คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #24 : Hemera 21 : ท่านเคาท์เป็นคนที่เหนือความคาดหมาย… อีกครั้ง [100%]
Hemera 21 : ท่านเคาท์เป็นคนที่เหนือความคาดหมาย… อีกครั้ง
ประวัติศาสตร์ที่แกและเขาจะไม่มีวันลืม…?!
เพิร์ลแทบกรี๊ด
พยายามห้ามพลังธาตุไฟในตัวไม่ให้ปะทุออกมาเผาเตียงอีกรอบ
ไอ้เรื่องสิบแปดบวกนั่นมันสมควรเป็นประวัติศาสตร์ซะที่ไหนกันฟะ! ประวัติศาสตร์มันต้องเท่ ต้องแนว ต้องเปี่ยมคุณค่าทางสังคม
ต้องควรค่าที่จะได้รับการจารึกบนหลักศิลาบ้าๆ บอๆ อะไรสักอย่างให้สมฐานะ! แล้วไอ้เรื่องแบบนี้มันสมควรจารึกบนหลักศิลามั้ย!!!? น่ากลัวเกินไปแล้ว!!
“มันจะเป็นประวัติศาสตร์ที่แกและเขาจะไม่ลืมจริงๆนะ” นักบวชแห่งดวงจันทร์กอดอก
มองหน้าเพิร์ลที่เพิ่งแหกปากเสร็จ ก่อนจะย้ำความคิดของตัวเองเสียงดังฟังชัด
“แล้วมาบ้ามาบออะไร พวกแกสองคนก็ได้กันไปตั้งหลายรอบแล้ว
ไม่ต้องมาทำตัวมียางอายตอนนี้”
“ฉัน…!”
ภรรยาท่านเคาท์อ้าปากจะโต้
แต่ก็ถูกพูดกลบเสียงหน้าตาเฉย
“เออ สรุปว่าเด็ดไม่เด็ด? ฉันจะได้เอาไปเขียนลงในหน้าเซ็กส์เพจ
อาทิตย์หน้ากิจการหนังสือพิมพ์ทั้งเฮเมร่าจะถูกรวบเป็นของวิหารจันทราแล้ว
คอสัมน์แรกฉันต้องเขียนให้ดีที่สุด”
“ฮะ?!”
เพิร์ลเหวอไปพักหนึ่งเพราะโดนคำว่าเซ็กส์เพจกระแทกหัว
พอได้สติแล้วจึงค่อยๆ คิดตามเนื้อหาที่ได้ยินช้าๆ…
อืม… ถ้าสมมติว่ากิจการหนังสือพิมพ์ทั้งหมดในเฮเมร่าตกเป็นของวิหารจันทราจริงๆ ทุกอย่างก็ย่อมต้องถูกควบคุมด้วยคนที่มีอำนาจที่สุดในวิหาร
ซึ่งก็คือเถียนเถียน… เทพมารดาแห่งดวงจันทร์ผู้ฝักใฝ่ในหนทางสายอีโรติค… สตรีผู้เป็นเจ้าของกิจการเพาะพันธุ์เพนกวินเถื่อน...
…
ยอดเยี่ยมได้ใจจริงๆ!!!
เธอเชื่อ! เชื่อสุดหัวใจว่าตอนนี้ไม่มีใครหยุดเถียนเถียนได้! นักบวชแห่งจันทรามีชาวเอเธอรันต้า
หรือดินแดนแห่งแสงสว่างคอยหนุนหลังอยู่เป็นล้าน! สาบานว่าถ้ากรมศาสนาแห่งเฮเมร่าตั้งคำถามเกี่ยวกับเรื่องนี้
แม่นักบวชทุศีลต้องทำหน้าตาธรรมะธรรมโม… แล้วบอกไปว่า ‘วิหารจันทราหวังดี อยากสอนเพศศึกษาแก่เยาวชน’ แน่ๆ!
แล้วเทพมารดาแห่งจันทราก็ทำหน้าซีเรียส
มองหน้าเพิร์ลที่กำลังหวั่นวิตกถึงอนาคตเฮเมร่าด้วยสายตาจริงจัง
“ถ้าไม่เกรงใจฉันจะขอถ่ายภาพเปลือยสามีแกแล้ว”
พอเถียนเถียนว่าจบ… เพิร์ลก็หรี่ตา มองนักบวชทุศีลตรงหน้าหัวจรดเท้า
นี่มันยังมีความเกรงใจอยู่เหรอเนี่ย!
เจ้าอาณานิคมรู้สึกปวดสมอง
เหมือนสมองอยากทำลายตัวเองทิ้งหลังจากเจอเรื่องปวดประสาทมากเกินไป… ร่างบางเอามือจับหน้าผากตัวเอง รู้สึกอยากออกไปสูดอากาศข้างนอกกระทันหัน จึงลุกขึ้นยืน
แล้วหันหน้าไปหาเถียนเถียนที่เงยหน้า มองตามอย่างสงสัย
“ฉันไปเข้าห้องน้ำเดี๋ยวนะ”
นักบวชชุดขาวชี้นิ้ว
“ห้องน้ำอยู่ในห้องไม่ใช่เหรอ?”
หญิงสาวผมสีดำปราดสายตามองห้องน้ำน้อยๆ
ที่อยู่อีกด้านอย่างขัดใจ ก่อนจะตีหน้านิ่ง สาปแช่งมันด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
“ส้วมมันแตกเมื่อเช้า”
เพิร์ลแถ
แล้วเดินจากไป
โชคดีที่ฮวนน่าพาชมปราสาทนิดหน่อยแล้ว
เพิร์ลเลยไม่ค่อยกังวลว่าจะหลงสักเท่าไหร่
ที่นี่เป็นปราสาทแบบเฮสปาเนียแท้
แม้ว่าเพิร์ลจะไม่มีความรู้ด้านศิลปะมากเท่านาซีที่เป็นชาวดาร์แซนเซีย แต่เธอก็พอจะดูออกอยู่บ้าง… จากที่เรียนมา รู้สึกว่านอกจากเฮสปาเนียจะมีเอกลักษณ์ดั้งเดิมเป็นของตัวเองแล้ว
ที่นี่ยังได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมจากอินแดนใกล้เคียงอย่างวาราเนร่า ดาร์แซนเซีย
และเอเธอรันต้าอีกด้วย โดยมีการนำวัฒนธรรมที่แตกต่างเหล่านี้มาผสมผสานกับศิลปะดั้งเดิมที่มีมาตั้งแต่โบราณ
ผนวกกับความรุ่งเรืองในอดีต ทำให้แคว้นแดนดินแห่งนี้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่โดดเด่น
ไม่เหมือนใครในเฮเมร่าตะวันตก
ปราสาทเซฟาเต้ถูกตกแต่งด้วยกระเบื้องลวดลายงดงามเงาวับทั้งปราสาท
โครงสร้างของปราสาทถูกออกแบบอย่างประณีตโดยผสานเอกลักษณ์ของเฮสปาเนียเข้าไปแบบเต็มเปี่ยม
มีซุ้มประตูโค้งวิจิตรมากมาย การประดับประดาดูดีแต่ไม่รกตา ทำให้ดูปลอดโปร่งและสวยงามในคราวเดียวกัน
โดยรวมแล้วก็ถือว่าหรูหราอลังการสมฐานะขุนนางใหญ่แห่งเฮสปาเนีย
ดวงตาสีส้มกวาดมองไปรอบๆ
ขณะที่สองขาพาร่างเดินไปเรื่อยๆ ย่างไปบนพื้นกระเบื้องขัดเงาตามพื้นทางเดิน ตอนแรกเธอตั้งใจจะเลี้ยวกลับห้องตามทางเดิม
ถ้าจู่ๆ ไม่นึกถึงซิลเวอร์ขึ้นมาเสียก่อน
…ยังคุยงานไม่เสร็จอีกเหรอเนี่ย?
เจ้าอาณานิคมเม้มปากแน่น
ขาที่กำลังจะเลี้ยวกลับทางเดิมหยุดกึก เผลอหันกลับไปมองข้างหลังอย่างไม่ได้ตั้งใจ
ไม่ต้องหรอก ช่างหมอนั่นเถอะ…
หลังจากชั่งใจอยู่นาน
เพิร์ลก็ตัดสินใจเดินกลับห้อง เพราะไม่รู้จะไปหาเขาที่กำลังคุยงานอยู่ทำไมกัน? ตอนยังเป็นเจ้าอาณานิคม เวลามีคนเข้ามาด้อมๆ มองๆ ในห้องตอนกำลังเจรจา
หารือเรื่องขูดรีดภาษีชาวบ้านก็หงุดหงิดเหมือนกัน
เธอไม่ได้สนใจเขาหรอก… แค่…
หมับ!
“…!”
…มีมือหนึ่งเอื้อมเข้ามาคว้าแขนเพิร์ลแน่น! ก่อนจะออกแรงฉุดจนร่างของอดีตเจ้าแห่งไฟเสียสมดุล
เกือบหงายหลังหัวฟาดพื้น! ถลาเข้าไปในซอกมืดของปราสาทที่มีแสงสว่างแค่เพียงสลัวๆ
อ อะไรวะะะ!! ?
เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนั้น
เจ้าอาณานิคมก็ออกอาการสะดุ้งสุดตัว! มืออีกข้างเตรียมเรียกดาบเพลิงออกมาต่อกร แต่กลับทำไม่ได้อย่างที่คิด เพราะอีกฝ่ายไม่รอให้เธอได้จังหวะ
เพียงเสี้ยวพริบตา บางสิ่งก็เกิดขึ้นโดยที่เพิร์ลลิโซเร่ไม่ทันตั้งตัว…!
เธอถูกปิดตา...
แล้วก็ถูกประกบปาก…!
“…!!”
ความรู้สึกทั้งหมดเหมือนถูกรุมเร้าที่ริมฝีปาก
ร่างทั้งร่างกระตุกเบาๆ มันให้ความรู้สึกร้อนวูบ และสั่นสะท้านในคราวเดียวกัน… การรุกแบบสายฟ้าแลบทำให้เพิร์ลลิโซเร่ตั้งตัวไม่ติด ทั้งอึ้ง ทั้งตกใจนี่
ถ้าไม่ถูกปิดตาเอาไว้คงเบิกตาโพลงไปแล้ว!
เฮ้ย…
เฮ้ย….
เฮ้ย!!!!
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน
อีกฝ่ายละริมฝีปากออกอย่างช้าๆ แม้จะยังถูกปิดตาอยู่ แต่เสียงทุ้มนุ่มที่ถูกเอ่ยออกมาทำให้หญิงสาวมั่นใจมากว่าคนทำเป็นใคร
น้ำเสียงทุ้มละมุนชวนเคลิบเคลิ้ม
แต่แฝงความขี้เล่นปนเจ้าเล่ห์เอาไว้…
“ไหน… ทายสิว่าใคร…?”
“เล่นอะไรเนี่ยซิล!!”
หญิงสาวโวยวายเสียงดัง ทุบบ่าคนขี้แกล้งปั้กใหญ่ พร้อมกับแสดงสีหน้าปวดกระโหลก ตอนอยู่กับเถียนเถียนเธอปวดแค่ไหน
ตอนนี้เธอปวดกว่านั้นเป็นหมื่นเท่า!
ฉุดภรรยาตัวเองในบ้านตัวเอง
เหอะ… จินตนาการโคตรสร้างสรรค์!
มือที่ปิดตาเธอถูกละออก
เผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาของผู้กระทำที่กำลังแย้มยิ้มเหมือนเพิ่งได้เล่นสนุก เมื่อเห็นภรรยาคนสวยทำหน้าเหมือนถูกกระซู่ตบหน้าตบหน้า
ซิลเวอร์ก็ใช้มือยืดแก้มเธอเบาๆ พลางหัวเราะร่าอย่างมีความสุข ใบหน้าหล่อเหลาโน้มไปใกล้จนปลายจมูกชิดกัน
“แกล้งเธอไง”
ชัดมาก!
“เพื่อ!?”
โอ๊ย! พ่อคุณทูนหัว! เล่นเอาหัวใจจะวาย!! นี่เธอไม่สนุกนะเว้ย! ถ้าเกิดเธอช็อคตายคาปราสาทขึ้นมาทั้งๆที่ยังไม่ได้อาณานิคมแห่งไฟคืน
เธอสาบานว่าจะกลายเป็นผี คอยตีลังกาห้อยหัว ถอดลูกตา ควักไส้หลอกทุกคนในปราสาทนี้ให้หัวโกร๋นกันยกบ้านไปเลย!!!
ไม่ๆ… เป็นผีมันยังไม่อลังการพอ… เธอต้องแถมคำสาปอะไรสักอย่างให้คนทั้งบ้านอยู่ไม่ได้ด้วย
มันจะได้ดูขลังๆ… อย่างเช่นคำสาปที่ทำให้พูดได้แต่คำว่า ‘เพิร์ลลิโซเร่ เบรเวลจงเจริญ! ชาบูๆ!’ อะไรแบบนี้!
เพิร์ลฮึดฮัด
กราดเสียงบ่นในใจ ไม่ได้พูดอะไรออกไปเพราะจนปัญญา
แถมยังลืมตัวไปชั่วขณะว่าสาปใครไม่ได้เพราะไม่ใช่นักเวท สุดท้าย หญิงสาวผมสีนิลก็ดันไหล่เขาออก ตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องคุยทั้งๆที่หน้ายังขึ้นสี
“แล้วนี่คุยธุระเสร็จแล้วเหรอ?”
“ใช่ ทางวิหารสุริยาจะมีการฉลองเทพเจ้าแห่งแสงสว่าง ก็เลยอยากให้ทางเฮสปาเนียช่วยเป็นสปอนเซอร์”
ซิลเวอร์ว่า “ตอนนี้เรื่องจำนวนเงินก็ลงตัวแล้ว”
“งั้นยังมีอะไรให้คุยอีกมั้ย?”
“คิดว่าไม่มีนะ”
เพิร์ลที่หวังจะได้คำว่าตอบว่า
‘มี’ ส่ายหน้าพรืดทันที… จากนั้นหญิงสาวก็เริ่มทำการหว่านล้อมให้อีกฝ่ายกลับไปเจรจาธุระต่อ
“เรื่องเงินมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมากนะซิล… พลาดสักนิดไม่ได้
เพราะงั้น นายควรจะกลับไปคุยกับท่านนักปราชญ์อีกรอบนะ เผื่อนายจะตกหล่นอะไรไปไรงี้
เชื่อเหอะ ถ้านายคิดเงินพลาดไปสักสลึงนึงนี่เฮสปาเนียอาจล่มจมเลยก็ได้นะ!”
เจ้าอาณานิคมพูดออกมาด้วยสีหน้าจริงจังสุดชีพ
แม้จะรู้ว่ามันเป็นไปได้แต่ก็ยังหน้าด้านพูดต่อไป
อา… เฮสปาเนียที่เคยครองตำแหน่งมหาอำนาจมาก่อนจะล่มง่ายๆได้ยังไง! ใครๆก็รู้ว่าแคว้นนี้มีเงินในคลังมากมายมหาศาลแค่ไหน อาจจะเอามาถมภูเขาได้ทั้งลูกเลยด้วยซ้ำ
ให้ตายเถอะ! ขนาดเคยประสบปัญหาทางเศรษฐกิจมาแล้วแท้ๆ…!
หืม? อ่า ใช่ เฮสปาเนียเคยประสบปัญหาทางเศรษฐกิจอย่างหนักมาก่อน เป็นปัญหาใหญ่ระดับชาติที่ททำให้ที่นี่หลุดจากตำแหน่งมหาอำนาจเลยทีเดียว
อืม… พอมาถึงตรงนี้เพิร์ลก็อยากจะอธิบายสักหน่อย
อันที่จริงแล้ว
ในผืนแผ่นดินเฮเมร่า อาณาจักรที่ริเริ่มการเดินเรือเป็นครั้งแรกไม่ใช่วาราเนร่า
หรืออาณาจักรแห่งสายน้ำที่ควรจะโดดเด่นเรื่องนี้ด้วยซ้ำ หากแต่เป็นเฮสปาเนีย แคว้นธาตุดินที่ไม่น่าจะมีความรู้เรื่องการนาวีแม้แต่น้อย
แต่มันก็เป็นไปแล้ว ซ้ำยังประสบความสำเร็จอย่างน่าอัศจรรย์…
การต่อเรือของเฮสปาเนียล้ำลึกเก่งกาจมาตั้งแต่ต้น
วิทยาการทางทะเลของที่นี่ก้าวไกลกว่าที่อื่น สิ่งเหล่านี้ทำให้คนเฮเมร่าตะวันตกติดต่อค้าขายกับเฮเมร่าตะวันออกได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น
มีการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม ชาวตะวันออกมากมายพากันหลั่งไหลเข้ามาตั้งถิ่นฐานในฝากตะวันตกอย่างล้นหลาม เพราะฝั่งนี้เจริญกว่ามาก
และ
นั่นเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เฮเมร่าตะวันตกถูกเรียกว่า ‘ทวีปหลัก’ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
‘เฮสปาเนีย’ บ้านเกิดของซิลเวอร์เป็นผู้สร้างประวัติศาสตร์หน้าสำคัญให้กับโลกเฮเมร่า
สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องยอมรับ เพิร์ลลิโซเร่เองก็ด้วย
…แม้ว่าในภายหลังเฮเมร่าตะวันออกจะล่มสลาย
แต่เฮสปาเนียก็ยังคงความเป็นเศรษฐีในแผ่นดินเฮเมร่าตะวันตกอยู่ แคว้นแดนดินในตอนนั้นรวยมาก…
รวยมหาศาล… รวยล้นฟ้า… รวยจนไม่รู้จะรวยยังไง
รวยอลังการงานสร้างจนเกิด
‘เงินเฟ้อ’ ทั่วทั้งแคว้น!!
พอเกิดเงินเฟ้อขั้นรุนแรงแบบนั้นอะไรๆก็วุ่นวายไปหมด! ได้ยินมาว่าสมัยนั้นเศรษฐกิจของเฮสปาเนียทรุดแล้วทรุดอีก
สภาพความเป็นมหาอำนาจถูกลดทอนลงเรื่อยๆ อู่ต่อเรือสุดยิ่งใหญ่อลังการถูกยุบแล้วก็ถูกขาย
หมดสิ้นสภาพเจ้ามหาสมุทร เปิดโอกาสให้วาราเนร่าก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจทางทะเลเจ้าใหม่
ส่วนเฮสปาเนียก็เยียวยาเศรษฐกิจในบ้านตัวเองไปเรื่อยๆ จนเพิ่งเข้าสู่ภาวะสมดุลในช่วงสี่สิบปีก่อนหน้านี้
และแล้วความเป็นมหาอำนาจทางทะเลของวาราเนร่าก็ถูกสั่นคลอนอีกครั้ง
เมื่อมีผู้หญิงธาตุไฟคนหนึ่งทำงามหน้า ชิงเดินเรือลงใต้ก่อนที่นักสำรวจธาตุน้ำจะเข้ามา
เธอยึดหมู่เกาะทั้งหมดอย่างหน้าด้าน เยื้องย่างขึ้นบกอย่างหน้าทน แล้วตะโกนใส่คนทั้งทวีปว่านี่คืออาณานิคมของเธอ!!! ใครยุ่งตายเว้ย!
แหม่ ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครก็ไม่รู้!!
อา… นี่เป็นประวัติศาสตร์ทางการเดินเรือคร่าวๆของเฮเมร่า… เฮสปาเนียเริ่ม วาราเนร่าสานต่อ เพิร์ลลิโซเร่แทรกเข้ามา จากนั้นก็มีกบฏ แล้วก็เฮสปาเนียก็เข้ามาปกครองอีกครั้ง
โคตรๆเท่…
เจ้าอาณานิคมยอมรับว่าสัจธรรมของโลกมันเป็นแบบนี้ มีรุ่งเรืองก็ต้องมีเสื่อมอำนาจ… นี่คือสิ่งที่มนุษย์ได้เรียนรู้จากประวัติศาสตร์ อะไรๆมีขึ้นมีลงเสมอ
แล้วคนที่ล้มไปแล้วใช่ว่าจะไม่มีทางกลับมาทวงอำนาจได้ หึ คนที่ถูกล้มล้างกลับมาเป็นใหญ่ได้มีตั้งเยอะ!
แล้วท่านหญิงแห่งเฮสปาเนียก็แอบให้กำลังใจตัวเองอย่างเงียบๆ
หึๆๆๆ เอาสิเว้ย! เธอยังไม่ลืมเรื่องอาณานิคมแห่งไฟหรอกนะ!
สักวันเธอจะกลับมาทวงมันคืน! สักวัน! สักวันหนึ่ง!! สักวันนึงมันต้องกลับมาสู่มือเจ้าของที่ถูกต้อง!
นี่แหละอนาคตอันผ่องใส! ผ่องใสสุดๆ! วะฮ่าๆๆๆๆๆ
เพิร์ลลิโซเร่ผู้ไม่เคยยอมรับความจริงคิดจินตนาการถึงอนาคตอันน่ายินดี… เธอแทบจะยิ้มออกมาแล้วหัวเราะหึๆๆใส่หน้าซิลเวอร์แล้ว
ถ้าไม่ติดที่ว่าผู้ชายผมเงินตรงหน้าไม่ยื่นนิ้วมาจิ้มกลางระหว่างคิ้วเธอซะก่อน
จึก
“อ๊ะ?”
“ทำไมถึงชอบเหม่อจังละ หืม?” ท่านคาท์ว่า “กำลังคิดว่าจะแกล้งอะไรฉันกลับรึไง?”
“เปล่า…”
เธอควรจะบอกเขามั้ยว่าเธอเผลอคิดเรื่องล่าอาณานิคมอีกแล้ว…
เพิร์ลลิโซเร่เป็นคนชอบคิดนี่คิดนั่นมาตั้งแต่เด็ก
ไปๆมาๆเลยกลายเป็นคนคิดมาก คิดเยอะ และออกไปในทางคิดเบียดเบียนชาวบ้านในบางครั้ง
จริงๆแล้ว หญิงสาวค่อนข้างห่างไกลจากคำว่าคนดี
เมื่อก่อนเธอทำสงคราม ทำลายบ้านเมือง ลงมือฆ่าคนมาก็เยอะ
สร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านมาก็มาก… แต่ทำไม…
…ทำไมคนๆนี้ถึงได้ยอมแต่งงานกับเธอกัน? ทั้งๆที่รู้อยู่เต็มอกว่าเธอเป็นคนยังไงแท้ๆ!
“งั้นคิดอะไรอยู่ละ?”
“ลองเดาสิ”
จริงๆเธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะแถต่อว่าอะไร
ก็เลยตัดสินใจเลี่ยงประเด็น เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายเข้าข้างตัวเองเต็มที่ พร้อมกับพยายามทำใจเตรียมรับสิ่งเหนือความคาดหมายในระดับหนึ่ง
ชายหนุ่มผมเงินแกล้งทำท่าคิด
แต่สักพัก ดวงตาสีฟ้าพราวระยับก็ถูกเบนมาทางเธอ พร้อมกับรอยยิ้มขี้เล่นที่แฝงมาด้วยความเจ้าเล่ห์อย่างร้ายกาจเหมือนทุกครั้ง
แม้แต่เพิร์ลที่เตรียมตัวเตรียมใจแล้วยังเกิดภาวะหน้ากระตุกเฉียบพลัน…
“อะไรกันเพิร์ล เธอคิดเรื่อง ‘อะไรๆ’ กับฉันอยู่เหรอ?”
“บ้า!!!!”
“ฮึ ล้อเล่นน่า คนดี หน้าแดงประจำเลยนะ”
เคาท์หนุ่มยิ้มละไม
เจ้าอาณานิคมรู้สึกเสียศักดิ์ศรีหนักมาก! ใบหน้าที่ร้อนผ่าวทำให้เพิร์ลเผลอยกมือขึ้นมาทาบแก้มโดยอัตโนมัติ ดวงตาสีส้มฉายแววแค้นเคืองขุนนางขี้แกล้งแถวนี้อย่างปิดไม่มิด
พูดว่าล้อเล่นเรอะ!? เหอะ นี่จงใจแกล้งเธอชัดๆอะ! ให้ตาย เขาแกล้งเธอมากี่ครั้งแล้วเนี่ย!
ซิลเวอร์ทำท่าจะเข้ามาแกล้งเธอต่อ
แต่เสียงเรียกที่ดังมาจากอีกด้านทำให้เขาหยุดกึก จำเป็นต้องหันไปตามเสียงเรียกอย่างช่วยไม่ได้
“ท่านเคาท์ครับ”
“เฟทท์?”
“เอ่อ ขออภัยที่เสียมารยาท แต่มีเรื่องด่วนครับ…”
“เรื่องด่วน?” ซิลเวอร์หรี่ตาลง ใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยความสงสัยปนหงุดหงิดน้อยๆ
“สำคัญมากเลยเหรอ?”
“ค ครับ มาจากทางราชสำนัก…”
ราชสำนักเหรอ?…
คิ้วเหนือดวงตาสีส้มขมวดเข้าหากันทันที… เพิร์ลยกมือขึ้นกอดอก ก่อนจะหันไปจ้องหน้าโนมรับใช้หนุ่ม
ซิลเวอร์ก็แสดงสีหน้าไม่ต่างจากเธอ ดวงตาสีฟ้าฉายแววแคลงใจออกมาอย่างปิดไม่มิด
“ราชสำนัก?”
“ครับท่านเคาท์ องค์กษัตริย์เรียกตัวท่านเข้าพบด่วน! เดี๋ยวนี้เลยครับ!”
กษัตริย์!!?
เฮ้ย! ฟังดูยิ่งใหญ่เกินไปแล้ว!!
แล้วที่สำคัญ ก็รู้กันดีว่าปกติแล้วกษัตริย์จะไม่มีทางเรียกใครเข้าพบแบบพร่ำเพรื่อ
ถ้าเป็นเรื่องชิลๆ ง่ายๆ ใช้วิธีเขียนจดหมายมาหาก็ได้ ดังนั้น
ไอ้การเรียกตัวเข้าวังไปพบนี่ต้องเป็นเรื่องใหญ่ชัวร์ๆ! ถ้าโชคร้ายหน่อยอาจหัวขาดได้เลยด้วยซ้ำ!
…หัวขาดงั้นเหรอ?
ไม่หรอกน่า
ซิลเวอร์เป็นที่รักของคนเฮสปาเนียจะตาย! ถ้าเจอลงโทษจริงๆคงไม่รุนแรงเท่าไหร่หรอกมั้ง!!? จริงๆกษัตริย์แห่งเฮสปาเนียอาจจะแค่เรียกซิลเวอร์ไปถามสารทุกข์สุขดิบเฉยๆ…
ไม่ก็ เอ่อ อาจจะชวนไปเล่นหมากรุกอย่างที่ผู้ดีฟานาทอสชอบทำกันก็ได้
ใช่ มันอาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้
ดูท่าทางแล้วซิลก็ไม่น่าใช่คนที่จะทำเรื่องร้ายแรงอะไรนี่นา…
“ไปเถอะซิล ฉันดูแลปราสาทเอง”
ท่านหญิงคนใหม่เอ่ยพลางกอดอก
จ้องมองซิลเวอร์ด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากคิดอะไรมาก
แม้จะรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลบางอย่างก็ตาม
ลางสังหรณ์เพิร์ลลิโซเร่เฉียบคมเสมอกับเรื่องไม่ดี
ตอนนี้เธอจึงได้แต่ภาวนาให้ลางบ้าๆนั่นผิด หรือไม่เธอก็แค่คิดมากไปเอง…
“แต่…”
“เถียนเถียนเป็นเพื่อนฉันนะซิล เพราะงั้นยัยนั่นเข้าใจแน่ๆว่านายมีธุระ
มันไม่เสียมารยาทหรอก ท่านนักปราชญ์ก็ไม่ใช่คนจุกจิกอะไร แค่นี้ฉันจัดการแทนนายได้
ก็แค่เรื่องอาหารเย็นใช่มั้ยละ?”
เพิร์ลทำท่าโบกมือไล่
กลบเกลื่อนสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังสล เตรียมจะกลับหลังหันเดินหนีกลับไปนอนกลิ้งๆๆๆ
ต่อในห้อง แต่ประโยคต่อมาของเฟทท์กลับทำให้เธอหายใจสะดุด สองมือกำแน่น
ไขสันหลังเย็นวาบจนต้องหันกลับมามองอย่างไม่เชื่อหู…
“คือว่า ท่านเคาท์ครับ
ท่านถูกเรียกไปสอบสวนข้อหายักยอกเงินจากอาณานิคมแห่งไฟ”
ยักยอกเงินจากอาณานิคมแห่งไฟ…
อาณานิคมแห่งไฟงั้นเหรอ!?
หายไปเตรียมตัวสอบแกทแพทมาค่ะ…
ไรท์เตอร์เหนื่อยมาก
TwT ชีวิตมอหกสุดยอดจริงๆค่ะ
สำนวนตอนนี้อาจจะแปลกๆไปบ้าง ต้องขอโทษด้วยค่ะ!
ดีใจที่ทุกคนยังคิดถึงซิลวี่อยู่น้า!
ความคิดเห็น