lyradin
ดู Blog ทั้งหมด

บ่นเรื่อง ONET ที่ผ่านมา (เน้นอังกฤษ -- เป็นวิชาที่ทำรู้เรื่องสุด 555)

เขียนโดย lyradin
เครดิตแผ่นรองไดจากเย็นตาโฟจ้ะ :))

..

สวัสดีอีกครั้งเจ้าค่ะ

วันนี้ขอทำควันหลงโอเน็ตสักนิด (เผื่อเป็นแนวทางแก่น้องๆปีหน้า)
อย่างที่ทุกท่านทราบดีว่าโอเน็ตเพิ่งจะผ่านพ้นไป
เพิ่งสอบเมื่อ 19-20 ก.พ. ที่ผ่านมานี้เอง ออกตัวไว้ก่อนว่าไอซ์ไปสอบ
แต่ไม่ได้ใช้คะแนนค่ะ ก็เลยเครียดน้อยหน่อย แต่อย่างไรก็ตาม
ยังคงอยากบ่นเรื่องข้อสอบครั้งนี้อยู่ดี

(มิใช่เรามีอคติกับ สทศ. นะเออ แต่เป็นมุมมองของเด็กเท่านั้น และไอซ์ไม่ใช่
คนที่ต้องใช้คะแนน ดังนั้นไม่มีอดติที่จะบ่นเพราะกลัวไม่ติดแน่นอน อันนี้ใครจะว่า
ไอซ์อย่างงู้นอย่างงี้ก็อย่าเหวงนะคะ)

ก่อนอื่น ขอพูดเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งก่อน
คือไม่ว่าคะแนนจะออกมาอย่างไรก็ตาม ขอทุกท่านอย่ากลัว
เวลาเลือกอันดับ "อันดับ 1 ต้องเป็นคณะที่อยากได้ที่สุดเสม"
ไม่ว่าคะแนนเราจะต่ำเตี้ยเรี่ยดินปานใด ขอให้ใส่ไว้เถอะค่ะ
อย่าไปฟังคนไซโค อย่าไปแคร์สื่อ
จำไว้ให้ขึ้นใจว่า เขาให้เลือกได้ 4 อันดับ
อย่างน้อยอันดับ 1 กับ 2 ต้องเป็นสิ่งที่เราต้องการ
แล้ว 3 กับ 4 ค่อยเป็นสิ่งที่เราน่าจะติด
เช่น อยากเข้านิติ (คณะยอดฮิต -..-)
เลือกไปเลือกนิติทั้งอันดับ 1 และ 2
เอามหา'ลัยที่รองลงมาในอันดับ2ให้พอเข้าได้
ส่วนไอ้ 3 กับ 4 ...ถ้าอันดับ 3 ไม่เอานิติแล้ว
ใส่ไปเลยจะอะไรก็ตามสบายที่คะแนนต่ำกว่า เอาที่คิดว่าเรียนได้
สิ่งที่จะเตือนคือ อย่าทะนงเกินไป อย่าเลือกที่มันสูงๆหมดทั้ง4อัน
หากท่านไม่เทพจริง เพราะเคยมีมาแล้วคนเมพๆที่เลือกคณะสูงๆหมด
ทั้ง 4 อันดับของจุฬา แล้วไม่ติดเลยสักอัน ทั้งที่คะแนนสูงลิบลิ่ว
เพราะแค่ไม่กี่จุดคะแนนท่านก็อาจไม่ติดได้นะคะ
ดังนั้นเลือกอันดับอย่างระมัดระวังด้วย ไอซ์เคยเห็นมาแล้วเสียดายแทนสุดๆ


เข้าเรื่องโอเน็ตกันดีกว่า
ข้อดีอย่างหนึ่งของข้อสอบครั้งนี้คือมันมีชุด E กับ F
ซึ่งก็คือข้อสอบชุดเดียวกันนั่นแหละเออ เพียงแต่เรียงข้อไม่เหมือนกัน
เพื่อให้ลอกกันมิได้ อันนี้ไอซ์ดีใจนะคะเพราะว่าเคยมีประสบการณ์มาแล้ว
ตอนไปสอบแพะเยอรมันที่ร.ร.แถวๆบ้าน ตอนไอซ์ทำนี่มีผู้หญิงคนข้างขวา
นั่งทำไปเอนตัวมาหาไอซ์ไป = =;;; ไอซ์ก็นึกในใจ อุเหม่...
แบบนี้เดี๋
ยวตูก็ได้ซวยถูกลากว่าสมรู้ร่วมคิดหรอกเว้ยเฮ้ย
ไม่ได้การ..ไอซ์ก็พยายามเอาแขนปิดๆ แต่ she ไม่ละความเพียรเช่นกัน
สุดท้ายไอซ์ก็เลยหันหน้าไปตรงๆ สบตากันดุๆจังๆ O_O!!
ประมาณว่า จะเอายังไหง..ไม่ไหว่ละนะ! (ชุบตัวไหรแบบโฆษณาทาโร่)
she ก็สะดุ้งโหยงไปหน่อยหนึ่ง เสร็จก็กลับไปก้มหน้าก้มตาฝนของตัวเอง
555 สบายใจสุดๆที่แม่คุณยอมถอยทัพ

(ถามว่าตอนนั้นกรรมการคุมสอบทำไรอยู่เหรอ เล่น BB ในโลกส่วนตัวเจ้าค่ะ
ไม่มงไม่มองอะไรทั้งนั้นละ ....oTL)

แต่เทียบกับประสบการณ์ของเพื่อนไอซ์ยังน้อยไป!
รายนั้นสอบแพะวิศวะค่ะ กำลังฝนๆคำตอบอยู่ดีๆเงยหน้ามา
จ๊ะเอ๋กับผู้ชายคนข้างหน้า  he หันมาชะโงกเต็มๆแทบจมูกชนกันเลย!
แถมเพื่อนมันร.ร.เดียวกันชะโงกมาลอกทั้งสี่ทิศ วิทยายุทธขั้นสูง
เพื่อนไอซ์ตกใจก้มหน้าฝน ตูไม่รู้ไม่เห็นนะเว้ย! จนสอบเสร็จเดินออกมา
เห็นเซียนเล่านั้นยืนหูผึ่ง มันเลยแกล้งคุยกะเพื่อน "ทำไม่ได้เลยว่ะมั่วไปเล่นๆ"
(ทำให้ใจเสียไปงั้นๆ สะจาย~)

แต่ก็อย่างว่านะ โถพี่เอ๊ย...ลอกใครน่ะดูจากยี่ห้อร.ร.อย่างเดียวเลยเรอะ
ทุกร.ร.ก็มีคนมั่วทั้งนั้นแหละน้า อีกอย่างไอซ์ก็ไม่เข้าใจว่าเพื่อนๆบางคนมันจะ
ดีใจอะไรนักหนาเวลาสอบได้ลอกเพื่อนเก่งๆแล้วเลยคะแนนเยอะจนสอบติด
ไม่ใช่ว่าไม่ติดถึงจะดีนะ แต่ในเมื่อติดโดยไม่ได้ใช้ความสามารถจริงๆ
พนันเหอะว่าพอเข้าไปเรียนจริงๆมันก็หนักหนาสาหัสเกินไป
คณะไหนที่เรามีความสามารถเข้าได้ก็แสดงว่ามันเหมาะกับเราแหละ
ไอซ์เชื่อแบบนี้อ้ะ

ยังไงก็ตามถึงมีชุด E กะ F (มันย่อมาจากไรหว่า erratic & false? oTL)
ไอซ์ก็ยังแอบเห็นเซียนลอกยังลอกได้อยู่
ก็นะ..ข้อมันเหลื่อมล้ำกันนิดหน่อย แถมบางคนเลือกข้อไหนก็กาลงในข้อสอบ
ชัดๆด้วยสิ (ไอซ์ด้วย รู้สึกทำได้ดีขึ้น) ปัญหามันแก้ไม่รู้จบสิ้นล่ะเนอะ
เอาเถอะ ที่ใดไม่มีการลอก ที่นั้นมิใช่ห้องสอบ เอิ๊ก...


เอาล่ะ เข้าเรื่องเนื้อหาตัวข้อสอบกันบ้าง วิชาที่ไอซ์จะขอวิเคราะห์ก่อน
คือภาษาอังกฤษ ทั้งนี้เพราะเป็นวิชาที่ถนัดที่สุด (คือจะให้ไอซ์วิเคราะห์ข้อสอบ
เลขกะวิทย์มันก็ไม่ใช่อ้ะ จริงมะ?) ถ้าเทียบระดับความยากกับ GAT...
ไอซ์ว่า..แกะยังยากกว่านะ แต่มันก็อยู่ในระดับพอๆกัน
ศัพท์ในแกะออกจะเยอะกว่า เน้นศัพท์ม.ปลายเยอะในส่วนบทความ
แต่โอเน็ตจะเป็นศัพท์แบบรวมๆ เหมือนทั้งช่วงชั้นมัธยม ดังนั้นมีศัพท์เด็กๆ
ม.ต้นมาด้วย แต่สิ่งที่ทำให้มันยุ่งยากกว่าคือการตอบข้อสอบค่ะ


พาร์ทแรก เป็น conversation
จะมีสองช่องให้ตอบ อันนี้ไอซ์ว่าธรรมดานะ เป็นบทสนทนาทั่วไปจริงๆ
ออกจะง่ายกว่าแกะในบางเรื่อง เพราะไม่มีสำนวนมากนัก
ที่ออกก็เช่นว่า
เป็นอะไรรึเปล่า เกิดอะไรขึ้น What's the matter / What's wrong ?
(ออกมาสี่ล้านแปดสิบรอบ แต่ก็ยังอยากออกอยู่ ไม่เข้าใจจริงๆ)
หรือคุณพี่คนหนึ่งแมวหาย(หรือหมาตาย? ไม่ชัวร์ ความจำสั้น)
ก็ให้คุณน้องปลอบ I'm sorry to hear that.
เห็นมะ ไม่มีไรน่ากลัว
มีสิ่งที่ต้องระวังเพราะคนไทยมักผิดกันบ่อยๆ ก็คือการปฏิเสธ เพราะในภาษา
ของเรา เราจะพูดว่า ไม่ เสมอ แต่ฝรั่งตอบตามความจริง อย่างเช่น
"คุณไม่ชอบกาแฟใช่ปะ -- Don't you like coffee?"
"เปล่า ชอบสิ -- Yes, I do." (ถ้าตอบ No คือ ไม่ชอบ อย่างที่คำถามว่า)
ในนั้นมันออกมาทดสอบเรื่อง yes กับ no ข้อหนึ่งนี่แหละค่ะ
แต่ไอซ์จำไม่ได้แล้ว ประมาณว่าปฏิเสธซ้อนปฏิเสธ ต้อง yes นะทุกท่าน


พาร์ทที่เป็น error analysis
ไม่รู้จะเรียกว่ามาเพื่อแกล้งหรือเพื่อช่วยดีล่ะ? เพราะว่าวิธีทำดูยุ่งยาก
แต่พอทำจริงปรากฏว่าไอซ์ลองดูแล้วถ้าทำไม่ได้มันก็แอบช่วยนะ
วิธีีทำคือ ในแต่ละข้อเขาจะขีดไว้ 4 ที่ ให้เราหาว่าตรงไหนผิดใช่ไหมคะ
สมมติเราบอกว่า ข้อ 1 ผิด ก็ต้องไปดูช้อยส์ของข้อ 1 ว่า
ผิดแล้วจะแก้ให้ถูกเป็นอันไหน (ดังนั้นข้อหนึ่งจะประกอบด้วย 16 ช้อยส์
คือไอ้ที่แก้แล้วของทั้ง 4 จุดที่ให้เลือกว่าผิดรึเปล่า -- กินกระดาษไปข้อละหน้า)

เอาล่ะ ฟังดูเหี้ยมแต่มันไม่ขนาดนั้น
เพราะจุดที่ให้แก้ หมายถึงจุดประสงค์การเรียนรู้ที่ในข้อสอบวัด
ไม่มีแกรมม่าอะไรหรูหรา เป็นแกรมม่าพื้นฐานจริงๆค่ะ
เรื่องยากๆเช่น The Agreement of Subject and Verb หยิบมานิดหน่อย
เช่นเรื่อง other/another
(รู้สึกข้อนั้นจะตอบ all the other ป้ะ ดูเข้าเค้าที่สุดแล้ว)
แล้วก็มีพวกคำเชื่อม เหมือนเล่นจับคำผิดเลย
เช่น both...or... ต้องเป้น both...and
only not...but also ต้องเป็น not only...but also (ออกงี้บ้าป่าววะ?)

มีข้อที่แอบยากปนมา คือเรื่องการใช้คำว่า recommend
ในข้อสอบออกว่า มัคคุเทศก์แนะนำนักท่องเที่ยวให้ทำอะไรสักอย่างเนี่ยล่ะ
มันเป็นโครงสร้างของประโยคการแนะนำค่ะ คือเราแนะนำใครว่าให้ทำอะไร
เช่น advice/recommend บอกว่า คุณควรจะทำอย่างนี้นะ
ประเด็นคือไอ้คำว่าควร (should) น่ะ เขามักละไว้น่ะพี่น้อง
เช่นว่า I recommend you (should) see this movie.
เวลาเขียนไม่ใส่ should ดังนั้น see เป็น infinitive (v.1 ที่ครูๆชอบเรียก)
ทีนี้ มันจะมีปัญหาที่ทำให้เด็กไม่กล้าตอบ คือเกิดตรง you นั้นเปลี่ยนเป็น
คำนามเอกพจน์ขึ้นมา พวกเราจะพานคิดว่ามันควรจะเป็น sees
จริงๆเป็น infinitive ค่ะ ไม่ผันเสมอ


ส่วนพาร์ทบทความนั้น ศัพท์ซิมเปิ้ลกว่าแกะมากค่ะ
ไอซ์ว่ามันเน้นให้วิเคราะห์เรื่องมากกว่า ว่าเรื่องบอกอะไรเป็นนัย
บทความพูดแบบนี้หมายความว่าอะไร
มีข้อหนึ่งที่คาใจคือ manslaughter ต้องตอบแทนที่ด้วย homicide
(ในบทความเกี่ยวกับ traffic punishment)
มันไม่น่าออกแบบนี้ เพราะคำว่า manslaughter เท่าที่ไอซ์เคยเรียนมา
แปลว่า ฆ่าโดยไม่เจตนา คือจะโทษน้อยน่ะค่ะ
แต่ homicide เนี่ย ความรู้สึกมันออกเชิงฆาตกรรม แบบเจตนาอ้ะ
ดูมันตรงกันข้ามกัน.. แต่ช้อยส์อื่นๆก็ไม่มีอะไรที่เกี่ยวกับเรื่องฆ่าๆแล้ว
ก็เลยจำต้องตอบ ซึ่งความจริงคำถามถามว่ามันแทนด้วยคำไหนได้ ช้อยส์ที่
ถูกต้องก็ควรจะเป็น synonym ความหมายเหมือนกันสิ เอ๊อ~~

(มีอีกอย่างที่แอบเห็น ในบทความดังกล่าวเขียนว่า เขากับเพื่อนๆ
ใช้ along with แต่กลับใช้กริยาพหูพจน์ เอิ่ม..ก็นะ
ไม่แน่ใจว่าเป็นไวยากรณ์อเมริกันรึไร แต่เห็นแล้วเลยเริ่มไม่แน่ใจว่า
ถ้าเขาข้อสอบในอนาคตเป็น with แล้วใช้พหูพจน์ เด็กจะตอบยังไง
เพราะในตำราที่เรียนยังคงใช้ไวยากรณ์บริติชอยู่ เช่น
The man along with his friends is laughing.
แต่ในบทความนี่ข้อสอบกลับเขียนเป็น are  ...เอาเข้าไป =_=;;
ไปปรึกษากันก่อนไหมป้า?

(ขอแฉลบไปหาข้อสอบวิทย์นิดหนึ่ง
เป็นปัญหาเรื่องตำราเหมือนกัน ข้อสอบถามว่า
กาแล็กซีทางช้างเผือกบ้านของหมู่เฮาเนี่ย เป็นกาแล็กซีชนิดไหน
พวกไอซ์ทุกคนตอบตามหนังสือเรียนเป๊ะว่า แบบกังหัน
แต่ปรากฏว่าเพิ่งทราบ หนังสือเรียนที่พิมพ์ใหม่ของปี53 บอกว่า
เป็นแบบ กังหันมีแกน เวรกรรม...
เปลี่ยนแล้วไม่บอกให้ตูรู้บ้างอะไรบ้างล่ะโว้ย!)

ยังไงก็ดี ในความมืดยังมีแสงสว่าง ฮ่า!
มีพาร์ทที่ปล่อยมาให้เด็กๆได้กินฟรีกันถ้วนหน้า นั่นคือตารางถั่ว!
มีทั้งถั่ว asparagus(หน่อไม้ฝรั่ง) beans peas nuts
ทำให้งงว่าเขาอยากจะช่วยหมู่เฮาที่เมาอากาศร้อนในห้องสอบจน Nuts!
ไปหมดแล้วรึเปล่า 555 (ตอนสอบไอซ์งี้แทบเป็นลม เหงื่อหมดตัว)
เป็นตารางวิธีประกอบถั่วเป็นอาหารค่ะ แล้วคำถามนี่ปล่อยฟรีทั้งนั้น
ถามตรงๆจะๆ ไม่มีอ้อมค้อม คือตารางมันเขียนอะไรไว้ก็ตอบตามนั้น
คิดว่าถ้ามีคนทำไม่ได้ก็อาจเป้นเพราะไม่ทราบศัพท์รายละเอียด
อย่าง shell ที่แปลว่าเปลือกหอย แปลว่าเปลือกของถั่วก็ได้
หรืออะไรประมาณนี้

ปีนี้ข้อสอบยังมีเอี่ยวกับสิ่งแวดล้อมเช่นเคย ไอซ์ว่าคงมีแทบทุกปีต่อจากนี้ล่ะ
แต่โลกร้อนเชยไปแล้ว โดนครูกวดวิชารู้ทัน 555 เลยหลบมาออก
เรื่องป่าไม้ สัตว์สงวน ซึ่งก็เด็กรู้ทันเยอะแล้วเหมือนกัน
ยังไงก็เรียนๆไว้เผื่อๆนะลูกหลาน มันอาจจะวนมาได้ใครจะรู้
เพราะข้อสอบระดับนี้คงไม่เล่นศัพท์กฎหมายหรือการแพทย์อย่างแกะ/โทเฟิล
หรือออกก็คงไม่หินเกินไป


เอาล่ะ มาแอบเมาท์ภาษาไทยบ้าง
คงเมาท์ได้ไม่มากเพราะไอซ์ไม่ใช่ผู้ชำนาญการ แต่สิ่งที่จะขอเตือนคือ
อย่าชะล่าใจ เวลามีน้อย คนจำนวนมากทำข้อสอบไทยไม่ทัน!
เพราะว่ามีเป็นย่อหน้าให้อ่านเยอะ ถ้าอ่านเรื่อยๆไม่มองหาจุดอะไรที่เขาจะวัด
มีสิทธิ์ซวยได้ ไอซ์ว่าทางที่ดีที่สุดตอนทำคือ มองหาเลยว่า key อยู่ไหน
(ดูคำถามเสียก่อนค่อยอ่านก็ดี)
อ่านจับใจความรวบรัด อย่าลืมตัวนั่งเพ่งทุกคำ
เพราะต้องเผื่อเวลาไว้ให้บางข้อยากๆที่ต้องนั่งคิดจริงๆ
ที่ข้อสอบออกก็เรื่องการใช้เหตุผล โต้แย้ง ทรรศนะ
มองหาเลยคำว่า เพราะ ไม่เห้นด้วย ดูว่าอันไหนข้อสรุปอันไหนเหตุ/ผล
แล้วก็มีเรื่องโวหารต่างๆ อธิบาย อภิปราย บรรยาย พรรณนา

ส่วนที่เป็นวรรณคดี เวลาให้เรียงร้อยกรอง
ถ้าอ่านรอบสองรอบแล้วยังไม่สามารถเรียงได้ด้วยตนเองว่ามันเป็นอะไร
อย่าได้พยายามต่อ ไปดูช้อยส์เลยค่ะพี่น้อง! แล้วอ่านเรียงตามว่าโอเคไหม
ครั้งนี้ข้อสอบออกมาเป็นโคลงสี่ (โคลงโลกนิติ บทที่ 58 ที่วัดโพธิ์น่ะค่ะ)
เป็นโคลงที่ดีนะ ไอซ์ช้อบชอบ

"รูปชั่วมักแต่งแกล้ง   เกลาทรง
ใจขลาดมักอาจอง   อวดสู้
น้ำพร่องกะละออมคง  กระฉอก ฉานนา
เฉาโฉดโอษฐ์อวดรู้  ว่ารู้ใครเทียม"

แล้วก็..รู้สึกจะีถามว่า ในโคลงนี้ไม่ได้พูดถึงอะไร
ในนี้มีเรื่องหน้าตา ความกล้า แล้วก็ปัญญา เท่านั้นแล..

เท่าที่ประมวลจากการอ่านบทความคัดสรรในข้อสอบ
คิดว่าเขาคงเน้นอยากให้เราอนุรักษ์ภาษาไทยจริงๆ พูดเรื่อง
ภาษาวิบัติ ที่มีข่าวว่าราชบัณฑิตฯจะใส่คำว่าแอ๊บแบ๊วในพจนานุกรม
(ไม่รู้เขาจะจริงจังไปทำไม = =;; ทำจริงก็เพี้ยนแล้ว มันเป็นแค่ศัพท์แฟชั่น)
แล้วก็เรื่องการออกเสียง ร กับ ล
ซึ่งจริงๆไอซ์ว่าเรื่องนี้สำคัญและน่าสนใจนะคะ เพราะปัจจุบันไอซ์เกิดมายัง
ไม่เคยได้ยินใครออกเสียง ร ชัดๆเลยสักคน (ยกเว้นอ.ลิลลี่ กิจมาโนชญ์
และผู้ทรงคุณวุฒิ 2-3 คนค่ะ) คนไทยทั่วไปปกติแทบไม่ออกเสียงต่างกันแล้ว
ไม่เชื่อฟังครูพวกเราพูดกันในร.ร. หรือญาติโกโหตุเราเองดูสิ
ไอซ์เลยเริ่มไม่แน่ใจว่าถ้าเรายังสื่อสารกันแบบนี้ต่อไป
มันจะเป็นปัญหาในอนาคตรึเปล่า หรือมันจะกลายเป็นความเปลี่ยนแปลง
ของภาษาก็ไม่ทราบ เพราะคนไทยปัจจุบันเราก็พูดจากันรู้เรื่องนะ
แม้จะไม่กระดกลิ้นรัวก็ตามที อาจจะเหมือนกับที่ ค ฅ ฆ, ต ฏ ฒ, ณ น, ข ฃ
ออกเสียงเหมือนกันหมดก็ได้ ทั้งที่จริงๆดั้งเดิมมันออกต่างกัน
แต่เราก็ยังคงรูปสะกดแบบเดิมอยู่ให้สืบค้นรากศัพท์ถูก

อ้อ! มีราชาศัพท์โผล่มาด้วย เหมือนจะถามว่า
เจ้าหน้าที่รายงานพระเทพฯ ใช้ว่าอะไร
ไอซ์ไม่แน่ใจว่าใช้ กราบบังคมทูลรายงาน รึเปล่า เพราะมีเพื่อนบางคนตอบว่า
กราบบังคมทูลถวายรายงาน ไอซ์ก็ไม่ชัวร์แฮะเรื่องสูงๆแบบนี้
แล้วก็เรื่อง ทรง กับ มี   เจ้าปัญหาอีกแล้ว
ท่องไว้นะทุกท่าน ทรงพระราชดำริ = มีพระราชดำริ
ไม่มี ทรงมีพระราชดำริ เด้อ
แล้วก็เลิกได้แล้วไอ้การติดใช้ทรงนั่นทรงนี่ทั่วไปหมด
คำที่เป็นราชาศัพท์อยู่แล้ว เช่น บรรทม เสวย ไม่ต้องใส่ทรงให้เวิ่นเว้อนะจ๊ะ
(แต่ก็นะ.. เห็นลุงโต้ลิเก + ละครจักรๆวงศ์ๆช่วงเช้าใส่กันเพียบ
ชาวบ้านจะไม่พูดผิดก็แปลก)


ว่าแล้วก็พูดถึงสังคมบ้างดีกว่า
นี่เป็นวิชาฝ่ายศิลป์ที่ไอซ์ไม่สันทัดที่สุด แต่ต้องบอกว่าทำๆไปรู้สึกโอเคอ้ะ
คือมันยากแต่ก็อยู่ในระดับที่รับได้ คือถ้าง่ายกว่านี้ก็คงวัดกันไม่ได้
ยากกว่านี้เด็กทั้งประเทศก็อาจตายคาโต๊ะ
มันยากตรงที่มีธรรมะด้วย (ไอ้เราก็คนชั่วตามืดมัว >< อ่านไปงงไป) ถามเรื่อง
ธรรมในการปกครอง อปริหานิยธรรม โชคดีที่ตอนเรียนสามัคคีเภทคำฉันท์
ตั้งใจนะเนี่ย เลยตอบได้ (มีช้อยส์อื่นเป็นอริยวัฏ จนบัดนี้ไอซ์ยังนึกไม่ออกเลย
ว่ามันคืออะไรหว่า) มีเรื่อง พละ5 เรื่องวิปัสสนา
มีถามว่าธรรมอะไรสอนเรื่องความเพียร ตอบอิทธิบาท4 กะอะไรสักอย่างลืมแล้ว

ประวัติศาสตร์เล่นมาเป็นมหากาพย์ทีเดียว ไอซ์ก็เลยจิ้มซะ 555
ออกตั้งแต่เรื่องหลักฐาน วิธีการทางประวัติศาสตร์แรกๆ ที่เรียนเลยอ้ะ
มีถามด้วยว่า พระเจ้าตากสินหลังกู้บ้านเมืองได้แล้วแก้ปัญหาอะไรก่อนสุด
ไอซ์เลยฟันธงว่าเป็นปัญหาความอดอยากของราษฎร
(จำได้ว่า อ.สมัยม.ต้นเล่ามาว่าพระองค์ซื้อข้าวสารแจกประชาชน)
แล้วก็ถามเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ยุโรปอย่างที่เก็งๆกันเอาไว้
เอาเถอะ...นี่เป้นวิชาที่ไอซ์เน่าอ้ะ วิเคราะห์ไม่ได้ว่ามันอยู่ในระดับยากหรือง่าย
(อิฮั้นรู้สึกยากหมด T T)


ส่วนวิชาสุดท้าย คือรวมมิตรเหล่าวิชาไม่เครียดทั้งหลาย พละ สุขะ
ศิลปะ การงานฯ ...ซึ่ง..ถ้าให้ไอซ์บอกนะ ไอซ์ว่าไปเน้นทำคะแนนที่อื่นเหอะ
เพราะหวังกะพวกนี้มันสุดๆจริงๆ เด็กไทยเพอร์เฟ็กต์ยิ่งนัก กวาดห้องพักครู
แกะชิ้นส่วนคอม ส่งบลูทูธ ตะกร้อก็เล่น เทนนิสก็เมพ บาสเกตบอล วอลเล่ย์
ซอฟต์บอล ฟุตบอล สานตะเพียนใบลาน พับใบตองทำกระทง
วาดภาพสีน้ำมัน พิมพ์ภาพ เล่นบัลเล่ต์ รำเซ้ง เพลงเถา โอ๊ยสารพัด~
ไอซ์ฟันธงได้อย่างเดียวว่าไอ้ข้อทำของกำนัลให้ฝรั่งนั่นน่ะ
ปลาตะเพียนใบลานแน่นอน นอกนั้น มั่วสะบัด! 555
(เขาถามว่า ควรทำของที่ระลึกอะไรที่แสดงถึงความสัมพันธ์ในครอบครัว
และความอุดมสมบูรณ์ของประเทศ)

ความยากสุดฤทธิ์ของมันอยู่ที่ การที่ข้อหนึ่งมีหลายช้อยส์
เช่นถามว่า จะวาดภาพสีน้ำเป็นบรรยากาศฝนตก (นี่ข้อสอบจริงนะ ไม่ได้ล้อเล่น)
ควรใช้อุปกรณ์อะไรบ้าง วาดใช้เทคนิคอะไร  เปียกบนเปียก แห้งบนเปียก..
ตอนทำไอซ์ก็ อูย...เอาล่ะสิ มั่วไงดีล่ะเนี่ย ทักษะศิลป์ก็ช่างน้อยนิดนักอิฮั้น
(ถามจริง คนจะเรียนหมอ วิศวะ อักษร บัญชี นิติ จะมารู้เรื่องพวกนี้ทำไมวะ)
อีกอย่าง ภาพฝนตกมันเป็นยังไง ฝนตกแบบไหน ให้วาดมีเส้นขีดปรอยๆ?
หรือวาดแต้มๆเป็นท้องฟ้าเมฆหม่นๆ โอ๊ย~ ทำไปปวดหัวยิ่งนัก
เลย...จ้ำจี้มะเขือเปาะตามระเบียบ 555
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมนี่จึงเป็นวิชาที่เด็กไทยค่าเฉลี่ยต่ำอย่างยิ่ง
แต่ตามทรรศนะของไอซ์ ไอซ์ว่ามันตลกเหอะที่เราจะเอาเรื่องพวกนี้มาวัด
ความฉลาดของเด็กในการสอบเข้ามหาวิทยาลัย

ไม่ใช่ว่าวิชาเหล่านี้ไม่สำคัญ ตรงกันข้าม ไอซ์คิดว่ามันเป็นวิชาที่เป็น
สุนทรีย์ของชีวิต เหมือนเพิ่มรสชาติให้ความน่าเบื่อหน่ายในการเรียนของเรา
แต่มันไม่ใช่สิ่งหลักที่เอามาวัดคนเพื่อทำอาชีพนะคะ
ตัวไอซ์ค่อนข้างเห็นด้วยกับการสอบตรง คือเลือกวิชาที่สอบว่าเอาอะไรบ้าง
คนจะเป็นหมอก็สอบวิชาที่จำเป็นสำหรับการเป็นหมอ
คนจะเป็นอะไรก็สอบวิชาที่อาชีพเขาต้องการ
เพราะพูดตรงๆเปิดตำราพวกเราดูสมัยนี้ ผู้ใหญ่ไม่รู้สึกบ้างเหรอว่าเราเรียน
กันมากเกินความจำเป็น? อันนี้ไม่ใช่ว่าพูดเพราะขี้เกียจหรืออะไรนะคะ
(มาเถียงกันได้เลยถ้าบอกว่าไอซ์ขี้เกียจ ดูผลการเรียนประกอบได้)
แต่คิดดู เด็กวิทย์ร.ร.ไอซ์เรียนกระทั่งการวิจารณ์วรรณคดีฝรั่ง
ร้อยกรองอังกฤษ เด็กศิลป์เรียนตรีโกณมิติ นิวเคลียร์ พันธะเคมี
นี่คือสิ่งที่เด็กเรียนกันทั้งประเทศ ทั้งที่เวลาใช้ชีวิตจริงๆมันใช้หมดเลยรึก็เปล่า
นี่เป็นอย่างหนึ่งที่ไอซ์เห็นด้วยกับการเรียนของต่างประเทศที่เน้นให้เด็ก
เรียนตามสิ่งที่สนใจ เก่งอะไรก็เอาให้โปรไปเลยทางนั้น
ไม่งั้นโลกเราจะมีหลายๆอาชีพไว้ทำไม เก่งอะไรก็เก่งให้สุด
เล่นเรียนหว่านๆแต่ไม่ถึงไหนสักอย่างเป็นเป็ดแบบนี้ ไอซ์ว่าไม่ถูกอ้ะค่ะ
แต่ก็ต้องรู้พื้นฐานของทุกวิชาไว้นั่นแหละ เพียงแต่ "พื้นฐาน" ที่ว่า
ในความหมายของคนปกติกับนักวิชาการของกระทรวงมันไม่เหมือนกัน..
เอาเถอะ ก็หวังว่าการศึกษาไทยจะค่อยกระเตื้องสักทีล่ะนะ

(เมื่อไรจะเป็นไปได้ล่ะ -- ขนาดเหล่าเจ้ากระทรวงยังไม่เชื่อถือในระบบ
นี้เล้ยยย ส่งลูกหลานเรียนเมืองนอกกันทั้งนั้นแหละ โลกเรามันซื้ออนาคตได้
ด้วยเงินแบบนี้แหละเนาะ.. หึ.. หึ..)

แต่ก็ต้องขอชมโอเน็ตอีกเรื่องหนึ่ง
คือไม่มีข้อสอบเชื่อมโยง (แบบในแกะ) ซึ่งไอซ์ดีใจมาก
เพราะข้อสอบเชื่อมโยงนอกจากไม่ประเทืองปัญญา สอนให้เด็กไม่ชอบคิดแล้ว
ยังทำให้เด็กที่ไม่มีเงินเรียนกวดวิชาเสียเปรียบอย่างหนัก
เพราะข้อสอบเชื่อมโยงถ้าทำตามสามัญสำนึกของคนปกติละก็ เจ๊งลูกเดียว
ต้องรู้กลเม็ดเล็กๆน้อยๆว่าทำยังไงถึงจะได้เต็ม
(ไอซ์ให้เพื่อนบอกเคล็ดวิชาให้ เชื่อไหมนั่งฟังมันแค่สองชั่วโมง
หลังจากนั้นไม่มีครั้งไหนเลยที่ไอซ์ทำเชื่อมโยงไม่เต็ม แบบนี้มันแฟร์ไหมกับ
คนอื่นๆ? ...มันไม่ไหวอ้ะ ควรถอนออกมากๆ)
อย่างที่ว่า ไอซ์ว่าน่าเป็นห่วงจริงๆเพราะข้อสอบลักษณะนี้ถ้าออกต่อไป
เด็กไทยจะถูกสอนให้ไม่คิด ไม่คิดถึงทำถูก ข้อสอบว่ายังไงตอบตามไปอย่างงั้น
เหมือนจะปลูกฝังความเชื่อฟังในระบบราชการอะไรสักอย่าง...
จริงๆถ้าถามว่าทำไมเชื่อมโยงไม่ดี ได้อภิปรายกันยาวเลยล่ะค่ะ
ก็โชคดีแล้วล่ะนะที่เขาไม่ออกในโอเน็ต ขอบคุณสวรรค์เจ้าค่ะ ^ ^

เอาล่ะ บ่นมาซะยาวเลยวันนี้ ฮา...สบายใจละ~
(เป็นโรคจิตต้องบ่นถึงสบายใจ =w=;)
ยังไงก็ขออวยพรให้ทุกท่านโชคดีนะคะ
ขอให้ได้ติดในที่ที่ใจใฝ่ฝัน ที่ที่เหมาะกับท่าน ที่ที่ถูกสร้างมาเพื่อท่าน
เพื่อทำอาชีพทีจะทำให้ท่านได้เปล่งประกายที่สุด
เหมือนเพชรที่ได้เจอช่างเจียรไนฝีมือเยี่ยมสมกันค่ะ
อย่าลืมว่าเอ็นทรานซ์ไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิต
อย่าปล่อยให้ความทุกข์จากกระแสคนนอกกัดกินจิตวิญญาณ
ทุกคนมีเส้นทางที่ฟ้าปูไว้ให้อยู่แล้วค่ะ ยิ้มไว้เสมอน้อ!
อวยพรให้น้องๆทุกคนที่ต้องเอ็นต์ปีหน้าและปีต่อๆไปด้วยค่า~

..



+ Mafiosi ร้อยรักฉบับมาเฟีย
ไม่เคยอ่าน? ลองสิ แล้วจะติดใจ

ความคิดเห็น

meanni
meanni 24 ก.พ. 54 / 10:59

อ่านแล้วตาลายเลย 555 ยาวมาก
เรายังไม่ม.หก ยังไม่แก่ ยังไม่รับรู้ถึงโอเน็ต 555
แต่มีสอบLAS (ทายเอา อยู่ม.อะไร) TT
สู้ๆ เราเห็นด้วยนะกับเรื่องระบบไทย

maxnight
maxnight 3 มี.ค. 54 / 11:08
O-netนี่นาคว่าเลขยากสุดนะไอซ์เลขนี่จำได้ว่าตอนนั้นแทบไม่ได้เลยมั้งเลยมั่วไปอย่างสนุกสนานเลย รองมาก็เป็นวิทย์ละมั้งวิทย์อ่านไปแต่ชีวะก็เลยทำได้แต่ชีวะ-0-