littletree
ดู Blog ทั้งหมด

พึงฆ่าความเกลียดชังด้วยความรัก: ก้าวต่อไปที่สังคมไทยต้องเรียนรู้

เขียนโดย littletree
ครูทางธรรมคนหนึ่งที่ผมเคารพ ท่านเล่าว่า
ความเกลียดชังซึ่งนำไปสู่ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองเราขณะนี้ เป็นกรรมที่คนไทยทำร่วมกัน

“เริ่มมาจากการไม่มีความจริงใจ ให้กันมาระยะหนึ่งแล้ว
ต่างฝ่ายต่างเอาชนะกัน ต่างฝ่ายต่างมองว่าตนเองถูก
และฟังข้อมูลแต่ฝ่ายตน พรรคพวกข้างตนเองถูกต้องที่สุด
มองอีกข้างเป็นศัตรู จึงกลายเป็นผลกรรมที่ต้องรับร่วม กัน
นี่จึงเป็นผลกรรมที่ทำร่วมกัน ไม่ใช่กรรมของผู้นำ ไม่ใช่กรรมของผู้ตาม
แต่เป็นกรรมของคนไทยด้วยกันที่ ทำแล้วไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้น”


(ขอใส่ลิงค์บทสัมภาษณ์เต็มๆ ของท่านไว้ เพราะผมเห็นว่าหากใครได้อ่านจะมีประโยชน์ต่อการเจริญสติครับ _/\_)
http://www.facebook.com/#!/note.php?note_id=437608747624&id=664454187&ref=mf

ใครที่เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารทั้งที่จริงและเท็จด้วยอกุศลเจตนา
ต้องการให้คน เกลียดชังฝ่ายตรงข้าม ปรารถนาจะเห็นความพินาศของผู้อื่น
ก็ได้ชื่อว่า เป็นผู้ราดน้ำมันเข้าไปในกองไฟ สร้างความเดือดร้อนให้กับทั้งตนเองและผู้อื่นเช่นเดียวกัน

ในสภาวะที่บ้านเมืองแตกแยก เต็มไปด้วยความรุนแรง
หนังสือพิมพ์มติชนถึงขนาดพาดหัวข่าวว่า “ประเทศพินาศ” ยิ่งชวนให้เรารู้สึกสลดหดหู่
แต่ผมกลับคิดว่าไม่มีสถานการณ์ใดจะเหมาะ สำหรับการเจริญสติภาวนา
และหมั่นระลึกถึงคุณค่าของความดีได้มากไปกว่า ช่วงนี้อีกแล้ว


ยิ่งเราอยู่ในความมืดที่ มืดมิดเท่าไร เราก็จะมองเห็นแสงสว่างได้ชัดเจนยิ่งขึ้น


ขอให้เรามองย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 6 ปีก่อน ตอนที่เกิดมหันตภัยสึนามิ
เฉพาะในประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตและสูญหายมากว่าหมื่นราย
และอีกกี่หมื่นครัวเรือนที่ต้องสูญเสียญาติพี่น้อง สูญเสียบ้านและทรัพย์สิน

จำได้ไหมว่าหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้น...

มีคนไทยจากทั่วทุกภูมิภาคของประเทศเดินทางลงมายังภาคใต้เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยเหล่านั้น
และอีกตั้งเท่าไรที่บริจาคข้าวของเงินทอง น้ำ อาหาร หยูกยา เสื้อผ้า
โดยไม่ต้อง ร้องขอ โดยไม่หวังอะไรตอบแทน
ธารน้ำใจได้หลั่งไหลลงมาสู่พี่น้องชาวใต้และผู้ ระสบภัยทุกคน
โดยไม่แบ่งแบกชนชั้น เชื้อชาติ หรือศาสนา

จากคนไทย ที่รักและเห็นอกเห็นใจกลับมาโกรธแค้นเกลียดชังกันได้ในเวลาไม่กี่ปี...

เพราะฉะนั้นอีกเดี๋ยวพวกเรา ก็จะกลับมารักกันได้อีก


เพราะว่าทั้งความรักและ ความโกรธเกลียดนั้น ต่างก็เป็นของชั่วคราว เหมือนๆ กัน
แล้ววันหนึ่งเหตุการณ์นี้ก็จะผ่านพ้น ไป... เป็นธรรมดาของโลกใบนี้...



เขาว่าคนไทยลืมง่าย ผมเองก็คิดว่าวันหนึ่งคนไทยก็จะลืมความเกลียดชังนี้ แล้วกลับมาอยู่ร่วมกันได้อย่างพี่น้องอีกครั้ง

เมื่อเทียบกับอายุของคนแล้วประวัติศาสตร์ของประเทศหนึ่งๆ นั้นยาวนานกว่าหลายสิบหลายร้อยเท่า
เหตุการณ์ความวุ่นวายในชาติเพียงสองสามปี เมื่อเทียบกับอายุคนก็เหมือนไม่กี่เดือน ไม่กี่วัน

หากเรามองว่าประเทศไทยล้มเหลวในการปกครอง
“แบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข”

ก็ขอให้เราดูสหรัฐฯอเมริกาที่มีประวัติศาสตร์ “ประชาธิปไตย” ยาวนานกว่าเราเป็นร้อยๆ ปี
เขาต้องผ่านสงครามระกา ศอิสรภาพ ต้องผ่านสงครามกลางเมือง มีคนตายเป็นหมื่นเป็นแสน

 หากเปรียบประเทศไทยภายใต้การปกครองแบบประชาธิปไตยฯ (ซึ่งมีอายุแค่เกือบ 80 ปี) เป็นมนุษย์
ตอนนี้ก็คงเป็นเด็กวัยรุ่นซึ่ง อยู่ในวัยหัวเลี้ยวหัวต่อ

จำได้ไหมว่าช่วงที่พวกเราเป็นวัยรุ่น เราผ่านอะไรมาบ้าง (ถ้าใครยังไม่ผ่านก็ไม่เป็นไรฮะ)
ผมเคยจมอยู่ในความโศกเศร้า
เคยหันความเกลียดชังใส่ทุกคนแบบไม่เลือกหน้า
เคยคิดอยากจะฆ่าตัวตายตั้งหลายครั้ง

แต่ก็ผ่านช่วงนั้นมาได้...
กลับมามีความสุขความพอใจในปัจจุบัน และภูมิใจที่ได้เป็นตัวเองอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้

ในสายตาของผมนั้น ประเทศไทยในตอนนี้ไม่มีอะไรน่าสิ้นหวังเลยสักนิด
พวกเราเพียงแต่ยังไม่โต ยังไม่รู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด
ก็เหมือนกับ เด็กๆ ที่ทั้งดื้อทั้งซน สอนอะไรก็ไม่ฟัง ต้องให้ลองถูกลองผิดจนเจ็บเสียก่อน ถึงจะเรียนรู้

 ผมบอกแล้วว่า ยิ่งอยู่ในความมืดเท่าไรก็จะเห็นแสงสว่างได้ชัดเจนยิ่งขึ้น...
ชอให้เรา ดูเมื่อไม่กี่วันก่อน มีคนไทยตั้งมากมายบริจาคน้ำและอาหารแห้งให้กับคนที่ชุมชนบ่อนไก่

คนที่กำลังใช้ความรุนแรง อยู่ตามจุดต่างๆ ทั่วประเทศนั้นมีแค่ไม่กี่พันคน
หากเทียบกับคนไทยทั้งประเทศที่มีตั้ง 60 กว่าล้านคนแล้ว ก็ไม่ถึง 0.1%

คนไทยที่มีความเห็นอก เห็นใจ ปรารถนาจะให้บ้างเมืองสงบสุขนั้นมีอยู่มากมายนับไม่ถ้วน
เพียงแต่ตอนนี้ ยังไม่ถึงเวลาที่พวกเขาจะแสดงพลัง
ต้องให้ความมืดมิดนี้ผ่านพ้นไปก่อน
(ไม่ มีใครกระโดดเข้าไปช่วยผู้ประสบภัยตอนสึนามิมาจริงไหม ต้องให้มันผ่านไปก่อน ถึงจะเข้าไปช่วย)
เพราะฉะนั้นขอให้คนไทยทุกคนอย่าเพิ่งสิ้นหวัง อย่าเพิ่งท้อใจ

ใครที่รักตัวเองและรู้จักความเจ็บปวดของตัวเองดี
ย่อมสามารถรักคนอื่น และเห็นอกเห็นใจในความเจ็บปวดของผู้อื่นได้เช่นเดียวกัน

ผมเชื่อว่าความทุกข์ทรมานของพี่น้องคนไทยในครั้งนี้
จะเป็นบทเรียนให้พวกเราเรียนรู้และเติบโตไปพร้อมๆ กันได้


ความเกลียดชังไม่เคยก่อให้ เกิดอะไรนอกจากความเกลียดชัง
และสิ่งที่จะฆ่าความเกลียดชังได้คือ "ความรักและควาเมตตา"


ขอให้ทุกคนช่วยกันฆ่าความเกลียดชังในสังคมด้วยความเมตตา
ขอให้พวกเราหัน มารักกันโดยไม่แบ่งแยกสี แยกฝ่าย ให้อภัย ไม่ถือโทษโกรธเคืองเรื่องในอดีต
ไม่ต้องหวังให้ อีกฝ่ายเข้าใจเรา แต่ให้เราเริ่มเข้าใจเขา... เห็นใจเขาก่อน

ผมเคยโกรธ เกลียดคนอื่น ขนาดที่ไม่คิดว่าชาตินี้ทั้งชาติจะสามารถให้อภัยเขาได้
ผมรู้ดีว่า ขณะที่ใจตัวเองถูกครอบงำด้วยความเกลียดชังนั้นมันทรมานแค่ไหน

เชื่อเถอะ ครับ ถ้าได้ลองสักครั้งแล้วจะรู้ว่าการรักคนอื่นนั้น มันง่ายกว่าการเกลียดคนอื่นเยอะเลย
การมอบความรักให้ผู้อื่นนั้น นอกจากจะทำให้ตัวเองมีความสุขแล้ว
ยังทำให้คนรอบข้างมีความสุขอีกด้วยครับ ^^

ความคิดเห็น

ยังไม่มีความคิดเห็น