คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : [[ It's over ]]: C T 14 //Up 100%
สามวันต่อมา
เพล้ง!
“กรี๊ดดดดดด~”
“ยัยซูจี! จะบ้าเหรอ! ปาแก้วใส่กำแพงแบบนั้นน่ะ” ซอฮยอน
“ก็คนมันโมโหหนิ ฉันว่าแล้วว่าผู้ชายคนนั้นมันต้องเลวสุดขั้ว” ซูจีที่เพิ่งปากแก้วใส่กำแพงไปหยกๆ พูดขึ้นอย่างโมโห
“แต่แกไม่จำเป็นต้องปาแก้วใส่กำแพงบ้านตัวเองแบบนั้นก็ได้นะ ยัยบ้า ตกใจหมด” ซอลลี่ว่าพลางขยับตัวออกห่างจากซูจี
“คริสตัล แกยอมให้เป็นแบบนี้ไม่ได้นะ!”
ฉันเบนหน้ามองเพื่อนทุกคนที่นั่งอยู่บนโซฟาห้องนั่งเล่นของบ้านซูจี นาอึน ซูจีและซอลลี่นั่งอยู่บนโซฟาตัวยาว ส่วนฉันและซอฮยอนนั่งอยู่บนโซฟาตัวเล็กทั้งสองข้าง โชคดีที่ช่วงนี้พ่อแม่ของซูจีไปธุระที่ต่างจังหวัดเลยทำให้ไม่มีใครแตกตื่นกับเสียงแก้วกระทบฝาผนังเมื่อสักครู่
ยัยนี้อารมณ์ร้ายจริงๆ -_-
และที่เพื่อนฉันเป็นอย่างนี้ก็เพราะฟังฉันเล่าเรื่องทั้งหมด รวมทั้งความจริงที่ว่าฉันกับเขาไม่ได้มีอะไรกัน
“นังเด็กนั่นเห็นหน้าใสๆ ไม่คิดเลยว่าจะร้ายขนาดนี้” นาอึนพูดถึงจูเนียลน่ะ เธอเป็นคนเดียวที่เคยเห็นหน้าจูเนียล
“แต่บางทีจูเนียลอาจจะไม่ได้เป็นคนเริ่มไง ฉันว่าฝ่ายชายนี่แหละตัวดี” ซอลลี่
“ฉันก็คิดเหมือนซอล น้องจูเนียลเขานิสัยดีมากนะ”
“โอ้ยยัยตัล~ แกอย่ามาตีสีหน้าแม่พระเอ็นดูเด็กให้ฉันเห็นได้มั้ย เห็นแล้วหมั่นไส้” ซูจี
“ฮ่าๆ เอาหน่า~ อย่างน้อยเราก็รู้แล้วว่ายัยตัลยังคงเวอร์จิ้นได้อยู่ ไม่เหมือนใครบางคน~” ซอฮยอนที่เงียบไปนานเอ่ยล้อซูจีจนคนโดนล้อถึงกลับหน้าแดง “...แต่ตบมือข้างเดียวมันไม่ดังหรอกนะตัล”
“...”
“ฉันว่าน้องเขาก็ต้องมีใจให้ไคบ้างแหละ”
“ฉันเห็นด้วยกับซอนะ วันนั้นที่ฉันเห็นน้องเขาหน้าแดงตอนถูกไคจับมือ มันเกินคำว่าพี่น้องไปแล้ว” นาอึน
“แกห้ามยอมเด็ดขาดนะตัล สาวสวยนัมเบอร์วันอย่างแกจะไปแพ้เด็กข้างทางไม่ได้ ถ้าไคชอบเด็กคนนั้นแกต้องเป็นฝ่ายชิงบอกเลิก” ซูจี
“...”
“ว่าไงแกจะบอกเลิกเขามั้ย ?” ซอฮยอนถาม
ฉันเงียบไปพักใหญ่ มองไปยังเพื่อนๆ ที่กำลังนั่งรอคำตอบจากปากฉันอย่างใจจดใจจ่อจากนั้นก็เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบอย่างคนมีแผน
“ไม่ล่ะ ฉันยังอยากคบกับเขาต่อ ^_^”
“โห~ วันนี้คิดไงอบเค้กเนี่ย ?”
ฉันเงยหน้าขึ้นไปยักคิ้วให้ไคที่เดินเข้าห้องครัวด้วยชุดอยู่บ้าน วันนี้เป็นวันเสาร์ที่เราต้องไปซ้อมละครเวทีแต่เนื่องจากอาทิตย์ที่จะถึงนี่มีสอบพี่ๆ เลยให้หยุด ฉันกับไคเลยตกลงว่าจะอยู่บ้านอ่านหนังสือแทนที่จะออกไปเที่ยว
“หอมใช่มั้ยล่ะ”
“หอมมากครับ หอมจนอยากกินทั้งเค้กทั้งคนทำ” คนพูดไม่พูดเปล่าเขาเดินเข้ามาใกล้แล้วโน้มตัวลงขโมยแก้มฉันไปฟอดใหญ่
“ไคอ่า...ฉันทำมาตั้งเยอะ เราน่าจะชวนคนอื่นมาทานด้วยนะ เช่นเพื่อนของนายไง”
“เอามาเป็นก้างขวางคอทำไม ไม่เอาอ่ะ”
“งั้นฉันโทรให้น้องจูเนียลมาหาที่นี่ได้มั้ย น้องอยู่คอนโดคนเดียวคงเหงาแย่ ให้มาอ่านหนังสือที่นี่น่าจะดีกว่าน้า~”
“...” ไคจ้องหน้าฉันแล้วเงียบไปสักพัก “จะดีเหรอ...”
จุ๊บ
ฉันเขย่งเท้าแล้วจุ๊บริมฝีปากเขาเบาๆ เป็นเชิงห้ามไคปฏิเสธ
“ดีสิ”
“สามสี่วันมานี้คุณเปลี่ยนไปเยอะเลยนะคริสตัล...”
“นายไม่ชอบเหรอ ?” ฉันถามเสียงใสแล้วช้อนสายตามองเขา
“ชอบสิแต่...รู้สึกไม่ชิน”
“งั้นวันหลังฉันไม่ทำแล้วก็ได้” ฉันเบ้ปากล่างอย่างงอนๆ “...ฉันแค่อยากทำตัวเป็นแฟนที่ดี นายจะได้เลิกเจ้าชู้ไง”
“...”
“หวังว่านายจะไม่มีผู้หญิงคนอื่นระหว่างคบกับฉันนะ...ไค” ฉันสบตาเข้ากับดวงตาคมที่เหมือนจะถูกแช่แข็งไปเมื่อได้ยินประโยคนั้น ฉันปั้นหน้ายิ้มหวานให้เขาแล้วใช้นิ้วตัวเองแตะลงเบาๆ ที่ปลายคาง “...เพราะไม่อย่างนั้น คนที่จะเสียใจที่สุดคงเป็นนาย”
“...”
“ฉันแค่พูดเล่นแค่นี้ ถึงกับหน้าเสียเลยรึไง ฮ่าๆ” ตบหน้าไคเรียกสติเบาๆ พร้อมกับหัวเราะที่เห็นเขาไปไม่เป็น
“...ผมจะมีคนอื่นได้ยังไง ในเมื่อผู้หญิงที่สวยที่สุดอยู่ตรงนี้” เขาจับมือฉันที่กำลังแกล้งดึงแก้มเขาออกแล้วกุมมันไว้ “ทุกวันนี้ผมก็หลงคุณจนไม่มีเวลาไปมองผู้หญิงคนอื่นแล้ว”
“ฮ่าๆ ขอบคุณที่ชม”
ฉันขอตัวไปโทรหาจูเนียลซึ่งน้องก็ยินดีที่จะมา ฉันเตรียมเค้กช็อกโกแลตที่ทำตัดแบ่งเป็นสามชิ้นจัดวางไว้บนโต๊ะเล็กในห้องนั่งเล่นพร้อมกับน้ำชาร้อนๆ สามที่ ไคก็กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนโซฟาเนี่ยแหละ
เอาจริงๆ นะ ตั้งแต่ย้ายมาอยู่บ้านเขาฉันรู้สึกเหมือนตัวเองทำกำลังทำหน้าที่ของภรรยาเลย ทั้งอาหารเช้า บางวันก็อาหารเย็น ส่วนอาหารกลางวันเราไปทานข้างนอกกันอยู่แล้ว ดีนะที่ฉันไม่ต้องทำความสะอาดบ้านหลังนี้ด้วย เมื่องั้นล่ะก็ฉันคงรู้สึกแค้นเป็นสิบเท่า เหอะ!
ปิ๊งป่องๆ
“ไคออกไปเปิดประตูบ้านให้น้องหน่อยสิ”
“อื้อ” ไควางหนังสือไว้ข้างตัวแล้วลุกออกไปเพื่อเป็นประตูหน้าบ้านให้น้องจูเนียล ไม่ถึงห้านาทีจูเนียลก็เขามาหยุดยืนอยู่ในบ้านข้างๆ แฟนฉัน
“สวัดดีค่ะ พี่คริสตัล ^^”
“สวัสดี~ พี่นึกว่าเราจะปฏิเสธซะอีก”
“พี่คริสตัลโทรมาตอนหนูกำลังอ่านหนังสือไม่เข้าใจพอดีเลยค่ะ เลยอยากจะมาถามพี่คริสตัลด้วยตัวเอง”
“ได้สิ มานี่ๆ พี่ทำเค้กช็อกโกแลตเผื่อเราด้วยน้า มาชิมซิว่าอร่อยหรือเปล่า”
“ค่ะ แล้วพี่ไคไม่ทานเหรอคะ”
“พี่ไคเขาบอกว่ารอทานพร้อมน้องจูเนียลน่ะ จะได้ไม่เสียมารยาท” ฉันบอกด้วยใบหน้ายิ้มแย้มพลางเข้าไปจูงมือจูเนียลมานั่งตรงกลางระหว่างฉันกับไค
“เอ่อ...หนูนั่งริมก็ได้นะคะ”
“หืม ทำไมล่ะ ? นั่งตรงไหนก็เหมือนกันนั่นแหละ” ฉันบอกหน้าตายแล้วยื่นซ้อมคันเล็กให้น้องไปถือไว้ พลางมองหน้าจูเนียลอย่างคาดหวังในคำตอบของรสชาติเค้ก
“...”
“ไม่ต้องมองหน้าน้องขนาดนั่นก็ได้มั้ง ยังไงก็อร่อยอยู่แล้ว” ไคที่เงียบไปนานเอ่ยขึ้นอย่างล้อเลียนที่ฉันนั่งมองท่ากินของจูเนียล
“ชิ ก็นายมันชอบพูดเอาใจ ฉันไม่เชื่อหรอก”
“ก็มันอร่อยจริงๆ นี่น่า~” ไคส่งยิ้มกรุ้มกริ่มให้ฉัน “อร่อยเหมือนคนทำนั่นแหละ”
“แค่กๆ พี่ไคคะ ขอน้ำหน่อย” จูเนียลบอกพลางปิดปากไอไปด้วย ไครีบส่งน้ำให้จูเนียลทันที “...ขอโทษนะคะพี่คริสตัล มันอร่อยซะจนหนูสำลักเลยค่ะ”
“...”
“นี่ ปากเลอะแล้ว” ไคว่าพลางเช็ดปากมุมให้น้องจูเนียลเรื่อยลงมาถึงเสื้อยึดสีขาวที่เลอะเศษเค้กเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
“ขอบคุณค่ะ”
จูเนียลจับมือไคแล้วดึงผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดให้ตัวเองแทน ฉันสังเกตว่าน้องเขาแทบจะไม่มองหน้าไคเลยด้วยซ้ำตั้งแต่เข้ามาในบ้านหลังนี้
เฮ้อ…เมื่อไรจะถึงเวลานะ
หลังจากทานของว่างกันเป็นที่เรียบร้อยต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันไปอ่านหนังสือ ไม่สิต้องบอกว่ามีแค่ไคที่แยกตัวขึ้นไปอ่านหนังสือบนห้องนอน ฉันช่วยอธิบายเนื้อหาที่จูเนียลไม่เข้าใจ ยิ่งบางวิชาเป็นภาษาอังกฤษจูเนียลที่ค่อนข้างอ่อนทางด้านภาษาเลยนั่งฟังฉันสอนเป็นภาษาเกาหลีแทน
“พี่คริสตัลอยู่ที่นี่มานานหรือยังคะ ?”
ฉันละสายตาจากตัวหนังสือขึ้นมองหน้าคนถาม ก่อนจะเพิ่งนึกได้ว่าตัวเองไม่เคยบอกใครว่ามาอาศัยที่บ้านไค และถ้าหากฉันไม่ได้เป็นคนพูดก็คงต้องเป็นไคที่บอกเรื่องนี้
ก็ว่าอยู่ว่าตอนโทรไปชวนไม่เห็นสงสัยว่าฉันมาอยู่บ้านไคได้ยังไง
“ตั้งแต่คบกับเขาน่ะ”
“พี่ไคกับพี่คริสตัลนี่เหมาะกันดีนะคะ เหมือนเจ้าชายกับเจ้าหญิงเลย เหมาะสมกันมากๆ มากจนไม่มีใครกล้าเข้าไปแทรกกลาง”
สายตาที่จูเนียลมองมาไม่ได้บ่งบอกถึงความรู้สึกใดๆ เลยสักนิด แต่ถึงยังไงริมฝีปากบางก็ยังคงมีรอยยิ้มอย่างสม่ำเสมอ ฉันยิ้มให้น้องเขาแล้วกล่าวขอบคุณในคำชม
เจ้าชายกับเจ้าหญิงงั้นเหรอ...น่าขำสิ้นดี!
“ไม่หรอกจ่ะ พี่ไม่ใช่เจ้าหญิงหรอก...ส่วนไคเองก็ไม่ใช่เจ้าชาย”
“หืม...ถ้าพี่คริสตัลและพี่ไคไม่ใช่เจ้าหญิงกับเจ้าชายจะเป็นอะไรได้อีกล่ะคะ”
“สายลม...ไคคงจะเป็นสายลม” ฉันพูดเสียงเบาแล้วก้มหน้ามองตัวอักษรอีกครั้ง “...และพี่คงเป็นต้นหญ้าอ่อนๆ ที่วันๆ ปล่อยให้สายลมพัดผ่านไปผ่านมา”
“...”
“...”
“พี่คริสตัลรักพี่ไคมั้ยคะ ?”
“...”
คำถามจากปากจูเนียลทำเอาหัวสมองหยุดประมวลผลตัวอักษรที่กำลังอ่านอยู่ ฉันปิดหนังสือลงแล้วเงยหน้ามองตรงไปยังจอทีวีสีดำเบื้องหน้า
!!!
ฉันปั้นยิ้มบางเบาให้ตัวเองก่อนจะเอ่ยตอบเสียงเบา แต่ก็ดังพอที่จำให้คนที่ยืนอยู่ตรงบันไดได้ยินด้วย
“รักสิ...ไม่รักพี่จะคบเขาทำไมล่ะ”
ฉันมองเงาสะท้อนในจอทีวีขนาดห้าสิบนิ้วด้วยใบหน้าเรียบเฉย ไค...ยืนนิ่งเหมือนกับคนช็อคอยู่ตรงบันไดด้านหลังฉัน ซึ่งเขาคงไม่คิดว่าฉันรู้ว่าเขาแอบฟังอยู่ด้วย
“จูเนียลล่ะรักไคมั้ย ?”
“!!!”
“...พี่หมายถึงแบบพี่น้องน่ะ ทำหน้าตกใจซะเว่อร์เชียว”
“อ้อ...แหะๆ หนูแค่ตกใจกับคำถามน่ะค่ะ”
“ฮ่าๆ พี่มั่นใจว่าจูเนียลไม่มีทางรักไคในเชิงชู้สาวแน่ๆ จูเนียลคงไม่หักหลังพี่หรอกใช่มั้ย ?”
“อะ เอ่อ...ค่ะ”
“^_^ ขอบใจจ่ะ”
ฉันเอื้อมมือไปลูบหัวจูเนียลเบาๆ ด้วยความเอ็นดู เธอไม่กล้าสบตาฉันสักนิดแต่นั่นก็ไม่เป็นไรเพราะฉันสามารถเห็นดวงตาตื่นตกใจที่ฉายชัดเจนผ่านดวงตาโตนั่นได้
“ไม่มีทางแน่นอนค่ะที่จูเนียลจะชอบพี่ไค ในสายตาจูเนียลพี่คริสตัลเหมาะกับพี่ไคที่สุดแล้ว~ ถ้าพี่ไคมีกิ๊กเมื่อไหร่นะจูเนียลจะไปจัดการให้เลย”
“ฮ่าๆ ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอกเพราะพี่...จะเป็นคนจัดการเอง” ประโยคหลังฉันบอกเสียงเย็น
“...”
“^_^”
“...”
“อุ้ย จูเนียลนั่นรอยอะไรน่ะ แดงๆ อ้าวไค มาพอดีเลยไปเอายาแก้ปวดพวกแมลงกัดต่อยให้หน่อยสิ คอจูเนียลเป็นอะไรก็ไม่รู้เป็นรอยแดงๆ เต็มไปหมดเลย” ฉันแสร้งทำเป็นตกใจที่เห็นไคเดินลงมาก่อนจะเรียบสั่งให้เขาไปเอายามาให้
ฉันรับยามาจากมือไคแล้วบีบใส่มือ
“ไม่เป็นไรค่ะพี่คริสตัล หนูทาเองก็ได้” จูเนียลทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ที่เห็นฉันตั้งท่าจะทายาที่คอให้เธอ
“ไม่เป็นไรจ่ะ เรามองไม่เห็นหรอก ดูซิเป็นรอยแดงที่ท้ายทอยด้วย”
“ไม่เป็นไรจริงๆ ค่ะพี่คริสตัล”
“งั้นเดี๋ยวผมทาให้เอง” คนที่เงียบไปนานอย่างไคพูดขึ้นแล้วดึงหลอดยาไปถือไว้ก่อนจะเข้ามานั่งแทนที่ฉันจากนั้นเขาก็จัดการทายาที่คอให้จูเนียลช้าๆ
บรรยากาศในห้องเงียบอย่างเห็นได้ชัด เสียงหายใจเข้าออกจากไคและจูเนียลแทบจะไม่มี ฉันเลื่อนตัวเองไปนั่งยองๆ ระดับเดียวกับที่จูเนียลกับไคแล้วมองรอยพวกนั่นด้วยสายตาเพ่งพินิจ
“แมลงต้องตัวใหญ่มากแน่ๆ ถึงได้ทำเป็นรอยได้ขนาดนี้”
“!!!”
ฉันยิ้มในใจเมื่อสัมผัสได้ถึงความตึงเครียดระหว่างไคกับจูเนียล
“นี่ถ้าพี่ไม่รู้นิสัยน้องจูเนียล พี่คงคิดว่ามีหนุ่มมาทำคิสมาร์กให้เรานะเนี่ย ฮ่าๆ” ฉันเอ่ยเสียงล้อเลียนจูเนียลแบบขำๆ แต่กลับกลายเป็นว่าทั้งจูเนียลและไคไม่มีใครขำสักแอะ “ฝากด้วยนะไค ขอขึ้นไปข้างบนแป๊บ”
ฟอดดดด~
ฉันหอมแก้มไคไปฟอดใหญ่โดยที่เขาไม่ทันตั้งตัวก่อนจะผละออกมาแล้วเดินขึ้นชั้นสองเข้าห้องนอนตัวเองไป ฉันยิ้มให้ตัวเองอย่างสะใจที่เห็นใบหน้าตื่นตกใจเหมือนกลัวคนจับได้ว่าทำความผิดจากจูเนียลและไค
อย่าตกใจไปเลยจูเนียล...ถ้าเธอไม่คิดร้ายกับพี่ พี่ไม่ทำอะไรเธอหรอก แต่ถ้าเธอคิด...รับรองได้ว่าเธอจะได้กลายมาเป็นเหยื่อหมายเลขสองรองจากไคแน่ๆ
ฉันหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาดู ก็ยังไม่เห็นว่ามีข้อความอะไรที่เป็นสัญญาณบอกว่างานเรียบร้อยจากเพื่อนรักเลยสักนิด…จะรอเวลาไปถึงไหนเนี่ย ?
30 นาทีผ่านไป
ฉันเงยหน้าจากตำราเรียนด้วยหัวใจที่ไม่สงบจนอ่านหนังสือไม่รู้เรื่อง แต่แล้วเสียงกดออดรัวๆ เป็นสิบครั้งเรียกให้ฉันขมวดคิ้วด้วยความสงสัยว่าใครกันที่โคตรไม่มีมารยาท
ปิ๊งป่องๆๆๆๆๆๆๆ
ฉันเปิดประตูออกจากห้อง เดินลงมาหาจูเนียลกับไคที่ชั้นล่าง เมื่อกี้นี้ฉันปล่อยให้ทั้งสองใช้เวลาร่วมกันอยู่ข้างล่างโดยที่ไม่ได้เข้าไปขัดเพราะไม่จำเป็น สิ่งที่ฉันรู้มันก็ชัดเจนจนไม่ต้องการอะไรมาพิสูจน์อีกแล้ว
เมื่อเห็นคนที่คนที่เข้ามาใหม่ฉันก็ต้องยิ่งแปลกใจที่เห็นเพื่อนสนิทของเขามาหาพร้อมกันถึงสามคน...
“เป็นบ้าอะไรวะ มาไม่บอกไม่กล่าว แล้วกดออดซะจนกลัวมันไม่พังหรือไง”
“คริสตัล...” เซฮุนเรียกชื่อฉันเสียงเบาหวิว นั่นทำให้เพื่อนเขาอีกสองคนหันมามองด้วย
“สวัสดีเซฮุน ลู่ฮาน แอล” ฉันยิ้มทักทายทั้งสามคนแล้วไปหยุดยืนข้างๆ จูเนียล “นี่น้องจูเนียลเป็นรุ่นน้องในคณะ”
“อ้อ ผมรู้จักอยู่แล้วล่ะครับ เราเคยเจอกันแล้วครั้งหนึ่ง ตอนไอ้ไคพา โอ้ย!” เซฮุนร้องเสียงหลงเมื่อเจอฝ่าเท้าของลู่ฮานเหยียบเข้าที่หลังเท้าไปเต็มแรง
“มีอะไรวะ มากันแตกตื่นเชียว กูบอกแล้วไงว่าวันนี้ไม่ต้อนรับแขก” ไค
“เอาไงดีวะแอล...อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาเลย” เซฮุนพูดเบาๆ แต่ฉันก็ยังได้ยินอยู่ดี
“มีอะไรก็ว่ามาสิวะ! อ้ำอึ้งอยู่ได้” ไคเร่งเพื่อนด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ฉันเองก็มองทั้งสามคนด้วยความสงสัย ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เจอเพื่อนแฟนบ่อยๆ แต่ก็ดูออกว่าทั้งสามคนกำลังทำตัวมีพิรุธ
“เอ่อ...คือ...” แอลเองก็ไม่ยอมพูด
“ขอโทษนะคะ เผื่อพี่ๆ จะไม่สะดวกใจ หนูกลับก่อนก็ได้” จูเนียลที่เงียบไปนานเอ่ยขอตัวแต่ไคกลับสั่งห้ามเสียงดัง
“ไม่ต้อง! ถ้าจะกลับเดี๋ยวพี่ไปส่ง”
“o[]o” เพื่อนไคทั้งสามคนเหวอไปอย่างเห็นได้ชัดต่างกับฉันที่ยังคงตีสีหน้านิ่ง แม้ว่าในใจจะเดือดที่เขาทำเหมือนเป็นห่วงผู้หญิงคนอื่นต่อหน้าต่อตาเพื่อนเขา
“เอ่อ...พี่หมายถึง พี่เป็นคนชวนมาก็ต้องไปส่งสิจริงมั้ย”
“ก็ได้ค่ะ”
ให้ตายสิ...ฉันรู้สึกอยากหายตัวไปจากตรงนี้เหลือเกิน...
“คือ..มึงแน่ใจเหรอวะจะให้กูพูดตรงนี้” แอลถาม
“เออดิ ท่ามากจังนะพวกมึง”
“คือ...”
“กูนับหนึ่งถึงสาม ถ้าไม่พูดเชิญกลับ กูจะได้ไปส่งน้องจูเนียล”
“มึงพูดดิไอ้ฮุน” ลู่ฮาน
“มึงอ่ะแหละพูด” เซฮุน
“หนึ่ง...”
“โอ้ย ทำไมต้องมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันด้วยวะเนี่ย” เซฮุน
“สอง...สะ...”
“มีรูปมึงกับผู้หญิงว่อนเน็ตอยู่ตอนนี้” แอล
“!!!”
“รูปมึงจูบกับผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่...เอ่อ...คริสตัล...”
“ไอ้แอลมึงพูดอะไรวะ รูปหลุดอะไร!! อย่ามาพูดหมาๆ น่า”
แอลไม่ตอบไคที่โวยวายเสียงดังแต่กลับยื่นไอแพดในมือไปให้ไคดู หลังจากนั้นฉันก็สัมผัสได้ว่าอากาศบริเวณนี้เยือกเย็นลงสิบเท่า แม้แต่ผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ยืนอยู่ข้างฉันยังยืนมือสั่นราวกับถูกจับได้ว่าทำความผิด
กริ๊งงงงงงงงง กริ๊งงงงงงงงง
ฉันกดรับสายทันทีเห็นว่าซูจีโทรเข้ามา...
“ฮัลโหลซูจี~”
[ขอโทษนะจ๊ะที่โทรมารายงานช้าแต่ Mission Complete~]
“...”
[ฉันทำตามที่แกบอกแล้วนะ ยังดูไม่ออกหรอกว่าเป็นนังนั่นแต่ก็นะ...อาจจะมีคนดูออก ก็ช่วยไม่ได้จริงๆ] น้ำเสียงซูจีช่างร้ายกาจซะจนฉันเกือบหลุดขำแต่ก็ต้องเก๊กปั้นหน้าขรึมเข้าไว้
“...”
[ไม่ตอบแบบนี้แสดงว่ามีคนอื่นอยู่กลับแกล่ะสินะ งั้นฉันไม่รบกวนแล้ว มีอะไรให้ทำอีกก็บอก เรื่องซ้ำเติมคนเลวนี่ฉันถนัดนัก]
“อื้อ...ขอบคุณนะ” ฉันวางสายพร้อมกับลอบยิ้มมุมปากโดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็นก่อนจะแสร้งทำหน้าเหมือนคนเพิ่งรู้ความจริงสุดช็อก
ไคหันมามองฉันเช่นเดียวกับเพื่อนเขา ส่วนจูเนียลได้แต่ยืนตัวสั่นอยู่ข้างๆ ฉัน
“คริสตัล...”
ฉันกลืนน้ำลายคงคอแล้วมองใบหน้าไคด้วยสายตาสั่นไหว
“เพื่อนฉัน...บอกรูปอะไรก็ไม่รู้” ฉันบอกไคเสียงสั่น แล้วเดินเข้าไปหยุดยืนตรงหน้าไค ก่อนจะถือโอกาสคว้าไอแพดในมือเขามาถือไว้ ไคทำท่าเหมือนจะแย่งกลับไปแต่ก็ยอมเปลี่ยนเป็นยืนเฉยๆ แทน
รูปไคกับผู้หญิงในชุดกางเกงยีนส์สีซีดกับเสื้อแขนกุดสีหวานเป็นตัวเดียวกับที่ฉันเห็นจูเนียลใส่เมื่อหลายวันก่อน เป็นภาพที่ถ่ายจากมุมไกลแต่ก็เห็นหน้าผู้ชายได้ชัดเจนว่าเป็นไค ส่วนผู้หญิงมองไม่ชัดนักเพราะฝ่ามือใหญ่ๆ ของฝ่ายชายประคองใบหน้าผู้หญิงให้รับจูบจากริมฝีปากเขาไว้อยู่
“ไค...แฟนหนุ่มของสาวสวยจากมหา’ลัย YYY กำลังนอกใจ ???” ฉันอ่านหัวข้อรูปออกเสียงดังฟังชัดให้ทุกคนที่อยู่ในที่นี้ได้ยินมากกว่าอ่านให้ตัวเองฟัง แล้วอยู่ดีๆ จูเนียลก็มาแย่งไอแพดในมือฉันไปถือไว้
“ไม่จริง...ไม่จริง” จูเนียลพึมพำเสียงหลง
“นี่มันอะไรกัน...” ฉันเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่า มองหน้าไคอย่างขอคำตอบแต่สิ่งที่ฉันได้รับคือความเงียบ “ผู้หญิงในรูปคือใคร ?”
“...”
ทุกคนเงียบคล้ายกับไม่คิดว่าฉันจะดูไม่ออกว่าผู้หญิงในรูปคือจูเนียล...
“นายมีคนอื่น...ใช่มั้ย ?”
สายตาที่มองมาอย่างสับสนทำให้ฉันสะใจลึกๆ แต่ก็ต้องแกล้งทำเป็นไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เพิ่งเห็น
“จูเนียลกลับไปก่อนไป”
“ไม่นะ พี่ไค หนู...”
“พี่บอกให้กลับไปไง!!!” ไคหันไปตวาดใส่ร่างเล็กเสียงดังจนน้องสะดุ้งตกใจ
“นายไปตวาดใส่จูเนียลทำไม น้องไม่ได้ทำอะไรผิด!”
ฉันเดินเข้าไปหาจูเนียลแล้วเข้าไปโอบไหล่ที่สั่นเทาก่อนจะตวัดสายตามองไคอย่างโกรธเคือง
“พี่คริสตัล...”
“น้องไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย ถ้าคนที่จะต้องไปคือ...ฉันเอง”
“!!!”
“พี่คริสตัลอย่าทำอย่างนี้เลยนะคะ หนูจะกลับเอง...หนู....”
“แอลรบกวนช่วยไปส่งจูเนียลด้วย”
“ไม่ต้อง” ฉันเอ่ยห้ามเสียงแข็ง พลางมองหน้าไคด้วยความเสียใจ “...ไหนนายบอกจะไม่มีใครไง แล้วทำไมทำแบบนี้”
น้ำเสียงตัดพ้อจากฉันทำเอาผู้ชายทั้งสี่คนมองฉันด้วยแววตาสงสาร แต่ฉันก็คิดไว้แล้วล่ะว่ามันต้องเป็นแบบนั้น ไม่มีผู้ชายแท้คนไหนหรอกทนน้ำเสียงน้อยใจกับใบหน้าผิดหวังจากฉันได้
“...”
“จูเนียลดูไว้นะ...พี่บอกแล้วว่าผู้ชายคนนี้เป็นดั่งสายลม ต่อให้เราเป็นเจ้าหญิงที่สวยแค่ไหน เราก็ไม่ทางจับสายลมให้หยุดนิ่งได้หรอก”
“คริสตัล...”
“ฉันไม่รู้หรอกนะไค...ว่าผู้หญิงคนนั้นจะสวยแค่ไหนแต่มันคงมากกว่าฉัน...” ว่าแล้วน้ำตาจากมารยาหญิงก็ค่อยๆ ไหลลงมาช้าๆ
“...”
“ฉันคงไม่เคยมีค่าอะไรในสายตานายเลยใช่มั้ย...” นิ้วเรียวยาวถูกยกขึ้นมาปาดน้ำตาด้วยท่าทางที่ฉันแสร้งให้มันดูน่าอ่อนแอมาก
“คริสตัล...อย่าร้องไห้”
“ฮึก ฮือ~”
“ผะ ผมจะเลิก อย่าร้องไห้ ผมไม่ชอบ” ไคมองฉันอย่างเป็นห่วงแล้วเดินเข้ามาใกล้แต่ฉันถอยหลังหนีด้วยตัวที่สั่นเทา
“ไม่ต้องสนใจฉันหรอกไค...สนใจผู้หญิงคนใหม่ของนายดีกว่า”
ฉันบอกอย่างตัดพ้อแล้วมองหน้าเขาด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจก่อนจะตัดสินใจเดินหันหลังขึ้นไปชั้นสองเพราะทนกลั้นหัวเราะไว้ไม่ไหวแล้ว
เมื่อหันหลังมา...ตัวฉันก็สั่นอย่างรุนแรง ไม่ใช่เพราะร้องไห้แต่เป็นเพราะผลข้างเคียงของคนกำลังกลั้นขำต่างหาก
น้ำใสๆ ที่ไหลเปรอะเปื้อนใบหน้าถูกเช็ดออกไปอย่างลวกๆ ด้วยนิ้วมือก่อนที่จะย้ายมาปิดริมฝีปากที่กำลังยิ้มกว้างของตัวเอง
ทำไมฉันจะไม่รู้ล่ะว่ารูปนั่นเป็นใคร...ทำไมฉันจะไม่รู้ว่ามันมาจากไหนเพราะต้นตอทั้งหมดมาจากโทรศัพท์ของฉันเอง...
มันเป็นความบังเอิญที่เมื่อวานมือฉันเผลอไปกดโดนปุ่มอัดวิดีโอทำให้ทุกอย่างในห้องชมรมการแสดงถูกบันทึกไว้หมด ต้องบอกว่ามันเป็นความโชคดีในความโชคร้าย...และที่ไม่เห็นใบหน้าน้องจูเนียลก็เพราะยังไม่แน่ใจว่าน้องคิดร้ายกับฉันหรือเปล่า...
แต่ที่แน่ๆ นี่เป็นบทเรียนแรกที่ต้องการประจานคนเลวๆ แบบนาย...
--------------------------------
Sulli’s part
“พี่ชานยอลคะ” ฉันลุกขึ้นเรียกพี่ชานยอลที่เดินเข้ามาในร้านอาหาร เรานัดกันมาทานข้าวกลางวันน่ะ
“สวัสดีครับน้องซอลลี่”
“เรียกซอลเฉยๆ ก็ได้ค่ะ” ฉันยิ้มแล้วนั่งลงเมื่อพี่ชานยอลมาถึงโต๊ะ
“ครับน้องซอล...ว่าแต่น้องซอลมานานหรือยัง พี่ว่าตัวเองมาก่อนเวลานัดอีกนะ”
“อ้อ พอดีซอลว่างน่ะค่ะ ก็เลยรีบออกมา มาถึงก่อนหน้าพี่ชานยอลแค่ไม่กี่นาทีเอง”
วันนี้ฉันมาตามนัดพี่ชานยอลที่ไม่รู้ไปหาเบอร์ฉันมาจากไหน พี่เขาบอกว่ามีเรื่องจะคุยกับฉัน ฉันเลยตกลงที่จะมาเพราะไหนๆ ก็ว่างอยู่แล้ว พี่ชานยอลสั่งอาหารไปหลายอย่างรวมทั้งสั่งเผื่อฉันด้วย
“พี่ชานยอลมีอะไรเหรอคะ ?”
“คือ...พี่มีเรื่องเกี่ยวกับเทาจะพูดด้วยน่ะ”
“...”
“เทาบอกว่าน้องซอลยังโกรธเทาอยู่ มันเครียดเลยมาเล่าให้พี่ฟัง คนเป็นพี่ก็เลยรู้สึกไม่ดีตามไปด้วย ไม่รู้จะทำยังไงดีเลยนัดน้องซอลออกมาคุยเนี่ยแหละครับ”
“ถ้าพี่ชานยอลจะพูดเรื่องผู้ชายคนนั้นล่ะก็ ซอลขอตัวนะคะ” ฉันพูดเสียงแข็งขึ้นมาทันทีและหยิบกระเป๋าเตรียมจะลุก
“อย่าเพิ่งสิครับ อย่างน้อยคุยกันสักนิดก็ยังดี”
“แต่...”
“สักนิดก็ยังดีนะครับ อาหารก็สั่งไปแล้วด้วย น้องซอลคงไม่ใจร้ายให้พี่รับผิดชอบคนเดียวใช่มั้ยครับ” พี่ชานยอลพูดเสียงตัดพ้อซึ่งนั่นทำให้ฉันยอมวางกระเป๋าลงข้างตัวอีกครั้ง “ขอบคุณครับ”
ฉันส่งยิ้มแห้งๆ ให้คนหล่อตรงหน้าจากนั้นไม่นานพนักงานก็นำอาหารมาเสิร์ฟ ฉันรอจนพนักงานจัดโต๊ะเสร็จจึงถามพี่เขาอีกครั้ง
“ตกลงว่าพี่ชานยอลมีอะไรคะ ?” ฉันถามโดยที่ยังไม่แตะต้องอาหารตรงหน้าสักนิด
“เอ่อ...คือ...” พี่ชานยอลก้มๆ เงยๆ กับตักตัวเองฉันเลยเดาว่าพี่เขาคงกำลังยุ่งอยู่กับโทรศัพท์ตัวเองแน่ๆ
“มีอะไรหรือเปล่าคะ ?”
หรือว่าพี่เขาติดธุระกะทันหัน ?
“อ้อ...แหะๆ พี่มีธุระด่วนที่ต้องไปทำนิดหน่อยน่ะครับ แต่ไม่ต้องห่วงนะครับอาหารมื้อนี้น้องซอลจะมีเพื่อนมาทานด้วยแน่นอนครับ”
“คะ ?”
“อ่ะ นั่นไง มาพอดีเลย พี่ขอตัวและขอโทษด้วยนะครับ แต่เพื่ออนาคตของคู่ชีวิตพี่จะถือว่านี่เป็นการทำบุญ”
“...” ฉันขมวดคิ้วกับคำพูดประหลาดๆ ของพี่ชานยอลและยังไม่ทันถามพี่ชานยอลก็วิ่งจู๋ดออกจากร้าน ในขณะเดียวกันผู้ชายในชุดเสื้อคลุมหนังสีดำกับกางเกงสีเดียวกันก็เดินเข้ามาในร้าน
!!!
ฉันหยิบกระเป๋าขึ้นทันทีที่เห็นว่าเขาตรงมาทางนี้จากนั้นก็รีบเดินออกไปทางเดียวกับพี่ชานยอลแต่เทาที่เดินสวนเข้ามาดันจับแขนฉันไว้ก่อน
“ทานข้าวกันก่อนสิ”
“...”
“คุณคงไม่อยากทะเลาะกันตรงนี้หรอกนะ อายเขาแย่”
ฉันหันมองไปรอบๆ ก็เห็นว่าร้านอาหารเต็มเกือบทุกโต๊ะ แต่ล่ะโต๊ะก็ดูผู้ดีๆ ทั้งนั้น เมื่อเทาเห็นฉันยอมอ่อนข้อเขาก็เปลี่ยนมาเป็นจับมือฉันแล้วจูงไปนั่งที่เก้าอี้ตัวเดิม
“...” ฉันไม่พูดขอบคุณยามที่เขาเลื่อนเก้าอี้ออกให้ เทาเดินอ้อมโต๊ะไปนั่งอีกฝั่งตรงข้ามกัน
“ทานสิ เดี๋ยวอาหารจะไม่อร่อย” เทาที่เข้ามานั่งแทนที่พี่ชานยอลบอกขณะที่เขาหยิบช้อนส้อมขึ้นมาถือไว้
“...”
ฉันน่าจะฉุกคิดสักหน่อยว่านี่อาจเป็นแผนของพวกเขา ไม่น่าโง่คิดว่าเทาจะยอมฟังสิ่งที่ฉันพูดเลย เหอะๆ
ย้อนกลับไปเมื่อหลายวันก่อน
‘กราบเท้าฉันสิ...กราบฉันแล้วฉันจะคบกับคุณ’
‘!!!’
‘ไหนๆ ก็สัญญาด้วยเกียรติแล้ว ก็ทิ้งมันไว้แทบเท้าฉันเลยสิ...’
‘!!!’
‘เพราะสักวัน...ฉันจะเหยียบเกียรติลูกผู้ชายของคุณให้จมดิน’
‘ผมทำไมได้’ เสียงทุ้มเอ่ยปฏิเสธอย่างแผ่วเบา
ฉันรู้...คนที่ทำร้ายคนอื่นได้อย่างไม่ยั้งคิดคงไม่มีวันยอมทิ้งศักดิ์ศรีของตัวเองให้กับผู้หญิงที่เขาไม่ได้รักหรอก
‘งั้นก็ชัดเจนแล้วว่า...เราไม่ต้องมาพูดคุยกันอีก’
‘ทำไมคุณไม่ปฏิเสธงานหมั้น ถ้าคุณไม่สามารถให้อภัยกับความผิดในอดีตของผม’
‘…’
‘แทนที่คุณจะถอนหมั้นทีหลัง...ทำไมเราไม่ยกเลิกงานหมั้นซะตั้งแต่ตอนนี้ไปเลยล่ะ’
‘ถ้าฉันยกเลิกงานหมั้น...นายจะฆ่าฉันตรงนี้เลยมั้ย ?’ ฉันเชิดหน้าถามเสียงแข็ง
‘…’
‘ฉันต่างหากที่ต้องถามคุณ...ฉันไปทำอะไรให้คุณโกรธแค้นมากมายถึงต้องมาทำร้ายฉันอย่างนี้ด้วย’
‘ซอลลี่ ผม...’ ใบหน้าคมเข้มมองฉันด้วยความเสียใจ ฉันสัมผัสมันได้ถึงความจริงใจที่เขาส่งผ่านแววตาเฉี่ยวคมคู่นั่น แต่ถึงยังไง...แววตาโหดร้ายที่ฉันเคยได้รับมันก็ยังอยู่สะท้อนกลับมาหาฉันอย่างไม่มีวันลืมเลือน
‘ฉันจะหมั้นกับคุณ...ให้คุณทุกข์ทรมารอยู่กับผู้หญิงที่คุณเกลียดจนกระอักเลือดได้ยิ่งดี’
‘!!!’
‘แล้วเจอกันวันหมั้น!’
กลับมาที่ปัจจุบัน
เพราะตอนนั้นเราจากกันไม่ดีทำให้ฉันต้องใส่ชุดราตรีกลับมาที่บ้านซูจีด้วย อีกวันเลยต้องเอาไปคืนร้านให้แก้ตรงหน้าอกเล็กน้อย
“ฉันว่าฉันบอกคุณแล้วนะว่าเราจะเจอกันวันหมั้น” ฉันบอกเขาโดยที่ไม่แตะอาหารตรงหน้าสักนิด
“ผมยังไม่ได้ตกลง...คุณเออออของคุณเอง” เทาตอบกลับอย่างไม่สะทกสะท้านพร้อมกับตักข้าวเข้าปากไปเรื่อย “...จะนั่งดูผมกินเหรอ”
“...” ฉันไม่ตอบแต่กอดอกแล้วเบนหน้าหนีไปทางอื่นแทน
นอกจากจะไม่สนใจเขาแล้วฉันยังกวนประสาทเทาด้วยการหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดนู้นกดนี้จนกระทั่ง...
นี่มัน!! กรี๊ด~ ยัยคริสตัลมันแสบจริงๆ ฉันได้ดูคลิปเมื่อวานตอนที่ยัยตัลสารภาพทุกอย่างให้ฟัง แต่ไม่คิดว่ายัยนี้จะกล้าลงรูปประจานความเลวของแฟนตัวเองได้ขนาดนี้...แต่ก็สมน้ำหน้าล่ะนะ เหอะๆ
“คุณยิ้มอะไรของคุณ”
“...” ฉันหรี่ตามองเทาอย่างไม่สบอารมณ์ที่เขามานั่งจ้องหน้าฉันไปตักข้าวเข้าปากไป “ยุ่ง”
“ดูเหมือนจะมีเรื่องสนุกนะ”
“เพื่อนคุณนี่ก็เลวดีเหมือนกันนะ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคบกันได้ หึ” ฉันจิกเทาก่อนจะเลื่อนดูคอมเม้นต์ด่าไคจากชาวเน็ตอย่างสนุกสนานแต่แล้วโทรศัพท์ในมือก็ถูกแย่งไปโดยเทา
“!!!”
ฉันยิ้มกว้างอย่างสะใจที่เห็นเทามีสีหน้าตาตื่น เขามองรูปภาพในมือก่อนที่จะเลื่อนนู้นเลื่อนนี้อยู่สักพักถึงจะเงยหน้ามาสบตาฉันที่มองอยู่ก่อนแล้ว
“แหม...ผู้ชายสมัยนี้นี่ไว้ใจไม่ได้จริงๆ หน้าหล่อๆ แต่เอาไม่เลือก” ประโยคหลังฉันพูดเสียงแข็งจงใจให้กระทบคนตรงหน้าด้วย เทาก็เหมือนจะรู้ตัวเขาถึงได้ตวัดสายตามองฉันด้วยความไม่พอใจแต่วินาทีต่อมาก็จางหายไป
“ไคมันก็นิสัยยังนี้อยู่แล้ว...เพื่อนคุณคิดผิดเองที่ยอมเสียตัวให้มัน”
!!!
ฉันขมวดคิ้วมองเทาด้วยความไม่พอใจอย่างมากที่เขากัดเพื่อนฉันทั้งที่ความจริงแล้วมันไม่ใช่แบบนั้น
“ตายแล้ว~ ฉันเพิ่งรู้ว่าผู้ชายที่ขึ้นเตียงกับผู้หญิงไปทั่วนี่เป็นคนดี โอ้ย เพื่อนฉันจะติดโรคอะไรหรือเปล่าเนี่ย” ฉันจีบปากจีบคอพูดพลางโน้มตัวไปหยิบโทรศัพท์ตัวเองกลับคืนมาก่อนจะลุกขึ้นยืนเตรียมตัวออกไปแต่ก็มิวายโน้มตัวเข้าไปกระซิบข้างหูเขา “...คุณเองก็ควรระวังเหมือนกันนะ”
“!!!”
ฉันแสยะยิ้มมุมปากใส่เทาแล้วคว้ากระเป๋าก่อนจะเดินออกมาด้วยความโมโห แต่รู้สึกเหมือนจะยังไม่สะใจพอจึงเดินกลับเข้าไปใหม่แล้วคว้าแก้วน้ำที่วางอยู่บนโต๊ะมาสาดใส่หน้าเขาเต็มๆ ใจน้ำแข็งก้อนใหญ่ๆ กระทบลงบนใบหน้าหล่ออย่างแรง
“O_O!!!”
“สำหรับปากสกปรกๆ ของคุณ”
----------------------------
80%
แอ๊ดดดด
เสียงฝีเท้าดังตามจังหวะการก้าวของเจ้าของร่าง ไม่ต้องหันไปมองฉันก็รู้ว่าเป็น...ไค
“คริสตัล”
ฉันยืนกอดอกมองไปยังวิวเบื้องหน้าผ่านกระจกใสของหน้าต่างในห้องนอน ลอบยิ้มอย่างได้ใจที่เห็นเขาเลือกที่จะขึ้นมาหาฉันแทนที่จะไปดูอาการของมือที่สาม ฉันรู้สึกได้ว่าไคมาหยุดยืนอยู่ข้างหลังแต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่พูดอะไร เราสองคนปล่อยให้ห้องนี้ตกอยู่ในความเงียบจนได้ยินแต่เสียงหึ่งๆ ของเครื่องปรับอากาศ
“เราเลิกกันมั้ย...” เป็นฉันเองที่ทำลายความเงียบเพราะต้องการลองเชิงไคดูก่อน
แม้ว่าจะไม่ได้หันไปมองคนข้างหลังแต่ก็รับรู้ได้ว่าเขาตกใจกับคำพูดฉันไม่น้อย
“ฉันจะไปเก็บของ” พูดพร้อมกับหมุนตัวแต่ถูกไคจับข้อศอกไว้ก่อน ฉันมองหน้าเขาด้วยแววตาราบเรียบแต่ในนัยน์ตาทั้งสองข้างก็ยังคงน้ำใสๆ ที่เอ่อรอบขอบตา
“...”
“ฉันไม่ว่าหรอกที่นายจะมีผู้หญิงคนอื่น...เพราะเราก็ไม่ได้มีความรู้สึกให้กันอยู่แล้ว”
“...” ไคทำหน้าเหมือนจะเถียงแต่ก็ไม่ได้พูด
“นายเองก็ไม่ได้ชอบฉัน เราจะคบกันไปทำไม”
“...ผมชอบคุณ” เขาบอกเสียงเรียบ
เหอะๆ ชอบฉันแต่ก็ชอบผู้หญิงคนอื่นไปด้วยเนี่ยนะ...ใครเชื่อก็โง่บรมแล้วล่ะ
“อย่างที่ผมเคยบอก ผมชอบคุณ” แววตาราบเรียบของเขาขณะที่พูดคำนี้ออกมามันทำให้ฉันอยากจะหัวเราะใส่ผู้ชายตรงหน้าเสียจริง
โอเค...เขายังอยากเล่นละครต่อไป งั้นก็ได้
“งั้นอธิบายมาสิว่าทำนายต้องไปมีผู้หญิงคนอื่น...ไหนนายบอกจะมีแค่ฉันไง”
เอาตรงๆ เลยว่าฉันรู้สึกสะอิดสะเอียนกับคำพูดง้องแง้งของตัวเองเป็นอย่างมาก ตอนนี้ฉันกำลังทำตัวเหมือนแคร์เขาซะเต็มประดา ทั้งที่จริงแล้วในใจไม่อยากจะเห็นหน้าไคด้วยซ้ำ ผู้หญิงอย่างฉันไม่จำเป็นเลยสักนิดที่ต้องมาทำตัวเหมือนสนใจเขา! เหอะ
“มันแค่...” ไคพูดไม่ออก เขาคงกระดากปากที่จะพูดนิสัยเลวๆ ของตัวเองน่ะสิ
“แค่อะไร...ฉันบอกเลยนะไค! ฉันจะไม่คบซ้อน ถ้านายชอบผู้หญิงคนอื่น ฉันจะไป” บอกเสียงแข็งพลางมองไคอย่างจริงจังจนเขาแทบไม่กล้าสบตา ไคหันซ้ายหันขวาเหมือนต้องการหาตัวช่วยแต่ก็ไม่มีอะไรช่วยเขาได้
“ผมบอกแล้วไงว่าผมชอบคุณ...แต่เรื่องนั้นมัน...”
“งั้นบอกฉันมาสิว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ?” ฉันเอ่ยตัดบท
“!!!”
“ถ้านายชอบฉันสิจริงก็บอกมาสิ”
“คริสตัล...”
“นายบอกไม่ได้เพราะผู้หญิงคนนั้นสำคัญกว่าใช่มั้ย ?”
“...”
“โอเค ฉันได้คำตอบแล้ว บายไค” ฉันสะบัดแขนให้หลุดจากการจับกุมของเขาแล้วเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า หยิบกระเป๋าลากใบใหญ่ออกมาก่อนจะ...ถูกไคกอดเข้าทางด้านหลัง
!!!
“อย่าไป...” เขาพูดพร้อมกับซบใบหน้าลงบนไหล่บาง
“...”
“ผมไม่อยากให้คุณไป...ผมชอบตัวคุณ กลิ่นคุณ ริมฝีปากคุณ...ทุกอย่างที่เป็นคุณ”
“...”
“ผู้หญิงคนนั้นคุณไม่ต้องรู้หรอกว่าเป็นใคร...เพราะเธอไม่มีความสำคัญอะไรกับผมเลยแม้แต่น้อย”
“...”
“นะ คริสตัล...อย่าไปเลยนะ”
ฉันลอบยิ้มอย่างคนมีชัยก่อนจะเอี้ยวตัวไปด้านหลังแต่...เงาสะท้อนที่ไหววูบอยู่ตรงประตูห้องนอนที่กำลังแง้มออกอยู่นิดหนึ่งทำให้ฉันขมวดคิ้วเล็กน้อยและลอบยิ้มออกมาอย่างร้ายกาจ
“ฉันจะคืนดี...ถ้านายยอมบอกว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร”
“...คริสตัล ผมสัญญาว่าจะไม่มีเรื่องอย่างนี้อีก แต่ขอได้มั้ยคุณไม่ต้องรู้หรอก”
“ทำไมฉันถึงรู้ไม่ได้ล่ะ” ...ท่าทางจะเป็นห่วงกันมาสินะ เหอะ
“เพราะไม่มีใครสำคัญไปมากกว่าคุณ”
ฉันอ้าปากจะเถียงแต่ไคกลับจับตัวฉันหมุนไปหาเขาแล้วประกบริมฝีปากหนาลงบนริมฝีปากฉันอย่างรวดเร็วจนฉันไม่ทันตั้งตัว ฉันไม่ได้ปฏิเสธสัมผัสนี้แต่ก็ไม่ได้ตอบโต้ มือของไคสวมกอดเข้าที่เอวบางช้าๆ รั้งให้ร่างกายของเราทั้งสองแนบชิดกันมากขึ้นโดยที่ริมฝีปากไม่ได้ละออกไปสักวินาทีเดียว ไคจูบฉันราวกับโกรธที่ฉันพูดอะไรไม่เข้าหูถึงได้ระบายออกทางริมฝีปากอันเร่าร้อนที่กำลังไล้ไปตามขอบริมฝีปากล่างคล้ายกับต้องการให้ฉันยอมโอนอ่อนผ่อนตาม
ไม่นานนักเสียงวิ่งลงบันไดกับเสียงปิดประตูบ้านอย่างดังก็เกิดขึ้น...
เห็นแล้วใช่มั้ยจูเนียล...ผู้ชายเลวๆ คนนี้ไม่เหมาะกับหนูหรอก
--------------------------------
Tao’s part
ตึกๆๆๆ
เสียงฝีเท้าหนักๆ ของผมก้องไปทั่วทางเดินที่วิ่งผ่าน ผู้คนที่เห็นผมต่างมองด้วยความสนใจแต่ผมไม่เสียเวลาไปมองพวกเขาหรอก ร่างบางในชุดเดรสสั้นสีเนื้ออ่อนนั่นต่างหากที่ผมสนใจ
หมับ
“จื่อเทา!”
ซอลลี่ที่เห็นว่าผมเป็นเจ้าของมือที่ข้อศอกถึงกลับตะโกนเรียกชื่อผมด้วยความตกใจจนคนที่ยืนอยู่รอบข้างหันมามอง
ผมลูบใบหน้าและเสยเส้นผมที่เปียกไปด้วยน้ำเย็นๆ ไปด้านหลัง มันเป็นฝีมือจากคนตรงหน้าเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา ยิ่งไปกว่านั้นน้ำแข็งก้อนใหญ่ยังกระทบเข้าเต็มๆ ที่เบ้าตาจนรู้สึกเจ็บไปหมด ผมว่าบางทีมันอาจจะมีรอยช้ำล่ะมั้งซอลลี่ถึงได้มองหน้าผมด้วยความตกใจอย่างที่เป็นอยู่ในตอนนี้
“หน้าคุณ...”
หมับ
เป็นอีกครั้งที่ผมทำตัวเผด็จการใส่ซอลลี่ อ้อมกอดแข็งแกร่งกอดรัดร่างบางไว้แน่นจนคนตัวเล็กดิ้นไปไหนไม่รอด
“ปล่อยนะจื่อเทา ทำบ้าอะไรน่ะ” ซอลลี่กระซิบอยู่ข้างหูเบาๆ ราวกับกลัวว่าคนรอบข้างจะได้ยิน
“ผมบอกว่าขอโทษ คุณไม่ได้ยินหรือไง”
เกิดเสียงฮือฮาขึ้นรอบข้างเมื่อเกาหลีมุงเริ่มยืนมองเราสองคนที่กอดกันกลม ไม่สิ ผมเป็นฝ่ายที่กอดเธอยู่ฝ่ายเดียวมากกว่า
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้” ซอลลี่พูดเสียงเย็นแต่ผมหาได้กลัวไม่ ผมจะไม่ยอมเสียโอกาสแก้ตัวครั้งนี้ไปอีกแน่ๆ
ในเมื่อตอนอยู่กันสองคนเธอเล่นตัวไม่ยอมยกโทษให้นัก ลองดูซิว่าอยู่ต่อหน้าคนทั้งห้างเธอจะทำอะไรได้บ้าง...
“คนมองใหญ่แล้ว ปล่อยฉันนะ!” ซอลลี่เริ่มส่งเสียงดังมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเห็นว่ามีคนมองมาที่เราเยอะขึ้น แต่ผมหาได้ทำตามเธอสักนิด เมื่อเธอยิ่งดิ้นผมก็ยิ่งกอดเธอแน่นขึ้น ไม่สนใจสักนิดเลยว่ามือเล็กๆ ที่กำลังจิกลงบนเนื้อตรงกลางแผ่นหลังจะสร้างความเจ็บปวดให้ตัวเองเพียงใด
“...ยกโทษให้ผมสิแล้วผมจะปล่อย”
เมื่อได้ยินสิ่งที่ผมพูด ซอลลี่เงียบลงทันที...
“ขอโทษแล้วไง...คุณยกโทษให้ผมสิ” ผมบอกด้วยน้ำเสียงกึ่งขอร้องกึ่งคำสั่ง “...จะให้ผมทำอะไรก็ยอม”
“หึ”
“..”
“อะไรก็ยอมงั้นเหรอ...ฉันบอกแล้วไงสิ่งที่ฉันต้องการคือให้นาย-กราบ-เท้า-ฉัน” ซอลลี่เน้นประโยคหลังอย่างชัดถ้อยชัดคำเข้าที่ใบหูผม
“!!!”
มันเป็นสิ่งที่เธอต้องการจริงๆ งั้นเหรอ...
ถ้าผมทำเธอจะยกโทษให้ใช่มั้ย ?
“หึ...ปฏิเสธสินะ”
“...”
“งั้นก็ปล่อยฉันได้แล้วและอย่ามาทำตัวต่ำทรามกลางห้างอีก มันน่าอาย!” ซอลลี่ผลักไหล่ผมออกอย่างแรง และครั้งนี้ผมก็ยอมปล่อยให้มันเป็นไปตามที่เธอต้องการ สายตาซอลลี่ที่มองมามีแต่ความโกรธเคืองจนแทบไม่เหลือเค้าความสดใสของดวงตายิ้มที่ผมเคยเห็นเมื่อนานมาแล้ว...
หรือจริงๆ แล้วผมเป็นคนลบรอยยิ้มออกจากเธอกัน
“ได้ ถ้ามันเป็นสิ่งที่เธอต้องการ”
ปึก
เสียงเข่ากระทบลงบนพื้นห้างและเสียงแตกตื่นของผู้คนดังพอที่จะทำให้ผู้หญิงคนนั้นหันหลังกลับมา
ถ้าผมยอมทิ้งศักดิ์ศรีที่ถือมาตลอดชีวิต...มันทำให้เธอยอมให้อภัย...ผมก็ยอม
ใบหน้าซอลลี่ที่กำลังมองมาทางผมนั่นเรียบนิ่งซะจนผมที่คุกเข่าอยู่เป็นฝ่ายใจหาย แต่ก็ฮึดสู้ละทิ้งความอายลงคอเมื่อคิดว่าเธอคงหายโกรธในอีกไม่นาน ขาเรียวสองข้างก้าวเข้ามาตรงตำแหน่งด้านหน้าผม
“นายกล้างั้นเหรอ...กลางห้างเนี่ยนะ” ซอลลี่เลิกคิ้วขึ้นสูงแล้วกอดอกมองผมด้วยสายตาดูถูกจนทำให้ผมถึงกับต้องกำหมัดแน่นเมื่อรู้สึกถึงความไม่พอใจในร่างกายตัวเอง
เชื่อมั้ย....ผมไม่เคยรู้สึกหมดหนทางเท่านี้มาก่อนในชีวิต ทั้งที่เคยถูกรอบยิงมาหลายต่อหลายครั้งแต่ไม่มีครั้งไหนเลยที่ผมวิตกกังวลเท่าสิ่งที่กำลังเผชิญอยู่
“...”
ผมไม่ตอบแต่เลือกที่จะมองเธอกลับไปด้วยสายตาจริงจังจากนั้นก็พนมสองมือยกขึ้นแนบอกช้า
ถ้านี่เป็นโอกาสเพียงครั้งเดียว...ผมก็ใช้มัน...
“ซอลลี่ ผม...”
“อุ้ย! ตายแล้ว” ซอลลี่ตะโกนเสียงดังอย่างตั้งใจพลางยกข้อมือขึ้นมาดูเวลาตามหน้าปัดนาฬิกาพร้อมกับขมวดคิ้วเล็กน้อย “...ขอโทษนะจื่อเทา พอดีฉันมีนัดรับชุดงานหมั้นน่ะ นี่ก็ถึงเวลาแล้วด้วย ฉันคงต้องไปก่อน”
“!!!”
“เฮ้อ...แย่เลยเนาะ คุกเข่าเสียเที่ยวเลย” ซอลลี่จิบปากจีบคอพูดใส่ผมพร้อมกับตวัดสายตามองผมอย่างดูถูก
“!!!”
เธอ...ต้องการจะแกล้งผมไปถึงเมื่อไหร่!
“บายค่ะ” ซอลลี่แสยะยิ้มร้ายกาจก่อนที่เธอจะหมุนตัวฝ่าวงล้อมของผู้คนออกไปโดยที่ไม่ได้หันกลับมามองผมเลยแม้แต่น้อย มีแต่ผมเนี่ยแหละที่มองเธอยังคับแค้นใจตามหลังจนร่างบางลับสายตาไป
ผมสูดหายใจเอาอากาศเข้าปอดดับความเดือดดาลในใจ...แต่เหมือนมันจะไม่ช่วยอะไร
โกรธ แต่...ทำอะไรไม่ได้
มาเป็นเปอร์เซ็นต์กันการหายไปของตัวเอง
กลัวว่าถ้าไม่ลงจะค้างไว้นานเลยมาลงก่อน ทีเหลือจะตามมาเร็วๆ นี้ค่า~
ช่วงนี้เทาซอลอยู่ในช่วงหมางเมินเลยอาจจะน้อยหน่อย~ แต่เดี๋ยวมีทริปพิเศษให้น้า
ส่วนไคตัลก็....เหอะๆ อย่างที่บอกว่าผู้ชายเลวมากจริงๆ อันนี้ยังไม่เท่าไหร่ #บอกทำไม -_-
------------------------------
มาแล้วว~ นิดเดียวเอง ก็มัน20% หนิเนาะ~
ขอบคุณทุกกำลังใจที่มีให้หนูตัลและหนูซอล 55555
ขอบคุณทุกคำด่าที่มีอีพี่ไค~
จะพยายามอัพบ่อยๆ แต่ขึ้นอยู่กับนักอ่านด้วย~ กำลังใจเยอะก็จะรู้สึกหัวแล่น พิมพ์ไว
ปล. เห็นมีคนชอบไคตัล คิคิคิ *จับมือ*
ขอบคุณนักอ่านและทุกคอมเม้นต์ค่ะ
ความคิดเห็น