คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 2
เมื่อถึงเวลาอาหารเย็นคุณหญิงกานดาก็ให้ป้าน้อมขึ้นไปตามหลานชายลงมาทานอาหารเย็นที่ตั้งโต๊ะ เมื่ออัครวินท์เดินมาถึงโต๊ะทานอาหารก็เห็นคุณปู่กับคุณย่านั่งอยู่ที่โต๊ะที่เต็มไปด้วยอาหารที่ตัวเค้าชอบทั้งนั้น โดยมีอาหารทะลในเมนูต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นต้มยำทะเล ปูม้าตัวโตๆนึ่ง ปลากระพงนึ่งมะนาวที่เห็นก็เรียกความหิวได้แล้ว หรือผัดฉ่าทะเลที่หอมเครื่องแกงที่ชวนกิน นี้ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่คุณย่าย้ายมาอยู่ที่นี้เพราะว่าท่านชอบอาหารทะเลเหมือนที่อัครวิน์เองก็ชอบด้วยเหมือนกัน
“โอ้โห คุณย่าครับมีแต่ของชอบอัครทั้งนั้นเลย มีแ่คุณย่าที่รู้ใจอัครที่สุดเลย” ฟังคำพูดหลานชายสุดที่รักก็ทำให้คุณหญิงกานดายิ้มได้อย่างมีความสุข
“มานั่งลงกินข้าวได้แล้วตาอัคร เดี๋ยวย่าแกเค้าจะอิ่มความสุขเสียก่อน” ฟังที่เจ้าหลานชายตัวดีที่พูดจนภรรยายิ้มกว้างก็อดหมั่นไส้ไม่ได้ถึงเเม้นในใจจะดีใจแต่อดที่จะแกล้งแหย่ภรรยาไม่ได้ ถึงแม้นจะแก่ขึ้นแต่สิงห์ก็ยังชอบความแสนงอนของภรรยา นั้นไงหล่ะ อาการมาแล้ว
“คุณนี่ก็จริงๆเลย อย่าสนใจปู่เลย ทานข้าวกันตาอัครมีแต่ของชอบหลานทั้งนั้น น้อมจ้ะตักข้าวเลย”
นั้นแหละถึงได้ทานอาหารกันจริงๆสักที บรรยากาศบนโต็ะอาหารเต็มไปด้วยความสุขและเสียพูดคุยถามไถ่ความเป็นไปของอัครวินท์ในช่วงปีที่ผ่านมาเป็นส่วนใหญ่ โดยผู้ถามจะเป็นคุณหญิงกานดาเป็นส่วนใหญ่ มีบ้างที่ผู้เป็นปู่จะพูดจากถามไถ่ถึงลูกชายและลูกสะใภ้บ้าง เวลารับประทานอาหารเป็นช่วงเวลาที่สามารถพูดคุยกันและทั้งสองท่านก็ไม่เคร่งครัดเรื่องบนโต๊ะทานอาหารเพราะถือว่าเป็นช่วงเวลาที่คนในครอบครัวอยู่กันอย่างพร้อมหน้า
เมื่อทานอาหารเย็นเสร็จ อัครวินท์ก็ขอออกมาเดินที่ริมหาดเพราะตอนที่เป็นช่วงเวลาที่ดวงตะวันกำลังจะตกดินพอดี บรรยากาศก็เหมาะกับการเดินเล่นเพื่อผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง และเนื่องจากบริเวณนี้เป็นบ้านพักส่วนตัวหน้าหาดบริเวณนี้จึงไม่มีคนที่หาด แตกต่างจากบริเวณอื่นเห็นได้จากห่างออกไปไม่ไกลก็มีกลุ่มคนเล่นน้ำทะเลกันอยู่ได้ยินเสียงพูดคุยคละเคล้าไปกับเสียงหัวเราะ เดินไปสักพักก็เห็นเด็กหญิงคนหนึ่งวิ่งร้องไห้ตรงมาทางนี้ ดูเหมือนว่าจะเด็กที่เอาน้ำมาให้ตอนเค้ามาถึง
“นี่น้องเป็นอะไรถึงวิ่งร้องไห้มาหล่ะ หืม” เมื่อได้ยินเสียงคนทักขึ้นมา ก็ทำให้อิ่มเอมที่วิ่งร้องไห้มาหยุดชะงักและเงยหน้าขึ้นมองคนถาม แต่ก็ยืนนิ่งอยู่
“นี้พี่ถามเราอยู่นะ ตกลงเป็นอะไรมา” เมื่อได้ยินคำถามครั้งที่สองที่เจือมาด้วยความหงุดหงิด จึงจำเป็นต้องตอบคำถามออกไปเพราะจำได้ว่าเป็นหลานชายคุณท่าน
“เมื่อกี้ไปเล่นกับพจน์และเพื่อนมา แล้วพจน์ก็มาผลักแล้วมาว่าหนูอิ่มโกง แต่หนูอิ่มไม่ได้โกง ก็เลยโมโห ฮือๆ” อ้อ ตกลงว่าทะเลาะกับเพื่อนเลยวิ่งร้องไห้กลับมา สมกับเป็นเด็กผู้หญิงจริงๆๆ
“แล้วเธอโกงจริงไหม”
“ หนูอิ่มไม่ได้โกง” อ้อ ยังมีแรงมาเถียง
“ ถ้าไม่โกงก็ไม่เห็นจะต้องสนใจและร้องไห้เลย ” ได้ยินอย่างนั้นหนูอิ่มอดไม่ได้ที่จะเงยหน้ามองคนพูดไม่ได้ ก็คนมันโมโหแล้วก็เจ็บมือด้วยนิ แล้วทำไมร้องไห้ไม่ได้
“ ก็หนูอิ่มเจ็บมือนิค่ะ แถมโมโหด้วย ปกติเล่นกันสองคนก็ดีกับหนูอิ่ม พอมีเพื่อนคนอื่นก็ไม่สนใจแถมมาผลักจนหนูอิ่มล้มลงด้วย ” พอพูดแล้วก็น้ำตาคลอขึ้นมาอีก ในใจก็นึกว่าต่อไปจะไม่เล่นกับพจน์อีกแล้ว
“ ไหนฉันดูมือหน่อย อืม ก็น่าจะเจ็บจิงนะ ไปเข้าบ้านกันดีกว่าแล้วเช็ดน้ำตาด้วย เดี๋ยวคุณย่าก็คิดว่าฉันแกล้งเด็กหรอก ” พอพูดจบก็เดินหันหลังกลับเข้าไปในบ้าน หนูอิ่มได้แต่เอามืออีกข้างเช็ดน้ำตาแล้ววิ่งตามไป คนอะไรเดินเร็วๆจริง
“ รอหนูอิ่มด้วยค่ะคุณ ”
“ อย่าเรียกว่าคุณ เรียกว่า พี่อัคร ไหนเรียกใหม่ ”
“ ค่ะ พี่อัคร ” พอได้ยินที่เด็กคนนั้นเรียกก็ทำให้อัครอดยิ้มไม่ได้ รอยยิ้มนั้นทำให้คนมองอย่างอิ่มเอมอดยิ้มตามไม่ได้ พอพี่เค้ายิ้มแล้วดูใจดีจังแถมยังหล่อด้วย
“ แล้วเราหล่ะชื่ออะไรเหรอ”
“ หนูชื่อ อิ่มเอมหรือเรียกว่าหนูอิ่มก็ได้ค่ะ ”
“ งั้นพี่เรียกเราว่า หนูอิ่มแล้วกันนะ หนูอิ่ม ”
ภาพตะวันที่กำลังตกดินที่มีแสงสะท้อนเป็นประกายบนท้องทะเลสีฟ้าดูระยิบระยับสวยงาม แล้วภาพเงาด้านหลังของหนึ่งคนที่ตัวโตกว่ากำลังเดินนำอยู่ด้านหน้าแล้วตามด้วยร่างเล็กๆที่วิ่งตามอยู่ด้านหลังโดยมีฉากด้านหน้าเป็นบ้านหลังสีขาวที่ตั้งโดดเด่นโอบล้อมด้วยท้องฟ้าสีอมส้มของอาทิตย์ที่กำลังตกดิน ช่างเป็นภาพที่ดูสวยงามแต่เราไม่อาจรู้ว่าความสวยงามที่เห็นจะยังคงอยู่จนถึงเมื่อไหร่และนานแค่ไหน
นี้เป็นการพบกันของโชคชะตาหรือแค่คนที่มาพบกันเปรียบเหมือนฝันตื่นหนึ่งที่เราไม่อาจรู้ได้ว่าจะเป็นฝันดีหรือฝันร้าย เวลาเท่านั้นที่เป็นเครื่องพิสูจน์
ความคิดเห็น