คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : Chapter 13 :: His Secret
Chapter 13
His Secret
เช้าวันจันทร์ที่ปาร์คชานยอลต้องแหกขี้ตาตื่นตั้งแต่ตีห้าเพราะถูกปลุก คนเป็นน้าอ้างว่าเขาควรตื่นมาอาบน้ำกินข้าวอ่านหนังสือก่อนเข้าห้องสอบ เพราะการเตรียมพร้อมก่อนเข้าสนามรบนั้นได้เปรียบเสมอ
อยากจะบอกว่านี่ก็แทบจะนั่งขี้ชักwowแปรงฟันพร้อมกันแล้วถ้าจะเร่งขนาดนั้นช่วยเพิ่มเวลาโลกเป็น 50 ชั่วโมงต่อวันทีจะเป็นพระคุณอย่างมาก บางทีแบคฮยอนควรจะนึกให้ออกว่าต่อให้เขาไปโรงเรียนตั้งแต่ยามยังไม่เปิดประตูก็ไม่ได้ทำให้เข้าสอบเร็วขึ้น
วันนี้คนเป็นน้าก็มาส่งถึงหน้าโรงเรียนเหมือนกับทุกวัน มันไม่มีอะไรแปลกประหลาดจนต้องขนลุกซู่อย่างเมื่อวานก่อนที่ปาร์คชานยอลเป็นคนเริ่มแล้วก็จบมันด้วยตัวเอง ซึ่งมันก็ดีมาก ๆ ที่แบคฮยอนทำตัวเป็นปกติและไม่เอาเรื่องเขางอแงตอนป่วยมาล้อ
วันนั้นจำได้ลาง ๆ นิดหน่อย จริง ๆ แล้วก็จำได้ทั้งหมดนั่นแหละแต่เขาแค่เลือกที่จะไม่อยากจำ ตอนนั้นพอรู้ตัวว่ากำลังนอนอยู่บนตักแบคฮยอนเขาก็รีบดีดตัวลุกขึ้นทันที ใช้เวลาทบทวนทุกอย่างอยู่แค่ห้าวินาทีเท่านั้นก็รีบตรงไปหยุดอยู่ข้างรถแล้วตะโกนเรียกอีกคนให้กลับบ้านได้แล้ว
ถึงแบคฮยอนจะงง ๆ แต่ก็เดินอ้อมไปเปิดประตูที่นั่งคนขับโดยที่ไม่บ่นอะไรสักคำ
นึกแล้วก็ถอนหายใจหนัก ๆ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับตัวเขาที่ต้องตามไปขัดขวางแบคฮยอนกับไอ้ครูนั่นทุกวิถีทางแทนที่จะตรงไปห้องซ้อมแล้วจัดหนักอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ นี่ยังจำเสียงตะโกนด่าที่เพื่อนในวงพร้อมใจกันว๊ากใส่โทรศัพท์ได้ดี มันก็เป็นความผิดของเขานั่นแหละที่เสือกเป็นคนนัดซ้อมแล้วก็เบี้ยวซะเอง
ไม่สิ...ไม่ใช่ความผิดของเขาซะทีเดียวหรอก มันเป็นเพราะแบคฮยอนนั่นแหละที่ริอาจไปเดทกับไอ้ครูขี้เก๊กนั่นแทนที่จะกลับบ้านกลับช่อง เห็นไหมว่ามันลำบากหลานอย่างเขาจนต้องเสียงานเสียการไปหมด ใช่ เพราะแบคฮยอนคนเดียว
“ง่วงอ่ะมึง”
ชานยอลหลุดออกจากความคิดก่อนจะหันไปมองคนข้าง ๆ ที่กำลังนั่งหลับตาทั้งที่มีหนังสือชีวะอยู่ในมือ มันไม่แปลกที่เขาจะได้เห็นกับภาพแบบนี้ในช่วงสอบ ทุกคนไม่เว้นแม้กระทั่งไอ้เทาต่างก็ง่วงเหงาหาวนอนเพราะโหมอ่านหนังสือช่วงวินาทีไฟลนดาก
“มึงอ่านจบยังอ่ะ” เทาวางหนังสือลงบนโต๊ะแล้วแนบหน้าลงไปพร้อมกับมองเพื่อนตาปริบ ๆ “กูว่ายังแน่ ๆ”
“จบละ”
“เย้ชชชชช์” เสียงช.ช้างลากยาวพร้อมกับปากที่ยู่เข้าหากัน จินตนาการริมฝีปากบนที่กำลังเผยอขึ้นด้วยครับ บางทีไอ้ห่าเทาอาจจะอยากเซย์ฮัลโหลกับรองเท้าของเขาเสริมบุญก่อนเข้าห้องสอบ “พูดกับเพื่อนอย่าตอแหลดิ”
“ตอที่หน้า กูจะโกหกไปเพื่อไรฟาย” ชานยอลตอบอย่างรำคาญ มันก็ถูกอย่างที่ไอ้เทาคิดแต่มันก็แค่เมื่อก่อนป่ะวะที่ปาร์คชานยอลคนนี้ไม่เคยคิดจะอ่านหนังสือสอบ เพราะมั่นหน้าอยู่แล้วว่ายังไงก็ผ่านคาบเส้น
ถ้ามันรู้ว่าในหัวของเขาเต็มไปด้วยความรู้ที่ไอ้ห่าครูกากนั่นส่งต่อมายังแบคฮยอนจนทำให้ใครคนหนึ่งแทบจะบรรลุโสดาบันในวิชาชีวะมันจะไม่พูดแบบนี้
“ทำไมจากวันอาทิตย์ไปวันจันทร์มันไวจังเลยวะ มึงคิดดูดิ กว่าวันจันทร์จะถึงวันอาทิตย์แม่งต้องใช้เวลาตั้งกี่วัน”
“มึงชอบถามปัญหาควายงงอ่ะ” เทาทำหน้าเนือยกับคำถาม
“แล้วมึงงงเหรอครับเพื่อน”
“เรื่องอะไรกูจะงงให้มึงด่าว่าเป็นควาย โน ๆ ไม่หลอกด่าเพื่อนนะจ้ะ” เทาหรี่ตามองพร้อมกับยิ้มอย่างรู้ทัน ทีงี้ล่ะเสือกฉลาดขึ้นมาเลยนะมึง
“มีสอบอีกทีวันไหนวะ”
“วันพุธไง คราวนี้เจอภาษาอังกฤษกับประวัติศาสตร์เกาหลี คนจีนอย่างกูสอบตกก็ไม่น่าอายหรอก แต่มึงนี่สิ” เทามองหน้าเพื่อนพร้อมกับส่งแววตาเวทนาไปให้
“ทำไมกูต้องอายรับ?”
“เป็นคนเกาหลีแท้ ๆ ยังเสือกสอบตกวิชาประเทศตัวเอง มึงควรหยิบมีดมาเล่มนึงแล้วทิ่มท้องตัวเองเหมือนคนญี่ปุ่น”
“เหอะ ถ้าสอบตกวิชานั้นกูจะเดินตัวเบาเกาดากโชว์ตั้งแต่ชั้นสามไปจนถึงหน้าเสาธงก็ยังได้ ทำไมกูต้องอายเพราะสอบไม่ผ่านในวิชาที่กูไม่เคยเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วยวะ มันจำเป็นไหมที่กูต้องไปรับรู้ว่าราชวงศ์ไหนเป็นยังไง โดนตีเมืองเมื่อไหร่ คนเราต้องอยู่กับปัจจุบันสิครับเพื่อน เกาหลีเหนือจ้องจะเล่นประเทศกูงี้ดิถึงต้องใส่ใจ”
“กูซึ้งแทนคนเกาหลีทั้งประเทศเลย”
“เพราะงั้นมึงต้องสอบตกเป็นเพื่อนกู”
“อยากถุยน้ำลายจังแต่แถวนี้ไม่มีถังขยะ” เทาว่าพร้อมกับกวาดสายตาไปรอบ ๆ นี่มึงไปจำวิธีกวนส้นตีนแบบนี้มาจากไหน
ชานยอลยกขาทั้งสองข้างขึ้นบนโต๊ะ ตอนนี้เขาไม่อยากทำอะไรทั้งนั้นนอกจากนั่งงีบอยู่เงียบ ๆ โดยไม่ต้องหันไปตอบคำถามควาย ๆ ที่เพื่อนรักยิงมา เป็นครั้งที่ร้อยล้านที่ปาร์คชานยอลสงสัยว่าเขามาสนิทกับหวงจื่อเทาได้ยังไง
“เฮ้อ กูไม่สงสัยแล้วว่าทำไมชาวบ้านเขาถึงเกลียดวันจันทร์กัน ทั้งต้องแหกขี้ตาตื่นมาโรงเรียนแต่เช้า ไหนจะมีสอบอีก ;_;”
“หึ ถ้าวันจันทร์มีหน้าตาก็คงคล้าย ๆ ไอ้ครูพี่อี้ฟานอะไรนั่นแหละกูว่า” ชานยอลแค่นหัวเราะพลางมองไปยังกระดานดำหน้าห้อง เทาดีดตัวลุกขึ้นนั่งแล้วมองเพื่อนไม่ละสายตา
“เฮ้ย วันจันทร์ไปเกี่ยวอะไรกับครูสุดหล่อคนนั้นว้า”
“หล่อตรงไหน มึงคิดไปเองแล้วว่ามันหล่อ” ชานยอลหันไปเถียงคอเป็นเอ็น แต่ดูเหมือนว่าเพื่อนของเขากำลังจะแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่เห็นด้วย
“ถ้าเขาไม่หล่อคงไม่มีสาวกรี๊ดหรอกมึง วันนั้นกูยังจำได้เลย พวกผู้หญิงที่ติ่งมึงก็ไล่ตามเขาวันที่น้ามึงมาโรงเรียนอ่ะ วันนั้น ๆ”
“เออห่า กูจำได้ มึงจะย้ำทำขี้เกลืออะไร” ชานยอลสะบัดแขนออกจากมือที่เกาะแหมะอยู่ก่อนจะขยับปากบ่นอย่างหัวเสีย
“ทำไมมึงต้องโมโหด้วย กูพูดผิดตรงไหน” นั่น มีตัดพ้อ
“จะไม่ให้กูโมโหได้ไง ก็มึงเล่นเข้าข้างไอ้ครูนั่นจนไม่ลืมหูลืมตา มึงก็ไม่ต่างอะไรจากพวกติ่งโอป้าซารางแฮทั้งแผ่นดินนั่นแหละวะ ภายนอกมันก็หล่อ สุภาพ เป็นคนดีแต่ในใจมันด่าพ่อมึงอยู่เปล่าใครจะรู้? มึงเคยได้ยินเปล่าว่าหล่อแต่รูปแต่จูบไม่หอม”
“ยังไม่เคยลองจูบหรอก แต่กูจูบเขาได้ด้วยเหรอวะ” เทาทำหน้าจริงจัง ชานยอลตบหน้าผากตัวเองอย่างแรงก่อนจะกัดฟันแน่นแล้วทุบโต๊ะรัว ๆ เพื่อสงบสติอารมณ์ “แบบนั้นไม่ได้นะมึง ถึงครูเขาจะหล่อมากแต่กูดูออกว่าเขาต้องชอบน้ามึงแน่ ๆ เพราะงั้นกูคงไม่กล้าคิด”
“หุบปาก!!!”
“หุบทำไมอ่ะ” เทาทำตาปริบ ๆ โอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยย กูอยากสับศอกใส่หน้ามึงจริง ๆ หวงจื่อท๊าวววววววววววววววววว
“ชอบก็ชอบไป แต่จะไม่มีการคบกันทั้งนั้น กูไม่โอเค”
“แล้วมึงไปเสือกอะไรกับเขาอ่ะ”
“ทำไมกูจะเสือกไม่ได้ มึงรีบถอดรองเท้าถุงเท้าแล้วเอานิ้วมือกับนิ้วตีนมานับเหตุผลของกูเดี๋ยวนี้ ปฏิบัติ!!!”
“ได้!” เทารับปากอย่างว่าง่าย ชานยอลหลับตาลงก่อนจะถอนหายใจอย่างหนักเมื่อเพื่อนสนิทของเขากำลังก้มหน้าก้มตาถอดรองเท้ากับถุงเท้าก่อนจะยกนิ้วชี้ขึ้นมา “ข้อหนึ่ง!”
“กูเป็นหลานแบคฮยอน”
“เฮ้ย~ นั่นมันใช่เหตุผลที่มึงจะไปก้าวก่ายชีวิตน้ามึงด้วยเหรอว้า” เทาขมวดคิ้วมุ่น
“ทำไมจะไม่มีสิทธิ์ ขนาดน้ากูยังมีสิทธิ์ในชีวิตกูเลย”
“เออนั่นดิ...” เทากลอกตาขึ้นแล้วพยักหน้าช้า ๆ “งั้นต่อด้วยข้อสอง!”
“กูอยู่บ้านหลังเดียวกับแบคฮยอน กูมีสิทธิ์ที่จะต่อต้านทุกคนบนโลกที่คิดจะก้าวขาเข้ามาในบ้านกู”
“บ้านน้ามึงต่างหาก”
“สัด เวลาจะไปหามึงที่บ้านกูเคยบอกไหมว่าจะไปบ้านพ่อมึง”
“เราต้องนับตามชื่อเจ้าของโฉนดที่ดินดิ มึงจะโมเมว่าเป็นบ้านตัวเองไม่ได้นะเว้ย มันเป็นวิถีของพวกขี้อวดที่ไม่มีอะไรเป็นของตัวเองแล้วซุยไปเรื่อยอ่ะ”
“ได้ งั้นเสาร์นี้กูไปนอนบ้านพ่ออออออออออออออออออออออมึงนะ”
“โอเค งั้นข้อสาม” ไม่บ่อยนักที่เขาจะเถียงชนะชานยอล ตอนนี้หวงจื่อเทากำลังรู้สึกปลื้มในผลงานมาสเตอร์พีซของตัวเองอย่างบอกไม่ถูก
“กูหงุดหงิด”
“กะโปกสุด” เทาเบ้หน้ามองคนเป็นเพื่อนในขณะที่ชานยอลกำลังทำท่ากดมือถืออย่างไม่ยี่หระกับเหตุผลควาย ๆ ในข้อนี้ “ถ้าเป็นฟิค กูคงเข้าใจว่ามึงแอบชอบน้าตัวเอง”
“โชคดีที่นี่เป็นชีวิตจริง ฮะ ฮะ ฮ่า”
เด็กตัวสูงกลอกตาไปมา มันจะเป็นแบบนั้นได้ยังไงกัน แค่คิดก็ขำจนซิกแพคขึ้นแล้ว ผู้ชายที่กูจะสปาร์คได้ก็มีแค่น้องแอลโจผู้น่ารักเท่านั้นแหละ เออ ผู้ชายคนแรก พอได้กันแล้วงานกูก็มาเลยห่า เพิ่งรู้ว่าน้องมีผัวแล้วเกือบได้แดกตีนเด็กโรงเรียนรัฐ
“งั้นข้อสี่”
“แบคฮยอนควรสนใจแต่หลานอย่างกูคนเดียว”
“เอาล่ะครับ แสงพร้อมนะ ซีนสามเทคสอง แอคชั่น!”
ชายหญิงคู่หนึ่งยืนกางร่มอยู่ท่ามกลางสายฝนที่ถูกฉีดมาจากรถทางด้านข้าง ท่ามกลางความเงียบ มีเพียงแค่เสียงหยดน้ำที่ร่วงลงบนพื้นซีเมนต์ซ้ำ ๆ นับครั้งไม่ถ้วน ชายหนุ่มมองเข้าไปยังนัยน์ตาของหญิงสาวกำลังน้ำตาคลอหน่วง
“ฉันท้องกับเขา”
“...”
“เด็กในท้องไม่ใช่ลูกของคุณ...อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก” พูดจบเธอก็เดินหนีออกจากตรงนั้น แต่ยังไม่ทันได้ก้าวออกไปไกลแขนเล็กก็ถูกดึงเอาไว้ก่อนที่ชายหนุ่มจะรั้งร่างของเธอเข้ามาประกบจูบ
ร่มทั้งสองคันตกลงบนพื้น ตอนนี้ไม่มีใครห่วงว่าจะต้องเปียกปอนเพราะมีสิ่งที่สำคัญมากกว่า เปลือกตาบางค่อย ๆ ปิดลง หัวใจของเธอเหนื่อยล้าเหลือเกินกับการที่ต้องวิ่งหนีความรู้สึกตัวเอง มือเล็กเอื้อมขึ้นมาโอบกอดคนตัวสูงและแลกจูบกันอย่างดูดดื่ม
“คัททททททททททททททท!!”
เซฮุนผละตัวออกทันทีพร้อมกับเหลือกตามองหญิงสาวที่กำลังจ้องหน้าเขาอยู่ สีหน้าของเธอเหมือนคนกำลังจะหัวเราะออกมา
“อุ้ย โอป้าทาลิปด้วยเหรอคะ” ฮยอนอายิ้มก่อนจะหันหน้าเข้าหาสไตล์ลิสต์ที่เข้ามาช่วยซับน้ำออกจากเผ้าผมและใบหน้า ส่วนเซฮุนก็เช่นกัน
“ก็จากปากเธอนั่นแหละ”
“ว้าว~ เขินจัง” หญิงสาวกลอกตามองคนข้าง ๆ ที่กำลังเบ้ปากใส่ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มอ่อนโยนทันทีที่ได้ยินเสียงกรีดร้องของเหล่าแฟนคลับที่ตามมาให้กำลังใจถึงที่นี่อย่างล้นหลาม “เพิ่งรู้ว่าโอป้าเล่นลิ้นเก่ง” ฮยอนอารับผ้าขนหนูมาจากมือผู้จัดการส่วนตัวก่อนจะช่วยซับหน้าให้ดาราหนุ่ม มันคือการสร้างกระแสที่ทั้งคู่ต่างก็รู้ดีและมันได้ผลอยู่เสมอ
“คิดว่าฉันอยากเล่นว่างั้น เพราะฉันเอาปากราคาเป็นล้านไปถูกับปากของเธอเฉย ๆ ไงเราเลยต้องถ่ายทำฉากนี้อีกรอบ” ได้ยินเซฮุนบ่นพร้อมกับท่าเอามือถู ๆ กันประกอบ
มินซอกมองทั้งคู่ที่กำลังลับฝีปากกันอย่างเมามันส์ขณะที่เขากำลังช่วยเช็ดเผ้าผมให้กับเซฮุน ใครจะรู้ว่าเบื้องหลังคู่ขวัญที่ติ่งอยากให้เป็นแฟนกันมีสภาพไม่กินเส้นกันสุด ๆ แบบนี้
“ร้อนแรงดีออก”
“ร้อนมากก็ไปโดดน้ำ สระอยู่ตรงนั้น” พูดจบก็ผินหน้าไปทางแม่น้ำฮัน ฮยอนอาหัวเราะร่าแล้วเอนหัวไปซบไหล่ไอดอลหนุ่มที่กำลังทำหน้าเซ็งสุดขีด ถ้านี่ไม่ใช่เรื่องงานเขาคงจะผลักยัยนี่ออกไปไกลถึงขั้วโลกใต้ข้อหาเป็นหญิงสาวผู้เป็นที่รักของไอ้จงอินแน่ ๆ
“ฉันสวยขนาดนี้ยังไม่สนใจอีกเหรอ หรือว่าโอป้าเป็นเกย์”
“สาเหตุที่ฉันเป็นก็เพราะมีผู้หญิงอย่างเธออยู่บนโลกนี่แหละ”
“เจ็บแต่จบส์”
“เอาหัวออกไปได้ละ”
“เดี๋ยวสิ ฉันหนาวนะ”
“หนาวก็รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้า วันนี้ถ่ายจบแล้ว เราเลิกกัน” เซฮุนหันไปบ่นก่อนจะผลักหัวฮยอนอาเบา ๆ หญิงสาวแกล้งลูบเหม่งป้อย ๆ พร้อมกับปั้นหน้างอ เรียกเสียงกรี๊ดจากเหล่าแฟนคลับยิ่งกว่าเดิม
“ไปก็ได้” เธอเดินอ้อมไปหยุดอยู่ข้างหลังเซฮุนก่อนจะกรีดนิ้วลูบมือไปตามต้นคอพร้อมกับโน้มหน้าลงไปกระซิบข้างหูเบา ๆ “เจอกันอาทิตย์หน้านะคะที่รัก”
“ไป๊”
“เซฮุนโอป้าเป็นของฉันนะคะ!!”
เสียงแหลม ๆ ที่ตะโกนบอกเหล่าแฟนคลับนั้นทำให้โอเซฮุนหงิดอย่างบอกไม่ถูก มีบางกลุ่มที่ฟินจนตัวแตก และมีบางกลุ่มที่ตะโกนด่าพร้อมกับชูป้ายไฟแอนตี้แฟนใส่ ตอนนี้ผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่าเป็นมารหัวใจเดินหายไปแล้ว และมันก็ดีมากที่เขาจะไม่ต้องทนฝืนเซอร์วิสกับเธอต่อ
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด!!!”
เสียงหวีดร้องของเหล่าแฟนคลับไม่ต่างอะไรจากวัวโดนเชือด ผู้หญิงตัวเล็ก ผอมแห้ง ไปจนถึงอ้วนทุ้ยยืนเบียดเสียดกันเพื่อดูการถ่ายทำละครในฉากเลิฟซีนของคู่พระนาง บางคนโบกป้ายชื่อ บางคนโบกฟิวเจอร์บอร์ด แต่เหนือสิ่งอื่นใด คิมจงอินต้องเฟดตัวออกมาจากฝูงไฮยีน่าก่อนที่จะโดนรุมเหยียบตายไปซะก่อน
ชายหนุ่มยืนหอบแดก เขาใช้เวลาประมาณครึ่งนาทีไปกับการโกยอากาศเข้าปอด โชคดีที่เอายาดมมาด้วยไม่งั้นกูต้องนอนตายเป็นวิญญาณหมาอยู่ตรงนั้นแน่นอน ความรู้สึกตอนกลิ่นเหม็นเปรี้ยวลอยเข้าจมูกนี่เหมือนตายทั้งเป็น วูบหนึ่งคิมจงอินแอบเห็นปู่กับย่าที่จากไปแล้วโบกมือเรียกอยู่ไหว ๆ
เสียงกรี๊ดของเหล่าแฟนคลับยังคงกรอกเข้าหูอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้จงอินยืนดูรูปพรีวิวอยู่ข้างหลังตามลำพัง กดสไลด์ดูรูปที่สวยที่สุดแล้วก็ชอกช้ำระกำใจ ตอนนี้เขาไม่รู้ว่าจะต้องเจ็บกับเรื่องไหนก่อนระหว่างน้องฮยอนอาคนดีของพี่ที่เพิ่งถูกจูบ หรือว่าจะหึงที่ไอ้เชี่ยพระเอกสุดหล่อขวัญใจติ่งทั้งแผ่นดินที่เสือกดูดปากผู้หญิงอื่นต่อหน้าเขาได้อย่างหน้าตาเฉย แต่ผู้หญิงอื่นที่ว่าก็เป็นไอดอลสาวที่กูประทับใจมาตั้งแต่น้องเพิ่งเดบิ๊วท์นั่นแหละ
ทำไมโลกต้องทำร้ายคิมจงอินได้ถึงเพียงนี้ ชาติที่แล้วกูไปสร้างบุญสร้างกรรมกับใครไว้ทำไมต้องมาเจอเรื่องราวบาดใจจนทำให้ชีพจรเต้นแผ่วลงเข้าไปทุกที ๆ ถึงจะบอกกับตัวเองว่ามันเป็นแค่ละคร ทั้งไอ้ที่รักฮุนจ๋ากับน้องฮยอนอายอดใจต่างก็ทำไปเพราะงานแท้ ๆ มันอาจจะผิดที่เขาที่ทำใจรับไม่ได้เอง แม่งเศร้า
จงอินถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนแล้วก็หยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาถ่ายรูปพรีวิวเพื่ออัพลงทวิตเตอร์ แต่จะลงเพียว ๆ ก็ไม่ได้ทุกสิ่งอันบนโลกโซเชียลต้องแปะเครดิตก่อนที่รูปของเขาจะกลายไปเป็นของคนอื่น พวกชุบมือเปิบมันเยอะ ไม่ลำบากมาติ่งเหมือนกูใครจะเข้าใจว่าเรื่องเครดิตมันละเอียดอ่อนมาก
“พี่คะ”
“...จ๋า?” จงอินหันไปข้างหลังตามเสียงเรียกพร้อมกับเลิกคิ้วมองเด็กสาวในชุดนักเรียนม.ปลาย หน้าตาน่ารักใช่ย่อยที่ไหนล่ะ มาแบบนี้คงไม่พ้นขอเบอร์สินะ แอบมองพี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ถึงได้รวบรวมความกล้ามาทักได้ นี่เพิ่งรู้ตัวเลยนะว่าเป็นสเป็คเด็กมัธยม
เด็กสาวมองอีกฝ่ายตาปริบ ๆ เธออมยิ้มเล็กน้อยก่อนจะลดระดับสายตาลงมองกล้องในมือหนา จงอินยังคงยิ้มอย่างผู้ชายขี้อ่อยที่อดอยากปากแห้งจากสตรีเพศมานานเกินครึ่งชีวิต ใช่ว่าอยากจะนอกใจฮุนจ๋าที่รักหรอกนะครับ แต่ผู้ชายมันก็ต้องมีนอกลู่นอกทางกันบ้างนิดนึง
“พี่คือแอดมินคาอิเหรอคะ?”
เพล๊งงงงงงงงงง!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
หวอ ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!!!!!!!!!!!
‘Fire in the Hole!!!’
‘Cover me!!’
‘Enemy spotted!’
รันนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน!!!!!!!!!!!!!!!!
รู้สึกเหมือนยืนอยู่กลางสนามรบทันทีที่ได้ยินประโยคนี้จากน้องนางที่เข้ามาทักทาย เสียงไซเรน เสียงทหารในเกมแบทเทิลฟิลด์กับเสียงตำรวจในเคาน์เตอร์สไตร์คลอยเข้าหูไม่ได้ขาด เสียงระเบิดตู้มต้าม เสียงแหกปากร้องขอชีวิต ไปจนถึงเสียงลมหายใจกระเส่าของคิมจงอินผู้นี้หลังจากถูกจับได้...
“อะไรนะ?” จงอินเลิกคิ้วมองคนตรงหน้าที่ยังคงยืนจ้องเขาระหว่างรอคำตอบ “อ๋อไม่”
“เอ๋?”
“ใช่ ๆ คาอิ...เอ่อ...หมายถึงว่าคาอิจังเนี่ยเป็นน้องสาวของพี่เองครับ คือพี่ไม่ใช่คาอิจังจริง ๆ นะ ผู้ชายที่ไหนจะมาตามติ่งไอดอลชายด้วยกันล่ะโธ่ ถ้าเป็นน้องฮยอนอาก็ว่าไปอย่าง ประเด็นคือวันนี้เซฮุนไม่สบายไง ไม่สิ ไม่ใช่เซฮุน พี่จะบอกว่าคาอิจังไม่สบายพี่ก็เลยต้องมาถ่ายรูปให้น่ะ” จงอินหัวเราะอย่างกับว่าเรื่องนี้มันตลกโคตร ๆ เด็กสาวยืนนิ่ง เธอยิ้มแห้ง ๆ ทั้งที่คิ้วทั้งสองข้างยังขมวดเข้าหากันอยู่
“แต่เมื่อชั่วโมงที่แล้วคาอิจังเพิ่งอัพรูปตอนกองถ่ายกำลังจัดฉากนี่คะ?”
“อ๋อใช่ คาอิจังเพิ่งไม่สบายหลังจากอัพรูปนั้นไปน่ะ ดูสิลมแรงแบบนี้ น้องสาวของพี่ตัวเล็กนิดเดียว โดนลมหน่อยก็ป่วยได้แล้ว พี่เพิ่งไปส่งขึ้นแท็กซี่กลับบ้านเอง อืม...นั่นแหละ” รู้สึกได้ถึงเหงือกที่กำลังแห้งเพราะเขาเอาแต่ยิ้มให้คนตรงหน้า อย่าถามถึงเหงื่อครับ ไหลอาบมาถึงคางประหนึ่งน้ำตกไนแองการ่ามาเอง
“น่าเสียดายจังเลย หนูอุตส่าห์โดดเรียน คิดว่าจะได้เจอแอดมินซะอีก”
“ไว้เจอวันหลังดีกว่าเนอะ” จงอินตบบ่าอีกฝ่ายปุ ๆ แล้วรีบชักมือกลับ วินาทีนี้ข้าจะไม่อยู่ต่อแล้ว การหนีทหารอาจจะเป็นทางดีที่สุด
ชายหนุ่มค่อย ๆ ก้าวถอยหลัง จังหวะนี้ต้องตีฉากเดินหนีออกไปเนียน ๆ แบบที่คนฉลาดเขาทำกัน ไม่ต้องล่ำลาอะไรทั้งนั้นแหละครับ สงสัยอะไรส่งข้อความลับไปถามอีคาอิจังแล้วกัน ตอนนี้กูไม่พร้อมมมมมม
“พี่คะ!”
“จ้าาาาาาาา” จงอินม้วนตัวกลับพร้อมร้อยยิ้มพิมพ์ใจ น้องจะรั้งพี่ไว้ทำไมครับ ถ้าไม่ขอเบอร์ ไม่จีบก็ปล่อยพี่ไปเถิด
“แล้วพี่ก็อัพรูปที่ถ่ายมาได้แทนคาอิจังเหรอคะ? เมื่อกี้หนูเห็น” นั่น ยังจะตาดีอีกนะควั้ฟ
“ประมาณนั้นเลยค่ะ พอเห็นความตั้งใจของคาอิจังที่มีต่อบ้าน Oh Yes Sehun แล้วพี่ก็ประทับใจ เรื่องแค่นี้พี่ไม่ลำบากหรอก”
“คาอิโชคดีจังที่มีพี่ชายแบบพี่ รู้ไหมคะว่าพี่ชายของหนูเอาแต่ด่าเรื่องชอบเซฮุนโอป้า ด่าว่าเป็นติ่งเอาเงินไปบำเรอให้พวกดารา เฮ้อ เขาไม่เข้าใจหนูเลย” เด็กสาวถอนหายใจ “แล้วพี่ไม่ไปเรียนเหรอคะ หรือว่าทำงานแล้ว” เด็กสาวกระชับกระเป๋าเป้สีเหลืองที่สะพายอยู่ จงอินยิ้มแห้งอีกแล้วครับ งานของกูก็คือติ่งเมียตัวเองนี่ไงฟ์
“พี่เรียนจบแล้วน่ะ”
“ว้าว พี่เรียนจบอะไรมาเหรอคะ” นี่ก็ถามอะไรเยอะแยะ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
“พี่จบครูโสตค่ะ โสด โสด อย่างผมแล้วใครจะทนไหวเล่า~” เอาละครับชั่วโมงนี้กูสามารถแถได้เป็นเพลง นี่เหลือแรปกับเต้นท่อนโซโล่นะ มาครับ จะถามอะไรอีก ถามชื่อกูด้วยไหม
“คุยกันมาตั้งนานสองนาน พี่ชื่ออะไรเหรอคะ”
เจ็ททททททททททททททททททททททท!!!
“พี่ชื่อคา....ไอ....ไค...ค่ะ พี่ชื่อไค หมายถึงชื่อญี่ปุ่นนะ แต่ถ้าอยู่เกาหลีต้องคิมจงอินจ้ะ” ร่างหนาหัวเราะกลบเกลื่อน ชื่อไคนี่เอาไว้ให้เซฮุนเรียกคนเดียว แต่คงไม่เป็นไรหรอกมั้งเพราะเขาคงไม่ได้เจอเด็กคนนี้อีกละ
“เท่จังเลยอ่ะมีสองชื่อ แล้วคาอิจังไม่มีชื่อเกาหลีบ้างเหรอคะ? หนูน่ะชอบน้องสาวของพี่มากเลยนะ เด็กอะไรเก๊งเก่ง ทั้งแต่งรูป ทั้งจัดการเรื่องโฟโต้บุ้ค” เธอยิ้มขณะนึกไปถึงเด็กสาวคนหนึ่งที่ไม่มีตัวตนบนโลกไปนี้ พี่ขอโทษนะคร๊ะ TT_TT
“คาอิไม่มีชื่อเกาหลีหรอก...”
“น่าเสียดายจัง” เธอแก้มพองลมเล็กน้อย
“นี่ไม่ไปดูเซฮุนเหรอ เมื่อกี้เพิ่งผ่านฉากเปียกฝนกำลังหล่อเลยนะ รีบไปเร็ว” จงอินชี้ไปทางแฟนคลับเหยียบห้าสิบคนที่ยืนอออยู่ตรงนั้น
“ค่ะ หนูจะรีบไปเดี๋ยวนี้เลย” เด็กสาวยิ้มขณะมองหน้าอีกคน “ถึงพี่จะไม่ได้ถามก็เถอะ แต่หนูชื่อซนนาอึนนะคะ”
“อ๋อนาอึน อึนนา~ อันนา เลทอิทโก” ลนจนมั่วไปหมดละครับ ถ้าไอ้เตี้ยแบคฮยอนอยู่ตรงนี้คงโดนล้อยันชาติหน้า
“ค่ะ~ แล้วเจอกันใหม่นะคะ” เธออมยิ้ม ท่าทีแบบนี้มีแต่ไก่อ่อนเท่านั้นแหละที่จะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังเขินอยู่ จงอินโบกมือให้ เจอกันใหม่อะไรครั้ฟ คราวหน้ากูไม่พลาดให้ใครเห็นอีกแล้ว
จงอินหันหลังกลับอย่างโล่งอก โชคดีที่เด็กคนนั้นไม่ขี้จับผิดจนเกินไปไม่อย่างนั้นอนาคตอีคาอิจังดับอนาจแน่ไม่ต้องสืบ ที่เหลือก็แค่ไปทอแรในเวปบอร์ดเท่านั้น แต่บางทีอาจจะไม่ต้องก็ได้ น้องนาอึนคงไม่ขี้เสือกขนาดไปตามถามถึงพี่ชายกรัง ๆ ที่มาถ่ายรูปแทนน้องสาวในบางครั้งหรอก
ตอนนี้ก็ว่างแล้ว ว่างเหมือนกระเพาะกูเลยค่ะ คาอิจังเหนื่อยมากกับการต้องถ่ายรูปบาดตาบาดใจ คิดว่าควรจะไปหาอะไรแดกเพื่อดับอารมณ์เศร้าสักหน่อย ราเมงดีไหม หรือข้าวแกงกะหรี่ดี
“พี่จงอินคะ!!”
อะไรอี๊กกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
“ถ้าหนูขอไลน์พี่...จะรบกวนเกินไปหรือเปล่าคะ?”
TBC
เอาละมึงเอ้ย เกือบความแตกแล้วไหมล่ะคาอิจัง นี่มีสาวมาขอไลน์อีก จะให้หรือไม่ให้ล่ะ *เห็นเงามืดไอดอลลาง ๆ*
ใครรอฉากน้าหลานเจอกันตอนต่อไป ขอบคุณทุกคนที่ยังไม่ลืมเรื่องนี้ ขอบคุณที่เมนท์เป็นกำลังใจให้นะคะ <3
#มนุษย์ชานยอล
ความคิดเห็น