปนิดหนึ่งให้วอนบินคิด  

     

     

    ฮงกีอาจจะขี้แกล้งไปบ้าง   หรือเอาแต่ใจเป็นบางครั้ง   แต่เขาก็น่ารักเธอไม่เห็นด้วยเหรอ หญิงสาวถามยิ้มๆ

     

     

    เอ่อ   ฮงกีร้องไห้เหรอครับ วอนบินถาม   ใบหน้าอ่อนเยาว์ฉายแววกังวลอย่างปิดไม่มิด   ทั้งกังวล   กระวนกระวายและท้ายที่สุดเสียใจ

     

     

    หญิงสาวไม่ตอบคำ   เพราะเธอรู้จักลูกของตัวเองดี   ลูกชายตัวดีที่เกลียดที่สุดเวลาที่ตัวเองแสดงความอ่อนแอ   เพราะอย่างนั้นเวลาฮงกีร้องไห้จึงมักแอบไปร้องไห้คนเดียว   คราวนั้นก็เหมือนกัน   เด็กนั่นหนีออกจากบ้านกว่าจะกลับก็เย็นค่ำคนที่บ้านตามหากันหัวใจแทบวาย   พอกลับมาก็เป็นลมล้มไม่ได้สติอยู่ที่หน้าคฤหาสน์   ฟื้นขึ้นมาก็เลยถูกพ่อตีไปสามครั้ง   พ่อที่ไม่เคยแม้แต่จะดุว่าให้ลูกคนนี้ต้องเสียใจ   กลับยกไม้เรียวฟาดลูกไปถึงสามที   เด็กตัวแค่นั้น   เสียงไม้หวดกระทบเนื้อยังก้องสะท้อนใจคนเป็นแม่อยู่จนถึงทุกวันนี้  

     

     

    เด็กนั่นก็เหลือเกินไม้ร้องไห้ซักกะแอะทั้งยังกล่าวขอโทษเสียงเรียบก่อนเดินขึ้นไปนอน   พ่อเองเสียอีกที่พอตีลูกเสร็จก็นั่งซึมน้ำตาเอ่อ   ถ้าไม่ใช่เช้าวันถัดมาสาวใช้ที่มีหน้าที่ดูแลฮงกีกระวีกระวาดมาเคาะห้องเธอแต่เช้าเธอคงไม่รู้เรื่อง   สาวใช้คนคนนั้นอายุประมาณสี่สิบกว่าๆเป็นคนเก่าแก่ที่อยู่ด้วยกันมานานรักฮงกีเหมือนลูกหลานในไส้ก็ไม่ปาน   เมื่อวานตอนที่คุณผู้ชายบอกว่าจะตีคุณหนูก็มีเธอคนนี้นี่แหละออกตัวห้ามสุดชีวิต  

     

     

    วันนี้หญิงสาวต้องตื่นแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้นมาฟังสาวใช้คนหนึ่งพูดไปร้องไห้ไปจนจับใจความไม่ได้   แต่ก่อนที่จะหงุดหงิดเธอก็เริ่มปะติดประต่อได้เรื่องได้จากคำว่า   คุณหนูๆที่เอ่ยซ้ำไปซ้ำมา

     

     

    เลิกคร่ำครวญแล้วพูดช้าหน่อยได้มั้ย   เพราะเสียงตะโกนอย่างหัวเสียอย่างที่แทบไม่เคยมีให้เห็นจากคุณผู้หญิงของบ้านจึงปลุกเอาสามีของเธอตื่นขึ้นมาด้วย   คุณหนูเจ้าค่ะ  คุณหนูแกร้องไห้ไม่หยุดที่ถูกพ่อแกตีตั้งแต่เมื่อคืน   อิฉันปลอบยังไงแกก็ไม่ฟัง   เอาแต่ร้องไห้ท่าเดียว   อิฉันทนไม่ไหวแล้วนะเจ้าคะคุณผู้หญิงช่วยไปดูแกหน่อยเถอะเจ้าค่ะ

     

     

    แล้วหญิงก็ตวาดแว้ดทันทีที่ฟังเข้าใจด้วยห่วงลูกจับใจ   แล้วทำไมเพิ่งมาบอกเอาตอนจะเช้าอย่างนี้   

     

     

    คุณหนูแกขอร้องไว้เจ้าค่ะ   บอกว่าเดี๋ยวก็หยุดเอง   อิฉันเลยไม่อยากทิ้งแกไว้แล้วมาตามคุณ

     

     

    หญิงสาวเอามือทาบอกหันไปมองสามีที่เดินมาฟังข้างๆก็รีบดึงมือเร็วให้เดินตาม   แต่ชายหนุ่มกลับช็อคค้างไปเรียบร้อยแล้วก่อนที่น้ำตาคนเป็นพ่อที่เป็นโรคติดลูกจะร่วงเผาะๆ   กว่าจะลากสามีไปที่ห้องลูกได้เธอแทบจะออกงิ้ว   พอไปถึงภาพที่เห็นกลับเลวร้ายยิ่งกว่า   มันแย่เสียจนเธอรู้สึกเหมือนมีก้อนอะไรแข็งๆมาจุกอยู่ที่คอ   พูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว   พาลโกรธชายหนุ่มผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีและเป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด

     

     

    เธอเพิ่งนึกได้เดี๋ยวนั้นเองว่าตั้งแต่โตมาเด็กคนนี้ไม่เคยร้องไห้เลยซักครั้ง    ทั้งที่ต้องเข้าออกโรงพยาบาลอยู่เป็นประจำแต่ละครั้งใช่ว่าจะได้พบเจอเรื่องสนุกสนานมีสุข   แต่เด็กคนคนนี้ก็ยิ้มแย้มทุกๆครั้ง   ทุกๆครั้งที่พ่อหรือแม่ทำหน้าเป็นห่วง

     

     

    ฮงกีที่เห็นในห้องนั้นไม่ใช่เด็กน้อยร่าเริงอย่างที่เธอรู้จัก   แต่เป็นคนที่กำลังขวัญเสีย   เรื่องที่อดทนมาตลอดกลายเป็นเรื่องที่ทนไม่ได้   เรื่องที่เก็บมาตลอดไหลทะลักราวสายน้ำ   ทำไม   ทำไม   และทำไม   เมื่อใดที่เริ่มคำนี้น้ำตามักจะพร่างพรูเสมอ  

     

     

    ร่างเล็กที่ร้องไห้อย่างปวดร้าวเมื่อหันมาเห็นเธอกับพ่อตัวเองก็กลั้นสะอื้นเสียจนตัวโยน   กว่าหญิงสาวจะนึกอะไรออกพ่อเขาก็เดินเร็วๆเข้าไปรวบร่างลูกเข้ามากอดแน่นก่อนกระซิบปลอบเสียงเครือ    จนแสงทองจับขอบฟ้าฮงกีถึงได้ผลอยหลับไป

     

     

    นั่นสินะพวกเขาสองคนมีคำสัญญากันไว้เนิ่นนานตั้งแต่ฮงกียังอายุน้อยกว่านี้   ตั้งแต่ตอนที่รู้ว่าลูกที่เกิดมานั้นจะไม่ได้มีชีวิตที่ราบรื่นเหมือนคนอื่นเขา   พวกเขาสองคนก็มีคำสัญญาต่อกันว่าจะต้องทำให้เด็กคนนี้มีความสุขให้ได้   แม้ว่าเส้นทางที่เขาเดินไปจะเต็มไปด้วยหนามแหลมแต่ว่ามันจะต้องมีกุหลาบบานสะพรั่งตลอดเส้นทางนั้น  





    ตอนนี้ยาวโฮกจิงอ่ะ ๆ 
    ขอแยกตอนไปเรื่อยๆจนกว่าจะจบตอนแล้วกันนะคะ  
    แล้วก็ในส่วนของตอนนี้เราเอาตอนพิเศษที่ฮงกีกับจงฮุนพบกันครั้นแรกมารวมด้วยลองอ่านดูแล้วจะรู้ว่ากว่าจะรู้ว่าคู่นี้มันน่ารักกันมากๆเลย >.<

    ขอบคุนที่เตือนนะคะเรื่องสัตว์เลี้ยง  
    เหอๆถ้าไม่ได้เข้าอีกสองวันมันต้องตายแหงแก๋แน่เลย ^^

    PS. เราอัพฟิคชั่นเรื่องใหม่   ไม่เกี่ยวกับ F.T หรอกค่ะ  แต่อยากให้ลองอ่านดูเป็น Fic ของเรื่อง code geass ตอนจบเรื่องนี้มันกวนใจเรามากเราก็เลยเขียน Fic ซะเลย ^^ ถ้าใครไม่รู้จัก  หรือไม่เคยดูแนะนำว่าให้หามาดูซะ  สนุกมากกกกกกกกกกกกกกก  จิงๆนะ




     

    รู้มั้ยครับ วอนบินเปรยขึ้นมาเรียกหญิงสาวให้หลุดจากภวังค์ความคิดในอดีตมายิ้มหวานอีกครั้ง เมื่อวันก่อนที่ผมมาบ้านคุณ   ผมเล่าให้ฮงกีฟังว่าที่โรงเรียนผมมีจัดให้ไปตั้งแคมป์กันที่น้ำตก   ฮงกีโวยวายอยากไปมากๆแต่ทางโรงเรียนคงไม่อนุญาตให้คนนอกไปด้วย   ผมก็เลยบอกเขาไปว่างั้นและผมจะกลับมาเล่าให้ฟังแทน   ฮงกีก็เอาแต่โวยวายไม่ยอมท่าเดียว   เขาว่าให้คนอื่นเล่าก็ไม่เหมือนกับไปเห็นด้วยตาตัวเองอยู่แล้ว   แถมไม่แน่ว่าวอนบินจะจำทุกอย่างที่ไปเที่ยวมาได้   ผมก็เลยบอกว่าที่บ้านมีหนังสือแนะนำที่ที่เราจะไปแคมป์อยู่   ถ้าผมจำได้ทั้งเล่ม   และฮงกีถามคำถามแล้วผมตอบได้   เขาจะต้องเลิกโวยวายและยอมอยู่บ้าน   แต่ถ้าผมตอบไม่ได้ผมจะพยายามเอาฮงกีไปด้วย


     

    วอนบินเล่าไปก่อนจะเริ่มหัวเราะเบาๆแต่ดวงตาคมนั้นกลับเคร่งเครียด


     

    แล้วไงจ๊ะ คุณนายลีถามพร้อมรอยยิ้มบางๆ   เธอเดาได้แล้วว่าสุดท้ายเป็นอย่างไร   คำถามที่ฮงกีตั้งถ้าเจ้าตัวไม่อยากให้ตอบได้   ลูกของเธอก็จะมีวิธีการทำให้มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ

     


    ผมใช้เวลาตั้งมากเพื่ออ่านและจำทั้งหมดเพื่อเล่าให้เขาฟัง   แต่ฮงกีกลับถามว่ากระดาษผลิตอย่างไร  ผมก็เลยโกรธและหนีออกมา   แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ตอบไม่ได้จริงๆ   และสัญญาต้องเป็นสัญญาจริงมั้ยครับ

     


    ใช่จ๊ะ   เธอเป็นเด็กดีมาก 

     


    ดวงหน้าเล็กๆจริงจังนักเมื่อเอ่ยคำถามต่อ
    คุณนายลีครับ   ผมขออนุญาตพาฮงกีไปแคมป์ด้วยกันซักสามวันได้มั้ยครับ

     


    หญิงสาวถอนใจ   และท้ายสุดเธอก็เอ่ยคำที่ทำให้ร่างวอนบินแทบจะถลาหายไปในทันใด

     


    ขึ้นบอกฮงกีก่อนเถอะ    พอเธอลงมาแล้วเรามีเรื่องต้องคุยกันอีกเยอะทีเดียว   ถ้าเธอจะเอาอย่างนั้นล่ะก็นะ

     

    ...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×