ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [MarkBam] 궁 (Goong) Palace #แบมแบมป่วนวัง

    ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.85K
      33
      23 ก.พ. 60


    Chapter 1


     



     

    ค.ศ. 1669

    ณ สวนพีวอน พระราชวังชางด๊อกกุง สมัยโชซอน

     
     

    "โตขึ้นจะมาขอเราแต่งงานใช่ไหม ไม่หลอกข้านะ ข้าจะได้ออกไปดูนอกวังบ้าง ท่านสัญญาสิว่าจะพาข้าออกไปเที่ยวนอกวังด้วย"
     

    "ถ้าเจ้ายอมแต่งงานกับข้า เจ้าจะได้ออกไปเที่ยวนอกวังนี้แน่นอน"
     

    "ตกลง โตขึ้นข้าจะแต่งงานกับท่าน"
     

    นิ้วก้อยเล็กๆ ของเด็กชายและเด็กหญิงเกี่ยวเข้าหากันพร้อมรอยยิ้มกว้างของทั้งสองคน มันคงจะเป็นคำสัญญาน่ารักของเด็กทั่วๆ ไป ที่คนหนึ่งอยากออกเที่ยวนอกวังบ้าง ส่วนอีกคนถูกใจและอยากมีเพื่อนเล่นแบบนี้ตลอดไป...
     

    แต่ว่าคำสัญญาถูกจารึกและบังคับทันทีเพราะเด็กทั้งสองนั้นมียศศักดิ์เป็นถึงองค์ชายและเจ้าหญิง อีกทั้งยังมีพยานร่วมรู้เห็นอย่างบิดาและมารดาของทั้งคู่ที่เดินมาได้ยินเพียงแค่ประโยคสุดท้ายพอดี


     

     

    10 ปีต่อมา...

    ณ ตำหนักพระราชวังชางด๊อกกุง
     

     

    "หาเจอหรือยัง!?"
     

    "ยังไม่เจอพะยะค่ะ"
     

    "แยกกันหาให้ทั่ว เข้าไปหาในสวนพีวอนด้วย ไปค้นให้ทั่ว!!!เสียงทรงอำนาจจากเด็กหนุ่มผู้ชายที่มีตำแหน่งถึงองค์รัชทายาทสั่งทหารในปกครองอีกครั้ง เมื่อหันกลับมาพบน้องชายตัวเองนั่งจิบชายามบ่ายอย่างสบายใจ
     

    "จินยอง... เจ้าดูใจเย็นผิดปกตินะ เจ้าหญิงหายไปทั้งคน เจ้ารู้ใช่ไหมว่าอยู่ไหนสิ่งที่ได้กลับมาคือการยักไหล่เป็นคำตอบ แต่เมื่อได้ยินชื่อตัวเองด้วยเสียงเรียกโทนต่ำกว่าเดิมของคนเป็นพี่ก็เลยจำใจต้องตอบไป
     

    "ข้าก็ไม่รู้ว่าน้องอยู่ที่ไหนองค์รัชทายาทเลิกคิ้วแปลกใจพร้อมส่งสายตาว่าเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่รู้ว่า น้องสาวคนเล็กของวังหายไปไหน เจ้าชายจินยองรีบยืนยันอีก "ข้าไม่รู้จริงๆ นะ โบมีแค่บ่นกับข้าว่า อยากออกไปเที่ยวนอกวัง"
     

    "แต่โบมีพูดเรื่องการเที่ยวนอกวังมาตั้งสิบปีแล้ว และก็พยายามแอบหนีออกนอกวังหลายครั้งแล้วเช่นกัน"
     

    "ใช่ แต่คราวนี้เหมือนโบมี จะวางแผนมาดีนะ เพราะข้าเองก็รู้ว่าน้องหายไปพร้อมพี่นี่แหละ แอบหนีเที่ยวไม่ชวนเล้ยประโยคหลังเหมือนบ่นอุบอิบอยู่คนเดียว สองพี่น้องนั่งหน้าเครียดกว่าเดิมเมื่อทหารกลับเข้ามารายงานการตามหาเจ้าหญิงของวังไม่เจอ ก่อนที่จะหันไปสั่งทหารคนสนิทให้ไปค้นหาอีกรอบ โดยขยายพื้นที่ในการตามหาออกไปนอกรอบๆ วังอีกด้วย พร้อมกำชับให้ค้นหาแบบเป็นความลับ เพราะกลัวว่าผู้ไม่หวังดีรู้ข่าวและอาจจะเกิดอันตรายกับเจ้าหญิงได้
     

    "ข้าว่าโบมีไม่ค่อยน่าห่วงนะ อย่างน้อยก็มียูบินตามไปด้วยมันก็โล่งใจได้หน่อยนึงเท่านั้นแหละ ถึงยูบินจะเป็นคนสนิทที่เก่งทั้งการต่อสู้และยังดูแลเจ้าหญิงมาตั้งแต่เด็ก แต่ยังไงทั้งสองคนก็เป็นผู้หญิงอยู่ดี
     

    "ข้ารู้ว่า ยูบินดูแลเจ้าหญิงได้"
     

    ทั้งสองเงียบลงอย่างใช้ความคิดอีกครั้ง ถึงแม้จะเบาใจเรื่องความปลอดภัยบ้างแล้ว แต่ก็ยังอยากตามตัวกลับมาอยู่ดี
     

    "หรือจะเป็นฝีมือไอ้คนจีนแซ่หวังนั่นอยู่ๆ เจ้าชายคนรองของวังก็พูดขึ้น จากการคิดวิเคราะห์ด้วยสมองอันชาญฉลาดเกินคนทั่วไป เพราะหลังจากที่องค์รัชทายาทแจบอม พาเพื่อนใหม่เข้าวัง และแนะนำให้พวกเขารู้จัก เขาและน้องสาวมักได้รับฟังเรื่องราวแปลกใหม่น่าสนใจภายนอกรั้ววังอยู่บ่อยๆ ซึ่งมันอาจจะไปกระตุ้นความต้องการของน้องสาวเขาที่อยากจะออกไปเห็นด้วยตนเองเพิ่มขึ้น
     

    "หวังเจียเอ๋อนะหรอ ข้าจะไปถามดู"
     

    "เดี๋ยวก่อน ข้าคิดว่า ถ้านายหวังทำจริงก็คงไม่ยอมรับกับท่านได้ง่ายๆ หรอกนะแจบอมลองคิดตามถึงเหตุผลว่าถ้าเป็นเขาทำจริง ก็คงไม่ยอมบอก เพราะโทษก็ร้ายแรงพอดู ถึงจะเป็นสหายองค์รัชทายาทก็คงช่วยเหลืออะไรไม่ได้ จินยองเลยเสนอให้ชวนหวังเจียเอ๋อเข้าวัง และจับตาดูภายในวังจะง่ายกว่า แจบอมพยักหน้าเห็นด้วย เพราะช่วงหลังมานี้ น้องสาวเขามักจะคุยกับเพื่อนเขาเป็นเวลานานสองต่อสอง ถึงจะมีคนสนิทและทหารคอยเฝ้าอยู่ไกลๆ ตามหน้าที่ แต่ก็น่าสงสัยอยู่ไม่น้อย แจบอมสั่งทหารไปเชิญสหายของตนเข้าวังทันที

     


    "พี่คุ๊ณณณณณณณ คิดถึงจังเลยยยยส่งเสียงเรียกพร้อมวิ่งเข้ามากอดทันทีที่พี่ชายอ้าแขนรอรับ
     

    "อ้อนมาแต่ไกลเลยนะ ทำไมไม่กลับไปรอที่คอนโดล่ะ"
     

    "ก็แบมคิดถึงพี่คุณนิน่า แล้วก็อยากกินไก่วุ้นเส้นด้วยอ่านิชคุณเอามือขยี้ผมสีบลอนด์ทองเกือบขาว จนเจ้าตัวต้องรีบเอียงหลบ พร้อมบ่นอุบอิบว่า เดี๋ยวหมดหล่อ
     

    "ผมฝากแจ้งไปยังศูนย์วัฒณธรรมเรื่องรอยร้าวที่เพิ่มขึ้นในกระจก และฝากแจ้งทางศูนย์ท่องเที่ยวว่างดให้เข้าชมในส่วนนี้ด้วยนะครับ"หันไปบอกผู้ช่วยแล้วบอกน้องชายให้รอตรงนี้ เขากลับไปเอากระเป๋าก่อน โดยกำชับไว้ว่า อย่าซน คนตัวเล็กทำหน้างอนิดหน่อย เขาก็แค่เป็นเด็กขี้สงสัยแค่นั้นเอง
     

    แบมแบมเดินรออยู่หน้าตำหนักหนึ่งที่ตอนนี้มีเจ้าหน้าที่ยืนเฝ้าอยู่รอบๆ เกือบสิบคน ทั้งๆ ที่ไม่จำเป็นต้องมาเฝ้าเลย เพราะที่นี่ไม่ให้คนเข้ามาได้ง่ายๆ แม้จะเป็นนักท่องเที่ยวเองก็ต้องมีไกด์พาเข้ามาเที่ยวชมเป็นรอบๆ ตามเวลาที่กำหนดเท่านั้น ส่วนเขาเข้ามาได้เพราะเขามากับยูคยอมที่เป็นเจ้าหน้าที่พิเศษนั่นเอง แบมแบมเดินอ้อมไปด้านข้างศาลาริมสระก่อนที่จะมองไปยังกลางสระที่มีกลุ่มต้นไม้ขึ้นอยู่ตรงกลาง เขาเดินตามทางบันไดเล็กๆ ริมสระน้ำของศาลาเพื่อเดินอ้อมไปดูด้านข้างของตำหนักนี้ซะหน่อย
     

    สองขาพาตัวเองมาอยู่ระหว่างทางเดินที่ติดกับริมสระน้ำ อดไม่ได้ที่จะมองไปยังกลางสระน้ำ ที่มีต้นไม้เหมือนต้นบอนไซขนาดใหญ่แผ่กิ่งก้านสาขาออกมานอกเหนือพื้นดินที่ลอยน้ำอยู่ บนผิวน้ำมีเงาสะท้อนของต้นไม้ที่มีสีแดงสดสลับกับสีเขียวและสีเหลืองหลากหลายสีทำให้สระน้ำดูมีสีสันสวยงาม แบมแบมละสายตาจากความสวยงามในสระน้ำ เขาเห็นเจ้าหน้าที่เดินไปรวมกันอยู่ที่ลานกว้างด้านหน้าพระตำหนักเหมือนไปรับฟังคำสั่ง ทำให้ตอนนี้พระตำหนักไร้คนเฝ้ายาม
     

    ก็บอกแล้วว่าแบมแบมเป็นเด็กขี้สงสัยแค่นั้นจริงๆ  เขาก็แค่อยากรู้ว่าในตำหนักนี้มีของพิเศษอะไรทำไมถึงต้องมีคนเฝ้าเยอะขนาดนี้ เขากึ่งเดินกึ่งวิ่งเลาะด้านข้างริมสระพาตัวเองมาถึงด้านหลังพระตำหนัก ก่อนตัดสินใจปีนขึ้นไป แล้วอ้อมไปยังด้านข้างของพระตำหนักที่เป็นหน้าต่างโดยเป็นส่วนที่ยื่นเข้าไปในสระน้ำเล็กน้อย
     

    เด็กขี้สงสัยลอบมองไปยังเจ้าหน้าที่ด้านหน้าอีกครั้ง เหมือนยังไม่รู้ว่ามีคนเข้ามาได้ถึงตรงนี้และดูเหมือนมันจะเป็นเวลาพักเที่ยงพอดี เจ้าหน้าที่ทั้งหมดรับข้าวกล่องแจกและแยกกันนั่งกินเป็นกลุ่มๆ
     

    แบมแบมเลิกสนใจเจ้าหน้าที่กลับมาสนใจหน้าต่างตรงหน้าอีกครั้งก่อนจะค่อยๆ ใช้มือเปิดบานหน้าต่างออกทั้งสองด้าน เขากวาดสายตามองสภาพห้องด้านในที่ออกจะมืดเล็กน้อย มีชุดโต๊ะและเก้าอี้อยู่ตรงหน้า คงเอาไว้นั่งเล่นจิบชาแล้วมองชมวิวของสระน้ำ
     

    มองเลยด้านหน้าเข้าไปอีกเหมือนจะเป็นประตูเพื่อเข้าไปอีกห้อง เขาเดาว่าน่าจะเป็นห้องนอน หัวกลมๆ หันมามองทางซ้าย พบกระจกบานใหญ่ตั้งอยู่ ด้านข้างเป็นเหมือนชั้นวางของเหมือนลิ้นชักเรียงต่อกันห้าชั้น ก็แค่ห้องธรรมดา ข้าวของเครื่องใช้ก็ปกตินิน่า หัวทุยๆ หมุนแหงนมองไปด้านบนเพดานเพื่อดูปฏิมากรรมของห้อง ความสวยงามและลวดลายบ่งบอกได้ว่า ห้องนี้เป็นห้องของบุคคลสำคัญระดับหนึ่ง อย่าแปลกใจที่เด็กขี้สงสัยจะพอมีความรู้เรื่องพวกนี้ เขามีพี่ชายที่เรียนทางนี้โดยตรง มีน้องสาวที่ชอบไอดอลอย่างทงบังชินกิ เรื่องเกาหลีสำหรับแบมแบมเลยเหมือนถูกซึมซับเข้ามาโดยไม่รู้ตัว รวมถึงภาษาเกาหลีที่พี่ชายและน้องสาวลงทุนจ้างคนเกาหลีมาสอนถึงบ้าน เขาก็เลยไปนั่งเรียนด้วย และถ้าว่างแล้วหนังสือเรียนประวัติศาสตร์เกาหลีของพี่ชายคือหนังสืออ่านนอกเวลาของเขานะ
     

    แบมแบมก้มมองบนโต๊ะด้านหน้าอีกครั้ง เขาเห็นสร้อยข้อมือที่ถูกถักด้วยเชือกหลากสีวางอยู่ ดูเหมือนเป็นสร้อยที่ถักเองด้วยมือ สภาพยังใหม่อยู่เลย ใครมาลืมทิ้งไว้หรอแต่เขาว่าเมื่อกี้มันยังเป็นโต๊ะยังว่างไม่มีของใดๆ วางสักชิ้นนะ หรือเขาจะไม่ทันสังเกตจริงๆ แบมแบมดันแว่นตาตัวเองและเหมือนมีอะไรดลใจให้หันไปมองกระจกบานใหญ่ทางซ้ายอีกครั้ง คงเป็นกระจกบานนี้แน่ๆ ที่พี่ชายของเขาเอ่ยกับผู้ช่วยไว้เมื่อกี้ รอยร้าวในกระจกแผ่วงกว้างออกไปค่อนข้างมาก
     

    เด็กขี้สงสัยมองเงาสะท้อนที่มันสามารถสะท้อนได้เพียงครึ่งตัวด้านล่างเท่านั้น และเมื่อมองเข้าไปที่เงาสะท้อน เขาก็ต้องรีบหันมองอีกด้านทันที ก่อนจะก้มลงมองที่รองเท้าของตนเอง และรีบหันไปมองที่บานกระจกอีกครั้ง เขาคงตาฝาดจริงๆ จะเป็นไปได้ยังไง เงาสะท้อนที่เขาเห็นช่วงขาและรองเท้านั้น ในเมื่อห้องนั้นไม่มีคนและรองเท้ากับกางเกงจะเหมือนตัวเขาไปยืนส่องกระจกอยู่ได้ยังไงกัน
     

    ทันทีที่ได้ยินเสียงฝีเท้าและเสียงพูดคุยจากด้านหน้าพระตำหนัก กลุ่มผมสีบลอนด์ทองก็ส่ายไปมาอย่างแรงเพื่อสลัดความคิดบ้าๆ ออกจากหัวทันที เขาหันกลับไปมองกระจกบานใหญ่อีกครั้งที่ตอนนี้สะท้อนเพียงกำแพงช่วงล่างของประตูอีกด้านเท่านั้น และเมื่อเสียงเจ้าหน้าที่เข้ามาใกล้ แบมแบมก็หยิบสร้อยข้อมือสองเส้นบนโต๊ะพร้อมกับปิดหน้าต่างอย่างเบามือก่อนจะรีบปีนออกมาทางด้านหลังแล้วรีบเดินไปที่ศาลาริมสระน้ำ เฉียดพอดีกับเจ้าหน้าที่เดินมาอ้อมมาเฝ้าตรงหน้าต่างบานนั้นสองคนพอดิบพอดี
     

    แบมแบมก้มลงมองในมือตัวเองอีกครั้ง แล้วก็คิดได้ว่า เขาจะหยิบสร้อยข้อมือเส้นนั้นมาทำไมกัน ตอนนี้เขาอยู่หน้าศาลาริมน้ำ ตาเรียวมองไปยังผืนน้ำที่กระเพื่อมออกเล็กน้อยเหมือนปลาหลายตัวแหวกว่ายกันอย่างรวดเร็ว แต่สายตาก็เห็นเหมือนเงาคนยืนอยู่ข้างๆ สะท้อนในน้ำ เขารีบหันมองซ้ายขวาของตัวเอง พบว่าเขายังคงยืนอยู่เพียงคนเดียว เขาตัดสินใจที่จะไม่มองลงไปที่สระน้ำอีกครั้งและมองที่สร้อยข้อมือในมือของตัวเองแทน
     

    แบมแบม... เหมือนมีเสียงแว่วมาจากกที่ไกลๆ เรียกชื่อเขา เขาก้มลงมองที่เชือกหลายสีในมืออีกครั้ง เริ่มไม่เข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง อยู่ๆ ทำไมเขาถึงรู้สึกได้ถึงความเศร้าปนเปกับความเสียใจแบบนี้ แล้วจู่ๆ ทำไมน้ำตาจะไหลขึ้นมา

     

    "แบมแบมเสียงเรียกชัดขึ้น "แบมแบม มานี่เร็วไปซนอะไรตรงนั้นเจ้าของชื่อหันไปมองทางต้นเสียงอีกครั้งก็พบพี่ชายตัวเองยืนกวักมือเรียกอยู่อีกด้านของพระตำหนัก เด็กขี้สงสัยจอมซนเก็บสร้อยเข้ากระเป๋าเสื้อโค้ทก่อนจะวิ่งไปหาพี่ชายทันที
     


    อ่า... บางทีเขาควรจะกินผักบุ้งบำรุงสายตาให้มากกว่านี้เสียแล้วล่ะ



     



    #แบมแบมป่วนวัง



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×