คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : [SF] What is LOVE... (SehunxBaekhyun ft:Chanyeol) Chapter-1
Title: What is the Love…
Couple: Sehun x Baekhyun ft: Chanyeol
Rate: PG-13
Author: LL1990
Note: เนื้อเรื่องต่อจาก What is… KaixSuho แต่ถ้าไม่กลับไปอ่านก็ไม่มีปัญหาค่า
-1-
“ก็กูอยากไปนี่”
“แล้วจะทิ้งกูให้อยู่คนเดียวรึไงเล่า”
“ก็แค่อาทิตย์เดียวเองห่างกันมันจะตายรึไงวะ”
“เออ!”
สั้นๆง่ายๆคำเดียวจากปากชานยอลทำเอาคนที่ตั้งท่าจะเถียงต้องหุบปากลงอย่างช่วยไม่ได้ ต่างคนต่างมองหน้ากันนิ่งอย่างไม่มีใครยอมใคร สุดท้ายคนที่เป็นฝ่ายหลบสายตาดุๆก็เป็นแบคฮยอนเสียเอง แต่เขาไม่ได้กลัวมันหรอกนะ นี่ถ้าตอนนี้แบคฮยอนเปิดประตูออกไปตอนนี้ล่ะก็เขาคงได้โดนบรรดาห้องชั้นเดียวกันแห่กันมาด่าพวกเขาแน่ เพราะเสียงเมื่อกี้ชานยอลมันเล่นตวาดซะลั่นห้อง ว่าแต่ทำไมเขาจะต้องมานั่งทะเลาะกับมันอย่างกับเป็นคนรักกันเลยวะ
“เดี๋ยวกูจัดช่อเบญจมาศให้อย่างสวยเลย” เสียงใสตอบกลับไปอย่างไม่สะทกสะท้าน ใบหน้าซุกซนเริ่มบูดบึ้ง ก่อนจะกระแทกเท้าหนีไปนั่งบนโซฟากอดอกแน่น ร่างสูงโปร่งกัดฟันกร่อดพยายามสงบสติอารมณ์ นึกโมโหแบคฮยอนอยู่ไม่น้อยที่จู่ๆก็ลงชื่อออกค่ายที่ปูซานโดยไม่บอกเขา แล้วยังไงล่ะเขาเพิ่งมารู้ตอนที่มันกำลังจัดกระเป๋า เตรียมออกเดินทางพรุ่งนี้เนี่ยนะ แถมเขาจะตามไปมันก็ไม่ทันแล้วด้วย แม่ง…
“มึงผิดชัดๆ ไม่ต้องมาประชดกูเลยเตี้ย”ชานยอลว่าขึ้นพลางเดินมาทิ้งตัวนั่งลงข้างๆแล้วผลักหัวอีกคนเป็นการลงโทษเบาๆ
“ตรงไหน”
“ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ก็ทุกตรงนั่นแหละ”
“ไอ้หมาชานยอล...”คำเรียกขานติดปากถูกพูดออกมาทันที อันที่จริงๆแบคฮยอนก็รู้อยู่หรอกว่าตนเองผิดที่ไม่บอกชานยอล แต่บางทีเขาก็อยากจะฝึกตัวเองบ้าง ตั้งแต่ออกจากท้องแม่มาเขาก็เจอหน้ามันตั้งแต่เด็กอย่างกับเงาตามตัว จนตอนนี้เขาอยู่ปี 2 เข้าให้แล้วก็เถอะ
แบคฮยอนก็แค่อยากรู้ว่าเวลาไม่มีชานยอลเขาจะอยู่ได้รึเปล่า เพราะจนถึงทุกวันนี้ไม่ว่าจะทำอาหาร ขับรถให้ พาเขาไปเที่ยว ชานยอนก็เป็นคนทำให้เขามาตลอด แล้วถ้าไม่มีชานยอลล่ะ เขาจะเป็นยังไง
คำตอบคือ....นั่นซินะจะเป็นยังไง
เขาเองก็อยากจะลองหักดิบตัวเองดูสักครั้ง
มันน่าตื่นเต้นใช่ไหมล่ะ
“กูตามไปได้ไหม” ชานยอลว่าขึ้นเสียงเรียบแต่แบคฮยอนรู้ดีว่ามันคือประโยคขอร้องกลายๆ
“ชานยอลอ่า...แค่ 5 วันเอง กูอนุญาตให้มึงพาผู้หญิงเข้ามานอนด้วยระหว่างที่กูไม่อยู่เลยเอ้า!” คนตัวเล็กเอ่ยข้อเสนอขึ้นอยากคะนองปาก ก็ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาชานยอนเคยพาผู้หญิงเข้ามานอนซะที่ไหนกัน แล้วถ้าเกิดมันพามาจริงๆแบคฮยอนจะเป็นยังไง เพราะแค่แบคฮยอนจินตนาการว่าเห็นมันกำลัง เอ่อ ....อย่างนั้นอ่ะ เขาก็อยากจะหาอะไรฟาดหัวมันแล้ว!
“กูคงมีอารมณ์เอาใครหรอก” ชานยอลว่าขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์
“กามตายด้านขนาดนั้นเลย”
“เออ!”เขากระแทกตอบไปเสียงดัง แต่กลับทำให้แบคฮยอนหัวเราะออกมาโดยไม่รู้ตัว เพราะอย่างน้อยแบคฮยอนก็ไม่ต้องมานั่งปวดหัวกับคำพูดของตนเองเมื่อครู่ ใบหน้าน่ารักหันไปยิ้มให้กับคนข้างๆก่อนจะขยับตัวเข้าไปใกล้ๆแล้วพิงศีรษะไปที่ไหล่แกร่งของชานยอล
“เดี๋ยวก็กลับแล้วน่า ถ้าเหงาก็ไปนอนกับไคก็ได้นี่”
“ให้กูไปนอนตรงกลางระหว่างมันกับพี่จุนมยอนเลยไหมครับ”ก็อย่างที่พูดนั่นแหละหลังจากที่เขารู้ว่าบ้านของจงอินกับรุ่นที่ติดกัน(สัดๆ)เมื่อตอนที่เขากับแบคฮยอนไปทำรายงานเมื่อเดือนก่อน พอตกกลางคืนทั้งที่เขาเตรียมตัวกางเบาะนอนข้างล่าง เพราะที่นอนไม่พอ แต่มันบอกว่าไม่ต้องให้เขานอนกับไอ้เตี้ยข้างบน แล้วจากนั้นมันเดินออกไปยังระเบียงแล้วปีนต้นไม้ไปอีกบ้าน และจากนั้นทั้งคืนมันก็ไม่กลับมาอีกเลย ทิ้งให้เขากับแบคฮยอนทำหน้าโง่กันอยู่สองคน....
“อย่าประชดดิ่ เดี๋ยวกูซื้อขนมมาฝาก”
“กูไม่ใช่เด็ก!”
++++++++++++
วันรุ่งขึ้น แบคยอนเดินสะพายกระเป๋าพลิ้วปากอารมณ์ดีมาถึงมหาลัยแต่เช้า นัดกับพวกรุ่นพี่ไว้แปดโมง มองนาฬิกาก็เกือบแปดโมงแล้ว มาถึงเลยเจอทุคนพร้อมเพรียง ก่อนออกมาจากห้องนี่ชานยอลก็ยังไม่ตื่น แต่ก็ดีแล้ว ไหนๆจะมาคนเดียวก็ออกมามหาลัยด้วยตัวคนเดียวอีกจะเป็นไร ถ้ามันตื่นมันได้รีบแจ้นขับรถมาส่งเขาแน่นอน
“ขึ้นรถเลย แบคฮยอนอ่า”
“ครับ”
พอก้าวเท้าขึ้นไปที่นั่งในรถก็แทบไม่มีที่เหลือแล้ว ร่างเล็กยิ้มแย้มให้ทุกคนพร้อมกับสอดส่ายหาที่นั่งไปด้วย จนกระทั่งเห็นว่างอยู่ที่นึงด้านหลังเกือบสุด มีคนนั่งติดอยู่ริมหน้าต่างใช้หมวกแก็ปปิดหน้าเหมือนจะหลับอยู่ อ่า...ว่างข้างๆที่นึงอ่ะนะ
แบคฮยอนตรงดิ่งเข้าไปนั่งลงตรงเบาะว่าง เอาเป้สะพายออกจากหลังมาวางบนตัก เหล่มองคนข้างๆ ...........
“ทำไมคุ้นๆ” แอบเสียมารยาทก้มเข้าไปจ้องใกล้ๆ อย่างน้อยไปออกค่ายด้วยกันก้ต้องรูจักกันไว้แหละ แต่...คุ้นจริงๆแหะ
เหมือนใครหว่า..........
“ทำไร”
จู่ๆคนที่คิดว่าหลับกลับดึงหมวกตัวเองออกแล้วลืมตาขึ้นมา ทำเอาแบคฮยอนผงะถอยหน้าหนี แต่ที่ผงะยิ่งกว่าคือเมื่อรู้ว่าไอ้คนที่บอกว่าคุ้นหน้านั้นมันคือ..... คือ.....
ไอ้หมาเซฮุน!
“เฮ่ย!!” ร่างเล็กแทบจะเด้งตัวออกจากเบาะนั่งทันที แต่เซฮุนเพียงแค่ทำหน้าแปลกใจ แล้วชั่วแวบเดียวก็กลับมาใช้สีหน้าปกติตามเดิม
“ทำไมนายถึงมาอยู่บนรถนี่ล่ะ!”
“แล้วรถคันนี้ไปไหน” เซฮุนย้อนถามกลับหน้านิ่ง
“ป.. ไปค่ายที่ ..ปูซาน”
“ก็ไปค่ายน่ะสิ ถึงได้อยู่บนรถคันนี้ โง่แล้วยังเตี้ยอีกนะ”
แบคฮยอนเผยอปากค้าง ชั่วๆอย่างมันเนี่ยนะคิดจะไปค่ายทำดีอะไรกับคนอื่นเขาด้วย!? จำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่เจอกันตามันแดงปัดเลยตอนที่รุ่นพี่จุนมยอนเลือกจงอินเพื่อนเขาไม่ใช่มัน แถมหลังจากวันนั้นมันดูซึมกะทือ เฮิร์ทหนักจนลือกันทั่วมหาลัย นี่ยังแอบคิดว่ามันย้ายที่เรียนหนีไปแล้วนะเนี่ย
“ทำไมถึงไปค่ายด้วย นายไม่ใช่คนที่ชอบอะไรแบบนี้นี่”
“ก็ว่าง” ตอบสั้นๆแล้วใช้หมวกปิดหน้าหลับต่อ แต่แบคฮยอนไม่จบแค่นั้น เอื้อมไปกระชากหมวกออก แล้วพูดเสียงเขียวด้วยท่าทางเบ่งเต็มที่
“ฉันอยากนั่งตรงนี้ มันไม่มีที่ว่างแล้ว”
“เออ เชิญ”
“ไม่ นายไปนั่งที่อื่นดิ่ “
เซฮุนลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง แต่ตอนนี้หน้าตาเขากวนโทโสแบคฮยอนเต็มที่ ไอ้เตี้ยนี่สงสัยอยากโดนเตะโด่งออกจากรถตั้งแต่ยังไม่ถึงค่ายล่ะมั้ง ก็เขามาก่อน อยู่ๆจะมาให้ลุกนั่ง นี่อุตส่าห์อยากไปค่ายให้ห่างไกลจากที่นี่ เพื่อตัวเองจะได้มีเวลาคิดทบทวนอะไรหลายอย่างแล้วจิตใจจะสงบขึ้นบ้าง
กลับต้องมาเจอเพื่อนไอ้จงอิน ไอ้เวรนั่น...คนที่มาแย่งความรักของเขาไปอีก
แล้วมันจะสงบได้ไงวะ
“ทำไมต้องลุก ไม่ลุกเว๊ย”
“แต่มันไม่มีที่ว่างแล้ว”
แล้วไงวะ โอเซฮุนต้องรับผิดชอบรึไง! คนที่เริ่มไม่สบอารมณ์หันหน้าหนีออกนอกหน้าต่าง เดี๋ยวได้มีนอตหลุดกันบ้าง
“ฉันก็ไม่อยากนั่งกับนาย โคตรรังเกียจ!”
“งั้นก็ลงไปจากรถแล้วหาทางไปเอง ในเมื่อมันไม่มีที่วางแล้ว เพราะฉัน...ก็ไม่ลุกให้นายหรอก เตี้ยเอ๊ย”
“ไอ้เซฮุน!”
“ไอ้เตี้ยแบคฮยอน!”
“ไอ้หน้าวอก!”
“อ่อ เตี้ยแล้วซ่าส์ไม่เจียมตัวสินะ”
เสียงทั้งคู่ที่เริ่มดัง ทำให้รุ่นพี่หลายคนหันมามอง ก่อนรุ่นพี่ที่เป็นหัวหน้าค่ายจะเดินขึ้นรถมาหาทั้งคู่ จับตัวแบคฮยอนที่กำลังแยกเขี้ยวพร้อมจะงับหัวเซฮุนได้ทุกเมื่อออกมานิดนึง
“ทะเลาะไรกัน”
“ผมไม่มีที่นั่ง” แบคฮยอนบอก(ฟ้อง) แล้วทำหน้าไม่พอใจสุดฤทธิ์ ถ้าไอ้ชานยอลอยู่ตรงนี้นะ มันต้องตามใจเขาแล้ว อยากนั่งตรงไหนก็ได้นั่ง ฮึ่ย!
“ก็ข้างๆเซฮุนนี่ไง”
“ผมไม่ชอบมัน”
“อ้าว ต้องร่วมค่ายกัน ต้องอยุ่ด้วยกันตั้งหลายวัน พี่ไม่ยอมให้มาทะเลาะระหว่างทำกิจกรรมด้วยกันหรอกนะเว๊ย” รุ่นพี่เอ่ยบอก แต่แบคฮยอนส่ายหน้ายิก
“มันเป็นคนไม่ดี”
“ไม่รู้ล่ะ ใครจะเป็นอะไรยังไง โกรธอะไรกันมา แต่คิดจะร่วมทางไปด้วยกันแล้ว ก็ต้องอยู่ร่วมกันให้ได้ แบคฮยอนนั่งข้างๆเซฮุนนี่แหละ”
“ตะ...แต่...”
“นั่ง” คำสั่งเดียวสั้นๆแต่น้ำเสียงชัดแน่นและขู่กลายๆว่าถ้าไม่นั่งมีปัญหาแน่ แบคฮยอนหน้าง้ำมองเบาะว่างๆสลับกับหน้าเซฮุน ก่อนจะมองไปยังรุ่นพี่แล้วกระแทกตัวนั่งลงอย่างช่วยไม่ได้
“ก็ได้!”
“ดีมาก”
พอรุ่นพี่แยกไปนั่งที่ของตัวเอง ร่างเล็กก็เหลือบมองคนที่นั่งข้างๆ ตอนนี้เซฮุนใส่หมวกไว้บนศีรษะแล้วหันหน้าหนีออกไปมองนอกหน้าต่าง แบคฮยอนเลยกอดอกนั่งที่ตัวเอง ไม่สนใจบ้าง เอาเหอะ หลับตาไปสักตื่นสองตื่นเดี๋ยวก็ถึงปูซานเอง ทนเอาหน่อยแล้วกันแบคฮยอน
ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงรถไฟก็แล่นเข้าสู่นอกเมืองที่เต็มไปด้วยต้นไม้ เซฮุนมองทิวทัศที่วิ่งไปผ่านกรอบกระจกไปเรื่อยๆอย่างไม่รู้สึกเบื่อ คนอย่างเขาที่เอาแต่เที่ยวอยู่ในเมืองตกดึกก็เข้าผับไปดื่มกับเพื่อนจนเป็นกิจวัตรไปเสียแล้ว พอได้มาเจอกับธรรมชาติสีเขียวรอบๆตัวเลยรู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่านอกเมืองโซลนั้นจะมีอะไรที่สวยงามชวนให้ตื่นตาตื่นใจอย่างนี้ อ่อแต่จะว่าไปก็คงจะมีตอนที่เขาตามจีบจุนมยอนนี่ล่ะมั้ง ที่เขาไม่ได้ออกไปท่องราตรีอย่างที่ควรจะเป็นนัก แม้เขากับจุนมยอนจะไม่ได้เป็นแฟนกันอย่างที่คิดไว้ แต่ช่วงเวลานั้นก็นับว่าเป็นช่วงเวลาที่มีค่าที่สุดสำหรับเขาล่ะนะ
“เอ่ย!” เซฮุนอุทานเสียงเบาเมื่ออยู่ๆรู้สึกถึงอะไรบางอย่างหล่นมาที่ไหล่ของตนเอง และพอก้มลงไปมองก็ต้องพบกับหัวของแบคฮยอน คนที่บอกว่าเกลียดเขานักหนานอนซบลงมาที่ไหล่เขาอย่างไม่รู้ตัว เสียงจ๊อบแจ๊บที่ดังออกมาจากปากจัดๆนั่นทำเอาเซฮุนเผลอหัวเราะออกมา
...ไอ้เตี้ยนี่นอนได้น่าเกลียดจริงๆ
“ชานยอลอ่า ไอ้หมาเซฮุนมัน...” และเสียงละเมอของแบคฮยอนก็ทำเอาคนที่กำลังจ้องมองอยู่นึกอยากจะผลักศีรษะนั้นออกไปไกลๆแต่นั่นก็เป็นเพียงแค่ความคิดเท่านั้น เพราะเซฮุนยังคงปล่อยให้แบคฮยอนนอนหลับอย่างสบาย มือแกร่งเผลอเอื้อมไปปัดปอยผมที่หล่นลงมาปรกใบหน้าซุกซนนั่นอย่างลืมตัวก่อนเสหน้าไปยังหน้าต่างเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
....
..........
...............
“น้องปลุกเพื่อนขึ้นมากินข้าวเที่ยงด้วย” เสียงรุ่นพี่ที่เดินมาจากหน้าขบวนรถไฟเอ่ยขึ้น พร้อมกับยื่นกล้องข้าวมาให้กับเซฮุนสองกล้อง เขาเอ่ยขอบคุณพลางเอื้อมมือไปรับเอาไว้ และพอรุ่นพี่เดินจากไปเซฮุนก็ขยับไหล่ขึ้นสองสามพี่เพื่อปลุกให้อีกคนรู้สึกตัว แต่เหมือนจะไม่ได้ผลแม้แต่น้อยเมื่ออีกคนยังซบที่ไหล่ของเขาแน่นิ่งไม่ต่างจากลูกลิง ....ไม่ใช่สิอย่างแบคฮยอน มันลูกหมาต่างหาก
“เตี้ย ตื่นมากินข้าว” เซฮุนเอื้อมมือไปเขย่าที่ไหล่ของอีกคนเบาๆ แล้วก็ต้องจิ๊ปากอย่างไม่สบอารมณ์เมื่อเห็นคราบน้ำลายเป็นวงกว้างอยู่ที่เสื้อของเขา ให้ตายน้ำลายหมอนั่นมันยืดมาเปียกเสื้อเขาจริงๆนะ
“ไอ้เตี้ย บอกให้ตื่น!”
“อื้ออออชานยอลอ่า”แบคฮยอนอ้อนเสียงยาว ก่อนจะซุกหน้าไถกับไหล่ของเซฮุนไปมาอีก ให้ตาย ถ้าคนอื่นทำมันก็น่ารักดีอยู่หรอก แต่หมอนี่ทำมันไม่ได้พิสมัยเลยสักนิด...โอเค อาจจะน่า...รัก ...แต่ก็แค่นิดเดียวจริงๆ
ใบหน้าหล่อกระตุกยิ้มเลว แล้วเบี่ยงไหล่ตัวเองออกทันที...
“โอ๊ย!” เสียงใสร้องดังลั่น เมื่อศีรษะของตนเองเกือบหล่อนตุบไปกระแทกกับที่นั่ง มือบางยกขึ้นมาคลำหัวเองปอยๆก่อนเงยหน้าขึ้นมองคาดโทษไอ้คนข้างๆอย่างหาเรื่อง
“นายแกล้งฉัน”
“ไม่ได้แกล้ง ตั้งใจ”เซฮุนตอบกลับไปอย่างท้าทาย
“ไอ้หมาเซฮุน!”
“มาซบไหล่คนอื่นแถมยังน้ำลายไหลยืดเปื้อนเสื้ออีก แทนที่จะขอบคุณแล้วยังมาด่าอีก”
“ไอ้.....” ไม่ทันที่จะได้เอ่ยปากด่าต่อ แบคฮยอนก็ต้องหุบปากฉับเมื่อเซฮุนยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ดวงตาคมจ้องแบคฮยอนอย่างท้าทาย ทำเอาคนตัวเล็กสะดุ้งเฮือกถดตัวหนีทันที
“ด่าอีกซิ”
“ไอ้.......” นึกอยากจะด่าใส่หน้าไอ้คนตรงหน้า แต่แบคฮยอนก็ได้แต่เม้มปากแน่นอย่างเจ็บใจ ไหนจะไอ้แววตาที่เหมือนกำลังหัวเราะเยาะเขาอยู่อีก แม่ง....ทำไมตอนนี้เขาโคตรอยากให้ชานยอลมันมาด้วยจังเลยวะ
“หึ นึกว่าแน่” เซฮุนยิ้มเลวให้แบคฮยอนแล้วผละตัวออกมา ก่อนจะหยิบกล่องข้าวที่วางไว้ข้างลำตัวเมื่อครู่มายื่นให้คนตัวเล็ก “กินข้าวซะ”
แบคฮยอนทำปากมุบหมิบด่าแต่ก็ยอมเอื้อมมือไปรับไว้แต่โดยดี เซฮุนมองท่าทางอวดเก่งนั้นอย่างระอาแล้วหันมาเปิดข้าวกล่องของตัวเองเพื่อทานบ้าง ข้าวหน้าเนื้อง่ายๆไม่เป็นปัญหาสำหรับเขาเท่าไรนัก ทว่าไม่ยังไม่ทันจะได้ตักเข้าปาก เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ของคนข้างๆก็เรียกความสนใจของเซฮุนให้ต้องหันไปมอง
คนที่ชอบกวนประสาทเขากำลังทำหน้าเศร้าพร้อมกับปิดฝากล่องข้าวเอาไว้อย่างเดิม เซฮุนเลิกคิ้วอย่างสงสัยนึกอยากจะถามแต่ก็หยุดปากเอาไว้เพราะไม่อยากหาเรื่องใส่ตัว หมอนั่นจะหาว่าเขายุ่งเปล่าๆ
“กุ้ง กุ้ง กุ้ง แม่ง--- ชานยอลอ่า” แค่นี้เซฮุนก็พอจะเดาออกแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วก็ตัวอักษรที่ระบุข้างกล้องระบุว่าเป็นข้าวผัดกุ้งอีก ว่าแต่ไอ้ชานยอลนี้มันเพื่อนหรือผัวไอ้เตี้ยนี้กันแน่ เพราะเห็นเป็นอะไรนิดอะไรหน่อยเป็นต้องพูดถึงทุกที จนเขาอดที่จะหมั่นไส้ไม่ได้ แต่ตอนที่เขาคบอยู่กับลู่หานเจ้าตัวก็ไม่เห็นจะเล่าอะไรให้ฟังนี่นา... แค่บอกว่าทั้งหมดเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน แต่นั่นก็ไม่ใช่ประเด็นที่เขาจะต้องเก็บมารกสมองสักหน่อย
“พี่ครับ ขอเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นได้ไหม ผมแพ้กุ้ง”
“อ้าว ตอนนี้เหลือแต่เข้าผัดกุ้งด้วยเขี่ยกุ้งออกได้ไหม”คนฟังคำตอบหน้าเจื่อนทันทีที่ได้ฟังคำตอบก่อนจะพยักหน้าน้อยๆเป็นเชิงว่าไม่เป็นไร แต่! มันเอาอะไรคิดให้แบฮยอนเขี่ยกุ้งออกวะ ก็เล่นสับผัดลงมาด้วยกัน กว่าจะเขี่ยหมดก็ถึงปูซานแล้ว
“แพ้อาหารทะเลแล้วมาทะเล?” เซฮุนเลิกคิ้วถามมองคนหน้างอกระแทกหลังพิงกังกับเบาะ
“ก็กฎข้อไหนมันห้ามคนแพ้กุ้งมาทะเลเล่าวะ” แบคฮยอนแหวกลับทันที หิวก็หิว เขาไม่ได้หยิบของกินติดกระเป๋ามาเสียด้วย ก็ธรรมดาคนที่ขนขนมใส่กระเป๋ามันเป็นชานยอลนี่หว่า ยิ่งนึกก็ยิ่งหงุดหงิดอีกตั้งนานกว่าจะถึงปูซาน...แบคฮยอนไม่ทนนะ!
เซฮุนมองกล่องข้าวในมือที่เป็นข้าวหน้าเนื้อ ก่อนจะปิดฝากล่องให้เหมือนเดิมแล้วยื่นไปที่ข้างหน้าของอีกคน
“ถ้าไม่รังเกียจก็---”
“รังเกียจ!” แบคฮยอนสวนกลับทันควัน แล้วสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง ไม่อยากมองหน้า ไม่อยากพูดด้วย โอเซฮุนมันตัวอันตราย ...นั่นคือสิ่งเดียวที่สมองของแบคฮยอนถูกป้อนข้อมูลเอาไว้ในเมมโมรี่อย่างดี แผ่นหลังบางพิงลงกับเบาะแล้วเอ่ยพึมพำเบาๆด้วยใบหน้างอง้ำ
“โคตรเกลียดเลย....” ไม่ต้องบอกเซฮุนก็รู้หรอก มันก็พอๆกับที่เขาเกลียดขี้หน้ากลุ่มหมอนั่นล่ะน่า โอเค... เขาจะพยายามมองข้ามๆไอ้เตี้ยนี่ไปก็แล้วกัน เพราะอีกไม่นานก็แยกย้ายกันไป
เซฮุนเลิกสนใจคนตัวเล็กด้านข้าง เขาหันมาเปิดฝากล่องข้าวตนเองออกอีกครั้งแล้วคีบเนื้อเข้าปากอย่างสบายใจ...
“ไอ้คนไม่มีน้ำใจ”
เอากับเขาสิ....ทีอย่างนี้มาบอกว่าเขาเป็นคนไร้น้ำใจ มือแกร่งวางตะเกียบลง แล้วกรอกตาขึ้นมองเพดานรถไฟอย่างไม่สบอารมณ์ ก็ไม่ใช่เขารึไงที่อุตส่าห์เอาของเขาไปหมอนั่นน่ะ
“จะเอายังไง ไอ้เตี้ย” คนโดนถามนั่งนิ่งแต่ปากรั้นๆนั่นกลับยื่นออกมาอย่างครุ่นคิด แถมยังลอบมองเขาอยู่เป็นพักๆ และไม่ต้องคิดอะไรให้ยุ่งยากเซฮุนก็หยิบตะเกียบขึ้นคีบเนื้อไปจ่อที่ปากชั่งเถียงของแบคฮยอน เจ้าตัวสะดุ้งน้อยๆแล้วเงยหน้าขึ้นมองเขาสลับกับชิ้นเนื้อในมือ
“กินก่อนแล้วค่อยเกลียดต่อก็ได้” เซฮุนบอกเพียงเท่านั้น และก็เหมือนจะได้ผลเมื่อท่าทางแข็งกร้าวนั้นดูอ่อนลง ใบหน้าน่ารักเม้นปากเข้าหากันอย่างชั่งใจ...ก็ได้...แบคฮยอนยอมรับน้ำใจหมอนั่นสักครั้งก็ได้...เดี๋ยวโอ เซฮุนจะเสียหน้าเปล่าๆ
เซฮุนมองคนตัวเล็กที่ก้มลงเตรียมจะกินเนื้อที่เขาป้อน แต่แล้วก็ต้องตกใจอีกรอบเมื่อแบคฮยอนเงยหน้าขึ้นมามองเขาด้วยสายตาจับผิด
“นายไม่ได้เป็นไวรัสตับใช่ไหม”
“ไม่ได้เป็น”
“เอดส์ล่ะ”
“หยุดพูดแล้วกินซะ! บยอนแบคฮยอน” เซฮุนสั่งเสียงดุ ทำเอาแบคฮยอนหน้าเจื่อนลงและก้มลงรับเนื้อเข้าปากทันที เซฮุนเลยปล่อยมือทั้งที่ตะเกียบยังคาอยู่ที่ปากบาง แล้วหันมานั่งอย่างเดิมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันน่าจับตีปากจริงมีที่ไหนมาถามว่าเขาเป็นเอดส์รึเปล่า ถึงเขาจะเพลบอยแค่ไหน แต่คนอย่างโอเซฮุนก็ป้องกันทุกครั้งเถอะ
“ก็ถ้าฉันติดโรคขึ้นมาจะทำยังไงเล่า...”แบคฮยอนบ่นอุบ แต่ปากนะเคี้ยวตุ้ยไปแล้วเรียบร้อย คือปากคีบเนื้อเข้าปากคำแล้วคำเล่า ก่อนสมองอันชานฉลาดของแบคฮยอนจะฉุกคิดได้ว่าเมื่อตอนที่ไอ้หมาเซฮุนมันป้อนเขามันกินมาแล้วคำนึงนี่น่า
ให้ตายนี่มันจูบทางอ้อมชัดๆน่ะสิ
....แล้วใครสนวะ
นางฟ้าแบคฮยอน : ชานยอนก็ป้อนข้าวเขาบ่อยๆเหอะ
เดวิลแบคฮยอน : แต่นี่มันไอ้หมาเซฮุนที่เขาเกลียดแสนเกลียดเชียวนะ
แล้วทำไมเขาต้องมาแต๊วแตกคิดมากด้วยวะ! ก็แค่ใช่ตะเกียบร่วมกันมันผิดตรงไหนกันเล่า
นั่งสบสนกับตัวเองอยู่พักใหญ่สุดท้ายข้าวพร้อมเนื้อย่างก็หมดเกลี้ยง มือบางตีพุงตัวเองเบาๆอย่างอารมณ์ดี แบคฮยอนแอบลอบมองคนที่นั่งข้างๆเล็กน้อย เซฮุนกำลังกระดกขวดน้ำเข้าปากมองออกไปนอกหน้าต่าง จะว่าไปหมอนั่นกินเนื้อไปแค่ชิ้นเดียวเองนี่นา...
ใบหน้าซุกซนมองกล่องข้าวของตนเองข้างๆที่ยังไม่ได้กิน แล้วเอื้อมมือไปหยิบมันขึ้นมาก่อนจะยื่นไปตรงหน้าของเซฮุน อย่างมีน้ำใจ ใช่...บยอนแบคฮยอนก็มีน้ำใจกับเขาเหมือนกันนะ
“ก็ถ้าไม่ได้แพ้กุ้ง...” เขาบอกเสียงอ่อย(ไม่ได้อ่อยอย่างนั้นนะ!) หมอนั่นหันมามองเขาแล้วก้มมองกล่องข้าวก่อนจะเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่าให้หรอ เขาก็เลยยื่นเข้าไปใกล้อีกนิด ก็เห็นอยู่ว่ามีมันอยู่คนเดียวแล้วเขาจะให้หมาที่ไหนกัน แล้วทำไมมือเขามันมาสั่นเอาตอนนี้วะ
“ขอบใจ...”เซฮุนเอ่ยขอบคุณแล้วหัวเราะในลำคอเบาๆ อย่างนึกขำท่าทางตลกของแบคฮยอน จากนั้นจึงเอื้อมมือไปรับกล่องข้าวเอาไว้ รอยยิ้มที่คลี่ออกจนเห็นฟันขาวนั่นทำเอาแบคฮยอนหัวใจกระตุกวูบ รีบปล่อยมือออกมาทันที
รอยยิ้มของเซฮุนที่แบคฮยอนได้รับกับตัวเองเป็นครั้งแรก....
ใช่แล้ว....
ใช่แน่ๆ ลู่หานอ่า...เพราะมันยิ้มอย่างนี้ใช่ไหม
ใช่ไหมห๊า!
TBC
ความคิดเห็น