ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Cold Love รักอันเเสนหนาวเหน็บ (YAOI)

    ลำดับตอนที่ #42 : ชีวิตในรั้วโรงเรียน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 355
      4
      12 พ.ย. 56

     

    ต้นเมเปิ้ลด้านหน้าตึกสำหรับลำเลียงสินค้าของบริษัทเปลี่ยนเป็นสีส้มแล้ว เขามองดูมันด้วยความรู้สึกโหวงเหวงในใจ ความรู้สึกเช่นนี้มันไม่เกิดกับเขามาสิบกว่าแล้ว แต่ตอนนี้เขากำลังเผชิญกับมัน เพราะคนรักไม่ได้อยู่ในพื้นที่เดียวกัน เด็กคนนั้นไปเรียนต่อ เมื่อไม่กี่สัปดาห์พวกเขายังได้พูดคุยกัน กอดกันและมีความสุขกันอยู่เลย ครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่ได้อยู่ด้วยกัน แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆก็ตาม ความสุขได้รับนั้นก็ล้นเหลือแล้ว แต่ต่อหน้าเด็กคนนั้นเขาต้องแสร้งทำเป็นว่าเข้มแข็ง เพื่อที่อีกฝ่ายจะได้พึ่งพิง แต่ความจริงเขาก็แค่อ่อนแอ 

    เฮ้ย! อย่ามัวแต่เหม่อสิวะ! ของอีกตั้งเยอะแยะ!กระแทกของลงกับพื้น โชคดีที่ของสำหรับวันนี้เป็นแผ่นหนังสัตว์ ไม่ใช่เครื่องเคลือบราคาแพง มิฉะนั้นชายคนนี้คงไม่มีโอกาสจะได้รับเงินเดือนหรือเงินรายวันอีก

    ครับเคียวยกกล่องกระดาษหนาขึ้นบนไหล่ด้วยความรู้สึกสึกชินชา ทำงานร่วมกับคนที่ไม่รู้จักแม้กระทั่งชื่อมานานแสนนาน ตามคำสั่งของคุณตาของรินหรือโคดากะ มาซายะ เจ้าของธุรกิจใต้ดินมากมายที่อดีตเป็นยากูซ่าที่มีชื่อของเมืองนี้ แต่ก็ล้างมือไปแล้ว หลังจากการตายของลูกสาวสุดที่รักหรือซายะ อดีตคนรักของเขา

    ทำงานให้ไวๆกันหน่อยสิวะ!หัวหน้างาน ผู้ควบคุมการขนส่งตวาดเสียงดังลั่น ตัวเองนั่งอยู่บนเก้า เปิดพัดลมและจิบน้ำผลไม้เย็นๆ มองดูคนงานในความรับผิดชอบอย่างสบายอารมณ์ เขาใส่เสื้อเชิ้ตลายระยิบระยับ กับสร้อยทองเส้นโตเหมือนพวกมาเฟีย

    เคียวขนของเข้าโกดังด้วยความรีบเร่ง ตั้งแต่ทำงานี้มา เขาไม่มีเวลาที่จะมานั่งดูเลตัวเองสักเท่าไหร่ แค่อาบน้ำให้สะอาดยังแทบลำบาก เพราะต้องขนของเข้าโกดังทั้งวัน กว่าจะได้ได้กลับบ้านที่เป็นเช่ารูหนูก็แทบไม่มีแรงแล้ว บางทีอาบน้ำก็หลับคาห้องน้ำไปเลยก็มี เพราะฉะนั้นหนวดเคราและเส้นผมจึงดูรกรุงรัง ดูเหมือนโจรก็ไม่ปาน แต่ไม่มีใครสนในเรื่องนี้ เพราะเขาไม่ได้นั่งอยู่ในออฟฟิศหรู แต่ขนของอยู่ งานนี้ก็สนแค่แรงที่มีเท่านั้น จะหน้าตาหรือสิ่งใดก็ไม่สน

    ยามนี้เป็นเวลาบ่ายแก่ๆแล้ว พวกเขายังไม่ได้ทานข้าวเที่ยงเพราะมีของมาส่ง ทำให้มื้อเที่ยงถูกเลื่อนออกไป ต้องมาขนของแทน

    กล่องกระดาษที่ถูกส่งมาถูกขนเข้าโกดังจนเกือบหมดแล้ว เหลือเพียงไม่กี่กล่องในมือเพื่อนร่วมงานที่กำลังขนเข้ามา

    ดีๆ จัดการงานต่อไปเลย นั่นไงมาแล้ว”  เขาชี้ไปยังรถกระบะคันใหญ่ที่แล่นมาจอดในที่จอดรถบริเวณลานจอดรถของโรงงาน

    ห๊า! พวกเรายังไม่ได้กินข้าวเลยนะเว้ย!เสียงประท้วงดังขึ้นมา ทุกคนมองอย่างไม่พอใจ แม้จะเป็นแรงงานราคาถูก แต่ว่าพวกเขาก็เป็นคน อย่างน้อยก็ขอทานอาหารให้มีแรงเสียหน่อยเถอะ!

    ใช่ๆ เอาเปรียบนี่ แกนั่งสบาย ส่วนพวกฉันทำงานไม่ได้พักเนี่ยนะ

    ก็พวกแกมันชั้นต่ำไงเล่า! จะทำรึไม่ทำ ฉันจะได้ไล่ออกให้หมด! ดีไม่ดี เงินวันนี้ก็ไม่ต้องเอา! ฉันจะได้เอาเงินที่ได้จากท่านประธานไปให้คนใหม่หมด!หัวหน้าคุมแรงงานชี้หน้าด่าเยาะเย้ย แม้จะโมโหแค่ไหนก็ตาม แต่ชีวิตของลูกและเมียก็ต้องใช้เงิน จึงต้องกัดฟันทน เดินออกไปขนของทั้งๆที่ท้องยังหิว เคียวมองอย่างชินชาเสียเหลือเกิน  แต่ตอนนี้เขามีฐานะเป็นคนงานราคาถูก ไม่มีสิทธ์ต่อปากต่อคำหรือประท้วง สรุปตอนนี้เขาเองก็ไม่ต่างจากคนงานคนอื่นๆที่ต้องทำงานแลกเงินไปวันๆ  เพราะคำสั่งของมาซายะ

    เคียวแบกของเข้ามาไว้ในโกดังเช่นเดียวกับคนอื่นๆ อาบหยาดเหงื่อมากขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นเวลาเย็นย่ำ กว่าจะได้พัก ทุกคนหมดแรงได้แต่นั่งหอบ ควานหาน้ำกินกันจ้าล่ะหวั่น เวลาแบบนี้น้ำต่อให้ไม่เย็นก็เหมือนน้ำทิพย์ให้พวกเขามีชีวิตอีกครั้งแล้ว เป็นชีวิตของแรงงานที่ไม่มีทางเลือก มันทำให้เขาเข้าใจวิถีชีวิตแบบนี้อีกครั้ง เมื่อก่อน ก่อนที่เขาจะมีทุกอย่างที่ต้องการอย่างในปัจจุบัน เขาก็ต้องทำเช่นนี้ ต่ำกว่านี้และสกปรกกว่านี้ แม้จะห่างจากการทำแบบนี้มานาน แต่เขาก็สามารถปรับตัวกับมันได้เร็ว จึงเป็นจุดที่ทำให้มาซายะหัวเสียบ่อยๆ ไม่แน่ว่าที่ของมาส่งติดๆกันแบบนี้อาจจะเป็นการแกล้งของเขาอีกก็ได้

    พักกันอยู่ครู่หนึ่งก็ถึงเวลาที่ทุกคนรอคอย แม้จะไม่ได้ทานข้าวเที่ยง แต่ทุกคนก็สนช่วงเวลานี้มากกว่า เป็นช่วงเวลาของการจ่ายเงินค่าจ้างรายเงิน ที่ทุกคนจะได้ไม่ต่ำกว่า 5000 เยน หากไม่มีการทำผิดพลาดอะไรไป ทุกคนต่อแถวรับเงินค่าจ้างรายวันอย่างอ่อนแรง เมื่อได้เห็นเงินค่าแรงก็มีท่าทีอ่อนลง คุ้มกับการที่เหนื่อยมาเกือบทั้งวันตั้งแต่เช้าจรดเย็น

    ขณะที่เคียวกำลังยื่นมือไปรับเงินค่าจ้างมา เสียงรถครูดกับพื้นปูนด้านนอกที่คุ้นหูก็ดังขึ้น เสียงนั้นแหลมแสบหู ดึงดูดความสนใจของทุกคนไปทันที ทุกคนรู้กันอยู่ว่า รถยนต์หรูหราที่จะมาจอดนั้นจะเป็นของท่านประธานเพียงคนเดียว ไม่มีใครมาจอด และนานๆทีกว่าเขาจะมาดูแลสักครั้งหนึ่ง แต่หนนี้กลับไม่ใช่รถของท่านประธาน ไม่คุ้นตาเอาเสียเลย

    แต่เคียวช่างคุ้นตาเสียเหลือเกิน

    นั่นมันรถที่เขาใช้ประจำไม่ใช่หรือ?“”

    บูกัตติสีดำเข้มเงาวับจอดนิ่ง ก่อนที่ประตูรถจะเปิดออกโดยคนขับรถ และผู้ที่ออกมาก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเลขาส่วนตัวของเขาเอง เป็นเลขาที่อายุน้อยกว่ากว่าเขาสักสองสามปี ชอบทำหน้าจริงจังอยู่เสมอ ตอนนี้เขาถือถุงกระดาษสีน้ำตาลทองเดินเข้ามาจากด้านอก ฝ่าวงล้อมของคนงานที่มองเขาอย่างประหลาดใจ ก่อนจะตรงมาหาเขา ณ จุดนี้จึงทำให้เขากลายเป็นเป้าสายตาไปอย่างง่ายดาย

    บอสครับ นี่เสื้อผ้าเขายื่นถุงกระดาษนั้นมาให้เคียวที่กำลังงุนงงไม่เข้าใจสถานการณ์ หัวหน้าคุมคนงานและคนที่อยู่ใกล้ๆต่างก็เบิกตาโพลงอย่างตกตะลึง ว่าทำไมหมอนี่ถึงเรียกว่าว่า บอส ได้

    อุ๊บ!...ฮ่ะๆ ฮ่าๆ นี่ๆ ไอ้หน้าอ่อน นายตาถั่วไปแล้วน่า! ฉันนี่ล่ะบอสของที่นี่ ของนั่นของฉันสินะ!หัวหน้าคุมคนงานนั้นหัวเราะอย่างชื่นมื่น คิดหลงตัวเองไปว่า เลขาของเขานำของในถุงกระดาษมาให้และมองผิดคนว่าเขาเป็นบอส ตัวเองต่างหากที่เป็นบอสตัวจริง

    อย่าแตะต้องไม่ทันไรเลขาของเขาก็โชว์ด้านโหดออก ชักผืนมาจ่อกลางหน้าผากด้วยสีหน้าราบเรียบ ราวกับว่าหากยิงออกไปก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น คนงานแตกฮือ ลิ่วล้อข้างๆกระโดดหนีอย่างกลัวๆ คนงานรอบๆก็แตกฮือ วิ่งหนีไปเหมือนผึ้งแตกรัง ตะโกนว่าจะแจ้งตำรวจ

    พอเถอะโชว นี่มันเรื่องอะไรกัน?” เขาถามพลางเปิดถุงออกดู พบว่าเป็นเสื้อผ้าและรองเท้าสำหรับเปลี่ยน

    โคดากะซังบอกให้คุณเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปพบท่านที่ออฟฟิศหลักครับโชวเก็บปืน ก่อนจะบอกธุระแก่เจ้านาย สรุปว่าเขาจะต้องออกจากงานจับกังนี่ก่อนเวลาไม่กี่สัปดาห์งั้นเหรอ? ตาแก่คนนั้นคิดจะทำอะไรอีกกันนะ?

    เคียวเดินถือถุงกระดาษเข้าห้องน้ำเล็กๆภายในโรงงานท่ามกลางความงุนงงของใครหลายๆคน

     

               

    โรงงานนี้เป็นโรงงานที่มีคนงานอยู่ไม่น้อย มีทั้งแรงงานประจำที่พักอาศัยอยู่ในโรงงาน จำพวกยามที่คอยเฝ้าโกดังสินค้า เพราะฉะนั้นจึงมีห้องอาบน้ำเอาไว้ให้ สภาพดูเละเทะไปหน่อย แต่ฝักบัวก็ยังใช้ได้ รวมถึงของจำพวกสบู่ แชมพู แต่คงไม่ต้องห่วงเพราะในถุงกระดาษมีเตรียมไว้ให้เสร็จสรรพ กะให้เขาพร้อมแปลงโฉมมาดโจรแบบนี้ไปเป็นนักธุรกิจทันที

    ฝักบัวค่อยๆปล่อยน้ำไหลลงมาตามร่างกาย ชำระคราบสกปรกออกไปทันที  สบู่กลิ่นหอมอ่อนๆที่เขาช้ประจำก็ติดมาด้วย ดวงตาคมปลาบเหม่อมองเงาที่สะท้อนบนหยดน้ำในกระจกอย่างเหม่อลอย ให้ร่างกายจมอยู่กับน้ำที่ไหลลงมาดังซู่ กระทบพื้นกระเบื้องเก่าๆภายในห้องอาบน้ำคับแคบ

    ป่านนี้....รินจะเป็นยังไงบ้างนะ? จะปรับตัวกับทีนั่นได้รึเปล่า?.....

     

    ผ้าขนหนูแอร์เมสสีน้ำตาลทองค่อยๆซับน้ำบนร่างกายจนแห้งสนิท เขาจัดการฉีดน้ำยาดับกลิ่นและโคโลญน์ตามร่างกาย  ก่อนจะสวมเสื้อผ้าที่อยู่ในถุงกระดาษ

    สูทสีเทาเข้ม เชิ้ตฟ้าอ่อน สแล็คสีเทาเข้มเช่นเดียวกับสูทและรองเท้าหนังมันปลาบ

    เงาที่สะท้อนกระจกในห้องน้ำคือหนุ่มนักธุรกิจไฟแรงที่สุขุมเยือกเย็น ดูเย็นชา ไร้คราบของคนงานที่หนวดเคาครึ้มรกรุงรังราวกับโจรที่แหกคุก  อ่างล่างหน้าเต็มไปด้วยเศษหนวดเครา เส้นผมถูกเสยไปด้านหลังเหลือปรกมาด้านหน้าเล็กน้อย

    มือหนาถือถุงกระดาษ จัดการเก็บปืนกระบอกสั้นที่มากับถุงไว้ในหน้าอกด้านในข้างซ้าย

     

    เรียวขาแน่นใต้กางเกงผ้าเนื้อดีจากเยอรมันเดินลงบันไดมาช้าๆ มีหลายคนที่ยังไม่ได้กลับบ้าน แม้จะเป็นเวลาเย็นมากแล้ว ซึ่งจุดนั้นเขาก็ไม่เข้าใจ ลงมาด้านล่างเจอแต่คนงานที่คุ้นหน้าคุ้นตาเพราะทำงานอยู่ด้วยกันทุกวัน มองมาทางเขาด้วยใบหน้าตะลึง ไม่อยากเชื่อราวกับว่าเขากลายเป็นคนอื่นไปเสียอย่างนั้น  แต่หัวหน้าคุมคนงานดูหนักกว่า สภาพดูช็อกจนบรรยายไม่ถูกจนเขาอยากจะขำ แต่ตอนนี้คงต้องรีบแล้วสินะ

    โชว โคดากะซังอยู่ไหนนะ?” เขาหันไปถามโชว เลขาหนุ่มที่ยืนรออยู่เงียบๆ อีกฝ่ายหยิบสมาร์ทโฟนออกมา เปิดบันทึกตารางงานแล้วแจงเวลาและสถานที่แม้จะเคยบอกไปก่อนหน้านี่แล้วก็ตาม

    ขอแจ้งอีกทีนะครับบอส โคดากะซังตอนนี้กำลังประชุมอยู่ที่ออฟฟิศหลักที่อยู่ที่ เมืองนาโอกิยามะ คุณควรจะไปถึงก่อนสองทุ่มนะครับ

    มีเรื่องอะไรกันนะ? ยังไม่ถึงเวลาที่จะต้องเลิกงานนี้นี้ไม่ใช่รึไง”  เดี๋ยวจะมาหาเรื่องว่าเขาอู้งาน ไม่คิดจะพิสูจน์ตัวตนอีกรึเปล่าเนี่ย?

    เคียวดินฝ่าวงล้อมอดีตเพื่อนร่วมงานไปทีล่ะคน สีหน้าแต่ล่ะคนจ้องมองตาถลน ขยี้ตาไปมาซ้ำๆ พลางคิดว่าเขาไม่น่าใช่คนคนเดียวกับเด็กใหม่ที่เพิ่งทำงานมาไม่กี่เดือน หนวดเครารึงรังยังกับโจรคนนั้น

    อ๊ะ! ทานากะซัง ขอบคุณที่ขับรถไปส่งวันนั้นนะครับ ไว้ผมจะตอบแทนให้นะเขามองเห็นทานากะซัง เพื่อนร่วมงานที่ดูปากร้ายใจดี แม้จะบ่นด่าว่าที่เขาขอให้ให้เขาใช้รถมอเตอร์ไซต์ที่เพิ่งเติมน้ำมันมาด้วยเงินเก็บที่หามาอย่างลำบากไปสนามบินเพื่อฝากข้อความนั้นไว้ อีกฝ่ายมองเหวอๆอย่างตกใจ และไม่อยากเชื่อ พลางตอบรับเสียงงึมงำ

    งั้นก็ไปเถอะเคียวร้องบอกเสียงเรียบขณะที่นั่งอยู่เบาะหลังของรถคันหรู

     

    .

    .

    .

    .

    .

    .

     

     

     

    ในเวลาเดียวกัน ญี่ปุ่น 19.00 ลอนดอนเวลา 12.00

     

    โรงอาหารในตัวอาคารคลำคล่ำไปด้วยนักเรียนจากหลายเกรด เข้าแถวรอรับอาหารจากแม่ครัวกันอย่างเนืองแน่น บ้างก็ซื้อทานเองจากร้านค้าที่เปิดขายหรือซื้อมาจากข้างบอก หรือจะทำมาทานเอง

    รินนั่งเกาะกลุ่มกับเพื่อนใหม่ที่เพิ่งจะได้รู้จักไม่นานมานี้ โดยมีเจฟส์คอยแนะนำให้รู้จักกัน คนแรกที่เขารู้จัก น่าจะพูดว่าเป็นคู่น่าจะถูก ทั้งสองเป็นฝาแฝดชายที่ซุกซนและร่าเริง ลูกครึ่งเยอรมัน-อเมริกัน ทั้งคู่มีผมสีแดงกับตาสีเขียวเข้มที่หาได้ยาก อีกคนเป็นคนเงียบๆ ใส่แต่ฮู้ดดำและอ่านหนังสือตลอดเวลา แต่ก็ไม่ใช่คนเย็นชา แต่เงียบมากกว่าปกติเท่านั้น  ผิวเขาขาวซีด มีผมดำและตาสีฟ้าใสๆ อีกหนึ่งเป็นผู้หญิงที่ดูทอมบอย ห้าวเกินใคร เธอตัดผมสั้นเปรี้ยวจี๊ดและชุดสไตล์ผู้ชาย แต่รูปร่างกลับดีกว่าผู้หญิงหลายๆคนแถวนี้  พวกเขารู้จักกันดีตั้งแต่สมัยประถม จึงพากันมาเรียนที่นี่ และได้พบกับรินที่เป็นคนญี่ปุ่นครั้งแรก

    รินรินกินนี่สิ อร่อยนาหญิงสาวเพียงคนเดียวในกลุ่มตักสลัดมันฝรั่งมาให้ เธอชื่อ คาเมเลีย ชื่อที่เธอบอกว่ามันหวานจ๋าไป และให้ทุกคนเรียกใหม่ว่า เคธ จะได้ไม่หวานไป

    อ๊ะ! ขอบคุณนะ!รินปรับตัวได้ดีขึ้นแล้ว ตักสลัดใส่ปากตุ้ยๆ ถาดอาหารสำหรับวันนี้มีสลัดมันฝรั่ง แซลอมอบเนย ซุปมะเขือเทศข้นและผลไม้แอบเปิ้ลสองผลกับนมกล่อง

    วันนี้รินใส่เสื้อยืดสีเขียวเข้มสดใสกับเอี๊ยมยีนส์เหมือนเด็กศิลปะ ดูสบายๆ ไม่เกร็งหรือเครียด เพราะสามารถที่จะยิ้มให้กับที่ใหม่แห่งนี้ได้แล้ว เป็นโรงเรียนที่ให้ความรู้สึกสนุกสนานกว่าที่เก่า แม้จะดูน่ากลัวอยู่บ้างที่มีการเหยียดเชื้อชาติและการกลั่นแกล้งที่น่ากลัว แต่ก็มีเจฟส์และเพื่อนๆช่วยดูแลอยู่เสมอ

    ปรับตัวได้ดีขึ้นแล้วน๊าฝาแฝดเบอร์ 1 พี่ชาย ชาร์ล็อตเขี่ยผักชิ้นเล็กๆในจานออกไปพลางพูดเริ่มต้นบทสนทนา

    นั่นสิๆ เพราะฉันแน่ๆเลย!ฝาแฝดเบอร์ 2 น้องชาย ชาร์ลี สดใสร่าเริงไม่แพ้พี่ชาย เวลาที่รินโดนคนอื่นด่าว่าหรือดูถูกเหยียดเชื้อชาติพวกเขามักจะคอยเล่นสนุกคอยให้รินยิ้มได้ตลอดเวลา จนลืมเรื่องเศร้าๆไปเลย

    รินรินเก่งอยู่แล้วย่ะ!ทานข้าวกลางวันไปด้วยพร้อมทานลูกจมจูปาจุ๊บไปด้วยถือเป็นความสามารถของเธอ คาเมเลียหยิบลูกอมแบบเดียวกับเธอรสส้มออกมาให้รินเป็นของหวานอย่างใจดี เวลาที่รินเศร้าๆ เธอก็จะคอยให้ขนมตลอดเวลา พร้อมทั้งหยอกล้อให้อารมณ์ดีเหมือนพี่สาวใจดีเสมอ

    “…” มือขาวซีดยื่นหนังสือรวมภาพสัตว์โลกน่ารักที่เพิ่งออกโฆษณามาไม่กี่วันให้รินเงียบๆ  เขาชื่อ อาร์เธอร์

    จุดร่วมที่เหมือนกันคือ ทุกคนจะดูเป็นห่วงรินมาก ไม่รู้เพราะบุคลิกที่เห็นแล้วอดเป็นห่วงไม่ได้หรือไร จะต้องพยายามทำให้รินอารมณ์ดีบ่อยๆ บางครั้งก็แข่งกันด้วยซ้ำ ทั้งๆที่รู้จักกันไม่ถึงสามเดือนแท้ๆ แต่ทุกคนก็ใจดีกับรินมาก

    โดยเฉพาะ

    ปากเลอะแล้วผ้าเช็ดหน้าค่อยๆเช็ดคราบเปื้อนบริเวณมุมปากรินออกไป เจฟส์มองดูรินอย่างเอือมนิดๆระคนอ่อนใจ เขารู้สึกตลอดเลยว่าคนข้างๆนี่เหมือนน้องชายเหลือเกิน ทั้งๆที่อายุเท่ากันแท้ๆเลย

     มีใครหลายคนมองว่าเขาคิด อะไรกับริน แต่ความจริงไม่ใช่เลย เขาก็แค่ปล่อยรินให้อยู่คนเดียวไม่ได้ ลองใครเห็นเขาทำหน้าเหมือนจะร้องไห้สิ จะมีหรือที่จะปล่อยไว้แบบนั้น

    ช่วงบ่ายฉันมีเรียนประวัติศาสตร์ล่ะ รินรินล่ะ?” คาเมเลียถามรินพลางดูดนมกล่อง ตอนนี้เที่ยงใกล้ครึ่งแล้ว นักเรียนก็หนาตาขึ้นด้วย พอๆกับที่ออกไปจากโรงอาหาร

    ผมก็มีนะ

    ฉันด้วยเจฟส์จัดการกับข้าวกลางวันหมดไปรอบที่สาม ตอนนี้เขาอิ่มแล้ว จึงดูดนมกล่องรวดเดียวหมด

    ฉันมีเพื่อนแล้ว! กำลังคิดอยู่เลยว่าถ้าไม่มีเพื่อนไปเรียนด้วยจะเป็นยังไงเธอปรบมือดังแปะอย่างโล่งอก สองแฝดที่เรียนคนล่ะวิชาถามเสียงกวนๆ

    ทำไมต้องดีใจขนาดนั้นด้วยล๊า!

    เธอเหงาล่ะซี้!

    ใครบอกยะ!

    แล้วทำไมเคทถึงดีใจขนาดนั้นล่ะฮะ?” รินเช็ดปากด้วยอาการเขินๆ พลางถาม

    พวกนายมองไปข้างหลังฉันสิยะ!คาเมเลียกระซิบเสียงแผ่ว กดเสียงให้ต่ำลงพร้อมโน้มตัวจนแทบติดกับโต๊ะ ส่งผลให้คนอื่นๆทำตามอย่างว่าง่าย  ส่งสายตามองเหลือบขึ้นไป มองข้ามไหล่ของคาเมเลียไปด้านหลังของเธอ เห็นกลุ่มเด็กสาวกลุ่มใหญ่ในชุดเปี้ยวจี๊ด ดูเซ็กซี่ โชว์รูปร่างในชุดเชียรืลีดเดอร์และชุดไปรเวท

    ยัยฟลอร่า แฮตสัน! Shit!” เธอพูดชื่อเสียงลอดไรฟันพร้อมสบถเบาๆอย่างหงุดหงิด คาเมเลียไม่ชอบพวกเธอกลุ่มนั้น โดยเฉพาะผู้หญิงที่ชื่อฟลอร่า เธอสวมเสื้อยืดสีขาวสกรีนลายหัวใจลายพร้อยแบรนด์เนมชื่อดัง ยีนส์สั้นปิดเพียงต้นขา ส้นสูงแหลมปรี๊ดสีแดดง เส้นผมสีทองดัดลอนใหญ่ ดูฟูฟ่อง แต่งหน้าดูมีสีสัน ระหว่างที่กำลังมองอยู่เธอก็หยิบกระจกพบสีหวานออกมาส่องใบหน้าพร้อมจัดทรงด้วยท่าทีจริต จากนั้นจึงเข้าสู่วงสนทนาต่อไปอย่างสนุกสนาน และเสียงก็ดังพอที่จะอื้ออึงไปทั้งโรงอาหาร เป็นกลุ่มดาวเด่นของไฮสคูลแห่งนี้ ได้ข่าวว่าพวกเธอชอบไปไหนมาไหนกับหนุ่มๆที่เป็นเดือนของชมรมอเมริกันฟุตบอลเป็นประจำ

    อุหวา โชคไม่ดีเลยนะ เคท เธอเนี่ยชาร์ล็อตหัวเราะฮ่าๆ

    ซวยสุดๆ

    คาบประวติศาสตร์เธอเรียนไม่รู้เรื่องแน่ เคท

    เพราะงี้ฉันถึงได้หงุดหงิดไงยะ คาบก่อนยัยนั่นเอาแต่คุยเรื่องที่ไปนอนกับผู้ชายมาทั้งคาบ  ฉันดันไปช้า ได้นั่งหลังห้อง เลยต้องฟังยัยนั่นโม้เต็มๆชั่วโมง นี่ ยัยนั่นเล่าว่าคืนก่อนเปิดเทอม ได้นอนกับรุ่นพี่เกรด 11 ที่อยู่ชมรมฟุตบอลล่ะ ฮึ่ยยยเคทเริ่มหัวข้อใหม่ เล่าถึงวีรกรรมการนอนของฟลอร่าทันที

     

     

    ผ่านไป 10 นาที

     

    จริงอ่ะ! ยัยนั่นเสร็จนายแล้วเรอะ! ฮ่าๆเคทหัวเราะน้ำตาเล็ด เป็นบทสนทนาที่ดูเกินวัยในความคิดรินเหลือเกิน จึงได้แต่นั่งฟังเฉยๆ ไม่ได้เข้าร่วมพูดคุยด้วย ซึ่งก็ไม่มีใครว่า มือบางล้วงโทรศัพท์มือถือออกจากระเป๋าพลางดูว่าตอนนี้กี่โมงแล้ว โดยลืมไปว่าบนผนังเองก็มีนาฬิกา ดวงตาสีน้ำตาลแบบคนเอเชียเห็นข้อความเข้าจึงรีบกดดูด้วยความสงสัย

    คุณหนูครับ วันนี้ผมจะกลับบ้านช้าหน่อยเพราะมีธุระ อาหารเย็นห่อแร็ไว้ให้แล้วนะครับ อุ่นทานได้เลย หรือจะไปทานอาหารที่ร้านมิสเตอร์เลนาร์ดก็ได้ครับข้อความสั้นๆจากยาตะ ช่วงนี้เขาชอบออกนอกบ้านอยู่บ่อยครั้งและกลับมาในตอนเช้าด้วยสภาพอิดโรยเหมือนออกกำลังกายหนักๆมา จึงเป็นเขาที่เป็นคนเตรียมอาหารเช้าเอง ซึ่งมันไม่ลำบาก กลับสนุกด้วยซ้ำไป แม้จะไม่มียาตะอยู่ดูแลเหมือนช่วงแรกที่มา เวลาที่ออกจากบ้านไปเขาก็ยังรู้สึกเหมือนมีคนมองส่งเขาไปโรงเรียนตลอดเวลา

     

    ได้เวลาเรียนแล้วนนะฮะ เคทรินสะพายกระเป๋าเป้ใบใหม่ที่เพิ่งไปซื้อกับเพื่อนๆมา ยาตะกับสมิทเองก็ตามใจคะยั้นคะยอให้ซื้อด้วย เพราะว่ารินจะได้ไปซื้อของกับเพื่อนๆนี่นา

    อ๊ะ! จริงสิ รินริน ไปกันเถอะ เดี๋ยวได้นั่งหลังห้องอีก ไม่เอาๆคาเมเลียว่าก่อนจะสะพายกระเป๋าสะพายข้างสีแดงขึ้นมา ก่อนจะโบกมือลาทั้งสี่คนที่ลงเรียนวิชาบ่ายวิชาเดียวกัน

    ไปก่อนนะฮะรินโบกมือบ๊ายบาย ทั้งสี่โบกมือตอบกลับมา เดินไปอีกทิศทาง

    บาย~

     

     

    ห้องเรียนวิชาประวัติศาสตร์อยู่ชั้นสาม ด้านในตกแต่งด้วยภาพของคนดังในประวัติศาสตร์ หนังสือบุคคลสำคัญ ทีวี แอร์และข้าวของกระจุกหระจิกอีกมากมาย พื้นที่หลังห้องถูกจับจองโดยกลุ่มของฟลอร่า ด้านหน้าถูกเว้นว่างไว้เพราะกลุ่มที่นั่งประจำยังไม่มา คาเมเลียรีบจับจองพื้นที่นั้นโดยด่วน โดยเหลือตรงกลางว่างไว้ เสียงพูดคุยอื้ออึงและดังมากจนน่ารำคาญเลยทีเดียว

    ยัยพวกนี้น่ารำคาญจริง!” คาเมเลียยกขาพาดวางกับโต๊ะเรียนอีกตัวข้างหน้าอย่างไม่เกรงใจ ส่วนรินหยิบสมุด หนังสือและเครื่องเขียนออกมาเตรียมไว้ พลางมองดูเธอด้วยอาการพูดไม่ถูกแปลกๆ การฉะกันระหว่างสองสาวเริ่มต้นเบาๆด้วยการด่าว่าอย่างเร่าร้อนจนกลายเป็นเกมสนุกไป พวกที่เข้ามาทีหลังก็มองดูด้วยความตกใจ ก่อนจะแยกย้ายกันนั่งตามที่ว่างๆไป พลางนั่งดูการฉะกันของสองสาวรออาจารย์มาสอน

    ว่าไงนะ! ยัยทอมขี้เหร่!” ฟลอร่าลุกขึ้นชี้หน้าอย่างไม่ยอม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทั้งสองฉะกันด้วยวาจารุนแรงเช่นนี้ แต่มันเกิดขึ้นหลายครั้งเลยทีเดียว

    ว่าตามนั้นแหละย่ะ! ยัยร่านเอ๊ย! คุยเรื่องตัวเองอยู่ได้ ทุเรศชะมัดเลย!”

    น...หน็อย!  อิจฉารึไง เพราะมีใครเอาล่ะสิ มีแต่พวกเฉิ่มๆล้อมหน้าล้อมหลัง !” พวกเฉิ่มๆนั่นคือพวกเจฟส์นั่นเอง  แม้จะพูดไปอย่างนั้น แต่เธอก็เล็งสามหนุ่มในกลุ่มคาเมเลียไว้อยู่แล้ว แค่หาเรื่องมาพูดโต้ตอบไปก็เท่านั้น

    พวกเฉิ่ม? ฮ่าๆ เฉิ่มที่ว่าน่ะ! ฟันเพื่อนเธอเกือบทั้งกลุ่มแล้วม๊างงคาเมเลียได้ทีหัวเราะฮ่าๆอย่างไม่เกรงใจ ฟลอร่าหน้าเสีย หันไปถลึงตาใส่เพื่อนๆของเธอด้วยความดุดันพลางเค้นเสียงถาม

    เคซี่ มีนา แอนนี่! จริงรึเปล่า!?

    เอ๋..เอ่อ...

    อ..อะไรเหรอ?...สองในสามทำหน้าเลิ่กลั่กพลางหันหน้าหนี จะให้ปฏิเสธได้ยังไงกันล่ะ ในเมื่อหนุ่มๆพวกนั้นน่ะออกจะหล่อเหลา ไม่ได้เฉิ่มเชยเหมือนที่ฟลอร่าพูด แถมพวกเธอยังแข่งเก็บแต้มอยู่ด้วย ใครจะปฏิเสธกันล่ะ

    เอ้า! นั่งที่ได้แล้วอาจารย์ประวัติศาสตร์เดินเข้ามาในห้องพร้อมเอกสาร เสียงที่ฮือฮาจึงเงียบลง หันมานั่งกันอย่างเรียบร้อยเพราะรู้ว่าวิชานี้อาจารย์โหดเฮี้ยบขนาดไหน

    รินอมยิ้มเล็กๆ หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงคิดว่ามันน่ากลัวมากๆ และมี่เลยที่จะมาด่าหรือทะเลาะกัน แต่ตอนนี้มุมมองก็เริ่มเปลี่ยน เขามองว่ามันเป็นเหตุการณ์เล็กๆเหตุการณ์หนึ่งที่สามารถเกิดได้ตลอดเวลา ถ้าเขามัวแต่คิดว่ามันน่ากลัวหรือพยายามถอยห่างมันก็อาจจะทำให้เขาปรับตัวกับสิ่งพวกนี้ไม่ได้ เขาจึงพยายามเรียนรู้และปรับมุมมองรวมถึงปรับตัวกับสิ่งรอบตัวที่จะอยู่ชิดกับเขาตลอดเวลา

    ตอนนี้เขารู้สึกมีความสุขกับทุกสิ่งที่เป้นอยู่ตอนนี้จริงๆนะ

    มีทุกอย่างที่เขาไม่เคยเห็น พบเจอ ทำให้แต่ล่ะวันสนุกขึ้นมากจริงๆ รวมถึงเพื่อนใหม่และสถานที่ที่ไปใหม่ๆอีกมากมาย เป็นความทรงจำที่ล้ำค่า

    เขาชอบที่นี่

    มากๆเลย 
                                  .................................................................................................

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×