ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    seven armor สงครามเจ็ดเกราะราชันย์

    ลำดับตอนที่ #1 : เกราะเกล็ดมังกร-1

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 22
      0
      24 เม.ย. 57

    รัฐคีรีซา รัฐเล็ก ๆ ทางตอนเหนือของสหพันธรัฐอฟอดิเต้ ที่นี่มีภูมิประเทศ เป็นเทือกเขาสูงสลับซับซ้อน มีป่าไม้เขียวชอุ่ม เป็นที่กำเนิดของแม่น้ำสำคัญหลายสายของประเทศ เนื่องจากมีภูมิประเทศเหมาะสม รัฐบาลจึงได้สร้างเขื่อนขนาดยักษ์สำหรับผลิตไฟฟ้าเขื่อนหนึ่งไว้ในรัฐนี้ เขื่อนตั้งอยู่ระหว่างภูเขาสองลูกคือ ภูเขาซาซอนต้าและภูเขานากาต้า  กั้นแม่น้ำ โรบอครีกลายเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่อยู่ท่ามกลางเทือกเขา ใต้เขื่อนจัดสร้างเป็นเมืองเล็ก ๆ เมืองหนึ่ง หลอมรวมกับเขื่อนจนคล้ายเป็นสิ่งก่อสร้างเดียวกัน ภายในเมืองแบ่งเป็น 2 ชั้น คล้ายกับเป็นอาคารขนาดใหญ่หลังหนึ่ง ชั้นบนเป็นอาคารที่พักของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐ รวมถึงยังจัดสร้างเป็นสวนสาธารณะริมเขื่อน ปลูกสร้างโรงแรมหรูเพื่อใช้ต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มีปัญญาจ่ายเงิน ส่วนชั้นล่างกลับเป็นสลัม ที่อยู่อาศัยของแรงงานในเขื่อนผลิตไฟฟ้าและแรงงานที่ทำหน้าที่อื่น ๆ ในเมืองชั้นบน

                    ในสลัมของเมืองชั้นล่าง บรรยากาศมืดสลัว ด้านบนมีเพดานปิดทึบเปิดช่องเล็กน้อยให้แสงลอดลงมา ถนนในเมืองตัดพาดกันไปมา คดเคี้ยวไม่มีระเบียบ ตลอดสองข้างทางเป็นร้านค้าแผงลอยที่ประกอบขึ้นด้วยแผ่นเหล็กเหลือใช้ สภาพบิดเบี้ยวไม่คล้ายเป็นที่อยู่คน  ริมถนนที่ปูด้วยอิฐก้อน เป็นร่องน้ำทิ้งมีน้ำคลำสีนำส่งกลิ่นเหม็นไหลริน เวลากลางวันผู้คนออกไปทำงาน บนถนนในตัวเมืองกลายเป็นเงียบเหงา มีเพียงขอทานและสุนัขนอนหลับอย่างซึมเซาอยู่ตามข้างทาง ถนนหลักของเมืองเริ่มจากลิฟท์ที่ใช้ขึ้นไปยังเมืองชั้นบน ทอดออกที่ท่าเรือใหญ่ของเมืองซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของสมาคมเวทจระเข้ดำ ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นกลุ่มอิทธิพลที่อยู่เบื้องหลังการธุรกิจหลายอย่างในเมือง ประธานสมาคมคือจระเข้ดำ ครอม่า จอมเวทอันดับหนึ่งของเมืองนี้ ไกลออกไปเป็นท่าเรือย่อยของสมาคมรากแดงสมาคมเวทอีกแห่งหนึ่ง อยู่ในฐานะคู่แข่งของสมาคมเวทจระเข้ดำ ที่นั่น เกิดเสียงเอะอะดังวุ่นวาย กลับเสียงขนถ่ายสินค้าไปสิ้น สาเหตุเกิดจากบนเรือยอร์ชหรูหราลำหนึ่งเกิดการปะทะต่อยตีขึ้น 

                    “เรือลำนี้ไม่ใช่ของพวกแกแล้ว!” สิ้นเสียงก็ปรากฏร่างของวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งถูกโยนลอยละลิ่วขึ้นจากเรือ ร่วงหล่นลงบนพื้นท่าเรือ จากนั้นคนบนเรือค่อยแล่นเรืออกจากท่าไป ส่งเสียงหัวเราะเย้ยหยันส่งท้ายลอยมาในอากาศ

                    “เวร!”ชายหนุ่มผมแดงในกลุ่มที่ถูกโยนออกมาสบถพลางถล่มน้ำลายปนเลือดลงบนพื้น เขาค่อย ๆ ยันตัวขึ้นมา ใบหน้าของเขาฟกช้ำเป็นสีม่วงสีเขียว เลือดแดงไหลซึมออกจากรีมฝีปาก สภาพยับเยินดูไม่ได้

                    “เรื่องใหญ่ล่ะสิ เรือยอร์ชลำใหม่ของท่านประธานถูกพวกมันเอาไปแล้ว ตายแน่ ตายแน่  ท่านประธานจับพวกเราถ่วงน้ำแน่”อีกคนโวยวายขึ้น

                    “หุบปากเถอะ ไกโด”ชายหนุ่มใส่แว่นดุพลางขยับกรอบแว่นที่บิดเบี้ยวของตัวเองให้เข้าที่

                    “พวกเราต้องเอาคืนพวกมันร้อยเท่าพันเท่า”ชายหนุ่มที่ตัวใหญ่ที่สุดในกลุ่มกล่าวพลางขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน หักนิ้วลั่นกร๊อบ กร๊อบ เขาได้รับบาดเจ็บน้อยที่สุดในกลุ่ม ตอนต่อยตียังทำร้ายอีกฝ่ายมากที่สุด

                    “พูดง่ายนี่สเตน พวกนั้นมันพวกสมาคมเวทรากแดงนะโว้ย กุ๊ยปลายแถวอย่างพวกเราจะมีปัญญาไปทำอะไรพวกมันได้”ไกโดเถียง เขามีรูปร่างเล็ก ผอมแห้ง ฝีมือการต่อยตีอ่อนด้อยที่สุดในกลุ่ม ยามวิวาทมักถูกทุบตีมากกว่าคนอื่น เพาะเป็นความหวาดกลัวต่อการชกต่อยซึ่งหน้าขึ้นมา

                    “อย่าดูถูกตัวเองนักสิไกโด พวกเราไม่ใช่กุ๊ยนะ ถึงเป็นชั้นปลายแถว แต่พวกเราก็เป็นคนของสมาคมเวทจระเข้ดำ ระดับไม่ต่ำกว่าพวกนั้นหรอก”หญิงสาวคนเดียวในกลุ่มกล่าวปลอบ เธอเองก็มีใบหน้าที่ฟกช้ำ และมอมแมมไม่ต่างจากคนอื่น แม้จะมีรอยปูดบวมตามแก้มและดวงตา แต่ยังไม่อาจปกปิดเค้าความงามตามธรรมชาติไว้ได้ ใบหน้ารูปไข่ ดวงตากลมสีน้ำตาลใส ปาก จมูกเล็กจิ้มลิ้ม หากผ่านการบำรุงแต่งเนื้อแต่งตัว เธอสามารถเป็นหญิงสาวหน้าตาดีคนหนึ่ง

                    “อย่าไปปลอบมันเลยเฟอร์น่า ไอ้โลกมืดนั่นมันไม่ลุกขึ้นสู้กับใครหรอก”ชายหนุ่มใส่แว่นกล่าวแดกดัน ไกโดเลือดขึ้นหน้าพุ่งเข้าคว้าคอของคนใส่แว่นขึ้นมา

                    “แกลองพูดอีกที่สิเอียน”ไกโดขู่

                    “เวลาอย่างนี้อย่ามาทะเลาะกันเองนะ”เฟอร์น่ารีบเข้าไปแยกทั้งสองออกจากกัน ชายหนุ่มทั้งสองใช้สายตาจ้องเขม่นกันอยู่ครู่หนึ่งค่อยสะบัดหน้าไปคนละทาง หญิงสาวได้แต่ถอนหายใจแล้วหันไปถามกับชายหนุ่มผมแดง

                    “ฮุสซาร์ เราจะเอายังไงต่อดีล่ะ?”

                    ดวงตาของฮุสซาร์ฉายประกายแวววับ กล่าวอย่างหนักแน่นว่า

                    “อย่างที่สเตนว่า เราต้องเอาคืน”        

     

    เรือรบ เอเอฟ-มิคาเอล แล่นมาจากตอนล่างของแม่น้ำ เรือทั้งลำทำด้วยเหล็กกล้า ขนาดใหญ่โตปานปราสาทกลางน้ำ บนเรือยังมีปืนใหญ่ชนิดต่าง ๆ อยู่นับไม่ถ้วน ปากกระบอกปืนคล้ายนัยน์ตาของปิศาจดวงหนึ่ง ให้ความรู้สึกเย็นชาต่อชีวิตคน

    นายพลเบอร์ต้า บาสไทล์ ยืนเอามือไพล่หลังอยู่ในห้องสะพานเดินเรือ ณ ชั้นบนสุดของหอควบคุมเรือ ใบหน้าของเขาดุร้ายเหี้ยมหาญ บวกกับรวมกายที่หยาบใหญ่ เกิดรัศมีสูงส่งด้วยอำนาจเด็ดขาดขึ้นมา นัยน์ตาของคนผู้นี้ทอประกายแห่งประสบการณ์เจิดจ้า ที่หางตาและหน้าผากปรากฏร่องลึกที่เกิดจากคลื่นลมมรสุมชีวิต

    “สมาคมเวทจระเข้ดำติดต่อกลับมาแล้วรึยัง?”เขาถามโดยที่สายตายังเพิ่งมองออกไปนอกหน้าต่าง

    “จระเข้ดำ ครอม่าติดต่อกลับมาว่า ค้นหา “เกราะเกล็ดมังกร” พบแล้วครับ” หนึ่งในนายทหารที่มีหน้าที่เกี่ยวกับการสื่อสารรายงานตอบ

    สีหน้าของนายพลเบอร์ต้า คล้ายประหลาดใจ คล้ายปลื้มปิติ ในสมองนึกถึงคำในตำรับตำราโบราณ

    “...ไม่น่าเชื่อว่าจะมีอยู่จริง เกราะเกล็ดมังกร ที่ว่ากันว่าเป็นตีขึ้นจากเกล็ดของมังกรนีดฮอค์ก มังกรที่กัดกินรากของต้นไม้แห่งชีวิต ผู้ที่สวมเกราะนี้จะมีพลังอมตะ เหมือนกับมังกรนีดฮอร์ก ในที่สุดความปรารถนาของ “ท่านพ่อ” ก็จะ...”

    นายทหารคนหนึ่งพลันพูดแทรกขึ้น

    “ท่านนายพลครับ ยังมีข้อความมาอีกว่า...”

    “ว่าอะไร!”นายพลร่างใหญ่ตวาดก้อง นายทหารผู้นั้นแตกตื่นจนแทบน้ำหูน้ำตาไหล กล่าวเสียงสั่นว่า

    “ผลเกราะเกล็ดมังกรไม่ได้อยู่ที่สมาคมเวทเจระเข้ดำ แต่ตอนนี้อยู่ในความครอบครองของสมาคมเวทรากแดง ซึ่งเป็นสมาคมเวทท้องถิ่นครับ”

    นายพลเบอร์ต้ากระชากเสียงว่า

    “สืบหาที่ไปที่มาและที่อยู่ของพวกมันมา”

    หยุดครู่หนึ่ง ในดวงตาทอประกายอำมหิต ลดซุ่มเสียงลงกล่าว

    “ฉันจะไปเอาเกราะเกล็ดมังกรด้วยตัวเอง”

     

                    ในห้องเหล็กทรงกลมที่มีผนังสูงลิบ ประธานสมาคมรากไม้แดง รูท ซาชานัส ผู้อยู่ในวัยกลางคน สวมผ้าคลุมสีดำปักลายต้นไม้สีแดงผู้หนึ่งยืนเอามือไพล่หลังอยู่กลางห้อง เบื้องหน้าของเขาเป็นตู้กระจกทรงกลมที่สูงสุดเพดาน กระจกสะท้อนแสงไฟจนสว่างจ้าไม่อาจเห็นสิ่งที่อยู่ภายในชัดถนัดตา

                    “งดงาม งดงามจริง ๆ นี่น่ะหรือเกราะเกล็ดมังกร”เขาเหม่อมองสิ่งที่อยู่เบื้องหลัง ส่งเสียงชื่นชมอย่างหลงใหล

                    เสียงประตูเบื้องหลังเปิดออกกระตุกสติของชายวัยกลางคนออกจากภวังค์ รีบหันขวับกลับไปพร้อมสาดสายตาดุร้ายด้วยความหวาดระแวง แต่เมื่อเห็นผู้ที่เข้ามาก็รีบสลายแววตา คุกเข่าลง

                    “ไม่ทราบว่าท่านยมทูตดำจะมาด้วยตัวเอง ที่เสียมารยาทไม่ได้ออกไปต้อนรับ ต้องขออภัยจริง”เขากล่าวอย่างเกรงอกเกรงใจยิ่ง ในรัฐคีรีซานี้ สมาคมเวทไม้แดงนับเป็นนักเลงเจ้าถิ่น ผู้ที่ชายวัยกลางคนผู้นี้ยังคุกเข่าให้ แสดงว่าไม่ใช่ชนชั้นไร้นาม

                    ผู้มาสวมชุดสีดำสนิทคลุมทับด้วยโค้ทยาวสีดำอีกตัวหนึ่ง ใบหน้าซ่อนอยู่ใต้เงาของหมวกปีกกว้าง ผิวขาวซีดไร้สีเลือด รอยยิ้มอำมหิตเย็นชาสลักอยู่บนใบหน้าคล้ายไม่มีวันลบเลือน มอบความรู้สึกเยือกเย็นอำมหิตให้แก่ผู้พบเห็น

                    “นายพลเบอร์ต้าอยู่ใกล้ ๆ นี่ อย่าทำให้เรื่องราวเอิกเกริกเกินไปจะดีที่สุด”ยมทูตดำกล่าว ประธานสมาคมรากไม้แดงรีบกล่าวเห็นด้วยส่งเสริม

                    “ท่านยมทูตดำมีคำสั่งอะไร โปรดบอกมาได้อย่างเต็ม สมาคมรากไม้แดงยินดีรับใช้”รูทถามอย่างนอบน้อม

                    “ได้ยินว่าพวกลูกน้องของแกไปยึดเรือของพวกนักเลงในตลาดมาได้ลำหนึ่ง เป็นเรือที่ไม่เลว รีบไปจัดขบวนเรือใหญ่ทำท่าเหมือนขนส่งเกราะเกล็ดมังกรออกไปทางตะวันตก ล่อพวกทหารไป ส่วนเกราะเกล็ดมังกร เอาใส่เรือเล็กที่ยึดมาได้นั่นซะ ไม่ต้องส่งขบวนคุ้มกันเรือเล็กไปแม้แต่คนเดียว ฉันจะคุ้มกันเกราะเกล็ดมังกรด้วยตัวเอง”ยมทูตสั่งอย่างชัดเจนครบถ้วนด้วยท่าทีของผู้ที่สั่งการอย่างเคยชิน น้ำเสียงเต็มไปด้วยอำนาจ สะกดจนรูทได้แต่ผงกศีรษะตอบรับแล้วปลีกตัวจากไป

                   

                    กลุ่มฮุสซาร์ทั้งสี่คนยกเว้นเฟอร์น่าค่อยๆ เร้นกายตามโกดังสินค้ามาถึงจุดที่เอียนคาดว่าเป็นจุดลับตาที่จะใช้สังเกตการณ์ท่าเรือของสมาคมเวทรากแดงได้ทั้งหมด บนฝั่งมีเสียงดังวุ่นวาย ผู้คนเดินขวักไขว่ เครื่องจักรสำหรับขนย้ายตู้สินค้าทำงานอยู่ตลอดเวลา ในท่าเรือมีเรือพาณิชย์ขนาดใหญ่จอดอยู่สองลำ ล้วนเป็นเรือหลักสำหรับการค้าขายของสมาคมเวทรากแดง เรือพาณิชย์ลำหนึ่งส่งเสียงหวูดดังสะท้านเสียดแก้วหู ลำเรือค่อยๆ เคลื่อนไหลออกจากท่า แหวกทางน้ำออกเป็นฟองฝอย เรือเล็กหุ้มเกราะจำนวน 6 ลำแล่นออกจากฝั่ง ขนาบข้างเรือพาณิชย์ออกไป รอจนขบวนเรือออกสู่แม่น้ำ บรรยากาศในท่าเรือค่อยกลับมาเป็นเงียบสงบ

                    “ไม่เห็นเรือของพวกเราเลย”เอียนกล่าวสรุปหลังจากใช้กล้องส่องทางไกลกวาดมองจนทั่วท่าเรือ

                    “โดนแยกส่วนแล้วแน่ๆ”ไกโดพูดขึ้น

                    “งั้นก็ระเบิดท่าเรือพวกมันทิ้งซะเลย”สเตนคำรามเสียงดังจนไกโดกับเอียนพร้อมใจกันตบมือฟาดใส่กบาลของของเขาจากสองข้าง สเตนถูกตบจนตาพร่าลาย ส่งเสียงครางออกมา

                    “เงียบๆ สิวะ เดี๋ยวก็โดนพวกมันจับได้หรอก”ไกโดดุ

                    “คงต้องรอสัญญาณจากเฟอร์น่าล่ะสินะ”ฮุสซาร์ที่เงียบอยู่นานกล่าวสรุป

                    ลึกลงไปใต้ผิวน้ำสีขุ่นใกล้ๆ ท่าเรือ เฟอร์น่าเคลื่อนไหวใต้ผิวน้ำไปอย่างรวดเร็วดุจมัจฉา อันที่จริงในขณะนี้ที่เธอมีลักษณะของปลาอยู่ครึ่งหนึ่ง ผิวกายของเธอเปลี่ยนเป็นเรียบลื่น หูและง่ามนิ้วเปลี่ยนเป็นครีบพังผืด และท่อนล่างของเธอกลายเป็นปลา รูปร่างของเฟอร์โดยรวมไม่ต่างจากนางเงือกในนิทานปรัมปรา เธอแหวกว่ายไปในคูคลองที่เชื่อมต่อจากท่าเรือ เข้าไปใต้อาคารสมาคมรากแดง ทางน้ำแยกออกเป็นหลายสาย คล้ายตรอกซอกซอยสร้างความสับสนให้แก่หญิงสาวจนจับทิศไม่ถูก เธอไม่เคยรู้มาก่อนว่าทางน้ำใต้อาคารสมาคมเวทรากแดงจะซับซ้อนถึงขนาดนี้  ว่ายมาระยะหนึ่ง แสงสว่างค่อย ๆ ลดน้อยลงเป็นสลัวเลือนลาง ผนังเรียบฉาบปูนค่อยๆ เปลี่ยนไปเป็นกำแพงหิน พื้นน้ำเอียงลาดขึ้นสูงคล้ายกับเข้าใกล้ชายฝั่ง เงือกสาวมองสำรวจผิวน้ำ พบว่าเหนือผิวน้ำไปมีเพียงแสงสลัวเลือนราง ไม่รู้ว่าสภาพรอบๆ เป็นอย่างไร แต่หากดูจากพื้นใต้น้ำและทางสองข้างฟากที่เป็นหินขรุขระและสาหร่าย ตะไคร่แล้วที่นี่คล้ายเป็นโพรงถ้ำแห่งหนึ่ง เฟอร์มองหาทำเลที่เป็นชะง่อนโขดหินให้หลบซ่อนได้แห่งหนึ่งโหล่ศีรษะดวงตาขึ้นเหนือน้ำ แนบร่างติดกับก้อนหินใหญ่ ชะโงกหน้าออกไปสำรวจโดยรอบ

                    ที่นี่กลับเป็นถ้ำมืดแห่งหนึ่ง แขวนตะเกียงโบราณอยู่ข้างผนัง บรรยากาศลึกลับน่าหวาดเสียว ในมุมหนึ่งของถ้ำมีเรือยอร์ชลำหนึ่งจอดไว้ เธอจำได้ว่านั่นคือเรือของพวกเธอเอง แว่วเสียงฝีเท้าก้องสะท้อนมาในถ้ำ ปะปนด้วยเสียงพูดคุย

                    “เราเตรียมการทุกอย่างไว้พร้อมแล้วครับ”

                    “อืมม์”

                    “อ...เอ่อ...ครั้งนี้พวกเราลงทุนเสียงอันตราย แย่งชิงเกราะเกล็ดมังกรจากสมาคมเวท จระเข้ดำ ไม่ทราบว่าพวกเราสามารถร้องขอสิ่งเล็กน้อยจากท่านยมทูตดำได้หรือไม่”

                    ร่างสองร่างปรากฏแก่สายตาของเฟอร์น่า ร่างหนึ่งเธอเคยเห็นหลายครั้ง นั่นย่อมเป็นประธานสมาคมเวทรากแดง ส่วนชายชุดดำผู้ถูกเรียกว่า “ยมทูตดำ” นั้นเฟอร์น่าไม่เคยเห็นมา แต่เพียงการปรากฏตัวของเขาก็บังเกิดรัศมีเย็นเยียบเข้าครอบคลุมถ้ำแห่งนี้ไว้จนเธอไม่กล้าแม้จะสูดลมหายใจ เธอมีความรู้สึกสังหรณ์ใจว่าชายผู้นี้คือผู้ที่พร้อมจะฆ่าคนได้ทุกเมื่ออย่างไม่ปรานี

                    ยมทูตดำหยุดลงที่ข้างเรือยอร์ช รูทก็หยุดตาม ความเงียบงันของยมทูตดำทำให้เขาเกิดความรู้สึกระอักกระอ่วน

                    “นั่นสินะ”ชายชุดดำส่งเสียงออกมา

                    “ถ้าอย่างนั้น  ช่วยติดต่อให้สมาคมเราได้ค้าขายเสบียงสัตว์น้ำให้กับกองกำลังของท่านขุนพลทวนสายฟ้าได้หรือไม่ครับ”รูทกล่าวออกมาอย่างลิงโลด

                    ยมทูตดำเผยยิ้มเยือกเย็นปานคมดาบแวบหนึ่ง กล่าวว่า

                    “ฉันเตรียมรางวัลของแกมาให้แล้ว”

                    สิ้นเสียงเขาหันกลับไปเผชิญหน้ากับประธานสมาคมรากแดง แล้วหันกลับมา สายลมแหลมคมปานใบมีดโบกพัดวูบหนึ่ง ร่างของรูทพลันแยกออกเป็นชิ้นๆ เลือดแดงสาดเลอะผนังถ้ำ เครื่องในไหลกองลงบนพื้นโขดหิน แล้วค่อย ๆ ไหลลงยังผืนน้ำเบื้องล่าง เลือดแผ่กระจายย้อมสายน้ำเป็นสีแดงหย่อมใหญ่

                    “อย่าโทษกันเลยนะ ฉันยอมให้คนที่รู้ว่าเกราะเกล็ดมังกรอยู่ในมือของกองกำลังคาทูรันมีชีวิตอยู่ไม่ได้หรอก”ยมทูตดำพูดพลางแลบลิ้นเลียคราบเลือดที่กระเซ็นมาโดนใบหน้า

                    เฟอร์น่าขวัญสะท้านจะแทบส่งเสียงกรีดร้อง รีบดังกลับเข้ามาหลังก้อนหินจนน้ำกระฉอกเกิดเป็นเสียงขึ้น พริบตานั้น เธอสำนึกตัวขึ้นได้ว่าทำผิดพลาดไป หญิงสาวเกาะแน่นอยู่กับก้อนหิน เกร็งร่างกายนิ่งทั้งตัวไม่ขยับ กระทั่งลมหายใจยังไม่กล้าระบายออก บรรยากาศฆ่าฟันในห้องโถงถ้ำยิ่งรุนแรงขึ้นทุกขณะ ภาพที่ประธานสมาคมเวทรากแดงถูกฆ่าตายยังตราตรึงอยู่ในสมอง ความสยดสยองยังคาค้างในความรู้สึก 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×