คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #47 : Season 2 | Painkiller 22 :: Toy (100%)
? cactus
Chapter 22
Toy
หลายคนเกลียดการเปิดเทอม แต่ยกเว้นเด็กหอแรคคูนหลาย
ๆ คนเมื่อโรงเรียนและหอประจำให้ความสุขได้มากกว่าการฝังตัวอยู่ในบ้านกับครอบครัวที่ให้ความสนุกได้ไม่เหมือนเพื่อนบ้า
ๆ บอ ๆ
ใกล้เข้าฤดูหนาวแล้ว นั่นหมายความว่ากีฬาประจำโรงเรียนกำลังจะเริ่มขึ้นในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า
ปีนี้หอแรคคูนกระตือรือร้นกว่าหออื่น ๆ จนน่าประหลาดใจ ทั้งที่ครองแชมป์แพ้ติดต่อกันมาหกสมัยโดยไม่มีใครโค่นได้
จนเด็กหออินทรีย์ที่เป็นตัวเก็งเริ่มกังวล ส่งคนมาสอดส่องดูว่าปีนี้เด็กหอแรคคูนมีทีเด็ดอะไรหรือไม่
ซึ่งเด็กหออินทรีย์ก็ได้รับความผิดหวังกลับไปเมื่อเจอปาร์ตี้แก้วกระดาษกับเศษทิชชู่ที่กระจายอยู่เต็มห้องโถง
“วิ่งแบคฮยอนวิ่ง!!!”
“ฮึบ!!”
ในคาบพละ... ความหวังของหมู่บ้านวิ่งอย่างเอาเป็นเอาตายทันทีที่เหวี่ยงไม้เบสบอลโดนลูกกลม
ๆ ได้อย่างไม่น่าเชื่อ ท่ามกลางเสียงเชียร์ของเพื่อนฝูงที่มีทั้งหัวเราะเยาะย้ำความขาสั้นและเชียร์สุดสะบั้นขาดใจแม้ว่าจะมองเห็นความหวังอันริบหรี่ที่วูบไหวอยู่ไกลตาว่าปาร์คแบคฮยอนจะพาทีมชนะได้
“พนันกันดีกว่า ฉันว่าคนขาสั้นคงวิ่งไปไม่ทันแน่นอน” ชาร์ลมองแฟนตัวน้อยที่ยังคงกัดฟันนิ่วหน้าวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต ลิตเติ้ลโมจิดูไม่อยากแพ้
ดูเอาจริงเอาจังจนคนที่นั่งอยู่ขอบสนามอย่างเขาและจุนมยอนอดขำจนไหล่สั่น
“ฉันไม่อยากทำตัวเหมือนคนอ่านเกมขาด
เอาเป็นว่าถ้ามองในฐานะเพื่อน แบคฮยอนน่าจะสะดุดล้ม เพราะรีบเกินไป”
“ไม่น่ามั้ง เห็นขาสั้น ๆ
อย่างนั้นก็เคยวิ่งตามทันฉันอยู่” จากเหตุการณ์เมื่อหลายวันก่อนที่ความนุ่มนิ่มโมโหจัดกระโดดขึ้นขี่หลังเขา
แม้ว่าความจริงแล้วชาร์ลี ฮอปส์จะแค่เดินช้า ๆ แต่นั่นจะนับให้ก็ได้ว่าขาสั้น ๆ
ของน้องน้อยได้พยายามอย่างสุดความสามารถแล้ว
“เดี๋ยวรู้เลย” สองเพื่อนสนิทนั่งมองอย่างตั้งใจ เพียงครู่เดียวแบคฮยอนก็วิ่งขัดขาตัวเองล้มกลิ้งคลุกฝุ่นก่อนจะถึงเป้าหมาย
เล่นเอาเพื่อน ๆ ต่างผวายกมือปิดปากไปตาม ๆ กัน
“เชี่ย แบคฮยอนโรล”
“ไปเลยแม็กนั่มมมม”
“5555555555555555555555”
“ลุกโว้ย!!!
กูไม่อยากแพ้!!! แบคฮย๊อนนนนนน!!!”
เสียงเพื่อนโห่แซวจนความหวังของหมู่บ้านรีบดีดตัวลุกขึ้นนั่ง
แบคฮยอนสะบัดผมไล่เศษหญ้าแห้งพลางย่นจมูกฟุตฟิตก่อนจะนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ชนะจึงรีบยืน
แต่พอคิดจะเริ่มวิ่งอีกครั้งก็พบว่าสายไปแล้ว
“โหย อะไรอะ!”
“ยังจะมาโหย มึงนี่นะแบคฮยอน!!!”
“ขอโทษ เมื่อกี้ขาเรามันพันกันแหละ”
“เออ พวกกูเห็นแล้ว!!!” คนถูกว่าหัวเราะแหะพลางเกาศีรษะแก้เขิน
“เอามาเลย”
จุนมยอนแบมือรอ คนพนันแพ้จำต้องยื่นกล่องนมกล้วยให้อย่างไม่เต็มใจ ชาร์ลโคตรเบื่อความแม่นของคิมจุนมยอนเลยให้ตาย
แต่นั่นก็ทำให้การนั่งขอบสนามไม่น่าเบื่อ
คนที่เพิ่งหายจากการผ่าตัดได้ไม่นานนั่งอมยิ้มพลางทอดสายตามองเพื่อนแข่งเบสบอลกันในคาบพละ
เจาะหลอดนมกล้วยดื่มพร้อมกันทั้งสองกล่องโดยไม่หันมาแบ่งปันเพื่อนอย่างเขาเลยสักอึกเดียว
“ไม่เข้าไปช่วยหน่อยเหรอ
นั่นแฟนทั้งคนเลยนะ”
“นั่นก็เพื่อนนายเหมือนกัน
ทำไมไม่ไปช่วย”
“จริง ๆ เลย ถ้าฉันเป็นแบคฮยอนคงน้อยใจตายที่มีแฟนแบบนี้” จุนมยอนชำเลืองมองพลางส่ายศีรษะ ก่อนจะหันกลับไปทางคนตัวเล็กในชุดเบสบอลที่ยืนเด๋อ
ๆ อยู่ท่ามกลางเพื่อนตัวสูงทั้งหลาย “ว่าแต่เรื่องพ่อกับแม่แบคฮยอน...
ท่านโอเคกับนายจริง ๆ ใช่ไหม?”
หลังจากได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดเมื่อวาน
วันนี้จุนมยอนจึงถามเพราะเป็นห่วงเพื่อนทั้งสองกับอุปสรรคซึ่งมีผู้ใหญ่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
ชาร์ลีเงียบไป เขาเห็นว่าหมอนั่นนั่งนิ่งขณะจดจ้องทุกการเคลื่อนไหวของแบคฮยอน
มองความสดใสของเพื่อนวัยเด็กที่เปลี่ยนมาเป็นแฟนในวันนี้
“อาแบคฮีช็อก ตอนแรกเธอค่อนข้างรับไม่ได้”
“แล้วตอนนี้ล่ะ?” จุนมยอนเป็นกังวล ถ้าหากฝ่ายแม่ไม่โอเค
เห็นทีว่าชาร์ลีคงต้องพยายามให้มากกว่านี้เพื่อที่จะเอาชนะใจเธอ
“เธอชวนฉันออกไปนั่งร้านกาแฟด้วยกัน
แถมสั่งโกโก้ให้ฉันเหมือนจะย้ำว่า ‘ชาร์ลี
เธอยังเด็กเกินไปสำหรับความรัก’”
“ขนาดเธอไม่ได้พูดนายยังตีความเองขนาดนี้” จุนมยอนยิ้มขำพลางชกไหล่เพื่อนเบา ๆ “ที่ไม่สั่งกาแฟให้
อาจเป็นเพราะว่าเธอคิดว่าความหวานของโกโก้มันเหมาะกับนายมากกว่าก็ได้”
“เออรู้น่า”
เด็กหนุ่มเอนตัวไปข้างหลัง ยันสองมือไว้กับผืนหญ้าก่อนจะหันไปสบตากับเพื่อน “อาแบคฮีคงทำใจไม่ได้ที่ลูกชายคนโตต้องเป็นแบบนี้ ถึงแม้ว่าปากเธอจะบอกว่า ‘อาไม่รังเกียจความรักของเธอสองคน แต่อาขอเวลาหน่อยนะ’”
“แล้วนายตอบไปว่ายังไง?”
ชาร์ลีส่ายศีรษะ “ฉันแค่นั่งฟัง เป็นไง
คนดีใช่ไหมล่ะ?”
“เยี่ยม” จุนมยอนยิ้มพลางยื่นนมกล้วยให้เพื่อนดื่ม
“ฉันไม่อยากมีปัญหา โดยเฉพาะกับพ่อแม่ของแบคฮยอน” นัยน์ตาสีอ่อนจับจ้องน้องน้อยที่พยายามแบกแทอูขึ้นหลังเดินไปรอบสนาม
โดยมีคิมไคเข้าไปช่วยห้ามไว้แต่ก็ไม่ได้ผล
“ฮึ”
“ขำอะไร?”
“พอมีความรักก็ดูกลายเป็นคนอ่อนโยนขึ้นมา
ไม่อยากพูดแบบนี้หรอกนะ แต่เห็นนายแคร์เขาขนาดนี้ฉันก็ดีใจ”
“พูดมาก ถ้าไม่แคร์แล้วจะให้ทำไง
แกล้งให้ร้องไห้เหรอ?” นั่นก็นานมาแล้วที่ชาร์ลเคยสนุกกับการทำแบบนั้น
แต่ทุกวันนี้เขามีความสุขกับการเห็นน้องน้อยหัวเราะจนตาหยีมากกว่า
“แคร์แล้วก็ต้องอ้อนสิ ฉันว่าเขาน่าจะอารมณ์ดีถ้าคนป่าเถื่อนอย่างนายกล้าทำอะไรแบบนั้น”
“ตลกสิ้นดี ฝันไปเถอะ”
ชาร์ลกระดิกนิ้วชี้พลางดีดตัวลุกขึ้นแล้ววิ่งเข้าไปในสนาม
แท็กมือกับเพื่อนร่วมทีมเพื่อเตรียมตัวแข่งกับกลุ่มต่อไป
จุนมยอนยังคงอยู่ติดขอบสนามในฐานะคนป่วยที่ยังไม่หายดี
เขาอมยิ้มกับความสัมพันธ์ของเพื่อนทั้งสองคนที่ชวนให้ลุ้นและอยากให้กำลังใจอยู่ห่าง
ๆ
*
“ปิดเทอมที่ผ่านมามึงไปทำห่าไรมาบ้างวะแจวอน”
“กูบินไปหาแฟนที่เจจู”
“เหยดดด เตียงสั่นลั่นเกาะเลยสิท่า”
“ก็ประมาณนึง”
“อย่าไปเชื่อ กูว่าไอ้แจวอนมันเอาหญิงไม่เป็นหรอก
ทำเข้มไปงั้น”
ในห้องนั่งเล่นชั้นล่างตอนหัวค่ำกำลังคึกครื้นไปด้วยเสียงเด็กหนุ่มกลุ่มหนึ่งซึ่งเข้ายึดพื้นที่เพื่อดูบอลและหนึ่งในนั้นคือชาร์ลี ฮอปส์
อันที่จริงเขาไม่ได้หิวกระหายความสนุกด้านกีฬามากนัก แต่เป็นเพราะความนุ่มนิ่มบอกว่ามีนัดกับน้องชาย
เขาจึงต้องออกมานั่งแห้งอยู่ตรงนี้กับพวกบ้าเพื่อรอเวลาน้องน้อยกลับคืนสู่อ้อมอก
เทควันโด้สายดำแล้วไง ถ้าปาร์คชานอีมันแกล้งลิตเติ้ลโมจิจนร้องไห้ล่ะก็...
หัวได้แตกแน่
“พวกมึงอย่าทำเป็นเล่น ไอ้แจวอนน่ะ
มันร้ายกว่าที่เราคิดเยอะ” เด็กหนุ่มคนหนึ่งพูดแทรก
เรียกความสนใจจากเพื่อนที่อยู่รอบข้างได้เป็นอย่างดี
“อะไรไหนเล่า”
เด็กหนุ่มคนเดิมหันไปสบตากับคนถูกพาดพิงที่ยกยิ้มมุมปากอย่างคนมีอะไรในใจ
“มันซื้อของเล่นไปให้แฟนมัน
หรือที่เราเรียกกันว่าเซ็กส์ทอย”
“เข้ เพื่อนกูถึงขั้นเล่นของแล้ว?”
“งี้เตียงไม่สั่นอย่างเดียวหรอกค่ะ
กูว่าพังเลย”
“ฟิฟตี้เฉดออฟแจวอน”
“5555555555555555555555”
“แต่ต้องใช้เซ็กส์ทอยเลยเหรอวะ
กูว่ามันแปลก ๆ อะ” เด็กหนุ่มคนหนึ่งแย้ง
และคงเป็นคนเดียวที่มองไม่เห็นความสนุกจากการใช้ของเล่นเพื่อเพิ่มรสชาติให้กับเซ็กส์
“มันก็แล้วแต่รสนิยมไงเพื่อน
มึงไม่ชอบกูก็เข้าใจ แต่แฟนกูชอบไง” ทันทีที่ได้ยินประโยคหลัง
ชาร์ลก็หันไปทางเจ้าของคำพูดที่กำลังกอดคอเด็กหนุ่มคนนั้น แจวอนยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
สบมองกับเพื่อนลูกครึ่งที่ยอมหันมาให้ความสนใจหลังจากเงียบอยู่นานสองนาน “ก็ถ้ามีเซ็กส์แบบธรรมดามันน่าเบื่อ
การเพิ่มตัวช่วยให้เร้าใจขึ้นมันก็น่าสนใจไม่ใช่เหรอวะ?”
“...”
“ขืนทำแต่อะไรเดิม ๆ
แฟนกูได้เบื่อตาย จริงปะวะชาร์ลี?”
ทุกสายตาหันไปทางเจ้าของชื่อ ไอ้คนลูกครึ่งถึงกับนั่งนิ่งก่อนจะกลอกตาล่อกแล่ก
แล้วขยับเข้ามาจนโซฟาเหลือที่ว่างไว้เตะฟุตบอลได้
“พูดจริงเหรอ ที่ว่าแฟนอาจจะเบื่อถ้าทำอะไรเดิม ๆ” แจวอนอยากหัวเราะให้ดังก้องโลกที่เอาเรื่องนี้มาดึงความสนใจจากอีกฝ่ายได้ อันที่จริงเขาก็อยากอยู่เฉย ๆ ใช้ชีวิตเหมือนเด็กคนอื่นแล้วตายไป แต่ก็ดั๊นบังเอิญผ่านไปได้ยินไอ้หรั่งคุยกับจุนมยอนว่า
‘พอมีความรักก็ดูกลายเป็นคนอ่อนโยนขึ้นมา
ไม่อยากพูดแบบนี้หรอกนะ แต่เห็นนายแคร์เขาขนาดนี้ฉันก็ดีใจ’
‘พูดมาก ถ้าไม่แคร์แล้วจะให้ทำไง
แกล้งให้ร้องไห้เหรอ?’
‘แคร์แล้วก็ต้องอ้อนสิ ฉันว่าเขาน่าจะอารมณ์ดีถ้าคนป่าเถื่อนอย่างนายกล้าทำอะไรแบบนั้น’
ได้ยินอย่างนั้นแล้ว... จองแจวอนก็อยากให้ไอ้หรั่งได้รับความฉิบหายบนเตียงเหลือเกิน
“ไรวะหรั่ง สนใจเหรอ?”
“ก็ฟังไว้เป็นวิทยาไทม์”
“วิทยาทานพอห่า”
“เออ นั่นแหละ” ชาร์ลขมวดคิ้วแสร้งทำหน้าขรึมให้ดูปกติที่สุด
ขณะในหัวมีเรื่องให้คิดไปต่าง ๆ นานาเพราะกลัวว่าวันหนึ่งน้องน้อยจะเบื่อถ้าเขามัวแต่หลับหูหลับตาหื่นจนทำให้เสร็จ
ๆ ไปเหมือนทุกครั้ง
“นั่งรอนี่”
แจวอนชูนิ้วชี้แล้วเดินหายไปในห้องอยู่นานสองนาน
ก่อนจะกลับมาพร้อมกล่องลายทางสีหวานแหวที่คิดว่าน่าจะเป็นกล่องของขวัญให้กับผู้หญิงสักคน
“แกะสิ”
“ขอดู!!”
“เห่ย... ให้ไอ้ชาร์ลีดูก่อน” แจวอนตบหัวเพื่อนข้างตัวที่ยุ่งไม่ดูเวล่ำเวลา
“ทำไมต้องไอ้หรั่งอะ พวกกูก็สนใจนะ
ถึงแม้ว่าแฟนที่คบด้วยทุกวันนี้จะมีชื่อว่ามือขวาก็ตาม”
“โถ ชีวิตอันน่าอดสูของเด็กโรงเรียนประจำชายล้วน”
“พูดแล้วเศร้า”
“ว่าแต่ไอ้หรั่งมันมีแฟนเหรอวะ
ทำไมมึงถึงพราวด์ทูพรีเซนท์ให้มันมากเว่อ”
“พวกมึงนี่โง่จริง ๆ ของแบบนี้ไม่จำเป็นต้องใช้กับแฟนก็ได้ไหม?!” แจวอนค้อนเสียงดังตบเข่าฉาด
ก่อนจะหันไปพยักหน้าเพื่อบอกให้ชาร์ลีแกะกล่องนั้นดูไว ๆ
เด็กหนุ่มตัวสูงนั่งมองกล่องในมืออย่างชั่งใจ
เขาหันไปมองหน้าโง่ ๆ
ของเพื่อนแต่ละคนที่ดูเหมือนว่าการแข่งขันฟุตบอลจะกลายเป็นเรื่องอันดับสองเมื่อการเสือกนำโด่งมาเป็นอันดับหนึ่ง
ความน่าอายต่อสายตาเพื่อนยังแพ้ของที่อยู่ในกล่อง ชาร์ลเปิดฝาออกอย่างช้า ๆ
ท่ามกลางความลุ้นจนเยี่ยวเล็ดของคนรอบข้าง ก่อนจะพบว่ามันเป็นกางเกงในลูกไม้สีขาวที่มีสายเกี่ยวกับถุงน่องยาว
และไอ้นั่นที่มาเป็นแท่งชวนให้ทำตาโตกันทั้งแก๊ง
“เดี๋ยว แจวอน
นี่มึงใช้ไอ้นั่นกับแฟนด้วยเรอะ?”
“เออ ก็ใส่พร้อม ๆ กันสองทาง
แฟนกูชอบ”
“เชี่ย...”
คนมีแผนชำเลืองมองอย่างพอใจ ยิ่งเห็นเพื่อนลูกครึ่งทำหน้าครุ่นคิดก็ยิ่งนึกสนุก
และคาดว่ามันต้องขอยืมไปใช้อย่างแน่นอน เหมือนตอนที่เคยทำหน้าเครียด
ตรงดิ่งเข้ามาขอแหล่ง Fireflies จากเขาเมื่อคราวนั้น จองแจวอนรู้น่าว่าทั้งชีวิตของชาร์ลี
ฮอปส์มีใครบ้าง ก็เพื่อนวัยเด็กอย่างปาร์คแบคฮยอน
และเพื่อนใหม่เฉียดตายอย่างคิมจุนมยอน และคู่แค้นแสนรักอย่างคิมไค
ซึ่งถ้าจะมีใครที่ไอ้หรั่งสนใจอยากเอาไปใช้ด้วยก็คงจะเป็น...
“ฉันขอยืม แล้วจะซักไปคืนทีหลัง”
คิมไคอย่างแน่นอน!!!!!!!!!!!!!!!!!
50%
เด็กหนุ่มยืนมองกล่องสี่เหลี่ยมลายทางสีหวานแหววตามลำพังตรงระเบียงทางเดินยาว
ท่ามกลางเสียงโหวกเหวกโวยวายของเด็กหอแรคคูนที่กำลังสนุกสนานไปกับการเชียร์บอล
โดยมีการเดิมพันเป็นใส่วิกแต่งหญิงถ่ายรูปลงโซเชียล
ประจานเอาให้ไม่กล้าใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ต่อไปได้อีก
แต่ยกเว้นชาร์ลี
ฮอปส์ที่ไม่ได้มองเห็นความสนุกกับตรงนั้น ในหัวกำลังคิดไปต่าง ๆ นานาและแน่นอนว่ามันไม่เคยมีเรื่องดี
แม้เหตุการณ์ยังไม่เคยเกิดขึ้น แต่เขาก็จินตนาการตอนน้องน้อยใส่ถุงน่องลูกไม้ ค่อย
ๆ คลานมาหาจากปลายเตียงพร้อมไต่นิ้วชี้ตามขาเขาไล่มาจนถึงแผงอกแล้ว
ให้ตาย ชาร์ลี ฮอปส์ไม่เคยคิดจะใช้ของเล่นมาก่อนเพราะคิดว่าตัวเองโคตรเจ๋ง
แต่พอได้ยินจองแจวอนบอกว่า ‘ท่าเดิม ๆ เดี๋ยวแฟนก็เบื่อ’
คนที่เพิ่งรู้จักคำว่าความรักจึงไขว้เขวจนเสียความเป็นตัวเองไปตั้งครึ่งหนึ่ง
“ชาร์ลี”
“...!!!” คนที่จมอยู่กับความคิดสะดุ้งสุดตัวจนกล่องเกือบหลุดมือ
ชาร์ลเบิกตากว้างรีบหันไปตามต้นเสียงก่อนจะพบเจ้าของทรงผมสกินเฮดที่ยืนกอดขวดน้ำไว้แนบอกพร้อมมองมายังเขาด้วยสายตาเรียบเฉย
“ฉันเห็นนายยืนตรงนี้นานแล้วเลยแวะมาดู
เป็นอะไรหรือเปล่า?”
“เปล่า ฉันจะเป็นอะไรไปได้ล่ะ” เด็กหนุ่มหัวเราะร่วนกลบเกลื่อน
“รอแบคฮยอนเหรอ?”
“รอ รอทำไม?”
ยิ่งพูดก็ยิ่งผิดสังเกต ในหัวมีแต่คำว่า ‘ฉันไม่ได้รอโมจิกลับมาใส่ถุงน่องนี่สักหน่อย’
“เมื่อกี้เขาเพิ่งโทรมาบอกฉันว่าจะซื้อชูโรสมาฝาก
เดี๋ยวก็คงถึงแล้วล่ะ” จุนมยอนยิ้มบาง ๆ
พลางมองเพื่อนตัวสูงที่ยังคงกลอกตาล่อกแล่กอย่างน่าสงสัย
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงเงียบ
ไม่ถามอะไรออกไปในเมื่อเพื่อนแสดงออกอย่างชัดเจนแล้วว่าไม่อยากพูดถึง
“ชูโรสเหรอ น่ากินดีนี่”
“แบคฮยอนต้องซื้อมาฝากนายอยู่แล้ว”
“พูดแล้วหิวเลย” ทั้งชูโรสทั้ง --
ตั้งแต่ได้ถุงน่องบ้านี่มา
ระบบการทำงานของสมองเขาก็เริ่มรวนไปหมด
“ว่าแต่ไม่ดูบอลกับพวกแจวอนเหรอ?” ทั้งคู่เดินไปด้วยกันตามทางเดินของหอแรคคูนที่บนผนังถูกทาสีเหลืองคาดตรงกลางซึ่งเป็นสีประจำหอ
“ฉันไม่ได้อินกับกีฬาขนาดนั้น
แล้วนายล่ะ ลงมาเติมน้ำแล้วจะทำอะไรต่อ
อย่าบอกนะว่าจะอยู่ยาวเพราะกลับไปลอกการบ้านให้ใครอีก?”
เขาแอบค้อนอยู่เล็ก ๆ ถ้าเกิดจุนมยอนกลับไปทำแบบนั้นอีกจะเพ่นกบาลเอาให้โรคเดิมกลับมาอีกรอบ
“ฉันลงมาเติมน้ำเพราะจีซูบอกว่าได้ไฟล์หนังเก่าเมื่อสามสิบปีก่อนมา
เรากะว่าจะนั่งดูด้วยกัน”
“Shit... สนิทกันแล้วหรือไง?”
“ไม่ถึงขั้นนั้นหรอก
อันที่จริงต้องบอกว่าจีซูทำใจอยู่ในห้องแคบ ๆ กับฉันได้แล้วถึงจะถูก” ทั้งคู่หัวเราะกับเรื่องที่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นได้
แต่พอคิดดูแล้วมันคงไม่แปลกอะไร
เพราะคิมจีซูก็เป็นคนหนึ่งที่ช่วยทำหน้าที่แทนในช่วงเวลาที่จุนมยอนเข้าผ่าตัดยันพักฟื้น
หมอนั่นคงสำนึกได้ว่าการไม่มีรูมเมทคอยเดินวนเวียนอยู่ในห้องแคบ ๆ มันเป็นอย่างไร และการเกือบสูญเสียเพื่อนดี
ๆ คนหนึ่งไปทั้งคนมันแย่แค่ไหน
ทั้งคู่เลือกเดินขึ้นบันไดแทนที่จะใช้ลิฟต์
เพื่อยืดเวลาบทสนทนาให้นานขึ้น จนถึงตอนนี้เด็กหนุ่มตัวสูงก็ยังรู้สึกดีที่คนข้าง
ๆ ยังคงมีชีวิตอยู่ “ชาร์ลี”
“อือ?”
“ขอบคุณนะ”
“เรื่อง?”
“ขอบคุณที่มีนายบนโลกใบนี้” คนพูดอมยิ้มเล็ก ๆ ก่อนจะหันมาสบตากัน เพื่อบอกให้ชาร์ลี
ฮอปส์รู้ได้ทางแววตาคู่นั้นว่าคิมจุนมยอนไม่ได้โกหกหรือเสแสร้งแกล้งให้เขาดีใจเลยสักนิด
“การได้เป็นเพื่อนนาย
มันคือเรื่องดีที่สุดอีกเรื่องนึงในชีวิตของฉันเลย”
“เป็นบ้าอะไร อยู่ดี ๆ มาทำซึ้ง
เดี๋ยวก็เขกกะโหลกซะหรอก”
คนไม่ชินกับคำขอบคุณกำลังทำตัวไม่ถูก ไอ้โล้นเอาแต่หัวหัวเราะ ยิ้มตาหยี
เพราะอายกับสิ่งที่เพิ่งพูดออกมา
“มันมีอะไรหลายอย่างที่ฉันไม่เคยพูด
แล้วฉันก็ไม่รู้ว่าจะเก็บไว้ในใจทำไม
ฉันควรบอกมันให้นายรู้ว่านายคือเพื่อนที่ดีที่สุดในชีวิตของฉัน”
“...”
ชาร์ลไม่เคยรู้ว่าคำว่าเพื่อนมันยิ่งใหญ่แค่ไหน
อาจเป็นการตอบแชทในวันที่แม่เมาเหล้าและพังข้าวของ
หรือตอนชวนไปเที่ยวเล่นตอนกลางคืน หรือให้ยืมเงินซื้อยา
เขาเคยคิดว่าสิ่งนั่นมันเรียกว่าเพื่อนได้
จนกระทั่งได้ยินคำเหล่านั้นจากปากจุนมยอน
คำที่ทำให้เด็กที่ใช้ชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยวอย่างชาร์ลี
ฮอปส์ได้รู้จักคำว่าความสำคัญ
“ลึก ๆ
ในใจของนายอาจมีเรื่องมากมายวิ่งวนอยู่ในนั้น นายอาจคิดว่าตัวเองไม่สำคัญ
หรือไม่มีใครรัก” จุนมยอนเว้นจังหวะไปครู่หนึ่ง “แต่ฉันอยากให้นายรับนี่ไว้”
“...”
เด็กหนุ่มก้มลงมองมืออีกคนที่กำเอาไว้พร้อมยื่นออกมาข้างหน้า
เขาจึงต้องแบมือออกอย่างปฏิเสธไม่ได้
ชาร์ลมองอีกคนอย่างไม่เข้าใจว่าคิมจุนมยอนกำลังคิดอะไร
และไอ้หัวโล้นเพื่อนบ้าก็ทำให้หัวใจเขาวูบหวิวเพราะมือที่กำไว้เมื่อครู่ค่อย ๆ
แบออก และทาบลงมาประสานเรียวนิ้วเราไว้ด้วยกัน
“มันคือมิตรภาพจากฉันกับเพื่อนในหอแรคคูนทุกคน”
“...”
เขาอยากชกหน้าคิมจุนมยอน
กล้าดีอย่างไรมาทำให้เขารู้สึกแบบนี้ ถ้าพูดถึงเรื่องมิตรภาพ น้ำใจ เสียงหัวเราะ
หรือความบ้าบอทุกอย่าง เรื่องนั้นชาร์ลี ฮอปส์รู้สึกได้มาตั้งนานแล้ว
และเขาก็พยายามปรับตัวเข้ากับทุกคนให้ได้
ซึ่งผลมันออกมาดีมากจนตัวเขาเองยังไม่อยากเชื่อ
แต่พอได้ยินแบบนี้
น้ำตามันก็พาลจะไหลออกมา
การมีค่าสำหรับใครสักคน
มันช่างดีเหลือเกิน
“ไว้เจอกันคาบเช้านะ”
“เออ ง่วงจะตายชักแล้วเนี่ย” คนโดนสารภาพความในใจแกล้งทำเป็นหาวหวอด ๆ
ขืนยืนอยู่ตรงนี้ต่อเขาคงได้หลั่งน้ำตาเพราะคำพูดคำจาของหมอนี่แน่ ๆ
มีสิทธิ์อะไรมาทำให้คนอื่นซึ้ง
“อ้อ เดี๋ยวก่อนชาร์ลี”
“อะไรอีก?”
“เรื่องวันประชุมผู้ปกครองประจำปีในวันศุกร์หน้าน่ะ” จุนมยอนเว้นจังหวะไปครู่หนึ่งพลางชำเลืองมองเพื่อนระหว่างให้ความเงียบทำงาน
และการที่ชาร์ลีไม่มีท่าทีใด ๆ กับสิ่งที่เขาพูดถึง
มันก็น่าเป็นห่วงและอาจจะเป็นเรื่องธรรมดาในเวลาเดียวกัน
“อ่าฮะ พ่อแม่นายมาสินะ”
“อืม
ท่านกะจะมาขอบคุณผอ.ที่ช่วยเรื่องผ่าตัด แล้วก็จะทำขนมมาฝากพวกนายทุกคนด้วยน่ะ”
“เยี่ยม
ฉันจะได้รู้สักทีว่านายหน้าตาไม่ดีเหมือนใคร”
เด็กหนุ่มตัวสูงไหวไหล่
“โรงเรียนเรามีกฎว่าต้องให้ผู้ปกครองเข้าประชุมประจำปีเพราะจะได้รับรู้พฤติกรรมลูกหลาน
ต่อให้พ่อแม่ไม่ว่างก็ต้องให้คนที่เกี่ยวข้องมาแทน และทางโรงเรียนก็ได้ติดต่อครอบครัวเด็กทุกคนล่วงหน้าไปแล้วเป็นเดือน
ชาร์ลี ฉันไม่ได้อยากพูดเรื่องนี้หรอกนะ แต่ว่า...”
“พ่อฉันไม่มาหรอก”
“นายคุยกับท่านแล้วเหรอ?”
ชาร์ลส่ายศีรษะอย่างไม่เสียเวลาคิด “ชีวิตพ่อมีเรื่องให้ทำเยอะแยะ
เขาคงไม่เสียเวลาบินมาเกาหลีเพื่อฟังอาจารย์พูดถึงเด็กไม่เอาไหนอย่างฉัน”
“นายไม่ได้เป็นอย่างนั้นสักหน่อย
ทำไมชอบว่าตัวเองอยู่เรื่อย” จุนมยอนลูบหลังเพื่อนเบา ๆ
เป็นการให้กำลังใจ เขาไม่อยากให้อีกฝ่ายโทษตัวเองทั้งที่ตอนนี้ชาร์ลี
ฮอปส์ทำได้ดีกว่าเมื่อวานเป็นไหน ๆ
“พ่อฉันคงกดลบอีเมลล์ตั้งแต่ยังไม่เปิดอ่านด้วยซ้ำ” เด็กหนุ่มยิ้มขำ “ช่างเถอะน่า
ระหว่างนี้ฉันจะทำตัวเป็นคนดี พยายามไม่สร้างปัญหา
พอถึงเวลาประชุมประจำปีอาจารย์อาจจะหยวนให้ฉันก็ได้”
“ให้พ่อแบคฮยอนมาแทนได้ไหม?”
“ไม่ดี”
เด็กหนุ่มตัวสูงกระดิกนิ้ว “ฉันขี้เกียจเล่นสงครามประสาทกับเขา”
“นายก็ชอบตั้งแง่
คุณอาชานยอลเขาหวังดีกับนายหรอก” จุนมยอนมองเพื่อนตัวสูงที่ทำท่าว่าจะเดินกลับห้องตัวเอง
เด็กหนุ่มผิวขาวไม่ได้กังวลเรื่องใครจะมาหรือไม่ แต่เขาห่วงแค่ว่าลึก ๆ
แล้วชาร์ลีอาจจะคาดหวังว่าพ่อจะมา เพียงแต่แสร้งทำเป็นเฉยเพราะไม่อยากให้ใครสงสาร
ชาร์ลีอาจจะหงุดหงิดกับเรื่องนี้
เขาทำได้เพียงมองแผ่นหลังของเพื่อนกระทั่งฝีเท้าคู่นั้นหยุดลง
ก่อนใบหน้าหล่อจะเอี้ยวหันมาสบตากัน ด้วยสีหน้าในแบบที่ทุกคนรู้ว่า ‘นี่แหละคือชาร์ลี
ฮอปส์’
“ฉันจะให้แบคฮยอนเป็นผู้ปกครอง
ถ้าใครไม่พอใจก็โทรไปวีนกับพ่อที่ไมอามี่เองแล้วกัน”
*
“กลับมาแล้ว...”
เสียงเนือย ๆ ของคนที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามาทำให้รู้สึกได้ถึงเรื่องไม่ดี
ชาร์ลมองคนตัวเล็กที่วางกระเป๋าเป้ลงบนโต๊ะทำการบ้านพร้อมสีหน้าหงอย ๆ
ก่อนทั้งคู่จะสบตากัน แฟนที่ดีอย่างเขาจึงอ้าแขนรอพร้อมรอยยิ้มเพื่อบอกให้รู้ว่าชาร์ลี
ฮอปส์คนนี้พร้อมจะฮีลลิ่งให้ทุกอย่าง
แบคฮยอนคลานขึ้นเตียงเข้าไปนอนกอดคนตัวโตพร้อมซบหน้าลงกับแผงอกหอม
ๆ ที่มาจากครีมอาบน้ำขวดเดียวกัน ซึมซับเอาความอบอุ่นหวังให้ความรู้สึกแย่ ๆ
จางหายไป
“What wrong?” (เกิดอะไรขึ้น?)
“ทะเลาะกับชานอี”
“นั่นไง บอกแล้วว่าอย่าออกไป”
“ไม่ใช่เพราะออกไปเจอนะ” คนตัวเล็กพูดเสียงอู้อี้ “ตอนแรก ๆ ก็ดี
แต่พอเข้าเรื่องจริงจัง น้องก็โมโห”
“พนันด้วยแขนขวาเลยว่าต้องเป็นเรื่องของฉันแน่
ๆ” หลังจากพูดจบไปราว ๆ ห้าวิ น้องน้อยก็พยักหน้าช้า ๆ
“มันอยากให้เราเลิกกันเหรอ?”
“เราไม่อยากเล่าเลย
เรากลัวชาร์ลอารมณ์เสีย แต่เราก็ไม่อยากมีความลับเพราะเราเป็นแฟนกัน”
“งั้นตอนเล่าก็อย่าเงยหน้า
นายจะได้ไม่เห็นว่าฉันกำลังทำหน้าเหมือนยักษ์ตอนพูดถึงไอ้เด็กนั่น” ก้มลงไปจูบหัวโมจินุ่มนิ่มเบา ๆ เป็นการปลอบใจ
มีน้องชายทำตัวเปรตตลอดเวลามันก็น่าปวดหัวแบบนี้แหละโมจิ “มันพูดว่าอะไร?”
“ชานอีกลัวเราโดนทิ้ง
น้องคิดว่าเรากำลังหลงกับของแปลก”
“What the fu --”
คำหลังต้องกลืนลงคอเพราะกลัวน้องน้อยเสียใจ แต่ไอ้เด็กนั่นก็น่าอัดสักหมัดจริง ๆ
ให้ตาย แน่ล่ะ... เขามันของแปลก ไม่ใช่ของธรรมดาเกร่อ ๆ
ที่เตะหาตามข้างถนนก็เจอแบบปาร์คชานอี
“เราเข้าใจความรู้สึกชานอีนะ น้องไม่ได้มาคลุกคลีกับชาร์ลเหมือนเราก็คงไม่แปลกที่จะกังวล
เพราะน้องเห็นชาร์ลในมุมหมูบ้ามาตลอดอะ”
“ฉันเป็นหมู่บ้าน?”
“หมูบ้าต่างหากอะ หมู – บ้า” แบคฮยอนเงยหน้าขึ้นสบตากับแฟนจ๋าที่กำลังขมวดคิ้วเพราะไม่คุ้นคำนี้
แต่เพียงครู่เดียวชาร์ลก็พยักหน้าช้า ๆ พร้อมพึมพำว่า ‘อ๋อ
หมูบ้า’
“นี่หลอกด่ากันถูกไหม?” เขาหรี่ตามองน้องน้อยที่กำลังหัวเราะคิกคัก
ซุกหน้าลงกับแผงอกเขาพร้อมถูเบา ๆ อย่างออดอ้อน ดีนะยังรู้จักง้อหลังจากหลอกด่า
ไม่งั้นโดน “เข้าใจน้องแล้วเข้าใจแฟนหรือเปล่า ฉันไม่ยอมเลิกกับนายเพราะความงี่เง่าของไอ้เด็กนั่นหรอกนะ”
“ตอนแรกก็เข้าใจ
ตอนนี้เริ่มไม่อยากเข้าใจแล้ว” ขาสั้น ๆ ก่ายกอด
เขาจึงกระชับวงแขนเพื่อให้โมจินุ่มนิ่มจมหายเข้ามาในอกเขา
“ทำไม พูด”
“อยากได้ยินชาร์ลพูดแบบนี้บ่อย ๆ
เราเขิน”
“นิสัย ทำตัวเหมือนผู้หญิงขี้เพ้อ” ทันทีที่พูดจบ คนตัวเล็กก็เงยหน้าจ้องตาเขาพร้อมเบ้ปากใส่
“ใช่ เราเองแหละ ชาร์ลด่าไปเลยเราไม่สนใจหรอก
เราจะเพ้อ”
“ยังไงก็ไม่เลิกเว้ย
ขี่ม้าสามศอกไปฟ้องพ่อกับน้องชายเลยไป”
“ได้!”
เสียงใสตะโกนลั่นห้อง ชาร์ลเลิกคิ้วมองสู้ซึ่งเขารู้ว่าอีกฝ่ายกำลังหาเรื่องทำตัวน่ารักจนเขาต้องแพ้เพราะหลุดยิ้มออกมา
และน้องน้อยก็เซอร์ไพรส์ด้วยการขึ้นคร่อมกลางลำตัวของเขา
พร้อมใช้สองมือขยำเสื้อกล้ามตัวนี้ไว้ราวกับเป็นบังเหียน
“เราจะขี่ม้าตัวนี้ไป”
“HOLY FUCKING CHRIST...” ชาร์ลสบถเบา ๆ ก่อนจะผิวปากขณะมองแฟนตัวน้อยซึ่งอยู่ในโพซิชั่นที่ไม่ได้เห็นบ่อย
ๆ ถึงเจ้าตัวจะทำเป็นย่นจมูกเหมือนอยากตบมุกขี่ม้าอะไรนั่น
แต่เขาเชื่อว่ายังไงโมจินุ่มนิ่มก็ต้องรู้เจตนาคนอย่างเขา “Okay baby, ride me”
“เนี่ย
พอเราเล่นด้วยก็ชอบทะลึ่งแบบนี้อะ”
คนตัวเล็กหน้าแดงแจ๋เมื่อแฟนหนุ่มเริ่มขยับสะโพกจนส่วนนั้นของทั้งคู่เสียดสีกัน
แบคฮยอนตีอกแกร่งเบา ๆ เป็นเชิงบอกให้หยุด แต่คนเจ้าเล่ห์กลับยึดเอวคอดไว้ไม่ให้ไปไหน
อีกทั้งยังขยับสะโพกแรงขึ้นจนร่างนุ่มนิ่มโยกไหวในท่าลามก
“ก่อนจะไปหาพ่อกับน้องชายก็ต้องขี่ม้าให้เป็นก่อนรู้ไหม?”
“ไม่ เราไม่ขี่”
“...?”
เด็กหนุ่มเลิกคิ้วพลางสบตากับคนขี้เขินที่ตีแขนเขาแรงขึ้น
“ปล่อยเลย อย่ามานิสัยไม่ดี”
“ตัวเองเริ่มก่อนแท้ ๆ
ยังโทษฉันอีกเหรอ ไหนดูซิ น้องน้อยของฉันควบม้าเก่งแค่ไหน” ชาร์ลยกยิ้ม
มองร่างนุ่มนิ่มที่งอตัวลงซบหน้าลงกับซอกคอของเขาพร้อมพึมพำเบา ๆ ว่า
“ทำแบบนี้มันน่าอาย...
หยุดแกล้งเรานะ...”
“งั้นปิดตาทำดีไหม นายจะได้เขินน้อยลง”
“ไม่เอา... อื้อ...”
“ไม่เอาจริงเหรอ?” ชาร์ลจูบขมับคนรักเบา ๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นหอมแก้มซ้ำ ๆ
เพื่อหลอกล่อให้เหยื่อรู้ว่าวันนี้ชาร์ลี ฮอปส์อยู่ในโหมดอ่อนโยนมากแค่ไหน
“เรายังไม่อาบน้ำ ตัวเหม็นจะแย่” แบคฮยอนเอามือปิดปากกับจมูกอีกคน สบตากันท่ามกลางความเงียบที่โรยไปด้วยกลิ่นอายของความขลาดเขิน
ก่อนจะถูกจับข้อมือออก
“น้องน้อยของฉันหอมขนาดนี้มีตรงไหนที่เหม็นบ้าง”
“ทุกตรงนั่นแหละ” คนน่ารักเถียงจนเขาอดยิ้มไม่ได้
“งั้นขอพิสูจน์หน่อย” พูดจบก็ฟัดหอมแก้มนุ่มนิ่มจนน้องปากจู๋ก่อนจะย้ายไปที่ซอกคอ “ฉันรู้ว่านายชอบอาบน้ำก่อนทำ”
“อะไรเล่า...”
“งั้นไปอาบน้ำกัน
พี่ชาร์ลของโมจิจะช่วยถูหลังให้”
แบคฮยอนเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเองว่าจะได้ยินประโยคออดอ้อนอย่างนั้นจากปากแฟนหนุ่ม
เขารีบโอบรอบคออีกฝ่ายเอาไว้เมื่อถูกอุ้มขึ้นในท่าเจ้าหญิง พลางมองใบหน้าหล่อที่กำลังอมยิ้มอย่างขลาดอาย
คนตัวเล็กจึงซบแก้มลงกับแผงอกแกร่งเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเขินมากไปกว่านี้
แบคฮยอนจะไม่แซ็วให้ชาร์ลต้องอาย
เขาอยากได้ยินบ่อย ๆ อยากให้ชาร์ลน่ารักแบบนี้ทุกวันเลย
(CUT)
WELCOME TO MALINWORLD
คงจะมีสาวซิงรออยู่
ที่ดินแดนใดซักแห่ง
คงมีใครสักคนรออยู่ตรงนั้น
ความคิดเห็น