ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (Yaoi) What is love? รักวุ่นวายร้ายเกินพิกัด (End)

    ลำดับตอนที่ #14 : -12-

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 429
      1
      3 มี.ค. 58




    -12-





              ก้อนผ้าห่มค่อยๆคลายตัวออกเผยให้เห็นเรือนผมสีฟ้าสด ใบหน้าคมสวยฝังตัวลงบนหมอนอย่างเกียจคร้าน ส่วนมือเรียวก็เลื่อนไปกดปิดนาฬิกาปลุกที่แผดเสียงลั่นรบกวนการนอนของเขา

              นัยน์ตาเรียวค่อยๆปรือขึ้นช้าๆ เหลือบมองเวลา ตัวเลขดิจิตอลบอกเวลาว่าตอนนี้เขาควรจะลุกจากเตียงได้แล้ว ถ้าไม่อยากไปสอบวันแรกสาย

     

              ใช่แล้วล่ะ!!! นี่เป็นวันสอบปลายภาควันแรกของเขา

     

              จินสะดุ้งพรวดขึ้นมาจากเตียง บรรดาชีทเรียนที่อ่านไว้เมื่อคืน หล่นกระจายไปทั่ว เมื่อคืนเขาหลับคาหนังสืออีกแล้ว นักร้องหนุ่มเกาศีรษะตัวเองอย่างหงุดหงิด เพราะกว่าจะได้นอนก็ปาเข้าไปตีสาม รู้อย่างนี้น่าจะยืมช็อตโน้ตของเพื่อนมาถ่ายเอกสารดีกว่า

              “จิน รีบอาบน้ำแล้วลงมากินข้าวเร็ว เดี๋ยวก็เข้าห้องสอบไม่ทันหรอก” น้ำเสียงหวานๆของผู้เป็นมารดาตะโกนมาจากชั้นล่าง คนเป็นลูกบิดขี้เกียจนิดหน่อย ขานรับอย่างขอไปที ก่อนจะเดินไปหยิบผ้าขนหนูเข้าไปในห้องน้ำ

     

              ///ติ้ง///

              เสียงข้อความโทรศัพท์ทำให้เด็กหนุ่มต้องหยุดชะงัก ก่อนจะเดินกลับไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนเตียง มือเรียวสไลด์หน้าจอเพื่อเปิดดูข้อความในแอพลิเคชันสัญลักษณ์สีเขียว

     

              Aston : สอบวันแรกใช่มั้ย

              Aston : สู้ๆนะครับ

              Aston : พี่จะเอาขนมไปวางไว้ให้ที่โต๊ะเหมือนเดิมนะ

              Aston : ขอบคุณที่กินขนมของพี่นะ

              สติ๊กเกอร์ไซบีเรียนดีใจ

     

              จินไล่สายตาดูข้อความ ก่อนจะกดปิด แล้วโยนโทรศัพท์เครื่องบางลงบนเตียงเหมือนเดิม โดยไม่คิดที่จะตอบ

              หลังจากเหตุการณ์ตอนนั้นนี่ก็ผ่านมาเกือบสามอาทิตย์แล้วล่ะมั้ง เขากับแอสตันก็ไม่ได้คุยกันอีกเลย จะว่าไม่ได้คุยกันเลยก็คงไม่ได้ เพราะแอสตันเป็นฝ่ายทั้งโทร ทั้งส่งข้อความ มาหา แต่เขาไม่รับหรอก ยังไม่มีอารมณ์จะคุยกับรุ่นพี่ตัวสูงนั่น

               จริงอยู่ที่อารมณ์ของเขาเย็นลงมากแล้ว เกือบจะให้อภัยคนตัวสูงนั่นแล้วด้วยซ้ำ แต่เรื่องอะไรล่ะ!! นี่เขาเป็นใคร คนอย่างจินน่ะไม่ชอบให้ใครมาตวาด มาทำตัวแย่ๆใส่ โดยที่ตัวเขาไม่ได้ทำอะไรผิดซะหน่อย

     

               ถ้าไม่ได้เอาคืนให้สะใจล่ะก็ อย่าหวังเลยว่าจะยอมยกโทษให้ง่ายๆน่ะ 

     

     

     

     

     

     

     

     

              “จิน มึงบอกพวกกูได้ยังวะว่าทะเลาะอะไรกับพี่แอสตัน” น้ำเสียงทุ้มติดจะกวนๆของมือกลองประจำวงพูดทั้งๆที่ยังมีอาหารอยู่เต็มปาก จินทำหน้าขยะแขยงก่อนจะหันไปคุยงุ้งงิ้งกับสไปรท์แทน

               สไปรท์เหลือบมองเพื่อนสนิทของตัวเองนิดหน่อย เขารู้นิสัยจินดีว่าจินไม่มีทางโกรธใครขนาดนี้โดยไม่มีเหตุผลหรอก แต่บางทีเจ้าตัวก็แสดงปฏิกิริยาตอบโต้ที่รุนแรงไปหน่อย

     

                อย่างเช่นตอนนี้ที่ไม่ยอมคุยกับรุ่นพี่ตัวสูงนั่นมาสามอาทิตย์กว่าๆแล้ว

     

                “ทำเป็นโกรธพี่เค้า สุดท้ายก็กินขนมที่พี่เค้าเอามาให้หมดเกลี้ยงทุกครั้งเลยไม่ใช่หรอ” สไปรท์เอ่ยลอยๆ แต่ทำเอาจินถึงกับต้องหยุดชะงักการกระทำทุกอย่าง ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นเอาหัวซบเข้าที่ไหล่ของสไปรท์แทน

                มือกีต้าร์ของวงหลุดหัวเราะออกมาเบาๆกับท่าทางของเพื่อนสนิท แค่นี้ก็ดูออกแล้วแหละว่าเจ้าเพื่อนตัวแสบนี่ให้อภัยรุ่นพี่ตัวสูงคนนั้นแล้ว แต่ยังถือทิฐิไม่อยากจะยอมรับง่ายๆ

                “นั่นสิน้า แถมยังกินขนมคนเดียวไม่ยอมแบ่งเพื่อนอีก” การ์ตูนที่เห็นว่าเหตุการณ์ตรงหน้าเริ่มน่าสนุกมากขึ้นเลยเข้ามาผสมโรงอีกที จินตวัดสายตามองขวับด้วยความไม่พอใจก่อนที่ริมฝีปากรูปกระจับนั่นจะพ่นคำด่าออกมาไม่หยุด

                “ห่า นี่พวกมึงเพื่อนใครกันแน่วะ อีกอย่างถ้ากูไม่กินเดี๋ยวมดก็ขึ้น จารย์ก็มาด่ากูอีก” จินเถียงพยายามปั้นหน้าจริงจังสุดๆ ถึงแม้ในใจจะรู้ดีว่าเรื่องที่ไอ้เพื่อนบ้าพูดมันจะเป็นจริงแค่ไหนก็เหอะ

                เพื่อนคนอื่นๆต่างมองภาพตรงหน้าอย่างขำๆ ทำเป็นพยักหน้าอืออออย่างขอไปที ส่วนจินก็โวยวายอยู่อย่างนั้นไม่หยุด จนแอนดี้ได้เป็นคนห้ามทัพ บอกให้รีบกินข้าวแล้วขึ้นไปรอเตรียมสอบคาบบ่ายได้แล้ว

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                ร่างสูงรีบสวมรองเท้าผ้าใบคู่โปรดของตัวเอง ศีรษะที่ปกคลุมด้วยผมสีน้ำตาลเข้มยังคงเปียกชื้น เพราะวันนี้เขาตื่นสาย และถ้าไม่รีบออกจากบ้านตอนนี้เขาจะแวะไปที่โรงเรียนของเจ้ารุ่นน้องตัวแสบไม่ทัน

              “ไม่กินข้าวเช้าก่อนหรอ เดี๋ยวสมองไม่แล่นนะ สอบวันสุดท้ายแล้วนี่” น้ำเสียงนุ่มของผู้เป็นมารดาเอ่ยทักลูกชายคนเล็ก เมื่อเห็นเจ้าลูกชายตัวดีของเธอเตรียมตัวไปโรงเรียนโดยที่ไม่กินข้าวเช้า ทั้งๆที่ยังเหลือเวลาอีกเหลือเฟือ

              “ไม่เป็นไรฮะ สอบอีกแค่สองวิชาเฉพาะภาคเช้า” แอสตันตอบรีบๆ เลือกที่จะหยิบกุญแจรถแอสตันมาร์ตินคันโปรดของตัวเอง เพราะถ้าใช้มอเตอร์ไซด์เหมือนทุกครั้งคงจะไปสอบไม่ทันแน่ๆ

               คนเป็นแม่มองท่าทางของลูกชายยิ้มๆ ไม่บอกก็รู้ว่าเจ้าตัวรีบไปไหน ถึงแม้ลูกของเธอจะไม่พูดอะไร แต่คนเป็นแม่ก็รู้อยู่ดีนั่นแหละ

               หลังจากวันนั้นเธอแอบไปได้ยินบทสนทนาระหว่างเจ้าลูกชายตัวดีกับรุ่นน้องคนสนิทเข้า แต่เธอก็เลือกที่จะไม่พูดอะไรแต่คอยสังเกตการณ์อยู่ห่างๆแทน และปฏิกิริยาของลูกชายเธอต่อเหตุการณ์ครั้งนี้มันน่าสนใจยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด

                ก็ใครจะไปคิดล่ะว่าเจ้าลูกชายตัวดีที่ไม่เคยจะสนใจอะไรใคร กลับต้องมาตามง้อเด็กที่อายุน้อยกว่าตัวเองต้อยๆ เป็นภาพที่ตลกแต่ก็ดูน่าเอ็นดูไปพร้อมๆกันล่ะนะ

              “ไปแล้วนะครับ” แอสตันหันมาเอ่ยบอกมารดา หญิงวัยกลางคนพยักหน้ายิ้มๆก่อนจะยืดตัวขึ้นมาหอมแก้มลูกชายตัวดี

              “ขอให้ทำข้อสอบได้ แล้วก็ง้อน้องได้สำเร็จนะ”

               แอสตันสบตาคนเป็นแม่นิดหน่อย หลุดคลี่ยิ้มออกมาบางๆ ก่อนจะขอตัวไปโรงเรียน

     

               “ว่าไงลูกชาย วันนี้อวยพรให้พ่อง้อคุณแม่ได้สำเร็จด้วยนะ” ร่างสูงผิวปากหวือพูดหยอกเล่นกับรถแอสตันมาร์ตินสีแดงสดคันโปรดของตัวเอง ร่างสูงสมส่วนก้าวเข้าไปในรถ ก่อนจะถอยรถอย่างชำนาญ ก็จะไม่ให้ชำนาญได้ไงในเมื่อเขาขับรถมาตั้งแต่มอต้นปีสามแล้ว

               แอสตันเอื้อมมือไปเปิดเพลงจังหวะป๊อบสบายๆ จุดหมายปลายทางของเขาคือ โรงเรียนของเจ้าเด็กแสบแสนขี้งอนของเขานั่นเอง

     

     

     

     

                “รถสวยนะ” น้ำเสียงทุ้มแหบของยามประจำโรงเรียนเอ่ยทักทันทีที่แอสตันก้าวลงมาจากรถ คนตัวสูงหัวเราะแห้งๆก่อนจะยกมือไหว้อย่างเก้กัง เพราะไม่ค่อยคุ้นชินกับการไหว้เท่าไหร่ คุณลุงยามก้มหน้ารับยิ้มๆกับท่าทีของเด็กหนุ่ม ก่อนจะปล่อยให้คนตัวสูงเดินเข้าโรงเรียนไป ทั้งๆที่ไม่ได้ใส่ชุดยูนิฟอร์มของโรงเรียนนี้

     

                วันแรกที่เจ้าเด็กนี่โผล่มาหน้าประตูโรงเรียนแบบออร่าฟุ้งสุดๆเขายืนกรานปฏิเสธไม่ให้เด็กตัวสูงนี่เข้าอย่างเดียว ก็มันเป็นกฎของโรงเรียนที่ไม่ให้นักเรียนโรงเรียนอื่นเข้าถ้าไม่มีการยื่นหนังสืออย่างถูกต้อง

                แต่ไปๆมาๆเจ้าเด็กนี่โผล่มาทุกวัน แถมจะต้องมีขนมติดไม้ติดมือมาด้วยตลอด พอเลียบๆเคียงๆถามถึงได้ความว่ากำลังตามง้อเด็กนักเรียนโรงเรียนนี้อยู่

     

                 นี่ก็แอบสำรวจหน้าตาของเด็กนี่หลายครั้งแล้วนะ สาวเจ้าต้องสวยไม่ก็น่ารักมากแน่ๆ ถึงได้ทำให้หนุ่มหล่อขนาดนี้มาตามง้อได้ทุกวันแบบนี้

     

                 หลังจากทักทายคุณลุงยามอย่างที่เคยทำประจำแล้ว แอสตันก็รีบพาร่างสูงๆของตัวเองมาที่ห้องเรียนของจินทันที ใบหน้าคมฉายแววกังวลนิดหน่อย

               เพราะเขาเองก็พอจะรู้มาจากเอแคลร์เพื่อนสนิทของจินมาบ้างว่าวันนี้ก็เป็นวันสอบวันสุดท้ายของจินแล้ว เขาทั้งตามง้อ ทั้งส่งข้อความ แอบไปที่บ้านก็เคยมาแล้ว แต่เด็กคนนี้ก็ยังไม่ยอมยกโทษให้เขาเลย

               แอสตันสะบัดศีรษะไล่ความคิดฟุ้งซ่านนิดหน่อย ก็เขาเป็นคนผิดเองนี่นา ไหนๆก็ตัดสินใจตามง้อเขาแล้ว ก็ต้องพยายามให้ถึงที่สุดล่ะนะ

               กล่องขนมค่อยๆถูกวางลงบนโต๊ะ ตั้งใจจะเขียนโน้ตไว้เหมือนเคย แต่มือหนาก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นสิ่งที่อยู่บนโต๊ะก่อนหน้าที่เขาจะมา กระดาษโพสอิตสีเหลืองสดที่มีลายมือยึกยือ แต่เขากลับมองว่ามันน่ารัก เขียนถ้อยคำที่ทำเอาหัวใจคนอ่านพองโต

     

     

     

                  ‘เจอกันที่ BTS สถานีxxx บ่ายสี่ครึ่ง สายแค่นาทีเดียวอย่าหวังจะได้เจอ !!!’

     

     

     

     

              แล้วไงต่อหลังจากนั้น...เอาเป็นว่าเขาโคตรจะไม่มีสมาธิในการสอบเลย นี่บังคับตัวเองให้ทำข้อสอบได้จนเต็มเวลานี่ก็สุดๆแล้วนะ พอสอบภาคเช้าเสร็จก็แทบจะพุ่งเอารถแอสตันมาร์ตินของตัวเองออกจากโรงเรียนไปทันที ถ้าไม่ติดว่าโดนไอ้เพื่อนบ้าสองคนรั้งตัวเอาไว้ก่อน

              “มึงจะรีบไปไล่ควายที่ไหนวะครับ” ต้นไผ่เอ่ยทักเพื่อนสนิทของตัวเองที่ฉายแววลุกลี้ลุกลนมาตั้งแต่อยู่ในห้องสอบแล้ว

               แอสตันเหลือบสายตามองเพื่อนสนิทของตัวเอง ก่อนจะก้มมองเวลาที่นาฬิกาข้อมือของตัวเองนิดหน่อย ตอนนี้พึ่งจะเที่ยงกว่าๆ ยังมีเวลาอีกเหลือเฟือ เม้มริมฝีปากแน่นอย่างชั่งใจ ก่อนจะตัดสินใจเล่าเรื่องที่เจอเมื่อเช้าให้ต้นไผ่กับเรียวฟัง

     

               และปฏิกิริยาที่ได้รับกลับมา ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นเลย

     

               “เหยดดดด ไอ้ตันมึงเจอดีแน่ๆ มึงตายแน่ๆ” เรียวพึมพำออกมาไม่หยุดหลังจากฟังเรื่องราวจากปากของเพื่อนสนิทตัวดี แอสตันขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่เข้าใจ

               “ทำไมวะ น้องอุตส่าห์ยอมเจอกู ก็ต้องเป็นเรื่องดีดิ” ปริ๊นส์ของโรงเรียนเอ่ยถามอย่างไม่ค่อยเข้าใจ ทำเอาเรียวต้องเอามือตบหน้าผากตัวเองอย่างเอือมๆกับความซื่อบื้อของเพื่อนตัวโย่ง ส่วนต้นไผ่นี่มุมปากยกขึ้นแทบจะถึงหูแล้ว

               “มึงคิดว่าระดับน้องจิน อยู่ดีๆจะยอมยกโทษให้มึงหรอ”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

               “จิน มึงเอาจริงหรอวะ” สไปรท์ถามเพื่อนสนิทตัวเองอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ เพราะสิ่งที่เพื่อนของเขากำลังจะทำเนี่ย ถ้าไอ้เพื่อนจอมแสบนี่มาทำกับเขาล่ะก็ สามารถทำให้เขาอยากจะเลิกคบมันเป็นเพื่อนได้เลยนะ

                จินหัวเราะหึหึ แกะเอาอมยิ้มจูปาจุ๊บเข้าปากตัวเองอย่างไม่ทุกข์ร้อนอะไร จนสไปรท์ต้องโบกหัวเจ้าเพื่อนบ้าของตัวเองไปหนึ่งที

                “เชี่ย กูเจ็บ” จินร้องโอดโอยออกมา ตั้งใจจะหันไปโวยวายแล้วตบหัวเพื่อนสนิทของตัวเองคืนซะหน่อย แต่พอสบเข้ากับแววตาจริงจังของสไปรท์แล้ว เลยทำได้เพียงบ่นงุบงิบอยู่คนเดียว

                “เออ รู้จักเจ็บซะบ้าง นับวันนี่มึงชักจะเอาใหญ่แล้ว” น้ำเสียงเชิงตำหนิจากเพื่อนสนิททำเอาอารมณ์สนุกๆของเขาเริ่มลดลงไปบ้าง แต่มันก็นิสัยของสไปรท์ล่ะนะ หมอนี่เป็นคนเดียวที่กล้าบ่น กล้าด่า กล้าพูดกับเขาตรงๆทุกเรื่อง ถึงได้ซี้ปึ้กกันขนาดนี้

     

                ตอนนี้พวกเขาทุกคนกำลังเดินทางไปที่สถานีรถไฟฟ้าที่อยู่ถัดจากโรงเรียนตัวเองออกไปหน่อย อันที่จริงก็ไม่ได้ตั้งใจให้พวกเพื่อนๆตามไปด้วยหรอกนะ แต่พอไอ้เพื่อนบ้ารู้เรื่องหน่อยก็คะยั้นคะยอจะตามไปให้ได้ สำหรับสไปรท์เหตุผลคือกลัวว่าเขาจะทำอะไรที่มันคึกคะนองเกินเหตุ แต่ไอ้พวกที่เหลือเนี่ยกะไปเอามันส์อย่างเดียว

     

                เขาจะทำอะไรน่ะหรอ ถ้าบอกตอนนี้ก็ไม่สนุกน่ะสิ... :)

     

                อาจจะเป็นเพราะเป็นเวลาเลิกเรียนทำให้สถานีรถไฟฟ้าคนแน่นมากกว่าปกติ การเดินทางเลยล่าช้าไปบ้าง ปรากฎว่าพวกเขามาถึงสถานีที่ต้องการช้าไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว

                จินเหลือบมองรอบๆอย่างกังวล แอบหวั่นใจว่ารุ่นพี่บ้านั่นจะล้มเลิกความตั้งใจแล้วกลับไปก่อนรึเปล่า

                สมาชิกวง alcoholic มองท่าทางของนักร้องประจำวงอย่างขำๆ ปากก็บอกว่าโกรธอย่างนู้น โกรธอย่างนี้ ต้องเอาคืนให้สาสมบ้างล่ะ แต่พอทีแบบนี้ล่ะกังวล ไม่อยากจะนึกเลยว่าถ้าเกิดพี่แอสตันถอดใจในการตามง้อไป เจ้าเพื่อนตัวแสบมันจะมีสภาพเป็นยังไง

                จริงๆก็อยากจะคุย อยากจะเจอพี่เขาใจจะขาด แต่ทำเป็นวางฟอร์ม อยากจะให้พี่มันเลิกง้ออยู่หรอก จะได้เห็นคนฟอร์มหลุดซะบ้าง!

     

                “จิน” น้ำเสียงทุ้มต่ำอันเป็นเอกลักษณ์เรียกให้ทุกคนในกลุ่มต้องหันไปมอง

                เกือบแล้ว เกือบหลุดยิ้มออกมาแล้ว จินตบแก้มตัวเองเบาๆเพื่อเป็นการเรียกสติ เขาจะให้พี่แอสตันได้ใจไม่ได้หรอก!!!

                “จินมาเจอพี่จริงๆด้วย” คนตัวสูงรีบตรงเข้ามาจับมือบางๆนั้นราวกับกลัวว่าคนตัวเล็กกว่าจะวิ่งหนีไปไหน นัยน์ตาคมทรงเสน่ห์เป็นประกายวิบวับ ไม่บอกก็รู้ว่าคนตรงหน้าเนี่ย กำลังดีใจสุดๆ

                 เพื่อนคนอื่นมองภาพตรงหน้าด้วยความลำบากใจ แอบหันไปสบตาเพื่อนของรุ่นพี่ตัวสูงที่กำลังก้าวเข้ามา ทั้งสองกลุ่มสบตากันอย่างรู้ทัน ก็คงจะมีแต่ไอ้รุ่นพี่ตรงหน้าเขาเนี่ยแหละที่ไม่ได้รู้สึกถึงสิ่งอันน่าสะพรึงที่กำลังจะมาเยือนเลย ถ้าพี่แอสตันรู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นกับตัวเองเนี่ย จะยังทำหน้าดีใจแบบนี้อยู่รึเปล่านะ

     

               “ใครให้จับ” น้ำเสียงแข็งๆทำเอาแอสตันต้องยิ้มเจื่อน ดูเหมือนรุ่นน้องตรงหน้าเขาจะยังโกรธเขาอยู่ คนตัวสูงเลยยอมปล่อยมือแต่โดยดี ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นล้วงกระเป๋ากางเกงของตัวเองแทน

               แอสตันไม่กล้าที่จะพูดอะไรอีกทำได้เพียงเหล่สายตามองรุ่นน้องคนสนิทของตัวเองเท่านั้น จินที่ดูเหมือนจะรู้ตัวเลยเอามือกอดอก ยืนตั้งท่าเหมือนกับคุณแม่กำลังเตรียมจะดุลูกน้อย

               “รู้มั้ยว่าทำไมถึงโกรธ” น้ำเสียงนุ่มๆเอ่ยออกมาหลังจากเงียบกันไปนาน

               “พี่ขอโทษ”

               “ไม่ได้ต้องการคำขอโทษ ถามว่ารู้มั้ยว่าทำไมถึงโกรธ” น้ำเสียงจริงจังและแววตาคาดคั้นทำเอาแอสตันต้องแอบลอบกลืนน้ำลาย เขาไม่เคยเห็นจินในโหมดนี้มาก่อนเลย แต่ก็...น่ารักไปอีกแบบล่ะนะ

               ก่อนจะต้องรีบสะบัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่านของตัวเองออกไป เมื่อดูเหมือนรุ่นน้องตัวแสบตรงหน้าจะเริ่มแสดงความไม่พอใจมากขึ้นทุกที

               “พี่ไม่ฟังเหตุผลของจิน แล้วก็ตวาดใส่จินด้วย” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยออกมาเบาๆแต่ชัดเจนทุกคำ ส่งผลให้คนฟังค่อยๆพยักหน้าเมื่อเห็นคนทำผิดพอจะรู้ความผิดของตัวเองบ้าง

               “ก็ยังดีที่รู้ตัว”

               “จินยกโทษให้พี่ได้มั้ย” น้ำเสียงที่ดูเหมือนจะฝืดเคืองมากทุกทีทำเอาคนฟังต้องเผลอกระตุกยิ้มเข้าที่มุมปาก

               
                เข้าแผนเขาล่ะ!!!

     

                “เรื่องนี้ใครผิด”

                “…”

                “ถามว่าเรื่องนี้ใครผิด” น้ำเสียงเข้มๆทำเอาคนฟังต้องหลุดหัวเราะออกมาแห้งๆ ก่อนจะเอ่ยตอบ

                “พี่ผิดเอง” แต่ดูเหมือนคนตรงหน้าเขาอยากจะแกล้ง ถึงได้ทำเป็นไม่ได้ยินก่อนจะถามออกมาอีกครั้ง

                “อะไรนะ”

                “พี่ผิดเองครับ!!!”

                คราวนี้ก็เลยเผลอพูดเสียงดังออกไปหน่อย จนคนฟังต้องขมวดคิ้วมุ่น กอดอกแน่นขึ้น ก่อนจะส่งสายตาไม่พอใจมาให้

                “ขึ้นเสียงใส่หรอ” เอาเข้าไป เขาไม่รู้จะทำยังไงแล้วนะ ดูเหมือนรุ่นน้องตัวแสบของเขาจะเพิ่มสกิลความเอาแต่ใจมากขึ้นไปอีก บางครั้งก็แอบคิดนะว่า ยิ่งรู้จักเจ้าเด็กแสบนี่มากขึ้น ก็ยิ่งรู้สึกว่าเด็กคนนี้มีส่วนที่เหมือนผู้หญิงมากขึ้นเรื่อยๆ

                 “เปล่าครับ” แล้วเขาจะทำอะไรได้ล่ะ นอกจากก้มหน้ายอมรับความผิด ที่บางครั้งเขาไม่ได้ผิดซะหน่อย...

                 “อยากให้หายโกรธรึเปล่า” ประโยคถัดมาที่ออกมาจากริมฝีปากรูปกระจับสวยนั่นราวกับดึงทุกสติการรับรู้ของเขาไปหมด แน่นอนอยู่แล้ว เขาต้องอยากให้เด็กตรงหน้าหายโกรธอยู่แล้ว

                 คนอื่นอาจจะว่าเขาเว่อร์ ทั้งๆที่พึ่งจะรู้จักกับเจ้ารุ่นน้องตัวแสบไม่ถึงปีเลยด้วยซ้ำ แต่ทำไมต้องทำเป็นทุรนทุรายขนาดนั้น แต่ไม่มาเป็นเขาไม่มีทางเข้าใจหรอก ไม่สิ ขนาดตัวเขาเองก็ยังไม่เข้าใจเลย ว่าทำไมต้องอยากจะคุย อยากจะมองหน้า อยากจะอยู่ใกล้ๆ ทุกครั้งที่ได้เห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปตามอารมณ์ของเจ้าเด็กแสบเนี่ย มันรู้สึกเพลินตาชะมัด...เอาเป็นว่าต่อให้นั่งมองหน้าเจ้าเด็กนี่ทั้งวันเขายังทำได้เลย

                “นี่เป็นใบ้หรือหูพิการ” เมื่อเห็นคนตรงหน้าไม่ยอมตอบซะที แถมเอาแต่มองเค้าด้วยสายตาแปลกๆอยู่นั่น เลยอดที่จะเอ่ยกัดออกมาไม่ได้ และสิ่งที่ได้รับกลับมาน่ะหรอ ก็รอยยิ้มฝืนๆแสนน่ารำคาญนั่นแหละ

                เขาไม่ชอบรอยยิ้มแบบนี้ของไอ้รุ่นพี่บ้านี่หรอก น่าหงุดหงิดเป็นบ้า ไอ้รอยยิ้มที่จะเรียกว่ายิ้มก็ไม่ได้ เพราะถึงปากจะฉีกไปถึงรูหูแล้ว แต่ไอ้แววตาที่มองมามันโคตรจะตัดพ้อสุดๆ

                ไม่ต้องมามองเขาแบบนั้นเลย คนผิดมันตัวเองนั่นแหละ!!!

     

               “ก็ไม่ได้เห็นหน้าจินเลยอยากจะมองหน้าจินนานๆนี่นา” แล้วไอ้คำตอบแบบนี้มันอะไรกัน ไอ้รุ่นพี่บ้านี่มันสำนึกบ้างป่ะเหอะ เดี๋ยวก็แกล้งไม่คุยด้วยสักเดือนสองเดือนเลยเนี่ย!!!

                “-_-^” 

                แอสตันที่พอจะจับความไม่พอใจจากดวงตาเรียวคมนั่นได้เลยต้องยอมหุบปากฉับ นี่ยอมขนาดนี้แล้วนะ ขอให้หายโกรธเขาทีเถอะ

                “เรื่องนี้ใครผิดครับ” น้ำเสียงนุ่มกดต่ำ เอ่ยถามซ้ำประโยคเดิมอีกรอบ แต่คราวนี้อินเนอร์มาเต็ม ชนิดที่ว่าแอสตันรู้ชะตาตัวเองเลยถ้าเผลอไปกวนอารมณ์เข้า

                “พี่ผิดเองครับ” น้ำเสียงหงอๆทำเอาคนรอบข้างที่แอบมองเหตุการณ์ต้องหลุดยิ้ม จริงๆก็ไม่ได้อยากจะยุ่งเรื่องชาวบ้านอะไรหรอกนะ แต่การที่มายืนง้อกันกลาง BTS แถมทั้งสองยังหน้าตาดีออร่าจับขนาดนี้ ไม่ว่าใครก็ต้องหันมาสนใจกันทั้งนั้นแหละ นี่ยังไม่รวมบรรดาแฟนคลับของคนทั้งคู่อีกนะ

                 “จะยอมยกโทษให้ก็ได้...หยุด อย่าเข้ามาใกล้นะ” จินโวยลั่นเมื่อเห็นเจ้ารุ่นพี่บ้าแค่ได้ยินว่าจะยอมยกโทษให้ก็แทบจะพุ่งตัวเข้ามาหาแล้ว แอสตันเลยต้องรีบชะงักก่อนถอยตัวกลับไปยืนห่างจากจินเหมือนเดิม

     

                 “รู้จักเพลงฉันหล่อไปมั้ย”

                 “ฮื้ม รู้สิ”

                 “ร้องได้ป่ะ”

                 “ก็พอได้”

                 “แล้วเต้นล่ะ”

                 “ก็เคยเต้นเล่นๆกับเพื่อน”

     

                 จินกระตุกยิ้มที่มุมปากกับคำตอบที่หลุดออกมาจากปากของรุ่นพี่ตัวสูง แอสตันมองรอยยิ้มนั้นอย่างงงๆ ก่อนจะเริ่มปะติดปะต่อเรื่องทั้งหมดได้ ใบหน้าคมเริ่มมีเหงื่อซึมออกมาอย่างช่วยไม่ได้

                 “จินคงจะไม่ได้...”

                 “ตอนนี้” ไม่ทันที่จะพูดจบประโยค รุ่นน้องตัวแสบกลับโพล่งขึ้นมาก่อน แอสตันรู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมาทันที ไม่อยากจะได้ยินประโยคที่กำลังจะหลุดออกมาจากริมฝีปากสวยๆนั่นเลย...

                 “เต้นเอง ร้องเอง ตอนนี้ ตรงนี้” ราวกับประโยคเมื่อกี้เป็นประโยคที่กำลังบอกว่าโลกกำลังจะแตก เพราะทำเอาแอสตัน และบรรดาสมาชิกวง alcoholic รวมถึงต้นไผ่และเรียวชะงักไปพร้อมๆกัน

                 “หมายถึงพี่หรอ” แอสตันเอานิ้วชี้เข้าหาตัวเอง ใบหน้าคมเจื่อนลงอย่างเห็นได้ชัด สู้บอกให้เขากระโดดให้ BTS ทับยังจะดีกว่า

     

                 ต้องมาเต้นเลื้อยหน้าท้องท่ามกลางประชาชนเต็มสถานีรถไฟฟ้าแบบนี้!!!

     

                 “ถ้าไม่ใช่พี่แล้วจะเป็นอาม่าที่ไหน” แอสตันยิ้มค้าง ก่อนจะเหลือบมองสำรวจรอบๆตัว พวกเขาไม่ได้อยู่ตรงที่รอรถ แต่เป็นตรงที่ซื้อบัตรทำให้มีคนพลุกพล่านมากกว่า แถมยังเป็นเวลาเลิกเรียนหรือเลิกงานทำให้คนเดินผ่านไปมาเยอะสุดๆ

                 “จินคือพี่ว่า...”

                 “ผมจะไปยืนตรงนั้น ถ้าไม่ได้ยินก็เริ่มใหม่อีกรอบ” ตั้งใจจะขอความเห็นใจแต่เจ้ารุ่นน้องตัวแสบกลับไม่ฟังเขาเลย แถมตั้งท่าจะเดินไปที่บริเวณที่ไกลจากเขาซะอีก

                 “จิน” แอสตันตัดสินใจคว้าแขนของรุ่นน้องตัวแสบก่อนจะส่งสายตาขอความเห็นใจสุดๆ จินทำเพียงกระตุกยิ้มมุมปากก่อนจะเอ่ยประโยคออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ

     

                 “ถ้าไม่ทำก็ไม่ต้องมาเจอหน้ากันเลย”

     

                 “แค่นี้ทำให้ไม่ได้หรอครับ”

                 “ให้เวลาสองนาที ถ้าพี่ยังไม่ทำ...”

                 “บ๊ายบาย ตลอดกาล!!!!”

     

                 “จิน!!!”

                 “นับ 1-3”

                 “จิน นี่มันจะมากเกินไปแล้วนะ”

                 “1”

                 “จิน”

                 “2”

                 “โธ่เว้ย”

                 “3”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

              คิดว่าหนุ่มหล่อ มาดแมน แอนด์โคตรจะเพอร์เฟ็คอย่างเขาจะยอมทำอะไรน่าอายเพื่อง้อไอ้เด็กไม่วานซืนแบบนี้มั้ย!!!!

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

               “บอกตัวเอง และเตือนทุกครั้ง

                จะตื่นจะนอนหรือแม้แต่ในฝัน”

     

               “อะไรนะไม่ได้ยินเลย” น้ำเสียงนุ่มตะโกนมาจากที่ไกลๆยิ่งเรียกให้สายตาหลายๆคู่หันมาจับจ้องทางคนตัวสูงมากขึ้นไปอีก

     

               “แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไร จะปกปิดกั้นมันสักเท่าไหร่

                ก็ดูเหมือนจะสุดวิสัยไปทุกทาง”

     

               “วู้วววว ขอดังๆหน่อยสิครับ!!” แอสตันเม้มปากแน่น ได้ จินได้ อยากจะลองดีกับเขาใช่มั้ย แอสตันหลับตาแน่นก่อนจะตะเบ็งสุดเสียง เอาวะ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว เขาไม่มีอะไรจะเสียมากไปกว่านี้แล้วเนี่ย

     

               “เหมือนดังกับห้ามไม่ให้เด็กร้อง

                เหมือนกับปวดท้องแต่ไม่เข้าห้องน้ำ

                มันฝืนธรรมชาติรู้มั้ย”

     

               “โว้วววว แบบนั้นแหละครับ ไหน ท่อนต่อไปขอท่าเป๊ะๆนะ!!!” ไอ้เด็กนี่ แอสตันได้แต่กัดฟันกรอด ก่นด่าเจ้าตัวแสบในใจ ในชีวิตเขาไม่เคยจะยอมใครมากเท่าเด็กคนนี้มาก่อนแล้ว!!

     

               “ฉันผิดเอง ที่ดูดีมากไป

                ฉันผิดเอง ที่หล่อเกินห้ามใจ

                ฉันรู้ดีที่ทำให้เธอคลั่งใคล้ แต่จะทำยังไงก็ไม่รู้

                ฉันผิดเอง ทำเธอรักมากมาย

                ฉันผิดเอง จนต้องมาเจอกับความวุ่นวาย

                เธอนั้นต้องเข้าใจ เพราะฉันไม่อาจรักเธอได้ทุกคน”

     

                เขาไม่สนอะไรแล้ว เอาเป็นว่าหลับหูหลับตาเลื้อยหน้าท้องอย่างเดียว เสียงคนซุบซิบกันอื้ออึงไปหมด ลืมตาอีกทีก็เห็นคนตั้งกล้องมือถืออัดคลิปเขาเอาไว้แล้ว พอมองไปไกลๆก็เห็นเจ้าเด็กแสบกำลังเอามือกุมท้องหัวเราะน้ำตาเล็ดอยู่กับกลุ่มเพื่อน รวมถึงไอ้เพื่อนทรยศของเขาที่กำลังอัดคลิปเขาอยู่ด้วย

                “ท่อนต่อไปอย่าลืมกระชากเสื้อนะ” ไอ้เหี้ยต้นไผ่!!! เขาอยากจะสบถด่ามันออกมาแบบนี้จริงๆ ถ้าไม่ติดว่าต้องร้องเพลงบ้าๆนี่ไปด้วยน่ะนะ

                “กระชากเลย กระชากเลย” ตามด้วยเสียงอังกอร์ที่มาจากไหนก็ไม่รู้ เอาเป็นว่าถ้ารู้จะจ้างคนไปเผาบ้านแล้วจับแก้ผ้าให้เจอกับความอับอายแบบเขาเสียให้เข็ด

                “เออจริงด้วย ถ้าไม่โชว์ซิ๊กแพ็คไม่ให้ผ่านนะบอกเลย!!” เห็นมั้ย ไปชี้ทางให้เด็กมัน โอ๊ย อยากจะร้องไห้ออกมาเป็นภาษายูโกสลาเวีย ถ้าหลุดจากสถานการณ์บ้าๆนี่ได้เมื่อไหร่นะ จะเอาคืนรายตัว โดยเฉพาะเจ้าเด็กแสบนั่น!!!

     

                แต่ตอนนี้เขาควรจะทำยังไงน่ะหรอ เขามีทางเลือกอะไรที่ไหนเล่า!!!

     

                “ฉันผิดเอง ที่ดูดีมากไป

                 ฉันผิดเอง ที่หล่อเกินห้ามใจ

                 ฉันรู้ดีที่ทำให้เธอคลั่งใคล้ แต่จะทำยังไงก็ไม่รู้

                 ฉันผิดเอง ทำเธอรักมากมาย

                 ฉันผิดเอง จนต้องมาเจอกับความวุ่นวาย

                 เธอนั้นต้องเข้าใจ เพราะฉันไม่อาจรักเธอได้ทุกคน”

     

                “กรี๊ดดดดดดดด”

     

                บ๊ายบายเสื้อนักเรียนของเขา คงจะต้องไปหาเรื่องแก้ตัวที่กระดุมเสื้อหลุดหายไปเป็นแถบแบบนี้กับคุณแม่บ้านแล้วล่ะ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

               “ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ” เสียงหัวเราะสดใสดังก้องไปทั่วทั้งรถแอสตันมาร์ตินคันหรู ถ้าเป็นปกติเขาคงจะรู้สึกอารมณ์ดีแล้วหัวเราะไปกับเจ้าเด็กแสบนี่อยู่หรอก แต่มันติดตรงที่ว่าเรื่องที่เจ้าเด็กนี่หัวเราะมันคือเรื่องที่โคตรจะน่าอับอายที่สุดในชีวิตเขานี่สิ

               หลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นงั้นหรอ พนักงานที่ประจำสถานีรถไฟฟ้าก็ออกตัวมาไล่พวกเขาข้อหาที่สร้างความวุ่นวายน่ะสิ หลังจากพากันขอโทษกันเสียยกใหญ่ ไอ้เพื่อนพวกนั้นก็พากันเอาคลิปวิดีโอที่อัดไว้มาอวดกันเป็นแถบๆ

     

               ไม่ได้อยากจะดูเลยโว้ย!!!

     

               พอเคลียร์ปัญหาทุกอย่างกันเรียบร้อย ไอ้ใจก็อยากจะโกรธไอ้เด็กบ้านี่ที่บังอาจมาบังคับให้เขาทำเรื่องน่าอับอายแบบนี้อยู่หรอก แต่ทำไมมันโกรธไม่ลงก็ไม่รู้ เลยพยายามจัดการอารมณ์หงุดหงิดของตัวเองแล้วบอกว่าจะพาเจ้ารุ่นน้องจอมดื้อนี่ไปส่งบ้าน

               ส่วนเจ้าเด็กแสบก็ดูเหมือนจะลืมเรื่องที่โกรธไปเสียสนิท เพราะเอาแต่หัวเราะเป็นบ้าเป็นหลังมาสักพัก จนตอนนี้แยกย้ายกับเพื่อนคนอื่นๆจนมาอยู่บนรถด้วยกันสองคนก็ยังไม่ยอมหยุดหัวเราะอีก

               “ฮ่าๆๆๆๆ พี่แม่งโคตรเจ๋ง สุดยอดว่ะ ไม่คิดว่าพี่จะกล้าทำนะเนี่ย” แล้วก็เอาแต่พูดวกไปวนมาแต่เรื่องนี้นั่นแหละ รู้ทั้งรู้ว่าเขาอยากจะลืมใจจะขาด แต่เจ้าเด็กแสบก็เอาแต่ย้ำอยู่นั่นแหละ

               “เหนื่อยมั้ย” ถามแบบเอือมๆหวังว่าเจ้าตัวแสบจะรู้ตัวแล้วยอมหยุด ควบคุมเสียงหัวเราะของตัวเอง แต่เปล่าเลย...

               “ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เหนื่อยดิ แม่งโคตรเหนื่อยเลย แต่หยุดหัวเราะไม่ได้อ่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆ”

     

                ได้จินได้ อยากจะเอาแบบนี้ใช่มั้ย บางทีก็ถึงเวลาที่เขาควรจะเอาคืนบ้างไม่ใช่หรอ

     

                จินเอาแต่หัวเราะไม่ได้สังเกตเลยว่ารุ่นพี่ตัวสูงได้หักพวงมาลัยพารถเข้าจอดที่ข้างทางเรียบร้อยแล้ว

                “สนุกมั้ย” น้ำเสียงทุ้มที่เริ่มฉายแววอารมณ์เสียขึ้นมาบ้าง เริ่มเรียกสติของจินให้กลับมา ก่อนจะสบเข้ากับนัยน์ตาคมที่ฉายประกายแวววาว เหมือนกำลังจะสื่ออะไรบางอย่าง แต่เขาไม่เข้าใจ

                “ฮะๆๆๆ ก็สนุกดี” เมื่อเห็นท่าทางที่แปลกไปของแอสตัน ก็เลยยอมควบคุมเสียงหัวเราะของตัวเองบ้าง แต่เรื่องแบบนี้มันควบคุมกันง่ายๆที่ไหนล่ะ

                “หื้ม นั่นสินะ เห็นพี่อับอายมันคงเป็นเรื่องที่สนุกมากแน่ๆ” จินแอบสะดุ้งนิดหน่อยเมื่อรู้สึกได้ถึงระยะห่างระหว่างเขากับรุ่นพี่คนสนิทที่เริ่มลดน้อยลงไปทุกที

                 นัยน์ตาเรียวสวยเหลือบมองสำรวจรอบกายตัวเอง แอสตันจอดรถเข้าที่ริมทางที่ไหนสักที่ โชคดีที่ยังมีคนเดินผ่านไปผ่านมาอยู่บ้าง ก่อนจะต้องสะดุ้งเมื่อรับรู้ถึงอะไรบางอย่าง

                 “อ๊ะ พี่ถอยออกไปหน่อย” เมื่อรู้สึกได้ถึงความใกล้ชิดที่ชักจะมากเกินพอดีเลยต้องรีบเอ่ยปาก ก่อนจะยกมือขึ้นมาผลักตัวรุ่นพี่ตัวสูงออก แล้วจะปลดเข็มขัดนิรภัยทำไมเนี่ย

                 “หืม ทำไมหรอ” ยังจะมาทำเป็นไม่รู้เรื่องอีก ก็ตอนเนี่ยไอ้พี่บ้ามันเริ่มจะเลื้อยมานั่งที่เบาะคนนั่งข้างคนขับกับเขาอยู่แล้ว

                 “เหวอ” ก่อนที่จินจะหลุดอุทานออกมาดังลั่น

                 ก็จะไม่ให้ร้องออกมาได้ยังไงล่ะ ก็ในเมื่ออยู่ดีๆไอ้รุ่นพี่บ้ามันดันมาปรับเบาะของเขาให้เอนราบลง จนตัวเขาแทบจะนอนอยู่แล้ว แค่ปรับเบาะเล่นๆก็ว่าโคตรจะไม่น่าไว้ใจแล้วนะ นี่ยังจะคลานขึ้นมาคร่อมตัวเขาเอาไว้อีก

                 ตอนนี้ทั้งสองคนเลยอยู่ในท่าที่โคตรจะล่อแหลมสุดๆ แทบจะสัมผัสได้ถึงร่างกายทุกส่วนของอีกฝ่าย แล้วอีกอย่างพี่มันกระดุมเสื้อหลุดทั้งแถบจากตอนที่เต้นบนสถานีรถไฟฟ้าเมื่อกี้ด้วย ตอนนี้ซิ๊กแพ็คแบบพอดีกับกล้ามหน้าท้องขาวๆเลยปรากฏเด่นต่อสายตาของเขาแบบต่อให้ไม่อยากมองมันก็ลอยมาทิ่มตาอยู่ดี

                 “จะทำอะไรเนี่ย ออกไปนะเว้ย” ใจจริงก็อยากจะโวยวาย แล้วร้องให้คนช่วยอยู่หรอก แต่ถ้าทำแบบนั้นคนอื่นต้องเข้าใจผิดแล้วคิดอะไรแปลกๆแน่ๆ

                 จินดิ้นขลุกขลัก อยากจะใช้ขายันเจ้ารุ่นพี่บ้านี่ออกไปไกลๆ แต่ดันโดนขายาวๆของอีกฝ่ายล็อกเอาไว้ขยับไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ส่วนมือน่ะหรอ โดนไอ้มือใหญ่ๆนั่นล็อกเอากับเบาะเรียบร้อยแล้วล่ะ

     

                 อย่างกับฉากนางเอกกำลังจะโดนพระเอกทำอะไรๆๆๆในละครหลังข่าวเลย!!!

     

                แอสตันเหลือบมองท่าทางของรุ่นน้องตรงหน้าอย่างพอใจ ใบหน้าคมสวยที่แดงกล่ำตอนนี้น่ามองสุดๆ ส่วนดวงตาเรียวสวยก็กำลังตวัดมองเขาด้วยท่าทีไม่พอใจสุดๆเหมือนกันนั่นแหละ ก่อนจะเลื่อนสายตาลงมาที่ริมฝีปากรูปกระจับ ที่กำลังเม้มเข้าหากันแน่น

                “เม้มปากแบบนั้นไม่เจ็บหรอ” เอ่ยลอยๆ ก็อยากจะเอามือไปเกลี่ยให้คลายริมฝีปากออกอยู่หรอกนะ แต่ถ้าทำแบบนั้นก็เท่ากับว่าปล่อยเจ้าเด็กนี่ให้เป็นอิสระ แล้วเขาก็ต้องโดนฟาดจนช้ำไปทั้งตัวแน่นอน

                “งั้นก็ปล่อยดิ” น้ำเสียงนุ่มเอ่ยออกมาอย่างไม่พอใจ แอสตันหลุดหัวเราะกับท่าทางรั้นๆของรุ่นน้องคนสนิท

                “เดี๋ยวจะปล่อยอยู่” ทำเป็นลอยหน้าลอยตา เรียกให้คนที่อยู่ใต้ร่างต้องดิ้นขลุกขลักมากกว่าเดิม จนต้องออกแรงเล็กน้อยเพื่อทำให้รุ่นน้องจอมแสบเลิกพยศซะที

                “นี่พึ่งหายโกรธนะ” เมื่อเห็นว่าสู้แรงคนตรงหน้าไม่ได้ จินเลยยอมสงบลงบ้าง แต่ริมฝีปากชมพูๆนั่นก็ยังคงโวยวายออกมาไม่หยุด

                “ก็เพราะหายโกรธแล้วไงเลยทำแบบนี้” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยกลั้วหัวเราะ จินตวัดสายตามามองอย่างไม่พอใจ เมื่อไม่กี่นาทีก่อนเขายังเป็นฝ่ายหัวเราะเพราะได้เปรียบอีกฝ่ายอยู่เลย แล้วไหงถึงเปลี่ยนกันมาเป็นเขาเสียเปรียบแบบนี้ได้ล่ะ

                “พี่แม่ง บอกให้ปล่อย อยากจะโดนตีนักรึไง” จินบ่นออกมาอย่างหงุดหงิด ก็เขาไม่ชอบจ้องตาไอ้รุ่นพี่บ้านี่นี่ อย่างที่เคยบอก ไม่รู้ว่าคนตรงหน้าเขาทำบุญมาด้วยอะไรถึงได้มีเสน่ห์ล้นเหลือขนาดนี้ โดยเฉพาะไอ้นัยน์ตาคมๆที่เหมือนจะสะกดทุกอย่างถ้าเผลอไปจับจ้องแบบนั้น

     

                เขาเกลียดมันที่สุดเลย ให้ตาย!!!

     

                แอสตันหลุดหัวเราะกับคำขู่ของรุ่นน้อง ตัวเองเสียเปรียบขนาดนี้ยังจะกล้ามาขู่เขาอีก บางทีเขาอาจจะต้องปราบพยศเจ้าเด็กนี่บ้าง เพราะสิ่งที่เขาเจอมาวันนี้มันชักจะแสบเกินไปแล้ว

                “นี่จิน คิดว่าพี่เป็นคนยังไง” คำถามแปลกๆที่จู่ๆก็หลุดออกมาจากริมฝีปากของรุ่นพี่ตัวสูงทำเอาคนอายุน้อยกว่าต้องหยุดชะงัก ก่อนจะขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่เข้าใจ

                “ฮ่าๆ งั้นเปลี่ยนคำถาม จินคิดว่าตัวเองรู้จักพี่ดีมากแค่ไหน” พอเจอคำถามนี้ยิ่งทำให้จินต้องขมวดคิ้วแน่นเข้าไปอีก จู่ๆไอ้รุ่นพี่บ้านี่เกิดสมองกลับอะไรขึ้นมา ถึงต้องมาถามคำถามแปลกๆในท่าที่ล่อแหลมแบบนี้ด้วย!!!

     

                 แอสตันเหลือบมองท่าทางงงงวยของรุ่นน้องคนสนิทตัวเองอย่างขำๆ บางทีนี่คงจะถึงเวลาเอาคืนของเขาบ้างล่ะ

     

                “จะ…จะทำอะไรน่ะ เอาหน้าออกไปนะเว้ย” จินโวยวายออกมาลั่นเมื่อจู่ๆรุ่นพี่หน้าหล่อก็เขยิบหน้าเข้ามาใกล้ ใกล้ขนาดไหนน่ะหรอ เอาแบบจมูกชนกัน สัมผัสได้ถึงลมหายใจของกันและกัน และถ้าเผลอขยับหน้าเพียงนิดเดียว อาจจะเกิดฉากคิสซีนขึ้นมาได้น่ะสิ

                จินพยายามฝืนสบตาของแอสตัน เอาเป็นว่าเขากำลังพยายามบอกไอ้รุ่นพี่นี่ว่า คนอย่างเขาอย่าคิดจะเอาใบหน้าหล่อๆนั่นมาใช้ให้พ่ายแพ้เสียให้ยาก

                แอสตันเองก็เหมือนจะเข้าใจความหมายของสิ่งที่จินกำลังจะสื่อดีเลยหลุดหัวเราะออกมาเสียยกใหญ่

                ตอนแรกก็คงจะเชื่ออยู่หรอก แต่ไอ้ใบหน้าแดงๆ กับนัยน์ตาที่สั่นไหวแบบนั้นน่ะ จะให้เชื่อว่าไม่เขินเลยก็คงจะทำไม่ได้หรอก เจ้าเด็กนี่อาจจะยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองน่ะ เป็นพวกแสดงทุกอย่างออกมาทางสีหน้า ไม่ว่าจะโกรธ จะเศร้า หรือแม้แต่ตอนเขินแบบนี้ แค่ดูหน้าเขาก็รู้แล้วล่ะ

                แอสตันหลุดยิ้มมุมปาก เมื่อรู้สึกว่าตัวเองสามารถแกล้งเจ้ารุ่นน้องจอมดื้อนี่ได้สำเร็จ ที่แล้วมาอาจจะปล่อยให้เจ้าเด็กนี่ได้ใจไปหน่อย ว่าตัวเองสามารถคุมเขาได้ทุกอย่าง ก็อาจจะปฏิเสธได้ไม่เต็มเสียงนักหรอก ว่าเขาไม่ได้เชื่อทุกคำพูดของเด็กคนนี้ แต่เอาเป็นว่าเขาเองก็มีวิธีรับมือกับเจ้าเด็กแสบนี่ในแบบของเขาล่ะนะ

                จินเผลอกลั้นหายใจเมื่อไอ้รุ่นพี่บ้านี่ค่อยๆก้มลง จนริมฝีปากได้รูปนั่นมาคลอเคลียที่ข้างหู สัมผัสอุ่นๆทำเอาเขารู้สึกจั๊กจี๋ ก่อนเสียงทุ้มผะแผ่วจะกระซิบเบาๆ

     

                “จินน่ะยังรู้จักพี่ไม่ดีพอหรอก...”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    -------------------------------------

    Talk : ขอเสียงปรบมือค่ะทุกคน ครบร้อยแล้ววววว!!! TwT

             นี่ไรท์แทบจะคลานมาอัพเลย .__.

             จริงๆเป็นตอนที่อยากจะแต่งมากๆเลยน้า

             มันให้ฟีลแบบพ่อแง่แม่งอน เอาคืนกันไปเอาคืนกันมา

             ต่อจากนี้ไปแอสตันของเราเริ่มจะรุกแล้วนะเคอะ คึคึ

             ขอโทษที่มาอัพช้านะคะ แต่ไรท์พยายามที่สุดแล้วน้า

             ขอบคุณที่คอยติดตาม แล้วก็เป็นกำลังใจให้ไรท์นะคะ

             เยิ๊ฟๆๆ ปาหัวใจรัวๆๆๆ ( / ' 3 ' )/~<3



     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×