ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    seven armor สงครามเจ็ดเกราะราชันย์

    ลำดับตอนที่ #3 : พันธสัญญาอมตะ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 7
      0
      28 เม.ย. 57

                    สติของฮุสซาร์เลือนรางดุจเปลวเทียนที่ไหววูบใกล้ดับ หลังจากอาการชาในขั้นแรก หน้าอกค่อย ๆ ปวดแปลบจนต้องร้องครวญครางออกมา ชายหนุ่มฝืนยกศีรษะขึ้นมา มองดูบาดแผลของตัวเอง หน้าอกของเขาถูกกรีดขาดเป็นทางยาว เผยเห็นเนื้อแดงสดและกระดูกขาว ด้วยพลังฝีมือของยมทูตดำลำตัวของเขาสมควรถูกฟันขาดสะพายแล่ง แต่ในขณะนั้นยมทูตดำต้องแบ่งพลังไปรับมือกับครอม่า ทำให้การโจมตีลดความรุนแรงลงหลายส่วน บวกดำเขาใช้เวทเปลี่ยนหนังตัวเองเป็นหนังจระเข้ที่หนาเป็นพิเศษ ปกติแล้วมีดดาบไม่อาจกล้ำกราย แต่ยามนี้แทบถูกพรากชีวิตไป ความร้ายกาจของยมทูตดำนับเป็นที่น่าหวาดหวั่นยิ่ง

                    เลือดของฮุสซาร์ไหลทะลักต่อเนื่องจนนองพื้น สติสัมปชัญญะเริ่มเลือนรางลงทุกที หากสิ้นสติเมื่อไร เวลาตายของเขาจะมาถึง แต่จนใจที่ไม่มีเรี่ยวแรงจะทำอะไรได้ ภาพที่เฟอร์น่าถูกฟันข้อเท้าขาดเสมอข้อยังติดตรึงอยู่ในสมอง ฮุสซาร์โกรธแค้นตัวเองที่วู่วามไม่มีหัวคิด โจมตีศัตรูเข้มแข็งโดยไม่คิดหน้าคิดหลังเป็นเหตุให้ไม่อาจปกป้องพวกพ้องทั้งยังต้องจ่ายชีวิตตัวเองออกไป

                    ในช่วงสุดท้ายของชีวิตผู้คน ก่อนเปลวไฟชีวิตจะสิ้นแสงจะเปล่งประกายสว่างจ้าที่สุด ฮุสซาร์แผดเสียงร้องออกมาอย่างคับแค้นในรวบรวมพลังครั้งสุดท้ายลุกขึ้นยืน อย่างน้อยขอออกไปตายกับพวกพ้อง ไม่ถูกทิ้งอเนจอนาถอยู่ที่นี่

                    รอบกายเขาพลันเปลี่ยนเป็นมืดสนิท เท้าคล้ายลอยอยู่ในอากาศ ไม่ได้เหยียบอยู่บนพื้นอันใด ร่างกายเบาหวิวเหมือนกับไร้น้ำหนัก ทั้งยังไม่อาจควบคุมร่างกายแม้แต่ขยับนิ้ว ที่เบื้องหน้าปรากฏเงาสีแดงขนาดเท่ากับตัวเขาเคลื่อนไหววูบวาบ คล้ายเปลวเทียนที่ถูกลมพัดไหวไปมา

                    “เจ้าต้องการพลังหรือไม่?”เสียงแหบพร่าระคายหูเสียงหนึ่งดังขึ้นในห้วงความคิด คล้ายเป็นกระแสจิตที่ส่งเข้ามาสู่สมองโดยตรง

                    “แก...เป็นใคร?”ฮุสซาร์ถามกลับอย่างอ่อนแรง

                    “ผู้ที่จะมอบพลังอันไร้เทียมทานให้กับผู้ที่ต้องการมันอย่างแท้จริง”เสียงนั้นตอบกลับมา

                    “เจ้าต้องการพลังหรือไม่?”คำถามเดิมดังขึ้นอีก

                    คำถามนั้นจี้ถึงจุดใจกลางความต้องการของฮุสซาร์ เหมือนมอบน้ำให้ผู้ที่กระหาย เสียงกรีดร้องของเฟอร์น่ายังคงคิดตรึงอยู่ในหู ป่านนี้เธอจะเป็นอย่างไร สเตนปลอดภัยดีหรือไม่ เงาร่างประหลาดนั้นจะรับมือชายชุดดำได้หรือไม่ หากเงาร่างนั้นพ่ายแพ้ พวกเขาจะมีชะตากรรมอย่างไรต่อไป ความจริงเขาพอคาดเดาคำตอบได้

                    ตาย... นั่นเป็นสิ่งที่จะเป็นไปได้มากที่สุด

                    สติสัมปชัญญะของชายหนุ่มกลับกลายเป็นสุกใสขึ้นมาอีกครั้ง ดวงตาของฮุสซาร์ทอประกายอย่างแรงกล้า

                    “พลังนั้น จะทำให้ฉันชนะคนชุดดำนั่นได้รึเปล่า?”

                    “ย่อมได้”เสียงลึกลับตอบราวกับเป็นเรื่องง่ายปานปอกกล้วย

                    “ถ้าอย่างนั้นฉันก็ต้องการ!”น้ำเสียงฮุสซาร์พลันเปลี่ยนเป็นมีพลังเปี่ยมล้น ไม่คล้ายเป็นคนใกล้ตายอีก “เอาพลังมาให้ฉัน!

                    เสียงลึกลับนั้นเปล่งเสียงหัวเราะแหบพร่าเสียดแก้วหู

                    “เยี่ยมยอด เยี่ยมยอด ความปรารถนาอันแรงกล้าของมนุษย์ ทำให้ข้าตื้นตันจริง ๆ”มันกล่าวอย่างสมใจ แล้วกล่าวถามหนักแน่นว่า

    “ตอบข้ามาเด็กน้อย เจ้ายินดีขายชีวิตของเจ้าให้ข้าหรือไม่?”

    “เอาไปเลย อย่าได้อะไรก็เอาไป”ฮุสซาร์ตอบอย่างไม่ลังเล

    เสียงลึกลับส่งเสียงในคออย่างพึงพอใจ

    “พันธสัญญาเสร็จสิ้นแล้ว”

    สิ้นเสียงนั้น ทุกอย่างก็ดับมืดลง

     

    ที่เบื้องนอกเสียงร้องของฮุสซาร์กระตุ้นให้ทั้งครอม่าและยมทูตดำหันขวับมา จับจ้องที่ร่างของฮุสซาร์เป็นตาเดียว ภาพที่ปรากฏแก่สายตาล้วนทำให้ทั้งสองแทบลืมหายใจ

    ร่างของฮุสซาร์ลอยอยู่กลางอากาศ เบื้องหลังของเขาเป็นตู้กระจกทรงกระบอกที่สูงจรดเพดานห้องท้องเรือ ภายในตู้กระจกมีเกราะสีขาวบริสุทธิ์ ตัวเกราะทำจากโลหะที่ไม่อาจคาดเดาที่มา แต่มันสะท้อนประกายเจิดจ้าคล้ายกับเป็นอัญมณีเลอค่าชิ้นหนึ่ง บนเกราะมีอักษระโบราณสลักอยู่ตามชิ้นส่วนต่าง ๆ ดูไปคล้ายเป็นลวดลายที่เป็นศิลปะอย่างหนึ่ง ให้ความงดงามอันลี้ลับแก่ผู้พบเห็น เกราะชุดนี้ย่อมเป็นสิ่งของที่ยมทูตดำทุ่มปกป้องอย่างสุดฝีมือ ทั้งยังเป็นเหตุให้เกิดโศกนาฏกรรมขึ้นหลายรายขึ้นบนสายน้ำโรบอครีนี้

    เกราะเกล็ดมังกรนั่นเอง

                    ยามนี้ ชุดเกราะค่อย ๆ สลายออกไปเป็นผงธุลี กระจายออกในอากาศ กลับทะลุผ่านกระจกใสออกมาอย่างน่าอัศจรรย์ ผงธุลีสีขาวเคลื่อนไหวในอากาศรวมเป็นสายคล้ายผ้าแพรผืนหนึ่ง พลิ้วตัวไหลเข้าไปในบาดแผลที่หน้าอกของฮุสซาร์ ในขณะเดียวกัน บาดแผลก็ค่อยๆ ปิดลง ใบหน้าของฮุสซาร์ก็ค่อย ๆ ปรากฏสีเลือดมากขึ้น คล้ายกับอาการบาดเจ็บได้รับการเยียวยา กำลังวังชาฟื้นฟูกลับคืน

                    ยมทูตดำตั้งสติได้ก่อน พลันร้องตวาดลั่นพร้อมกับฟาดฝ่ามือออกเป็นมีดสายลมขนาดใหญ่ พุ่งออกไปเหมือนจรวด ยมทูตดำอัดพลังเวททั้งหมดทั้งมวลลงเดิมพันกับการโจมตีครั้งนี้อย่างเต็มที่ กระแสลมเคลื่อนผ่านที่ใดที่นั่นล้วนถูกพัดพังทลาย จระเข้ดำที่ประมือกับยมทูตดำหลายกระบวนท่าค่อยได้ทราบว่า ที่ผ่านมายมทูตดำยังใช้ฝีมือไม่ถึงครึ่ง เขาสำนึกตัวดีว่าไม่มีปัญญารับกับใบมีดสายลมครั้งนี้ได้แต่พาตัวกลิ้งหลบออกไปด้านข้าง กระนั้นยังไม่วายถูกปลายสายลมเชือดเฉือนที่หน้าแข้งเป็นแผลยาว

                    กระแสลมกรีดกรอบประตูห้องท้องเรือขาดวิ่นราวใช้คัตเตอร์กรีดใส่กระดาษ สายลมพุ่งเข้าใส่ฮุสซาร์อย่างแม่นยำ เห็นแน่ชัดว่าต้องตัดร่างของชายหนุ่มผมแดงเป็นสองท่อน ผงธุลีจากเกราะเกล็ดมังกรสายสุดท้ายไหลเข้าไปในหน้าอกของฮุสซาร์จนหมด จากนั้นเกิดแสงสว่างวาบ

     

                    ณ พื้นที่อันลึกลับอีก 6 แห่งบนผืนโลก ท่ามกลางความมืดมิดจนคล้ายว่างเปล่า แต่ละที่ปรากฏนัยน์ตาคู่หนึ่งเบิกโพลงฉายประกายแวววาวในความมืดอย่างลี้ลับ

                    “เกราะเกล็ดมังกรตื่นขึ้นมาแล้ว”

                    “ฮ่า ฮ่า ฮ่า ในที่สุด สงครามก็กลับมา”

                    “...”

                    “ได้กลิ่น...ข้าได้กลิ่น ...ความตาย”

                    “เฮ้อ...หมดช่วงเวลาแห่งความสงบสุขแล้วงั้นเหรอ เอาเถอะยังไงมันก็เป็นวัฏจักร”

                    “รอไม่ไหวแล้ว รอไม่ไหวแล้ว!

                    วันนั้น บนฟากฟ้าปรากฏลำแสง 6 เส้น แยกย้ายกันพุ่งลง ณ จุดต่าง ๆ ของสหพันธรัฐอฟอดิเต้ นั่นคือสัญญาณของปรากฏการณ์ที่จะทำให้เลือดหลั่งชโลมดินแดนแห่งนี้อีกครั้ง ด้วยไฟแห่งสงคราม

     

                    เสียงดังฉับ เมื่อใบมีดลมทะลุห้องท้องเรือ ตัดผ่าตัวเรือออกในแนวขวาง เรือทั้งลำแบ่งออกเป็นสองซีกแยกย้ายพลิกลงใส่ผิวน้ำดังตูม ผิวน้ำระเบิดแตกออกปานน้ำพุ แล้วค่อยกลายเป็นวงคลื่นสะท้อนออกไปรอบข้าง เงาร่างสองสายม้วนตัวตีลังกาในอากาศแยกย้ายกันร่อนลงยืนบนซากเรือทั้งสองซีกซึ่งกึ่งจมกึ่งลอยอยู่บนผิวน้ำ

                    ทั้งสองทรงตัวยืนด้วยท่วงท่างามสง่า แสดงถึงท่าร่างและพลังฝีมือที่เหนือล้ำ หนึ่งนั้นเป็นชายชุดดำ ยมทูตดำเซไกซัส อีกหนึ่งเป็นร่างในชุดเกราะ เกราะเป็นเกราะแม็กซีมิเลี่ยนขาวสะอาดขลิบทองประดับเกล็ดสีเขียวแวววาน บนหมวกเกราะประดับพู่ยาวสีขาว หน้ากากเป็นรูปมังกรแยกเขี้ยวยิงฟันท่าทางดุร้าย ในช่องดวงตาปรากฏดวงตาที่เปล่งประกายอย่างพิสดาร ไม่คล้ายเป็นดวงตาของมนุษย์ แต่เป็นดวงตาของปิศาจร้ายที่คิดจะทำลายทุกสิ่งที่อย่างที่ขวางหน้า บนเกราะมีอักขระโบราณเป็นลายโค้งให้ความรู้สึกมากด้วยมนต์ขลัง ที่เกราะหน้าอกมีรอยแตกยาวตั้งแต่ไหล่ซ้ายลงมาจนถึงสีข้างขวา ข้างในรอยแตกปราศจากเลือดไหลซึม แต่กลับเป็นเนื้อสีดำที่มีแถบเส้นสีแดงดูลี้ลับสยองขวัญ เนื้อสีดำและตัวเกราะค่อย ๆ ประสานตัวเข้าด้วยกันอย่างน่าประหลาด จนชั่วครู่ก็กลับเป็นเหมือนเดิม คล้ายไม่มีใดเกิดขึ้น

                    จากภาพที่เห็น ยมทูตดำต้อง               ลอบประหวั่นพรั่นพรึงในใจ เมื่อครู่เขาแทบใช้พลังขั้นสูงสุดออกไป สุดท้ายยังไม่อาจทำอะไรสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้ พลังอันยิ่งใหญ่ของเกราะเกล็ดมังกรจัดว่าน่าตื่นตาตื่นใจ นี่จึงเป็นสาเหตุให้เกิดการแก่งแย่งช่วงชิงในวันนี้ขึ้น แต่ทว่าตาอินกับตานาแย่งปลา ตาอยู่กลับได้เนื้อชิ้นมันไปครอง เกราะเกล็ดมังกรกลับตกอยู่ในมือของเด็กไม่รู้หัวนอนปลายเท้าคนหนึ่ง

                    หากฝ่ายตนไม่ได้ครอบครอง ก็ต้องไม่มีใครได้ไป หลังจากการคิดเกิดข้อสรุป ยมทูตดำพลันเร่งเร้าพลังเวทขึ้นจนเสื้อผ้าพัดพลิ้ว ตั้งใจว่าวันนี้จะลองสังหารตำนานดูสักครั้ง

                    หากเป็นคนทั่วไป ถูกกดดันจากรังสีฆ่าฟันของยมทูตดำตอนนี้ ไม่เกิดอาการ น้ำหูน้ำตาไหล ยกมือทิ้งอาวุธวิ่งหนีไปก็แปลกแล้ว ต่อให้เป็นจอมขมังเวทยังต้องเกิดความระย่นย่ออยู่บ้าง หากแต่เกราะเกล็ดมังกรเพียงเหลือบตามองก็สลายความกดดันจากยมทูตดำไปสิ้น

                    เกราะเกล็ดมังกรไม่พูดไม่จา ชิงเป็นฝ่ายลงมือก่อน โน้มตัวพุ่งเข้าใส่ยมทูตดำ มือกางออกเป็นกรงเล็บยื่นใส่อีกฝ่ายดุจสายฟ้า เกราะเกล็ดมังกรลงมาอย่างรวดเร็ว ยมทูตดำจ้องมองการลงมือของอีกฝ่ายอย่างตื่นตระหนก การโจมตีนี้แฝงพลังเปี่ยมล้น ยมทูตดำไม่มีความมั่นใจว่าจะสามารถปะทะกับอีกฝ่ายตรง ๆ ได้ แต่ไม่มีความมั่นใจจะหลบเลี่ยงเช่นกัน ยามนั้นได้แต่ใช้วิธีพิสดาร ยมทูตดำสะบัดมือไปสองข้างตัวบังคับมีดสายลมพุ่งใส่ผิวน้ำ มีดสายลมกรีดน้ำเป็นคลื่นสองลูกม้วนเข้าใส่เกราะเกล็ดมังกร คลื่นสองลูกนี้ย่อมไม่อาจขัดขวางเกราะเกล็ดมังกร แต่ยอดฝีมือชิงชัย อาศัยช่องว่างเพียงน้อยนิด ชั่วขณะที่สายน้ำพุ่งขึ้นมาบดบังสายตาของมัน ยมทูตดำพลันลอยตัวขึ้นไปบนฟ้า กรีดฝ่ามือฟาดใบมีดสายลมลงมาจากทางเบื้องบน ชิงจากฝ่ายรับเป็นฝ่ายรุก เกราะเกล็ดมังกรส่งเสียงหัวเราะแหบพร่าระคายหูออกมา ตวัดกรงเล็บขึ้นปะทะกับมีดสายลมอย่างหักโหม

                    การต่อสู้เร่งเร้าความดุเดือดขึ้น การปะทะกันระหว่างสุดยอดจอมเวทอย่างยมทูตดำกับเกราะในตำนาน สะกดให้ผู้อื่นที่อยู่รอบข้าง ล้วนชมดูอย่างลืมหายใจ กระทั่งจระเข้ดำครอม่าก็ได้แต่สำนึกว่าไม่อาจเข้าไปแทรกระหว่างการต่อสู้นี้

                    เกราะเกล็ดมังกรเผชิญกับพายุใบมีดจากอีกฝ่าย ไม่รู้สึกเกรงกลัวแต่อย่างใด กลับใช้ยุทธวิธีเสี่ยงตาย กระโดดพุ่งกรงเล็บแหวกพายุใบมีดพุ่งเข้าใส่ยมทูตดำตรง ๆ ชั่วพริบตาทั่วร่างถูกกรีดเป็นแผลหลายสิบแห่ง หากเป็นคนธรรมดาต้องเจ็บปวดจนตายแล้ว แต่แผลของเกราะเกล็ดมังกรสามารถสมานตัวอย่างรวดเร็ว เสมือนว่าไม่ได้รับความบาดเจ็บใด ๆ  

                    กรงเล็บครบกริบเป็นประกายแวววาวยื่นมาถึงตรงหน้าแล้ว ยมทูตดำ พลันรู้สึกหนาววูบที่กระดูกสันหลังขึ้นมา นับแต่เขาเผชิญคู่มา ยังไม่เคยเจอคนที่น่าหวาดหวั่นถึงเพียงนี้ กอปรกับวันนี้เขาใช้พลังเวทไปมากมาย ไม่สามารถต่อสู้ระยะยาวกับคู่มือเข้มแข็งเช่นนี้ได้ ความคิดต่อสู้ของยมทูตดำสลายหายไปเขาแสร้งเป็นโบกมือสร้างกระแสลมกระแทกใส่ฝ่ามือของเกราะเกล็ดมังกร แท้จริงกลับใช้พลังลมนั้นเสริมด้วยแรงผลักจากอีกฝ่ายดันตัวเองลอยละลิ่วไป

                    “ครั้งนี้ฝากไว้ก่อน ไม่ว่ายังไงฉันต้องเป็นฆ่าแกกับมือ รักษาตัวให้ดี” ยมทูตดำตะโกนกล่าวคำอาฆาตทิ้งท้ายก่อนพลิ้วกายจากไปจนหายลับ

                   

                    บนสะพานเดินเรือของเรือรบ เอเอฟ-มิคาเอล นายพลเบอร์ต้าเซถลาเข้าห้องมาด้วยสะภาพสะบักสะบอม เครื่องแบบที่สวมใส่มีรอยขาดวิ่น ใบหน้าปรากฏรอยฟกช้ำ ที่หางคิ้วยังเป็นแผลแตกมีเลือดไหลซึม เหล่านายทหารในสะพานเดินเรือเห็นสภาพอย่างนั้นต่างผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ บนสีหน้ามีเค้าหวั่นวิตกมากว่าเป็นห่วง พวกเขาล้วนเป็นนายทหารที่ติดตามพลโทเบอร์ต้ามานาน รับทราบความร้ายกาจของผู้บังคับบัญชาของตนดีกว่าใครอื่น หากจะมีใครสักคนที่จะทำให้นายพลเบอร์ต้าตกอยู่ในสภาพนี้ได้ คนๆ นั้นต้องเป็นติดทำเนียบสุดยอดจอมเวทของโลก

                    “ท่านนายพล พักผ่อนก่อนเถอะครับ”นายทหารผู้หนึ่งพูดขึ้น

                    “หุบปาก นี่ไม่ใช่เวลาพัก”นายพลเบอร์ต้าตวาด

                    “เจอเรือยอร์ชลำนั้นรึเปล่า”เขาถามต่อ

                    “เจอครับ”

                    “เกราะเกล็ดมังกรล่ะ”

                    “เอ่อ..คือ...ดูนี่เถอะครับ”กล่าวจบ นายทหารคนหนึ่งก็เดินไปกดปุ่มนำภาพจากกล้องสังเกตการณ์ขึ้นไปบนมอนิเตอร์ ภาพนั้นเป็นภาพที่เกราะเกล็ดมังกรกำลังต่อสู้กับเซไกซัส จนกระทั่งเซไกซัสหนีไป นายพลเบอร์ต้าชมดูแล้วต้องขบฟันกรอดพร้อมกับทุบกำปั้นลงบนพนักเก้าอี้อย่างไม่สบอารมณ์ สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนหลายครา จนในที่สุดค่อยเปลี่ยนเป็นเยือกเย็นลง

                    “เกราะเกล็ดมังกรมีเจ้าของแล้ว ก็แล้วกันไป ถือว่าภารกิจล้มเหลว เดินทางกลับได้”นายพลกล่าวพลางทอดถอนใจ ในห้วงคำนึงนึกถึงนายเหนือของเขา...

     

                    จระเข้ดำ และเอียนเฝ้ามองยมทูตดำจากไปอย่างโล่งอก ในขณะที่สเตนและไกโดกำลังสาละวนอยู่กับการทำแผลให้เฟอร์น่า หญิงสาวเสียเลือดมากจนสิ้นสติ ทั้งสเตนและไกโดต่างมองดูข้อเท้าที่พิการของเธอด้วยความสะทกสะท้อนใจ หากเธอฟื้นมาจากบอกกล่าวกับเธออย่างไรว่าเธอไม่สามารถว่ายน้ำได้อีกแล้ว ไกโดหวนนึกถึงเฟอร์น่าชอบการว่ายน้ำเป็นชีวิตจิตใจ สาเหตุที่เธอมาเข้าร่วมสมาคมเวทจระเข้ดำเพราะเธอต้องการเป็นอิสระในสายน้ำ ต้องการใช้เวทของสมาคมก้าวข้ามขีดจำกัดของมนุษย์ที่ไม่สามารถหายใจในน้ำได้ แต่นับจากนี้...คิดแล้วชายหนุ่มได้แต่ถอนหายใจ

                    ฮุสซาร์ในร่างของเกราะเกล็ดมังกรเหินร่างจากซากเรือที่กลางแม่น้ำ ร่อนลงที่ริมฝั่งด้วยท่วงท่างดงาม กอปรด้วยบุคลิกของยอดฝีมืออย่างเต็มเปี่ยมจนครอม่ายังไม่อยากเชื่อสายตาว่านั่นคืออันธพาลน้อยที่เขาไม่เคยสนใจแม้แต่จะจำชื่อคนหนึ่ง

                    เกราะสีแดงก้าวเดินเข้าไปยังพรรคพวกของเขา ทรุดลงคุกเข่าที่เบื้องหน้าร่างกายที่อ่อนระทวยของเฟอร์น่า ฮุสซาร์เหม่อมองข้อเท้าที่ขาดด้วนทั้งคู่ แม้เขาจะเอาชนะศัตรูได้ แต่ก็ไม่อาจทำให้สิ่งที่เสียไปกลับคืนมา ในใจเกิดรสชาติขมขื่นยากบรรยาย ฮุสซาร์ซัดกำปั้นเข้าใส่พื้นระบายความคับแค้นที่แน่นอยู่ในอก พร้อมกันนั้นตัดสินใจว่า จะต้องทวงถามหนี้โลหิตจากยมทูตดำให้จงได้

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×