ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คลังแสงแสนฟิคของผึ้ง (Naruto , KNY , Magi, JJK etc.) X Reader

    ลำดับตอนที่ #10 : Red

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 253
      18
      13 ม.ค. 61





    สนามเด็กเล่น ศูนย์รวมชุมชนที่ใกล้กับโรงเรียน KNH


    “มาที่แบบนี้ไม่เห็นเข้ากับเธอซักนิด..”


    ..เธอสาบานด้วยเกียรติของตัวเองว่าจะกัดจมูกหมอนี่ แล้วคายทิ้งเข้าบ่อจระเข้ซะ...


    หญิงสาวคิดกับตัวเองแล้วหายใจเข้าลึกๆ พลางหันตัวไปมองสีหน้านิ่งที่แฝงไปด้วยความยียวนของอีกฝ่ายจนรู้สึกเข็ดฟันไปหมด “แล้ว..คนที่ยุ่งเป็นหัวสว่านอย่างนายทำไมไม่ไปไหนซะละ...”


    “นี่ ไล่กันแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะ”คาคาชิมองท่าทางโกรธของอีกคนแล้วทำหน้าเศร้า


    “ก็ไม่ได้น่ารักบนหัวนายซักหน่อย”คนถูกกวนประสาทกรอกกัดฟันใส่อย่างไม่รู้ว่าจะพูดอะไร นี่คงเป็นครั้งที่สิบของเย็นนี้แล้วละที่เธอไล่อย่างสุภาพกับหมอนี่ คนบ้าอะไรไล่ก็ไม่ไปจะตามไปถึงไหนกัน ถ้าไม่เห็นว่ารู้จักกันต่อหน้าน้าบุญธรรมละก็เธอคงจะลากหมอนี่ไปเน่าตายในรังโจรซะตั้งแต่แรก! เหอะ!


    “วันนี้ฉันว่างนี่...ตามใจฉันซักวันไม่ได้เหรอ”ร่างสูงตอบเสียงเอื่อย เพราะวันนี้มันก็ว่างจริงๆ นั่นละ ทีมของเขาทำงานมาราธอนตั้งหลายวันเพื่อวันหยุดวันนี้ถึงเย็นเลยนะ ตอนแรกก็นึกว่าจะแยกย้ายกันดีๆ ที่ไหนได้ พวกมันยังมีหน้ามาดักที่กินข้าวเช้าประจำของเขาอีก..

    เจ้าอาซึมะนั่นก็อีกคน..เขาจะฟ้องคุเรไนให้จิกหัวมันสามวันสามคืน..


    “ธรรมดาฉันก็โดนนายเฉ่งอล่างฉ่างจะตาย หัวกระแทกหรือเปล่า?”นาโอมิถามอีกคนย้ำสติ 


    “แล้วถ้าฉันเจอเธอตอนนั้นอีกละ..”เขามองลงมาถามคนขี้โมโหผิดปกติ 


    “นายก็รู้นี่ว่าพวกนั้นเป็นยังไงหลังเจอกับฉัน พูดมากกว่านี้ระวังนายจะเป็นรายต่อไป”เธอพูดเสียงขุ่นก่อนที่จะสะดุ้งเมื่อโทรศัพท์ของตัวเองดังขึ้นมา “โอ๊ะ ติดต่อมาจริงๆด้วย”


    “ห๊ะ..”เขาหันไปมองอีกคนก่อนที่จะละสายตาไปทางอื่น...อะไรอีกวะเนี่ย...


    “ไม่ติดต่อมาซะนานเลยนะ..นึกว่าจะจมขี้อูฐตายไปซะแล้ว...ใช่ ฉันอยู่ที่นี่แล้ว อาทิตย์แรกก็ถือว่าไม่แย่นักหรอก..แล้วทางนั้นละ ใช่มั้ยล๊า~ จากุชชี่ที่นั้นขึ้นสวรรค์เลยใช่มั้ยละ~”เธอพูดกับคนในสายตาก่อนที่จะยกนิ้วขึ้นมานับบางอย่างแล้วหยุดเดินสายตาของเธอไล่ไปมองซ้ายและขวา ก่อนที่จะเอื้อมมืออีกข้างจับเพื่อนชายเอาไว้ พลางหันหน้าไปมองวงคนชราที่กำลังเล่นหมากรุก.. “ใช่ ใช่ เรื่องนั้นเราตกลงกันแล้ว”


    “เฮ้..”จู่ๆ ก็จับมือไม่พอ..นี่ไม่คิดจะพูดอะไรเลยงั้นเหรอ..


    “ออ..งั้นเหรอ เฮ้ แค่นี้ก่อนนะ ขอฉันทำธุระนิดหน่อย”เจ้าตัววางโทรศัพท์ลงใส่กระเป๋าก่อนที่จะใช้มืออีกข้างที่ว่างพลิกร่างสูงขึ้นมาบังรัศมีของตัวเธอเองก่อนที่จะหายใจเข้าลึกๆ อีกครั้งและค่อยๆ เอนสายตาออกไปด้านนอกแล้วรีบกลับเข้ามา “เอาละ ในเมื่อไม่ยอมไป มาเล่นเกมตอบคำถามกัน..”


    “เธอ..ต้องบอกฉันเรื่องนี้ก่อน เดี๋ยวนี้”คนที่ไม่รู้เรื่องอะไรกัดเสียงต่ำมองคนตรงหน้าที่เล่นอะไรไม่เข้าท่าเลยซักนิด..


    “ข้อแรก ตอนนี้นายไม่มีสิทธิ์ถามฉัน”นิ้วชี้จิ้มเข้าที่ผ้ามาร์กสีเข้มทาบลงบนริมฝีปากของคนช่างถามไปทีหนึ่งก่อนที่จะละออกมาเมื่ออีกคนมองเธอเงียบๆ และนิ่งตามที่เธอต้องการก็จริง แต่สายตาของเขาก็ยังแฝงด้วยความก้าวร้าวอยู่ดี...


    “สุดท้ายฉันก็ต้องตามใจเธอสินะ เฮ้อ”เสียงทุ้มบ่นก่อนที่จะมองคนที่เดินเข้าไปยังสนามเด็กเล่นแล้วเดินตามเข้าไปทันที ส่วนนาโอมิที่เดินนำไปก่อนใช้สายตามองไปยังมุมมืดเล็กๆ ที่ตัวเองสัมผัสได้แล้วถอนหายใจเล็กๆ...


    เธอจะพูดได้ยังไงว่าคนของประธานาธิบดีแอบมองเธออยู่....ไม่ซิ เราตกลงกันแล้วนี่..


    ...นี่ก็แค่ครึ่งอาทิตย์เท่านั้น ไอ้พวกนั้นมันเป็นใครกันแน่...



    บรรยากาศยามเย็นหลังเลิกเรียนที่มีลูกเล็กเด็กแดงกำลังเล่นสนุกสนานกันอย่างบ้าคลั่ง สำหรับนาโอมิแล้วมนุษย์เด็กมันก็เหมือนปีศาจตัวน้อยที่ไม่มีวันหมดพลังงาน นาโอมิมองด็กพวกนั้นด้วยความเอ็นดูไม่ใช่น้อยก่อนที่จะมองคนด้านข้างที่ยังคงตามเธอมาไม่เลิก ในเมื่อเธอเหนื่อยที่จะไล่แล้ว เธอจึงกอดอกแล้วมองสิ่งมีชีวิตตัวน้อยๆ วิ่งป้วนเปี้ยนไปมาอย่างสบายตาแทน...


    “ถ้าวันว่างๆ แบบนี้ ธรรมดานายไปไหนเหรอ..”


    “ก็..ห้องสมุด ไม่ก็ไปดูหนัง แต่จริงๆ แล้วชอบอยู่บ้านมากกว่า”เขาตอบตามความจริง ธรรมดาเวลาพักแบบนี้ของเขามันก็น้อยเต็มที การอยู่บ้านเงียบๆ ถือเป็นการพักผ่อนที่ดีที่สุดของเขา...


    “อ้อ..นี่ฉันอยู่กับมนุษย์โฮมซิิกสินะ ทำไมนายไม่กลับบ้านซะละ”เธอถามกลับอย่างไม่เข้าใจ


    “แล้วทำไม..เธอไม่ยอมกลับละ”เขาถามเมื่อเห็นอีกคนบ้าง


    “นายนี่สมองเสื่อมหรือไงคุณอัจริยะ..กฏไง กฏข้อแรกในตอนนี้..”


    “โอเค..”หนุ่มผมเทาพยักหน้าเข้าใจหันไปมองภาพที่อีกคนกำลังมองอยู่ในตอนนี้...


    เมื่อบรรยากาศริมแม่น้ำเริ่มเย็นลงเพราะเวลาที่เริ่มล่วงเลยไป ผมยาวสีเปลือกไม้ปลิวปรกใบหน้าของหญิงสาวอย่างจังจนปิดบังดวงตาสีทองครามที่ไม่สามารถละสายตาออกจากร่างของชายที่กำลังมองภาพที่เธอมองเมื่อครู่อยู่ ผมสีเทาที่ปลิวสไวไปกับแรงลมและดวงตาสีนิลเข้มที่กำลังเหม่อมองไปยังแสงสีทองส้มที่สาดเข้ามาอาบร่างของตนข้างกายของเธอ นาโอมิไม่เข้าใจว่าอารมณ์นี้มันเกิดมาจากอะไร


    เหมือน...เขาไม่มีผิด...


    แต่มันกลับรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาเล็กๆ ในอกมากกว่า...


    บ้าจริง...อย่าไปนึกซิเอเลน...


    “มองฉันแบบนั้น..อย่าบอกว่าปิ๊งฉันแล้วหนะ ใจง่ายจังเลยนะ”เสียงทุ้มพูดอย่างอึดอัดเมื่อหันมาเห็นอีกคนมองเขาค้างกลายเป็นรูปปั้นมาได้พักใหญ่ นาโอมิสะดุ้งตัวเองเล็กๆ แล้วเชิดหน้าไปทางอื่นทันที...


    “คนอย่างนายเนี่ย ยอมเป็นเพื่อนนี่ก็ไม่ค่อยอยากจะนับหรอก..”เสียงหงุดหงิดพูด ใบหน้าหงุดหงิดจิปากของตัวเองทีหนึ่งก่อนที่จะมองไปยังรถไอติมที่วิ่งมาพอดี เธอจึงก้าวออกไปทันที เดี๋ยวถ้าเธอพูดอีกก็คงได้มาทะเลาะกันน่ารำคาญจะตายไป..


    “เฮ้ นี่เธอโกรธฉันตั้งแต่ตอนเช้าใช่มั้ยเนี่ย?”คาคาชิถามร่างที่เดินหนีออกไป เธอหันกลับมามองอีกครั้งหนึ่งพร้อมๆ กับแยกเขี้ยวใส่..


    “อย่าทำให้ฉันโมโหมากได้ไหม เจ้าหนู...อ๊ะ ป้าคะ เอาพิเศษเพิ่มวิปปริ้งครีมค่ะ..”


    ตอนแรกมันก็น่ากลัวนั่นละ...แต่ดันมาหมดมูดตรงหันไปสั่งเพิ่มเนี่ยละ...


    มัน...กลายเป็นน่ารักแทน...



    ไอศกรีมสีหวานถูกตักเข้าปากคนขี้ไล่ไปคำใหญ่พร้อมกับสีหน้าพอใจยิ่งกว่าได้เอบวก...


    แช๊ะ!

    โอ้ย..มือมันอดไม่ได้จริงๆ..


    เมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ของอีกคนถ่ายรูปอะไรซักอย่างดวงตากลมสีทองครามเลื่อนขึ้นมามองเขาอย่างงงๆ แล้วบู้ปากใส่ “อะไรของนาย จะมาขอกินงั้นเหรอ? ฉันไม่แบ่งหรอกนะ...”


    ยัยทึ่ม...

    บางทีหล่อนก็น่ารู้ตัวซะบ้างนะว่าที่เขาตามมาไม่ได้มาเพราะของหวาน..

    (ว่าแล้วก็เลื่อนปุ่ม ปิดเสียงและทำการถ่ายภาพนั้นต่ออีกชุดหนึ่ง)


    ร่างสูงคลี่ยิ้มขำใต้ผ้าปิดปากของตัวเองก่อนที่จะทิ้งตัวลงบนม้านั่งในสนามเด็กเล่นที่เต็มไปด้วยแสงไฟสลัว เขาเก็บโทรศัพท์แล้วมองสาวน้อยตรงหน้าที่กำลังคุยกับเด็กๆ ที่กำลังจะกลับบ้าน...เขาพอรู้อยู่หรอกว่าทำไมไอ้เพื่อนตัวดีหล่อนถึงไม่อยากจะกลับบ้าน เพราะเธอเพิ่งย้ายเข้ามาในครอบครัวใหม่ อีกทั้งเรื่องที่บอกว่าไม่ชอบนามสกุล แค่นี้เขาก็พอรู้แล้วละ..


    เพราะแบบนั้นละเขาถึงปล่อยไป ธรรมดาเขาควรจะไล่หล่อนกลับบ้านไปแล้ว..


    “เจ้าหนูงั้นเหรอ..เธออายุเท่าไหร่กันถึงมาเรียกฉันแบบนั้น”เขาถามอีกคนที่พิงอยู่บนกรงครึ่งวงกลมอีกครั้ง..


    กฏข้อแรก


    “โหงวเฮ้งเธอไม่น่าจะใช่คนทำตามกฏเลยนะ..”คาคาชิพูดอย่างเริ่มหงุดหงิดมาบ้างล่ะ ผู้หญิงคนนี้ก็แปลกชะมัด มีพรสวรรค์ชอบทำให้ชาวบ้านหงุดหงิดหรือยังไงกันนะ


    “มันก็ใช่ แต่มันก็ตลกดีนี่ที่คนเคร่งทำตามกฏแบบนายจะมาทำตามฉัน..มันสนุกดี”ใบหน้าเจ้าเล่ห์หันมามองเขาก่อนที่จะละเลีบยมองรายละเอียดของของหวานตรงหน้าช้าๆ ระหว่างนั้นเธอก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ “ที่ยังตามฉันมาอยู่ ดูเหมือนนายจะพลาดอะไรจากฉันสินะ”


    กึก...


    “เธอ...”คนที่เดินตามมาเกือบครึ่งชั่วโมงหยุดเดินแล้วมองคนข้างๆ....ที่พูดถูก...


    “เหนื่อยหน่อยนะ ฉันไม่ใช่คนดีที่จะชอบพูดอะไรง่ายๆ..”หญิงสาวเท้าแขนมองอีกคนที่มองเธอด้วยสีหน้าเจ็บใจ เธอฉีกยิ้มกว้างหัวเราะชอบใจก่อนที่จะหยิบแท่งช็อคโกแลตมากัดเหมือนกับกระรอกแทะลูกนัท..คนที่มองก็อยากจะพูดจริงๆ ว่าขนมมันหนีไปไหนไม่ได้หรอกนะ ดูท่าทางหล่อนจะจริงจังเอามากกับขนมหวานมากไปหรือเปล่า..


    คนมองมันโกรธไม่ลงนะยัยบ้า...


    “งั้น..ให้ฉันเดาได้มั้ย”เขาจัดตั้งสมาธิที่ถูกภาพตรงหน้าลบทิ้งไปเมื่อครู่ขึ้นมาใหม่


    “อืม~ ได้ซิ”เธอเงยหน้าขึ้นมามองร่างสูงที่จู่ๆ ก็ขยับตัวเข้ามาใกล้อย่างไม่ทันตั้งตัว จนเธอต้องหายใจเข้าออกแทบไม่ทัน..รู้มั้ยว่าระยะประชิดมันทำตัวยาก! เธอต้องใช้ความพยายามมากขนาดไหนที่จะกลายเป็นสาวสายคูลได้ขนาดนี้!


    “เธอรู้จักกับลูอิส..ที่ DL ในย่านไชน่าทาวด์..”


    “คนๆ นั้นชื่อลูอิสเหรอ”เธอโพร่งตาขึ้นมาอย่างแปลกใจ “ป้าขายซาลาเปาหน้าย่านนั้นเค้าชื่อเจ็กกว่านะ..ร้านเช็น..ป้าเค้าก็ต้องชื่อเช็นซิ..”


    “เฮ้อ...สรุปแล้วก็ไม่ใช่เธอสินะ.”เขาถอนหายใจอย่างปวกหัวแล้วมองคนด้านข้างที่ตักไอศกรีมกินต่อ “ฉันถามได้หรือยัง..”


    “ถามอะไรละ?”


    “บ้านเธอมีอะไรนักหนา..พ่อเลี้ยงนิสัยแย่หรือไง..”เขาถามอีกครั้ง..


    “…”


    “หรือที่บ้านมีแต่หมาเต็มบ้าน...พอเธอกลับบ้านแล้วมันชอบกระโดดอึบขา”


    “หึ..” คนที่ฟังมาพักหนึ่งสุดท้ายก็กลั้นหัวเราะขำไม่ไหว “ไม่”


    ไม่น่าเก็บโทรศัพท์เลยวุ้ย...

    ชายหนุ่มคิดกับตัวเองอย่างเซ็งๆ แล้วเท้าแขนมองอีกคนอีกครั้ง


    “แล้วทำไมละ...ครอบครัวใหม่เธอ ไม่โอเคเหรอ?”


    มือที่ตัดไอศกรีมขึ้นมาสะดุดอีกรอบ นี่ก็ถามเรื่องครอบครัวยังกับรู้จักนานแล้วงั้นละ...


    “ก็..เค้าเป็นคนที่ฉันไม่เคยเจอหน้ามาก่อน ฉันก็เลยไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงต่อไป แต่ก็หวังว่าจะไม่ไปสร้างปัญหาให้ล่ะนะ แล้วจะถามไปทำไมละ”


    “คำพูดไม่เข้ากับหน้าเลยนะ”

    “ขอบคุณ”เธอพูดประชดใส่ด้วยความขี้เกียจที่จะโมโหแล้ว...รู้งี้คราวหลังเธอจะไม่คาดหวังกับคำตอบไอ้บ้านี่อีก..คอยดู..


    “นาโอมิ..เธอกลัวเมืองนี้มั้ย”


    คนที่เงียบเมื่อครู่ จู่ๆก็เปลี่ยนประโยคถามขึ้นมา..คาคาชิไม่ได้มองคนที่เขากำลังถาม เขามองออกไปยังบรรยากาศมองเมืองตรงหน้าที่เริ่มเข้าสู่บรรยากาศในตอนกลางคืน แสงไฟที่ไม่มีวันดับลง..และคนที่จราจรผ่านไปมาอย่างหนาแน่นเพื่อกลับจากงานของตน..


    นาโอมิมองภาพนั้นตามอีกคนแล้วถามเสียงเบา 


    “อะไรของนาย…” จู่ๆ ก็เข้าประเด็นดราม่าหน้าตาเฉย..


    “เมืองนี้..มันทำให้อะไรๆ ต่อมิอะไรเพี้ยนไปหมด..ถึงจะดูเหมือนทุกอย่างดีขึ้นมา แต่มันก็ทำให้บางอย่างถดถอยลงไป..”ตาสีเข้มพูดแล้วมองมายังเพื่อนสาวที่นั่งฟังเขาอยู่เงียบๆ ทั้งๆ ที่ไอศกรีมเกือบครึ่งกำลังละลายเพราะการเพิกเฉยของอีกคน..


    “ฉันไม่ค่อยชอบเอาเวลาว่าง มาคิดเรื่องการเมืองหรอกนะ..”เธอพูดเสียงขุ่นแล้ววางช้อนไอศกรีมลงบนตักของตัวเอง “..แต่ไม่ว่าที่ไหน สิ่งที่กล่าวได้ว่ามันน่ากลัว มันไม่ใช่ผู้คน ไม่ใช่เมืองที่เต็มไปด้วยอาชญากร..แต่คือกระแสของความตื่นกลัว..”


    “…”


    “อา..พูดภาษาประเทศนี้ก็คือ ความริเริ่มการเปลี่ยนแปลง นั่นล่ะ อาวุธชั้นดีโดยไม่เปลืองแรง”เธอลุกขึ้นมายืนเต็มความสูงแล้วลูบแขนสองข้างของตัวเองเพราะลมหนาวที่เวียนผ่านร่างของเธอ...


    “งั้น..ฉันจะถามเป็นข้อสุดท้าย..”ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาพร้อมๆ กับดวงตาที่ไร้แววของตัวเอง “อะไรคือสิ่งที่เธอกลัวที่สุด..”

    “ฉันงั้นเหรอ..”เธอฟังคำถามนั้นแล้วยิ้มเล็กๆ “โลกที่ไม่มีของหวานยังไงละ”


    “เธอนี่มัน...”


    “เฮ้ย เรื่องจริง!”ดวงตาสีทองครามยีลงพร้อมกับหัวเราะขำกับสีหน้ายั้วะโมโหของอีกคน เธอหลบมือหนาที่เอื้อมเข้ามาหยอกแก้มของเธอก่อนที่จะตักไอศกรัมคำสุดท้ายเข้าไปในปาก เท้าเล็กถอยลงไปก้าวหนึ่งก่อนที่จะสะดุดกับหิวในสนาม “ ฮ เฮ้ย..”


    “ระวัง!”


    ตุ๊บ..


    ร่างเล็กล้มลงไปกับพื้นหน้าหลับตาปี๋เพราะกลัวเจ็บ...สะโพกของเธอที่โดนลงโทษไปเมื่อสองวันก่อนยังไม่หายระบมนักนี่ยังจะมาโดนกระทบเพราะลื่นล้มงั้นเหรอ..ทำไมช่วงพักหลังมานี้เธอถึงได้ซวยนักนะ!!


    “เป็น..อะไรมั้ย..”เสียงทุ้มพูดข้างหูของเธอเบาๆแล้วเคลื่อนออกมาระยะหนึ่ง ตาที่ปิดสนิทถึงกับโพล่งขึ้นมามองภาพตรงหน้า สรุปแล้วเธอไม่ได้ล้ม..แต่ตัวเธอกลับเอนไปทับร่างของอีกคนที่ล้มลงไปนอนราบบนม้านั่ง..มือหนาคล้องเอวของเธอเอาไว้ทั้งสองข้าง กับใบหน้าของอีกคนที่เปิดโล่งเพราะมือของเธอที่เอื้อมเข้าไปเกี่ยวมันหลุดออกมา...


    เธอเบิกตากว้างเมื่อตัวเองได้สบตากับ...ดวงตาข้างนั้น...


    ตาข้างซ้ายสีแดงสดของเขา..


    “ตา..ตาของนาย..”


    “มันหลุดงั้นเหรอ...”ร่างสูงพูดเสียงเอื่อยก่อนที่จะลูบผ้าปิดตาของตัวเองที่หายไป 


    “อืม..มันหลุดแล้ว.”เธอครางเบาๆ มือเล็กลูบเปลือกตาของชายหนุ่มอย่างเบามือ ดวงตาสองข้างที่มีสีที่แตกต่าง..แต่กลับน่าดึงดูดอย่างเหลือเชื่อ..เธอมองภาพนั้นครู่หนึ่งก่อนที่จะพึมพำออกมาเสียงเบา.. “ฉันคงถามอะไรไม่ได้เหมือนเคยสินะ..”


    “อืม..”เขาครางเสียงเบาแล้วหลับตาข้างนั้นลงเมื่อนิ้วเย็นลากผ่าน ดวงตาสีทองอมครามนั้นจ้องมายังตาของเขาราวกับเห็นภาพบางอย่างเกี่ยวกับสาเหตุของแผลบนใบหน้าของเขา..


    “มันก็สวยดีนะ..แต่คงเจ็บน่าดู.”


    “เธอสวยกว่า.. ”เขาพึมพำก่อนที่จะยิ้มมุมปากเล็กๆ กับสีหน้าเหวอๆ ของอีกคน “แต่จะอยู่ท่านี้อีกนานมั้ย..”


    “…”นาโอมิเงียบไม่พูดอะไรต่อ เธอรีบละตัวเองออกก่อนแล้วหายใจเข้าลึกๆ..มันไม่ใช่แค่โรคตาแดงที่เธอเข้าใจ..นี่มันเป็นรอยแผลบาดลึกที่แก้มเลยด้วยซ้ำ นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ..แต่ทำไมอ้หัวใจบ้านี่มันถึงเต้นไม่หยุดตังหาก..


    “อา~พวกผู้ใหญ่จู๋จี๋กันด้วยฮะแม่”

    “อย่าไปดูลูก!”


    “ไม่ใช่แบบนั้นซักหน่อย...”เธอพึมพำกับตัวเองอย่างปวดหัวก่อนที่จะมองอีกคนที่ยื่นมือมาขยี้ผมของเธอด้วยสีหน้าขำขันไม่ใช่น้อย พอเธอเห็นภาพนั้นเข้า...ไอ้ใจเจ้ากรรมมันก็สั่นเข้าไปอีกยกใหญ่...


    บ้า...นี่มันบ้าชัดๆ เอเลน วอร์คเกอร์!!




    ไอ้หน้าเห่ยนั่นชมงั้นเหรอ?. โอ้ย เป็นไปไม่ได้!


    นาโอมิกลับบ้านด้วยสีหน้าสติแตกที่แทบจะหยุดไม่ได้..ก่อนที่จะชะงักเมื่อเห็นบุคคลคนหนึ่งที่ยืนรอเธออยู่ที่โซฟาห้องรับแขก...และสายตานั่น มันไม่ใช่เรื่องดีเลยซักนิด..


    อย่าบอกว่ามีคนไปบอกเรื่องเพื่อนเธอเข้าหนะ...เธอเถียงคอเป็นเอ็นแน่...


    มีอะไรเหรอคะ”เธอหันไปถามเขาด้วยสีหน้าแปลกใจ เธอวางกระเป๋าเรียนลงข้างๆโซฟาตัวกว้างแล้วนั่งลงมองชายผมสีเทาสว่างที่นั่งไขว่ห้ามอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ก็จริง แต่สายตาของเขากลับดูไม่ได้สนใจเนื้อหาด้านในเท่านั้น...


    พรึ่บ...


    “เธออยู่ที่นี่มาสามวันแล้ว..ฉันถึงมีคำถาม”เขาพับหนังสือพิมพ์ลงแล้ววางมันไว้ตรงหน้า..หญิงสาวก้มลงไปมอง เนื้อหาพาดหัวข่าวนั้นไม่ได้เกี่ยวอะไรกับตัวเธอ เธอจึงเงยหน้าจึ้นไปมองร่างสูงตรงหน้าที่หยิบไปซ์มาสูบเงียบๆ..


    “คำถามอะไรเหรอคะ?”


    “เธอ..มีเป้าหมายหรือเปล่า” ดวงตาสีแดงของโทบิรามะจ้องเด็กสาวอย่างเรียบสนิท แต่แฝงไปด้วยความคาดคั้น


    “…"พอโดนถามอะไรยากๆ ไป หญิงสาวขมวดคิ้วเล็กๆ แล้วส่ายหน้า “ฉันยังไม่เข้าใจจุดประสงค์ของคุณด้วยซ้ำ แล้วมันมีความจำเป็นอะไรที่ฉันต้องมามีเป้าหมายด้วยละ”


    “ซึนาเดะพูดว่าเธอมีเรื่องกับผู้หญิงในห้อง”เสียงทุ้มพูดแล้วเปรยตาสาวน้อย​ “เป็นลูกสาวของฉัน..ไม่น่าจะโดนอะไรตื้นๆของพวกมีดีแค่ชื่อพวกนั้นได้เลยนะ..หรือว่าจะเป็นเรื่องที่แกแอบเข้าไปในตลาดมืด ทั้งๆ ที่รู้ว่าไอ้เด็กหัวเทาที่เธอกำลังสงสัยตัวแกอยู่...”


    "..."


    "คิดว่าฉันไม่รู้หรือยังไง?"


    ...รู้ทุกอย่าง แม้แต่การเคลื่อนไหว...


    สมกับเบอร์สองของประเทศจริงๆ นั่นละ...


    “แล้วจะให้หนูทำอะไรเหรอคะ? คุณสั่งหนูเองว่าไม่ให้ทำตัวเด่นเกินไปเองนี่นา ถ้าพวกนั้นดันไปจ้างพวกเดียวกันไปสืบหน่วยข่าวหรองของรัฐขึ้นมาคงจะวุ่นวายแน่ เด็กสมัยนี้น่ะ เรื่องแฮกข้อมูลมันก็ไม่ต่างอะไรกับเล่นเกมส์หรอกนะคะ” เธอถามและพูดด้วยสีหน้าใจเย็นก่อนที่จะมองชาหอมที่ถูกวางจากฝีมือของแม่บ้านพร้อมๆ กับขนมเครื่องเคียง เธอเอื้อมมือไปหยิบขนมแล้วมองสีหน้าหัวเสียของพ่อเลี้ยงอีกครั้ง.. "หรือว่าจะเป็นตลาดมืดนั่น..คุณเองก็มีสปายเหมือนกันนี่..."


    โทบิรามะมองเด็กสาวตรงหน้าแล้วกระตุกยิ้ม "กินกันไม่ลงสินะ.."


    “..จะทำยังไงได้ละ” นาโอมิยิ้มขำ "ตอนนี้คุณ...เป็นพ่อของฉันแล้วนี่"


    “เหอะ ปากดีก็แค่ตอนนี้ล่ะ”เขาสบถกับความมั่นใจพวกนั้นแล้วพูดต่อ “ระวังคนในโรงเรียนด้วย..มันอาจจะไม่ได้ง่ายเหมือนที่เธอคิดหรอกนะ..”


    “ว ว่าไงนะ.”น้ำชาเกือบจะขึ้นจมูกทันทีที่พ่อเลี้ยงพูดจบ “หมายความว่าอะไรคะ?”


    “ฉันไม่พูดซ้ำสอง..ต่อจากนี้ระวังตัวให้ดีด้วยฉะนั้นคิดเรื่องเป้าหมายเอาไว้ให้ดี ตอนนี้ฉันยังไม่เร่งแกหรอก..แต่ฉันจะรอคำตอบของเธอในเร็วๆ วัน” ร่างสูงพูดเสียงเรียบๆ แล้วลุกขึ้นยืน มือข้างหนึ่งคว้าไม้เท้าขึ้นมาสายตาตวัดมายังร่างของลูกสาวบุญธรรมที่กำลังทำหน้าเรียบเฉยราวกับไม่ได้คิดอะไรต่อจากนั้นเลย...


    มันคงเป็นกฏของสายเลือดที่ห้ามแสดงความรู้สึกออกมา...


    แต่ลึกๆ คงจะรู้สึกกลัวอยู่สินะ...วอร์คเกอร์....



    ทางสภา


    “ท่านธานาธิบดีครับ..จะทำยังไงดีครับ”


    “วอร์คเกอร์งั้นเหรอ..ทำไมละ?”คนที่กำลังอ่านเอกสารอยู่นั้นถามขึ้นมาเนิ้บๆ แล้วกวาดสายตามองบรรดาชายในเครื่องแบบตรงหน้าที่ยังคงรอคำสั่งอยู่ตรงหน้า รวมไปถึงหัวหน้ากองที่สองที่เป็นเพื่อนร่วมชั้นกับคนในประเด็นอีก..นี่ถ้าไม่ใช่เวลาที่เขาจะแจกแจงหน้าที่ละก็ เจ้าเลขาบ๊องตื้นนี่ได้โดนเขามะเหงกใส่แน่ๆ...


    “นี่มันก็ผ่านมาได้เกือบอาทิตย์แล้ว...ทางกระทรวงต่างประเทศก็คงเล็งตัวเธออยู่ไม่ใช่น้อย ปล่อยเอาไว้แบบนี้จะดีเหรอครับ”เลขาเอนตัวมาถามร่างสูงด้วยสีหน้ากังวล ฮาชิรามะที่ได้ยินแบบนั้นก็โพล่งตาขึ้นเล็กน้อยพลางถอนหายใจลดอายุไปครั้งหนึ่ง...


    ...ขืนปล่อยไว้แบบนี้...


    หมาป่า...ฉันขอออกคำสั่ง..”


    “ครับ?”


    คราวหน้าเขาต้องเป็นฝ่ายจัดการก่อนซินะ





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×