คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : CHAPTER 08 :: ซวยแค่ไหนถามใจพี่ดู
CHAPTER 08
ซวยแค่ไหนถามใจพี่ดู
“ยังไม่นอนอีกเหรอม๊า”
“ละคองยังไม่จบเลย หิวข้าวไหมล่ะ ม๊าเก็บไว้ในตู้เย็นนะ”
“ป๋ายเซียนมันโทรบอกยังว่าจะไปค้างบ้านเพื่อน”
“เรียบร้อย น้องมีอะไรก็บอกอั๊วะตลอกแหละ ไม่เหมืองลื้อ ชอบออกนอกลู่นอกทาง”
แบคฮยอนปั้นหน้ากวนพร้อมไหวไหล่อย่างไม่ยี่หระ ก่อนจะพาร่างพัง ๆ ขึ้นไปบนห้อง สองขาหยุดยืนอยู่กับที่เมื่อเข้ามาถึง พร้อมสายตาที่มองไปยังเตียงฝาแฝดซึ่งยังถูกคลุมไว้ด้วยผ้าห่มเหมือนตอนเช้า โต๊ะวางโมเดลที่ยังประกอบไม่เสร็จยังคงค้างเติ่งไว้อย่างนั้นโดยไม่มีใครก้มหน้าก้มตาเคร่งเครียดอยู่กับมันจนดึกดื่น
เขาละทิ้งความสนใจเรื่องน้องชายที่ทำให้ปวดหัวทุกครั้งเมื่อนึกถึงแล้วคว้าผ้าขนหนูเข้าไปอาบน้ำ ใช้เวลาผ่านคลายความเหน็ดเหนื่อยจากการเรียนและประชุมเรื่องกีฬาเฟรชชี่ไปสิบห้านาที ร่างที่มีเพียงผ้าขนหนูรอบเอวก็เดินออกมาพร้อมยีกลุ่มผมเปียกชุ่มไปด้วยน้ำ
แบคฮยอนมองนาฬิกาบนผนัง ห้าทุ่มคงไม่ใช่เวลาที่ควรใส่ใจหลังจากรู้แล้วว่าวันนี้ใครอีกคนคงไม่กลับบ้าน และเขาควรเลิกคิดเรื่องน้องชายฝาแฝดที่เพิ่งทะเลาะกันไปเมื่อตอนค่ำได้แล้ว
จะไปนอนบ้านคนอื่นก็ไม่ว่าหรอก แต่มันเสือกโกหกจนเขาจับได้เองทำไม ป๋ายเซียนยอมรับอย่างไม่เต็มใจว่าคืนนี้จะค้างกับปาร์คชานยอล ซึ่งมันเป็นคำตอบอย่างชัดเจนในวินาทีนั้นแล้วน้องชายฝาแฝดคิดจะแข็งข้อกับเขา
บทสนทนาที่ทำให้หัวเสียจนไม่อยากพูดห่าเหวอะไร ชอบมันมากเลยสินะไอ้คนเฮงซวยที่ดีแต่บ้าบอไปวัน ๆ อีกทั้งยังทำให้เพื่อนเสียใจน่ะ ป๋ายเซียนมันจริงจังกับความรักครั้งนี้มากแค่ไหน ต้องให้เขาตะโกนบอกไหมว่าที่รู้สึกกับมันก็แค่ความเหงา
บยอนแบคฮยอนไม่เคยขัดขวางถ้าน้องจะรักใคร แต่ก็ช่วยเลือกคนที่ไม่ทำให้ต้องเป็นกังวลไม่ได้เหรอวะ
สวมชุดนอนเรียบร้อยแล้วเดินไปหยุดอยู่ตรงกลางห้องที่มีชั้นหนังสือคั่นอยู่ ภาพตอนยังเป็นเด็กประถมลอยเข้ามาในความคิด เมื่อครั้งหนึ่งเราอ่านหนังสือจนเป็นบ้าเป็นหลังเพื่อแข่งกันสอบให้ได้ที่หนึ่งเอาใจพ่อกับแม่ ซึ่งเขาเลือกที่จะทำผิดหลายข้อเพื่อให้น้องชนะ
ป๋ายเซียนไม่ใช่คนเอาแต่ใจ ส่วนแบคฮยอนก็ไม่ใช่คนเผด็จการทุกเรื่อง คนตัวเล็กมองหนังสือที่สับหว่างกันทุกเล่ม ด้านที่มองเห็นสันหนังสือนั้นเป็นของเขา ส่วนที่มองเห็นกระดาษสีขาวคือของป๋ายเซียน แบคฮยอนถอนหายใจอีกครั้ง ไอ้น้องตัวดีมันไม่คิดเลยหรือไงว่าพี่ชายอย่างเขาจะหลับไม่ลงหลังจากรู้ว่ากระต่ายไปอยู่ในกรงเสือ
ไหนจะโมเดลโง่ ๆ ที่มันยังทำไม่เสร็จอีก ก่อนหน้านี้เห็นนั่งเผางานยันเช้าเพราะต้องรีบส่ง แล้วคนที่ช่วยทำให้มันเป็นรูปเป็นร่าง เก็บกวาดซากกระดาษ เศษไม้ก็คือเขาคนนี้ไม่ใช่เหรอวะ พอมีความรักแล้วก็เทการเรียนเลยใช่ไหม ไอ้เด็กใจแตก!
แบคฮยอนง้างมือขึ้นขยับปากบ่น อยากระบายอารมณ์ด้วยการพังโมเดลแต่สิ่งที่ทำได้ก็คือหยิบมือถือขึ้นมา แล้วกดส่งข้อความไปขู่น้องเหมือนอย่างเคย
‘นอนคือนอน ถ้ายอมให้มันทำเกินเลยกว่านั้น... รับรองได้เลยว่าคืนนี้มึงจะได้เห็นหน้าปาร์คชานยอลเป็นครั้งสุดท้าย’
ความถูกต้องของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บยอนแบคฮยอนจะเป็นคนร้ายกาจอย่างนี้ดีกว่าต้องทนเห็นน้องเสียใจ
“ขอโทษที่ให้รอนะ พอดีต้องส่งรูปไปเหยียบให้ไอ้เซฮุนเห็นว่าตอนป๋ายอยู่ในชุดของเรามันยอดเยี่ยมกระเทียมดองแค่ไหน”
ป๋ายเซียนหลุดขำ พลางนึกไปถึงเมื่อตอนหัวค่ำกับการลองชุดที่ชานยอลเป็นคนออกแบบ ผู้ชายคนนี้บ้านรวยกว่าที่คิดไว้เสียอีก สำหรับคนเรียนแฟชั่นดีไซน์ การมีกล้องโปรแพง ๆ สักตัวมันก็ไม่น่าจะแปลกเท่ามีห้องว่างโล่ง ๆ ที่ไว้ใช้ถ่ายรูป
ชานยอลบอกว่ายังมีอีกหลายห้องที่ป๋ายเซียนคาดไม่ถึง ยกตัวอย่างเช่นห้องตัดเย็บที่พาเข้าไปดู มันทั้งกว้างและถูกตกแต่งอย่างสวยงาม อีกทั้งอุปกรณ์ที่ครบเครื่อง จนทำให้อดคิดไม่ได้ว่าผู้ชายบ้า ๆ คนนี้ชอบแฟชั่นมากขนาดนี้เลยหรือไง
แต่การลองชุดพร้อมถ่ายรูปวันนี้เป็นแค่การซ้อมเท่านั้น ชานยอลบอกว่าการถ่ายแบบที่แท้จริงต้องจ้างตากล้องที่มีประสบการณ์ ในขณะที่โอเซฮุนทำได้แค่จ้างเด็กนิเทศศิลป์ปีหนึ่งผู้อ่อนด้อยมาถ่ายให้
หลังจากกินข้าวเสร็จ ป๋ายเซียนก็ยิงคำถามออกไปเพราะความใคร่รู้ แต่สิ่งหนึ่งที่เขาได้รู้กลับไม่ใช่คำตอบ แต่มันคือความลับที่ชานยอลเลี่ยงจะพูดถึง โดยการอ้างแบบติดตลกเหมือนอย่างเคยว่า ‘ไปดูห้องน้ำห้องเราไหม?’
“เราชอบชุดของชานยอลนะ”
“สวยใช่ไหมล่ะ” พูดจบก็แทรกตัวเข้ามาในผ้าห่มผืนเดียวกับคนตัวเล็ก
“เราว่าชุดของชานยอลกับเซฮุนต้องเข้าตาอาจารย์ทั้งคู่แน่ ๆ” พอเป็นเรื่องของคู่กัดทีไร ผู้ชายคนนี้ก็ดูไม่ชอบใจทุกที
ทั้งคู่นอนจ้องตากันในห้องกว้างซึ่งมีโคมไฟสีอ่อน ๆ ตรงหัวเตียงที่ให้แสงสว่าง ชานยอลบอกว่ามันเป็นไฟโรแมนติก และมันก็ใช่จริง ๆ เพราะตอนผู้ชายคนนี้อยู่ในชุดนอน ไม่เซ็ทผมและใส่แว่นกรองแสงคอมพิวเตอร์ มันทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายกับลุคธรรมดาที่ให้ความรู้สึกว่าจับต้องได้
“ถ้าวันหนึ่งชานยอลมีแบรนด์เป็นของตัวเอง เราคงภูมิใจมากเลยอะ”
“คนอัจฉริยะก็อย่างนี้ล่ะนะ แต่ป๋ายเซียนคงได้รออีกไม่นาน เพราะอีกเดี๋ยวเดียววันนั้นก็จะมาถึงแล้ว” คนตัวเล็กยิ้มขำก่อนจะดึงแก้มคนขี้โม้ให้ยืดออก ชานยอลขมวดคิ้วพลางหลุบตามองมืออีกคน คว้าหมับเข้าทันทีแล้วจุ๊บลงไปเบา ๆ ทำเอาคนที่กำลังหัวเราะชะงักไป
“...”
“เขินเหรอ”
ป๋ายเซียนเม้มปากพลางส่ายหน้าปฏิเสธ พักหลังเขาเริ่มจะต่อสู้ชานยอลไม่ไหวแล้ว ทั้งที่เมื่อก่อนสามารถสวมบทก๋ากั่นเป็นพี่ชายฝาแฝดได้อย่างสบายแท้ ๆ แฟนก็เคยมี จูบก็ไม่ใช่ครั้งแรกสักหน่อย แต่ทำไมพอเป็นคน ๆ นี้ถึงได้มีเอฟเฟ็คในทุก ๆ เรื่องกันนะ?
“ถ้าเราบอกว่าเขิน มันจะตลกหรือเปล่า?” คนถูกถามกลอกตาราวกับว่าต้องใช้ความคิด คนตัวสูงยิ้มพร้อมส่ายหัว ก่อนจะนิ่วหน้าเพราะถูกชกอกเบา ๆ “ชานยอลจะขำอะ”
“อะไรกันดาร์ลิงค์ ฉันแค่ยิ้มเล็ก ๆ ให้ดูอ่อนโยนเหมือนพระเอกละครต่างหาก” ชายหนุ่มจ้องหน้าคนตัวเล็กระหว่างรอดูท่าที ก่อนจะเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้ “สรุปเขินจริงเหรอ?”
“อะไรที่เกิดจากชานยอล มันก็ทำให้เรารู้สึกเสมอแหละ รู้ไว้ด้วย”
“Ah… Why are you so sweet, huh?” ชานยอลหรี่ตาพลางบีบจมูกรั้นอย่างมันเขี้ยว อดใจไว้ชานยอลเอ๋ย ยังไม่ใช่ตอนนี้
“ที่ถามอย่างนั้นเพราะบางครั้งเราไม่ค่อยแสดงออกใช่ไหม” ป๋ายเซียนไม่อยากพูดถึงมันนัก แต่อีกใจก็อยากรู้ให้ชัดไปเลยว่าชานยอลชอบเขาหรือว่าแบคฮยอนกันแน่
“งงไปหมดเลย ป๋ายเซียนกำลังพูดถึงอะไรอยู่เอ่ย?” ชายหนุ่มช้อนศีรษะอีกฝ่ายขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะสอดแขนเข้าใต้ท้ายทอยแล้วขยับตัวเข้าไป
“ชอบแบบที่เราเขิน หรือแบบที่กล้าทำในสิ่งคาดไม่ถึงมากกว่ากัน บอกได้หรือเปล่า”
“ป๋ายเซียนกำลังชวนเล่นเกมก่อนเข้าฉากอีโรติกสินะ ถ้าตอบถูกใจต้องถอดทีละชิ้นใช่ไหม Oh Jesus, so excited.”
“บ้าเหรอ ไม่มีการเล่นเกมอะไรทั้งนั้นแหละ เราใส่แค่เชิ้ตกับกางเกงในตัวเดียวเองอะ แล้วทุกอย่างก็เป็นของที่ชานยอลหาให้” ถึงกางเกงในจะเป็นตัวใหม่ก็เถอะ
“HOW TO SEXY BY BOXIAN” พูดจบก็กระชากผ้าห่มลงอย่างแรง พร้อมหลุบตามองขาขาวอย่างรู้พิกัดจนคนตัวเล็กงอตัวเป็นกุ้งเพราะความอาย เขาเห็นว่าป๋ายเซียนรีบเอามือบัง แต่ก็หลบสายตาอันเฉียบคมของเขาไม่ได้อยู่ดี
“ชานยอลอะ”
“ขึ้นเลยเนี่ย ถึงกับขึ้นเลย” ชานยอลยังไม่หยุดทะลึ่ง ป๋ายเซียนจึงฟาดมือลงบนแขนแกร่งแรง ๆ แก้เขิน พอจะชวนคุยเรื่องจริงจังทีไรก็วกมาลามกทุกทีเลย
“เราจริงจังนะ”
“เราก็จริงจังเหมือนกัน ไม่เชื่อลองจับดูได้” มันพร้อมผงาดออกมาดูโลกแล้วขอแค่ที่รักพูดออกมาคำเดียวเท่านั้น
“โธ่ชานยอล ไม่ใช่ตรงนั้นสักหน่อยอะ” ป๋ายเซียนมองเป้ากางเกงอีกคนที่มันกำลังตุง เห็นแล้วก็อ่อนใจเหลือเกิน
“เวลาเที่ยงคืนแบบนี้มันยังมีเรื่องไหนควรใส่ใจมากกว่าการแก้ผ้าอีกเหรอคนดี” ชานยอลขมวดคิ้ว ก่อนจะถอดแว่นวางไว้บนโต๊ะข้างเตียงแถมปลดกระดุมเม็ดบนสุดออก
ป๋ายเซียนเม้มริมฝีปากแล้วเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะช้อนตามองคนตัวโตหลังจากเตรียมใจไว้แล้วว่าวันนี้เขาอาจจะทำในสิ่งที่พี่ชายไม่อยากให้เกิดขึ้น แน่นอนว่าคนตัวเล็กเห็นข้อความข่มขู่แล้ว แต่ป๋ายเซียนคิดว่าเขารู้จักแบคฮยอนดี... ดีมากกว่าใคร
“Wow...” มีแค่สายตาที่หลุบมองขาขาวที่กำลังยกขึ้นเกี่ยวเอวของเขา ชานยอลเลียริมฝีปากกับความวาบหวิวที่เกิดขึ้นอีกครั้งหลังจากเห็นป๋ายเซียนอมทุกข์มาตลอดทั้งวัน
คนตัวเล็กตวัดรั้งท้ายทอยแกร่งเข้ามาใกล้จนปลายจมูกชนกันในที่สุด เขารู้ว่าชานยอลกำลังตื่นเต้นกับสถานการณ์ในตอนนี้ ซึ่งมันทำให้เขาทั้งรู้สึกดีและรู้สึกแย่ไปพร้อม ๆ กัน
ทั้งที่เขาคือบยอนป๋ายเซียนตัวจริง แต่กลับต้องพยายามเป็นบยอนแบคฮยอน
“ถ้าเราทำผิด ชานยอลจะให้อภัยเราได้หรือเปล่า?” คนถูกถามไม่ตอบในทันที ชานยอลนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มออกมาเพื่อไม่ให้บรรยากาศมันตึงเครียดเกินไป
“ก็ต้องดูก่อนว่าเรื่องนั้นมันทำร้ายเรามากแค่ไหน ทำไมครับ ป๋ายเซียนกำลังโกหกเราอยู่เหรอหืม?”
CUT
(WELCOME TO MALINWORLD)
การกระทำทุกอย่างสิ้นสุดลงหลังจากได้คำตอบ ป๋ายเซียนเห็นว่าสีหน้าของอีกฝ่ายนิ่งไป ก่อนจะหัวเราะออกมาเบา ๆ ซึ่งต่างไปจากที่เคยเห็นอย่างสิ้นเชิง จากที่เคยหัวเราะเพราะหลงตัวเอง มันเปลี่ยนไปเป็นการแค่นหัวเราะราวกับว่าคำพูดของเขามันไร้สาระเต็มกลืน
“ไม่มีใครเปลี่ยนใครได้ นอกจากตัวเขาเอง”
“...”
“อย่าคิดที่จะเปลี่ยนใคร” คนตัวสูงเว้นจังหวะไปครู่หนึ่ง ก่อนจะช้อนแขนเข้าใต้ขาพับพร้อมยกขึ้นจนสะโพกมนลอยทับหน้าขาแกร่ง ป๋ายเซียนเบิกตากว้าง สีหน้าและการกระทำของชานยอลตอนนี้มัน... น่ากลัว
“ชาน--”
ทุกอย่างสิ้นสุดลงทั้งที่ยังเอ่ยชื่อไม่จบเลยด้วยซ้ำ ป๋ายเซียนปล่อยให้อีกฝ่ายช้อนร่างลงจากหน้าขาแกร่งอย่างไม่เข้าใจ ผู้ชายที่แสดงออกว่าหื่นกามทุกครั้งเวลาสัมผัสเขาได้เปลี่ยนไปราวกับว่าเป็นคนละคน
“กลับบ้านไหม เดี๋ยวเราไปส่ง”
คนตัวเล็กไม่รู้ว่าพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า ชานยอลถึงแสดงออกอย่างนี้ ทั้งคู่สบตากันท่ามกลางความเงียบ ก่อนที่ป๋ายเซียนจะได้รับรางวัลเป็นความว่างเปล่าหลังจากพยายามวิ่งหาความรัก
ชานยอลกำลังใส่เสื้อผ้า หากมองจากตรงนี้แผ่นหลังกว้างที่เคยซบอย่างออดอ้อนกลับน่าใจหายขึ้นมาอย่างน่าประหลาด คนตัวเล็กลุกขึ้นติดกระดุม เขาไม่กล้ามองหน้าชานยอลอีกแล้วไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด วันนี้บยอนป๋ายเซียนหน้าชาไปถึงสองครั้งกับผู้ชายสองคน
“ชานยอลโกรธเราเหรอ”
“เปล่า” ชายหนุ่มค่อย ๆ หันไปมองคนตัวเล็ก ที่มองมาอย่างตัดพ้อ ซึ่งมันทำให้เขาสับสนอีกแล้วกับนิสัยใจคอที่เปลี่ยนไปแทบจะทุกครั้งที่เจอกัน จนอดคิดไม่ได้ว่าป๋ายเซียนเป็นไบโพล่าร์หรือเปล่า
ชานยอลเสยผมขึ้น เขาไม่เคยคิดว่าจะออกมาเป็นแบบนี้ทั้งที่ทุกอย่างก็เป็นไปด้วยดีมาตลอด ใช่ หมายถึงก่อนหน้านี้ ยกเว้นวันนี้ที่อยู่ ๆ คนตัวเล็กก็เปิดประเด็นจริงจังขึ้นมา
บยอนป๋ายเซียนเป็นยังไงกันแน่ บางครั้งก็ทำเหมือนจริงจัง แต่บางครั้งก็เหมือนย้ำให้รู้ว่าที่ทำไปทั้งหมดก็แค่เล่น ๆ เหมือนหมาหยอกไก่ จนเขาเองก็กลัวการคิดจริงจังเหมือนกัน แน่นอนว่าเขาชอบคนตัวเล็ก แต่ความสับสนที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่เรื่องตลก ซึ่งปาร์คชานยอลไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้
“เราขอโทษนะ” คนตัวเล็กก้มหน้า เสียงสั่น ๆ ที่ส่งออกมาทำให้คนฟังรู้สึกผิดอยู่ไม่น้อย
“ป๋ายเซียน” ชายหนุ่มย่อตัวนั่งลง พร้อมกุมมือคนตัวเล็กเอาไว้ ยิ่งเห็นไหล่บางที่กำลังสั่นไหวเพราะแรงสะอื้น เขาก็ยิ่งอยากเอาหัวโขกขอบเตียงหัวรู้แล้วรู้รอด
“เราไม่กลับได้ไหม อย่าเย็นชากับเราเลยนะ”
“ไม่ใช่อย่างนั้น...” ชานยอลพูดอย่างอ่อนใจ ป๋ายเซียนกำลังทำให้เขากลัวที่จะตลกแล้ว
“เราแค่ชอบชานยอลมาก อยากจริงจังกับชานยอล ถึงได้พูดอะไรโง่ ๆ อย่างนั้น”
“เรารู้ ไม่ร้องนะครับคนดี” น้ำตาอุ่น ๆ ที่หยดลงบนหลังมือเป็นเหมือนเสียงตะโกนด่าว่า ‘ไอ้ชั่ว แกทำให้คนน่ารักร้องไห้ได้ยังไง?!’ ไม่มีผิด ชานยอลเชยคางมนขึ้นมาให้สบตากัน ก่อนจะไล้น้ำตาออกให้อย่างเบามือ
“เมื่อกี้ตอนที่ชานยอลหันหลังให้... เรากลัวมากเลย”
“...”
“เรารู้สึกว่าถ้าลุกขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเลือกกลับบ้าน วันพรุ่งนี้เราอาจจะไม่ได้เจอชานยอลอีก”
ถ้าบยอนป๋ายเซียนไม่ใช่คนมีสองบุคลิก แววตาที่กำลังมองมาราวกับว่าขอร้องในครั้งนี้จะถือว่าเป็นความจริงได้ไหม? ชานยอลใช้เวลาไปหลายวินาทีกับการชั่งใจ ในความรู้สึกของตัวเองที่ไม่รู้ว่าจะจริงจังหรือปล่อยให้เป็นเหมือนเมื่อก่อนดี
“บอกทีว่าเรากำลังโดนแกล้งอยู่ ชานยอลกำลังกลั้นหัวเราะ แล้วบอกเราว่า ‘สำเร็จแล้ว แกล้งป๋ายเซียนง่ายขนาดนี้เองเหรอเนี่ย เรามันโคตรอัจฉริยะ’”
ชายหนุ่มลุกขึ้นนั่งบนเตียง ยิ้มบาง ๆ ก่อนจะรั้งร่างคนตัวเล็กเข้ามากอดปลอบ ซึ่งป๋ายเซียนก็บดเบียดเข้ามาจนร่างของเราแนบแน่นแทบไม่เหลือช่องว่าง ดูสิ... บทจะขี้อ้อนก็ทำเอาไปไม่ถูกเลย แต่บทจะเซี้ยวก็เล่นเอาหวาดเสียวจนไม่รู้ว่าอันไหนทีเล่นทีจริง
“ถ้าสิ่งที่ป๋ายเซียนได้ยินมามันเป็นเรื่องจริงล่ะ”
“...”
“ถ้าเราเป็นไอ้ขี้เก๊กที่ชอบฟันแล้วทิ้ง ป๋ายเซียนยังมีความคิดที่อยากจะหยุดเราอยู่ไหม?” คนถูกถามนิ่งไป ในอ้อมกอดอุ่น ๆ ของคนที่ใจบอกว่าชอบ ตอนนี้ชานยอลกำลังทำหน้าแบบไหนอยู่นะ อยากรู้จัง “ถ้าวันหนึ่งเรานอกใจไปหาคนอื่น ป๋ายเซียนจะเจ็บมากกว่านี้หรือเปล่า?”
“งั้นก็อย่านอกใจสิ มีแค่เราคนเดียว”
“ป๋ายเซียนจริงจังกับเราเหรอ” ตนตัวเล็กผละออกมาสบตากับคนตัวโตกว่า ไม่มีรอยยิ้มหรือแววตาแพรวพราวที่จ้องจะลวนลามเหมือนทุกครั้ง ตอนนี้ชานยอลเองก็คงจริงจังไม่ต่างจากเขา
“เราคนก่อนอาจจะทำให้คิดว่าไม่... แต่เชื่อเถอะว่าต่อไปนี้ชานยอลจะไม่ได้เห็นบยอนป๋ายเซียนคนนั้นอีกแล้ว”
TBC
จะไม่สปอยล์อะไรทั้งนั้น จะไม่บอกว่าตอนหน้าป๋ายเซียนกลับบ้านไปแล้วจะเห็นหน้าแบคฮยอนเป็นยังไง จะไม่บอกด้วยว่ามีฉากแบคไปถ่ายแบบให้เซฮุน // จริง ๆ อยากเขียนให้เยอะกว่านี้ แต่ตอนนึงมันก็ยาวแล้ว ใจเย็น ๆ กันน้า เราจะพยายามไม่ทิ้งห่างนานไปกว่านี้ แต่ว่าช่วงวัลที่ 10-21 เราไม่อยู่ อาจจะไม่ได้อัพฟิคเลย หรืออาจจะมาอัพบ้าง ยังไงก็อย่าเพิ่งทิ้งกันนะคะ รอก่อนนะ TVT
ฟิคยังไม่จบอย่าเพิ่งนับศพทหาร อะไรที่คิดไปเอง มันอาจจะไม่ใช่ก็ได้ อิอิ
ความคิดเห็น