ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ฟิคเสื่อม] กวาง The series - Chanbaek

    ลำดับตอนที่ #26 : Chapter : 24 You got me up

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 35.73K
      480
      12 ม.ค. 63






    ภายในบ้านหลังใหญ่ที่ถูกเปลี่ยนเป็นผับขนาดย่อม เด็กหนุ่มตัวสูงเดินโงนเงนไปทั่วงาน มือเขากำขวดเหล้าแน่น กลิ่นน้ำหอมจากผู้คนมากมายตีขึ้นจมูก ชานยอลไม่รู้ว่าทำไมเขาพาตัวเองมาอยู่ที่นี่...

     

    ปาร์ตี้ที่เคยเบื่อ เสียงดังอึกทึก เหล้า ยา ดนตรี บรรยากาศทุกอย่างที่เคยลืมไปย้อนกลับเข้ามาหมด เหมือนกับว่าเพิ่งจะจบไฮสกูลไปเมื่อวานเอง

     

    “อ้าว เห้ย! ไม่เจอนาน ไม่คิดว่าจะมาว่ะ” เสียงเคลวินดึงความสนใจของชานยอลออกจากขวดเหล้า เขาหันไปชนมือกับเพื่อนก่อนที่จะกระดกเหล้าที่เหลืออยู่ก้นขวดลงคอ

     

    “มาๆ มาเลย มานั่งนี่”

     

    เจ้าของปาร์ตี้ลากคออดีตเพื่อนซี้สมัยไฮสกูลของเขาให้เดินแหวกผู้คนไปยังที่นั่งส่วนตัวที่จัดอยู่มุมห้อง เขาผลักชานยอลให้นั่งลงบนโซฟาสีแดงตัวยาวข้างหญิงสาว ก่อนหันไปดีดนิ้วเรียกเด็กเสิร์ฟเหล้าให้เอาของดีมาส่ง

     

    “อันนี้ต้องลอง”

     

    คอกเทลสูตรพิเศษที่ถูกชงโดยบาเทนเดอร์ประจำงานถูกส่งให้กับแขกคนสำคัญ ชานยอลเองก็ไม่ปฏิเสธ เขารับมันมาดื่มพรวดลงคอทีเดียวหมดช็อตพร้อมกับเสียงเฮที่ดังขึ้น แอลกอฮอล์ดีกรีแรงทำลำคอร้อนผ่าวไปหมด เขายื่นแก้วส่งให้กับเพื่อนเจ้าของงานก่อนจะรับเอาแก้วใหม่มาดื่มโดยที่ไม่พูดไม่จา

     

    เครื่องดื่มหลากสีไหลผ่านลำคอเหมือนน้ำ ชานยอลกินเหล้าแบบไม่รู้ลิมิตตัวเอง ใครส่งอะไรให้ก็กินหมด เสียงเพลงอึกทึก และความวุ่นวายของผู้คนทำให้สมองไม่ว่างพอจะคิดอะไร ได้แต่ปล่อยให้บรรยากาศที่แสนคึกคื้นมอมเมาเขา ปล่อยให้ตัวเองจมลงไปในความจอมปลอม

     

    “เอามาเยอะๆ เลย”

     

    สุดท้ายก็เดินวนกลับไปสู่ความเหลวแหลกที่เคยมีอยู่ในใจมาตั้งแต่ไหนแต่ไร... ทั้งความเศร้าที่รุนแรง ความบ้าบิ่น และความเสียใจนี้ ทุกอย่างอัดโถมเข้ามาและแตกสลายไป เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในจิตใจ และชานยอลก็แค่ทำทุกอย่างไปอย่างไร้เหตุผล....

     

    กว่าจะรู้ตัวอีกทีหัวสมองก็หนักอึ้ง ไม่รู้ว่ามวนบุหรี่ถูกยัดเข้ามาในมือเมื่อไหร่ แต่เมื่อมีคนยื่นให้เขาก็สูบมันอย่างไม่คิด ชานยอลหันหน้าไปรับควันจากริมฝีปากของสาวสวยข้างๆ ยกเอามวนบุหรี่ยัดไส้ขึ้นมาสูบอัดเข้าไปเต็มปอดก่อนจะพ่นควันสีขาวคลุ้งออกมา

     

    พอเริ่มเมาได้ที่มือไม้ก็เริ่มอยู่ไม่สุข ในปาร์ตี้ที่ไม่มีใครสนใจใคร การถึงเนื้อถึงตัวของสองหนุ่มสาวเริ่มเกิดขึ้น คนตัวสูงยิ้มออกมาทั้งที่รู้สึกว่างเปล่า หยิบเอามือถือออกมาถ่ายภาพตรงหน้าก่อนจะหันไปเบียดกระชิดร่างเข้านัวเนียสาวสวยที่ด้านข้าง

     

    ปลายจมูกโด่งและริมฝีปากซุกไซ้ไปทั่วลำคอระหงส์  เสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้นเบาๆ กว่าจะรู้ตัวร่างทั้งสองก็ล้มลงบนโซฟา เด็กหนุ่มซุกหน้าลงบริเวณใต้สันกรามของหญิงสาว เขากอดรัดเธอพร้อมกับยกมือถือขึ้นมาถ่ายภาพไปด้วย

     

    ในความมึนเมา ทุกอย่างอึกทึกและดูวุ่นวายไปหมด คอกเทลแก้วแล้วแก้วเล่าถูกไหลผ่านลงคอ เสียงเพลงดังกึกก้องไปทั่ว ชานยอลตกลงไปในกล่องแห่งความพิศวง เขายกมือขึ้นเสยผมแล้วคว้าเอาขวดเหล้ากับหญิงสาวลุกออกจากโซฟาไป

     

    แสงไฟดิสโก้หมุนวาบๆ บรรยากาศเดิมๆ เสียงเดิมๆ และความรู้สึกเดิมๆ หลอมชานยอลกลับไปที่จุดแตกอีกครั้ง....

     

    นี่แหละชีวิตของชานยอล... เขากำลังใช้มันอยู่...

     


     

    .

     

    .

     

    .


     

    ติ๊ง!

     

    เสียงแจ้งเตือนข้อความเข้าเรียกแบคฮยอนให้ต้องละสายตาออกจากคลิปตลกที่กำลังดูอยู่กับเพื่อน เขาหยิบเอามือถือมากดเปิดอ่านข้อความที่ถูกส่งมาจากแฟนหนุ่ม ก่อนที่คิ้วเรียวจะขมวดย่นเข้าหากันด้วยความไม่เข้าใจ

     

    รูปถ่ายของโต๊ะกระจกที่มีแก้วเหล้าวางเรียงรายกันอยู่ถูกส่งมาจากคาของทกชานยอล ดูบรรยากาศรอบๆ แล้วเหมือนเขาจะอยู่ในปาร์ตี้เลย

     

    “อะไรวะ”

     

    ติ๊ง!

     

    ขณะที่กำลังจะกดนิ้วพิมพ์ข้อความตอบกลับไป ภาพใหม่ก็ถูกส่งมาและคราวนี้มันเป็นรูปมือใหญ่ๆ กำลังคีบมวนบุหรี่ มือที่แบคฮยอนคุ้นเคยดี และต่อมาไม่นานรูปถ่ายใหม่ๆ ก็ถูกส่งมาอีก มันเป็นภาพห่ามๆ ในงานปาร์ตี้ แถมยังมีคลิปวิดีโอสั้นๆ ที่มีแต่เสียงเพลงอึกทึกด้วย

     

    มาจนถึงตอนนี้แบคฮยอนเริ่มจะพอเข้าใจบ้างแล้วว่าชานยอลจะต้องเมาแน่ๆ เขาต้องเมาชัวร์ๆ ถ้าไม่งั้นคงไม่ส่งอะไรแบบนี้มา

     

    “มันส่งอะไรมาวะ”

     

    “รูป ไปกินเหล้ามั้ง สงสัยคงเมาแหละ”

     

    ติ๊ง!

     

    ยังไม่ทันจะได้พูดจบ รูปถ่ายประหลาดๆ ก็ถูกส่งมาเพิ่มอีก ทว่าคราวนี้มันไม่ใช่รูปมือหรือแก้วเหล้า แบคฮยอนถึงกับทำอะไรไม่ถูกเมื่อได้เห็นภาพแฟนหนุ่มของเขากำลังซุกไซ้หญิงสาวอยู่บนโซฟาสีแดง เท่านั้นยังไม่พอ ภาพถ่ายมือของผู้หญิงที่กำลังปลดตะขอกางเกงยีนส์ก็ถูกส่งมาด้วย

     

    คนตัวเล็กถึงกับต้องยกมือลูบใบหน้าด้วยความไม่เข้าใจและไม่สบายใจ แบคฮยอนไม่รู้เลยว่าชานยอลต้องการอะไรจากรูปพวกนี้ เขาอยากประชด อยากเยาะเย้ย หรือว่ายังไง

     

    “เฮ้อ... แม่งเป็นอะไรอีกเนี่ย”

     

    Rin Ring Ring Ring

     

    พูดยังไม่ทันขาดคำ เสียงเรียกเข้ามือถือก็ดังขึ้น แน่นอนว่าต้องไม่ใช่ใครที่ไหน คนตัวเล็กชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งว่าจะรับดีไหม เขาหันไปมองหน้าเพื่อนซี้ก่อนที่จะตัดสินใจกดรับสายแล้วกรอกเสียงนิ่งๆ ลงไป

     

    “ฮัลโหล...”

     

    [..........]

     

    “ไม่พูดกูวางแล้วนะ”

     

    [จะวางจริงอ่อ]

     

    เสียงเพลงที่ยังดังให้ได้ยินเบาๆ บอกแบคฮยอนว่าชานยอลยังอยู่ในงานปาร์ตี้ พอรู้แบบนั้นเขาเองก็ไม่รู้จะต้องทำยังไง ได้แต่ถอนลมหายใจออกมา แบคฮยอนอยากคิดว่าเพราะชานยอลเมาอยู่ก็เลยทำอะไรสิ้นคิดแต่ใจเขาก็อดโกรธไม่ได้

     

    “อยู่ไหนเนี่ย”

     

    [อยู่... เพื่อน]

     

    “อยู่ไหนนะ?”

     

    [บ้านเพื่อน...]

     

    “ไปกินเหล้าอ่อ”

     

    [อือ ออกมากินเหล้า...]

     

    น้ำเสียงงึมงำจนฟังไม่ได้ศัพท์ทำให้คนตัวเล็กต้องเปิดลำโพงพร้อมกับเอียงหูลงไปใกล้มากขึ้น 

     

    “แล้วจะกลับเมื่อไหร่”

     

    [ไม่รู้... คงไม่กลับ...]

     

     “เมาแล้วดิ”

     

    [อือ... มั้ง...]

     

    “เมาแล้วก็กลับบ้านได้แล้ว... หยุดกินได้แล้ว”

     

    [ไม่หยุดหรอก... จะกินให้ตายเลย]

     

    คำพูดประชดประชันจากเด็กเอาแต่ใจทำแบคฮยอนยิ่งต้องคิดหนัก เขาจะพูดกับชานยอลได้ยังไงในเมื่อตอนนี้เจ้าตัวยังพูดไม่รู้เรื่องเลย

     

    “แล้วเมื่อกี้ส่งภาพอะไรมา อยากให้ดูอะไร”

     

    [ไม่ชอบหรอครับ... หึ... ไม่ได้อยากให้ผมทำงั้นหรอ]

     

    “มึงจะประชดกูให้ได้อะไรชานยอล”

     

    [.........]

     

    “มึงบอกกูดิ มึงต้องการอะไร”

     

    [อึก....]

     

    “..........”

     

    [ชอบปะล่ะ สะใจปะทิ้งผมอะอยากให้ผมเป็นงี้ไม่ใช่อ่อ…]

     

    “มึงเมาแล้วเนี่ยชานยอล”

     

    [ผมทำแล้วนี่ไง.... ผมกินเหล้า ผมเอา... ดูด.. I fuck… fuck... everything… ]

     

    แค่คำพูดงึมงำที่ฟังไม่ได้ศัพท์ก็ทำแบคฮยอนปวดหัวจะแย่อยู่แล้ว พอชานยอลพ่นภาษาอังกฤษออกมาเขาก็ยิ่งงงเข้าไปใหญ่ คิ้วเรียวขมวดย่นเข้าหากันด้วยความไม่เข้าใจ แบคฮยอนไม่เข้าใจชานยอลตอนนี้เลย เขาต้องการอะไรกันแน่

     

    [ไม่... ผม... ใช่ปะ... ไม่รักแล้วอะ... ก็... ใช่ปะ]

     

    “มึงพูดอะไรวะ มึงเมาจนพูดไม่รู้เรื่องแล้วเนี่ย”

     

    [ฮึก...]

     

    “........”

     

    [ฮึก..  ทำไมไม่รับโทรศัพท์]

     

    “ก็กู...”

     

    [ทำไมไม่ตอบข้อความ อึก... อยากทิ้งผมแล้วใช่ปะ]

     

    “.........”

     

    [ผมมาใช้ชีวิตของผมละไง อึก... ทำไมผมไม่มีความสุขเลยอะ ฮึก...]

     

    “ชานยอล...”

     

    [ฮึก... ผมขอกลับไปได้ไหม... ขอกลับไป... เหมือนเดิมได้ไหม... อึก...]

     

    “.............”


    [ผมไม่รู้จะไปทางไหน...]


     “.............”


    [ขอโทษ ขอโอกาสผมแก้ตัวอีกครั้งได้ไหม อึก...]

     

    ความฟูมฟายของแฟนหนุ่มที่เมาจนไม่ได้สติยิ่งเพิ่มความงุนงงให้กับคนตัวเล็ก แบคฮยอนไม่อยากจะเชื่อเลยว่าชานยอลจะเป็นบ้าได้มากขนาดนี้ เขาเมาอะไรเข้าไป

     

    [ผม... ฮึก... ยังรักผมอยู่ไหม... ขอเริ่มต้นใหม่ได้ไหม ฮือ... นอกจากพี่... อึก... ไม่มีใครรักผมแล้ว...”

     

    “ชานยอล มึงใจเย็นๆ”

     

    [เมื่อวานบอกจะโทรหาก็ไม่โทรมา ผมเสียใจนะ…]

     

    “...........”

     

    [อึก.. อยู่ไหนอะ เดี๋ยวไปหา...]

     

    “มึงไม่ต้องมา เมาแล้วจะมายังไง ถ้ามึงมากูโกรธมึงจริงๆ นะ”

     

    [………..]

     

    ได้ยินแต่เสียงสูดน้ำมูกฟืดๆ ดังมาจากปลายสาย พอเห็นชานยอลเป็นแบบนี้แบคฮยอนก็ทนทำใจร้ายไม่ได้ หัวใจเขาอ่อนยวบลงตั้งแต่ที่ได้ยินเสียงร้องไห้ ทุกกำแพงที่พยายามสร้างมาพลังทลายหมดในชั่วพริบตา

     

    เนี่ยหรอความบ้าของชานยอลที่เห็นว่ามีอยู่ตลอด แต่ไม่เคยได้สัมผัส... แบคฮยอนนึกไม่ออกจริงๆ ว่าทำไมมันถึงออกมาสภาพนี้ และเมื่อมันเป็นแบบนี้แล้วเขาก็ไปทางไหนไม่ถูกเลย

     

    “พรุ่งนี้มึงค่อยมาหากูก็ได้ วันนี้นอนก่อน”

     

    [พรุ่งนี้จะรับโทรศัพท์ผมไหม]

     

    “อื้อ เดี๋ยวรับ”

     

    [เดี๋ยวไปหานะ...]

     

    “อือ ค่อยมาหาพรุ่งนี้ นอนก่อน”

     

    [อึก... ตกลงให้ผมกลับไปได้ไหม]

     

    “ก็เดี๋ยวค่อยคุยกันพรุ่งนี้”

     

    [...........]

     

    “แค่นี้ก่อนนะ ไปนอนได้แล้ว”

     

    [คุยกันก่อน]

     

    “ไม่คุยแล้ว กูฟังมึงไม่รู้เรื่อง หายเมาแล้วค่อยคุย แค่นี้แหละ”

     

    [……….]

     

    “นะ ค่อยคุยพรุ่งนี้ นอนก่อน”

     

    [อึก...]

     

    เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้พูดอะไรแบคฮยอนก็ตัดสินใจกดวางไป เขาได้แต่ถอนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะหันไปมองหน้าเพื่อนสนิทด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก พอชานยอลมาไม้นี้ก็ไม่รู้จะทำยังไงเลย แบคฮยอนตื้อไปหมดเลย

     

    “กู ปวดหัวเลย...”

     

    .

     

    .

     

    .

     

    “กูไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นไปได้ขนาดนี้ เมื่อเช้ามันก็โทรมานะเว้ย แต่กูทำงานอยู่กูบอกมันว่าเดี๋ยวโทรกลับ แต่ก็ไม่ได้โทรไป แล้วมันโทรมากูก็ไม่ได้รับเพราะกูอยู่กับผู้จัดการ ไม่คิดเลยว่าแม่งจะเป็นขนาดนี้” คนตัวเล็กว่าพลางถอนลมหายใจออกมาด้วยความหนักใจ แบคฮยอนไม่สบายใจหรอกที่เห็นแฟนเป็นแบบนี้ เขาออกจะเป็นห่วงชานยอลด้วยซ้ำ

     

    “เฮ้อ...”

     

    “กูอะคิดว่าอย่างมากมันคงแค่มาหาที่ทำงาน มาตามง้ออะ กูเคยได้ยินเรื่องมันที่เค้าพูดกันที่ทำงานนะ แต่ก็ไม่คิดว่าจะขนาดนี้อะ”

     

    “แล้วมึงจะเอาไงอะ”

     

    “ก็คง...”

     

    ก๊อกๆๆ

     

    พูดยังไม่ทันจบ เสียงเคาะประตูทำแบคฮยอนที่กำลังนั่งระแวงอยู่แล้วถึงกับหูผึ่ง คนตัวเล็กหันไปมองหน้าเพื่อนซี้ด้วยสายตาที่รู้กัน

     

    ไม่ต้องมีคำบรรยายใดๆ สักคำอี้ชิงก็เข้าใจได้ ขนาดไม่ต้องเป็นแบคฮยอนเขายังรู้เลยว่าใครจะมา

     

    “กูว่าใช่”

     

    คนตัวเล็กตัดสินใจเดินลงจากเตียงไปแง้มประตูดูว่าใครมา และก็ดูเหมือนว่าจะใช่คนที่คิดจริงๆ ด้วย

     

     แบคฮยอนได้แต่ถอนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เขาเปิดประตูออกยืนประจันหน้ากับชายหนุ่มที่แสนคุ้นตา แค่ได้กลิ่นเหล้าโชยออกมา ก็เดาได้เลยว่าชานยอลดื่มมาหนักขนาดไหน แบคฮยอนไม่รู้ต้องเริ่มพูดยังไง เขาได้แต่ยืนนิ่ง

     

    “..........”

     

    “มายังไง”

     

    “เพื่อนมาส่ง”

     

    น้ำเสียงงึมงำและดวงตาแดงช้ำของคนตรงหน้าทำคนตัวเล็กใจอ่อนยวบ แบคฮยอนพูดอะไรไม่ออก และยังไม่ทันจะได้ตั้งตัวแรงกอดที่โถมเข้าใส่ก็ทำเขาถึงกับต้องเซไปด้านหลัง ท่ามกลางความเงียบงันไม่มีใครปริปากพูดอะไร

     

    ความคิดถึงที่พยายามจะข่มเอาไว้ตีตื้นขึ้นมาเต็มอก ทั้งสัมผัส และความอบอุ่น หรือแม้กระทั่งกลิ่นกายที่คุ้นเคย

     

    “ผมขอโทษ...”


     

    . 

    . 

    .

     


    ชานยอลที่ยืนแทบไม่ไหวถูกพยุงขึ้นไปนอนบนเตียง นี่เป็นครั้งแรกที่อี้ชิงได้เห็นแฟนของเพื่อนซี้ตัวจริง และเขาก็ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมแบคฮยอนถึงได้หลงหัวปักหัวปำขนาดนี้ ชานยอลหล่อกว่าในรูปที่เห็นมาก เขาหล่อมากๆ แถมหน่วยก้านยังดีสุดๆ มันทำให้อี้ชิงอดคิดไม่ได้เลยว่าถ้าตัวเองเจอแบบนี้บ้างจะเป็นยังไง

     

    “มึง กูขอโทษ กูไม่รู้ว่ามันจะมา มึงไปเปิดห้องข้างๆ นอนหรือจะลงไปนั่งกับอิโดก็ได้ อะเงิน ไปซื้อไรกิน” แบคฮยอนหยิบเอากระเป๋าตังค์ของแฟนหนุ่มที่นอนฟุ่บอยู่บนเตียงขึ้นมาควักเงินส่งให้เพื่อน เขาเกรงใจอี้ชิงมากๆ แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง เพราะชานยอลคงกลับบ้านไม่ไหวแน่

     

    “แหม ค่อยดีหน่อย กูอยู่ข้างล่างละกัน ไว้ง่วงค่อยขึ้นมานอน” พออี้ชิงได้เงินกินขนมเขาก็ยิ้มร่าเดินออกจากห้องไปอย่างว่าง่าย ทิ้งให้เพื่อนตัวเล็กยืนทำหน้าเบื่อหน่ายอยู่กับผัวเด็กสองคน


     

    เมื่อบานประตูถูกปิดลง ความเงียบก็กินบรรยากาศทั่วบริเวณ แบคฮยนจับขาของแฟนหนุ่มให้พาดขึ้นไปบนเตียงนอนก่อนที่ตัวเองจะตามลงไปนั่งข้างๆ

     

    พอมาถึงยังไม่ทันได้คุยกันชานยอลก็หลับไม่ได้สติ ตอนนี้นาฬิกาบอกเวลาตีหนึ่งกว่าแล้ว ลมข้างนอกก็พัดแรงอย่างกับพายุจะเข้า เสียงโทรศัพท์ของเขายังดังไม่หยุด  แบคฮยอนตัดสินใจถือวิสาสะหยิบเอามือถือเครื่องที่เป็นปัญหามาดู พอเห็นว่าใครโทรมาเขาก็คว่ำหน้าไว้อย่างเดิม

     

    ป่านนี้ประธานคงกำลังตามหาตัวลูกชายให้วุ่น ดูจากข้อความกับมิสคอลอีกนับสิบ ดีไม่ดีอาจคิดว่าลูกไปประสบอุบัติเหตุรถคว่ำอยู่แถวไหน

     

    แบคฮยอนได้แต่ถอนลมหายใจออกมาอีกครั้งและอีกครั้ง เขาปล่อยให้แฟนหนุ่มนอนหลับแล้วคลานไปนั่งอยู่ปลายเตียงเพื่อดูหนังที่ดูค้างเอาไว้ต่อ

     

    แต่ทว่า ยังไม่ทันจะได้กดเมาส์เสียงโทรศัพท์ที่ชาร์จอยู่ข้างๆ ก็ดังขึ้น คนตัวเล็กเอะใจนิดหน่อยเมื่อเห็นว่ามันเป็นเบอร์แปลก เขาชั่งใจอยู่ชั่วครู่ก่อนที่จะตัดสินใจหยิบมันขึ้นมากดรับ

     

    “ฮัลโหลครับ”

     

    [แบคฮยอนหรอ ]

     

    “ครับ? ไม่ทราบว่าใครครับ?”

     

    [ชานยอลอยู่กับเธอหรือเปล่า]

     

    “ชานยอลหรอครับ? ชานยอลหลับ”

     

    [เรียกมาคุยได้ไหม]

     

    “เอ่อ... ครับ สักครู่นะครับ”

     

    ถึงจะไม่รู้ว่าเป็นใครแต่ฟังดูจากเสียงแล้วสังหรณ์ไม่ดีเลย แบคฮยอนปลดสายชาร์จออกแล้วคลานไปเขย่าร่างแฟนหนุ่มที่ยังนอนหลับไม่รู้เรื่องอยู่ ที่จริงก็ไม่ได้หวังให้เขาตื่น แค่อยากปลุกให้คนในสายได้ยินเฉยๆ

     

    “ชานยอล ชานยอล...”

     

    “อือ...”

     

    “ใครไม่รู้โทรมา คุยหน่อย” พอว่าแล้วก็เอาโทรศัพท์ไปแปะหูกางๆ ทันที ชานยอลดูไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ เขายกมือจับโทรศัพท์แทบจะไม่ไหวด้วยซ้ำ

     

    “อือ...ครับ...”

     

    ......

     

    “อยู่กับแฟน....”

     

    ......

     

    “เพื่อนมาส่ง...”

     

    ......

     

    “ไม่อยากลับ...”

     

    ......

     

    “พูดไรก็พูดเหอะ ผมไม่ฟังหรอก”

     

    เด็กหนุ่มตัวสูงพูดแค่นั้นก็พลิกตัวหนีไปอีกข้าง ปล่อยให้โทรศัพท์นอนคว่ำหน้าอยู่กับพื้น พอเห็นอย่างนั้น แบคฮยอนเองก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อ เขาก็เลยต้องแอบโน้มตัวลงไปฟังอย่างช่วยไม่ได้

     

    [ชานยอลฟังที่แม่พูดอยู่ไหม…]

     

    คำว่าแม่ที่หลุดออกมาจากทางปลายสายทำแบคฮยอนต้องขนลุกซู่ คิ้วเรียวเลิกขึ้นด้วยความประหลาดใจ เมื่อรู้ว่าคนในสายคือใคร 


    นี่คือประธานจริงๆ หรอ? ประธานใหญ่ที่คอยเข่นฆ่าพนักงานต๊อกต๋อยอย่างแบคฮยอนจนเลือดในตากระเด็นจริงๆ หรอ?

     

    ถ้าจะโทรหาชานยอลทำไมถึงโทรเข้ามือถือแบคฮยอนล่ะ หรือว่ารู้อยู่แล้วว่าลูกชายต้องมาหดหัวอยู่นี่

     

    [ชานยอล…]

     

    “...........”

     

    [ยังไงก็รีบๆ กลับบ้านนะ แม่เป็นห่วง...]

     



    .

     

    .

     

    .



     

    ตู้ม!!’

     

    เสียงเอฟเฟ็กภาพยนตร์ดังสนั่นปลุกชานยอลให้ต้องตื่นขึ้นมารับเช้าที่แสนสดใส(?) อาการหนักหัวทำเขาแทบลุกไม่ขึ้น ดวงตากลมโตกวาดมองไปรอบตัว พอรู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหนชานยอลก็เริ่มตั้งสติ

     

    คนตัวสูงหยัดกายขึ้นนั่งบนเตียงด้วยสภาพมึน สมองชานยอลไม่โหลดข้อมูลอะไรทั้งนั้น เขาเห็นแค่ว่าตรงหน้าคือแบคฮยอน ตัวเองกำลังอยู่ที่ห้องแบคฮยอน แล้วนอกจากนั้นก็แทบไม่รู้อะไรเลย

     

    “ตื่นแล้วหรอ”

     

    ชานยอลไม่ตอบอะไร เขาแค่คลานไปฟุบตัวนอนลงบนหน้าตักแฟนตัวเล็กอย่างหมดสภาพ สองแขนตวัดกอดรัดเอวบางแน่น พอได้ยินเสียงแบคฮยอนสมองก็เหมือนจะเริ่มกระเตื้องขึ้นมาบ้างแล้ว ชานยอลจำได้ว่าเมื่อคืนเขากินเหล้าอยู่ที่บ้าน แล้วก็โทรหาแบคฮยอนแต่แฟนเขาไม่รับสาย ก็เลยออกไปปาร์ตี้

     

    แล้วหลังจากนั้นมันก็...

     

    “หึ... เมื่อคืนสภาพเหมือนหมา” คนตัวเล็กว่าพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะออกมาจากในลำคอ แต่ถึงจะพูดอย่างนั้นแบคฮยอนก็ยังวางมือลงบนศีรษะของแฟนหนุ่มด้วยความเอ็นดู

     

    “ขอโทษ...” คนผิดว่าพลางซุกหน้าลงกับหน้าท้องที่แสนอบอุ่น ชานยอลอยากบอกว่าตัวเองจำอะไรไม่ได้ แต่มันก็คงไม่ทันแล้ว

     

    “จำได้ปะ เมื่อคืนพูดไรไว้มั่ง”

     

    “อือ... จำได้”

     

    “แล้วทำไรไว้อีก”

     

    “...........” ไม่มีคำพูดใดหลุดออกจากปากนักโทษ ชานยอลได้แต่ปิดปากเงียบเพราะกลัวว่าจะเผลอพูดความเลวของตัวเองออกไป

     

    เมื่อคืนเขาจำได้ว่าออกไปเที่ยว กินเหล้าเมามากๆ แล้วก็ส่งข้อความก่อกวนแบคฮยอนไม่หยุด จากนั้นก็เสียใจโทรไปร้องไห้ฟูมฟาย แต่ว่ามันอาจจะมีอย่างอื่นอีกก็ได้ที่ชานยอลเผลอทำลงไปแล้วแบคฮยอนยังไม่รู้

     

    “เมื่อคืนพูดว่าไงมั่งนะ”

     

    “ขอโทษ... ขอกลับไปเริ่มต้นใหม่...” เขาส่งเสียงพูดงึมงำพร้อมกับซุกหน้าลงกับเสื้อยืดสีนวล ชานยอลจำทุกสิ่งที่เขาพูดได้ เพราะมันเป็นสิ่งที่อยากพูดมาตลอด ชานยอลไม่อยากถกเถียงแล้วว่าใครถูกหรือผิด เขาผิดก็ได้ ขอแค่ได้กลับไปหาแบคฮยอนก็พอ

     

    “แค่เนี้ย?”

     

    “เมื่อคืนผมพูดปะว่ารักพี่” เมื่อมั่นใจว่าแบคฮยอนไม่โกรธแน่แล้วชานยอลก็พลิกตัวนอนหงาย เขายกมือเล็กๆ ขึ้นจูบอย่างช่างอ้อนก่อนที่จะพูดต่อ “ผมขอโทษ คืนดีกัน... นะ”

     

    “กูต้องให้อภัยปะ”

     

    “ต้องให้ดิ”

     

    “แล้วเรื่องผู้หญิงมึงอะ นี่เรื่องเก่ายังไม่ได้เคลียร์เลยนะ” แบคฮยอนแสร้งตีหน้าบึ้งถึงในใจเขาจะกำลังยิ้มอยู่ก็ตาม

     

    “ไม่มีแล้ว ให้เช็คเลยเนี่ย ถ้าเจอให้คนละพันเลย” คนตัวสูงนิ่วหน้าว่าเสียงอ่อย ชานยอลกล้าสาบานว่าตลอดสัปดาห์นี้ไม่ได้คุยกับใครทั้งนั้น อย่าว่าแต่คุยเลย กระจิตกระใจจะทำอย่างอื่นยังไม่มี การห่างกันครั้งนี้ชานยอลได้บทเรียนสาหัส มันสาหัสจริงๆ แต่อย่างน้อยเขาได้ก็รู้ว่ารักแบคฮยอนมากขนาดไหน

     

    “ไม่ใช่มีแอคอื่นอีกอ่อ?”

     

    “ไม่มีแล้วครับ... พอแล้ว...”

     

    “นี่แผนมึงปะกูถามจริง แบบไปเมาแล้วก็ทำตัวน่าสงสารให้กูเห็นใจอะ” คนตัวเล็กแทบจะหลุดขำออกมาเมื่อได้เห็นใบหน้านิ่วๆ ของแฟนตัวโต เขาอยากจะหยิกจมูกชานยอลให้ขาดโทษฐานทำตัวน่าหมั่นไส้ และถ้านี่เป็นแผนของชานยอล ก็ต้องยอมรับเลยว่ามันได้ผลมาก

     

    “เปล่า... ผมไม่ได้ตั้งใจ...” มือหนายกขึ้นลูบใบหน้า ชานยอลไม่ได้ตั้งใจจริงๆ เรื่องเมื่อคืน เขาอัดอั้นจากหลายสิ่งหลายอย่างแล้วก็ทนไม่ไหวจนระเบิดออกมา ถ้าเป็นเมื่อก่อนชานยอลก็คงแค่กลับบ้านไปนอนต่อ แล้วก็ตื่นมาแบบว่างเปล่า

     

    “แล้วตกลงมึงพร้อมให้กูเข้าไปในชีวิตมึงไหม... อันนี้ขอจริงๆ นะ มึงโอเคไหมที่จะแชร์พื้นที่ส่วนตัวของมึงให้กู มึงไม่ต้องฝืนตัวเองนะ เอาที่มึงรู้สึกจริงๆ”

     

    “ผมเป็นคนอย่างงั้นหรอ”

     

    “อือ มึงเป็นคนอย่างงั้นอะ”

     

    “หรอ ผมไม่รู้ตัวหรอก ผมขอโทษ แต่เรื่องคนอื่นสัญญาว่าไม่มีแล้ว” พูดแล้วก็ยกนิ้วก้อยขึ้นเป็นการขอสัญญาอย่างน่ารัก พอแบคฮยอนเห็นอย่างนั้นเขาก็อดยิ้มออกมาไม่ได้แม้ว่าจะพยายามฝืนทำหน้านิ่งแล้วก็ตาม

     

    พอมานึกๆ ดูแล้วก็อยากให้ชานยอลเมาบ่อยๆ จัง เผื่อจะได้หลอกถามเรื่องอื่นๆ อีกมากมาย อย่างเช่นรหัสบัตรเครดิตของเขา

     

    แล้วรักกูปะ ถามอีกที”

     

    “รักครับ รักมากที่สุด” ชานยอลยกมือขึ้นไปสัมผัสใบหน้าของคนที่แสนรัก ก่อนจะโน้มคออีกฝ่ายลงมารับจูบ

     

    เพียงแค่ริมฝีปากแตะกันเบาๆ หัวใจที่ว่างเปล่าของชานยอลก็ได้รับการเติมเต็ม เหมือนซอมบี้ที่ถูกชุบชีวิตอีกครั้ง ทุกอย่างที่หนักอึ้งอยู่ในใจ สิ่งที่แบกไว้มาตลอดหลายวันมันหายไปจนหมด

     

    นี่แหละขุมพลังชีวิตที่แท้จริงของชานยอล...

     

    “ที่นี้ล่ะทำตัวน่ารักเชียวนะ”

     

    “แล้วรักปะ”

     

    “หึ... นี่ยังไม่จบเรื่องเมื่อคืน กูถามไรอย่าง มึงห้ามโกหกกูนะ”

     

    “อะไรอะ...”

     

    “เมื่อคืนมึงไปเอาผู้หญิงจริงปะ หรือมึงแค่ประชดกู”

     

    และแล้วคำถามที่ชานยอลไม่อยากตอบมากที่สุดก็ถูกถามออกมา ดวงตากลมโตจ้องมองใบหน้าเรียบเฉยของคนตรงหน้า มันทำให้เขาเครียดถึงขนาดต้องเม้มปาก ใจนึงก็อยากโกหก แต่อีกใจก็อยากพูดความจริง

     

    “อย่าโกหกกู เมื่อคืนมึงไปเอาผู้หญิงมาจริงไหม...”

     

    “ก็เกือบ... แต่ไม่ได้เอา”

     

    “ทำไมอะ”

     

    “ตอนแรกก็จะเอา แต่ค**มันไม่แข็งอะ”

     

    พอได้ฟังเหตุผลของชานยอล แบคฮยอนก็ถึงกับหลุดหัวเราะออกมาเสียงดังลั่นหลังจากที่เก็กหน้าขรึมมาตั้งนาน ยิ่งพอได้มองเห็นสีหน้าซื่อๆ งงๆ ของเขาก็ยิ่งตลก แบคฮยอนนึกไม่ออกเลยว่ามันเป็นยังไง สถานการณ์ที่ชานยอลกำลังจะโจ๊ะสาวแล้วไอ้นั้นของเขาเสือกไม่แข็งขึ้นมา

     

    “ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เชี่ย กูขำว่ะ”

     

    “ขำไร”

     

    “ทำไมมันไม่แข็งวะ แบบมึงถอดกางเกงจะเอาเค้าแล้วมันไม่แข็งเงี้ยหรอ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ”

     

    “ไม่ใช่ ผมยังไม่ได้ถอดกางเกง ก็ไอ้นั้นกันแหละ เกือบจะ แต่ผมไม่มีอารมณ์ไง ก็เลยไปนอน”

     

    “แล้วมึงก็ฟูมฟายโทรหากู”

     

    “อื้อ”

     

    “ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” แบคฮยอนไม่รู้เลยว่าควรจะสงสารหรือยังไงดี พอลองนึกภาพตามแล้วเขาก็หัวเราะออกมาไม่หยุด

     

    “ขำทำไม ก็ผมเมาอะ ผมเครียด ก็เลยไม่มีอารมณ์” ชานยอลสารภาพออกไปตามตรง เมื่อคืนเขาไม่ได้มีอะไรกับสาวสวยจริงๆ เพราะตอนที่กำลังได้จังหวะกันดันเกิดหงุดหงิดขึ้นมา ก็เลยขอตัวไปนอน จิตใจของชานยอลสับสนวุ่นวาย ตอนนั้นอารมณ์เขาไม่ได้จดจ่ออยู่กับเรื่องทางเพศ

     

    “แล้วตอนไม่เจอกูว่าวมั่งปะ”

     

    “ถามทำไม”

     

    “ตอบดิ มึงว่าวปะ”

     

    “ก็บางครั้ง”

     

    “มึงว่าวกับไร รูปสาวๆ ปะ”

     

    “ถามทำไมเนี่ย ทะลึ่งว่ะ” คนตัวสูงตอบปัดพร้อมกับพลิกตัวหันหน้าซุกกับหน้าท้องนุ่มๆ อีกครั้ง ชานยอลเป็นชายหนุ่มที่แข็งแรง ถ้าเขาช่วยตัวเองแล้วมันจะผิดยังไง

     

    “มึงว่าวกับรูปกูปะ”

     

    “คลิปหรอก”

     

    “มีคลิปด้วยอ่อ?”

     

    “มีมากกว่าคลิปอีก”

     

    “เชี่ย ร้ายว่ะ” คำตอบที่มาพร้อมกับเสียงหัวเราะหึทำแบคฮยอนอดที่จะใช้กำปั้นทุบไปบนหัวแฟนหนุ่มไม่ได้

     

    แฟนใครก็ไม่รู้น่าหมั่นไส้จัง เอาแต่ทำตัวอวดดีตลอดเวลา บางทีก็อยากต่อยให้ฟันหัก บางทีก็อยากกอดเอาไว้ให้แน่นๆ แฟนแบบนี้แบคฮยอนคงจากหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว บนโลกนี้ไม่มีใครหล่อเท่าชานยอลอีกแล้ว นั่นแหละที่ต้องยอมรับ

     

    “แล้วพี่อะ ไม่เจอผมช่วยตัวเองปะ”

     

    “กู! ไม่! บอก!!

     

     


     

     

     





    #ฟิคกวาง





    แฮปปี้ แฮปปี้ อ่านละแฮปปี้ก็ดีจายยย  อย่าลืมร่วมแสดงความคิดเห็นที่ #ฟิคกวาง ขอบคุณที่อ่านค่ะ เอ็นจอยรีดดิ้งเหมือนเดิม :D เจอกันตอนหน้า บ๊ายบ่าย





    CR.SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×