คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #23 : CHAPTER 21
21
วันนี้เป็นเช้าวันจันทร์ เข้าวันที่สามที่คยองซูพยายามติดต่อหาจงอินแต่ก็ได้แต่ความว่างเปล่า ตลอดเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมาคยองซูพยายามนอนหลับให้น้อยที่สุด จะเรียกว่าเขาแทบไม่อยากนอนเลยน่าจะดีกว่า เพราะเขาไม่รู้ว่าตอนไหนจงอินจะกลับมา และสามวันที่ผ่านมาคยองซูใช้มันทบทวนความรู้สึกของตัวเอง ถึงจะสับสนอยู่ลึกๆแต่มันก็ทำให้คยองซูรู้ว่าเขาไม่อยากให้จงอินเงียบหายไปแบบนี้ รับโทรศัพท์ของเขาหน่อยก็ยังดี ถ้าย้อนเวลากลับไปได้คยองซูจะไม่โกหกจงอินเรื่องสร้อย จะไม่โกหกจนทำให้เรื่องมันเป็นแบบนี้
คยองซูไม่ได้อยากให้เรื่องมันเป็นแบบนี้เลย
พอแบคฮยอนเล่าเรื่องทุกอย่างให้คยองซูฟัง มันทำให้คยองซูต้องตกใจเมื่อได้รู้ คยองซูคิดแค่ว่าจงอินกับเซฮุนอาจจะแค่ไม่ชอบหน้ากันปกติ มันทำให้คยองซูไม่แปลกใจเลยที่จงอินจะโกรธมากที่เขาโกหกเรื่องสร้อย เพราะเหตุการณ์เมื่อสองปีก่อนจงอินเลยกลัว คยองซูผิดเองที่บอกออกไปว่าสร้อยอยู่กับตัว ทั้งที่จริงๆแล้วอยู่กับเซฮุน มันก็ทำให้จงอินคิดได้เหมือนกันว่าเขาให้เซฮุนไปจริงๆ เพราะแบบนี้จงอินอาจจะรู้สึกว่าเขามีความรู้สึกดีๆให้ทุกคนและจงอินไม่ได้เป็นคนพิเศษที่ได้รับการกระทำของเขาแค่คนเดียว แต่จงอินอาจจะไม่รู้ว่าเขาไม่เคยทำกับคนอื่น อย่างที่เขาเคยบอกกับจงอินไปแล้วถ้าจงอินจำได้ คยองซูทำแบบนี้กับจงอินแค่คนเดียว
‘ ที่จงอินมันเป็นบ้าแบบนั้นก็เพราะมันชอบคยองซูนะ ’
นี่เป็นคำพูดที่แบคฮยอนบอกเขาเมื่อเล่าเรื่องระหว่างเซฮุนกับจงอินจบ
สิ่งที่ได้ยินมันทำให้หัวใจของคยองซูกลับมาเต้นระรัวได้แวบเดียวเมื่อได้ยิน จงอินพยายามแสดงออกมาตลอดว่าชอบเขาและนั่นคยองซูก็รับรู้มาตลอดเช่นกัน แต่เขาเองที่ไม่ทำอะไรเลยหรือแสดงออกกับอีกฝ่ายน้อยไปเพราะความไม่เคย
ตลอดมาคยองซูคิดว่าความรู้สึกรักหรือชอบใครสักคนเป็นความรู้สึกที่เขาไม่เคยเข้าใจ แต่พอจงอินก้าวเข้ามาในโลกที่แสนจะน่าเบื่อของเขาอย่างไม่คิดสนว่าคนอื่นจะพูดยังไง มันก็ทำให้ความรู้สึกของคยองซูเปลี่ยนไป จากที่ไม่เคยต้องคอยคิดถึงใครนอกจากครอบครัวคยองซูก็มีจงอินให้นึกถึง อยากอยู่ใกล้ๆ หลายๆอย่างที่จงอินทำให้เขา มันทำให้คยองซูรู้สึกดี มันเกิดขึ้นทีละนิดโดยที่คยองซูเองก็ไม่รู้ตัว รู้ตัวว่าควรจะชัดเจนก็ตอนที่จงอินพูดตัดพ้อเขาก่อนจะเดินจากไป…
ตอนนี้คยองซูอยากให้จงอินกลับมาฟังความรู้สึกของเขาก่อน
“ คยองซู ไหวหรือเปล่า? ” แบคฮยอนถามเมื่อเห็นคนตัวเล็กเดินเงียบๆมาสักพักแล้ว ตอนนี้ทั้งเขาและคยองซูกำลังเดินเข้าโรงเรียน แบคฮยอนทำหน้าที่ดูแลคยองซูแทนจงอินอย่างดีที่สุดตลอดสามวันที่ผ่านมา คยองซูแทบจะไม่นอน ไม่แตะอาหารเลยสักนิด นั่นมันทำให้แบคฮยอนเป็นห่วง ทั้งๆที่บอกว่าให้พักและหลับยาวๆสักตื่นสองตื่นบ้างแต่อีกคนก็ทำท่าจะรอจงอินอย่างเดียว
ตอนมาแบคฮยอนเตรียมเสื้อผ้ามาแค่ชุดเดียว ก็เลยให้ชานยอลเอาชุดมาให้ พอชานยอลมาแบคฮยอนก็ไม่ลืมจะถามว่าทางนั้นเป็นอย่างไรบ้าง ถึงแบคฮยอนจะรู้อยู่แล้วว่าทางนั้นก็คงหนักไม่ใช่เล่นแต่ก็ถามเพราะอยากรู้ เรื่องนี้มันไม่มีทางแก้ทางไหนที่จะดีไปกว่าการคุยกันให้เข้าใจ แต่เขาจะไปบังคับใจใครได้ถึงเขาจะสงสารคยองซูมากจนอยากจะจับให้ไอ้ดำมันมาเคลียร์ให้รู้แล้วรู้รอด แต่เขาก็ต้องเคารพการตัดสินใจของจงอินด้วย ชานยอลแค่บอกว่าจงอินมันขอเวลาหน่อยเดี๋ยวมันจะมาเอง ตอนนี้ให้แบคฮยอนดูคยองซูไปก่อน ซึ่งโอเค คยองซูก็ถือว่าเป็นเพื่อนเขาคนหนึ่งเขาดูแลให้ได้อยู่แล้ว
“ เรา…โอเค ” พูดตอบไปแบบนั้นเพราะไม่อยากให้อีกคนไม่สบายใจ แต่จริงๆแล้วคยองซูรู้สึกไม่โอเคเลยสักนิด ยิ่งรู้ว่าจงอินไม่อยากเจอเขามันก็ยิ่งรู้สึกแย่เข้าไปใหญ่ คยองซูเพิ่งเข้าใจนางเอกในละครที่อะไรนิดอะไรหน่อยก็ร้องไห้ นั่งซึมเป็นวันๆ ถ้าเป็นเรื่องของพระเอก มันคือสิ่งที่คยองซูเป็นอยู่ในตอนนี้
“ จะไปห้องสมุดใช่ไหม เดี๋ยวเราไปส่งนะ ” แบคฮยอนเห็นท่าแล้วถ้าปล่อยให้เดินคนเดียวคงจะไปไม่ถึงปลายทางแล้วสะดุดหรือเดินเหม่อชนต้นไม้อยู่ตรงไหนซักที่แน่ๆ ไม่ถึงห้องสมุดหรอก ว่าแล้วก็จูงมือนกน้อยของเพื่อนไปแบบนี้เนี่ยแหละปลอดภัยที่สุด
เดินกันมาจนถึงห้องสมุด คยองซูก็หยุดเดินแล้วหันมายิ้มตาหยีให้แบคฮยอน
“ แบคฮยอนไปเถอะ ไม่ต้องห่วงเรานะ เราสบายมากเลย ”
แต่คยองซูจะรู้ตัวไหมว่ามันเป็นรอยยิ้มที่ดูฝืนที่สุดเท่าที่แบคฮยอนเคยเห็น
“ มีอะไรก็โทรหาเรานะเข้าใจไหม ”
“ อื้อ ทันทีเลย เราไปก่อนนะ ”
เมื่อเห็นร่างเล็กของคยองซูลับตาเข้าห้องสมุดไปแบคฮยอนก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
แค่เห็นคนรอบตัวนั่งซึมนั่งเหม่อแบคฮยอนก็รู้สึกแย่ มันขัดฟิลคนร่าเริงอย่างเขาสุดๆ
ดีนะที่แบคฮยอนไม่ต้องมาเจอเรื่องอะไรแบบนี้อีกคน
…..หรอวะ
พอจะหันกลับเดินต่อก็ต้องยั้งขาเอาไว้เมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ห่างออกไปจากเขาไม่ถึงสิบก้าวนั่นก็คือร่างสูงโปร่งของชานยอล มันคงจะเป็นภาพที่ปกติดีถ้าแบคฮยอนไม่ได้เจอสิ่งแปลกประหลาดเข้าเสียก่อน
ชานยอลยืนอยู่กับอึนจองนูน่า
คิ้วของแบคฮยอนมันย่นพันกันทันทีโดยที่แบคฮยอนไม่รู้ตัว แล้วยิ่งขมวดกันแน่นขึ้นไปอีกเมื่อเห็นท่าทางสนิทสนมของสองคนนั้น หญิงสาวพูดอะไรสักอย่างจนทำให้ชานยอลเผลอหัวเราะออกมานิดๆอย่างเป็นธรรมชาติก่อนอึนจองนูน่าจะโบกมือลาชายหนุ่มก่อนจะเดินเข้าทางเข้าอีกด้านของห้องสมุดไปโดยมีสายตาที่ถอดมองจนร่างนั้นพ้นสายตา
อะไร กัน วะ
“ เพิ่งรู้ว่ามึงชอบเข้าห้องสมุดกับเขาด้วย ” ไม่ต้องรอให้มันเห็นหรอก แบคฮยอนนี่แหละที่เป็นคนเดินตรงเข้าใส่ชานยอลทันที เขาเห็นนะว่าไอ้หูกางมันตกใจนิดๆที่เห็นว่าเขามาเจอมันที่นี่
“ มาตั้งแต่เมื่อไหร่ ”
“ ทำไม? กับอึนจองนูน่าแอบคบกันอยู่หรือไงถึงต้องตกใจตอนเจอกู? ” จะเรียกว่าประชดก็ได้แบคฮยอนไม่เถียง ก็ดูมันดิ ทำเป็นไม่สนสาวที่ไหนแต่กลับมาอยู่กับสาวแว่นหน้าห้องสมุดซะได้ นี่ไม่ได้หงุดหงิด แต่ก็ไม่ได้มีความสุขอ่ะ
“…”
“ ตอบดิวะ…เงียบทำไม ”
“ แล้วถ้ากูบอกว่าใช่… ”
“ ไม่จริง! สเป็กมึงไม่ใช่แบบนี้ซักหน่อย! มึงอย่ามาหลอกกู ไอ้ห่าหูกาง ไอ้หูใหญ่ ”
มึงเอาไปหลอกเด็กอนุบาลโน่นไปถ้าจะพูดแบบนี้ ทำไมแบคฮยอนจะไม่รู้ว่าอย่างไอ้ชานยอลน่ะสเป็กมันต้องแบบไหน ถ้าจะให้เขาเชื่อมันยังเร็วไปสิบปีพี่บอกเลย!
“ มันไม่มีอะไรแน่นอนหรอกแบคฮยอน ถึงกูจะเคยบอกว่ามึงเป็นสเป็กของกูแต่กูก็เปลี่ยนได้ จริงไหม? ” รอยยิ้มที่มุมปากของชานยอลมันทำให้แบคฮยอนแทบอยากจะต่อยให้ตาเขียวให้รู้แล้วรู้รอด
“ เอาดีๆ! กูไม่เล่น! ”
“ ไม่มีอะไร ”
“ แน่นะ ห้ามหลอกกูนะ ”
“ อืม กูเดินมากับจงอินแล้วบังเอิญเจอกันแค่นั้น ”
“ อ้าวไอ้จงอินอยู่กับมึงด้วยหรอวะ!? ” อะไรอะ ตอนเจอกูก็เห็นชานยอลมันอยู่คนเดียว มันใช่หรอ ไม่ใช่ชานยอลมันหลอกเขาอีกนะ
“ อือ จริงๆ ” ชานยอลพยักหน้ารับ
“ เชี่ย แล้วมันอยู่ไหนวะ กูเพิ่งส่งคยองซูเข้าห้องสมุดไป ”
“ หันหลังไปดิ ”
“ … ”
“ มันเดินตามคยองซูไปโน่นไง ”
จงอินเว้นระยะห่างไม่ให้ใกล้และไม่ให้ไกลจนเกินไป เขาไม่อยากให้ไอ้มิรู้ว่าเขากำลังแอบเดินตามอยู่ข้างหลังแบบนี้ เดินตามไปเรื่อยๆจนอีกคนเดินไปทรุดตัวนั่งลงบนโต๊ะไม้ตรงมุมเงียบๆภายในห้องสมุด คนตัวเล็กวางกระเป๋าเป้เอาไว้ข้างๆตัวก่อนจะฟุบหน้าลงกับแขนที่วางไว้บนโต๊ะแล้วหลับตาลง จงอินจ้องมองอยู่แบบนั้นสักพักก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ตัวข้างๆกับที่คยองซูนั่งอยู่เพราะแน่ใจแล้วว่าอีกคนได้หลับดิ่งสู่ห้วงนิทรา
คยองซูเหมือนจะหลับลึก เหมือนจะไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าเขาเลื่อนเก้าอี้อีกตัวออกแล้วย้ายกระเป๋าเป้ของร่างบางไปไว้ด้านข้างเพื่อที่เขาจะได้เห็นไอ้มิชัดขึ้น
ร่างเล็กๆของคยองซูที่กำลังหลับไม่รู้เรื่องราวมันทำให้หัวใจของจงอินรู้สึกปวดหน่วง
ผอมลงหรือเปล่า
ไม่สบายหรือเปล่า
ได้กินอะไรบ้างไหม
คำถามที่มันเกิดวนอยู่ในหัวเมื่อได้เห็นไอ้มิ หลังจากไม่ได้เห็นมาสามวัน จงอินไม่ได้คิดไปเอง ใบหน้าหวานใต้กรอบแว่นที่เขามองของเขาอยู่ทุกวัน มันซีดผอมลงอย่างเห็นได้ชัด ตอนเดินมองอยู่ข้างหลังจากที่ไอ้มิมันตัวเล็กอยู่แล้วก็ยิ่งตัวเล็กลงไปอีกจนเขากลัวว่าอีกคนจะไม่สบาย จงอินจะคิดเข้าข้างตัวเองได้ไหมว่าที่ไอ้มิมันเป็นแบบนี้ก็เพราะเขา
ที่ตามมาเพราะคิดถึง
ที่ตามมาเพราะอยากเห็นหน้า
จะเป็นอะไรไหมถ้าเขาจะขอให้คยองซูหลับไปแบบนี้อีกสักพัก
...ขี้ขลาด…
จงอินยอมรับว่าตอนนี้เขายังไม่พร้อมที่จะปล่อยคยองซูไป ไม่พร้อมเผชิญหน้ากับคยองซูตรงๆ เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนขี้ขลาด ตัดสินใจจะปล่อยไอ้มิไปแล้วแต่ก็ยังไม่พร้อมจะเอ่ยบอกราวกับอยากประวิงเวลาให้ยาวออกไปอีกเพื่อที่จะรอให้ตัวเองทำใจได้ทั้งๆที่ก็ยังไม่รู้เหมือนไหร่
จงอินตัดสินใจแล้วจริงๆ ว่าจะปล่อยคยองซูไป
กลับมานั่งคิด มันก็มีแต่เขาที่วางแผนทำทุกอย่างที่จะเข้าไปมีตัวตนในโลกของคยองซู ทั้งๆที่เขาไม่เคยถามคยองซูเลยว่าอยากให้เขาเข้าไปอยู่ด้วยหรือเปล่า ทั้งหมดมันมาจากเขาเองที่วางแผนและคอยบังคับคยองซูมาตลอด มันคงถึงเวลาแล้วที่เขาควรจะเลิกเห็นแก่ตัวเสียที
แต่เขาก็แค่…ยังไม่พร้อม
มือใหญ่เลื่อนไปปัดปอยผมนิ่มที่ปกตาของร่างบางออก นิ้วเรียวไล้ไปเบาๆตรงข้างแก้มของอีกคนด้วยความคิดถึง
จงอินคิดถึงแก้มใสๆของคยองซูที่มักจะพองลมจนแก้มป่องเมื่อเขาแกล้งแหย่
คิดถึงริมฝีปากรูปหัวใจสีสวยที่เขาชอบเผลอมองเวลาที่ไอ้มิยิ้ม
คิดถึงดวงตากลมโตที่ชอบเบิกกว้างตอนเจ้าตัวตกใจหรือตื่นเต้น
จงอินขอเวลาแค่นี้ ขอคยองซูอย่าเพิ่งตื่นขึ้นมาเลย
Rrrrrrrrrrr
เสียงสั่นของโทรศัพท์ทำให้จงอินต้องผละออกมาก่อนจะรีบกดรับสายของชานยอลทันที
“ อืม มีอะไร ”
[จงอิน …มึงควรมาหากูตอนนี้ รีบมา กูรอห้องซ้อม]
“โอเค เดี๋ยวกูไป”
จงอินไม่รู้ว่าชานยอลมีอะไร แต่ก่อนที่เขาจะไปเขาอยากให้อะไรกับคยองซูก่อน
มือใหญ่ค่อยๆจับประคองข้อมือเล็กขึ้นมาก่อนจะบรรจงใส่สร้อยที่เขาเป็นคนซื้อให้และพกติดตัวตลอดตั้งแต่วันนั้น พยายามใส่ให้อย่างเบามือเพราะกลัวว่าอีกคนจะตื่น สร้อยข้อมือเส้นเล็กบัดนี้มันกลับไปอยู่กับคนที่เป็นเจ้าของแล้ว ก่อนจงอินจะจูบอ่อนโยนลงที่ข้อมือของไอ้มิเบาๆ จงอินทำได้เท่านี้ เขาอยากให้สร้อยเส้นนี้กลับไปอยู่กับไอ้มิ…
สร้อยเส้นนี้มีแค่คยองซูคนเดียวเท่านั้นที่ควรได้ครอบครอง
เพราะอะไรที่เขาให้ไปแล้วจงอินไม่คิดเอาคืน
ซึ่งแน่นอนมันรวมถึง หัวใจ ของเขาด้วย
แชะ
“ แกถ่ายทันไหม โอ้ยย ฉันจะบ้าแล้วนะ จงอินน ” พอเห็นว่าคิมจงอินเดินออกไป เสียงหญิงสาวสองคนก็หวีดขึ้นทันที พวกเธอบังเอิญเห็นจงอินอยู่กับเด็กเฉิ่มๆแถมยังเห็นช็อตที่จงอินใส่สร้อยแล้วบรรจงจูบข้อมือของอีกคนจนอดไม่ได้ที่จะลงมือหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายเองไว้ เรื่องนี้มันต้องบอกต่อสิยะ!!
“ ชู่ว! เบาๆ สิยะ นี่มันห้องสมุดนะ ”
“ ส่งไปให้ยัยเฮมิสิ ยัยนั้นต้องคลั่งแน่ๆ ”
“ โอ๊ะโอ มีเรื่องสนุกทำแล้วล่ะสิ ”
“ โทษทีว่ะ กูโทรเรียกมึงมาแบบนี้ กูขัดมึงหรือเปล่า ” ชานยอลที่นั่งอยู่ที่โซฟาเอ่ยทักทันทีที่จงอินเปิดประตูเข้ามา แบคฮยอนเล่าว่าคยองซูผอมลงไปเยอะเพราะไม่ค่อยกินข้าวและจะรอจงอินกลับมา แต่ชานยอลก็อยากให้แบคฮยอนเห็นเหมือนกันว่ากับจงอินก็ไม่ได้ต่างกัน
เพื่อนเขาเหมือนคนอกหัก กินไม่ได้นอนไม่หลับไม่ต่างอะไรกับคยองซู ชานยอลก็เพิ่งเคยเห็นไอ้จงอินมันเป็นแบบนี้ก็ครั้งนี้ ไม่มีใครรู้เรื่องระหว่างจงอินกับคยองซูดีไปกว่าตัวมันสองคนเอง ชานยอลไม่นึกโทษคยองซูที่ทำให้เพื่อนของเขาเป็นแบบนี้ เรื่องแบบนี้เขาซึ่งเป็นเพื่อนก็ทำได้แค่คอยดู คอยปลอบก็เท่านั้น
ก็แปลกใจอยู่หรอกที่เห็นจงอินมันเดินตามคยองซูไปแบบนั้น เขาไม่รู้ว่าจงอินมันไปหาคยองซูเพราะอะไร อาจจะไปเคลียร์ ไปตามดู หรืออะไรก็ตาม แต่ชานยอลก็ไม่ได้อยากจะขัดจังหวะเพื่อนเท่าไหร่ แต่ถึงมันจะเป็นการขัดแต่เขามีเรื่องสำคัญที่เขาต้องการให้จงอินรับรู้เดี๋ยวนี้
“ ไม่หรอก กูไม่ได้จะไปให้เขาเห็นอยู่แล้ว ” ตอบมาแบบนี้ก็ทำให้ชานยอลพยักหน้ารับน้อยๆ
“ ชานยอล ที่มึงเรียกจงอินมา มีอะไรหรือเปล่า ” แบคฮยอนที่มองชานยอลสลับกับจงอินไปมา ก็ได้แต่สงสัย เมื่อกี้ตอนก่อนที่ชานยอลมันจะโทรหาจงอิน แบคฮยอนแอบเห็นชานยอลมันกดอะไรยุกยิกๆในโทรศัพท์ แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรเพราะเขาก็กำลังแกะโน็ตเพลงที่ต้องร้องในงานโรงเรียนที่จะถึง
“ กูว่าพวกมึงต้องรู้ แบคฮยอนมึงก็ไปดูกับจงอินด้วย ”
“ อะไรของมึงวะ… ”
ชานยอลไม่ได้ตอบอะไรแต่กลับหยิบเอาโทรศัพท์ของตัวเองยื่นไปให้จงอินมารับเอาไว้ โดยที่หน้าจอมีคลิปที่ชานยอลเปิดเอาไว้อยู่ก่อนแล้วและนั่นก็ทำให้จงอินเงยขึ้นจ้องตากับชานยอลนิ่ง แล้วตัดสินใจกดเล่นดูในวินาทีต่อมา
ภาพในคลิปเป็นมุมวางกล้องที่เหมือนการแอบถ่าย ในนั้นเผยให้เห็นหน้าตาของซนนาอึนที่อยู่ในชุดสบายๆและกำลังนั่งอยู่ที่โซฟา คนที่ถ่ายคลิปพยายามปรับองศาของกล้องให้แหงนขึ้นให้เห็นซนนาอึนได้ชัดเจนขึ้น โดยที่อีกคนก็ไม่รู้ว่าแอบถ่าย ก่อนเสียงพูดคุยจะเริ่มต้นขึ้น
[ นาอึน วันนี้ฉันเจอชานยอลเพื่อนของแฟนเก่าแกด้วยนะ ]
[ จ..จงอินนะหรอ ]
[ ใช่ คนที่แกบอกฉันว่าเขาทิ้งแกไปแต่จริงๆแล้วมันไม่ใช่ไง นาอึน ] พอจบประโยค ท่าทีของซนนาอึนในคลิปก็เป็นไปเป็นลุกลี้ลุกลน
[ ก..แกรู้อะไรมา ]
[ ชานยอลบอกฉันมาหมดแล้วว่าแกโกหกฉัน.. ]
[ ฉ..ฉัน ..ฉัน ]
[ ถ้าแกยังเห็นฉันเป็นเพื่อน แกบอกฉันได้ไหมว่าวันนั้นมันเป็นยังไงกันแน่ ]
[ ฉัน ไม่รู้จะเริ่มยังไง …โอ้ยย อย่าเร่งฉันสิ แกคงไม่รู้ว่า ฉ..ฉันชอบเซฮุนและเคยไปสารภาพรักกับเขาก่อนที่ฉันจะคบกับจงอิน ฉันรู้ว่าฉันผิด แต่ฉันก็รักเซฮุนมากจนใช้จงอินเป็นเหมือนสะพานเพื่อที่จะได้เข้าใกล้เซฮุน ความจริงแล้วเรื่องวันนั้นอยู่ๆเซฮุนก็ลุกขึ้นแล้วบอกจะขึ้นไปโทรหาแฟนข้างบน ฉันเลย... ]
“ ทำไมโทรไม่ติดวะ ” ร่างสูงเดินวนอยู่ในห้อง โยนโทรศัพท์ไปบนโซฟาก่อนจะทิ้งตัวลงไปนั่งด้วยท่าทีร้อนใจ พอเซฮุนขึ้นมาหญิงสาวก็ขอตัวจากจงอินก่อนจะแอบตามเซฮุนมาอย่างเงียบๆ
“ เซฮุน ” ซนนาอึนเดินถือแก้วแชมเปญสองแก้วก่อนจะเดินมานั่งลงที่โซฟาตัวที่เซฮุนกำลังนั่งคิ้วขมวดเข้มอยู่อย่างหัวเสีย และเมื่อเจ้าหล่อนนั่งลงใบหน้าหล่อก็หันมามองเข้าเป็นเชิงถามว่าทำไมเขาถึงเห็นซนนาอึนอยู่ที่นี่แทนที่จะเป็นชั้นล่างกับจงอิน
“ จงอินให้พี่ขึ้นมารอก่อน เดี๋ยวจงอินตามขึ้นมาน่ะ เซฮุนดื่มสิ พี่เอามาให้ จะได้ใจเย็นเพราะดูเหมือนแฟนของเซฮุนจะไม่รับสายสินะ วันเกิดเซฮุนแท้ๆ แต่ก็ไม่มา ใช่ไหมล่ะ ” ก็เหมือนถามจี้ใจดำนั่นแหละ เซฮุนไม่ตอบแล้วมองหญิงสาวแวบหนึ่งก่อนจะคว้าแก้วในมือของอีกคนขึ้นดื่มรวดเดียวหมดเพื่ออยากระบายความขุ่นมัวในใจที่เกิดขึนเพราะลู่หานไม่ยอมรับโทรศัพท์ของตน
!!!
เพล้ง!!
“ นี่พี่เอาอะไรมาให้ผมกิน!! ” เมื่อรสชาติของแชมเปญที่ใหลลงคอไปมันแปลกและไม่คุ้นเคย เซฮุนปล่อยแก้วลงพื้นให้ตกแตกก่อนเอ่ยถามหญิงสาวตรงหน้าอย่างโกรธจัด เขารู้ว่าแชมเปญแก้วนี้มันต้องไม่ใช่แชมเปญธรรมดา เซฮุนเป็นสายเที่ยวมากพอที่จะเดาอะไรได้ง่ายดายว่าในแก้วนั่นหญิงสาวจงใจใส่อะไรมาให้เขากิน
…เซฮุนโดนยาปลุก
“ เซฮุนพี่รักนาย พี่ยอมทำทุกอย่าง ”
“ ย..หยุดบ้าได้แล้ว แล้วออกไป!! ” เด็กหนุ่มพยายามจับร่างของหญิงสาวรุ่นพี่ที่กำลังรุมร่ามกับร่างกายเขาให้ออกจากตัวเอง มึน ตอนนี้เซฮุนเริ่มมึนไปหมดเพราะฤทธิ์ยา และอีกไม่นานเซฮุนก็รู้ดีว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตัวเอง ถ้าขืนยังอยู่กับแบบนี้เขาจะต้องทำอะไรบ้าๆตามเกมส์ของผู้หญิงคนนี้แน่ๆ
“ เซฮุน อย่าผลักไสพี่เลย เดี๋ยวนายก็จะมีความสุข เชื่อพี่สิ ”
“ ปล่อย! ” ยังไงซนนาอึนก็เป็นเพศแม่ เซฮุนไม่คิดทำอะไรรุนแรง มือใหญ่พยายามจับมือของหญิงสาวที่ตรงเข้ามาปลดกระดุมเสื้อของเขาและถอดออกจนท่อนบนของเขาเปลือยเปล่า ยื้อยุดกันไปมาแบบนั้นจนเซฮุนสัมผัสได้ถึงความมึนเบลอและเริ่มร้อนซ่านไปหมดทั้งตัว สติที่มีเริ่มจางหาย เซฮุนจึงค่อยๆผ่อนแรงที่มีลงทีละน้อย สัญชาตญาณดิบในตัวมันทำให้เซฮุนเริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้
“ เซฮุน พี่ รักนายนะ ”
“ ผม..รักลู่หาน! จำเอาไว้ด้วยว่ามันเกิดจากฤทธิ์ยาผมไม่ได้คิดอยากทำ…พี่มันน่าสมเพช ”
“ พี่ไม่สนหรอก ถึงเสร็จแล้วเซฮุนจะเกลียดพี่ …พี่ก็ยอม ” ถึงเซฮุนจะพูดแบบนั้น ซนนาอึนก็ไม่คิดสน ที่เขาสนก็คือตอนนี้ร่างกายของเซฮุนเป็นของเธอ เธอรอเวลานี้มาตลอด ถึงมันจะน่าสมเพช แต่ถ้าเธอไม่ทำ เซฮุนก็ไม่คิดจะชายตามองเธอเลยสักนิด
ร่างไร้สติของเซฮุนตรงเข้าจู่โจมนัวเนียหญิงสาวตามความต้องการที่ถูกปลุกปั่น เสื้อผ้าของหญิงสาวถูกมือใหญ่ฉีกออกจนเห็นชุดชั้นในตัวเล็กที่อยู่ด้านใน แขนเรียวของหญิงสาวประสานกันเข้าที่ต้นคอแกร่งของเด็กหนุ่มพร้อมรับสิ่งที่เธอตั้งใจและต้องการให้เป็นแบบนี้มาตั้งแต่แรก แต่ทว่า…
“ แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู แฮปปี้เบิร์…. ”
!!!
[ ฉันผิดเองอึนจอง จงอินเข้ามาพอดี เขาจับได้แล้วก็ไล่ให้ฉันออกไปจากห้อง ฉันอาย อายเกินกว่าจะบอกว่าฉันเองที่เลว ฉันเลยบอกกับเธอว่าเขาทิ้งฉัน… ]
[ นาอึน นี่เธ… ]
พรึ่บ!
“ ได้ยินหมดแล้วนะ ”
“ นี่มัน…เรื่องบ้าอะไรกัน ” แบคฮยอนที่ฟังมันพร้อมๆกับจงอินค่อยๆเปิดตากว้างทันที ความจริงที่เซฮุนเก็บมันเอาไว้ตลอดสองปีที่ผ่านมามันคือสิ่งที่พวกเขามองเซฮุนผิดมาโดยตลอด
ทุกคนเข้าใจผิดว่าเซฮุนหักหลังจงอินแล้วนอกใจลู่หานก่อนจะทิ้งความเจ็บปวดเอาไว้ให้พวกเขาแล้วหนีไปต่างประเทศแบบคนเห็นแก่ตัว แต่พอมาได้ยินแบบนี้ มันยิ่งทำให้แบคฮยอนรู้สึกแย่และมึนงงแบบเรียงลำดับไม่ถูก ไปไม่เป็นเลยว่ะ บอกเลย
“ มันอยู่ไหน ” จงอินที่นิ่งมานานหลังจากที่ได้ฟังคลิปก็เอ่ยถามชานยอล
ชานยอลคิดว่ามันถึงเวลาแล้วที่จงอินกับเซฮุนจะได้เคลียร์กันสักที
“ ดาดฟ้า กูนัดมันให้มึงตอนเลิกเรียน ”
“ ว่าแล้ว คนที่จะคุยกับกูต้องไม่ใช่ชานยอล ” เซฮุนยักไหล่แล้วหันหน้ากลับไปมองทางเดิมเมื่อหันมาเห็นว่าใครเปิดประตูชั้นดาดฟ้าเข้ามา เอาจริงๆก็รู้สึกแปลนิดหน่อยที่อยู่ๆชานยอลมันก็โทรมาหาแล้วบอกว่ามีเรื่องจะคุย ให้มาเจอที่นี่ตอนเลิกเรียน แต่เห็นทีคนที่จะคุยกับเขาคงไม่ใช่ชานยอล
คนมาใหม่ไม่คิดจะตอบอะไร ทำแค่ยื่นโทรศัพท์ที่หน้าจอเปิดคลิปค้างเอาไว้ไปให้อีกคนเท่านั้น
“ อืม เห็นแล้ว ” โทรศัพท์เครื่องหรูถูกยื่นมาต้องจ่อตรงหน้า เซฮุนใช้เวลานิดเดียวในจ้องมองคลิปวิดิโอตรงหน้า รอยยิ้มมุมปากปรากฎบนใบหน้าคมก่อนจะเอ่ยตอบไปว่ามันคือคลิปเดียวกับที่ชานยอลส่งมาให้เขาดู มันคือความจริงที่เซฮุนไม่คิดจะแหกปากบอกใคร
บรรยากาศรอบตัวตอนนี้มีแต่ความเงียบ ร่างสูงของจงอินหยุดยืนอยู่ด้านหน้าร่างสูงพอๆกันที่กำลังยืนพิงกำแพงพ่นควันสีขาวคละคลุ้งลอยไปบนอากาศ ยืนกันอยู่แบบนั้นไม่มีใครคิดจะพูดอะไรจนเวลาผ่านไปสักพักใหญ่ๆ
“ ไม่ต้องมองแบบนั้น กูรู้ กูดูเป็นเพื่อนรักที่แสนดีของมึงขึ้นมาทันทีเลยดิ ” เซฮุนแค่นยิ้มแต่ไม่ได้หันกลับมามอง และนั่นมันทำให้จงอินสถบก่อนจะยิ้มมุมปากออกมานิดๆกับมุกตลกสุดห่วยของเซฮุน มันนานแค่ไหนแล้วที่เขากับเซฮุนได้ยืนคุยกันดีๆแบบนี้โดยปราศจากการแลกหมัดหรือการกวนตีนใส่กัน
ตั้งแต่เกิดเรื่องเซฮุนไม่เคยคิดจะอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ใครฟัง ซึ่งนั่นมันก็เท่ากับว่ามันยอมรับว่ามันทำแบบนั้นจริงๆ ถ้าชานยอลไม่เอาคลิปของนาอึนมาให้เขาดู จงอินก็คิดว่าเซฮุนมันคงต้องเก็บความจริงไว้ต่อไป ความโกรธแค้นในใจที่ติดค้างมานานกว่าสองปีมันอ่อนลงเมื่อมาได้รู้ความจริง ทำให้ได้รู้ว่าเพื่อนเขาคนนี้ไม่เคยคิดที่จะทรยศมิตรภาพของเขาอย่างที่เข้าใจมา
“ ไม่เอา กูเลิกสูบแล้ว ” จงอินปฎิเสธเมื่อมือของอีกคนยื่นบุหรี่มาให้พร้อมไฟแช็ค จงอินเลิกมันมานานแล้วอย่างที่เอ่ยปากบอกไป ไม่รู้ดิ เพราะไม่มีเพื่อนสูบมั้งมันเลยเลิกได้เอง จำได้ว่าเลิกมานานแล้ว ..ก็อาจจะตั้งแต่ตอนที่ไอ้เซฮุนมันไปเรียนต่อเมืองนอก
เซฮุนยักไหล่เป็นเชิงแล้วแต่ก่อนจะสูบต่อ จงอินเปลี่ยนไปยืนพิงกำแพงด้านเดียวกับเซฮุนก่อนทุกอย่างมันจะตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง
“ อยากถามใช่ไหมว่าทำไมกูถึงไม่คิดจะแก้ตัว ”
“…”
“ กูรู้ตัวว่ากูผิด กูไม่คิดโทษใครนอกจากตัวกูเอง ” คำแก้ตัวมันเป็นคำพูดของคนที่ไม่ได้ทำความผิด ซึ่งกับเซฮุนมันไม่ใช่ ถึงจะเป็นเพราะฤทธิ์ยาแต่มันก็เป็นการนอกใจลู่หานและเป็นการหักหลังเพื่อนอยู่ดี
เซฮุนไม่คิดแก้ตัวด้วยการโยนความผิดไปให้ซนนาอึน มันเป็นความผิดของเขาเองที่ไม่ระวังตัวแล้วปล่อยให้เรื่องมันเลยเถิดไปแบบนั้น ความผิดที่เซฮุนจะไม่แก้ตัวและทำเพียงยอมรับและเอ่ยปากขอโทษ ถึงจะพยายามแก้ตัวไป แต่สิ่งที่เห็นมันก็ชัดเจนพอจะรู้ว่าคำแก้ตัวพวกนั้นมันใช้ไม่ได้ผล เซฮุนจึงเลือกที่ปล่อยให้ทุกคนรับรู้ว่าตัวเขาเป็นคนผิดเองทั้งหมดจะดีกว่า
“ จริงๆที่กูกลับมาก็เพราะคิดถึงลู่หาน ” แล้วก็เป็นเซฮุนอีกครั้งที่เปิดปากเริ่มประโยค
ก็อย่างที่บอก เซฮุนไม่ได้คิดจะบินมาเพื่ออยากจะแก้ตัวกับใคร มันเป็นเพราะเขาทนความคิดถึงลู่หานไม่ได้ มีคนใหม่ก็แล้ว พยายามหาอะไรทำก็แล้ว แต่ลู่หานก็ไม่เคยจางหายออกไปจากหัวเขาเลยสักนิด
“ หึ เออคิดถึงมึงด้วย ดีใจไหมล่ะ ”
“ มึงทำแบบนี้ทำไมวะ เพราะแค่ลู่หานชอบกูแค่นั้น? ” ความคิดที่ติดอยู่ในใจถูกพูดออกอย่างต้องการคำอธิบาย จงอินคิดมาตลอดว่าทั้งหมดที่เซฮุนทำมันมาจากอะไรกันแน่ ถ้าไม่เพราะเกลียดเขามากก็ต้องสันดานเหี้ยสัดๆ ขนาดเพื่อนยังหักหลังกันได้ การหาเรื่องเขาซ้ำๆเซฮุนก็ทำได้สบายอยู่แล้วถ้ามันมาจากความเกลียดชัง แต่พอมารู้ว่าความจริงเป็นยังไงมันก็พอจะมีเรื่องเดียวที่ทำให้เซฮุนเป็นแบบนี้…ลู่หาน
ถ้ายังจำได้ ที่ลู่หานมาหาเขาและมาขอให้ช่วย ก็ไม่พ้นเรื่องที่พยายามทำยังไงก็ได้ให้เซฮุนเข้าใจว่าลู่หานชอบเขา ซึ่งตอนแรกเขาก็ไม่คิดจะช่วยเพราะมันไม่ใช่เรื่องของเขาและเขากับเซฮุนไม่เกี่ยวข้องอะไรกันอีกแล้ว แต่สิ่งที่ทำให้เขาต้องรับปากช่วยก็เพราะ…ลู่หานเอาเรื่องของไอ้มิมาขู่
‘ นายคงไม่อยากให้นายใหญ่รู้ใช่ไหมว่านายกำลังหลงเด็กที่ชื่อคยองซูนั่นน่ะ และถ้ารู้นายได้โดนแยกแน่ ’
‘ อย่ายุ่งกับคยองซู! ’
‘ งั้นถ้าไม่ให้พี่ยุ่ง นายก็ช่วยพี่สิ นะ ’
“ อืม คงงั้น กูเป็นพวกแพ้แล้วพาล แต่กูว่ากูจะเปลี่ยนแล้ว เป็นตัวร้ายแล้วเรียกร้องความสนใจไม่เวิร์คว่ะ ” เซฮุนไม่อยากจะยอมรับเลยสักนิดว่าที่ตัวเองคอยยั่วโมโหคอยหาเรื่องจงอินมันเป็นเพราะแค่ว่าลู่หานชอบจงอิน จะว่าเด็กก็ได้ แต่เซฮุนก็แค่อยากเรียกร้องความสนใจจากลู่หาน เพราะถ้าเป็นเรื่องของจงอินลู่หานถึงจะยอมสนใจหรือคุยกับเขาดีๆ
ที่ทำทั้งหมดก็เพราะอยากเรียกร้องความสนใจก็เท่านั้น
“ เด็กเหี้ยๆ ” ตลอดมาจงอินแทบจะเรียกได้ว่าปิดกั้นความคิดที่จะเคลียร์มาโดยตลอดทั้งๆที่คำถามมากมายมันอัดแน่นอยู่เต็มหัวไปหมด แต่ก็ไม่มีแม้แต่คำแก้ตัว และนั่นแหละสำหรับเขากับเซฮุน มันหมดเวลาจะมานั่งคุยกันดีๆแล้ว และเหมือนว่าการคุยกันในตอนนี้มันคือการเปิดใจคุยกันตั้งแต่วันนั้น นับว่าเป็นครั้งแรกที่เขากับเซฮุนมายืนคุยประโยคยาวๆและอยู่ด้วยกันนานขนาดนี้
จงอินนึกย้อนไปถึงหลายวันก่อนที่เขาเห็นไอ้มิอยู่กับเซฮุนความใกล้ชิดของทั้งคู่มันก็เพราะเห็นเขากับลู่หานอยู่ด้วยกัน ทำไมจงอินจะไม่รู้ว่าเซฮุนมันอยากยั่วโมโหเขาเพราะอะไร มันเลยทำให้เขายั่วกลับโดยคว้าเข้าที่มือของลู่หานเช่นกัน ไหนจะเรื่องถ่ายแบบวันนั้นที่เซฮุนมันพยายามจะยั่วโมโหเขาเพื่อให้ลู่หานสนใจ แต่ทำแบบนั้นใช่ว่าลู่หานจะใจอ่อน
“ ...เรื่องสร้อย”
“ … ”
“คยองซูไม่ได้ให้กู เขาทำหล่นกูเลยเก็บไว้ให้… ” เซฮุนพ่นควันบุหรี่ออกจากปากก่อนจะหันมามองจงอิน
ปฎิกิริยาคิ้วขมวดของจงอินมันทำให้อีกคนเดาได้ไม่ยาก คงคิดว่าทำไมอยู่ๆเขาถึงเริ่มเรื่องนี้ขึ้นมาน่ะหรอ คงเพราะไหนๆจะสงบศึกกันแล้วก็ขอเปลี่ยนตัวเองเป็นคนดีด้วยเลยแล้วกัน
“ สร้อยเส้นนี้คงสำคัญมาก พอคยองซูรู้ว่าเส้นอยู่ที่กูก็ยอมรับปากกับครูว่าจะดูแลกูที่เพิ่งย้ายมาใหม่ทั้งๆที่หนีกูแทบตาย แต่ก็ตกลงเพราะแค่กูบอกว่าจะคืนสร้อยให้ ”
“…”
“ กูไม่คิดว่าจะเดาถูกนะว่ามึงเป็นคนซื้อให้ แล้วกูก็เดาว่าคยองซูคงไม่ได้บอกเรื่องนี้กับมึง ” ไม่งั้นมันคงใส่หมัดมาที่เขาไม่ยั้งแบบนี้
คำพูดของเซฮุนเหมือนไขความกระจ่าง ทุกสิ่งที่เขาคิดเอาเองว่าเขาคงไม่มีความสำคัญกับคยองซูพังทลายลง เรื่องนี้ไอ้มิไม่เคยบอกเขา ไม่ใช่เพราะเขาไม่สำคัญพอที่จะบอกแต่เพราะเขาสำคัญมากพอที่ไอ้มิจะไม่อยากทำให้เขารู้สึกไม่ดี เรื่องที่เซฮุนรู้ว่าเขาเป็นคนซื้อสร้อยให้ก็เกิดจากการเดา ไม่ใช่เพราะคยองซูเป็นคนบอก
“ และกูก็ว่ากูจะไม่บอกมึงเรื่องนี้เพราะกูรู้ว่าคยองซูคงไม่อยากให้มึงรู้ ”
“….”
“ คยองซูต้องทนโดนแกล้ง ทนให้คนอื่นนินทาด่าสารพัดก็เพราะมึง มึงก็รู้แฟนคลับมึงมีอยู่ทั่วโรงเรียน แล้วถ้าเขารู้ว่าคยองซูมายุ่งกับมึงพวกเขาจะทำยังไงล่ะ ..ถ้าเป็นกูป่านนี้เลิกยุ่งกับมึงไปนานแล้ว ”
!!!
ทำไมเขาไม่เคยรู้เรื่องนี้
และที่จงอินคิดว่ามีแต่เขาเพียงคนเดียวที่เป็นฝ่ายพยายามเข้าหาไอ้มิจริงๆแล้วมันไม่ใช่เลย…
คยองซูไม่สนใจคำพูดของคนอื่นและเลือกที่จะอยู่กับเขา โดยที่ไม่คิดสนว่าจะโดนว่าโดนแกล้งเท่าไหร่
แต่เขากลับเลือกที่จะทำร้ายอีกคนด้วยความคิดของตัวเอง
ทำไมกัน ทำไม
คยองซูต้องทนเจอกับเรื่องอะไรบ้าๆพวกนี้มาตลอดก็เพราะเขา
บ้าเอ้ยย! จงอิน มึงมันโง่!!
“ …พูดจบหรือยัง ”
ผัวะ!
“ หมัดแรก เพราะมึงมีส่วนทำให้กูต้องเห็นน้ำตาคยองซู ”
ผัวะ!
“ หมัดสอง ขอบคุณที่ตลอดสองปีที่ผ่านมาไม่อ้าปากบอกความจริงกับกูสักคำ ”
ผัวะ!
“ หมัดสุดท้าย กูแถมให้ แล้วฝากไปบอกลู่หานด้วยว่าเลิกหลอกมึงว่าชอบกูซักที สงสารเด็กเหี้ยๆอย่างมึง ”
“ มึง…ว่ายังไงนะ ”
“ คิดเอง กูบอกแค่นี้ ”
“ … ”
“ กูรีบ ไปก่อนนะ! ”
ถึงความบาดหมางระหว่างเขากับเซฮุนจะถูกเคลียร์จนจบ แต่ก็ใช่ว่าเขากับเซฮุนจะกลับมาตัวติดกันเหมือนเดิมเหมือนอย่างสองปีก่อน มันต้องใช้เวลา และเขาคิดว่าอีกไม่นานมิตรภาพที่พวกเขามีมันจะต้องกลับมา ร่างสูงของจงอินก้าวขาเดินออกไปด้วยความเร่งรีบ โดยทิ้งให้เซฮุนเช็ดเลือดที่ปากตัวเองจากแผลที่ถูกต่อย
ตอนนี้จงอินมีสิ่งที่สำคัญที่สุดที่ต้องทำ
คือกลับไปเอา ’หัวใจของเขา’ มาอยู่ใกล้ตัวเหมือนเดิม
“ คยองซู เป็นอะไรหรือเปล่า เหม่ออีกแล้วนะ ให้พี่ไปส่งไหม ” อึนจองที่เดินคู่กับคยองซูออกมาจากห้องสมุดเอ่ยถามอีกคนเป็นรอบที่ร้อย เธอไม่สบายใจเลยที่อยู่ๆคยองซูก็ดูผอมลง ดูเศร้าหม่องลงแบบนี้ เกิดอะไรขึ้นกับคยองซูหรือเปล่านะ
“ นูน่ากลับไปก่อนก็ได้ครับ ผมอยากเข้าห้องน้ำก่อน ” คยองซูเลิกที่จะบอกปัดไปไม่ให้อีกคนเป็นห่วง เขารู้ว่าอึนจองนูน่าเป็นห่วงเขามากแค่ไหน แต่เรื่องของเขา มันไม่จำเป็นต้องมีใครทุกข์ใจไปด้วยเขาด้วยเลย
หลังจากที่คยองซูเลือกที่จะโดดเรียนทั้งวันเพื่อแอบมานอนพักอยู่ในห้องสมุด เขาก็รู้สึกว่าร่างกายของคยองซูมันดีขึ้นจากเมื่อสามวันที่แล้ว แต่ทางด้านจิตใจ มันก็ยังไม่ดีขึ้นอย่างที่คยองซูหวังเลยสักนิด
ข้อมือเล็กที่มีสร้อยเส้นคุ้นตาสวมอยู่ ถูกร่างบางยกขึ้นมาดู คยองซูมั่นใจว่าจงอินมาหาเขาที่นี่ พอรู้สึกตัว ตื่นมาแล้วรู้ว่าสร้อยมันกลับมาอยู่กับตัวเองเขาก็รีบทิ้งทุกอย่างแล้วรีบวิ่งออกไปดูด้านนอกห้องสมุดทันที แต่ก็ต้องกลับมาพร้อมความว่างเปล่า เพราะจงอินไปแล้ว จงอินคงไม่อยากเจอเขาเลยเลือกที่จะเอาสร้อยมาใส่ให้ในตอนที่เขาเผลอหลับไป
ถึงเขาจะอยากเจอจงอินมากแค่ไหน อยากอธิบายมากแค่ไหน แต่ถ้าจงอินไม่อยากเจอเขา มันจะไม่มีความหมาย
ถ้าจะให้คยองซูตามไปหาจงอิน ตอนนี้คยองซูก็คิดว่าเขายังไม่เข้มแข็งพอที่จะมองจงอินเดินหนีเขาอีกได้
“ เอางั้นหรอ ไม่เป็นไรแน่นะ ”
“ เย็นมากแล้ว กลับบ้านดีๆนะครับ ”
“ โอเค งั้นรีบๆเข้านะ เดี๋ยวตึกจะปิดเอาซะก่อน ”
พอบอกลาและแยกกับหญิงสาวรุ่นพี่เสร็จ ขาเรียวเดินเข้าไปในห้องน้ำบนตึกที่ไร้ผู้คน ก่อนจะวางโทรศัพท์และกระเป๋าเป้ของตัวเองเอาไว้ข้างๆอ่าง ก่อนจะเปิดก็อกน้ำและเอามือรองเพื่อล้างหน้า ร่างบางเหม่อเกินกว่าจะรู้ว่ามีใครเดินเข้ามาล้อมตัวเองเอาไว้จากด้านหลัง
พลั่ก!
“ อ๊ะ! ” อยู่ๆร่างของเขาก็ถูกผลักให้เข้าไปอยู่ในห้องน้ำห้องหนึ่ง ด้วยแรงผลักมันทำให้แก้มของคยองซูกระแทกกับผนังห้องน้ำอย่างจัง เวลานี้ความเจ็บปวดมันไม่มีผลอะไรเลยเมื่อเทียบกับความตกใจและความกลัวที่มี เสียงเชือกที่ใช้มัดประตูเอาไว้มันทำให้คยองซูต้องรีบเขย่าลูกบิดให้เปิดออก แต่ก็ดูเหมือนแรงของคยองซูจะน้อยเกินไป
เขาถูกขังไว้ในห้องน้ำ โดยที่เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นใคร
ปัง! ปัง! ปัง!
“ ค..ใครอยู่ข้างนอก ทำแบบนี้ทำไม ขอร้อง เปิดประตูให้เราที ”
ซ่าา!
ยังไม่ทันสิ้นเสียง คำขอความช่วยเหลือถูกตอบกลับมาด้วยน้ำจากถังที่สาดลงมาจากด้านบนแทน คยองซูกอดตัวเองเอาไว้แน่นเพราะความหนาว เสียงหัวเราะคึกคักข้างนอกมันทำให้คยองซูมั่นใจว่าคนทำต้องเป็นกลุ่มผู้หญิงประมาณ 4-5 คน เขาโดนอีกแล้วสินะ
“ รู้สึกว่าช่วงนี้แกจะสนิทกับจงอินของพวกฉันมากไปแล้วนะ รูปที่จงอินจูบข้อมือแก ฉันเห็นแล้วอยากจะอ้วก! คงยั่วจนทำให้จงอินหลงเลยล่ะสิ จงอินเขาถึงติดใจขนาดนั้นน่ะ ”
“ ช..ช่วยด้วย ”
“ โดนแค่นี้นิดๆหน่อยๆไม่ตายหรอก เหอะ! หมั่นไส้มานานแล้วเชียว เพิ่งมีโอกาส ”
“ แก พอไหมล่ะเดี๋ยวมันตายไปจริงๆแล้วจะซวย ” คยองซูได้ยินเสียงหญิงสาวอีกคนที่พูดคอยปรามเพื่อนทั้งสองคนเอาไว้ ก่อนเสียงปิดล็อคประตูทางเข้าห้องน้ำใหญ่จะดังขึ้นตามด้วยเสียงตะโกนของพวกหล่อน
“ ตึกจะปิดแล้ว แกก็นอนหนาวตายไปคนเดียวก็แล้วกันนะ ไอ้คนไม่เจียมตัว! ฮ่าๆๆ ไปพวกเรา!! ”
คยองซูตบประตูพร้อมส่งเสียงเรียกให้คนข้างนอกได้ยินทั้งที่ก็รู้ดีว่าเย็นป่านนี้แล้วคนดูแลตึกก็คงจะกำลังเตรียมปิดตึก คยองซูค่อยๆนั่งลงกับฝาชักโครก ยกแขนกอดให้ความอบอุ่นกับตัวเองเอาไว้แน่น อากาศในตอนนี้ ยิ่งดึกมากมันก็จะยิ่งหนาวขึ้นเรื่อยๆ
ไม่คิดเลยว่าการที่เขาแค่อยากอยู่ข้างๆจงอินมันจะผิดสำหรับคนอื่นถึงเพียงนี้ หลายคำพูดหลายคำนินทา คยองซูพยายามอดทนเพราะเขาอยากที่จะลองทำตามใจตัวเองบ้างสักครั้ง ตลอดมาคยองซูเลือกที่จะทำตัวให้ไม่ไปขัดหูขัดตาใคร ไม่ทำให้คนอื่นรู้สึกเกะกะให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่กับการจะให้คยองซูเลิกยุ่งกับจงอินอย่างที่คนอื่นๆต้องการ ถ้าเขาจะต้องโดนแกล้ง ถ้ามันจะทำให้คนทั้งโรงเรียนไม่ชอบเขา…คยองซูก็ยอม
“ อึก! ช..ช่วยด้วย มีใครอยู่ไหมครับ มีคนอยู่ในนี้ครับ ช่วยด้วย ”
Rrrrrrrr
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น มันทำให้ร่างเล็กที่กำลังนอนหนุนขายาวของอีกคนต้องขยับหัวให้ชานยอลเอื้อมตัวไปหยิบโทรศัพท์ที่นอนสั่นอยู่บนโต๊ะขึ้นมากดรับ แบคฮยอนกดหรี่เสียงทีวีลงอีกนิดเมื่อรู้สึกว่ามันอาจจะดังเกินไปแล้วทำให้ชานยอลคุยโทรศัพท์ไม่รู้เรื่อง
“ ว่าไง ”
เอาจริงๆป่ะ ตาอะมองจอทีวี แต่หูอ่ะแทบจะผูกติดอยู่กับการคุยโทรศัพท์ของชานยอล ไม่รู้ดิ ปกติชานยอลมันจะคุยกับใครเขาไม่เคยคิดจะสนใจ แต่ไม่รู้ทำไม ภาพเมื่อเช้าที่ชานยอลมันคุยกับอึนจองนูน่ามันมารบกวนจิตใจของแบคฮยอนยังไงก็ไม่รู้ รู้สึกว่าชานยอลมันดูแปลกๆ
“ ใคร? ” ทนไม่ไหวแบคฮยอนเลยตัดสินใจเงยหน้าขึ้นไปถามให้รู้ๆกันไปอีกคนคุยกับใคร ก่อนที่ชานยอลจะตอบด้วยการเอาโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดสปีกเกอร์ มันทำให้แบคฮยอนต้องขยับลุกขึ้นมานั่งข้างชานยอลเพื่อฟัง
[ ไอ้มิอยู่ไหน!! คยองซูหายไป!! กูหาเขาไม่เจอ!!! ]
“ จงอิน ไอ้เหี้ย มึงใจเย็นๆก่อน ” น้ำเสียงร้อนรนของเพื่อนผิวแทนมันทำให้ชานยอลต้องพูดเตือนสติให้ เขาไม่รู้หรอกว่าทำไมอยู่ๆไอ้จงอินมันถึงเป็นบ้าแล้วโทรมาโวยวายขนาดนี้ แต่ถ้ายิ่งไม่มีสติ คุยไปมันก็ไม่ได้เรื่องกันพอดี
[ ที่คอนโดกู ที่บ้านมัน กูหาหมดแล้ว ไม่เจอ โทรไปก็ปิดเครื่อง!! มึง..คือกู.. กูจะบ้าอยู่แล้ว!! ]
“ เห้ย คยองซูหายไปหรอวะ ” แบคฮยอนปิดปากอย่างตกใจ ที่แบคฮยอนไม่ได้ไปอยู่เป็นเพื่อนกับคยองซูเพราะจงอินมันบอกเองว่าวันนี้จะไปรับคยองซู เขาก็เลยกลับมาที่ห้องกับชานยอล นี่มันเกิดอะไรขึ้นอีกแล้ว ทำไมมันต้องมีแต่เรื่องด้วยเนี่ย!
“ มึงใจเย็นๆ นี่มันก็เย็นมากแล้ว เดี๋ยวกูลองไปที่บ้านอึนจองนูน่าที่สนิทกับคยองซูดู ”
อึนจองนูน่า…อีกแล้วหรอ
พอได้ยินชื่อนั่นแบคฮยอนก็เริ่มเงียบลงทันที
[ เออ! ฝากด้วยนะชานยอล กูกำลังจะไปหาที่โรงเรียน ได้เรื่องแล้วโทรมาหากูด้วย…ติ๊ด ]
พอจงอินวางสาย ชานยอลก็ไม่ได้พูดอะไรแต่ลุกขึ้นไปหยิบกระเป๋าตังค์กับกุญแจรถบนโต๊ะขึ้นมาเพื่อเตรียมออก แต่ก็ต้องชะงักขาเอาไว้เมื่อมีแบคฮยอนเดินตรงมากระฉากไหล่เขาให้หันมาเผชิญหน้า
“ เดี๋ยว อึนจองนูน่า? มึงรู้จักบ้านกันได้ยังไง กูจะไปด้วย! ”
“ มึงจะไปทำไม อยู่ที่นี่แหละเย็นแล้ว ”
“ ไม่! ก็กูบอกว่ากูจะไปด้วยไง ”
“ แบคฮยอนมึงอย่ามางี่เง่าตอนนี้ได้ไหม ”
!!
คำพูดของชานยอลทำเอาอีกคนสะอึก นี่แบคฮยอนผิดมากเปล่าวะ ก็แค่บอกว่าจะไปด้วยต้องถึงกับว่างี่เง่าเลยหรือไง
“ เออ! กูงี่เง่า! ทำไมอะ ไหนบอกว่าไม่มีอะไรกันไงวะ! ” แบคฮยอนรู้ว่าตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องตามหาคยองซูก่อน แต่แบคฮยอนก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงรู้สึกอารมณ์ไม่ดีเรื่องของอึนจองนูน่ากับชานยอลขึ้นมาซะเฉยๆ เออ เขายอมรับก็ได้ว่ากำลังงี่เง่า!
“ กูว่าตอนนี้เราคงพูดกันไม่รู้เรื่องแล้ว กูต้องรีบไป ”
“ ถ้าไม่มีอะไรทำไมกูจะไปด้วยไม่ได้!! กูจะไป กูจะไป กูจะไปด้วย!! ”
“ แบคฮยอน!! ”
!!!
“…”
“…”
เสียงตะหวาดของชานยอลทำให้ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ สีหน้าอึ้งๆปนผิดหวังของแบคฮยอนมันทำให้ชานยอลได้สติกลับมาทันทีและรู้ว่าตัวเองเผลอทำอะไรลงไป
“ …ทำไมมึงต้องโกรธกูขนาดนั้นวะชานยอล “
“ กู.. ”
“ มึงไม่เคยขึ้นเสียงใส่กูแบบนี้เลยนะ เพราะอึนจองนูน่างั้นหรอ? ”
“ แบคฮยอน มันไม่ใช่แบบนั้น ” เสียงของชานยอลหงุดหงิด แบคฮยอนเห็นว่าร่างสูงยกมือขึ้นเสยผมของตัวเองขึ้นแล้วขยี้ลวกๆเมื่อเห็นว่าเขายังพูดประชดไม่หยุด
“ เอองั้นมึงไปหาอึนจองนูน่าเถอะ เดี๋ยวกูจะไปหาจงอินที่โรงเรียน ”
“….”
แบคฮยอนตัดสินใจยืนหันหลังให้คนตัวสูง หวังให้ชานยอลมันดึงตัวเขาเข้าไปกอดแล้วง้อเขาเหมือนอย่างทุกทีที่เคยเป็น
แต่คงได้แต่คิด
เพราะครั้งนี้มีเพียงร่างของชานยอลที่เดินออกจากห้องไปพร้อมกับเสียงประตูที่ปิดลงพร้อม
น้ำตามาค่ะ รออะไร
เฮ้ออออ เฮ้อออออ เฮ้อออออ
เมื่อไหร่มันจะหลุดพ้นดราม่าไปซักทีอะ โว้ยยยย ขัดใจ
(แต่งเองขัดใจเอง)
ทนกันอีกนิดค่ะ อีกนิดเดียว เราจะพบเจอกับทางสว่างกันแล้ว
ฮึบบบบบ!! สู้ไปด้วยกันนนนนนน
ตอนนี้คลี่ปมเอาไว้หลายปมเลยนะคะถ้าใครสังเกตุดีๆ
หนึ่งเลย อึนจองเป็นเพื่อนกับนาอึนค่ะแล้วนาอึนโกหกว่าจงอินทิ้ง
อึนจองเลยเกลียดและไม่ชอบจงอิน
สอง เซฮุนไม่ได้คิดจะหักหลังและนอกใจจงอินกับลู่หานแต่อย่างใด
โฮ้ยยยย เรื่องมันเศร้าจังเลยค่ะ
ฮื่อออออ
แล้วนี่ใครจะไปช่วยคยองซูอ่ะ ทำไงดี ทำไงดี!!!!!
คนอ่านหายใครก็ได้ช่วยตามที
5555555555555
รู้สึกหัวใจฟ่ออ :(
แจ้งข่าว
ของแถมที่เราจะแถมไปกับฟิคเผยหน้าตาออกมาแล้วนะคะ
แถ่น แท่น แท่นนนนนนนน
ใครไม่ซื้อ บอกเลยค่ะ พลาดดดดดดดดดดด
แล้วนี้โควต้า 20 คนแรกก็ใกล้จะเต็มแล้วด้วย
รีบๆกันหน่อยนะคะะะะะะะ จุ๊บๆ
เจอกันตอนหน้านะคะ รักนะะะะ
คอมเม้น & เล่นแท็กกันหน่อยนะตัวเอง
ไม่มีกำลังใจแย้ววววว TT
ความคิดเห็น