ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Seventeen] Vanilla Twilight #minwon #soonhoon

    ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 2

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.09K
      76
      9 ก.พ. 61

    Matcha
     


    Chapter 2

     

     

                คืนนี้มินกยูต้องนอนที่ห้องใต้หลังคา...

     

                ถึงจะฟังดูน่าสงสารก็เถอะ แต่ในความเป็นจริงแล้วมันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนักหรอก

     

                เด็กหนุ่มร่างสูงกวาดสายตาไปรอบห้องด้วยแววตาพิศวง ในตอนแรกที่อารอนพาเขาขึ้นบันไดกลที่เชื่อมต่อกับชั้นลอยของบ้าน ความคิดของเขาก็ล่องลอยไปถึงห้องเก็บของเก่าๆ มืดๆ ที่เต็มไปด้วยฝุ่นและหยากไย่เต็มไปหมด

     

                หากในตอนนี้ มินกยูกลับยืนอยู่ในห้องนอนเล็ก ๆ แสงไฟสีโทนส้มทำให้ห้องนี้เต็มไปด้วยความรู้สึกผ่อนคลาย ตรงกลางห้องเป็นโซฟาขนาดใหญ่ที่สามารถกางออกเป็นเตียงได้ และตอนนี้มันก็มีหมอนกับผ้าห่มสีน้ำตาลเข้มเข้าคู่กันวางอยู่ ด้านข้างของโซฟาเป็นโคมไฟบนโต๊ะขนาดพอดีตัว ในขณะที่ถัดออกไปเล็กน้อยและรายล้อมไปรอบห้องคือชั้นหนังสือที่อัดแน่นไปด้วยหนังสือมากมายอย่างเป็นระเบียบ

     

                สีหน้าของเขาคงแปลกใจจนคนนำทางต้องหันมาอธิบาย

     

                “ห้องอ่านหนังสือของวอนอูน่ะ”

     

                เด็กหนุ่มพยักหน้ารับรู้ยามก้มตัวลงเนื่องจากความสูงของเขาทำให้ไม่สามารถเดินได้ตามปกติ และสำรวจไปรอบ ๆ ด้วยความประหลาดใจ

     

                ห้องอ่านหนังสือ..?

     

                “ห้องน้ำอยู่ที่นี่นะ” อารอนชี้ไปอีกฝั่งของห้อง “แต่ไม่มีที่อาบน้ำ นายต้องลงไปอาบน้ำข้างล่าง”

     

                “ขอบคุณครับ”

     

                “นอนให้สบายนะ แล้ว... เอ่อ... ยังไม่ต้องคิดอะไรมากหรอก เดี๋ยวพรุ่งนี้อะไรอะไรก็จะดีขึ้น”

     

                คำพูดปลอบใจที่ดูเหมาะสมกับเด็กชายตัวน้อยมากกว่าจะเป็นเด็กหนุ่มตัวสูง 186 cm แบบเขา หากมินกยูก็อดไม่ได้ที่จะพยักหน้ารับ

     

                เด็กหนุ่มเลือกที่จะเข้าไปล้างหน้าแปรงฟันลวกๆ ก่อนทิ้งตัวลงบนเตียง ดวงตาสีเข้มจับจ้องไปยังเพดานเบื้องหน้าอย่างเลื่อนลอย และยังคงมองอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งผู้มาใหม่ก้าวเข้ามา

     

                มินกยูสบตากับวอนอูที่กำลังก้มลงมองดูเขา

     

                “มี... อะไรรึเปล่าครับ” น่าแปลกที่ความหวาดกลัวที่เคยมีกลับไม่ปะทุขึ้นมาอย่างที่ควรจะเป็น

     

                “ฉันเอายาขึ้นมาให้” ชายหนุ่มตอบเรียบ ๆ แล้วน้ำแก้วเล็กกับขวดยาสีขาวก็ถูกวางลงที่หัวเตียง มินกยูมองตามมือคู่นั้นด้วยความงุนงง

     

                “ยา?

     

                “ยาแก้ปวด เผื่อไว้...” ผู้มาใหม่ว่า ดวงตาสีน้ำตาลมองมาที่ต้นคอซึ่งปิดผ้าก๊อซสีขาวแผ่นใหญ่เอาไว้ด้วยสายตาที่มินกยูอ่านไม่ออก

     

                มือของเด็กหนุ่มยกขึ้นจับที่ต้นคออย่างไม่รู้ตัว เรียกให้คนที่มองอยู่ขยับริมฝีปากคล้ายจะเอ่ยอะไรบางอย่างออกมา หากก็เงียบไป ก่อนที่วอนอูจะหันหลังแล้วหายไปหลังประตูในที่สุด

     

                มินกยูยังคงมองตามประตูที่ปิดไปอย่างนึกสงสัย

     

                ทั้งสงสัยและงุนงงในคราวเดียวกัน

     

    เขาสงสัย... ในทุกเรื่อง

     

                ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสมาชิกทั้งหลายของบ้านหลังนี้

     

    โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่เพิ่งเดินออกไป... ผู้ชายที่ดูปกติทุกอย่าง

     

    ทว่า... แวมไพร์ งั้นเหรอ?

     

                จนถึงตอนนี้มินกยูก็ยังไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นความจริงหรือไม่

     

                และเด็กหนุ่มก็ยังคงงุนงงว่าทำไมเขาถึงได้ทำตัวว่าง่ายโดยการยอมพักที่นี่ตามที่ทุกคนบอก

     

                อืมมมม

     

                คืนนี้เป็นคืนที่แปลกประหลาดที่สุดเลยจริง ๆ

     

     

     

     

     

               

     

     

     

     

     

                ถึงจะบอกกับตัวเองเอาไว้ว่าคงจะไม่สามารถข่มตาให้หลับได้หรอก หากสติของมินกยูก็หลุดลอยไปอย่างรวดเร็วเมื่อเขาหลับตาลงเท่านั้น

     

                เด็กหนุ่มตื่นเช้าขึ้นมาด้วยแสงแดดอ่อนๆของเช้าวันใหม่ที่สาดส่องเข้ามาผ่านทางหน้าต่าง กระพริบตาแล้วมองไปรอบ ๆอย่างงุนงงชั่วครู่ ถึงจะนึกออกว่าตัวเองมาทำอะไรที่นี่

     

                ตกลงว่าเขาไม่ได้ฝันไปสินะ...

     

                มือเรียวยกขึ้นจับที่ต้นคอของตัวเองอีกครั้งเมื่อนึกออก ความเจ็บปวดดูเหมือนจะเบาบางลงไปแล้วหลังจากที่ปะทุขึ้นมาเกือบทั้งคืน มินกยูหันไปมองแก้วน้ำที่ว่างเปล่าบนหัวเตียงด้วยความสงสัย

     

                ได้ผลจริง ๆด้วยแฮะ

     

                อันที่จริงแล้วเขาคิดไว้ว่ามันไม่น่าจะได้ผล ในเมื่ออารอนเคยบอกเอาไว้ว่าแผลของเขา มันเป็นเป็นแผลที่ต้องคำสาป แล้วใครจะไปคิดล่ะว่ายาธรรมดาสามัญอย่างพาราจะแก้ปวดได้น่ะ

     

                คิดไปคิดมาสักพักถึงจะรู้ตัวว่ามันไม่ใช่สิ่งที่เขาควรสงสัยสักนิด ในเมื่อตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการลงไปข้างล่างและจัดการกับเรื่องนี้ให้เสร็จสิ้นไปสักที

     

                มินกยูเข้าไปในห้องน้ำเพื่อล้างหน้าและจัดการตัวเองให้เรียบร้อย เงาที่สะท้อนกลับมาเผยให้เด็กหนุ่มร่างสูงที่มีใบหน้าซีดเซียวราวกับกำลังป่วยหนัก เขาถอนหายใจออกมา ก่อนส่งยิ้มเพื่อปลอบขวัญและให้กำลังตัวเอง

     

                แล้วจึงตัดสินใจลงไปเพื่อเผชิญหน้ากับแวมไพร์ พ่อมด รวมถึงบรรดาผู้อาศัยอันแปลกประหลาดเหล่านั้น

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                หากความว่างเปล่าคือสิ่งที่เขาได้พบ...

     

                โอเค บ้านทั้งหลังยังคงอยู่ไม่ได้หายไปหรือกลายเป็นบ้านร้างแบบในหนังสยองขวัญที่เคยดู แต่สมาชิกของบ้านล่ะ หายไปไหนกันหมด

     

                ดวงตาคมกวาดตาไปรอบห้องนั่งเล่นอย่างงุนงง เด็กหนุ่มไม่ได้คาดคิดเลยแม้แต่น้อยว่าเขาจะลงมาพบกับความเงียบงันและว่างเปล่าของบ้าน

     

                “ทุกคนไปทำงานน่ะ” น้ำเสียงเย็นๆที่จู่ ๆก็ดังขึ้นทำเอามินกยูสะดุ้งสุดตัว ก่อนจะก้าวถอยหลังเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเจ้าของเสียงคือร่างโปร่งใสที่ยืนมองเขาอยู่

     

                เขาหลับตาลงพร้อมกับนับ 1 ถึง 10 ในใจ ก่อนลืมตาออกเพื่อให้แน่ใจว่าตัวเองไม่ได้ตาฝาด

     

                ยังไงก็คงทำใจให้ชินลำบากกับการยอมรับว่าคนตรงหน้าคือ ผี

     

                ควอน ซูนยองส่งยิ้มกว้างมาให้เด็กหนุ่ม

     

                “อาหารเช้าของนายอยู่ในครัวแน่ะ” ชายหนุ่มชี้ไปทางด้านหลัง “มีขนมปังกับนมน่าจะพอกินได้นะ”

     

                มินกยูเดินไปตามที่เจ้าตัวบอก ความรู้สึกเย็นวาบที่เกิดขึ้นบอกให้รู้ว่าซูนยองลอยตามเขามาด้วย ท้องของเด็กหนุ่มครวญครางออกมาเมื่อเห็นอาหารที่ถูกเตรียมไว้ เพิ่งรู้ตัวว่ากำลังหิวจัดอย่างไม่น่าเชื่อ

     

                “คนอื่นไปทำงานกันหมดเลยเหรอครับ” เขาถามระหว่างที่เทนมลงในแก้ว และพยายามไม่คิดว่าคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเป็นเพียงร่างโปร่งใสเท่านั้น

     

                “ใช่สิ ยกเว้นแค่เวอร์นอนกับซองยอนที่ไปโรงเรียน” ซูนยองตอบ ชายหนุ่มมองนมและขนมปังของเด็กหนุ่มด้วยสายตาละห้อย “อร่อยมั้ย?

     

                “ก็ดีครับ...”มินกยูตอบ ชะงักไปเล็กน้อยกับน้ำเสียงโหยหานั้น “คุณ... กินได้มั้ยครับ”

     

                ดวงตาสีแดงที่มองมาแปรเป็นสายตาดุจัดอย่างเฉียบพลันเสียจนเด็กหนุ่มสะดุ้ง ร่างโปร่งใสนั่นพุ่งเข้ามาหาเขาทันที

     

                มินกยูหลับตาปี๋พร้อม ๆกับที่ความรู้สึกเย็นวาบอาบไปทั่วตัว ดูเหมือนว่าซูนยองเพิ่งจะพุ่งทะลุผ่านตัวเขาไป

     

                “ผมขอโทดดดดดดดดดดดดด” เด็กหนุ่มตะโกนทั้ง ๆที่ยังคงหลับตาอยู่ มินกยูรู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ทะเลสาบน้ำแข็งอันเย็นเฉียบอย่างไรอย่างนั้น

     

                “ควอน – ซูน -  ยอง”

     

    เสียงทุ้มแกมดุที่ดังขึ้นจากประตูห้องครัว ทำให้ความวุ่นวายที่เคยมีหยุดลง มินกยูลืมตาขึ้นมาช้า ๆ แล้วก็นึกอยากจะร้องไห้ออกมา

     

    โอเค... ซูนยองกำลังกอดคอเขาอยู่

     

    และที่ยืนอยู่หน้าประตูนั่นก็คือวอนอูที่ยืนหน้านิ่ง ดวงตาสีน้ำตาลเข้มจ้องมาที่พวกเขาด้วยแววนิ่งเฉย หากมันก็ทำให้แขนโปร่งใสที่คอของมินกยูยอมคลายออกโดยดี

     

    “ทำอะไรของนาย” ผู้มาใหม่ถามพร้อมกับเดินมานั่งลงยังเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม

     

    “เด็กนี่ถามคำถามที่ฉันไม่ชอบนี่” แขนโปร่งใสนั่นเลื้อยมาที่คอของมินกยูอีกครั้งทำเอาคนถูกรัดถึงกับสะดุ้งเฮือก

     

    “เลิกแกล้งมินกยูได้แล้วน่า”แวมไพร์หนุ่มว่า เรียกเสียงหัวเราะในลำคอหึ ๆจากคนฟัง แต่ซูนยองก็ยอมทำตามคำพูดของเพื่อนร่วมบ้านแต่โดยดี

     

    ร่างโปร่งใสลอยหายทะลุผ่านผนังไปด้านหลังพร้อมทั้งบ่นกระปอดกระแปด

     

    “ฉันไปก่อนก็ได้ คุยกันดี ๆล่ะ”

     

    มีแต่ความเงียบหลังจากวิญญาณหนุ่มหายวับไป...

     

    มินกยูกลืนขนมปังลงท้องอย่างฝืดคอ เด็กหนุ่มนึกอยากให้ซูนยองกลับมาอีกครั้งเหลือเกิน เพราะถึงแม้จะใจหายใจคว่ำไปบ้าง แต่มันก็ดีกว่าการกินข้าวเงียบๆแล้วมีสายตาเรียบเฉยจ้องมาแบบนี้

     

    “คุณไม่ไปทำงานเหรอครับ” ในที่สุดเขาก็เป็นฝ่ายที่ทนไม่ไหว เด็กหนุ่มเลือกที่จะเปิดบทสนทนาขึ้นมา

     

    “ฉันลางานน่ะ”

     

    “ตกลงว่าคุณเป็นบรรณารักษ์จริง ๆ เหรอครับ” น้ำเสียงของคนถามมีประกายแห่งความสนใจไม่น้อย คำพูดของเยบินเมื่อคืนลอยเข้ามาในหัวของมินกยูอีกครั้ง

     

    “ใช่...”

     

    “ว้าวววววว แล้วมีคนรู้ว่าคุณเป็นใครบ้างมั้ยครับ”

     

    วอนอูส่ายหน้าเล็กน้อยแทนคำตอบ นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มมองไปยังเด็กที่กินนมอยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างประหลาดใจ เมื่อคืนมินกยูดูเดือดร้อนจะเป็นจะตาย หากตอนนี้ เด็กหนุ่มกลับดูสงบและยอมรับเรื่องนี้ได้อย่างน่าประหลาด

     

    “ฉันอยากคุยกับนายเรื่องของเมื่อวานหน่อย” คนที่กำลังดื่มนมอยู่เงยหน้าขึ้นมามองเขาทันที

     

    “...”

     

    “ก่อนอื่นฉันมีเรื่องต้องอธิบายให้นายฟังก่อน....”

     

    “ผมไม่อยากฟัง” มินกยูเอ่ยขัดขึ้นมาก่อนที่ชายหนุ่มจะพูดจบ “ขอโทษนะครับ แต่ผมตัดสินใจแล้วว่า เมื่อวานนี้มันก็เป็นแค่อุบัติเหตุธรรมดา” เด็กหนุ่มเน้นเสียงตรงคำว่าธรรมดา “เดี๋ยวผมก็แค่ขนของไปหอพักของผม แล้วก็จะได้ไม่ต้องรบกวนพวกคุณอีก แล้วก็เอ่อ... ลืมไปก็ได้ครับว่าเราเคยเจอกัน”

     

    วอนอูนิ่งไปชั่วครู่ ชายหนุ่มสบตากับคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามคล้ายกับกำลังประเมินอะไรบางอย่าง ก่อนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงกว่าเดิม

     

    “ขอโทษนะ แต่นั่นมันคงเป็นไปไม่ได้หรอก”

     

    “...”

     

    “ตอนนี้นายเป็นโดเนอร์ของฉันแล้ว” ชายหนุ่มว่า “แผลที่คอของนาย อย่างที่พี่อารอนเคยบอก มันเป็นแผลต้องคำสาป” วอนอูหยุดให้คนฟังทำความเข้าใจ “คำสาป... ที่ผูกเราสองคนเข้าด้วยกัน”

     

    “ผมไม่คิดว่าตัวเองเข้าใจ” มินกยูตอบเสียงงึมงำ คิ้วเข้มขมวดเป็นปมราวกับกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก

     

    “คงรู้แล้วใช่มั้ย ว่าตอนนี้นอกจากนายแล้ว ฉันจะไม่สามารถดื่มเลือดใครได้อีก”แวมไพร์หนุ่มพูด ก่อนอธิบายต่อ “แต่ไม่ใช่แค่นั้น มันยังส่งผลถึงนายด้วย”

     

    สีหน้าของคนฟังดูราวกับกำลังงุนงงขั้นรุนแรง

     

    “อย่างแรกง่ายๆเลยก็คือ ตอนนี้นายมองเห็นซูนยอง”

     

    “ผมไม่ควรเห็นเขาเหรอ...” มินกยูขมวดคิ้วอย่างใช้ความคิด

     

    “เมื่อก่อนมองเห็นผีรึเปล่าล่ะ” วอนอูถาม

     

    “ไม่... ไม่ครับ”

     

    “ตอนนี้นายจะค่อยๆมองเห็นสิ่งที่พวกเรา... ฉันหมายถึงพวกที่ไม่ใช่มนุษย์ นายจะสามารถมองเห็นสิ่งที่เราต้องการซ่อนหรือตัวตนที่แท้จริงได้” ชายหนุ่มอธิบาย

     

    “...”

     

    “แบบที่นายเห็นปีกของซองยอนเมื่อคืนไง”

     

    มินกยูพยายามจะพูดอะไรออกมาบางอย่าง ทว่าเขากลับพูดไม่ออก ดวงตาคมฉายแววสับสนแกมพรั่นพรึงออกมาอย่างชัดเจน

     

    “ผม... ไม่คิดว่ามันจะเป็นปัญหาเท่าไรหรอกนะครับ” ในที่สุดเด็กหนุ่มก็เรียกสติของตัวเองกลับมาได้ในที่สุด

     

    ก็แค่มองเห็น ไม่น่าจะเป็นเรื่องใหญ่อะไรนี่...

     

    มินกยูปลอบใจตัวเอง

     

    “นั่นแค่เรื่องแรก” หากวอนอูกลับทำลายความหวังของเขาโดยสิ้นเชิง “นายสามารถมองเห็นพวกเราได้ แต่พวกเราก็จะมาสามารถมองเห็นว่านายคือโดเนอร์ได้ด้วย”

     

    “แล้ว...?

     

    “มันจะทำให้นายถูกตามล่าได้” คนที่นั่งฝั่งตรงข้ามว่า

     

    “แวมไพร์จะตามล่าโดเนอร์ของแวมไพร์ตัวอื่นไปทำไมกัน” เด็กหนุ่มพึมพำ ความเครียดที่คิดว่าบางเบาไปจากเมื่อคืนแล้วแล่นกลับขึ้นมาเป็นริ้วๆ เขาเอามือนวดที่ขมับเพื่อหวังให้สามารถลดอาการปวดหัวลงได้

     

    มีรอยยิ้มที่มุมปากของคนมองชั่วครู่ ก่อนที่มันจะหายไปอย่างรวดเร็ว

     

    “ไม่ใช่พวกฉันหรอกที่จะตามล่านาย พวกนักล่าแวมไพร์ต่างหาก” วอนอูบอก

     

    “มีนักล่าแวมไพร์ด้วยเหรอ”

     

    มินกยูอ้าปากค้างอีกครั้ง ดวงตาสีดำสนิทเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจที่ดูเหมือนจะมีเพิ่มมากขึ้นทุกนาที

     

    “ที่หมู่บ้านนี้ยังไม่มี แต่ก็ไม่แน่” แวมไพร์หนุ่มตอบ “ถ้ารอยกัดที่คอหายไปเมื่อไร ก็เหมือนมีแสงสปอร์ตไลท์ส่งมาที่นายแหละว่าเป็นโดเนอร์ของฉัน พวกนักล่าแวมไพร์จะหายนายเจอทันที”

     

    “...”

     

    “เพราะแบบนั้น ฉันถึงกำลังจะยื่นข้อเสนอให้นาย”วอนอูพูด “ว่านายควรมาอยู่ที่ vanilla twilight ไปก่อน”

     

    ชายหนุ่มยังคงพูดต่อไปอย่างไม่ปราณีคนที่สติหลุดไปแล้ว “รอจนฉันกับพี่อารอนหาทางออกได้”

     

    “ผม...” มินกยูมองคนที่นั่งอยู่อีกฝั่งอย่างอับจนคำพูด เด็กหนุ่มไม่ได้ปวดหัวแล้ว หากตอนนี้ความมึนงงดูราวกับเข้ามาควบคุมไปยังทุกส่วนของร่างกายจนเขานึกอะไรไม่ออก

     

    รวมถึงไม่แน่ใจด้วยว่าตัวเองควรจะต้องรู้สึกอย่างไร

     

    เรื่องมันชักจะใหญ่เกินไปแล้ว

     

    “มีอะไรที่คุณจะบอกผมอีกมั้ย?” เด็กหนุ่มเอ่ยเสียงแหบ รู้สึกใจวาบเมื่อเห็นสายตาที่มองมาวูบไหวเล็กน้อย

     

    “จริง ๆก็มี...” วอนอูพึมพำ

     

    อะไรอีกล่ะ...

     

    “ขอโทษนะ”

     

    มินกยูถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เอาเข้าจริง ๆแล้วเด็กหนุ่มก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าตัวเองโกรธคนตรงหน้ารึเปล่า ในเมื่อตอนนี้สถานการณ์มันไปไกลเกินกว่าที่จะทำอะไรได้

     

    ต่อให้โกรธขนาดไหนเขาก็ทำอะไรวอนอูไม่ได้อยู่ดี

     

    โดยเฉพาะเมื่อดวงตาคู่นั้นกำลังมองมาด้วยสายตา(ที่เขาคิดว่า)รู้สึกผิด

     

    “นี่... บอกผมที” มินกยูไม่แน่ใจนักว่าตัวเองกำลังทำสีหน้าแบบไหนอยู่ เด็กหนุ่มจับจ้องไปยังคนที่นั่งฝั่งตรงข้าม สบตากับวอนอูที่มองมาอย่างตั้งใจ แล้วจึงเอ่ยถามในสิ่งที่เขาสงสัยที่สุดออกมา

     

    “คุณไม่ได้โกหกเพื่อให้ผมอยู่เป็นอาหารของคุณใช่ไหม”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

               

                TBC.

     

     

     

     

     

    จอน วอนอู

    >> แวมไพร์

    >> บรรณารักษ์ของห้องสมุดประจำเมือง

     

     

                กลับมาแล้วค่ะทุกคน แฮ่ ขอโทษที่หายไปนานค่ะ เนื่องจากตอนนี้เรายุ่งมากเลยอาจจะไม่ได้มาอัพบ่อย ๆสักเท่าไร ต้องขอโทษด้วยนะคะ แต่สัญญาว่าจะมาให้เร็วที่สุดค่ะ ^^  แล้วก็เช่นเคยค่ะ มีอะไรอยากให้ปรับปรุงแก้ไขก็คอมเม้นท์บอกได้ หรือลองเดาดูก็ได้ค่ะว่ามินกยูจะรอดไปได้รึเปล่า 555


                                                                                                                                             ขอบคุณที่ติดตามค่ะ

                                                                                                                                                     Mianami


    ปล. ในที่สุดเราก็เล่นทวิตเตอร์เป็นแล้ว >< เพราะแบบนั้น นิยายเรื่องนี้เลยมีแทคแล้วนะคะ แวะไปพูดคุยกันได้ที่ #MianamiFanfic

     

     

               

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×