ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Identity V ] ทะลุมิติสุดป่วน วิ่งสู้(รัก)ฟัด ( OC&Prophet )(รีไรต์นิดหน่อย)

    ลำดับตอนที่ #11 : แมทซ์แรกของคาร์ลและการละเล่นสุดพิเรนของเอ็มม่า

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.78K
      275
      11 ม.ค. 62

    การแข่งครั้งที่51(ของเรเวน) ณ ด่านโรงพยาบาล 

    [เครื่องถอดรหัส เหลือ 2 เครื่อง]

    [ผู้ล่า]

    <แจ็ค เดอะ ริปเปอร์>

    [ผู้ถูกล่า]

    <ทหารรับจ้าง นาอิบ>บาดเจ็บ
    <หมอ เอมิลี่>ปกติ
    <นักปรุงน้ำหอม วีล่า>ปกติ
    <นักดนตรี เรเวน>บาดเจ็บ+ถูกไล่(ไม่เลิก)

    "แว้กกกก!!อีแจ็ค มึงเลิกไล่ฉันได้แล้ววว!=[]="ฉันตะโกนร้องโวยวายโดยที่ยังคงใส่เกียรหมาวิ่งหนีไอ้แจ๊คตาถั่ว ที่เดินไล่ฉันอย่างไม่เลิกลา 

    "ไม่!ผมจะไม่เลิกไล่เธอจนกว่าเธอจะบินออกจากเกม!!"เค้าตอนด้วยน้ำเสียงที่โกรธเคื่องเหมือนเช่นเคยที่เจอกันในเกมแต่ดูรอบนี้จะมีออร่าอันกดดันแผ่ออกมาด้วย โวย ให้ตายสินอกจะเทรซี่จะเข้าใจฉันผิดแล้ว ยังจะต้องโดนผัวนาอิบไล่ตีราวกับว่าเมียหลวงมาไล่ตบเมียน้อยอีก!! ทำไมเวรกรรมเรื่องผู้ชายของฉันเนี่ยไม่จบไม่สิ้นสักที ฉันเหนื่อยแล้วนะ= =^

    "โว้ยยย ฉันบอกไปแล้วไงว่าฉันไม่แย่งเมียนายหรอกนะ เลิกจองเวรจองกรรมกับฉันซะที!!"ฉันตะโกนกล่าวอีกครั้ง แล้ววิ่งหลบกรงเล็บของอีแจ๊คไปด้วยความยากลำบาก ทั้งหลบทั้งจู๊ดอยู่คนเดียวไม่ต้องปั่นมันแล้วเครื่องรหัส แม่งไล่แต่ฉัน= =^

    "ไม่!ผมไม่เชื่อ!"หลังจากที่โดนพับไม้ใส่ เค้าก็ยังไม่คิดที่จะยอมเชื่อในสิ่งที่พูดไปในทุกเกมที่เจอ คุณมึงกรุณาช่วยฟังชาวบ้านเค้าพูดหน่อยสิยะ! ไม่ใช่ปิดหูปิดตาแล้วโทษคนอื่นแบบนี้

    "ไม่เชื่อก็เรื่องของมึง0=0 งั้นแดกนี้ไปเลย"

    'ตึง!!'ฉันกดใช้สกิลอีกรอบเพื่อที่จะได้ตีตัวออกห่างจากผู้ล่าซะที บอกเลยว่าฉันต้องใช้สกิลเฟื่องไปกับอีแจ็คมากที่สุดแล้ว ตอนนี้เหลือใช้ได้แค่อีกครั้งเดียวก็จะเปลี่ยนไปเป็นการฟาดแล้วด้วย= =

    'หวออออ'ในจังหวะเดียวกันเสียงสัญญาณเตืองว่าเครื่องถอดรหัสซ่อมเสร็จแล้วเหลือแค่เปิดประตูเพื่อออกไป โชคดีที่พกสกิลฟื้นฟูหลังจากประตูใช้งานได้ ฉันเลยกลับมาอยู่สถานะปกติแล้วพุ่งตัวได้เร็วขึ้น ทำให้ฉันสามารถตีตัวออกห่างจากอีแจ็คตาถั่วนั้นได้สักที เป็นไงผลที่เอาแต่ไล่ตีฉันลูกเดียว ถึงจะอยากหันกลับไปด่าฉอดๆ ให้รู้จักยอมรับความจริงกับฟังชาวบ้านเค้าพูดบ้างก็เถอะ แต่ถ้าหันกลับไปมีหวังโดนฟาดล้มในครั้งเดียวแน่= =^

    [You go first] ในขณะที่วิ่งไปอยู่นั้น ฉันก็ส่งข้อความให้พวกนั้นไปก่อนกันได้เลยไม่ต้องรอ ซึ่งพวกเค้าก็รู้ดีกันอยู่แล้วว่าฉันต้องการให้มีคนรอดสามคนในเกมที่ฉันลงเล่น ถ้ามีคนถูกไล่ฉันรอเข้าไปช่วยแล้วออกไปเป็นคนสุดท้าย แต่ถ้าฉันถูกไล่ซะเองก็ให้ทิ้งฉันไว้แล้วออกไปทั้งหมดสามคน แล้วนั้นคือสิ่งที่ฉันตกลงกับเซอร์ทุกคน ถึงแม้ว่าจะมีคนไม่เห็นด้วยก็ตามเถอะ

    <หมอ หลบหนีได้>
    <นักปรุงน้ำหอม หลบหนีได้>

    ทันทีฉันวิ่งมาเกือบถึงประตูทางออก คุณเอมิลี่กับคุณวีล่าก็วิ่งออกไปก่อนแล้ว ส่วนคนที่ยังคงยืนรออยู่นั้น ก็คือ นาอิบ หนึ่งในคนที่ไม่เห็นด้วยกับข้อตกลงของฉัน

    "รีบวิ่งเร็วเข้า!!"เค้าตะโกนให้ฉันรีบเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น โวย!!เร็วสุดก็เท่านี้แหละ ตาบ้า!

    "แฮ่ก!ๆ"ฉันงัดแรงเฮื่อกสุดท้ายเรางความเร็วให้ออกไปให้ทันก่อนที่อีแจ็คจะตามมาทัน แต่ดูเหมือนโชคจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่วันนี้

    "ไม่ให้ผ่านหรอก!!" ยังไม่ทันได้วิ่งไปถึงเป้าหมาย อีแจ็คตาถั่วก็วาปมาดักปากทางออกพร้อมสกิลตาแดงที่โดนที่เดียวล้มหน้าทิ่งแน่=A= แต่เรื่องอะไรจะมาหยุดตรงนี้ล่ะวะ!! มึงจะมาโกรธเพราะฉันกับนาอิบสนิทกันก็ไม่ได้นะโวย!! เพราะช่วยหลบทางใหฉันไปเดี๋ยวนี้เลย ไอ้สัส!!!

    'ตึง!!!!'ฉันกดชาร์ตสกิลแล้วปล่อยออกไป ทำให้ทั้งแจ็คและนาอิบก็พากับล้มลงไปแล้วสกิลของฉันก็เริ่มนับถอยหลัง ไปพร้อมกับระยะห่างจากประตู
    15.
    14.
    13.
    12.
    11.
    10
    9.
    8.
    7.
    6.
    5.
    4.
    3.
    2.
    1.
    0!!

    'ผัวะ!!'เริ่มสกิลสามารถใช้ได้แล้วฉันกดใช้ไปอย่างไมลังเล แล้วแน่นอนว่ามันต้องโดนเข้าหน้าอย่างจังเพราะฉันตั้งใจไว้แบบนั้น

    "ไปโลด!"เมื่อทำฮันสตั้นไปได้อีกระยะหนึ่ง ฉันก็พุ่งเข้าไปอุ้มนาอิบขึ้นแล้วเผ่นออกไปจากเกมทันที

    <ทหารรับจ้าง หลบหนีได้>
    <นักดนตรี หลบหนีได้>

    <เดอะ ริปเปอร์ การล่าที่สูญเปล่า>

    [ผู้ชนะ : ฝั่งผู้รอดชีวิต]

    "แฮ่กๆ!...เกือบไม่รอดแล้วไง=0=^"หลังจากที่ได้รับชัยชนะมาอย่างใสๆ ฉันก็นั่งหอบอย่างไม่คิดชีวิตอยู่แปปหนึ่งก่อนที่นาอิบจะให้ขี่หลังกลับคฤหาสน์

    "ก็ใครใช่ให้วิ่งล่อฮันเตอร์แบบนั้นล่ะ"เค้าพูดขึ้นในขณะที่เดินไปยังคฤหาสน์ หึ ก็เพราะใครกันล่ะที่ทำให้ฉันต้องมาวิ่งหนีแบบไม่คิดชีวิตอย่างงี้น่ะ=_=

    "ไม่มีหรอก แต่สาเหตุมันมาจากแถวนี้ต่างหาก"ฉันแอบบ่นเสียงเบาๆเพื่อที่จะไม่ให้นาอิบได้ยิน แต่พูดใกล้หูขนาดนี้ไม่ได้ยินก็บ้าแล้ว

     "ฉันได้ยินนะ"เค้าย้อน

    "ก็เรื่องของนาย=3="ฉันรีบพูดย้อนกลับ แล้วหันหน้าไปทางอื่นอย่างไม่รู้ไม่ชี้ จริงๆเค้าก็พอจะรู้สาเหตุแล้วล่ะทำไมฉันถึงได้โดนแจ๊คไล่อยู่คนเดียว แล้วเค้าก็รู้สึกผิดด้วยที่เป็นสาเหตุ ถึงได้ทำดีกับฉันไง

    "นี่...ช่วงนี้เธอสนิทกับอิไลจังนะ คบกันอยู่หรือเปล่า"ในระหว่างนั้น อยู่ๆนาอิบก็ดึงฉันเข้าประเด็นเรื่องที่ฉันเริ่มสนิทกับอิไลมากขึ้น ถ้าให้พูดนะ ว่าชีวิตประจำวันของฉัน ประมาณ79%จะมีอิไลกับคาร์ลอยู่ด้วยก็ไม่อะไรหรอก ฉันตื่นมาคาร์ลก็จัดเก็บที่นอนเสร็จแล้วออกจากห้องพร้อมกัน ส่วนอิไลโดนดักตั้งแต่หน้าประตูห้องเลยด้วยซ้ำไป ก็เลยเวลาไปกินข้าวเช้า เดินเล่นในเวลาที่ไม่ได้ไปเล่นเกม ก็จะมีสองหน่อเนี่ยเดินตามมาด้วย ถ้าถามว่าดีใจมั้ยที่หนุ่มหล่อสองคนมาเดินตาม ก็...นิดหนึ่ง แต่หลักๆแล้วน่ารำคาญมากกว่า เดินตามมาเป็นปลิงเลย ถึงจะโดนสองคนนั้นแหย่เล่นเป็นเรื่องปกติเลยก็เถอะ

    "บะบ้าน่า!! คบอะไรไม่มี!"ฉันรีบตอบปฎิเสกไปในทันพลานทุบหลังเค้าไปด้วย

    "โอ็ย!ๆฉันเจ็บนะ รู้แล้วน่า ให้ตายสิว่าจะปรึกษา"

    "จะปรึกษาเรื่องอะไร"

    "ทีงี้เร็วเลยนะ เธอเนี่ย"

    "เผือกเรื่องชาวบ้านเนี่ยของถนัด...แล้วตกลงจะถามเรื่องอะไร"

    "คือว่า....เอ็มม่าเค้าชอบดอกไม้อะไรเป็นพิเศษมั้ย"เมื่อสิ้นคำถาม ไฟในหัวของฉันก็ลุกขึ้นมาทันที หุหุหุ โอเค ฉันเจอจุดแซวไอ้หมอนี้แล้ว=w=

    ".....นี่นายคิดจะให้ดอกไม้กับคนสวนเนี่ยนะ= = อีกอย่าง'นายชอบเอ็มม่า'หรอ:) "ฉันลองพูดแซวไปเล่นๆดูก่อนว่าจะมีท่าทียังไง

    "ใช่...เฮ้ย!"แล้วหมอนี้ก็หลุดพูดออกมา นั้นไงฉันว่าแล้ว เป็นไปอย่างท่คิดจริงๆด้วย

    "ฮันแน่~~ ฉันไม่รู้หรอกว่าเอ็มม่าชอบดอกอะไร แต่ถ้าจะให้แนะนำ ฉันก็ขอแนะนำ ดอกหน้าวัว กับกุหลาบสีชมพูเอาเป็นดอกที่จะตูมอยู่ด้วยสามดอก เชื่อสิเอ็มม่ากรี๊ดแน่หน้าแดงแน่"

    "กุหลาบยังพอเข้าใจ แต่ทำไมต้องเอาดอกตูมสามดอกล่ะ แล้วดอกหน้าวัวเนี่ยหมายความว่าไง?"

    "หึ เพราะนายไม่รู้ความหมายของมันไงถึงได้ถาม ฉันจะบอกอะไรดีๆให้ เอ็มม่าเป็นชาวสวน เธอรู้ความหมายของดอกไม้แน่นอน กุหลายสีชมพูหมายถึงความรักที่แสนหวานและอ่อนโยน ถ้าเป็นดอกตูมจะหมายถึงความรักที่พึ่งเริ่มต้นขึ้นและพร้อมที่จะบ่งบานอย่างสวยงาม ความหมายของจำนวนสามดอกคือฉันรักเธอ แล้วดอกหน้าวัวก็มีความหมายว่าความรักที่มั่นคงและอดทน อย่างนายน่ะเหมาะแบบนี้มากกว่ากุหลาบเป็นไหนๆ"

    "...สุดยอด ขอบใจนะ"

    "ไม่เป็นไร" 


    -----------------ครึ่งหนึ่งก่อนนะ-------------------

    หลังจากที่มาถึงหน้าคฤหาสน์ฉันก็ขอลงจากหลังนาอิบทันทีก่อนที่จะแยกกันไปทำธุระของตัวเอง 


    "เอาล่ะ! ไปงีบแปปหนึ่งดีกว่----"


    "เรเวน!"ในขณะที่ฉันกำลังยืดเส้นยึดสายอยู่นั่น จู่ๆก็มีเสียงของใครบางคนดังขึ้นจากด้านหลัง ถ้าจำไม่ผิดเสียงแบบนี้น่าจะเป็นคาร์ล


    "มีอะไรหรอคา---เฮ้ย!!"ในจังหวะที่หันไปคุยด้วย ก็พบว่าหมอนั้นวิ่งมาอย่างเร็วราวกับว่าวิ่งหนีมาชักอย่าง แล้วกระโจนพุ่งมาเข้าโดยที่ฉันยังไม่ทันประมวลผลอะไรเลย WTF =-=!!!

    'ก็อบ!'ในจังหวะที่กำลังจะล้มข้อเท้าข้างซ้ายของฉันก็ดันเอียงแล้วมีเสียงดังก็อบขึ้นมา ซึ่งน่าไม่พันข้อเท้าพลิกเป็นแน่แท้

    'โครม!!'

    "โอ็ยยย"ทันทีล้มลงฉันยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองทันที หน็อย นอกจากจะชนจนล้มแล้วยังจะนอนทับขาข้างที่พลิกอีก เวรกรรมอะไรของฉันกันเนี่ย!!

    "อ่ะ!ขอโทษเป๊นไรหรือเปล่า!"เค้าเอ่ยถามขึ้นมาอย่างกระวนกระวายแต่ตัวยังคงนอนทับขาฉันอยู่

    "..เป็นคนสิถามได้=_= ทีนี่ลุกออกจากขาฉันเดี๋ยวนี้เลย มันเจ็บนะ"ฉันตอบไปอย่างกวนๆพร้อมดึงขาข้างที่เค้าทับอยู่ออกมาแต่ก็ได้ไม่มาก

    "ขอโทษด้วยนะ...ให้ผมช่วยนะ"คาร์ลลุกขึ้นแล้วอาสาที่จะช่วยให้ฉันลุก

    "ไม่ต้องหรอก ฉันลุกเองได้..."ฉันค่อยๆลุกขึ้นยืนแล้วปัดฝุ่นตามตัวออกก่อนที่จะหันไปมองหน้าอีกฝ่ายหนึ่งอย่างสงสัย

    "แล้วนี่หนีอะไรมาหรอ ถึงได้รีบขนาดนั้น?"เมื่อฉันถามจบ คาร์ลก็มีท่าทางทีรุกรีรุกรนแปลกเหมือนเด็กที่ทำผิดแล้วกำลังโดนผู้ใหญ่จับผิด

    "เอ่อ..คือ.."เค้าส่งสายตาวอดแวกไปมาแล้วพูดติดๆขัดๆ ซึ่งดูแล้วขัดหูขัดตาสุดๆ โอเคไม่อยากรู้แล้ว=_=

    "คือ...? ถ้าไม่อยากบอกก็ไม่ไร ช่างมันเถอะ แล้วนี่มีข้าวกลางเหลือมั้ย"ฉันรีบเปลี่ยนเรื่องคุยเป็นเรื่องอาหารกลางวันแทน เพราะตอนนี้ก็ปาเข้าไปบ่ายโมงกว่าแล้วด้วย แถมเกมเมื่อกี้นี้ก็เล่นเผาไขมันไปเยอะเหมือนกัน

    "...ก็พอมีสปาเก็ตตี้เหลืออยู่ แต่ไม่มากเท่าไหร่นะ"เค้าตอบกลับมาด้วยหน้าซื่อๆ ที่ฉันขอรับประกันเลยว่ากระชากใจสุดๆ กว่าจะทำใจให้ชินได้ เลือดแทบหมดหลอด  แต่จะว่าไปแล้วไอ้สปาเก็ตตี้นี่มัน คืออะไรว่ะ(อ้าวๆไปอยู่ไหนมาไม่รู้จริงดิ)แต่ช่างมันเถอะเดี๋ยวไปเห็นก็รู้เองแหละ

    "ก็โอนะ ไปกันเถอะ"เมื่อว่าจบฉันก็ค่อยๆเดินเข้าไปในคฤหาสน์โดยมีคาร์ลเดินมาด้วยข้าง ในระหว่างนั้น ฉันชวนเค้าคุยไปเรื่อย ทั้งเรื่องที่โดนเทรซี่และแจ็คตาถั่วเข้าใจผิดว่าฉันเป็นศัตรูหัวใจที่จะแย่งนาอิบไปทั้งๆที่เราสองคนเป็นแค่เพื่อนสนิทที่เล่นหัวกันเป็นประจำ ทั้งเรื่องที่มักโดนแซวว่าเป็นอะไรกันกับอิไล ทั้งที่เค้าคู่หมั่นอยู่แล้ว บอกเลยว่าฉันเกลียดการเป็นมือที่สามสุดๆ นอกจากจะบาปแล้วยังทำมีศัตรูโดนไม่รู้ตัวอีก ถ้าจะให้เป็นมือสาม ฉันยอมขึ้นคานดีกว่า

    "อคิตกับมือที่สามเยอะจังเลย "

    "ก็แหงสิ ไม่มีใครยอมให้คนรักของตัวเองไปมีคนอื่นหรอก ถ้าเกิดมารู้ที่หลังว่าคนรักตัวเองไม่ได้รักตัวเองแล้วมันก็ไม่ต่างอะไรกับหมาหัวเน่าเลยนะ แล้วยิ่งเป็นมือที่สามโดยไม่รู้ตัวเนี่ยยิ่งเจ็บเลยนะว่ามั้ย"

    "ก็คงงั้น..."เมื่อสิ้นคำพูดของคาร์ลก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อแล้ว เลยหันไปสนใจอาหารกลางวันแทน ช่วยไม่ได้ก็คนมันหิวนิ=3= เอาเป็นว่าพอฉันมาถึงห้องครัวก็พบกับหม้อสองใบที่มีซอสอะไรสีแดงๆและเส้นสีเหลืองๆ ดูไปแล้วก็ไม่คุ้มตาเอาซะเลย กินจริงป่ะ?

    "ไอ้เจ้านี่คือ..."

    "สปาเก็ตตี้ไงครับ?...เธอไม่รู้จักหรอ?"

    "ก็ประมาณนั้น พอดีฉันโตมาด้วยอาหารกระป๋องเป็นส่วนใหญ่น่ะ ไม่เคยเห็นหรือกินของพวกนี้หรอก...ว่าง่ายๆเลยคือฉันจนน่ะ= =" ถ้าทุกคนยังจำได้ว่าหลังจากที่ฉันตื่นมาในโรงบาล แล้วกำลังจะถูกพาตัวไปสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ซึ่งฉันไม่ชอบมัน ก็เลยหนีออกจากโรงบางคืนนั้น แล้วอยู่ด้วยตัวเองมาตลอดที่เรียนก็ไปขอทุนเรียนดีโดยปลอมประวัติฯนิดๆ ส่วนอีพวกอาหารกระป๋อง คือของที่ใกล้หมดอายุแล้วด้วยไง ชีวิตในวันเด็กของฉันมันไม่ค่อยสวยหรูเท่าไหร่ แต่ก็รอดมาได้ถึงอายุ20ก็ถือว่าดวงแข็งสุดๆไปแล้ว

    "เหลือเชื่อ  แล้วกินเป็นมั้ยเนี่ย"

    "ทำไมจะไม่เป็นล่ะก็แค่เอาปากแล้วเคี้ยวๆกลืมลงท้องแค่นั้น= ="
    -----------50%---------

    ฉันพูดพลานตักไอ้สปาเก็ตตี้ไปด้วย แต่เส้นมันทำไมคีบยากคีบเย็นขนาดนี้เนี่ย!ตกลงทำมาเพื่อให้กินจริงดิ!

    "หึ แค่ตักยังตักเองไม่ได้เลย มานี่เดี๋ยวทำให้"เมื่อพูดจบเค้าก็แย่งจานและที่คีบไปจากมือฉันแล้วจัดการคีบเส้นสปาเก็ตตี้ลงในจานอย่างง่ายดาย โอเค ฉันอ่อนหัดเอง

    "อ่ะนี่"คาร์ลส่งจานสปาเก็ตตี้ให้ฉันหลังจากที่ตักเสร็จแล้ว ตอนนี้เส้นสีเหลืองก็ถูกราดด้วยซอสสีแดงและมีหมูสับปะปนมาด้วยดูๆไปแล้วก็น่ากินอยู่นะ

    "ขอบใจ"ฉันกล่าวขอบใจไปก่อนจะรับจานข้าวมาแล้วถือไปนั่งกินที่โต๊ะอาหารโดยที่คาร์ลเดินเข้ามานั่งข้างๆ

    "นี่ นายไม่มีธุระอื่นแล้วหรอ ถึงได้มาเดินตามฉันน่ะ?"ฉันเอ่ยถามไปอย่างสงสัยพร้อมกับม้วนเส้นสปาเก็ตตี้เข้าปาก('-') อืม อร่อยดีใครทำกันนะ

    [เรเวน End]

    [คาร์ล Taik]

    ผมนั่งมองร่างบางที่กำลังทานสปาเก็ตตี้อยู่อย่างอารมณ์ดี สวัสดีครับทุกท่าน ผมเอซอป คาร์ลเอง หรือที่ทุกคนชอบเรียกว่า คาร์ลเพราะนามสกุลมันฟังดูดีกว่าชื่อเยอะจนผมชินแล้ว โอเคเข้าเรื่องต่อดีกว่า ผมเป็นหนึ่งในผู้รอดชีวิตที่จะต้องเข้ามาเล่นเกมเลี่ยงชีวิตแบบนี้ เพราะผมต้องการที่จะ'ทำตามความต้องการ'ของศพหญิงสาวคนหนึ่งที่เธออยากจะส่งจดหมายให้ลูกสาวของเธอ ถึงจะฟังดูบ้าแต่ผมก็ถอยกลับไม่ได้แล้วเหมือนกัน ตอนแรกผมคิดว่าจะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับผู้คนในคฤหาสน์แห่งนี้ เพราะผมกลัวสังคม แต่หลังได้เจอกับ เรเวนแล้ว...ผมขอเว้นเธอไว้คนหนึ่งแล้วกัน ทำไมน่ะเหรอ ความลับครับรู้แค่ว่าเรเวนพิเศษกว่าคนอื่นๆแล้วกัน^^

    "อืม ก็ตั้งแต่มาถึงคฤหาสน์นี้ ผมก็ว่างมาตลอดจนไม่รู้จะทำอะไรแล้วล่ะ"ผมตอบคำถามของเธอไปอย่างเรียบๆถึงตอนนี้เธอจะจดจ่ออยู่กับอาหารตรงหน้าแล้วก็ตาม หึ เป็นผู้หญิงที่จัดว่าแปลกอยู่พอตัว พูดจากวนโอ็ย  ดูไม่น่ารัก มีดีแค่รูปร่างหน้าตาที่สะสวยแต่เป็นกันเอง และการแสดงออกความเป็นห่วงแบบห้าวๆ แต่มีเสน่ห์อย่างหนึ่งที่ผมเห็นครั้งแรกแล้วอดที่จะไม่ให้หวั่นไหวได้ 'แววตาของคนใกล้ตาย'นั้นดูกี่ทีก็ละสายตาไม่ได้เลยล่ะ

    "ก็เลยมาเดินตามติดชีวิตฉันเหมือนผีเจ้ากรรมนายเวรงั้นหรอ?"เธอพูดออกมาอีกครั้งคราวนี้ไปในทางประชดแบบขำๆ ซึ่งผมไม่รู้หรอกนะว่าจะมีใครคิดโกรธวิธีพูดแบบนั้นบาง แต่สำหรับผมแล้ว มันยิ่งทำให้ผมอยากแกล้งเธอกลับจริงๆ

    "โหดร้าย...เทพพิทักษ์ต่างหาก^ ^"ผมพูดพลานเล่นผมสีน้ำเงินสุดหายากของเธอไปด้วย จะว่าไปแล้วชื่อเรเวนเนี่ยมันดูไม่ค่อยเข้ากับรูปลักษณ์ภายนอกของเธอเลยสินิด อยากรู้จังว่าใครตั้งให้

    "จ้ะๆ อยากเป็นอะไรก็เป็นเลย.."เธอตอบอย่างโนสนโนแคร์อีกครั้ง แล้วทานข้าวกลางวันต่อไป โอเค งั้นขอแหย่อะไรเล่นหน่อยแล้วกัน

    "ได้เหรอ? ถ้างั้น...ขอเป็น'เจ้าบ่าว'ของเธอได้มั้ยล่ะ?"

    'พราว!!!'เมื่อผมพูดจบเส้นสปาเก็ตตี้ที่พึ่งทานเข้าไปก็พุ่งพราวออกเต็มโต๊ะเอาล่ะเลอะเทอะไปหมดเลย รีแอตสุดยอด ยอมใจนางเลย

    "แค่ก!!ๆ เมื่อกี้นายว่าไงนะ!"หลังจากที่สำลักไปได้พักหนึ่ง เธอก็หันมาถามในสิ่งผมพูดไปทันที

    "ใจเย็นครับ ใจเย็น ผมแค่ล้อเล่นเอง=3= อีกอย่างเธอทำโต๊ะเลอะหมดแล้วนะ"ผมพยายามบ่ายเบี่ยงที่จะไม่ตอบโดยการทำเป็นการล้อเล่นเฉยๆไม่มีให้คิดมาก แล้วหยิบกระดาษทิชชู่ที่อยู่ใกล้ๆมาเช็ดปากเธอให้

    "อึด~...ก็ใครใช้ให้พูดเล่นแบบนั้นล่ะ "เรเวนแย่งทิชชู่ไปจากผมแล้วทำการเช็ดปากตัวเองและเก็บกวาดซากของกินไปทิ้งให้เรียบร้อย จากนั้นก็ทำความสะอาดโต๊ะต่อจนเสร็จ ถึงจะแอบรู้สึกเสียดายที่เรเวนยอมเชื่อในคำโกหกเมื่อกี้ของผมแต่ก็ไม่เป็นไรหรอกเพราะยังไงสักวัน ไม่ช้าก็เร็ว เธอก็ได้รู้ว่าสิ่งผมพูดไป 'จริง'หรือ'หลอก'กันแน่

    [ผู้รอดชีวิตที่มีรายชื่อต่อไปนี้ขอให้ไปเตรียมตัวที่ห้องเข้าเกมด้วย เอ็มม่า คาร์ล อิไล และ เรเวนครับ]ในขณะที่ผมกำลังคิดอะไรไปเรื่อย เสียงประกาศของผู้ช่วยก็ดังขึ้นพร้อมกับรายชื่อทั้งสี่คนที่มีผมลงเล่นด้วยครั้งแรกแถมยังมีเรเวนลงเล่นด้วยในเกม ถึงจะเป็นรอบที่สองของวันก็เถอะ

    "อีกแล้วเหรอ? แบบนี้เดี๋ยวก็ผอมตายพอดี=_= ไปกันเถอะคาร์ล"เธอบ่นออกมาก่อนที่จะเดินนำผมยังห้องรอเข้าเกมที่ว่านั้น ผมรีบถือกระเป๋าเครื่องสำอางเดินตามเธอไป จะว่าไปแล้วผมพูดเรื่องที่ว่า ใบหน้าในยามของเรเวนน่ะ สวยมากเลยนะ ถึงจะมีบางวันมีคราบน้ำลายด้วยก็เถอะ แต่ความงดงามนั้นน่ะมันไม่น้อยลงเลย แล้วถ้าหากคนสวยๆแบบนั้นมานอนอยู่ในโลงศพที่เต็มไปด้วยดอกไม้จะดูดีแค่ไหนกันนะ

    'ชักอยากเห็นไวๆแล้วสิ'

    [คาร์ล Taik]
    --------------60%---------

    [เรเวน Taik]

    '...ทำไมบรรยากาศมันกดดันแปลกๆวะ=-=^'หลังจากที่เข้ามาถึงห้องรอเข้าเกมได้สักพัก ฉันก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่พุ่งเข้ามาจากคนที่อยู่ในห้อง อิไลนั่งหัวโต๊ะ เอ็มม่านั่งถัดมาจากเค้า ฉันเลือกที่จะนั่งข้างๆเอ็มม่า ส่วนคาร์ลนั่งถัดไปจากเก้าอี้ที่หักไป 

    'ทำไมเจ้าถึงมาพร้อมกับเจ้านั้นล่ะ'ระหว่างที่นั่งรอเข้าเกมอยู่นั้น ไอริสก็บินเข้ามาเกาะที่ไหล่ฉันแล้วถามสาเหตุที่มาพร้อมกับคาร์ลได้ไง

    "บังเอิญเจอกันตอนกลับจากเกมที่แล้วน่ะ มีแวะไปกินข้าวด้วยกันนิดหน่อยก่อนมา---"

    'ตุบ!'ยังไม่ทันพูดจบเสียงทุบโต๊ะของใครบางคนดังขึ้นมา เมื่อพอมองไปก็พบว่าอิไลหันหน้าไปทางอื่นแล้วกอดอกเหมือนไม่ค่อยพอใจอะไรสักอย่าง ซึ่งฉันไม่ได้โง่ขนาดที่เห็นท่าทีที่แสดงออกมาแบบนั้นแล้วไม่รู้นะ เพราะสิ่งที่อิไลแสดงออกมาคือ เค้ากำลัง'หึง'อยู่ ถึงฉันจะไม่เข้าใจว่าเค้าหึงฉันทำไม แต่ฉันไม่มีสิทธิ์ที่จะไปง้อให้เค้ากลับมาคืนดีกันฉันหรอกนะ'มันไม่จำเป็น'เลยสักนิดสำหรับฉัน แต่ว่า...

    'ทำไมถึงปวดใจได้ขนาดนี้กันนะ'

    ณ ด่านโบสถสีชาด

    เมื่อเกมเริ่มต้นขึ้น ตัวฉันก็ถูกวาปมาอยู่หน้าเครื่องถอดรหัสอีกแล้ว ก็ถือเป็นโชคดีสำหรับฉันในเกมนี้ แต่พอมองไปรอบๆแล้วก็พบกล้องตั้งไว้อยู่ เป็นเครื่องยืนยันว่าใครเป็นฮันเตอร์ในรอบนี้

    'หวอ ดันเจอคนที่เล่นด้วยยากเข้าซะแล้ว= ='ฉันแอบบ่นในใจก่อนที่จะเริ่มถอดรหัสที่อยู่ตรงหน้าทันที

    'ฮูก!'ระหว่างที่กำลังถอดรหัสอยู่นั้นนกฮูกของอิไลก็เขเามาบินรอบก่อนที่จะบินจากไป ไม่นานคาร์ลก็วิ่งมาช่วยฉันถอดรหัสอีกแรง

    "เจออะไรบ้างระหว่างที่วิ่งมาเนี่ย"ฉันเปิดประเด็นถามเค้าไปเล่นๆพลานดูอาการของเค้าไปด้วย

    "เจอคุณอิไลถอดรหัสอยู่ตรงกลางโบสถ เจอเอ็มม่ากำลังถอนเก้าอี้อยู่ตรงสุสาน แล้วก็นกฮูกของอิไลมาบินรอบตัว"คาร์ลตอบมาอย่างละเอียดว่าใครอยู่ตรงไหนทำอะไรบาง ก็ถือว่าเป็นข้อมูลที่ไม่เลวนะแต่ดูเหมือนว่าเค้าจะยังกังวนอยู่ไม่น้อยในเกมแรก ต่างจากฉันที่เกมแรกก็เกือบตายโง่เพราะไม่ทันระวังตัว

    "ทำใจร่มๆเข้าไว้เดี๋ยวก็ชินเองแหละ ไม่ต้องห่วงฉันไม่ปล่อยให้ใครบินหรอก" ฉันตบหลังเค้าไปทีหนึ่งก่อนที่จะพูดให้กำลังใจไม่ให้เสียขสัญไปซะก่อน

    "งั้นเหรอ"

    'ตึกตัก!'ในขณะนั้นเองเสียงหัวใจก็เริ่มดังขึ้นพร้อมๆกันเสียงฝีเท้าที่ดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆจากทางขวามือ

    "คาร์ลนายรีบวิ่งไปทางซ้ายนะ ไปหาเอ็มม่าเดี๋ยวฉันล่อฮันเตอร์ไว้ให้ เร็ว"เมื่อเสียงเริ่มใกล้เข้ามาฉันก็รีบสั่งให้คาร์ลออกไปซ้ายหาคนที่อยู่ใกล้สุดทันที เมื่อเค้าไปจนพันตาแล้วเป็นจังหวะเดียวกันที่ปู่โจเชฟเดินมาถึงเครื่องที่ฉันถอดรหัสเสร็จพอดี

    'ผัวะ!'คมดาบฟาดฟันลงมาอย่างไม่ทันตั้งตัว แต่โชคดีที่ฉันสามารถวิ่งสวนไปได้โดยไม่โดนตี 

    "ไล่ให้ทันนะ 'พี่ชาย' "

    'ตึง!!'ฉันพูดท้าทายไปก่อนที่จะใช้สกิลให้ฮันเตอร์สตั้นเพื่อถ่วนเวลาหนี แต่...

    "เสียใจ ฉันเตรียมวิธีรับมือเธอไว้แล้ว'น้องสาว' 15.."เค้ากลับใช้สกิลตื่นตัวได้ทันเพื่อไม่ให้ติดสตั้นแล้วเริ่มนับถอยหลังการคลูดาวร์ของสกิลฉันไปด้วย...เพราะดันมีคนรู้ทันสกิลของฉันแบบเค้านี่ไง ฉันถึงได้บอกว่าเล่นด้วยยากน่ะ

    "13.."เค้าก็ยังเดินไล่ตีฉันไปพร้อมๆกับนับถอยหลังไปด้วย ส่วนฉันก็ต้องวิ่งหลบไปเรื่อยๆจนกว่าสกิลจะใช้ได้อีกครั้ง ในระหว่างนี้เครื่องถอดรหัสก็ถูกถอดเพิ่มขึ่นอีกสองเครื่องในเวลาใกล้เคียงกัน เลยกลายเป็นว่าเหลือเครื่องถอนรหัสอีกสองเครื่องก็ออกไปได้แล้ว


    "10...เหม่ออะไรอยู่"

    'ผัวะ!'ในขณะที่เผลอคาดหวังอยู่นั้น ปู่โจก็ตีโดนฉันจนได้ ฉันรีบพุ่งตัวตรงไปที่หลังโบสถทันทีเพื่อทิ้งระยะห่างให้ได้ แต่ก็ยังไม่พอที่จะรอดพันจากการไล่ล่าได้อยู่ดี

    "5.."เสียงของโจเชฟไล่หลังมาใกล้เรื่อยๆจนเข้าประชิดตัว แล้วง้างคมดาบฟาดฟันลงมาอย่างรวดเร็ว 

    'ซวยแล้ว!'

    'ฮูก!'ในจังหวะที่กำลังจะโดนตีอีกครั้ง อิไลก็ส่งไอริสเข้ามาเพื่อรับการโจมตีแทนฉัน แต่ว่า....ภาพที่ฉันเห็นมันกลับช้าลงแล้วเริ่มทับซ้อนกับภาพแห่งความหลังอันแสนโศกเศร้าของฉันเข้า ภาพที่'คุณแม่'ถูกฟาดลงไปนอนนิ่งกับพื้นท่ามกลางสายฝน

    "..ไม่..."ฉันรีบควัาร่างของไอริสเข้ามากอดอย่างไม่ทันคิดก่อนที่จะสะดุดขาตัวเองล้มลง

    'ผัวะ!'แต่โชคดีที่ล้มลงก่อนที่คมดาบจะมาถึงตัว เลยกลายเป็นว่าโจเขฟตีพลาดไปอีกรอบหนึ่ง 

    "0.."

    'ตึง!!'ฉันรีบยันตัวลุกขึ้นแล้วกดใช้สกิลอักครั้งจนโจเชฟสตั้นไปอีก20วิ จากนั้นก็วิ่งอุ้มไอริสหนีไปให้ห่างโดยไม่คิดชีวิตอีกครั้ง จนในที่สุดก็รอดพันสายตาของโจเชฟได้สักที โดยการเข้ามาหลบที่ห้องใต้ดินที่อยู่หลังโบสถ

    'เจ้าทำบ้าอะไร!ทำไมถึงดึงข้าแบบนี้ล่ะ!'เมื่อพันการไล่ล่าไอริสก็บินออกมาจากอ้อมแขนของฉันแล้วยิงประโยคคำถามออกมาอย่างไม่เข้าใจในการกระทำของฉัน  แม้แต่ตัวฉันเองก็ยังไม่เข้าใจเหมือนกัน

    "..หุบปากน่า...ร่างกายมันขยับไปเองต่างหาก...แล้วก็ฝากกลับไปบอกอิไลด้วยนะว่า'อย่าให้เธอ'มาปกป้องฉันอีกเด็ดขาดไม่ว่าฉันจะเป็นตายร้ายดียังไง เข้าใจมั้ย"ฉันเลือกที่จะไม่ตอบแล้วฝากให้ไอริสกลับไปบอกอิไลไม่ต้องส่งนกมาปกป้องฉันอีก แต่ว่าน้ำตาของฉันกับไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้พร้อมกับฝันร้ายที่เริ่มกลับมาหลอกหลอนฉันอีกครั้ง

    '...ทำไมล่ะ..เรเวน...ทำไมเจ้า...ถึงได้ร้องไห้ล่ะ'

    "...ฉันไม่อยากเห็นภาพนั้นอีกแล้ว ภาพที่'คุณแม่'โดนฟาดตายน่ะ...อย่าให้ฉันเห็นมันอีกเลย..ขอร้องล่ะ" ฉันกล่าวพลานก้มหน้ากอดเข่าอยู่แบบนั้นจนกระทั้งโจเชฟเริ่มใช้สกิลโลกภาพถ่ายจนได้ แล้วผู้โชคร้ายคนแรกที่ถูกจับนั่งเก้าอี้ในโลกภาพถ่ายก็คือคาร์ล  เซอร์ใหม่ป้ายแดงนั้นเอง แล้วก็ตามด้วยเอ็มม่าที่คิดว่าน่าจะกำลังช่วยกันถอดรหัสกันอยู่ ฉันปาดน้ำตาออกไปแล้วขึ้นไปด้านบนเพื่อหากล้องที่อยู่ใกล้ๆเข้าไปในโลกภาพถ่ายทันที 

    'อยู่ไหนน้า...เจอแล้ว!' หลังจากที่เข้ามาในโลกภาพถ่ายได้แล้วฉันก็รีบวิ่งตรงไปที่เก้าอี้ของเอ็มม่าก่อนทันที(เพราะนางอยู่ใกล้)แล้วก็ตรงไปช่วยคาร์ลออกจากเก้าอี้ก่อนที่เวลาในโลกนี้หมดลงพอดี 

    'ทีนี่ มองหาสองคนนั่น'ฉันกวาดสายตาไปรอบๆเพื่อดูว่าคาร์ลกับเอ็มม่าอยู่ตรงไหนบ้าง  ซึ่งพวกนั้นกำลังช่วยกันอยู่ ก็ถือว่าโอเคอยู่ เพราะงั้นฉันเตรียมตัวไปถอนรหัสต่อดีกว่า

    "...ขอคุยด้วยหน่อย"ในขณะที่กำลังจะไปถอดรหัสอยู่ๆก็อิไลก็โผล่เข้ามาดักทางด้านหน้าของฉัน ตกใจหมดเลย=-= แต่ทำไมถึงได้ปล่อยออร่าน่ากลัวแบบนั้นออกมาล่ะ 

    "....."ฉันเงียบปากทันทีพาลเดินถอยหลังไปก้าวหนึ่งอย่างเคยชิน เวลามีใครมาดักหน้า ฉันก็มักจะถอยหลังก้าวหนึ่งตลอดจนเป็นนิสัย

    "..ทำไมถึงไปกินข้าวกับหมอนั้นล่ะ"คำถามแรกยิงออกมา

    "ก็...ตอนกลับจากเล่นเกมเจอเค้าพอดี แล้วตอนนั้นฉันหิวข้าวก็เลยเดินไปที่ห้องครัวพร้อมกัน ถึงจะบอกว่ากินข้าวด้วยกัน แต่มีแค่ฉันที่กินข้าวส่วนคาร์ลก็นั่งเฉยๆ"

    "....งั้นหรอ..แค่นั้นจริงๆแน่นะ"

    "นี่พ่อคุณ ฉันกับคาร์ลเป็นแค่รูมเมทกัน ไม่ต้องคิดให้มันไปไกลเพราะฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับคาร์ลไปมากกว่าเพื่อน หรือแม้แต่นายก็เช่นกัน"

    "ทำไมล่ะ"

    "อยากรู้ไปทำไมล่ะ เรื่องไร้สาระพวกนี้"

    "แต่ข้า!"

    "ชู่~ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคุยเรื่องแบบนี้ ถ้าอยากรู้ก็หลังจากจบเกมนี้ก่อนแล้วค่อยมาคุยต่อทีหลัง ถ้าหาฉันเจอนะ"ฉันรีบตัดบทสนทนาแล้ววิ่งตรงไปหาเครื่องถอดรหัสต่อทันที ขอร้องอย่ามาทำให้ฉันต้องลำบากใจไปมากกว่าเลยนี้เลย

    [เรเวน End]

    [เอ็มม่า Taik]

    ดีจ้า~ทุกคน ฉันเอ็มม่าเอง(หรือนางซ่อนดอกที่ใครบางคนชอบเรียกกัน) อย่างที่รู้ๆกันอยู่ว่าฉันมีบทบาทเป็นเพื่อนเรเวนที่แทบจะออกมาเกือบทุกตอน แล้วตอนนี้ฉันก็ได้ออกมาพูดสักที!...โอเคนอกเรื่องพอแล้ว กลับเข้าเมนหลักต่อเลยว่าตอนนี้ฉันกำลังช่วยถอดรหัสกับคาร์ลเซอร์ใหม่ป้ายแดงที่ยังไม่ได้แสดงสกิล แต่เท่าที่อ่านจากบันทึกข้อมูลแล้ว คาร์ลเชิญโลงออกามารถแต่งหน้าตัวตายตัวแทนให้คนที่กำลังจะโดนผูกลูกโป่งได้ แล้วถ้านั่งเก้าอี้ไปก็จะถูกวาปมาที่โลงศพได้ภายใน10วิ แถมเป็นอมตะได้ชั่วคราวด้วย โครตเจ๋งเลย แล้วตอนนี้คนที่ติดสถานะบาดเจ็บอยู่ก็มีแค่เรเวนคนเดียวแต่หลังจากที่หมดแล้วเราสองคนอาจจะบาดเจ็บต่อก็ได้เพราะโดนตีในโลกภาพถ่ายไปแล้วนี่

    "โอ๊ย!"นั้นไงพูดถึงก็มาเลย เวลาคุณโจเชฟเป็นฮันเตอร์แบบนี้ปกติเรเวนจะเป็นคนล่อเอาไว้ให้เพื่อที่จะไม่ได้มาล่าพวกเรา แต่ถ้าโดนตีในโลกภาพถ่ายอะไรเรเวนก็จะเข้าช่วยเอง 

    "เดี๋ยวฉันฮีลให้"ฉันเข้าไปฮีลคาร์ลก่อนให้เสร็จแล้วค่อยปล่อยให้เค้าฮีลให้จากนั้นก็ไปช่วยกันถอดรหัสต่อ

    "ไม่น่าเชื่อเลยนะครับที่เรเวนอ่านเกมออกด้วย"ในขณะนั้นคาร์ลก็เปิดประเด็นพูดถึงเรเวนที่ตอนนี้กำลังถอนรหัสอยู่ ก็จริงอย่างที่เค้าพูดถ้าพึ่งรู้จักเรเวนแรกๆจะคิดว่าเธอเป็นพวกสวยใสไร้สมอง ไร้มารยาทแต่ความจริงเธอฉลาดเป็นกรด มีทักษะเอาตัวรอดสูงมากแถมเป็นมิตรด้วย 

    "ตอนแรกฉันก็แปลกใจเหมือนกันนะ แต่ว่าเกมที่เรเวนลงเล่นด้วย เปอร์เซ็นในการชนะสูงมากเลยนะ แล้วส่วนใหญ่จะรอดกับสามสี่คนเลยด้วย อาจจะเป็นหูของเรเวนดีกว่าใครเพื่อนก็เลยพอรู้ตำแหน่งและระยะเสียงฝีเท้าของฮันเตอร์แทบตลอด ก็ถือว่าเป็นต่อพวกฮันพอตัวเลย"

    "สุดยอดไปเลยนะ...ทั่งทีภายนอกดูไม่น่าฉลาดแบบนี้"แหม~นี่มันนินทากันชัดๆแต่เค้าดูไม่มีเจตนาว่าร้ายนะ 

    "จะว่าไงดีล่ะ ถึงเรเวนจะดูไม่ค่อยได้เรื่องแถมคำพูดคำจาก็ไม่น่ารักอีก แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็พร้อมที่จะเหลือช่วยทุกคนในเกมให้รอดไปนะ...ถึงแม้ว่าคนที่จะต้องถูกจับนั่งเก้าอี้จะเป็นตัวเธอเองก็เถอะ"

    "แต่ว่านะ ถึงจะรู้ว่าเรเวนเป็นคนแบบนั้น แต่ฉันก็ไม่ค่อยเห็นด้วยกับการเล่นบทฮีโร่ของเรเวนหรอกนะ เธอควร...เห็นแก่ตัวกว่านี้"

    "...."

    'พึบ!'หลังจากที่เงียบอยู่นานก็ถอดรหัสเสร็จไปอีกเครื่องหนึ่งเหลืออีกหนึ่ง เรเวนกับอิไลน่าจะกำลังช่วยกันถอดรหัสกันอยู่ เพราะงั้นเราต้องเตรียมตัวไปเปิดประตูให้เร็วที่สุด

    'หวออออ'นั้นไงไม่ทันไรก็ถอดรหัสครบแล้ว สถานะของเรเวนก็กลับมาปกติเรียบร้อย

    "เอ๋? นั้นคุณอิไลหรือเปล่า?"ในระหว่างกำลังวิ่งไปเปิดประตูก็พบว่าคุณอิไลกำลังใส่รหัสประตูอยู่ งั้นแสดงว่า เรเวนน่าจะอยู่อีกประตูหนึ่งแน่

    'ตึง!'ในขณะนั้นเองไอคอนของเรเวนก็เปลี่ยนไปเป็นล้มทันที แสดงว่าฮันมีตาแดงสินะ แบบนี้จะไปช่วยไหวมั้ยเนี่ย

    "เดี๋ยวผมจัดการเองครับ"ไม่นานคาร์ลก็กดใช้สกิลเรียกโลงศพขึ้นแล้วกำลังจะแต่งหน้าศพ บนพรมแดงของทางเข้าโบสถ อ่ะ!นึกอะไรดีๆออกแล้ว

    "เดี๋ยว!ขอเวลาแปปหนึ่ง"ฉันเข้าไปห้ามคาร์ลก่อนที่เริ่มแต่ง

    "แต่ ถ้าไม่รีบเรเวนจะ.."

    "แปปเดี๋ยวนะ พอดีผู้ดูแลเค้าฝากสกินทองของเรเวนมาให้น่ะ"ฉันพูดก่อนที่จะหยิบสกินที่ว่าขึ้นมาแล้วจัดการใส่หุ่นศพของคาร์ลแล้วปล่อยให้เค้าเริ่มแต่งหน้าศพทันที 

    "ทำไมถึงไม่เอาให้ทีหลังล่ะเอ็มม่า"คราวนี้อิไลเข้ามาถามฉันที่ตอนนี้ยืนยิ้มอย่างอารมณ์ดี

    "ก็เพราะว่าฉันอยากเห็นเรเวนตอนนี้เลยน่ะสิ อีกอย่างสกินนี้มันเข้ากับด่านนี้พอดีด้วย"ฉันหันไปตอยอย่างยิ้มๆ เป็นจังหวะเดียวกันที่ึาร์ลแต่งหน้าตัวตายตัวแทนเสร็จพอดี ทำให้พวกเราสามคนได้เห็นร่างเรเวนในชุดสกินใหม่ ก็อย่างที่บอกไปว่าสกินนี้เข้ากับด่านโบสถสีชาดนี้มาก เพราะว่าสกินที่ว่านั้นเป็น'ชุดเจ้าสาว'น่ะสิ^_^ ชุดเดรสสีขาว ตรงกระโปรงประดับด้วยริบบิ้นสีเงิน ไข่มุกที่พันหลวมๆตั้งแต่ใต้อกถึงต้นขาและดอกกุหลายสีพีช ถุงมือยาวถึงต้นแขนทำให้เห็นรอยลัก(?)ที่รู้สึกดูเหมือนกิ่งไม้สีแดง ส่วนเครื่องประดับก็มีสร้อยไข่มุกสองชั้น ชั้นแรกมีจี้รูปหยดน้ำสีน้ำเงิน ส่วนขั้นที่สองมีจี้ไม้เกงเขงสีเงินประดับด้วยอัญมณีหลากสี ผมสีน้ำเงินยาวเปลี่ยนไปเป็นสีเงินวาบเรียบตรงหัวมีที่คาดผมรูปมงกุฎอันเล็กๆและผ้าคลุมหน้าสีขาวบางยาวปิดหน้าแล้วมีละอองหิมะและไอเย็นออกมาด้วย สมกับชื่อ 
    'Snow bride(เจ้าสาวหิมะ)'เลย

    "อึด?!...เกิดอะไรขึ้นเนี่ย?"หลังจากที่เรเวนถูกนั่งเกิ้าอี้ไปโลงศพก็เริ่มมีน้ำสีดำขึ้นมาแล้วเรเวนก็ออกมาจากโลงอย่างมึนๆ สวยเวอร์! สกินอย่างเลิศ!อ่ะ แบบนี้ฉันคงนอนตายตาหลับแล้วล่ะ แต่ยังไม่ได้หรอกฉันกับคุณเอมิลี่ต้องสแกนผู้ชายที่เข้ามาในชีวิตเรเวนก่อน(>^<)/ ไม่เป็นไรเรเวรเดี๋ยวจะคัดผู้ดีๆให้เธอเองอ้ายยย

    "เฮ้ย! ทำไมฉันถึงอยู่ในชุดนี้ได้ล่ะ!"เรเวนถามด้วยความตกใจที่อยู่ๆชุดก็เปลี่ยนไป

    "เรื่องมันยาว ออกจากเกมกันก่อนเถอะนะ"ฉันรีบเปลี่ยนเรื่องแล้วพาเรเวนออกประตูไปทันที 

    แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีสองหนุ่มที่ยังคงอึ้งกับออร่าเจ้าสาวของเรเวนอยู่แล้ว เกือบโดยฮันเตอร์ตีไปที่หนึ่ง

    --------จบตอน---------

    จากกันด้วยรูปชุดของเรเวน


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×