ประเพณีที่เกี่ยวกับเทศกาล
ประเพณีที่เกี่ยวกับกลุ่มบุคคลหรือประเพณีเกี่ยวกับเทศกาล หมายถึงประเพณีในส่วนรวมที่กลุ่มบุคคลร่วมกันจัดขึ้น อาจจะเกี่ยวกับการทำบุญหรือเพื่อความสนุกสนานรื่นเริงของกลุ่มที่ได้ปฏิบัติสืบต่อกันมา ได้แก่ ประเพณีตรุษสารทและสงกรานต์ การลอยกระทง การทำบุญในวัน
เข้าพรรษาและออกพรรษา ประเพณีเทศน์มหาชาติ การทอดกฐิน วันวิสาขบูชา ถวายสลากภัตร การทอดผ้าป่า เป็นต้น นอกจากนั้นยังมีประเพณีส่วนรัฐบาล คือประเพณีที่ทางราชการได้จัดขึ้นเกี่ยวเนื่องด้วยพระราชพิธีและรัฐพิธีต่าง ๆ เช่น พิธีวางศิลาฤกษ์ พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระราชพิธีถือน้ำ พิพัฒน์สัตยา พระราชพิธีฉัตรมงคล พระราชพิธีพืชมงคลและจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ เป็นต้น
ประเพณีไหลเรือไฟ
ไหลเรือไฟเป็นพิธีกรรมอย่างหนึ่งที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของทางอีสาน มีศัพท์เฉพาะท้องถิ่นว่า “ เฮือไฟ ” ซึ่งคล้ายกับการลอยกระทงของภาคอื่นๆเนื่องจากคาบเกี่ยวอยู่ในระหว่างเดือน 11 และเดือน 12 โดยถูกกำหนดให้มีขึ้นเป็นประจำทุกปีในเทศกาลออกพรรษา มูลเหตุสำคัญแห่งการไหลเรือไฟของชาวอีสาน เพื่อเป็นการบูชารอยพระพุทธบาทองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ณ.ริมฝั่งแม่น้ำนัมนที ในแคว้นทักษิณาบทประเทศอินเดีย บูชาท้าวผกาพรหม ขอขมาลาโทษแม่น้ำที่เราทำให้สกปรก และ เอาไฟเผาความทุกข์ให้หมดไปแล้วลอยไปกับแม่น้ำ ดังนั้นในวัน ปราวณาออกพรรษา ชาวอีสานจึงถือเป็นวันลอยประทีปโคมไฟ พอใกล้ออกพรรษา บรรดาพระภิกษุสามเณรของแต่ล่ะคุ้มวัดตลอดจนชาวบ้านทุกคนต่างมาเตรียมจัดทำเรือไฟไว้ก่อน โดยมีเครื่องประกอบพิธีดังนี้
1. เฮือไฟ หรือต๋ง 2. เครื่องอุปโภคบริโภคภายในเรือ 3. ผู้ออก
4.เรือลำเลียง 5. พลุ ตะไล
ขั้นตอนในการประกอบพิธี
พอใกล้ออกพรรษา บรรดาพระภิกษุสามเณรของแต่ล่ะคุ้มวัดตลอดจนชาวบ้านทุกคนต่างมาเตรียมจัดทำเรือไฟไว้ก่อนล่วงหน้าหลายวัน โดยเอาต้นกล้วยทั้งต้นมาเสียบไม้ต่อกันให้ยาวหลายวา วางขนานกันสองแถวกว้างห่างกันพอประมาณ แล้วนำไม้ไผ่ที่เรียวยาวมาผูกไขว้กันเป็นตารางสี่เหลี่ยม ระยะห่างกันคืบเศษวางราบกับพื้น มัดด้วยลวดให้แน่นและแข็งแรง เพื่อที่จะรอการออกแบบภาพบนแผงผู้ออกแบบจะแสดงความคิดสร้างสรรค์อย่างสวยงามที่สุด เช่น ประดิษฐ์เป็นเรื่องเป็นราวตามพระพุทธประวัติ บ้างเป็นสัตว์ในตำนาน อาทิ พญาครุฑ นาค หงส์ เป็นต้น แล้วนำไปปักติดเป็นเสาบนแพหยวกกล้วย
สมัยก่อนเชื้อเพลิงที่ใช้จุดไฟนั้นชาวบ้านใช้น้ำมันสน ซึ่งมีลักษณะเป็นของเหลวไม่มีสี ไม่รวมตัวเป็นเนื้อเดียวกับน้ำและเบากว่าน้ำ บ้างเป็นน้ำมันยางที่เจาะสกัดจากต้นยางตะแบก แล้วเอา ไฟลนให้น้ำมันไหลออกมา ซึ่งเป็นผลผลิตจากธรรมชาติ ไม่ต้องเสียเงินเสียทองไปหาซื้อมา แต่ขั้นตอนค่อนข้างยุ่งยากและเสียเวลา ต่อจากนั้น นำจีวรหรือสบงเก่าของพระมาฉีกให้ยาวเป็นริ้วๆแล้วชโลมด้วยน้ำมันให้ชุ่มพอได้ที่ก็นำออกผึ่งแดดให้หมาดราว 6 ถึง 7 วันรอจนกว่าจะมีสีสันคล้าย น้ำตาลเข้มจึงจะนำไปผูกเป็นปมและมัดแน่นด้วยลวด วางระยะห่างกันพอประมาณให้เกิดความสวยงามบางรายจุดก้วยกะไต้ (ขี้ไต้) ตั้งแต่หัวเรือจนถึงท้ายเรือทั้งสองข้าง นอกจากนี้ภายในเรือยังมีเครื่องอุปโภคบริโภค เช่นผ้านุ่ง ผ้าห่ม กล้วย อ้อย เปือ มัน เป็นต้น สำหรับให้ทานแก่ผู้สัญจรไปมาตามลำน้ำแล้วลากเรือไฟไปจอดคอยอยู่ทางต้นน้ำ ครั้นเวลาเย็นชาวบ้านทั้งสองฝั่งลำน้ำพากันลงเรือไปชุมนุมกันร้องรำทำเพลงอย่างสนุกสนาน พอค่ำลงก็จุดไฟในเรือให้สว่างไสวก่อนที่จะเอาเชือกลากต๋งไปกลางน้ำ ต่อจากนั้นจึงปล่อยให้ลอยไปตามกระแสน้ำอย่างช้าๆโดยมีเรือลำเลียงคอยถือท้ายพร้อมด้วยจุดพลุตะไลฉลองควบคุมเรือไปจนกว่าจะพ้นเขตหมู่บ้านแล้วจึงพากันกลับคนยากจนที่อยู่ทางปลายน้ำก็คอยเก็บเอาสิ่งของมีค่าในเรือไปจนหมด ครั้นต่อมาในปี พ.ศ. 2526 ทางจังหวัดนครพนมได้ฟื้นฟูพิธีไหลเรือไฟขึ้นใหม่อีกครั้ง โดยเทศบาลเมืองนครพนมได้ประกาศชักชวนส่วนราชการ พ่อค้า ประชาชน และชาวคุ้มวัดต่างๆช่วยกันประดิษฐ์เรือไฟด้วยต้นกล้วย ไม้ไผ่ หรือวัสดุอย่างใดอย่างหนึ่งที่ลอยน้ำได้ ให้มีรูปร่างลักษณะเหมือนเรือ มีความยาวไม่น้อยกว่า๖เมตร โดยจะประดิษฐ์เป็นรูปครุฑ นาค หรือหงส์ อย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ที่คิดว่าสวยงาม ส่งเข้ามาประกวดชิงรางวัล
เจริญ ตันมหาพราน ได้กล่าวไว้ว่า ในปีแรกที่มีพิธีไหลเรือไฟนั้นผู้คนที่มาท่องเที่ยวได้พบเห็นต่างๆพากันตะลึงในความสวยงาม คล้ายกับเกาะนิมิตขนาดใหญ่ที่ลอยเลื่อนอยู่กลางแม่น้ำโขง เรือไฟแต่ละลำประดับโคมไฟอย่างงดงามแพรวพราว ซึ่งเป็นภาพที่ชวนประทับใจจนยากที่จะลืมเลือนได้ ปีต่อมา การทำเรือไฟจึงมีวิธีตกแต่งให้วิจิตรพิสดารยิ่งขึ้น รู้จักนำเอาเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาประกอบ สามารถดัดแปลงเรือไฟให้มีรูปร่างแปลกตาออกไป เพื่อความสะดวกคล่องตัวเชื้อเพลิงที่เคยใช้จุดไฟให้สว่าง จากเดิมใช้กะไต้หรือน้ำมันยางก็เปลี่ยนมาเป็นน้ำมันก๊าดหรือน้ำมันโซล่า สำหรับไส้ชนวนที่เคยใช้เศษผ้าจีวรเก่าหรือสบงเก่าของพระมาฉีกเป็นริ้วนั้น ก็เปลี่ยนมาใช้ด้ายบรรจุในตะเกียงที่ทำจากขวดแก้วของ ยาชูกำลังหรือกระป๋องโลหะบรรจุเครื่องบริโภค ส่วนจะนำวัสดุใดมาทำตะเกียงนั้นขึ้นอยู่กับ การวางแผนของผู้สร้างเรือไฟแต่ละลำ โดยคำนึงถึงคุณสมบัติของวัสดุประเภทนั้น ๆ เช่น กระป๋องโลหะสามารถบรรจุปริมาณเชื้อเพลิงได้มากกว่าทำให้จุดไฟได้สว่าง ลอยอยู่พื้นน้ำนานอีกทั้งทนต่อการใช้งาน ส่วนขวดแก้วหาง่ายราคาถูก เหมาะกับเรือไฟที่ต้องใช้ตะเกียงมากกว่าหนึ่งพันดวงขึ้นไปส่วนแพหยวกกล้วยที่เดิมถูกนำมาทำทุ่น จำเป็นต้องเปลี่ยนมาใช้ถังเหล็กขนาดใหญ่ที่ใช้บรรจุน้ำมันมาปูด้วยแผ่นไม้กระดานทับไว้ข้างบนซึ่งสามารถรองรับน้ำหนักได้มากตามความต้องการ โครงเรือไฟแบบเก่า ที่ทำด้วยไม้ไผ่นั้น เริ่มมีการใช้โครงเหล็กเสริมตาข่ายเพื่อที่จะดัดแปลงรูปร่างได้ตามต้องการ อีกทั้งยังมีความแข็งแรงทนทานและมีความปลอดภัยสูงกว่าเก่าด้วย การไหลเรือไฟนับจากปี พ.ศ. 2533เป็นต้นมาทางจังหวัดได้มีการขอพระราชทานไฟพระฤกษ์จากพระบาทสมเด็จพรเจ้าอยู่หัวฯอัญเชิญมาจุดเรือไฟแบบดั้งเดิมแล้วจุดต่อไปยังเรือไฟประกวดลำอื่น ๆ ทั้งนี้เพื่อความ เป็นศิริมงคลของการจัดงานประเพณีของจังหวัดซึ่งได้มีการปฏิบัติสืบมาเช่นนี้เป็นประจำทุกปี
เรือไฟของจังหวัดนครพนมใช่ว่าจะมีแต่ความโอ่อ่างดงามตระการเพียงเท่านั้นแต่ยังมีคุณค่าและสิ่งที่แฝงปรัชญาทางศาสนาความเชื่อจากอานิสงส์ที่ได้รับจากการทำบุญร่วมกันอีกทั้งมีดวงจิตที่ใสสะอาดจากการฟังเทศน์ ( เจริญ ตันมหาพราน‚ 2541 : 133 )
น.ส.สุพัตรา โอ่งเจริญ
สาขาวิชาภาษาไทย ศศ.บ.
ราชภัฏเชียงใหม่
ความคิดเห็น
Thank...หลายๆเด้้อ
แคสทิโอเปีย จงเจริญ
กำลังหาข้อมูลนี้ยุพอดี
จะทำรายงานด้วยอ่าค่ะ
และทำใส่ฟิวเจอร์บอด
แต๊ง!!หลายๆๆเด้อค่ะ
ของให้เวบนี้เจริญก้าวหน้านะค่ะ