ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    TEACH ME TO #ฟิคของทีมคุก SEASON 2 : PAINKILLER | CHANBAEK

    ลำดับตอนที่ #46 : Season 2 | Painkiller 21 :: Father. (100%)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 43.61K
      202
      25 ก.ย. 60


    ? cactus



    Chapter 21

    Father

     




     

    พ่อ

    จ๋าลูก?”

    พี่แบคฮยอนไปไหน... ชานยอลขมวดคิ้ว มองลูกคนเล็กที่แผ่วเสียงลงพร้อมกวาดสายตาไปรอบ ๆ บ้านอย่างหวาดระแวงในช่วงเวลาเจ็ดโมงเช้า

    พี่เขาไปช่วยดูร้านที่อินซาดงน่ะ พอดีมีของเข้าแต่แม่เรากลับมาไม่ทัน

    ไปแต่เช้า... โบยอนยังไม่หยุด เด็กน้อยย่องมายืนอยู่ข้าง ๆ คนเป็นพ่อพร้อมกอดแขนไว้แน่น ก่อนจะช้อนตามองอย่างกลัว ๆ หรือว่าพี่จ๋าหายไปตั้งแต่เมื่อคืน...

    ชานยอลหลุดขำ เขาวางแก้วกาแฟลงแล้วยีผมฟู ๆ ของคนเพิ่งตื่นแล้วกดจมูกหอมศีรษะทุยฟอดใหญ่ จะหายไปได้ยังไง กาแฟแก้วนี้พี่เขาเป็นคนชงให้พ่อ

    โบยอนยังไม่อยากเชื่ออะไรทั้งนั้น เด็กน้อยปล่อยให้พ่อยีผมก่อนจะมองตามแผ่นหลังกว้างของฮีโร่ที่ไม่ได้อยู่ปกป้องเธอกับพี่แบคฮยอนเมื่อคืนนี้ คนเป็นเจ้าของบ้านเดินออกมาพร้อมมื้อเช้าสำหรับหนึ่งที่ วางลงบนโต๊ะอาหารตรงหน้าลูกสาวซึ่งยังคงหลงเหลืออาการเมาง่วงกับเรื่องหลอนที่สร้างขึ้นเองอยู่

    พ่อจ๋า

    ครับน้อง?

    เมื่อคืนผีแอบเข้ามาในบ้านเราตอนไฟดับด้วย ตอนนั้นน้องไม่รู้ว่าพี่แบคฮยอนคิดอะไรอยู่ถึงได้พยายามสู้กับผีด้วยตัวเอง แล้วก็บอกให้น้องขึ้นไปหลบในห้อง

    เห็นว่าหม้อแปลงระเบิดน่ะ แถวนี้ไฟดับหมด วุ่นวายกันใหญ่เลย พ่อจ๋านั่งลงข้าง ๆ พร้อมดันจานมื้อเช้าให้ลูกสาวคนเล็ก คนที่กินยากและกินเชื่องช้าที่สุดในบ้าน

    เรื่องนั้นไม่ใช่ประเด็น พ่อฟังน้องก่อน

    แลกกับกินผักคำนึง

    ได้ เด็กวัยสิบสองขวบคีบผักเข้าปาก ปิดจมูกเคี้ยวอย่างฝืนใจแล้วรีบกลืนก่อนจะกระดกน้ำตามจนพ่อต้องรีบยั้งมือไว้ ชานยอลไม่อยากให้ลูกติดนิสัยข้าวคำน้ำคำ ตอนนั้นน้องกลัวมาก เป็นห่วงพี่แบคฮยอนด้วย พี่แบคฮยอนบอกว่าถ้าได้ยินเสียงร้องให้โทรหาตำรวจทันทีเลยนะ น้องตั้งใจมากอะ กำโทรศัพท์แน่นจนมือเจ็บไปหมดเลย แต่อยู่ดี ๆ น้องก็วูบไป

    น้องวูบหรือง่วงจนหลับ?

    วูบจริง ๆ! ต่อนะ ทีนี้น้องก็ตื่นมากลางดึกเพราะหิวน้ำ แต่เพิ่งนึกได้ว่าทิ้งพี่แบคฮยอนไว้กับผีตามลำพัง จริง ๆ นะพ่อ ถึงพี่แบคฮยอนจะต่อยคนไม่เป็น ดูนุ่มนิ่มเหมือนหน้าอกแม่ แต่น้องก็รักของน้อง เด็กน้อยพูดงุบงิบไม่หยุด พอนึกถึงแล้วน้องอยากปกป้องพี่จ๋าด้วยความสวยงามของน้องเอง

    แล้วเรื่องต่อยมันเกี่ยวกับผียังไง?”

    ไม่รู้อะ ต่อนะ ตอนน้องตื่นไฟก็มาแล้ว น้องอุ่นใจมากก็เลยกดทุกสวิตซ์ไฟที่เดินผ่าน พอลงไปข้างล่าง น้องหวังว่าจะเจอพี่แบคฮยอนนั่งรออยู่ แต่น้องคิดผิด

    เพราะพี่เค้าหลับไปแล้ว

    ไม่ใช่..." โบยอนกดเสียงลงต่ำ กำตะเกียบกับช้อนแสตนเลสไว้แน่นขณะจ้องหน้าพ่อจ๋า พี่แบคฮยอนไม่อยู่... แต่ผีอยู่ คนฟังถอนหายใจ กุมศีรษะพลางเขย่านิ้วโป้งกับนิ้วกลางตรงขมับเบา ๆ ก่อนจะหันเข้าหาลูก

    ฟังนะโบยอน พ่อรู้ว่าน้องกลัว แต่บ้านเราไม่มีผีจริง ๆ หรอกนะลูก ชานยอลพยายามอธิบายเรื่องงมงายที่ลูกสาวเอามาพูดเป็นตุเป็นตะอยู่หลายวัน ที่บอกให้หาอะไรทำเพื่อลืมจุนมยอนนั่นไม่ใช่การฟังเรื่องงมงายแบบนี้สิ

    มีจริง ๆ น้องได้ยินเสียงผีเขย่าประตูห้องพี่แบคฮยอน มันดังกึก ๆๆ เหมือนท้าทายน้องว่าจะกล้ายืนอยู่ตรงนั้นต่อไหม และแน่นอนว่าน้องไม่อยู่

    อาจจะเป็นเสียงลมพัดก็ได้ พอไม่มีไฟฟ้าใช้ พี่เราคงเปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเท

    ไม่ใช่เสียงพัดลมนะ น้องได้ยินพี่แบคฮยอนพูดกับผีด้วย เด็กน้อยพยายามบอกให้รู้ว่าที่พูดไปทั้งหมดล้วนแต่เป็นเรื่องจริง และพอพ่อจ๋ามีท่าทีว่าไม่อยากเชื่อ โบยอนจึงคว้าแขนอีกฝ่ายไว้แล้วเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้ ๆ พี่แบคฮยอนพยายามปกป้องน้องยันวินาทีสุดท้ายเพราะไม่อยากให้น้องตื่นมาเจอเรื่องน่ากลัว เลยบอกผีว่า โอ๊ย... เบา ๆ หน่อย เดี๋ยวโบยอนตื่น’”

    เดี๋ยว

    โอ๊ย พอแล้ว พอ ไม่ไหว อ๊ะ ชานยอลรีบตะปบปากลูกสาวก่อนที่จะพูดประหลาด ๆ ด้วยโทนเสียงเดียวกันได้มากไปกว่านี้ อ้องอังเอ้าไอ้อบเอย(น้องยังเล่าไม่จบเลย)

    สำหรับเรื่องผีของชานอีที่โบยอนเคยเจอ คนเป็นพ่อไม่คิดว่าแบคฮยอนจะทำแบบนั้น เพราะโดยพื้นฐานแล้วลูกชายคนโตของบ้านหลังนี้อยู่กับลู่กับทางมาตลอด แม้แต่การใจเต้นกับเด็กผู้หญิงที่เต้นคู่กันตอนประถมต้นก็ยังเล่าให้พ่อแม่ฟัง แล้วเรื่องผีแบบนั้นมันเกิดขึ้นได้อย่างไร?

    ทีนี้พ่อเชื่อน้องแล้วหรือยัง... ว่าบ้านเรามีผีอยู่จริง ๆ

     

     

     

    *

     

     

    แบคฮยอน

    พ่อ? เจ้าของชื่อละจากสมุดบัญชีระหว่างเช็กของเข้าสต็อก ก่อนจะยิ้มทักทายคนที่เดินเข้ามาพร้อมถุงกระดาษและเครื่องดื่มสี่แก้ว สำหรับพ่อ แบคฮยอน และลูกจ้างอีกสองคน

    สวัสดีค่ะซาจังนิม


    *ซาจังนิม = เจ้าของร้าน / เจ้านาย


    หิวไหม พ่อซื้อขนมมาฝาก

    หิวครับ แต่ผมอยากเช็กล็อตนี้ให้เสร็จก่อนแล้วค่อยออกไปกินข้าว พ่อมาได้จังหวะพอดีเลย ขอบคุณนะครับ

    แบคฮยอนถอดแบบแม่ออกมาไม่มีผิด รอยยิ้มที่ส่งให้เขาเมื่อครู่นี้ทำให้ปาร์คชานยอลนึกถึงภรรยาเมื่อเธอยังเป็นสาว ท่าทางก้ม ๆ เงย ๆ ตอนทำเรื่องที่ไม่ถนัดแต่ก็ไม่คิดที่จะหยุดพักหรือขอความช่วยเหลือจากคนอื่นนั่นน่ะ ทำเขาลอบยิ้มออกมาได้อย่างง่าย ๆ

    ร้านเสื้อผ้าแบรนด์ดังที่วัยรุ่นไปจนถึงวัยกลางคนรู้จักเป็นอย่างดี ปัจจุบันนี้ขยายกิจการออกไปหลายสาขาไม่ว่าจะเป็นฮงแด อินซาดง อีแด มยองดง และปัจจุบันเพิ่งเปิดสาขาใหม่ที่ปูซาน บริหารโดยผู้หญิงมากความสามารถอย่างบยอนแบคฮี แม้จะตัวเล็กและอายุขึ้นหลักสี่แล้ว แต่เธอก็ยังดูสาวเพราะดูแลตัวเองเป็นอย่างดี

    ก่อนมาที่นี่ชานยอลหยุดดูรูปภรรยาซึ่งถูกอัปโหลดลงในเว็บไซต์ร้าน มองรอยยิ้มที่บ่งบอกถึงความสุขกับสิ่งที่ได้ทำมาตลอดหลายสิบปี ส่วนเขาเลือกจะมาที่นี่เพื่อมาช่วยลูกชายและไขความคาใจ

    ยอมรับว่ากังวลเรื่องที่โบยอนเล่าให้ฟัง อันที่จริงเขาจะปล่อยเลยตามเลยก็ได้ถ้าไม่มีเรื่องตอนทำความสะอาดห้องลูกชายคนโตให้ได้คิด กับตุ๊กตาหมีที่นอนห่มผ้าอยู่บนเตียง และเขาไม่เคยเห็นมันในห้องแบคฮยอนมาก่อน

    ตอนนั้นชานยอลเอามันขึ้นมาดูใกล้ ๆ ในทีแรกคิดว่าแบคฮยอนอาจจะซื้อมาให้น้องสาวจึงวางลง แต่ในจังหวะนั้นก็พลันไปเห็นโลโก้ที่ถูกเย็บอยู่ข้างตุ๊กตา ระบุไว้อย่างดีว่ามันผลิตมาจากประเทศไหน

    อเมริกา...

    ชานยอลมองภาพรอยยิ้มของภรรยาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินเข้ามาในร้าน เขาเลือกที่จะหาความสบายใจให้ตัวเองด้วยการไปหาลูกมากกว่าจะแบ่งความลำบากใจให้แบคฮีได้รับรู้ ช่วงเวลาที่ร้านใหม่กำลังวุ่นวาย เขาอยากให้เธอเหนื่อยไปพร้อมความสบายใจมากกว่าต้องแบกรับเรื่องนี้ไว้จนนอนไม่หลับ ทั้งเรื่องเสียงลูกกับประตู และตุ๊กตาจากอเมริกา มันยังคงสร้างคำถามให้คนเป็นพ่อว่ามันคืออะไรกันแน่

    เหลืออีกแค่เทอมเดียวก็จะเข้ามหาลัยแล้ว ลูกตัดสินใจได้หรือยังว่าอยากเรียนนิติหรือมนุษย์?

    ถ้าผมบอกว่าเปลี่ยนใจจากทั้งสองอย่างแล้วพ่อจะหาว่าผมเป็นคนโลเลไหมครับ แหะ... แบคฮยอนยิ้มทั้งที่ยังไม่ละสายตาจากสินค้าที่วางกองกันอยู่ตรงหน้า

    หื้ม จะบอกว่ามีคณะในใจแล้วเหรอ?

    ครับ ผมเพิ่งตัดสินใจได้เมื่อชั่วโมงที่แล้วนี่เอง ปุบปับใช่ไหมล่ะครับ? ลูกชายคนโตผอมแห้งแรงน้อยยิ้มกับสิ่งที่พูดพร้อมพยายามหอบเสื้อผ้าเข้าไปเก็บเข้าชั้นสต็อกอย่างขยันขันแข็ง ระหว่างนั้นเขาจึงคว้าแก้วน้ำผลไม้ปั่นมา แกะซองยื่นหลอดให้เสร็จสรรพและแบคฮยอนก็อ้าปากงับดูดน้ำดับกระหายเสียอึกใหญ่ เขาจึงเช็ดเหงื่อตามขมับและเสยผมให้ลูกอย่างเอ็นดู

    ไหนเล่าให้พ่อฟังหน่อย แบคฮยอนของพ่ออยากเรียนอะไร? เด็กหนุ่มเม้มริมฝีปาก กลอกตาไปมาอยู่ในทีราวกับลังเลว่าจะพูดให้ผู้เป็นพ่อฟังดีหรือไม่

    ผมอยากเรียนเหมือนแม่ครับ

    หืม? ไกลเกินกว่าที่คาดเดาไว้ ชานยอลไม่เคยคิดว่าแบคฮยอนจะอยากเรียนแฟชั่นดีไซน์

    นิติก็น่าเรียน มนุษย์ก็เหมือนกัน แต่ที่เลือกแฟชั่นเพราะผมอยากปรับปรุง ดูแล แล้วก็พัฒนาร้านช่วยแม่ครับ

    แบคฮยอน พ่อเข้าใจว่าลูกเป็นห่วงแม่ แต่พ่อกับแม่เคยบอกลูกแล้วใช่ไหมว่าทางที่เราอยากเดินสำคัญที่สุด อย่าแบกรับความฝันของพ่อแม่เอาไว้

    ผมรู้ ตอนนั้นผมถึงตอบว่านิติกับมนุษย์ไงครับ เด็กหนุ่มหัวเราะ ผมไม่ปฏิเสธว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะแม่ ไม่รู้สิครับ... กิจการร้านเดินมาไกลขนาดนี้แล้ว แม่เหนื่อย แม่ทุ่มเทกับมันมาครึ่งชีวิตเพื่อให้ผมกับน้องมีชีวิตที่ดีขึ้น ผมกลัวว่าถ้าวันหนึ่งแม่ทำไม่ไหวแล้วแม่จะเสียใจถ้าจะต้องปิดร้านไปเพราะไม่มีเสื้อผ้าแบบใหม่ ๆ ออกมาให้ลูกค้าสนใจอีก ผมอยากให้พ่อกับแม่นอนอยู่บ้านสบาย ๆ ให้ผมกับน้องได้ตอบแทนบ้าง

    ...

    อีกอย่าง... ผมไม่มีความฝันเป็นของตัวเองตั้งแต่แรกด้วย ไม่รู้ว่าชอบอะไร ไม่รู้ว่าอยากเป็นอะไร และที่ผมหาคำตอบให้ตัวเองได้ว่าอยากเรียนแฟชั่นก็เพราะเป้าหมายของผมคือความสุขของพ่อแม่แล้วก็น้องอีกสองคน ผมอยากเป็นลูกชายคนโตที่รับผิดชอบครอบครัวได้ พ่อไม่ต้องห่วงนะ ผมไม่ได้ฝืนเลยสักนิดเดียว

    คนฟังนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหลุดขำในลำคอเบา ๆ กับเรื่องราวที่ทำให้เขาตื้นตันใจจนพูดไม่ออก ปาร์คแบคฮยอนก็ยังคงเป็นปาร์คแบคฮยอน เด็กผู้ชายสดใส จิตใจดี  ไม่มีพิษมีภัยกับใคร และนึกถึงคนอื่นอยู่เสมอ

     

    ในขณะที่ลูกกำลังให้ความมั่นคงกับพ่อ แล้วเขาล่ะกำลังทำอะไรอยู่...?

     

    แบคฮยอน

    ครับ?

    เมื่อเช้าพ่อเห็นตุ๊กตาหมีอยู่บนเตียงตอนเข้าไปทำความสะอาดห้องให้ลูก ซื้อมาให้น้องเหรอเรา?

    เขาไม่ได้บังคับให้ลูกตอบ แต่การถามในสิ่งที่อยากรู้มันคงไม่ใช่การบังคับเกินไปนัก มันก็แค่เรื่องตุ๊กตา ไม่ได้ถามว่าใครสูบบุหรี่ตรงชิงช้าหน้าบ้านเหมือนที่เคยเจอ

    อ๋อ เปล่าครับเปล่า คือ มันเป็นของชาร์ลน่ะ...

    ชาร์ลี? เขากลับมาแล้วเหรอ?

    อะ... ครับ เพิ่งถึงเมื่อวาน ก็เลยแวบเอาของฝากมาให้เราครับ แต่พอเห็นว่าไม่มีใครอยู่ ชาร์ลก็เลยเอาของฝากของพ่อกับแม่กลับไปก่อน แบคฮยอนไม่ชอบโกหก แต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงไม่พูดความจริง

    เพียงเพราะรู้สึกผิดกับพ่อที่ทำเรื่องแบบนั้นในบ้านตัวเองอีกครั้งน่ะเหรอ ใช่... เขารู้สึกอย่างนั้นอยู่ รู้สึกว่ากำลังทำเรื่องไม่ถูกต้อง และถ้าพ่อรู้คงเสียใจ ดังนั้นแบคฮยอนจึงเลือกพูดความจริงแค่ครึ่งเดียวแล้วหันกลับไปสนใจสมุดบัญชีในมืออีกครั้ง

    ของฝากจากชาร์ลีงั้นเหรอ ลูกกำลังทำพ่อตื่นเต้นนะ ชานยอลหัวเราะ

    ครับ ชาร์ลบอกว่าอยากมาขอบคุณพ่อกับแม่ด้วยตัวเอง...

    พ่อชอบประโยคนี้ อยากมาขอบคุณด้วยตัวเอง แบคฮยอนหันไปสบตากับคนข้าง ๆ เพื่อดูว่าตอนนี้พ่ออยู่ในอารมณ์ไหน คนตัวเล็กรู้ว่าพ่อเป็นคนใจดี แต่เซนส์ลึก ๆ ในใจก็กังวลว่าท่านจะรับรู้เรื่องไม่ควรเข้า ชาร์ลีเป็นเด็กดีขึ้น เราเองก็รู้สึกได้ใช่ไหม?

    ... ลูกชายคนโตนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วพยักหน้าเป็นคำตอบ ก่อนจะหลับตาลงเมื่อพ่อเอื้อมมือขึ้นมายีผมเบา ๆ

    ใกล้ถึงเวลาแล้ว เดี๋ยวพ่อจะไปรับโบยอนที่บ้านน้ามินซอกก่อน อย่าทำงานหนักจนลืมกินข้าวนะลูก พ่อวางขนมไว้ตรงนั้น แบ่งพวกพี่จินฮเยด้วย

    ครับ

    พ่อรักลูกนะ

    ผมก็รักพ่อครับ รักที่สุดเลย

    เสียงจุ๊บหน้าผากดังจนลูกจ้างสาวทั้งสองแอบลอบยิ้ม กับการแสดงความรักที่แตกต่างจากครอบครัวอื่นเพราะเด็กวัยเดียวกันคงไม่ชอบการแสดงความรักแบบนี้สักเท่าไหร่ ยกตัวอย่างใกล้ตัวได้ง่าย ๆ เช่นปาร์คชานอี ลูกชายคนกลางบ้านนี้ที่ไม่ยอมเข้าใกล้คุณแบคฮีเกินสองเมตรเด็ดขาด แต่ลูกชายคนโตกลับนุ่มนิ่ม โอนอ่อนไปกับการแสดงความรักอย่างนั้น พร้อมโบกมือลาเมื่อพ่อเดินไปหยุดอยู่หน้าประตู

    พักก่อนไหมคะน้องแบคฮยอน?

    ครับ... ดีครับ...

    คนตัวเล็กทรุดลงไปนั่งกับพื้นอย่างหมดแรงพร้อมถอนหายใจเฮือกใหญ่ทันทีที่เห็นว่าพ่อไปแล้ว จะเรียกว่ายกภูเขาออกจากอกก็ไม่ใช่ แบคฮยอนไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าว่ารอยยิ้มของพ่อในวันนี้แปลกไปกว่าทุกครั้ง

    ทำไมถึงกลัวนักล่ะ... ทั้งที่พ่อแค่ถามถึงตุ๊กตาที่เขานอนกอดจนถึงเช้า


    มันก็แค่นั้นเอง... ไม่ใช่เหรอ?

     

     

    *

     

     

    ตลกว่ะคิมจุนโล้น 5555555555

    ( ถ้านายเปิดกล้องมาเพื่อหัวเราะเยาะทรงผมฉันล่ะก็ เจอกันอีกทีวันเปิดเทอมนะ )

    ถ้านายวางสายฉันตามไปกระทืบถึงหออะ นี่พูดจริง ไม่ได้ขู่

    ( พูดก็พูดเถอะ ตั้งแต่ผ่าตัดเสร็จ ทุกคนก็ดูเหมือนว่าจะย้ายมาอยู่ฝั่งฉันหมดแล้ว ถ้านายคิดว่าตัวเองเจ๋งก็มาหอแรคคูนเดี๋ยวนี้เลยสิชาร์ลี ฮอปส์ )

    มาว่ะ ไอ้โล้นนี่มันน่าเตะให้คว่ำจริง ๆ

    ( ผมฉันงอกแล้วนะ อย่างน้อยมันก็เรียกว่าสกินเฮดได้ แฟชั่นน่ะรู้จักไหม )

    ชาร์ลง้างมือใส่คนบนจอโทรศัพท์ที่เอาแต่ยิ้มขำอย่างมีความสุขหลังจากได้ใช้อินเทอร์เน็ตในหอเพราะที่บ้านไม่มี คิมจุนมยอนเริ่มมีผมงอกออกมาบ้างแล้ว และคาดว่าอีกไม่นานคงกลับมาเป็นทรงง่อย ๆ ที่ไม่เคยตามแฟชั่นบ้านเมืองทัน

    ( จับไหดี ๆ หน่อยสิ มัวแต่คุยเดี๋ยวของสะสมของคุณปู่ก็หลุดมือหรอก )

    มันจะหลุดมือก็เพราะปากนายนั่นแหละ รู้ไว้ด้วย

    ( สอนแคปจอหน่อยได้ไหม ฉันอยากเก็บรูปนี้ไว้ล้อนายวันหลัง )

    ฝันไปเถอะ ชาร์ลแค่นหัวเราะใส่คนในจอ ก่อนจะหันไปเช็ดไหจีนโบราณในบ้านอย่างระมัดระวัง ในเมื่อปู่ไม่อยู่ดูแลมันแล้ว เขาก็อยากจะทำแทนท่าน

    ( ชางซู มานี่หน่อย )

    ( ว่า? )

    ( แคปหน้าจอน่ะ มันทำยังไงนะ? )

    ( ก็นี่ไง กดตรงนี้แล้วก็ตรงนี้ )

    “Hey, you idiot!” คนหัวร้อนโผล่มาหน้ากล้องที่ตั้งไว้บนโต๊ะพร้อมถลึงตาขู่ให้หยุด แม้ว่าทั้งสองฝั่งจะอยู่คนละที่กัน แต่ชางซูก็เผลอผงะถอยหลังทันทีที่เห็นหน้าอีกฝ่ายพุ่งเข้ามาใกล้

    ( ห่าเอ๊ย ตกใจหมดเลยเชี่ยหรั่ง! )

    ถ้าฉันไปถึงโรงเรียนแกตายแน่ จีชางซู

    ( อ่า ได้แล้ว )

    นายด้วยคิมจุนมยอน!”

    สงครามย่อยหยุดลงทันทีที่ได้ยินเสียงออดหน้าบ้าน ชาร์ลขมวดคิ้วหันไปด้านหลัง ชะงักและประหลาดใจว่าใครกันที่มากดกริ่งบ้านที่ไม่มีคนอยู่มานาน ถ้าจะบอกว่าเป็นแม่บ้านที่เข้ามาทำความสะอาดทุกอาทิตย์แล้วล่ะก็... อาจจะมาผิดเวลาไปหน่อย

    ( มึงหยิบคาตานะไปด้วยดิหรั่ง... )

    ( ชางซู... ปู่ชาร์ลีเป็นคนจีน... ไม่ใช่ญี่ปุ่น )

    ( อ้าวเหรอ... เซี่ย ๆ นะหรั่ง )

    เด็กหนุ่มแตะนิ้วชี้กับริมฝีปากเป็นการบอกให้คนในสายเงียบ ชางซูรีบเอามือตะปบปากพร้อมพยักหน้ารับ ในขณะที่จุนมยอนกลอกตามองอย่างลุ้น ๆ เด็กหนุ่มผิวขาวหันไปสะกิดบอกให้เพื่อนเอามือถือออกมาเตรียมกดโทรหาตำรวจ ถ้าหากว่ามีเสียงอึกทึกครึกโครมเกิดขึ้น คิมจุนมยอนพอจะจำได้ว่าบ้านคุณปู่ชาร์ลี ฮอปส์อยู่แถวไหน

    ขายาวค่อย ๆ ก้าวไปหยุดหน้าบ้าน ก่อนจะมองจอเล็กซึ่งสามารถมองเห็นได้ว่าใครกันที่มากดกริ่งสร้างความประหลาดใจให้กับเขาตอนนี้ ตรงนั้นมีผู้ชายตัวสูงยืนหันหลังอยู่คนหนึ่ง ชาร์ลีหันไปคว้าก้อนหินประดับสวนขนาดย่อมด้านข้างพร้อมมือซ้ายที่กำลูกบิดไว้... ถ้าหากว่าเป็นโจรหรือคนที่คิดจะเข้ามาในบ้านโดยไม่ได้รับอนุญาตล่ะก็... ชาร์ลี ฮอปส์ก็พร้อมที่จะเอาก้อนหินทุบหัวโดยไม่เสียเวลาไตร่ตรองเลยสักนิดเดียว 

    แต่สุดท้ายผู้ชายคนนั้นก็หันมา ผู้ชายคนนั้นที่คิดว่าคงมาหาใครอีกคนที่เป็นส่วนหนึ่งในบ้านหลังนี้เช่นกัน เด็กหนุ่มจึงโยนก้อนหินกลับไปที่เดิม

     

    ( ชาร์ลี เปิดประตูให้อาหน่อย )

     

    แต่คนที่อาชานยอลมาหากลับไม่ใช่พ่อของเขา

     

     

    50%

     

     


    บรรยากาศตอนนี้จะเรียกว่าอึดอัดก็ไม่ใช่ แต่ชาร์ลี ฮอปส์ก็ไม่ได้มีความสบายใจเมื่อใครอีกคนนั่งอยู่บนเบาะสีน้ำตาลฝั่งตรงข้ามโดยมีโต๊ะไม้สีดำมันเงาสไตล์จีนคั่นกลางระหว่างเรา สีหน้าอาชานยอลเรียบเฉยไม่ได้ยินดียินร้าย ผู้ชายคนนี้ยังคงทิ้งคำถามไว้ให้ประหลาดใจว่าเพราะเหตุผลอะไรอีกฝ่ายถึงมาที่นี่ในเมื่อพ่อของเขาไม่ได้อยู่บ้านปู่

    อามีเรื่องตลกจะเล่าให้ฟัง เจ้าของเสียงทุ้มต่ำกล่าวพร้อมมองจอกเหล้าจีนโบราณในมือ หมุนไปมาอยู่ในทีระหว่างชมความสวยงามของมันก่อนจะยิ้มบาง ๆตอนเพิ่งมีแบคฮยอน ปู่เคยชวนอากับพ่อนายมานั่งดื่มด้วยกัน ที่นี่ ตรงนี้ และใช้จอกเหล้าชุดนี้

     ชาร์ลหลุบสายตาลงมองจอกเหล้ากับไหสีขาวนวลซึ่งมีภาษาจีนเขียนกำกับไว้ว่ามันเป็นเหล้าสมุนไพรซึ่งราคาคงไม่ใช่น้อย ๆ  

    ปู่บอกว่าเชื่อสิว่าแค่จอกเดียวแกสองคนก็เครื่องร้อนแล้ว ถ้าดื่มไหวจนหมดไห ฉันพนันได้เลยว่าลูกชายคนที่สองต้องตามมาแน่ ๆตอนนั้นอาก็แค่หัวเราะแล้วยื่นจอกให้ปูรินเหล้าตามมารยาท คิดว่าการนั่งดื่มกันในวันนั้นคือการทุเลาความเหงาให้พ่อของเพื่อนสนิท แต่เรื่องน่าขำก็คือหลังจากนั้นไม่นานอาแบคฮีก็ท้องลูกชายจริง ๆ และเด็กคนนั้นก็คือชานอี

    อาชานยอลยิ้มขำ ชาร์ลเริ่มตระหนักได้แล้วว่ามันไม่ใช่เรื่องปกติที่เราทั้งคู่จะนั่งคุยกันอย่างนี้ กับเรื่องสับเพเหระที่คิดว่าคงมีแค่คนสนิทกันเท่านั้นที่จะพูดคุยกันได้ ซึ่งเขากับอาชานยอลยังห่างไกลกับคำ ๆ นั้นอยู่มากโข ตลอดชีวิตชาร์ลี ฮอปส์รู้จักผู้ชายคนนี้ในนามเพื่อนสนิทพ่อ และเห็นสัญญาณไฟแดงขึ้นอยู่ตลอดเวลาเมื่อมองอีกฝ่าย เพื่อบอกตัวเองว่าอย่าเข้าใกล้อาชานยอลเด็ดขาดถ้าไม่จำเป็น

    ผู้ใหญ่จะยัดเยียดเรื่องน่าปวดหัวให้จนแกคลั่ง นั่นคือสิ่งที่วนเวียนอยู่ในหัว  

    แม้ว่าทัศนคติที่มีต่อคนรอบข้างจะเปลี่ยนไปบ้างแล้วแต่ก็ใช่ว่าจะทั้งหมด ชาร์ลยังคงประหม่า กังวลกับการเข้าหาผู้ชายคนนี้ซึ่งไม่ได้อยู่ในฐานะเพื่อนพ่อเพียงอย่างเดียวแล้ว ตอนนี้อาชานยอลคือพ่อของแฟน และทั้งชีวิตชาร์ลี ฮอปส์ก็ไม่เคยคิดจะอ่อนน้อมถ่อมตนกับพ่อแฟนจนกระทั่งอีกฝ่ายเป็นปาร์คแบคฮยอน

    เพราะแคร์มาก และไม่อยากให้น้องน้อยต้องผิดหวังในตัวเขาอีกแม้ว่าจะเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ สักแค่ไหน ถ้าอาชานยอลไม่ใช่พ่อแฟน ไม่เคยยื่นมือเข้ามาช่วยเรื่องผ่าตัดของจุนมยอน ชาร์ลี ฮอปส์ก็ไม่แน่ใจเลยว่าเขาจะได้นั่งอยู่ตรงหน้าอีกฝ่ายหรือไม่

    ไม่สิ... อันที่จริงต้องบอกว่าจะยอมเปิดประตูให้หรือเปล่า น่าจะถูกเสียมากกว่า

    เข้าเรื่องเถอะ ผมว่าอาคงมีเรื่องอยากคุยมากกว่าเรื่องนั่งดื่มกับปู่ จะเรื่องพ่อ เรื่องการเรียนหรืออะไรเขาก็พร้อมทั้งนั้น

    ดื่มก่อนสิ ชานยอลยื่นจอกเหล้าให้เด็กหนุ่ม เขาเห็นแววตาของอีกฝ่ายที่เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ สับสน แต่ก็ยังคงหยั่งเชิง มันเป็นเหล้าสมุนไพร ไม่แรงเท่าไหที่อาดื่มกับปู่หรอก

    บอกมาเถอะว่ามีเรื่องอะไร สุดท้ายคนแพ้คือคนไม่ทันผู้ใหญ่ อันที่จริงชาร์ลี ฮอปส์จะตามน้ำทำตามที่อีกฝ่ายพูดก็ได้ แต่ความคาใจมันก็มีมากกว่า พ่อไปบ่นอะไรอีกหรือไง ถ้าใช่ผู้ชายคนนี้ก็จะใจร้ายกับเขาเกินไปแล้ว เพราะตั้งแต่กลับไมอามี่ เด็กหนุ่มก็ไม่ได้สร้างปัญหาเลยสักเรื่อง แค่ไปหาเพื่อน คุยกันไม่กี่ชั่วโมงแล้วก็กลับมาอยู่เฝ้าไข้แม่ทั้งที่ไม่เคยทำแบบนั้นมาก่อน

    อาไม่รีบ นายเองก็ไม่ได้ไปไหนอยู่แล้วใช่ไหม?

    ...

    คิดซะว่าดื่มเป็นเพื่อนอานะ ทั้งคู่สบตากันอย่างหยั่งเชิง ชาร์ลจึงรับมายกดื่มรวดเดียวจนหมดโดยไม่มีท่วงท่าการรับจอกตามมารยาทอย่างที่เด็กควรมีต่อผู้ใหญ่

    เรื่องพ่อใช่ไหม?

    อี้ฝานน่ะเหรอ? อาชานยอลเว้นจังหวะไปครู่หนึ่งก่อนจะยกจอกเหล้าดื่มบ้าง เปล่าหรอก ที่อามาหาก็เพราะอยากคุยกับนาย

    ผม?

    เห็นแบคฮยอนบอกว่าเมื่อคืนนายไปหาอาที่บ้านเพราะจะเอาของฝากให้ไม่ใช่เหรอ มันอยู่ไหนล่ะ? เซนส์ด้านร้ายเริ่มทำงานทันทีที่ได้ยินประโยคเมื่อครู่มาพร้อมสายตาของอีกฝ่าย ชาร์ลไม่รู้หรอกว่าข้างในดวงตาคู่นั้นแฝงไปด้วยอะไร แต่ถ้าหากว่าการมาของอาชานยอลไม่ใช่เรื่องที่คิดอยู่ในหัว แต่กลับเป็นเรื่องที่รู้ว่าเขาไปบ้านหลังนั้น โดยมีข้ออ้างเป็นคำที่แบคฮยอนต้องโกหกแล้วล่ะก็...

     

    มันอาจจะไม่ใช่เรื่องดี

     

    เด็กหนุ่มตัวสูงลุกขึ้นเดินไปหยิบกล่องสีน้ำตาลที่วางอยู่ใกล้ ๆ กระเป๋าเดินทางซึ่งมันยังคงอยู่จุดเดิมตั้งแต่กลับมาถึง ชาร์ลไม่ได้เอาเสื้อผ้าออกมาจัดเพราะเขาตั้งใจพักบ้านปู่เพียงชั่วคราวก่อนกลับหอตอนเปิดเทอมเท่านั้น ซึ่งมันก็เหลืออีกแค่ไม่กี่วันแล้ว

    กล่องกระดาษสีน้ำตาลขนาดเล็กถูกวางลงบนโต๊ะก่อนจะดันไปตรงกลางพร้อมโค้งศีรษะเล็กน้อยตามมารยาทที่ทั้งชีวิตคนอย่างชาร์ลี ฮอปส์ก็ไม่คิดว่าจะคุ้นชินกับมัน ท่าทางทุกอย่างล้วนกระอักกระอ่วน ชาร์ลรู้ตัวดี เขาเคยรับมือกับสถานการณ์กดดันได้เก่งกว่านี้ แต่พอในหัวเอาแต่คิดว่าเรื่องไม่ดีกำลังจะเกิดขึ้นกับน้องน้อย ทุกอย่างก็ออกมาไม่ค่อยดีนัก

    ไหนดูซิ ของฝากจากไมอามี่จะเป็นอะไร อาชานยอลมีสิทธิ์เล่นกับความรู้สึกเขาอย่างเต็มที่ ดังนั้นชาร์ลจึงเลือกนั่งอยู่เฉย ๆ เพื่อรอดูว่าผู้ใหญ่จะเล่นสงครามประสาทกับเขาแบบไหน แต่มันก็น่าหงุดหงิดเหลือเกินที่คนอย่างเขาต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้ รอคอยคำตอบอย่างประหม่าขณะที่คนตรงหน้ากำลังพูดไล่ต้อนบีบกรอบกำแพงเข้ามาเรื่อย ๆ

    มันคือนาฬิกาปลุก มือแกร่งชะงักตั้งแต่ยังไม่เปิดกล่อง ชานยอลเงยหน้าขึ้นสบตากับเด็กหนุ่มเพียงครู่หนึ่งก่อนจะหลุดยิ้มออกมา

    จะไม่ให้อาลุ้นเลยหรือไง?

    ผมไม่ได้ซื้อมาเพื่อเซอร์ไพรส์

    อาไม่ได้คาดหวังขนาดนั้นหรอกชาร์ลี ชานยอลยิ้มขำแต่สำหรับคนที่เห็นนายมาตั้งแต่เด็กและไม่ได้สนิทเท่ากับแบคฮยอน มันก็คงมีบ้างที่อาจะดีใจ

    มันก็แค่ของราคาถูกที่หาซื้อได้ทั่วไป

    แต่เจตนาที่นายตั้งใจซื้อให้อามันมีความหมาย แค่นั้นก็พอแล้ว

    ...

    อาไม่ได้บังคับให้นายขอบคุณหรือแสดงท่าทีอ่อนน้อมเพื่อตอบแทนเรื่องจุนมยอนหรอกนะ อาไม่เคยคิดแบบนั้นเลยสักนิด เพราะฉะนั้นเป็นตัวของตัวเองเถอะ

    มันเป็นความย้อนแย้งอย่างหนึ่งที่อาชานยอลไม่ได้รู้จักเขาดีเหมือนคนที่อยู่ด้วยมาทั้งชีวิต แต่อีกแง่ผู้ชายคนนี้ก็ดูเหมือนว่าจะอ่านใจและจับทางชาร์ลี ฮอปส์ได้อย่างง่ายดาย ถ้าตรงหน้ามีกระดานหมากรุกวางอยู่แทนไหเหล้า เด็กอย่างเขาก็คงถูกรุกฆาตได้อย่างง่ายดาย

    การยอมรับความช่วยเหลือจากคนอื่นไม่ใช่เรื่องน่าอาย และการรับคำขอบคุณจากคนอื่นมันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นได้ในทุก ๆ วันเหมือนกัน อาชานยอลดันจอกแก้วมาตรงกลางพร้อมผายมือไปทางไหและพยักหน้าบอกให้เขารินให้ ชาร์ลนิ่งไปครู่หนึ่ง ทบทวนความคิดอยู่เงียบ ๆ ก่อนจะตัดสินใจรินเหล้าใส่จอกพร้อมยื่นให้อย่างคนที่ยังตั้งหลักรับสถานการณ์ตอนนี้ไม่ทัน ขอบใจนะ

    ...

    ทั้งเรื่องรินเหล้าและนาฬิกาปลุกจากไมอามี่ ผู้ชายคนนี้... อาจะใช้มันแทนนาฬิกาปลุกตัวเดิมตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป

    ผมไม่ได้ซื้อมาเพื่อบังคับให้อาใช้ ผมรู้ว่ามัน -- ให้ตาย มีอะไรก็ช่วยพูดออกมาตรง ๆ ได้ไหม ผมจะอ้วกความอัดอัดออกมาอยู่แล้ว เด็กหนุ่มถอนหายใจหนัก ๆ สองมือที่ซ่อนอยู่ใต้โต๊ะกำเข้าหากันแน่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาเกลียดความรู้สึกแบบนี้เหลือเกิน สู้ให้พูดเรื่องแย่ ๆ ออกมารวดเดียวจนหมดยังจะรู้สึกดีกว่า ชาร์ลี ฮอปส์คุ้นเคยกับมันอยู่แล้ว

    ได้ ชาร์ลี

    ...

    ทั้งคู่สบตากันท่ามกลางความเงียบ และตอนนี้คนอายุน้อยกว่ารู้สึกได้ถึงความเรียบเฉยผ่านทางแววตา

    ที่อามาวันนี้ ก็คือเรื่องแบคฮยอน

     

    จนได้ เซนส์ของเขาไม่เคยทำงานพลาดเลยจริง ๆ

     

    จากที่โดนไล่ต้อนมานาน ชาร์ลี ฮอปส์ก็เริ่มจับทางได้ว่าควรจะวางตัวอย่างไรในสถานการณ์แบบนี้ เขาไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว ถ้าอาชานยอลมาที่นี่เพื่อถามเรื่องการเรียน หรือความสนิทสนมของเขาและน้องน้อยมันก็คงไม่มีปัญหา แต่ถ้าเป็นเรื่องที่มากกว่านั้น... เด็กหนุ่มก็พร้อมที่จะรับมือ

    กับแบคฮยอนน่ะ

    คนอายุมากกว่าเว้นจังหวะไปครู่หนึ่ง แต่มันก็นานมากเสียจนรู้สึกได้ว่าจังหวะการหายใจขาดห้วงไปกับความตื่นเต้นในเรื่องที่ตั้งใจไว้แล้วว่าต้องรับมือให้ได้

    มากกว่าเพื่อนแล้วใช่ไหม?

     


     

    *

     

     


    อย่าลืมเช็กประตูหน้าร้านให้ดีนะคะน้องแบคฮยอน ถ้าสงสัยอะไรโทรหาพี่ได้ตลอดนะ

    คนตัวเล็กพยักหน้าแล้วโบกมือลาพนักงานหลังจากช่วยกันเก็บร้านจนเกือบเรียบร้อย แต่ลูกชายเจ้าของร้านก็ยังเลือกที่จะอยู่ต่อ ลูกจ้างสาวทั้งสามจึงยืนมองเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะลอบยิ้มออกมากับความตั้งใจของเด็กน้อยที่แสดงให้เห็นอยู่ตลอดทั้งวัน ไม่ว่าจะเป็นยกของหรือแนะนำสินค้าให้ลูกค้า พวกเธอทั้งสามโดนน้องแบคฮยอนแย่งทำงานจนต้องผลัดกันอยู่แคชเชียร์คิดเงินเพื่อไม่ให้ว่างจนเกินไป

    เฮ้โมจิ เจ้าของชื่อหันไปตามเสียง ก่อนจะพบว่าคนที่เปิดประตูเข้ามาในร้านคือคนที่ทำให้ยิ้มได้ทุกครั้งที่เจอกัน

    ชาร์ลมาได้ไง ไม่เห็นโทรบอกเราเลย

    ต้องให้รายงานทุกอย่างเลยเหรอ เป็นแม่ฉันหรือไง? คนตัวโตเลิกคิ้วหาเรื่อง แบคฮยอนจึงย่นจมูกใส่แล้วเดินไปต่อยท้องเบา ๆ

    เราจะได้เตรียมตัวรอต่างหาก

    รออะไร

    รอแฟน

    ยังเห็นฉันเป็นแฟนอยู่เหรอ ส่งข้อความหายังไม่เห็นตอบ นึกว่าเจอลูกค้าหล่อ ๆ จนเตลิดไปกับเขาแล้ว ชาร์ลยีผมคนที่ทำหน้าดื้อใส่จนต้องเสยผมม้าขึ้นแล้วก้มไปจุ๊บเหม่งแรง ๆ ให้หายมันเขี้ยว ก่อนจะโอบแก้มนุ่มนิ่มให้เงยหน้าขึ้นมาสบตากัน

    เราวางโทรศัพท์ไว้ในลิ้นชักอะ วันนี้ยุ่งมาก ๆ เลย

    วันนี้ยุ่งมาก ๆ เลย

    ห้ามล้อ มือนุ่มนิ่มเอื้อมขึ้นปิดปากอีกคนก่อนจะถูกจุ๊บจนเกิดเสียงชวนเขิน แบคฮยอนรีบชักมือกลับ หน้าขึ้นสีจัดแล้วเอาหัวโขกแผงอกแกร่งก่อนจะซบลงไปแก้เขิน

    ชาร์ลกินข้าวหรือยัง?

    ถ้าบอกว่ามารับไปกินด้วยกันคนแถวนี้จะจุ๊บเป็นรางวัลที่ถ่อหน้ามาหาตั้งไกลไหม?

    ทำเพื่อหวังผลนี่ แบคฮยอนผละออกมาเล็กน้อยเพื่อเงยหน้าขึ้นสบตากับอีกฝ่าย หัวใจเต้นตึกตักเลยตอนได้ยินประโยคเมื่อครู่นี้

    เพิ่งรู้เหรอ? คนฟังอมยิ้ม ก่อนจะเขย่งขาขึ้นจุ๊บปากอีกคนแช่ไว้แล้วผละออก

    คิดถึงเราล่ะสิ

    ถ้าให้พูดความจริงคือฉันกำลังมีอารมณ์น่ะ

    โหชาร์ลอะ ทำไมต้องลามกด้วย เวลาแบบนี้ควรพูดหวาน ๆ ให้โรแมนติกสิแบคฮยอนขมวดคิ้ว ทำปากยื่นใส่อย่างออดอ้อนก่อนจะหลุดยิ้มออกมาทันทีที่อีกฝ่ายโน้มหน้าลงมาจุ๊บซ้ำ ๆ เป็นอะไรเนี่ย วันนี้เมาจุ๊บเหรอ

    ฉันเป็นแฟนนาย จะจูบ จะฟัด จะทำอะไรก็ได้ทั้งนั้นเปล่า?

    มันก็ได้ เขาทำปากมุบมิบขณะจ้องหน้าแฟนหนุ่มที่วันนี้เอาใจเกินไปจนผิดปกติ ทั้ง ๆ ที่เมื่อคืนก็นอนอยู่ด้วยกันจนเกือบเช้าแท้ ๆแต่มันแปลกไปกว่าทุกวันนี่

    คงเพราะวันนี้นายแต่งตัวน่าเขมือบชาร์ลยังคงพูดจาทะลึ่งตึงตัง แต่แบคฮยอนกลับรู้สึกได้ถึงความว่างเปล่าในดวงตาคู่นั้นที่ไม่ได้มาพร้อมรอยยิ้ม แววตาที่ทำให้เขาเป็นห่วง

    ชาร์ลเป็นอะไรหรือเปล่า?

    หืม? เปล่านี่? คนตัวสูงขมวดคิ้วพลางส่ายศีรษะปฏิเสธอย่างชัดเจน และที่เป็นอยู่ตอนนี้นั่นแหละที่ทำให้แบคฮยอนรู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังผิดปกติ

    ทะเลาะกับลุงอี้ฝานมาใช่ไหม? ชาร์ลส่ายศีรษะปฏิเสธ แล้วเป็นอะไร เล่าให้เราฟังหน่อยได้ไหม?

    ถึงตอนนี้เราจะเข้าใจกันมากกว่าเมื่อก่อนแต่ถึงอย่างนั้นคนตัวเล็กก็ไม่กล้ารบเร้าเอาความจริง แบคฮยอนรู้ว่าคนที่จะได้ฟังทุกเรื่องของชาร์ลคือจุนมยอน คนที่เป็นเพื่อนสนิท คนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังอยากรู้ แต่อีกใจก็กลัวจะเห็นอีกฝ่ายเงียบแล้วทิ้งความคาใจไว้ให้

    แต่อย่าเป็นอย่างนั้นเลยนะ... ปาร์คแบคฮยอนอยากเป็นทุกอย่างของชาร์ลี ฮอปส์จริง ๆ

    ดูออกง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ?

    ไม่ง่าย คนตัวเล็กเว้นจังหวะไปก่อนจะกุมมือแกร่งขึ้นมาระดับอก แต่เป็นเพราะเราแคร์ชาร์ลไงถึงได้รู้

    พูดจาน่ารัก คนตัวโตยีผมเขาเบา ๆ แบคฮยอนไม่รู้ว่าเผลอแสดงสีหน้ากดดันไปหรือเปล่า แต่เขาพยายามเก็บสีหน้าอย่างเต็มที่แล้ว ใช่ ฉันมีเรื่องไม่สบายใจ

    คนตัวเล็กเงยหน้ามองอย่างตั้งใจและคาดหวัง ถ้าชาร์ลบ่ายเบี่ยงไปเรื่องอื่นหัวใจคงวูบแล้วก็ทำหน้าหงอยให้อีกฝ่ายเห็นโดยไม่รู้ตัวแน่ ๆ แต่แล้วคนตรงหน้าก็ทำตรงข้ามกับความคิด เมื่อมืออุ่น ๆ กุมมือเขาขึ้นไปจูบเบา ๆ ก่อนจะสบตากัน

    เก็บร้านแล้วไปหาที่เงียบ ๆ นั่งคุยกัน แล้วฉันจะเล่าให้ฟังทุกอย่างเลย

     

     

     

    70%

     

     

     

    แบคฮยอนเงยหน้ามองท้องฟ้า มองความมืดมนบนนั้นซึ่งไร้กลุ่มดาวคอยส่องแสงประกาย มันไม่เคยเงียบเหงาขนาดนี้กระทั่งเขาได้ยินเรื่องสะเทือนใจจากปากคนรัก

    ชาร์ลขึ้นรถเมล์กลับไปแล้วหลังจากมาส่งถึงหน้าปากซอย แต่เขากลับไม่กล้าเดินเข้าไปในทางยาวที่เคยเดินเข้าเดินออกเป็นประจำมาตลอดชีวิต ฝีเท้าหยุดยืนอยู่ใต้เสาไฟ สายตาจ้องมองเงาตนเองระหว่างถูกความกังวลเล่นงาน มันกำลังต่อสู้กับคำสอนของลุงจงแดที่ว่า

     

    เวลาเจอปัญหา ลุงอยากให้แบคฮยอนมีสติ เพราะถ้าเราทำมันหายไป หรือปล่อยให้ตัวเองจมอยู่แต่กับปัญหา ตอนนั้นเราจะทำอะไรไม่ได้จนเรื่องเล็กน้อยกลายเป็นใหญ่โต เรื้อรังจนยากที่จะแก้ไข

     

    เขาพยายามแล้ว แต่หัวใจมันก็เต้นแรงเสียจนต้องยกมือขึ้นทาบ ความคิดในหัววิ่งวนตีกันจนทำอะไรไม่ถูก นอกจากเหตุการณ์พ่อกับแม่ทะเลาะกัน... เรื่องนี้คงเป็นอีกครั้งที่ทำให้แบคฮยอนกลัว

     

    ฉันคงกลับไปอยู่ไมอามี่หลังจากจบมอปลาย

    ไหงงั้นล่ะ ลุงอี้ฝานไม่ได้ให้ชาร์ลต่อมหาลัยที่นี่หรอกเหรอ?

    ตอนแรกก็เหมือนจะใช่ แต่อะไร ๆ ก็เกิดขึ้นได้กับผู้ใหญ่ที่ถือเงินไว้ในมือ ถ้าดีหน่อยก็อาจจะได้เรียนต่อ แต่สำหรับเด็กผลการเรียนอย่างฉันที่พ่อก็ไม่ได้ประทับใจ ไอ้ที่เรียกว่ามหาลัยก็ดูจะหวังไกลเกินไปหน่อย

     

    ตอนนั้นหัวใจมันชาวาบเหมือนมองเห็นเข็มนับหมื่นพันกระจายอยู่บนถนนเบื้องหน้าซึ่งเขาและอีกคนกำลังเดินอยู่ เคยคิดไว้เหมือนกันว่าสักวันหนึ่งชาร์ลอาจจะต้องกลับไมอามี่ แต่อีกใจก็คิดเข้าข้างตัวเองว่าคงไม่เป็นอย่างนั้น เราจะต้องได้อยู่ด้วยกัน

     

    แล้วถ้าเป็นอย่างนั้น นายจะยังอยากคบกับฉันอยู่ไหม?

    อยากสิ ทำไมชาร์ลถามแบบนี้

    ระยะทางเกาหลีกับไมอามี่มันไกลกัน นายทำใจได้เหรอที่ --

    เราทำได้

    แรก ๆ นายอาจจะทำได้ แต่พอนานไปล่ะ เราต้องหมดเงินไปสักเท่าไหร่กว่าจะเก็บเงินค่าตั๋วเครื่องบินไปหากันได้

    ชาร์ลไม่ต้องเก็บ เราจะทำเอง เราจะบินไปหาที่ไมอามี่... เพราะงั้นเราไม่เลิกนะ ชาร์ลจะมาเซอร์ไพรส์เราที่บ้านพร้อมตุ๊กตา นอนกอดเราจนเกือบถึงเช้าแล้วจะบอกเลิกเราแบบนี้ไม่ได้ เราไม่ยอม

     

    ไม่เคยงอแงขนาดนั้น อันที่จริงแบคฮยอนเคยคิดอยู่บ่อยครั้งว่าถ้าหากวันหนึ่งไปกันไม่ได้จนต้องจบความสัมพันธ์ ตอนนั้นจะเป็นใครกันที่ต้องคว้ามืออีกฝ่ายเอาไว้และอ้อนวอนขอไม่ให้จากไป และตอนนี้เขาก็ได้รู้คำตอบแล้ว ว่ามันคือปาร์คแบคฮยอนเองที่ทนไม่ได้

     

    นายต้องเก็บเงินค่าตั๋วเครื่องบินเพื่อไปหาฉันถึงไมอามี่แค่อาทิตย์เดียว แล้วก็กลับไปเจอฉันแค่ตอนเปิดกล้องวันละไม่กี่นาทีเพราะเวลาของเรามันสวนทางกัน นายกลางวัน ฉันกลางคืน

    อือ เราจะทำ

    แตะต้องตัวกันก็ไม่ได้ ฉันกอดนายไว้แบบนี้ก็ไม่ได้ มันเหนื่อย ไม่เข้าใจหรือไง

    เราเข้าใจทุกอย่าง แต่เราแค่ไม่เข้าใจว่าทำไมชาร์ลถึงยอมแพ้ง่ายแบบนี้

    เพราะฉันรู้ว่าฉันคงทนไม่ได้ไง... โมจิ

    พยายามหน่อยสิ เราไม่อยากทำมันคนเดียว เราอยากให้ชาร์ลเข้มแข็งแล้วผ่านมันไปด้วยกัน

     

    ตอนนั้นแบคฮยอนได้แต่ก้มลงมองมือตัวเอง ก่อนจะเงยหน้ามองดวงตาคู่นั้นที่คงเจ็บไม่แพ้กัน ชาร์ลคงคิดมาอย่างดีแล้ว คงกังวลอยู่คนเดียวมาตลอดหลังจากที่รู้ว่าลุงอี้ฝานคงไม่ให้อยู่เกาหลีตลอดไป แต่เมื่อคืนผู้ชายคนนี้กลับกอดเขาไว้ และให้ความสบายใจเป็นความอบอุ่น

     

    เดี๋ยวเราจะลองคุยกับลุงอี้ฝานก่อน... ชาร์ลอย่าเพิ่งถอดใจนะ

     

    เขาคงเหมือนเด็กห้าขวบที่ร้องไห้ออกมาง่าย ๆ แต่ถึงอย่างนั้นแบคฮยอนก็อยากให้ชาร์ลเข้มแข็งและเชื่อใจว่าเขาจะพาอีกฝ่ายผ่านพ้นเรื่องนี้ไปให้ได้

     

    มันไม่ง่ายหรอกโมจิ พ่อฉันน่ะ --’

    งั้นเราจะไปอยู่กับชาร์ลด้วย เราจะไปเรียนที่นั่น เราจะตั้งใจเรียนภาษาอังกฤษ จะเรียนพิเศษเพิ่ม

    ...

    เพราะงั้นอย่าคิดที่จะบอกเลิกเรานะ... ไม่เอา...

     

    ใบหน้าของแฟนหนุ่มหล่อแค่ไหน ตอนนั้นแบคฮยอนมองเห็นแค่ความพร่าเบลอ กระทั่งชาร์ลเอื้อมมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาให้ก่อนจะรั้งตัวเขาเข้าไปกอดพร้อมกดศีรษะลงให้ซบกับอกกว้าง แบคฮยอนกอดอีกฝ่ายไว้แน่นราวกับกลัวว่านั่นคือครั้งสุดท้ายที่เขาจะมีโอกาสได้ทำอย่างนั้นอีก ท่ามกลางความเงียบในเวลาที่มีแต่ปัญหาล้อมอยู่โดยรอบ เราต่างได้ยินแต่ความเสียใจของกันและกัน

     

    พ่อนายรู้เรื่องของเราแล้ว

    ...

     

    แบคฮยอนผละออกมาจากอ้อมกอด มองหน้าคนรักที่กำลังบอกให้รู้ผ่านทางแววตาว่าเรื่องของเรามันยากกว่าที่คิดเอาไว้

     

    พ่อ... รู้แล้วเหรอ?

    อืม

    ...

    แล้วเขาก็... ไม่ได้เห็นด้วยกับสิ่งที่ฉันทำกับนาย

     

    พ่อเป็นคนใจกว้างและเข้าใจโลกได้ดีกว่าใครในสายตาลูกชายอย่างแบคฮยอน แต่พอถึงตอนนี้เขาเริ่มจะไม่แน่ใจแล้ว มันเป็นความรู้สึกอย่างหนึ่งที่จุดขึ้นมาในใจว่าต่อให้พ่อจะเข้าใจโลกเป็นอย่างดี แต่ก็ใช่ว่าจะยอมรับได้ในสิ่งที่เขาเป็น

    ลูกชายคนโตมักจะเป็นความหวังของบ้าน แม้ว่าพ่อแม่จะไม่เคยกดดัน แต่สิ่งแวดล้อมรอบข้างก็บ่มเพาะให้แบคฮยอนบอกตัวเองเสมอว่าต้องทำให้ท่านทั้งสองภูมิใจให้ได้ และการที่เขาเป็นแบบนี้... พ่อก็คงจะผิดหวังอยู่ไม่น้อยสินะ

    ได้ยินเสียงพากย์ฟุตบอลทันทีที่เปิดประตูเข้าบ้าน แบคฮยอนหยุดฝีเท้าอยู่ตรงนั้น มองผู้ให้กำเนิดที่ค่อย ๆ หันมา ด้วยแววตาที่ลูกชายอย่างเขาพอจะเข้าใจอะไรได้บ้าง

    กลับมาแล้วเหรอลูก เหนื่อยไหม?แต่ถึงอย่างนั้น พ่อก็ยังยิ้มและถามไถ่ถึงเรื่องนี้ก่อนเสียอีก

    พ่อครับคนตัวเล็กกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ เขาไม่แน่ใจเลยว่าสิ่งที่กำลังจะพูดออกไป มันจำเป็นต้องเตรียมใจไว้ก่อนหรือไม่ สำหรับคน ๆ นั้นที่เรียกว่าพ่อ คนที่แบคฮยอนรักและเชื่อใจมาตลอดชีวิตผมมีเรื่องจะคุยด้วย

     

     

     

    *

     

     

    ชิงช้าหน้าบ้านที่ทำไว้ตั้งแต่ลูกชายคนแรกยังไม่เกิด ตอนนี้เขากับพ่อกำลังนั่งแกว่งมันข้าง ๆ กันอย่างเชื่องช้าเพื่อปล่อยให้ใจผ่อนคลายไปกับบรรยากาศในเวลานี้ โบยอนหลับแล้ว และนั่นหมายความว่าจะไม่มีเจ้าของเสียงเจื้อยแจ้วคอยขัดจังหวะในช่วงเวลาที่แบคฮยอนกำลังจะพูดเรื่องจริงจังที่สุดในชีวิต

    ดูนี่สิ

    คนตัวเล็กหันไปตามแสงสว่างจากจอสมาร์ทโฟน เผยให้เห็นคลิปวิดีโอที่กำลังเล่นบนมือของพ่อ ในนั้นมีเด็กตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งกำลังเดินเตาะแตะไปเกาะกับชิงช้า โดยมีเสียงของใครอีกคนคอยให้กำลังใจอยู่เบื้องหลังของคลิปวิดีโอนี้

    คุณแม่ยังสาวยืนอยู่ไม่ห่างจากเด็กคนนั้นมากนัก เธอดูกังวลไม่น้อยจึงหันมาพูดกับคนถือกล้องว่าจะดีเหรอคะ หนูกลัวลูกตกชิงช้าชายที่อยู่เบื้องหลังกล้องจึงพูดว่าไม่ต้องกลัวหรอก เราควรปล่อยให้ลูกรู้ว่าการเจ็บจากความสนุกเป็นยังไง และหลังจากที่ลูกเจ็บ ลูกจะได้เรียนรู้ว่าแบบนี้มันทำให้เจ็บนะ คราวหน้าลูกก็จะระวังตัวไปเองโดยที่เราไม่ต้องบอก

    ยังไม่ทันขาดคำ เจ้าตัวเล็กก็ปีนขึ้นไปบนชิงช้าและพลาดตกลงไปก้นจ้ำเบ้า กล้องค่อย ๆ ซูมเข้าไปใกล้ ๆ ดวงตากลมโตคู่นั้น จับภาพนิ่งใบหน้าเรียบเฉยไร้เสียงหัวเราะเอิ้กอ้ากอย่างนึกสนุกเช่นก่อนหน้านี้ อย่าเข้าไป แบคฮี เสียงคนถือกล้องพูด หญิงสาวคนนั้นจึงหยุดฝีเท้า

    ลุกขึ้นครับแบคฮยอน เล่นชิงช้ากันต่อนะ

    เด็กคนนั้นคงฟังไม่รู้เรื่อง แต่อาจเป็นเพราะน้ำเสียงทุ้มต่ำและคาดว่ามันคงมาพร้อมรอยยิ้มของคนถือกล้อง เด็กตัวเล็ก ๆ ที่ยังไม่ประสีประสาจึงลุกขึ้นยืนโดยไร้การบีบน้ำตา ก่อนจะปีนขึ้นชิงช้าอีกครั้ง โดยมีสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวลของแม่จับจ้องมองอยู่ตลอด

    พ่อเก็บคลิปนี้ไว้ตลอดเลยเหรอ

    คนถูกถามขานตอบในลำคอพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะกดปิดหน้าจอมือถือแล้วสบตากับเขาของชานอีกับโบยอนก็มีนะ เปิดดูตอนเหนื่อย ๆ มันช่วยได้เยอะเลย

    ได้ยินอย่างนี้ยิ่งใจชาวาบ แบคฮยอนกำราวโซ่จนมือเจ็บแต่มันคงน้อยกว่าความรู้สึกของคนเป็นพ่อที่หัวใจกำลังจะสลายเพราะลูกชายอย่างเขา พ่อรักเราสามคนมาก ไม่เคยทำให้เสียใจเลยสักครั้ง เรื่องนี้คนตัวเล็กรู้ดีมาตลอด แล้วตอนนี้มันอะไรกัน

    ผมขอโทษครับ... คนข้าง ๆ ไม่ได้ตอบอะไร แบคฮยอนมองเห็นเพียงกางเกงสแล็คของพ่อ ก่อนจะรู้สึกได้ถึงฝ่ามือใหญ่ที่วางลงบนศีรษะตน พ่อก็คงพูดอะไรไม่ออก และมันต้องเป็นหน้าที่ของคนตัวเล็กที่ควรรับผิดชอบกับเรื่องทั้งหมด

    พ่อจะแกล้งทำเป็นไม่เห็น แต่ถ้าหลังจากนี้ลูกยังร้องไห้อีกพ่อจะนับแล้วนะ

    พ่อโกรธผมหรือเปล่าครับ... แบคฮยอนช้อนตามองคนข้าง ๆ และเขาไม่รู้ว่าพ่อกำลังมองมาด้วยแววตาแบบไหนที่ผม... เป็นแบบนี้

    คนเป็นพ่อไม่ได้ตอบในทันที ปาร์คชานยอลเพียงนิ่งไปเพื่อให้ลูกชายได้เช็ดน้ำตาก่อนจะฟังในสิ่งที่เขากำลังจะพูด พ่อไม่ได้โกรธ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าตกใจ

    ผมควรจะบอกตั้งแต่แรก... ขอโทษที่มีความลับนะครับ

    พ่อไม่ได้คิดที่จะให้ลูกเล่าทุกอย่างให้ฟัง ทุกคนในโลกมีความลับทั้งนั้น แต่แบคฮยอน ถ้ามันไม่ลำบากเกินไปพ่อก็อยากให้ลูกปรึกษาพ่อบ้างสักนิด

    ผมขอโทษ... ที่ผมไม่บอกก็เพราะผมกลัวพ่อจะผิดหวังเพราะคนที่ผมเลือกเป็นผู้ชายด้วยกันมากกว่าจะเป็นผู้หญิง

    กลายเป็นคนคิดแทนพ่อตั้งแต่เมื่อไหร่? ชานยอลใช้นิ้วหัวแม่มือปาดน้ำตาออกให้ลูกชายคนโตอย่างเบามือ

    ผมกลัวพ่อจะผิดหวังในตัวผมที่เป็นลูกชายคนโต

    พ่อไม่ได้ให้แบคฮยอนเกิดมาเพื่อเป็นความหวังของพ่อ พ่อกับแม่ตั้งใจให้ลูกเกิดมาเพื่อใช้ชีวิต

    ...

    อยากเป็นอะไรลูกเป็นได้เลย ไม่ต้องแบกคำว่าความหวังของพ่อกับแม่ไว้บนบ่า แต่ที่พ่อบอกว่าอยากให้ปรึกษาก็เพราะว่ามันเป็นเรื่องที่ส่งผลถึงอนาคตของลูก พ่อสอนเราทั้งสามคนไปยังไง วันนี้พ่อก็ยังคอยมองอยู่ตลอด ชานอีชอบพาผู้หญิงเข้าบ้านตอนที่พ่อกับแม่ไม่อยู่ มันทำให้พ่อเป็นกังวลว่าเขาจะพลาดจนทำผู้หญิงเสียอนาคต ส่วนเรา... แบคฮยอน

    เจ้าของชื่อตั้งใจฟังทั้งน้ำตาคลอ คนเป็นพ่อถอนหายใจเบา ๆ เพราะลูกชายคนนี้เป็นคนเดียวที่กังวลน้อยมากที่สุด แต่วันนี้เขากลับต้องพูดเพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาเกิดขึ้นในภายภาคหน้า

    กับผู้ชายด้วยกันมันเสี่ยงต่อการติดโรคได้มากกว่า ถ้าลูกกับชาร์ลีมีความสัมพันธ์กันไปไกลถึงขั้นนั้นแล้วพ่อก็อยากให้ลูกยึดเรื่องนี้ไว้ อีกอย่าง... ใช่ พ่อกังวล เพราะเราต่างก็รู้ว่าชาร์ลีเป็นคนยังไง เขาเคยเป็นเด็กมีปัญหา ต่อต้านทุกคนมาก่อน ชานยอลเว้นจังหวะไปครู่หนึ่งพ่อกลัวเขาจะรักลูกแค่ตอนนี้

    ผมไม่รู้ว่าผมกับชาร์ลจะไปได้ไกลแค่ไหน เพราะผมคิดแค่ว่าจะทำวันนี้กับพรุ่งนี้ให้ดีครับ...

    ลูกต้องคิดนะแบคฮยอน อีกคนไม่ใช่คนอื่นที่จะเลิกกันแล้วหายไปจากชีวิตเราได้ เขาคือลูกชายลุงอี้ฝานเพื่อนสนิทพ่อ ในอนาคตหรือสักวันหนึ่งเราอาจจะต้องกลับมาเจอหน้ากันอีก พ่ออยากให้ลูกคิดอะไรให้กว้าง ๆ

    ผมขอโทษครับ... ต่อไปนี้ผมจะคิดให้มาก ๆ เพราะงั้น... พ่ออย่าห้ามผมคบกับชาร์ลได้ไหม...

    ไม่ลูกไม่ พ่อไม่เคยคิดที่จะห้ามลูกสองคนคบกันเลย ทำไมถึงพูดอย่างนั้น? ชานยอลขมวดคิ้วมองคนที่กำลังสะอื้นจนไหล่สั่น ก่อนจะลุกไปนั่งยอง ๆ ตรงหน้าลูกชายคนโตพร้อมกุมมือเล็กเอาไว้ที่พ่อพูดก็เพราะอยากให้ลูกป้องกัน อยากให้คิดถึงอนาคตก็เท่านั้นเอง

    แต่ชาร์ลบอกว่าวันนี้พ่อไปหาที่บ้าน แล้วก็บอกว่าพ่อไม่เห็นด้วยที่ผมกับเขาจะคบกัน พ่อแกล้งพูดให้ผมดีใจเฉย ๆ หรือเปล่า เขาไม่เคยเห็นแบคฮยอนร้องไห้สะอื้นงอแงแบบนี้นอกเสียจากตอนถูกชานอีแกล้ง แต่คราวนี้ดวงตาคู่นั้นกำลังมองมาอย่างคาดหวัง และแน่นอนว่าคนเป็นพ่อจะไม่มีวันทำให้ลูกเสียใจ เพราะเขาได้ตั้งปฏิญาณตนไว้ตั้งแต่วันแรกที่รู้ว่าแบคฮีตั้งท้องแล้ว

     

    แต่เดี๋ยวนะ... คำว่าไม่เห็นด้วยที่จะคบกัน นั่นน่ะ มันอะไรกัน?

     

    พ่อน่ะเหรอพูดอย่างนั้น? หลังจากที่เขาพูดจบ ลูกชายก็พยักหน้าเร็ว ๆ

    พ่อกับลุงอี้ฝานวางแผนจะจับชาร์ลแยกไปจากผมจริง ๆ เหรอ พ่ออย่าทำแบบนั้นนะ จะให้ผมทำอะไรก็ได้ จะให้เจอกันอาทิตย์ละครั้งก็ยอม แต่อย่าให้ชาร์ลกลับไปอยู่ไมอามี่เลยนะ ผมกลัวลุงอี้ฝานไม่ให้ชาร์ลเรียนต่อ กลัวเขาต้องไปทำงานลำบากทั้งที่ยังไม่ได้วุฒิปริญญาตรี

    แบคฮยอนพ่นความในใจออกมาทั้งน้ำตาจนคนฟังแทบจับใจความไม่ได้ คนเป็นพ่อขมวดคิ้วพลางเลียริมฝีปากเพื่อตั้งสติ พยายามนึกถึงตอนพาตัวเองไปบ้านปู่ ตอนนั้นเขานั่งดื่มกับชาร์ลี แต่สาบานได้เลยว่าเหล้าเพียงไม่กี่จอกนั้นไม่ได้ทำให้เขาเมาจนถึงขั้นพูดเรื่องร้ายแรงออกไป  

     

    ที่พูดอ้อมค้อมอยู่นานก็เพราะสงสารผมสินะ

    คำนั้นมันแรงเกินไปสำหรับเรื่องที่อาคิดอยู่

    อาไม่จำเป็นต้องเป็นคนดีตลอดเวลาก็ได้ โดยเฉพาะตอนที่เป็นห่วงอนาคตของแบคฮยอน คนเป็นพ่อเป็นแม่ก็คงอยากให้ลูกชายแต่งงานมีลูกออกมาสืบทายาทให้อยู่แล้ว

    อาชอบที่นายเป็นคนตรงไปตรงมาแบบนี้

    ...

    แน่นอนว่าอาเป็นห่วงแบคฮยอน เพราะส่วนหนึ่งนายไม่ได้ให้ความมั่นใจกับอาและอาแบคฮีเลย นายยังทำตัวลอยไปลอยมา ไม่สร้างหลักปักฐานให้กับชีวิตตัวเอง แล้วในอนาคตจะทำยังไง ชาร์ลี? อาไม่ได้คิดไปถึงเรื่องดูแลแบคฮยอนหรอก เพราะถ้าคบกันยืดยาวเกินคำว่ารักวัยเด็กไปแล้ว อาก็อยากให้ทั้งคู่ดูแลกันและกัน

    ...

    อาไม่โกรธถ้าแบคฮยอนชอบผู้ชายจนกลับไปชอบผู้หญิงไม่ได้อีก อายินดีด้วยซ้ำถ้าเขาเจอคนที่ใช่ เจอคนที่คิดว่าจะรัก แต่ที่อามาวันนี้ก็เพราะอาอยากรู้ว่านายชัดเจนกับความรักครั้งนี้มากแค่ไหน

    ผมอธิบายมันออกมาเป็นคำพูดไม่ได้หรอก แต่ผมรู้แค่ว่าถ้าอามาที่นี่เพื่อจะขัดขวาง ผมก็จะพาแบคฮยอนหนี

    ชาร์ลี นายไม่ใช่เด็ก ๆ แล้ว ถ้าหนีไปแล้วยังไง จะหางานทำทั้งที่ยังไม่จบมอปลายเงินเดือนมันจะสักเท่าไหร่กัน?

    งั้นก็อย่าห้าม เพราะผมจะไม่มีวันเลิกกับแบคฮยอนเด็ดขาด

    ...

    ไม่มีใครหยุดผมได้ ถ้าอาอยากรู้ก็ลองดู

     

     

    พ่ออย่าส่งชาร์ลไปไมอามี่นะ...

    พ่อไม่ส่งแน่นอน ฟังพ่อก่อนแบคฮยอน

    ชานยอลโอบใบหน้าอีกฝ่ายให้สบตากัน เห็นลูกชายคนโตร้องไห้สะอึกสะอื้นจนน่าสงสารแบบนี้หัวใจคนเป็นพ่อก็บางเป็นกระดาษ เขาไม่เคยตีลูกเลยสักครั้ง มีแต่จะทะนุถนอมเพราะแบคฮยอนเป็นลูกชายคนแรก เป็นเด็กดีมาตลอด เป็นคนที่ทำให้เขาและแบคฮีได้เรียนรู้การเป็นพ่อเป็นแม่คน

    พ่อไม่เคยพูดแบบนั้น พ่อว่าชาร์ลีคงเข้าใจอะไรผิด

    ...อะไรนะครับ

    พ่อไปเพื่อบอกให้ชาร์ลีเอาจริงเอาจังกับชีวิตให้มากขึ้น พ่อไม่อยากให้ลูกสองคนคบกันแบบเด็ก ๆ ที่เดี๋ยวเดียวก็หมดรักแล้วเลิกกันมันก็เท่านั้นเอง

    แต่ชาร์ล...

    พ่อเคยโกหกลูกเหรอ? ตอนนี้บนหัวเริ่มร้อนปุด ๆ ขึ้นมาอย่างน่าประหลาด ยิ่งเห็นสีหน้างง ๆ ของลูกชายคนโตที่ดวงตาคลอไปด้วยหยดน้ำใสก็ยิ่งฉุน เขาไปเพื่อคุยดี ๆ แต่ไหงกลับออกมาเป็นอีท่านี้

    ไม่ครับ ไม่เคย

    แล้วชาร์ลีล่ะ เขาเคยโกหกลูกหรือเปล่า? คนถูกถามนิ่งไปครู่หนึ่งพลางกระพริบตา ก่อนจะพยักหน้าเร็ว ๆ

    เคยครับ บ่อยด้วย

    แล้วลูกคิดว่าเรื่องนี้ใครพูดจริงใครโกหก?

    อยู่ ๆ ก็รู้สึกว่าเสียน้ำตาไปอย่างเปล่าประโยชน์ เมื่อเห็นสีหน้าของพ่อซึ่งดูเหมือนว่าจะอารมณ์ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ คนตัวเล็กนั่งนิ่งพลางนึกย้อนไปถึงก่อนหน้านี้ นึกไปถึงสีหน้าอมทุกข์ของแฟนหนุ่มที่แสดงอย่างสมจริง แต่พอมาคิดอีกทีก็รู้สึกว่ามันแปลก ๆ ไปหน่อย

     

    เพราะถ้าเป็นชาร์ล... ก็ไม่น่าจะยอมแพ้อะไรง่าย ๆ แบบนั้นไม่ใช่เหรอ

     

    หมายความว่าพ่อไม่ได้ห้ามคบกัน แล้วชาร์ลก็ไม่ต้องกลับไมอามี่ใช่ไหมครับ?

    พ่อเพิ่งคุยกับอี้ฝานไปเมื่อวันก่อนเองว่าจะทำยังไงถึงจะให้ชาร์ลีเข้ามหาลัยเดียวกับลูกได้ คนเป็นพ่อถอนหายใจแรง ๆ ระหว่างที่ลูกชายคนโตกำลังทำตัวไม่ถูก พ่อขอไปอาบน้ำนอนก่อนที่ไมเกรนจะขึ้น

    ครับ... ราตรีสวัสดิ์นะครับพ่อ แบคฮยอนมองตามแผ่นหลังกว้างขณะที่ยังเรียกสติกลับมาได้ไม่ครบ เดี๋ยวนะ... ที่กังวล ที่ร้องไห้จนเหมือนคนบ้าสองสามรอบนั่นมันอะไรกัน

    คนตัวเล็กกดเปิดกล้องหาแฟนหนุ่มที่เขารู้ดีว่าตอนนี้คงยังไม่นอน ไม่รู้ล่ะ ถ้าไม่ได้ความจริงคืนนี้เขาต้องนอนไม่หลับแน่ แบคฮยอนรู้ว่าพ่อไม่มีทางโกหก แต่ชาร์ลจะเล่นแรงขนาดนั้นเลยหรือไงกัน

    ชาร์ล เปิดไฟเดี๋ยวนี้

    ( เสียงเข้มมาเลย... ฉันเปิดไม่ได้หรอกจะนอนแล้ว )

    อย่ามาโกหก เรารู้ว่าชาร์ลยังไม่นอน แบคฮยอนเพ่งมองความมืดในจอ แต่อีกฝ่ายก็ไม่คิดที่จะเปิดไฟเพื่อให้เขาได้จับโกหกผ่านทางสีหน้า

    ( นี่อยู่ไหน ทำไมไม่เหมือนในห้อง )

    เราอยู่หน้าบ้าน ชาร์ล เปิดไฟ

    ( แอบร้องไห้อยู่เหรอ เข้าบ้านได้แล้วเดี๋ยวยุงกัด )

    ให้มันกัดจนเราตายไปเลย เปิดไฟเดี๋ยวนี้นะ ไม่ชอบคนงี่เง่า และแบคฮยอนก็ไม่อยากเป็นคนงี่เง่าด้วย แต่ถ้าชาร์ลยอมให้เห็นหน้าเพื่อให้รู้ว่ายังเสียใจเหมือนไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้เขาก็คงไม่ร้อนรน

    ( ทำไมต้องขึ้นเสียง ฉันกำลังเสียใจอยู่นะ )

    เสียใจอะไรอะ ไหนบอกว่าพ่อเราไม่เห็นด้วยไง พ่อเราไม่ได้พูดอย่างนั้นเลยนะ

    ( อ่า นั่นสินะ อาชานยอลคงหน้าเสียเลย )

    หน้าเสียอะไร?

    ( ก็ตอนที่นายร้องไห้แล้วบอกว่าอย่าให้เลิกกันนั่นน่ะ อา... ภาพตอนอาชานยอลพยายามโอ๋นายมันทำให้ฉันทั้งขำแล้วก็เอ็นดู )

    เดี๋ยวนะ แบคฮยอนลุกขึ้นยืนพร้อมกวาดสายตาไปโดยรอบหลังจากได้ยินประโยคเมื่อครู่นี้

    ( ฉันไม่ได้อยากแกล้งนายหรอกนะที่รัก แต่ว่าพ่อนายชอบทำเข้ม ทำหล่อ พูดจาวกไปวนมา วางท่าจนน่าหมั่นไส้ ฉันก็เลยให้บทเรียนเขาสักหน่อย )

    คนตัวเล็กยังคงระแวง กวาดมองไปตามพุ่มไม้หน้าบ้านก่อนสายตาจะหยุดอยู่ข้างรั้วซึ่งมีเงาตะคุ่ม ๆ อยู่ ก่อนเงาดำนั้นจะสูงขึ้นพร้อมเอาแสงสว่างจากจอมือถือส่องใต้คางตัวเอง เพื่อให้คนที่ยืนอยู่ตรงนี้เห็นว่าใบหน้าของผู้ชายคนนั้นทะเล้นแค่ไหน

    ชาร์ล!!!”

    ( อย่าโกรธกันนะ ล้อเล่นนิดเดียวเอง )

    ล้อเล่นงั้นเหรอ เราไม่ตลกเลยนะ เดี๋ยว -- นั่นชาร์ลจะไปไหน กลับมานี่ก่อน!!!” แบคฮยอนเบิกตากว้าง มองแฟนหนุ่มที่มูนวอล์คถอยไปพร้อมขยิบตาให้ และแน่นอนว่าเขาไม่ยอม!!!

    เด็กหนุ่มตัวสูงตัดสายพลางผิวปากอย่างอารมณ์ดีหลังจากแผนการทุกอย่างสำเร็จ จริงอยู่ว่าการแกล้งแฟนจนร้องไห้มันไม่ใช่เรื่องที่ควรทำ แต่มันก็คงมีข้อยกเว้นไว้บ้างสำหรับคนที่มีจุดมุ่งหมายมาแต่แรกแล้วว่าแกล้งน้องน้อยให้ร้องก่อนแล้วค่อยโอ๋

    กว่าจะเล่นละครให้สมจริงได้ขนาดนั้น กว่าจะกลั้นขำตอนได้ยินเสียงพ่อง้อลูกได้ ชาร์ลี ฮอปส์ต้องใช้ความอดทนมากเท่าไหร่ใครบ้างจะเข้าใจ

     

    บ้านมีหูประตูมีตา หลังจากนี้ห้ามปีนเข้าทางหน้าต่างอีก จะคบกับลูกชายอาก็ต้องให้เกียรติกันด้วย

     

     

    ก็ถ้าไม่ทำเข้มเหมือนปลัดหวงลูกสาวแบบนั้นก็คงยอมเป็นลูกเขยที่น่ารักให้อยู่หรอก...

     

     

    ชาร์ล หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”

    ก็ยืดขาให้ยาวสิจะได้ตามทัน

    เราจะฆ่าชาร์ลให้ตายวันนี้เลย!!!”

    คนถูกขู่หลุดยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดีก่อนร่างกายจะเซไปข้างหน้าเพราะเจ้าตัวเล็กกระโดดขี่หลังพร้อมใช้แรงอันน้อยนิดรัดคอเขา กลิ่นของน้องน้อยช่างหอมเหลือเกิน กลิ่นของความซื่อ ความน่ารัก และความพยายามที่พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าปาร์คแบคฮยอนรักผู้ชายไม่มีอะไรสักอย่างเช่นชาร์ลี ฮอปส์มากแค่ไหน

    เอาถึงขั้นตายเลยเหรอ ใจร้ายว่ะ

    อือ โทษฐานที่โบ้ยความผิดให้พ่อเรา แล้วก็ทำเราเสียใจไปตั้งหลายชั่วโมง

    โทษ งั้นจูบง้อได้ปะ เขาหันไปกระซิบถามพร้อมสอดแขนเข้าใต้ข้อพับขาน้องน้อย พร้อมกระชับให้ขึ้นหลังในท่าที่สบายตัว

    ไม่ เสียงอู้อี้ในลำคอยังคงเรียกรอยยิ้ม บอกเลยนะว่าถ้าร้องไห้อีกจะจับฟัดมันข้างทางเนี่ยแหละ ชอบทำตัวน่ารังแกนัก

    งั้นให้หยิกสิบที

    น้อยไป

    เรื่องมาก แฟนใครวะ

    แฟนชาร์ลนั่นแหละ ไอ้บ้า

    โห เดี๋ยวนี้หัดหยาบคายนะ เดี๋ยวทิ้งลงถังขยะซะเลยดีไหม -- โอ๊ย!!!” ทั้งบ่นทั้งหลุดขำหลังจากถูกทุบด้วยมือเล็ก ชาร์ลหันไปฟัดแก้มนุ่มนิ่มแรง ๆ ก่อนจะถูกทุบอีก เขาทำอย่างนั้นซ้ำ ๆ โดยไม่กลัวเจ็บ จนกลายเป็นน้องน้อยเองที่ยอมเบาแรงไป

    ห้ามเล่นแบบนี้อีกนะ... สัญญากับเราก่อน

    อือ ไม่ทำแล้ว ขอโทษชาร์ลปล่อยแขนซ้ายออกใต้ขาพับเพื่อเกี่ยวก้อยสัญญากับคนตัวเล็ก และเจ้าลิงน้อยก็ตวัดเกี่ยวขาเข้ากับเอวเขาราวกับกลัวว่าจะตกลงไป

    ห้ามบอกว่าจะเลิกด้วย เพราะเราไม่เลิก อันนี้ก็เกี่ยวก้อยนะ

    เด็กจริง ต่อให้ตายลงนรกก็ตามไปคบด้วยงี้เหรอ โคตรเฮี้ยน

    อือ เราเป็นแฟนที่เฮี้ยน มันเขี้ยว อยากจับปากนุ่มนิ่มมาจูบแรง ๆ เอาให้พูดจาแบบนี้ไม่ได้ไปอีกสักพัก

    น่ารักจริงโว้ย แฟนใครวะ

    เราเป็นแฟนชาร์ล!”

    ให้มันดังกว่านี้

    เราเป็นแฟนชาร์ล!!! เรารักชาร์ล!!!”

    ได้ยินเสียงหัวเราะของแฟนหนุ่มหัวใจที่เคยเหี่ยวเฉาก็พองโตขึ้นมา แบคฮยอนกระชับกอดรอบคอขณะที่คนตัวโตกำลังเดินไปตามทางเนินอย่างเชื่องช้า เขาไม่ได้ถามว่า เรากำลังจะไปไหนเพราะไม่ว่าฝีเท้าคู่นี้จะหยุดอยู่จุดไหนของโลก ไม่ว่ามันจะดึกสักเท่าไหร่ แบคฮยอนคนนี้ก็พร้อมที่จะอยู่เคียงข้างเสมอ

    คิดว่ารักอยู่คนเดียวหรือไง ก็รักเหมือนกันล่ะวะ

     

     

     

    TBC

     

     

    ยังไม่ได้ทำอะไรเปนทางการ ก็ไปกวนตีนพ่อตาแระ

    ถ้าพ่อตาหร่อนเฮี้ยน หร่อนคงไม่ก้าแซ่บ-ลิ้นแบบนี้หรอก

    ทัมมาเปง

    ส่วนทางคุนพ่อก็ ขี้โอ๋ลูก หัวแก้วหัวแหวนสุด ชานอีบอก แร้วกุล่ะพ่อ แคกุมั่งไหม ตัดภาพไปที่โบยอน น้องบอกอย่ายุ่ง น้องจะนอน

     

    ปล. เพิ่งกลับมาจากเกาหรี ไม่ได้อัพฟิคนานมาก จนมีน้องดีเอมมาถามว่า พี่คะ พี่ยังเขียนฟิคอยุ่ไม๊ จิตใจตอนนั้นแบบ เอนดู พี่อยากบอกน้องว่า พี่ยังเขียนต่ออยุ่นะ อื่อ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×