ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คลังแสงแสนฟิคของผึ้ง (Naruto , KNY , Magi, JJK etc.) X Reader

    ลำดับตอนที่ #28 : Fic Kimetsu no Yaiba (4) :: เรือนอักษร (เพิ่มเนื้อหา)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 399
      49
      15 ธ.ค. 62

    หมายเหตุแรก :: เรียนนักอ่านที่อ่านแล้วนะครับ
    ผึ้งเพ่ิ่มเนื้อหาตอนประมาณ 30 % หากเป็นการรบกวนต้องขอโทษด้วยน้า
    หมายเหตุที่สอง :: ทำไมไม่สลับอัพเรื่อง Queen?
    เหตุผลที่ช่วงนี้ผึ้งอัพ KNY นั้นเนื่องจากผลโหวตหลังจากวันประกาศเป็นเอกฉันท์แล้วครับ 
    (ผลอยู่ที่ 5:4 <- อันนี้ผลหลังจากวันประกาศเนอะลากยาวถึงที่ 14/12 ครับ) 
    แต๊!! Magi มาแน่นวลครับ ใจเย็นๆ เน้อออเจ้า ขอเวลาผึ้งสลับโหมดซักครู่ (><)o!
    ผึ้งต้องขอขอบคุณสำหรับกำลังใจและเข้ามาร่วมโหวตนะครับ จะตั้งใจเขียนงานให้เต็มที่เลย รักเด้อ จุ๊บ~
    ----------------------------------

    4 : เรือนอักษร

    "กรรรรรร..."

    เสียงครางของเด็กชายคั่นระหว่างนักล่าอสูรทั้งสอง แม้เป็นคำสั่งจากเสาหลักตรงหน้า และกำลังถูกเด็กที่มาอาการคล้ายกับกัดแขนจนเลือดโชก นี่เป็นภารกิจครั้งแรกของนาโอะ ยอมรับว่ารู้สึกยำเกรงอีกฝ่ายมาก สิ่งที่ได้ยินกับสิ่งที่เห็นมันต่างกันคนละขั้น แต่ที่น่าสะพรึงกว่าอะไรทั้งหมดคงเป็นกรรมพันธุ์ตระกูลเรนโกคุ

    พ่อกับลูกถอดหน้ากันมาแทบไม่มีตำหนิเลยไอ้บ้าเอ้ย เธอเริ่มขนลุกจริงๆ แล้วนะ..แบบว่าจริงๆ

    "ทูตมรณะ!!"

    เสาหลักเพลิงคำรามเรียก คราวนี้สีหน้าของเขาเริ่มน่ากลัวขึ้น

    นาโอะสะดุ้งได้สติอีกครั้ง มองตามสายตาที่เพ่งมายังโอฮาริใช้หุ้มร่างเด็กที่กลายเป็นอสูรเอาไว้ มันกำลังชุ่มด้วยเลือดจากเด็กยังคงฝังเขี้ยวลงบนมือ ของเหลวสีแดงหยดลงบนพื้นทำให้ตัวพ่อของเด็กไม่ได้หนีห่างจากตัวลูกไกลนักสั่นระริก สายตายังคงมองลูกในอ้อมแขนของเธออย่างอาวรณ์ น้ำตาของเขาไหลพรากจนใจแทบขาดซะตรงนั้น

    บ้าจริง เธอตัดสินใจช้าเกินไป..

    "คิดจะสละมือข้างนั้นให้อสูรหรือยังไง ปล่อยเดี๋ยวนี้!!"

    เสาหลักเพลิงเดินเข้ามาใกล้ห่างจากเธอเพียงหนึ่งก้าว บาดแผลของเขามาจากอุทิศร่างกายตัวเองปกป้องนักล่าอสูรและชาวบ้านคนอื่นในอาคารนั้นไม่ผิดแน่ และสิ่งเดียวที่เป็นเครื่องยืนยันว่าทุกคนจะปลอดภัย คือการสะบั้นคอเด็กในอ้อมแขนของเธอ

    เด็กคนนี้กลายเป็นอสูรไปแล้ว ตัวนาโอะเองก็รู้เรื่องนี้ดี...ทางออกที่จะช่วยเด็กคนนี้คือต้องฆ่า...

    ทั้งๆ ที่มันควรจะเป็นแบบนั้น...แต่ทำไม..

    '..ช่วยผม.ด้วย.'

    "ผมคิดว่ามันไม่ถูกต้อง" เธอปฏิเสธเสียงชัด "ที่นี่มันเกิดอะไรขึ้น? เด็กคนนี้น่าจะเป็นอสูรได้ไม่นาน แล้วอสูรตัวการในครั้งนี้--"

    "ถ้าเป็นอสูรตนนั้น ข้าบั่นหัวมันไปทั้งหมดแล้ว" เสาหลักเพลิงแทรกด้วยเสียงกดต่ำ ครั้นจะเบี่ยงดาบตัดคออสูรในตอนนี้ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร แต่เพราะอีกร่างรู้ว่าเขาจะทำ จนต้องเริ่มตะคอกใส่ "ขัดคำสั่งเสาหลักกับช่วยเหลืออสูร เจ้ากำลังฝ่าฝืนข้อห้ามสูงสุดถึงสองข้อ ปล่อยมือจากมันซะ!! ไม่งั้นโทษของเจ้าจะหนักกว่านี้!!"

    "ทำไม่ได้ครับ ต่อให้ตัดแขนผมก็ไม่ปล่อย" เธอย้ำคำเดิม ใช้มืออีกข้างหยิบบางสิ่งในสาบเสื้อ "เด็กคนนี้ไม่ได้ทำอะไรผิด...ให้ผมได้ช่วยเขาในตอนนี้เถอะ.."

    ทันทีที่พูดจบ กระบอกปืนโลหะจ่อที่ปลายคอเด็กชายพร้อมกับนาโอะที่ข่มหลับตาลงอย่างเชื่องช้า ตามมาด้วยผู้เป็นพ่อมองภาพนั้นกรีดร้องออกมาสุดเสียง

    "ย อย่านะ!!!!!!!!"

    ปัง!!

     

    "ท ทูตมรณะมาแล้ว!!"

    "อำมหิตชิบ ฆ่าเด็กตาดำๆ ได้ลงคอ..ถึงจะพึ่งเป็นอสูรก็เถอะ.."

    --- ทูตมรณะ ----

    ไม่รู้ว่าคำๆ นี้เริ่มมาจากใคร แต่ดูเหมือน นาโอะจะถูกเรียกแบบนั้นแทนสถานะหมอในตอนนี้เข้าซะแล้ว

    เมื่อเห็นว่าอสูรตนสุดท้ายได้ถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว เสาหลักเพลิงจึงยอมเก็บดาบและสั่งให้เธอเข้าไปช่วยเหลือผู้ป่วยคนอื่นๆ รวมถึงนักล่าอสูรที่ถูกรายงานว่าหายไปจากภารกิจเป็นการเก็บความเรียบร้อย เท่าที่นาโอะรวบรวมได้วิเคราะห์ทั้งหมด อาการป่วยของพวกเขาทั้งหมดน่าจะเกิดขึ้นจากมนต์โลหิตของอสูรในรูปแบบของพิษ ซึ่งสามารถบงการสมองลามไปยังกระแสเลือด

    ชาวบ้านเล่าว่ามีคนที่เกิดอาการคลุ้มคลุ่งโจมตีเพียงแค่นักล่าอสูรฆ่า นั่นคงเป็นชุดคำสั่งในพิษนั้นและเป็นระยะสุดท้ายที่เปลี่ยนพวกเขาเป็นอสูรจริงๆ และคนสุดท้ายที่กลายเป็นอสูรก็คือเด็กที่เธอได้ฝังกระสุนไปเมื่อครู่ เพราะได้ทำงานกับคุณชิโนบุมาหลายเดือน เธอจึงมีโอกาสศึกษาเรื่องพิษและสามารถดัดแปลงไปในรูปแบบอื่นได้..นั่นคงเป็นสาเหตุที่ท่านชิโนบุพิจารณาเป็นอย่างดีแล้วจึงส่งให้เธอมาที่นี่

    "ใช้ยาตัวนี้ แล้วก็ตัวนี้ผสมกันนะคะ"

    เธอสอนสูตรถอนพิษให้กับนักล่าอสูรคนอื่นเพื่อร่นเวลา แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะตีความผิดเพี้ยนไปว่า

    "ส สุดยอดเลย ทูตมรณะรักษาพวกอสูรได้ด้วย!"

    "..ใจเย็นๆ ก่อนซิคุณ"

    รักษาอสูรได้บ้านเอ็งซิ...ถ้าทำได้จริงป่านนี้เธอได้เป็นเสาหลักไปนานแล้ว...

     

    "สรุปแล้ว...มันเรียกว่า ไวรัส เหรอครับ?"

    ชาวบ้านผู้เป็นพ่อคนนั้นทวนสิ่งที่นาโอะกำลังอธิบายสาเหตุที่เกิดขึ้นพร้อมกับรักษาเขาไปด้วย..

    "ครับ ถ้าให้เปรียบเทียบแล้ว อาการพวกนี้ที่ตะวันตกเรียกเช่นนั้น ครอบครัวคุณเองก็ติดเชื้อนั้นแม้จะไม่รุนแรงนัก.." นาโอะพยักหน้า มือทั้งสองหยิบเข็มฉีดออกมาออกมาจากกล่องหนังสีน้ำตาลตุ่นซึ่งที่มักจะถือติดตัวเป็นประจำ ก่อนใช้รองเท้าหนังเขี่ยกล่องหนังขนาดยาวแบนอีกอันไว้ใต้เตียง เพราะเด็กบางคนที่รักษาเรียบร้อยแล้วกำลังวิ่งเดินป้วนเปี้ยนสำรวจรอบตัวเธอด้วยความสงสัย

    "พี่ชาย พี่ชาย พกกล่องอะไรมาเยอะแยะเหยอ??"

    ไรเฟิ้ลค่ะน้อง..

    นาโอะตอบหยอกๆ ในใจก่อนยิ้มหวานให้

    "นั่นซิ~ อาจเป็นเข็มฉีดยาอันใหญ่ก็ได้นะ~"

    "แง้!! พี่เป็นทูตมรณะจริงๆ ด้วย!! โหดเหมือนปี๋!!"

    ไปกันใหญ่แล้ว (=_=)

    "ฮะๆ เด็กๆ ดูชอบคุณนะครับ" ชายวัยกลางคนที่นาโอะกำลังรักษายิ้มหัวเราะขึ้นมาบ้าง มองแววตาจากเดิมที่หม่นหมองไร้ชีวิต ในยามนี้กลับมีชีวิตชีวาอย่างน่าประหลาด จนอดถามไม่ได้ "คุณเองก็มีเด็กแสบๆ แบบนี้เหมือนกันละซิ หน้าคุณมันบอกชัดเชียว"

    "เคยมีน่ะครับ..เป็นเรื่องที่นานมากทีเดียว" แต่คำตอบที่ได้กลับมาเบาแผ่วจนน่าใจหาย หญิงสาวในคราบชายหนุ่มมองภาพเหล่านั้นด้วยความคิดถึงก่อนที่จะหันกลับมาพูดต่อพร้อมหยิบกระดาษซึ่งเขียนที่อยู่ของตนยื่นให้ "ถ้าเป็นไปได้อยากให้ย้ายมาที่เมืองที่ผมทำงานอยู่ตามนี้นะครับ ทางเราจะได้ติดต่อเรื่องยาและค่าเสียหายได้สะดวก"

    "ครับ ต้องขอโทษที่เป็นภาระนะครับ" เขารับมันด้วยความเกรงใจ รู้สึกผิดไม่ใช่น้อยเมื่อเห็นแขนของนาโอะที่ถูกพันด้วยผ้าพันแผลอย่างแน่นหนา เพราะมันเป็นแผลลึกจากการถูกลูกชายของเขาฝังเขี้ยวและกระชากไปมา "เพราะคุณปกป้องลูกของผม คุณถึงถูกคนพวกนั้นเกลียดไปด้วย"

    "เป็นธรรมชาติของคนตระกูลผมนั่นล่ะ เราไม่ค่อยมีโชคเรื่องการผูกมิตรซักเท่าไหร่" นาโอะพูดติดตลกไปพร้อมกับยิ้มเฝื่อน ก้มหน้าทำแผลต่อแม้จะไม่สบตา "แต่เรื่องที่ผมทำเมื่อคืน..คุณควรจะโกรธนะ"

    "ได้ที่ไหนกัน! คุณช่วยเขาไว้ตังหาก!" ชายคนนั้นพูดด้วยสีหน้าไม่เห็นด้วย มือหนาเคลื่อนวางลงบนไหล่เล็ก "ฟังผมนะ ถ้าเมื่อคืนคุณนาโอะไม่อยู่ที่นั่น ลูกของผมอาจจะฆ่าคนอื่นเหมือนกับที่เหยื่อคนอื่นได้ทำ การให้เขาได้ไปอย่างสงบถือมันเป็นเรื่องที่วิเศษมาก.."

    นาโอะไม่รู้จะพูดอะไรตอบโต้คำพูดใจดีเหล่านั้น นอกจากคำขอบคุณ..

    "คุณตังหากที่วิเศษมาก.." เธอฝืนยิ้มรับ กลั้นน้ำตาไม่ให้ร้องไห้ตรงนั้น "ต่อให้เขาเป็นอสูรไปแล้ว แต่คุณทำหน้าที่ของพ่อไม่ทอดทิ้งเขาไปไหน ยอดเยี่ยมมาก.."

    ไม่รู้ว่าเป็นเพราะจรรยาบันแพทย์ หรือ อารมณ์โลกสวยมันกำลังควบคุมปากของนาโอะกันแน่ ตั้งแต่เมื่อคืนก่อน..

    'ผมคิดว่ามันไม่ถูกต้อง'

    การที่กล้าหักหน้าเสาหลักแบบนั้น...เริ่มรู้สึกกลัวตัวเองขึ้นมานิดหน่อยแฮะ..

     

     

    เพราะภารกิจแของนาโอะ คือการรักษา ฉะนั้นจึงอยู่ที่เมืองนี้เป็นเวลาสามวันเต็มๆ

    จนกระทั่งพบเสาหลักเพลิงอีกครั้งบนรถไฟขากลับไปยังคฤหาสน์ของนายท่าน ร่างกายของเขาเขาถูกแพทย์คนอื่นรักษาเรียบร้อยแล้ว ใบหน้ากำลังยิ้มแย้มกำลังพูดคุยอยู่นักล่าอสูรคนอื่นที่รอดจากภารกิจ แต่ทว่าความสดใสเหล่านั้นกลับดับวูบลงอย่างง่ายดาย ทันทีที่เห็นเธอเดินเข้ามาโค้งตัวทักทาย แล้วหมายจะเดินผ่านออกไปเงียบๆ

    "ทูตมรณะ"

    ไม่มีรอยยิ้มเกิดขึ้น มีเพียงแค่สายตาเข้มงวดและเรียกน้ำเสียงที่เรียบนิ่ง คาดเดาไม่ได้เลยว่าดวงตาสีทองมองหน้าเธอนั้นคิดสิ่งใดอยู่ จนกระทั่งมือหนาข้างหนึ่งก่อนเคลื่อนตบเบาๆ บนเบาะด้านข้าง

    "มานั่งกับข้า"

    ..........อะไรนะ?

    "ท่านเรนโกคุ อย่าไปชวนคนประหลาดพันนั้นซิครับ"

    "มีข่าวลือว่าตระกูลวากามุราซากิน่ะ อยู่ใกล้ด้วยจะยิ่งซวยนะคะ"

    ถึงแม้จะเป็นคำเชื้อเชิญที่เป็นมิตร แต่สายตาของนักล่าอสูรคนอื่น กลับทิ่มแทงเธอยิ่งกว่าเข็มพันเล่ม กระนั้นนาโอะไม่ได้รังเกียจอะไร เธอนั่งลงข้างท่านเสาหลักตามคำสั่งอย่างว่าง่าย เพราะในภารกิจเธอขัดคำสั่งเขามามากพอแล้ว อีกอย่างก็มีความจำเป็นต้องสืบหาเรื่องการตายแม่จากพ่อของเขาอยู่ดี

    ทว่าทันทีที่เธอนั่ง พวกนักล่าอสูรคนอื่นก็ลุกขึ้นแยกไปนั่งที่อื่นด้วยความรังเกียจหรืออย่างไรไม่ทราบ ตอนนี้เหลือเพียงเธอกับเสาหลักแค่สองคน...เสียงโลหะกระทบกันของรางรถไฟคั่นความเงียบ จนกระทั่งท่านเสาหลักเปิดประเด็นขึ้น

    "เจ้ารักษาพวกเขาได้..สมกับที่ชิโนบุชมว่าเจ้ามีพรสวรรค์" เขาเปรยขึ้นแม้จะไม่มองหน้าเธอ "เข้ามาเป็นนักล่าอสูรได้กี่เดือนแล้ว?"

    "เกือบๆ สองเดือนครึ่ง.." เธอทำหน้านึกแล้วหลุบตาลง "แต่นี่เป็น ภารกิจครั้งแรก ครับ"

    "งั้นก็ถือว่าไม่แปลก เพราะดูเหมือนเจ้าจะไม่รู้กฏเกณฑ์เลยแม้แต่น้อย"

    น้ำเสียงตำหนินั้นทำให้นาโอะหน้าซีดเล็กๆ แอบร้องอ้อว่าตัวเองกำลังถูกเรียกมาตักเตือนเป็นการส่วนตัว..

    "ในฐานะเสาหลัก ข้าขอสั่งเจ้า หนึ่งเดือนต่อจากนี้ ห้ามเจ้าออกภารกิจจนกว่าคัดกฏของนักล่าอสูรสองร้อยจบ" เขาพูดเท่านั้นก่อนที่จะหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน แต่กระนั้นก็ยังขยับปากถามกำชับ "เข้าใจที่ข้าพูดหรือไม่?"

    "ครับ" นาโอะที่นั่งเกร็งไม่กล้าขยับพยักหน้า เป็นอย่างที่คุณชิโนบุเตือนไม่มีผิด...ทำไมพึ่งมานึกได้ตอนนี้นะ คิดเจ็บใจได้ไม่เท่าไหร่ ตาทั้งสองข้างก็เริ่มปรือง่วงไม่ต่างจากเสาหลักเพลิง ความเงียบจากสภาพแวดล้อมรอบข้างทำให้ศีรษะโอนเอนไปมาอย่างอ่อนเพลีย แต่ก็ได้ไม่นานนักเมื่ออีกฝ่ายยังพูดไม่จบ...

    "......แล้วก็ เลิกไปด้อมๆ มองๆ บ้านข้าเสียที"

    (O O !! )

    เท่านั้นล่ะ นาโอะสะดุ้งตื่นได้สติแทบจะเต็มร้อย เธอหันข้างไปมองอีกฝ่ายทว่าเสาหลักเพลิงกลับหลับไปเสียแล้ว..

    ..เขารู้...รู้จริงๆ ด้วย...

    ว่าแต่ตัวหนักชะมัด แค่เรียกมาดุไม่ใช่หรือไง? เกลียดมากก็ไปพิงหน้าต่างเซ่!! ไหล่จะหักแล้วนะ!!

     

     

    "นี่คุณแกล้งโง่หรือไงคะ?"

    ระเบิดลูกที่สองระเบิดขึ้นทันทีที่นาโอะกลับมายังคฤหาสน์ผีเสื้อ ชิโนบุเรียกนาโอะไปพบเป็นการส่วนตัวอีกครั้ง คราวนี้ไม่ได้พูดสีหน้าเปื้อนยิ้มแล้ว แทบจะเขมือบหัวเธอด้วยซ้ำไป

    " ไม่สมเป็นคุณเลย เด็กคนนั้นฟังยังไงก็กลายเป็นอสูรไปแล้ว ทำไมคุณถึงไม่ปล่อยให้เป็นการจัดการของคุณเรนโกคุ?"

    "แต่ท่านเสาหลักกำลังฆ่าคน ผมปล่อยไว้ไม่ได้" เธอตอบอย่างในสิ่งที่ตัวเองคิดว่าถูก "อย่างที่คุณรู้ ผมศึกษาเรื่องนี้มาตลอดเก้าปี..ถ้าพลาดพลั้งกลายเป็นฆ่าคนบริสุทธิ์ขึ้นมา---"

    "ไม่เข้าใจค่ะ" ชิโนบุกดเสียงต่ำ ใบหน้าสวยถูกอารมณ์โกรธกลบจนหมด "ถึงรู้ว่าคุณศึกษาเรื่องมาตลอดนี้ แต่คุณเป็นเสาหลักเหรอคะ? ถึงได้ตัดสินใจบุ่มบ่ามแบบนั้น ฉันรู้ว่าชีวิตคนอื่นก็สำคัญมากแค่ไหน แต่คนที่รับผิดชอบชีวิตของคุณคือคุณเรนโกคุนะคะ ถ้าคุณเป็นอะไรขึ้นมา คิดว่าเขากำลังรับความรู้สึกอะไรไว้บ้าง!?"

    นาโอะพยักหน้ารับ ถึงแม้จะไม่ค่อยเห็นด้วยนักแต่ก็ไม่ได้เถียงอะไร ทั้งเธอและชิโนบุมีอะไรหลายๆ อย่างที่เติบโตมาคล้ายๆ กัน ทั้งประสบการณ์ในครอบครัวและการแพทย์ จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะเข้าใจความหมายที่อีกคนจะพูด

    จุดยืนมันต่างกันสินะ..

    เธอสรุปแบบนั้น มือเรียวลูบขมับแล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วถามอีกฝ่ายเสียงหงอย..

    "แล้วคุณจะให้ผมทำอะไรล่ะ.."

    "ให้คุณกลับไปปรับทัศคติตัวเองนะซิ ให้ทำงานต่อมีหวังได้กลับมาไม่ครบสามสิบสองแน่.." ชิโนบุพูดเท่านั้นแล้วยื่นกุญแจดอกหนึ่งให้ "ต่อจากนี้ หลังจากเลิกงานจากที่นี่ท่านคากายะอนุมัติให้คุณไปอยู่ที่เรือนอักษรเพื่อคัดวินัยของหน่วยทั้งหมดตามคำสั่งของเสาหลักเพลิง และในฐานะเสาหลักผู้ดูแลของคุณ ขอให้ไปคัดคำขอโทษให้เสาหลักเพลิงภายในวันนี้ซะ แล้วก็นะ.."

    "ครับ?"

    "ถึงอาจารย์คุณจะเป็นพวกหัวทึ่มก็เถอะ แต่ช่วยเลิกแต่งชายเข้ามาในคฤหาสน์ผีเสื้อซักที!!"

    น่าเศร้าที่นาโอะทำได้แต่ตอบหัวหน้างานได้แค่คำๆ เดิม..

    "ก็บอกแล้วไงว่าทำไม่ได้ครับ (=_=)"

    ..อยากให้เลิกก็ไปบอกเองนู้น เป็นเสาหลักเหมือนกันนี่...

     

    เย็นในวันนั้น นาโอะเขียนจดหมายขอโทษไปส่งที่บ้านตระกูลเนโกคุ เพราะอีกาของเธอดันป่วย (มันเป็นพวกอ้อนคนแปลกหน้าเก่งซะด้วย คงถูกนักล่าอสูรใจดีบางคนให้กินถั่วลิสงมากเกินไป)

    "พี่นาโอะ? เลิกงานแล้วเหรอครับ?"

    เรนโกคุ เซนจูโร่ ลูกชายคนเล็กวัยสิบสองปีในชุดฮากามะสีขาวซึ่งกำลังกวาดลานหน้าบ้านทักนาโอะด้วยน้ำเสียงแปลกใจ ซึ่งที่ผ่านมานาโอะมาเหยียบตระกูลเรนโกคุอาทิตย์สามถึงสี่ครั้งแต่เป็นช่วงเย็นๆ หลังเลิกงาน เป้าหมายหลักก็คือข้อมูลจากไอ้บ้าจูโร่ที่ปิดประตูใส่หน้ากันไปในวันนั้น ซึ่งไม่ได้แปลว่าครั้งหลังๆ จะไม่โดน ทุกครั้งที่นาโอะแวะมาพร้อมกับของเล็กๆ น้อยๆ ก็โดนปิดใส่เหมือนเคย แต่ก็มาบ่อยจนลูกชายคนเล็กจำหน้าและเวลามาเยี่ยมได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

    ถึงโครงหน้า ตา จมูก ปาก คิ้ว ผม จะถอดพ่อกับพี่มาแทบจะสมบูรณ์แบบเลยก็เถอะ แต่นิสัยต่างกันราวฟ้ากับเหว..

    "พี่เดินมาตั้งไกล อยากทานน้ำหรือเปล่าครับ? เข้ามาก่อนซิครับ เดี๋ยวผมไปเอามาให้นะ"

    "เอ๊ะ.." วันนี้มาแปลกแฮะ "เข้าได้เหรอ? บ แบบว่า..พี่โดนห้ามนะ"

    "ไม่เป็นไรครับ วันนี้พี่ไม่อยู่บ้าน พ่อเองก็หลับไปแล้ว ช่วยอยู่เป็นเพื่อนผมซักพักนะ"

    "แต่.."

    "ผมอยากฟังเรื่องที่ตะวันตกอีกเยอะๆ เลย" เด็กชายจับชายเสื้อของเธออย่างกล้าๆ กลัวๆ "นะครับ พี่นาโอะ.."

    "เซนคุง.."

    พ่อเทวดาตัวน้อย นี่น้องคิดจะน่ารักเผื่อคนทั้งโลกหรือไง?

    ..บ้าจริง เธออยากจะร้องไห้...

     

    "ง งั้น..พี่กำลังคิดวิธีรักษาอสูรอยู่เหรอ?"

    แก้วชาในมือของเด็กชายแทบร่วง เขาเงยหน้ามองผู้เล่าด้วยสีหน้าเลิกลัก

    "แบบว่า..เปลี่ยนให้กลายเป็นมนุษย์ได้? ทำไมล่ะ? ไม่ใช่ว่าอสูรทำร้ายมนุษย์เหรอครับ?"

    "พี่รู้ มันแปลกใช่มั้ยละ?" นาโอะยิ้มขำๆ แล้วจิบชาไปด้วย "แต่มันก็ไม่ได้แปลว่าพี่จะให้อภัยกับพวกอสูรหรอกนะ แทนที่จะมองว่าตัวอันตรายที่สักแต่จะทำร้ายผู้คน พี่มองว่ามันเป็นโรคที่หาทางรักษาไม่ได้ซะมากกว่า ไม่รู้ว่ามีคนคิดเหมือนพี่บ้างมั้ย แต่ชีวิตคนเรามันก็สั้นมากพออยู่แล้ว เพื่อที่จะไม่ต้องสูญเสีย การหาวิธีรักษาเองก็เป็นการตอบโต้อีกรูปแบบหนึ่งเหมือนกัน..พี่แค่อยากเริ่มให้เร็วที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้"

    "อืม.." เด็กชายกอดอก หน้านิ่วคิ้วขมวดคิดตามไปด้วย แล้วส่ายหน้า "ไม่รู้ซิครับ ตระกูลผมเอง ตั้งแต่เด็กเราก็ถูกสอนให้จับดาบแล้ว ของคุณนาโอะอาจจะแตกต่าง แบบว่า..ทั้งต่าง ทั้งเหงามากๆ.."

    ท้ายประโยคนั้นเด็กชายทำหน้าคล้ายกับกำลังจะร้องไห้ไปด้วย จนนาโอะอดเอื้อมมือไปหยอกแก้มเด็กใจดีคนนี้เสียไม่ได้

    "ถ้าพี่ดันเป็นคนแรกที่คิด มันก็เป็นความฝันที่ยาวไกลใช่เล่นอยู่นั่นล่ะ แต่พี่เชื่อว่ายังมีอีกนะ แค่ยังไม่เจอเท่านั้นเอง"

    "แต่ตอนนี้พี่ถูกคนในหน่วยเกลียดนี่...แม้แต่ท่านพี่"

    "ห่ะ (=_=)" คนที่กำลังฟังเคลิ้มๆ ถึงกับสะดุด "เซนคุง เสาหลักเพลิงพูดถึงพี่ด้วยเหรอ?"

    "อ เอ่อ ก็ไม่เชิงครับ" เซนจูโร่พยายามหลบตาคล้ายกับเพิ่งพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดเข้าเสียแล้ว "ผม..แค่ถามถึงพี่เพราะมันเป็นภารกิจแรก..ไม่ได้เหรอครับ?"

    ฉึก!! นาโอะกุมอกด้วยความสะเทือนใจ ก่อนหายใจเข้าลึกๆ

    ไอ้คุณเสาหลักเพลิ๊งงง ทำไมน้องท่านน่ารักแบบเน๊! เอาเป็นเยี่ยงอย่างบ้างเซ๊!!

    "ได้ซิ เราใจดีกับพี่มากเลยนะ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ?" นาโอะพยายามกลั้นยิ้มไม่ให้แสดงอาการมากเกินไปนัก ก่อนเอนหลังพิงเสาไม้บนชานไม้ในบ้านหลังใหญ่ที่เงียบสนิท แล้วเปลี่ยนเรื่องแทน "ไม่คุยเรื่องเครียดแล้ว ว่าแต่ยาที่พี่มามาให้อาทิตย์ที่แล้ว คุณชินจูโร่ทานหรือเปล่า?"

    "ต ต้องขอโทษนะครับ!" เด็กชายรีบโค้งตัวทันที "พี่อุซ่าเอายาดีๆ มาให้ทุกครั้ง...แต่ท่านพ่อกลับ.."

    ทิ้งเหมือนเคยสินะ...

    "ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร เซนคุงอย่าคิดมากเลยนะ" เธอลูบผมนิ่มสีเหลืองปลายแดงเบาๆ ก่อนมองสภาพรอบๆ บ้านด้วยความรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ค่อยจะดีนัก นอกจากเซนจูโร่แล้วก็ไร้วี่แววของคนในบ้านจริงๆ ด้วยแฮะ "วันนี้พี่ไม่ได้มากวนพ่อเราหรอก ว่าแต่คุณเสาหลักเพลิงไปไหนซะละ?"

    "พี่เหรอ?" เด็กชายเอียงคองงๆ "วันนี้เป็นวันครบรอบวันตายของท่านแม่ ท่านพี่ตอนนี้คงไปอยู่ที่สุสาน"

    ครบรอบวันตาย?...สุสาน?

    "พี่ขอโทษนะ ดันถามเรื่องแย่ๆ ซะได้" นาโอะยิ้มเจื่อนเล็กๆ เซนจูโร่ไม่ได้ถือสาอะไรแต่ขอให้เธออยู่เป็นเพื่อนคุยจนค่ำ กระทั่งเด็กชายยกแก้วน้ำชากลับไปล้างเก็บ นาโอะเหม่อมองต้นส้มข้างกำลังคฤหาสน์พลางทอดถอนหายใจ ท่ามกลางความเงียบนั้นเธอหยิบจดหมายขอโทษที่ตนเขียนก่อนหน้านี้ขึ้นมานั่งอ่าน ความรู้สึกผิดหนักอึ้งจนหายใจไม่ทั่วท้องนัก..ที่ผ่านมาเธอเอาแต่คิดแค่เรื่องของตัวเองหรือเปล่านะ ทั้งๆ ที่ทุกคนเองก็มีเรื่องเศร้าทั้งนั้น..

    จริงๆ แล้ว คุณเสาหลักเพลิงอายุห่างกับเธอแค่ปีเดียว...แต่แบกภาระที่หนักอึ้งจนเธอไม่กล้าเทียบ..

    ..เอาเถอะ ดันมาผิดเวลาซะได้ ค่อยเอามาให้ทีหลังก็แล้วกัน..

    ...เดี๋ยวนะ..นี่มัน!?

    นาโอะรีบลุกขึ้นยืนเมื่อได้กลิ่นแปลกๆ ลอยมาตามลม...

    กลิ่นเลือด..

    "อ๊ะ พี่นาโอะ จะไปไหนครับ?"

    "เซนคุง ห้องพ่อเราอยู่ไหน?"

    "พ่อ!? ไม่ได้นะครับ!! เข้าไปตอนนี้ไม่ได้!!!"

     

     

    "โอ้ย! เจ็บ เจ็บ เจ็บ..เบามือหน่อยซิรุ่นพี่"

    "ท่านเสาหลักกำชับกับปากว่าไม่ให้ไปแท้ๆ ก็สมควรแล้วล่ะ!"

    "ใครมันจะไปคิดว่าตาลุงนั่นจะหน้ามืดขนาดนั้นกันเล่า"

    หลังจากเหตุเกิดในวันนั้น นาโอะก็โดนเสาหลักแมลงสั่งกักบริเวณไปตามระเบียบที่เรือนอักษร พร้อมกับแผลที่หน้าขนาดยักษ์ที่ลากยาวจบต้องเย็บไปหลายเข็มจากโรคพิษสุราของเรนโกคุ ชินจูโร่..หลังจากรั้นคำเตือนของเซนจูโร่เข้าไปในห้องนั้น ก็เจอตาลุงนั่นอยู่ในสภาพกระอักเลือดแทบจะหมดสติ พอเข้าไปใกล้เพื่อรักษาเบื้องต้นเท่านั้นล่ะ...เป็นวินาทีชีวิตที่นาโอะเกือบคิดว่าจะได้กลับบ้านเก่าจริงๆ ซะแล้ว

    แม้ว่ารู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้ตั้งใจและแผลเองก็ไม่ได้สาหัสอะไรนัก แต่ก็โดนอาโออิที่เข้ามาช่วยทำแผลทำการ "ยึด" กุญแจเรือนอักษรไปเรียบร้อย ซ้ำยังไม่ให้เธอออกไปไหนระหว่างคัดตำราตั้งแต่เช้ายันดึก กว่าจะมีเวลาพักหายใจได้ก็ยาวไปเที่ยงคืน แต่ก็ยังดีที่เรื่องไม่แดงไปถึงท่านคากายะ ไม่งั้นโดนหนักกว่านี้แหงแซะ..

    "เด็กเปรตแบบแกนี่มันควรตายๆ ไปซะ"

    "มาหาทุกคืนแบบนี้ คิดไรป่ะเนี่ย อาจารย์ครับ?"

    อาจารย์ชอบพูดแบบนั้น เวลาหิ้วโอฮากิมาฝากหลังกลับมาจากภารกิจ แต่ก็ไม่ยอมบอกซักทีว่ามาทำอะไร ส่วนใหญ่ก็แค่นั่งดูเธอกินขนมเงียบๆ เสร็จก็จั่วหัวเหมือนเคยว่าแผลที่หน้าหายเมื่อไหร่จะสับให้เละ แล้วหายหน้าไป

    แต่ไม่มีวี่แววของเสาหลักเพลิง..

    นาโอะมั่นใจว่าส่งจดหมายขอโทษไปแล้ว แต่กลับไม่มีจดหมายตอบกลับหรือข่าวคราวเลยแม้แต่น้อย..

    นี่เธอ..ถูกเกลียดไปจริงๆ แล้วสินะ (ยังคงสงสัยเรื่อยๆ)

     

     

    ผ่านไปหนึ่งเดือนเต็มๆ สัมผัสได้จากอากาศด้านนอกที่เริ่มอุ่นขึ้นแล้ว นาโอะรู้ทันทีว่านี่เป็นวันสุดท้ายที่นาโอะถูกกักบริเวณ

    ในยามสองทุ่มเศษ เอกสารที่ถูกสั่งให้คัดทั้งหมดถูกมัดและเย็บไว้อย่างดีในชั้นหนังสือ นาโอะคิดว่าตัวเองสมควรวางมือแล้วพักผ่อน เธอจึงวางแผนออกไปข้างนอกเผื่อเปลี่ยนบรรยากาศซักหน่อย.

    แกร๊ก..

    แต่ใครจะไปคิดว่าโรงคัดอักษรจะมีแขกมาในยามวิกาลถึงเพียงนี้

    “คุณเรนโกคุ?”​

    นาโอะเรียกชื่อนั้นทันทีที่ผ้าคลุมฮาโอริลายเพลิงปลิวไสวที่ชานบ้าน ในขณะที่กำลังวุ่นกับการสวมชุดยูกัตตะสีม่วงเข้ม เงาจากนอกฉากกระดาษเข้มซึ่งฉายผ่านแสงเทียนปรากฏร่างของชายหนุ่มที่ยืนหันหลังอยู่ เธอมั่นใจว่าเรียกถูกคน ทั้งผมสีเหลืองอ่อนแซมแดงเข้มที่ปล่อยยาวถึงกลางหลัง หรือแม้แต่ลายดาบคาตานะนั้นเป็นเอกลักษณ์ว่าเป็นเสาหลักเพลิงแน่นอน..

    “ป เป็นเรื่องน่าอายที่มาในยามวิกาล ว่าแต่เจ้าจะออกไปข้างนอกแล้วหรือ?”

    และเป็นอีกครั้งที่นาโอะสงสัยใคร่รู้เกี่ยวกับผู้ชายคนนี้...

    ..คนระดับสูงที่คาดว่าน่าจะเกลียดขี้หน้าเธอยิ่งกว่าอะไรคนนั้น..

    ทำไมถึงมายืนด้อมๆ มองๆ หน้าแดงม้วนเป็นสาวน้อยวัยแรกแย้มหน้าประตูบ้านคนอื่น?

     

     

    --------------

    #ฮั่นแหน่ มาทำอะไรอ่ะตัวเธอ (^___^)

    คำถาม :: ทำไมนาโอะพูด/แต่งเครื่องแบบเหมือนผู้ชาย ทั้งๆ ที่ไม่จำเป็น?
    ตอบ :: "อาจารย์" ไม่โปรดครับ แถมบังคับว่าถ้าไม่ทำ นอกจากจะอัดให้เละแล้ว จะไม่ทำโอฮากิให้กินค่ะ

    "ขนมโอฮากิ"

    ผึ้ง :: ช่วงนี้ค่อนข้างอัพเร็ว เพราะเขียนไหลมากเลยค่ะ 5555
    อาจมีคำผิดบ้าง ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ (_ _)

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×