ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ Exo fx ] It's over tonight

    ลำดับตอนที่ #16 : [[ It's over ]]: C T 14 //Up 100%

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.24K
      13
      9 มิ.ย. 56
















     

            สามวันต่อมา

     

    เพล้ง!

     

    “กรี๊ดดดดดด~

    “ยัยซูจี! จะบ้าเหรอ! ปาแก้วใส่กำแพงแบบนั้นน่ะ” ซอฮยอน

    “ก็คนมันโมโหหนิ ฉันว่าแล้วว่าผู้ชายคนนั้นมันต้องเลวสุดขั้ว” ซูจีที่เพิ่งปากแก้วใส่กำแพงไปหยกๆ พูดขึ้นอย่างโมโห

    “แต่แกไม่จำเป็นต้องปาแก้วใส่กำแพงบ้านตัวเองแบบนั้นก็ได้นะ ยัยบ้า ตกใจหมด” ซอลลี่ว่าพลางขยับตัวออกห่างจากซูจี

    “คริสตัล แกยอมให้เป็นแบบนี้ไม่ได้นะ!

     

    ฉันเบนหน้ามองเพื่อนทุกคนที่นั่งอยู่บนโซฟาห้องนั่งเล่นของบ้านซูจี นาอึน ซูจีและซอลลี่นั่งอยู่บนโซฟาตัวยาว ส่วนฉันและซอฮยอนนั่งอยู่บนโซฟาตัวเล็กทั้งสองข้าง โชคดีที่ช่วงนี้พ่อแม่ของซูจีไปธุระที่ต่างจังหวัดเลยทำให้ไม่มีใครแตกตื่นกับเสียงแก้วกระทบฝาผนังเมื่อสักครู่

     

    ยัยนี้อารมณ์ร้ายจริงๆ -_-

     

    และที่เพื่อนฉันเป็นอย่างนี้ก็เพราะฟังฉันเล่าเรื่องทั้งหมด รวมทั้งความจริงที่ว่าฉันกับเขาไม่ได้มีอะไรกัน

     

    “นังเด็กนั่นเห็นหน้าใสๆ ไม่คิดเลยว่าจะร้ายขนาดนี้” นาอึนพูดถึงจูเนียลน่ะ เธอเป็นคนเดียวที่เคยเห็นหน้าจูเนียล

    “แต่บางทีจูเนียลอาจจะไม่ได้เป็นคนเริ่มไง ฉันว่าฝ่ายชายนี่แหละตัวดี” ซอลลี่

    “ฉันก็คิดเหมือนซอล น้องจูเนียลเขานิสัยดีมากนะ”

    “โอ้ยยัยตัล~ แกอย่ามาตีสีหน้าแม่พระเอ็นดูเด็กให้ฉันเห็นได้มั้ย เห็นแล้วหมั่นไส้” ซูจี

    “ฮ่าๆ เอาหน่า~ อย่างน้อยเราก็รู้แล้วว่ายัยตัลยังคงเวอร์จิ้นได้อยู่ ไม่เหมือนใครบางคน~” ซอฮยอนที่เงียบไปนานเอ่ยล้อซูจีจนคนโดนล้อถึงกลับหน้าแดง “...แต่ตบมือข้างเดียวมันไม่ดังหรอกนะตัล”

    “...”

    “ฉันว่าน้องเขาก็ต้องมีใจให้ไคบ้างแหละ”

    “ฉันเห็นด้วยกับซอนะ วันนั้นที่ฉันเห็นน้องเขาหน้าแดงตอนถูกไคจับมือ มันเกินคำว่าพี่น้องไปแล้ว” นาอึน

    “แกห้ามยอมเด็ดขาดนะตัล สาวสวยนัมเบอร์วันอย่างแกจะไปแพ้เด็กข้างทางไม่ได้ ถ้าไคชอบเด็กคนนั้นแกต้องเป็นฝ่ายชิงบอกเลิก” ซูจี

    “...”

    “ว่าไงแกจะบอกเลิกเขามั้ย ?” ซอฮยอนถาม

     

    ฉันเงียบไปพักใหญ่ มองไปยังเพื่อนๆ ที่กำลังนั่งรอคำตอบจากปากฉันอย่างใจจดใจจ่อจากนั้นก็เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบอย่างคนมีแผน

     

    “ไม่ล่ะ ฉันยังอยากคบกับเขาต่อ ^_^

     

     

     

     

     

     

     

     

     

              “โห~ วันนี้คิดไงอบเค้กเนี่ย ?

     

              ฉันเงยหน้าขึ้นไปยักคิ้วให้ไคที่เดินเข้าห้องครัวด้วยชุดอยู่บ้าน วันนี้เป็นวันเสาร์ที่เราต้องไปซ้อมละครเวทีแต่เนื่องจากอาทิตย์ที่จะถึงนี่มีสอบพี่ๆ เลยให้หยุด ฉันกับไคเลยตกลงว่าจะอยู่บ้านอ่านหนังสือแทนที่จะออกไปเที่ยว

     

              “หอมใช่มั้ยล่ะ”

              “หอมมากครับ หอมจนอยากกินทั้งเค้กทั้งคนทำ” คนพูดไม่พูดเปล่าเขาเดินเข้ามาใกล้แล้วโน้มตัวลงขโมยแก้มฉันไปฟอดใหญ่

              “ไคอ่า...ฉันทำมาตั้งเยอะ เราน่าจะชวนคนอื่นมาทานด้วยนะ เช่นเพื่อนของนายไง”

              “เอามาเป็นก้างขวางคอทำไม ไม่เอาอ่ะ”

              “งั้นฉันโทรให้น้องจูเนียลมาหาที่นี่ได้มั้ย น้องอยู่คอนโดคนเดียวคงเหงาแย่ ให้มาอ่านหนังสือที่นี่น่าจะดีกว่าน้า~

              “...” ไคจ้องหน้าฉันแล้วเงียบไปสักพัก “จะดีเหรอ...”

     

              จุ๊บ

     

              ฉันเขย่งเท้าแล้วจุ๊บริมฝีปากเขาเบาๆ เป็นเชิงห้ามไคปฏิเสธ

     

              “ดีสิ”

              “สามสี่วันมานี้คุณเปลี่ยนไปเยอะเลยนะคริสตัล...”

              “นายไม่ชอบเหรอ ?” ฉันถามเสียงใสแล้วช้อนสายตามองเขา

              “ชอบสิแต่...รู้สึกไม่ชิน”

              “งั้นวันหลังฉันไม่ทำแล้วก็ได้” ฉันเบ้ปากล่างอย่างงอนๆ “...ฉันแค่อยากทำตัวเป็นแฟนที่ดี นายจะได้เลิกเจ้าชู้ไง”

              “...”

              “หวังว่านายจะไม่มีผู้หญิงคนอื่นระหว่างคบกับฉันนะ...ไค” ฉันสบตาเข้ากับดวงตาคมที่เหมือนจะถูกแช่แข็งไปเมื่อได้ยินประโยคนั้น ฉันปั้นหน้ายิ้มหวานให้เขาแล้วใช้นิ้วตัวเองแตะลงเบาๆ ที่ปลายคาง “...เพราะไม่อย่างนั้น คนที่จะเสียใจที่สุดคงเป็นนาย”

              “...”

              “ฉันแค่พูดเล่นแค่นี้ ถึงกับหน้าเสียเลยรึไง ฮ่าๆ” ตบหน้าไคเรียกสติเบาๆ พร้อมกับหัวเราะที่เห็นเขาไปไม่เป็น

              “...ผมจะมีคนอื่นได้ยังไง ในเมื่อผู้หญิงที่สวยที่สุดอยู่ตรงนี้” เขาจับมือฉันที่กำลังแกล้งดึงแก้มเขาออกแล้วกุมมันไว้ “ทุกวันนี้ผมก็หลงคุณจนไม่มีเวลาไปมองผู้หญิงคนอื่นแล้ว”

              “ฮ่าๆ ขอบคุณที่ชม”

     

              ฉันขอตัวไปโทรหาจูเนียลซึ่งน้องก็ยินดีที่จะมา ฉันเตรียมเค้กช็อกโกแลตที่ทำตัดแบ่งเป็นสามชิ้นจัดวางไว้บนโต๊ะเล็กในห้องนั่งเล่นพร้อมกับน้ำชาร้อนๆ สามที่ ไคก็กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนโซฟาเนี่ยแหละ

              เอาจริงๆ นะ ตั้งแต่ย้ายมาอยู่บ้านเขาฉันรู้สึกเหมือนตัวเองทำกำลังทำหน้าที่ของภรรยาเลย ทั้งอาหารเช้า บางวันก็อาหารเย็น ส่วนอาหารกลางวันเราไปทานข้างนอกกันอยู่แล้ว ดีนะที่ฉันไม่ต้องทำความสะอาดบ้านหลังนี้ด้วย เมื่องั้นล่ะก็ฉันคงรู้สึกแค้นเป็นสิบเท่า เหอะ!

     

            ปิ๊งป่องๆ

     

            “ไคออกไปเปิดประตูบ้านให้น้องหน่อยสิ”

              “อื้อ” ไควางหนังสือไว้ข้างตัวแล้วลุกออกไปเพื่อเป็นประตูหน้าบ้านให้น้องจูเนียล ไม่ถึงห้านาทีจูเนียลก็เขามาหยุดยืนอยู่ในบ้านข้างๆ แฟนฉัน

              “สวัดดีค่ะ พี่คริสตัล ^^

              “สวัสดี~ พี่นึกว่าเราจะปฏิเสธซะอีก”

              “พี่คริสตัลโทรมาตอนหนูกำลังอ่านหนังสือไม่เข้าใจพอดีเลยค่ะ เลยอยากจะมาถามพี่คริสตัลด้วยตัวเอง”

              “ได้สิ มานี่ๆ พี่ทำเค้กช็อกโกแลตเผื่อเราด้วยน้า มาชิมซิว่าอร่อยหรือเปล่า”

              “ค่ะ แล้วพี่ไคไม่ทานเหรอคะ”

              “พี่ไคเขาบอกว่ารอทานพร้อมน้องจูเนียลน่ะ จะได้ไม่เสียมารยาท” ฉันบอกด้วยใบหน้ายิ้มแย้มพลางเข้าไปจูงมือจูเนียลมานั่งตรงกลางระหว่างฉันกับไค

              “เอ่อ...หนูนั่งริมก็ได้นะคะ”

              “หืม ทำไมล่ะ ? นั่งตรงไหนก็เหมือนกันนั่นแหละ” ฉันบอกหน้าตายแล้วยื่นซ้อมคันเล็กให้น้องไปถือไว้ พลางมองหน้าจูเนียลอย่างคาดหวังในคำตอบของรสชาติเค้ก

              “...”

              “ไม่ต้องมองหน้าน้องขนาดนั่นก็ได้มั้ง ยังไงก็อร่อยอยู่แล้ว” ไคที่เงียบไปนานเอ่ยขึ้นอย่างล้อเลียนที่ฉันนั่งมองท่ากินของจูเนียล

              “ชิ ก็นายมันชอบพูดเอาใจ ฉันไม่เชื่อหรอก”

              “ก็มันอร่อยจริงๆ นี่น่า~” ไคส่งยิ้มกรุ้มกริ่มให้ฉัน “อร่อยเหมือนคนทำนั่นแหละ”

              “แค่กๆ พี่ไคคะ ขอน้ำหน่อย” จูเนียลบอกพลางปิดปากไอไปด้วย ไครีบส่งน้ำให้จูเนียลทันที “...ขอโทษนะคะพี่คริสตัล มันอร่อยซะจนหนูสำลักเลยค่ะ”

              “...”

              “นี่ ปากเลอะแล้ว” ไคว่าพลางเช็ดปากมุมให้น้องจูเนียลเรื่อยลงมาถึงเสื้อยึดสีขาวที่เลอะเศษเค้กเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

              “ขอบคุณค่ะ”

     

              จูเนียลจับมือไคแล้วดึงผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดให้ตัวเองแทน ฉันสังเกตว่าน้องเขาแทบจะไม่มองหน้าไคเลยด้วยซ้ำตั้งแต่เข้ามาในบ้านหลังนี้

     

              เฮ้อเมื่อไรจะถึงเวลานะ

     

              หลังจากทานของว่างกันเป็นที่เรียบร้อยต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันไปอ่านหนังสือ ไม่สิต้องบอกว่ามีแค่ไคที่แยกตัวขึ้นไปอ่านหนังสือบนห้องนอน ฉันช่วยอธิบายเนื้อหาที่จูเนียลไม่เข้าใจ ยิ่งบางวิชาเป็นภาษาอังกฤษจูเนียลที่ค่อนข้างอ่อนทางด้านภาษาเลยนั่งฟังฉันสอนเป็นภาษาเกาหลีแทน

     

              “พี่คริสตัลอยู่ที่นี่มานานหรือยังคะ ?

             

              ฉันละสายตาจากตัวหนังสือขึ้นมองหน้าคนถาม ก่อนจะเพิ่งนึกได้ว่าตัวเองไม่เคยบอกใครว่ามาอาศัยที่บ้านไค และถ้าหากฉันไม่ได้เป็นคนพูดก็คงต้องเป็นไคที่บอกเรื่องนี้

     

              ก็ว่าอยู่ว่าตอนโทรไปชวนไม่เห็นสงสัยว่าฉันมาอยู่บ้านไคได้ยังไง

     

              “ตั้งแต่คบกับเขาน่ะ”

              “พี่ไคกับพี่คริสตัลนี่เหมาะกันดีนะคะ เหมือนเจ้าชายกับเจ้าหญิงเลย เหมาะสมกันมากๆ มากจนไม่มีใครกล้าเข้าไปแทรกกลาง”

     

              สายตาที่จูเนียลมองมาไม่ได้บ่งบอกถึงความรู้สึกใดๆ เลยสักนิด แต่ถึงยังไงริมฝีปากบางก็ยังคงมีรอยยิ้มอย่างสม่ำเสมอ ฉันยิ้มให้น้องเขาแล้วกล่าวขอบคุณในคำชม

     

              เจ้าชายกับเจ้าหญิงงั้นเหรอ...น่าขำสิ้นดี!

     

              “ไม่หรอกจ่ะ พี่ไม่ใช่เจ้าหญิงหรอก...ส่วนไคเองก็ไม่ใช่เจ้าชาย”

              “หืม...ถ้าพี่คริสตัลและพี่ไคไม่ใช่เจ้าหญิงกับเจ้าชายจะเป็นอะไรได้อีกล่ะคะ”

              “สายลม...ไคคงจะเป็นสายลม” ฉันพูดเสียงเบาแล้วก้มหน้ามองตัวอักษรอีกครั้ง “...และพี่คงเป็นต้นหญ้าอ่อนๆ ที่วันๆ ปล่อยให้สายลมพัดผ่านไปผ่านมา”

              “...”

              “...”

              “พี่คริสตัลรักพี่ไคมั้ยคะ ?

              “...”

     

              คำถามจากปากจูเนียลทำเอาหัวสมองหยุดประมวลผลตัวอักษรที่กำลังอ่านอยู่ ฉันปิดหนังสือลงแล้วเงยหน้ามองตรงไปยังจอทีวีสีดำเบื้องหน้า

     

              !!!

     

              ฉันปั้นยิ้มบางเบาให้ตัวเองก่อนจะเอ่ยตอบเสียงเบา แต่ก็ดังพอที่จำให้คนที่ยืนอยู่ตรงบันไดได้ยินด้วย

     

              “รักสิ...ไม่รักพี่จะคบเขาทำไมล่ะ”

     

              ฉันมองเงาสะท้อนในจอทีวีขนาดห้าสิบนิ้วด้วยใบหน้าเรียบเฉย ไค...ยืนนิ่งเหมือนกับคนช็อคอยู่ตรงบันไดด้านหลังฉัน ซึ่งเขาคงไม่คิดว่าฉันรู้ว่าเขาแอบฟังอยู่ด้วย

             

              “จูเนียลล่ะรักไคมั้ย ?

              “!!!

              “...พี่หมายถึงแบบพี่น้องน่ะ ทำหน้าตกใจซะเว่อร์เชียว”

              “อ้อ...แหะๆ หนูแค่ตกใจกับคำถามน่ะค่ะ”

              “ฮ่าๆ พี่มั่นใจว่าจูเนียลไม่มีทางรักไคในเชิงชู้สาวแน่ๆ จูเนียลคงไม่หักหลังพี่หรอกใช่มั้ย ?

              “อะ เอ่อ...ค่ะ”

              “^_^ ขอบใจจ่ะ”

     

    ฉันเอื้อมมือไปลูบหัวจูเนียลเบาๆ ด้วยความเอ็นดู เธอไม่กล้าสบตาฉันสักนิดแต่นั่นก็ไม่เป็นไรเพราะฉันสามารถเห็นดวงตาตื่นตกใจที่ฉายชัดเจนผ่านดวงตาโตนั่นได้

     

              “ไม่มีทางแน่นอนค่ะที่จูเนียลจะชอบพี่ไค ในสายตาจูเนียลพี่คริสตัลเหมาะกับพี่ไคที่สุดแล้ว~ ถ้าพี่ไคมีกิ๊กเมื่อไหร่นะจูเนียลจะไปจัดการให้เลย”

              “ฮ่าๆ ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอกเพราะพี่...จะเป็นคนจัดการเอง” ประโยคหลังฉันบอกเสียงเย็น

              “...”

              “^_^

              “...”

              “อุ้ย จูเนียลนั่นรอยอะไรน่ะ แดงๆ อ้าวไค มาพอดีเลยไปเอายาแก้ปวดพวกแมลงกัดต่อยให้หน่อยสิ คอจูเนียลเป็นอะไรก็ไม่รู้เป็นรอยแดงๆ เต็มไปหมดเลย” ฉันแสร้งทำเป็นตกใจที่เห็นไคเดินลงมาก่อนจะเรียบสั่งให้เขาไปเอายามาให้

     

              ฉันรับยามาจากมือไคแล้วบีบใส่มือ

     

              “ไม่เป็นไรค่ะพี่คริสตัล หนูทาเองก็ได้” จูเนียลทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ที่เห็นฉันตั้งท่าจะทายาที่คอให้เธอ

              “ไม่เป็นไรจ่ะ เรามองไม่เห็นหรอก ดูซิเป็นรอยแดงที่ท้ายทอยด้วย”

              “ไม่เป็นไรจริงๆ ค่ะพี่คริสตัล”

              “งั้นเดี๋ยวผมทาให้เอง” คนที่เงียบไปนานอย่างไคพูดขึ้นแล้วดึงหลอดยาไปถือไว้ก่อนจะเข้ามานั่งแทนที่ฉันจากนั้นเขาก็จัดการทายาที่คอให้จูเนียลช้าๆ

     

              บรรยากาศในห้องเงียบอย่างเห็นได้ชัด เสียงหายใจเข้าออกจากไคและจูเนียลแทบจะไม่มี ฉันเลื่อนตัวเองไปนั่งยองๆ ระดับเดียวกับที่จูเนียลกับไคแล้วมองรอยพวกนั่นด้วยสายตาเพ่งพินิจ

     

              “แมลงต้องตัวใหญ่มากแน่ๆ ถึงได้ทำเป็นรอยได้ขนาดนี้”

              “!!!

     

              ฉันยิ้มในใจเมื่อสัมผัสได้ถึงความตึงเครียดระหว่างไคกับจูเนียล

     

              “นี่ถ้าพี่ไม่รู้นิสัยน้องจูเนียล พี่คงคิดว่ามีหนุ่มมาทำคิสมาร์กให้เรานะเนี่ย ฮ่าๆ” ฉันเอ่ยเสียงล้อเลียนจูเนียลแบบขำๆ แต่กลับกลายเป็นว่าทั้งจูเนียลและไคไม่มีใครขำสักแอะ “ฝากด้วยนะไค ขอขึ้นไปข้างบนแป๊บ”

     

            ฟอดดดด~

     

              ฉันหอมแก้มไคไปฟอดใหญ่โดยที่เขาไม่ทันตั้งตัวก่อนจะผละออกมาแล้วเดินขึ้นชั้นสองเข้าห้องนอนตัวเองไป ฉันยิ้มให้ตัวเองอย่างสะใจที่เห็นใบหน้าตื่นตกใจเหมือนกลัวคนจับได้ว่าทำความผิดจากจูเนียลและไค

     

              อย่าตกใจไปเลยจูเนียล...ถ้าเธอไม่คิดร้ายกับพี่ พี่ไม่ทำอะไรเธอหรอก แต่ถ้าเธอคิด...รับรองได้ว่าเธอจะได้กลายมาเป็นเหยื่อหมายเลขสองรองจากไคแน่ๆ

     

              ฉันหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาดู ก็ยังไม่เห็นว่ามีข้อความอะไรที่เป็นสัญญาณบอกว่างานเรียบร้อยจากเพื่อนรักเลยสักนิดจะรอเวลาไปถึงไหนเนี่ย ?

     

     

     

     

     

     

     

     

             

            30 นาทีผ่านไป      

     

              ฉันเงยหน้าจากตำราเรียนด้วยหัวใจที่ไม่สงบจนอ่านหนังสือไม่รู้เรื่อง แต่แล้วเสียงกดออดรัวๆ เป็นสิบครั้งเรียกให้ฉันขมวดคิ้วด้วยความสงสัยว่าใครกันที่โคตรไม่มีมารยาท

     

              ปิ๊งป่องๆๆๆๆๆๆๆ

     

            ฉันเปิดประตูออกจากห้อง เดินลงมาหาจูเนียลกับไคที่ชั้นล่าง เมื่อกี้นี้ฉันปล่อยให้ทั้งสองใช้เวลาร่วมกันอยู่ข้างล่างโดยที่ไม่ได้เข้าไปขัดเพราะไม่จำเป็น สิ่งที่ฉันรู้มันก็ชัดเจนจนไม่ต้องการอะไรมาพิสูจน์อีกแล้ว

    เมื่อเห็นคนที่คนที่เข้ามาใหม่ฉันก็ต้องยิ่งแปลกใจที่เห็นเพื่อนสนิทของเขามาหาพร้อมกันถึงสามคน...

     

    “เป็นบ้าอะไรวะ มาไม่บอกไม่กล่าว แล้วกดออดซะจนกลัวมันไม่พังหรือไง”

    “คริสตัล...” เซฮุนเรียกชื่อฉันเสียงเบาหวิว นั่นทำให้เพื่อนเขาอีกสองคนหันมามองด้วย

    “สวัสดีเซฮุน ลู่ฮาน แอล” ฉันยิ้มทักทายทั้งสามคนแล้วไปหยุดยืนข้างๆ จูเนียล “นี่น้องจูเนียลเป็นรุ่นน้องในคณะ”

    “อ้อ ผมรู้จักอยู่แล้วล่ะครับ เราเคยเจอกันแล้วครั้งหนึ่ง ตอนไอ้ไคพา โอ้ย!” เซฮุนร้องเสียงหลงเมื่อเจอฝ่าเท้าของลู่ฮานเหยียบเข้าที่หลังเท้าไปเต็มแรง

    “มีอะไรวะ มากันแตกตื่นเชียว กูบอกแล้วไงว่าวันนี้ไม่ต้อนรับแขก” ไค

    “เอาไงดีวะแอล...อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาเลย” เซฮุนพูดเบาๆ แต่ฉันก็ยังได้ยินอยู่ดี

    “มีอะไรก็ว่ามาสิวะ! อ้ำอึ้งอยู่ได้” ไคเร่งเพื่อนด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ฉันเองก็มองทั้งสามคนด้วยความสงสัย ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เจอเพื่อนแฟนบ่อยๆ แต่ก็ดูออกว่าทั้งสามคนกำลังทำตัวมีพิรุธ

    “เอ่อ...คือ...” แอลเองก็ไม่ยอมพูด

    “ขอโทษนะคะ เผื่อพี่ๆ จะไม่สะดวกใจ หนูกลับก่อนก็ได้” จูเนียลที่เงียบไปนานเอ่ยขอตัวแต่ไคกลับสั่งห้ามเสียงดัง

    “ไม่ต้อง! ถ้าจะกลับเดี๋ยวพี่ไปส่ง”

    o[]o” เพื่อนไคทั้งสามคนเหวอไปอย่างเห็นได้ชัดต่างกับฉันที่ยังคงตีสีหน้านิ่ง แม้ว่าในใจจะเดือดที่เขาทำเหมือนเป็นห่วงผู้หญิงคนอื่นต่อหน้าต่อตาเพื่อนเขา

    “เอ่อ...พี่หมายถึง พี่เป็นคนชวนมาก็ต้องไปส่งสิจริงมั้ย”

    “ก็ได้ค่ะ”

     

    ให้ตายสิ...ฉันรู้สึกอยากหายตัวไปจากตรงนี้เหลือเกิน...

     

    “คือ..มึงแน่ใจเหรอวะจะให้กูพูดตรงนี้” แอลถาม

    “เออดิ ท่ามากจังนะพวกมึง”

    “คือ...”

    “กูนับหนึ่งถึงสาม ถ้าไม่พูดเชิญกลับ กูจะได้ไปส่งน้องจูเนียล”

    “มึงพูดดิไอ้ฮุน” ลู่ฮาน

    “มึงอ่ะแหละพูด” เซฮุน

    “หนึ่ง...”

    “โอ้ย ทำไมต้องมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันด้วยวะเนี่ย” เซฮุน

    “สอง...สะ...”

    “มีรูปมึงกับผู้หญิงว่อนเน็ตอยู่ตอนนี้” แอล

    !!!

    “รูปมึงจูบกับผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่...เอ่อ...คริสตัล...”

    “ไอ้แอลมึงพูดอะไรวะ รูปหลุดอะไร!! อย่ามาพูดหมาๆ น่า”

     

    แอลไม่ตอบไคที่โวยวายเสียงดังแต่กลับยื่นไอแพดในมือไปให้ไคดู หลังจากนั้นฉันก็สัมผัสได้ว่าอากาศบริเวณนี้เยือกเย็นลงสิบเท่า แม้แต่ผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ยืนอยู่ข้างฉันยังยืนมือสั่นราวกับถูกจับได้ว่าทำความผิด

     

    กริ๊งงงงงงงงง กริ๊งงงงงงงงง

     

    ฉันกดรับสายทันทีเห็นว่าซูจีโทรเข้ามา...

     

    “ฮัลโหลซูจี~

    [ขอโทษนะจ๊ะที่โทรมารายงานช้าแต่ Mission Complete~]

    “...”

    [ฉันทำตามที่แกบอกแล้วนะ ยังดูไม่ออกหรอกว่าเป็นนังนั่นแต่ก็นะ...อาจจะมีคนดูออก ก็ช่วยไม่ได้จริงๆ] น้ำเสียงซูจีช่างร้ายกาจซะจนฉันเกือบหลุดขำแต่ก็ต้องเก๊กปั้นหน้าขรึมเข้าไว้

    “...”

    [ไม่ตอบแบบนี้แสดงว่ามีคนอื่นอยู่กลับแกล่ะสินะ งั้นฉันไม่รบกวนแล้ว มีอะไรให้ทำอีกก็บอก เรื่องซ้ำเติมคนเลวนี่ฉันถนัดนัก]

    “อื้อ...ขอบคุณนะ” ฉันวางสายพร้อมกับลอบยิ้มมุมปากโดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็นก่อนจะแสร้งทำหน้าเหมือนคนเพิ่งรู้ความจริงสุดช็อก

     

    ไคหันมามองฉันเช่นเดียวกับเพื่อนเขา ส่วนจูเนียลได้แต่ยืนตัวสั่นอยู่ข้างๆ ฉัน

     

    “คริสตัล...”

     

    ฉันกลืนน้ำลายคงคอแล้วมองใบหน้าไคด้วยสายตาสั่นไหว

     

    “เพื่อนฉัน...บอกรูปอะไรก็ไม่รู้” ฉันบอกไคเสียงสั่น แล้วเดินเข้าไปหยุดยืนตรงหน้าไค ก่อนจะถือโอกาสคว้าไอแพดในมือเขามาถือไว้ ไคทำท่าเหมือนจะแย่งกลับไปแต่ก็ยอมเปลี่ยนเป็นยืนเฉยๆ แทน

     

    รูปไคกับผู้หญิงในชุดกางเกงยีนส์สีซีดกับเสื้อแขนกุดสีหวานเป็นตัวเดียวกับที่ฉันเห็นจูเนียลใส่เมื่อหลายวันก่อน เป็นภาพที่ถ่ายจากมุมไกลแต่ก็เห็นหน้าผู้ชายได้ชัดเจนว่าเป็นไค ส่วนผู้หญิงมองไม่ชัดนักเพราะฝ่ามือใหญ่ๆ ของฝ่ายชายประคองใบหน้าผู้หญิงให้รับจูบจากริมฝีปากเขาไว้อยู่

     

    “ไค...แฟนหนุ่มของสาวสวยจากมหาลัย YYY กำลังนอกใจ ???” ฉันอ่านหัวข้อรูปออกเสียงดังฟังชัดให้ทุกคนที่อยู่ในที่นี้ได้ยินมากกว่าอ่านให้ตัวเองฟัง แล้วอยู่ดีๆ จูเนียลก็มาแย่งไอแพดในมือฉันไปถือไว้

    “ไม่จริง...ไม่จริง” จูเนียลพึมพำเสียงหลง

    “นี่มันอะไรกัน...” ฉันเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่า มองหน้าไคอย่างขอคำตอบแต่สิ่งที่ฉันได้รับคือความเงียบ “ผู้หญิงในรูปคือใคร ?

    “...”

     

    ทุกคนเงียบคล้ายกับไม่คิดว่าฉันจะดูไม่ออกว่าผู้หญิงในรูปคือจูเนียล...

     

    “นายมีคนอื่น...ใช่มั้ย ?

     

    สายตาที่มองมาอย่างสับสนทำให้ฉันสะใจลึกๆ แต่ก็ต้องแกล้งทำเป็นไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เพิ่งเห็น

     

    “จูเนียลกลับไปก่อนไป”

    “ไม่นะ พี่ไค หนู...”

    “พี่บอกให้กลับไปไง!!!” ไคหันไปตวาดใส่ร่างเล็กเสียงดังจนน้องสะดุ้งตกใจ

    “นายไปตวาดใส่จูเนียลทำไม น้องไม่ได้ทำอะไรผิด!

     

    ฉันเดินเข้าไปหาจูเนียลแล้วเข้าไปโอบไหล่ที่สั่นเทาก่อนจะตวัดสายตามองไคอย่างโกรธเคือง

     

    “พี่คริสตัล...”

    “น้องไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย ถ้าคนที่จะต้องไปคือ...ฉันเอง”

    !!!

    “พี่คริสตัลอย่าทำอย่างนี้เลยนะคะ หนูจะกลับเอง...หนู....”

    “แอลรบกวนช่วยไปส่งจูเนียลด้วย”

    “ไม่ต้อง” ฉันเอ่ยห้ามเสียงแข็ง พลางมองหน้าไคด้วยความเสียใจ “...ไหนนายบอกจะไม่มีใครไง แล้วทำไมทำแบบนี้”

     

    น้ำเสียงตัดพ้อจากฉันทำเอาผู้ชายทั้งสี่คนมองฉันด้วยแววตาสงสาร แต่ฉันก็คิดไว้แล้วล่ะว่ามันต้องเป็นแบบนั้น ไม่มีผู้ชายแท้คนไหนหรอกทนน้ำเสียงน้อยใจกับใบหน้าผิดหวังจากฉันได้

     

    “...”

    “จูเนียลดูไว้นะ...พี่บอกแล้วว่าผู้ชายคนนี้เป็นดั่งสายลม ต่อให้เราเป็นเจ้าหญิงที่สวยแค่ไหน เราก็ไม่ทางจับสายลมให้หยุดนิ่งได้หรอก”

    “คริสตัล...”

    “ฉันไม่รู้หรอกนะไค...ว่าผู้หญิงคนนั้นจะสวยแค่ไหนแต่มันคงมากกว่าฉัน...” ว่าแล้วน้ำตาจากมารยาหญิงก็ค่อยๆ ไหลลงมาช้าๆ

    “...”

    “ฉันคงไม่เคยมีค่าอะไรในสายตานายเลยใช่มั้ย...” นิ้วเรียวยาวถูกยกขึ้นมาปาดน้ำตาด้วยท่าทางที่ฉันแสร้งให้มันดูน่าอ่อนแอมาก

    “คริสตัล...อย่าร้องไห้”

    “ฮึก ฮือ~

    “ผะ ผมจะเลิก อย่าร้องไห้ ผมไม่ชอบ” ไคมองฉันอย่างเป็นห่วงแล้วเดินเข้ามาใกล้แต่ฉันถอยหลังหนีด้วยตัวที่สั่นเทา

    “ไม่ต้องสนใจฉันหรอกไค...สนใจผู้หญิงคนใหม่ของนายดีกว่า”

     

    ฉันบอกอย่างตัดพ้อแล้วมองหน้าเขาด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจก่อนจะตัดสินใจเดินหันหลังขึ้นไปชั้นสองเพราะทนกลั้นหัวเราะไว้ไม่ไหวแล้ว

    เมื่อหันหลังมา...ตัวฉันก็สั่นอย่างรุนแรง ไม่ใช่เพราะร้องไห้แต่เป็นเพราะผลข้างเคียงของคนกำลังกลั้นขำต่างหาก

     

    น้ำใสๆ ที่ไหลเปรอะเปื้อนใบหน้าถูกเช็ดออกไปอย่างลวกๆ ด้วยนิ้วมือก่อนที่จะย้ายมาปิดริมฝีปากที่กำลังยิ้มกว้างของตัวเอง

     

    ทำไมฉันจะไม่รู้ล่ะว่ารูปนั่นเป็นใคร...ทำไมฉันจะไม่รู้ว่ามันมาจากไหนเพราะต้นตอทั้งหมดมาจากโทรศัพท์ของฉันเอง...

     

    มันเป็นความบังเอิญที่เมื่อวานมือฉันเผลอไปกดโดนปุ่มอัดวิดีโอทำให้ทุกอย่างในห้องชมรมการแสดงถูกบันทึกไว้หมด ต้องบอกว่ามันเป็นความโชคดีในความโชคร้าย...และที่ไม่เห็นใบหน้าน้องจูเนียลก็เพราะยังไม่แน่ใจว่าน้องคิดร้ายกับฉันหรือเปล่า...

     

              แต่ที่แน่ๆ นี่เป็นบทเรียนแรกที่ต้องการประจานคนเลวๆ แบบนาย...

     

     

     

     

    --------------------------------

     

     

     

     

    Sulli’s part

     

     

    “พี่ชานยอลคะ” ฉันลุกขึ้นเรียกพี่ชานยอลที่เดินเข้ามาในร้านอาหาร เรานัดกันมาทานข้าวกลางวันน่ะ

    “สวัสดีครับน้องซอลลี่”

    “เรียกซอลเฉยๆ ก็ได้ค่ะ” ฉันยิ้มแล้วนั่งลงเมื่อพี่ชานยอลมาถึงโต๊ะ

    “ครับน้องซอล...ว่าแต่น้องซอลมานานหรือยัง พี่ว่าตัวเองมาก่อนเวลานัดอีกนะ”

    “อ้อ พอดีซอลว่างน่ะค่ะ ก็เลยรีบออกมา มาถึงก่อนหน้าพี่ชานยอลแค่ไม่กี่นาทีเอง”

     

    วันนี้ฉันมาตามนัดพี่ชานยอลที่ไม่รู้ไปหาเบอร์ฉันมาจากไหน พี่เขาบอกว่ามีเรื่องจะคุยกับฉัน ฉันเลยตกลงที่จะมาเพราะไหนๆ ก็ว่างอยู่แล้ว พี่ชานยอลสั่งอาหารไปหลายอย่างรวมทั้งสั่งเผื่อฉันด้วย

     

    “พี่ชานยอลมีอะไรเหรอคะ ?

    “คือ...พี่มีเรื่องเกี่ยวกับเทาจะพูดด้วยน่ะ”

    “...”

    “เทาบอกว่าน้องซอลยังโกรธเทาอยู่ มันเครียดเลยมาเล่าให้พี่ฟัง คนเป็นพี่ก็เลยรู้สึกไม่ดีตามไปด้วย ไม่รู้จะทำยังไงดีเลยนัดน้องซอลออกมาคุยเนี่ยแหละครับ”

    “ถ้าพี่ชานยอลจะพูดเรื่องผู้ชายคนนั้นล่ะก็ ซอลขอตัวนะคะ” ฉันพูดเสียงแข็งขึ้นมาทันทีและหยิบกระเป๋าเตรียมจะลุก

    “อย่าเพิ่งสิครับ อย่างน้อยคุยกันสักนิดก็ยังดี”

    “แต่...”

    “สักนิดก็ยังดีนะครับ อาหารก็สั่งไปแล้วด้วย น้องซอลคงไม่ใจร้ายให้พี่รับผิดชอบคนเดียวใช่มั้ยครับ” พี่ชานยอลพูดเสียงตัดพ้อซึ่งนั่นทำให้ฉันยอมวางกระเป๋าลงข้างตัวอีกครั้ง “ขอบคุณครับ”

     

    ฉันส่งยิ้มแห้งๆ ให้คนหล่อตรงหน้าจากนั้นไม่นานพนักงานก็นำอาหารมาเสิร์ฟ ฉันรอจนพนักงานจัดโต๊ะเสร็จจึงถามพี่เขาอีกครั้ง

     

    “ตกลงว่าพี่ชานยอลมีอะไรคะ ?” ฉันถามโดยที่ยังไม่แตะต้องอาหารตรงหน้าสักนิด

    “เอ่อ...คือ...” พี่ชานยอลก้มๆ เงยๆ กับตักตัวเองฉันเลยเดาว่าพี่เขาคงกำลังยุ่งอยู่กับโทรศัพท์ตัวเองแน่ๆ

    “มีอะไรหรือเปล่าคะ ?

     

    หรือว่าพี่เขาติดธุระกะทันหัน  ?

     

    “อ้อ...แหะๆ พี่มีธุระด่วนที่ต้องไปทำนิดหน่อยน่ะครับ แต่ไม่ต้องห่วงนะครับอาหารมื้อนี้น้องซอลจะมีเพื่อนมาทานด้วยแน่นอนครับ”

    “คะ ?

    “อ่ะ นั่นไง มาพอดีเลย พี่ขอตัวและขอโทษด้วยนะครับ แต่เพื่ออนาคตของคู่ชีวิตพี่จะถือว่านี่เป็นการทำบุญ”

    “...” ฉันขมวดคิ้วกับคำพูดประหลาดๆ ของพี่ชานยอลและยังไม่ทันถามพี่ชานยอลก็วิ่งจู๋ดออกจากร้าน ในขณะเดียวกันผู้ชายในชุดเสื้อคลุมหนังสีดำกับกางเกงสีเดียวกันก็เดินเข้ามาในร้าน

     

    !!!

     

    ฉันหยิบกระเป๋าขึ้นทันทีที่เห็นว่าเขาตรงมาทางนี้จากนั้นก็รีบเดินออกไปทางเดียวกับพี่ชานยอลแต่เทาที่เดินสวนเข้ามาดันจับแขนฉันไว้ก่อน

     

    “ทานข้าวกันก่อนสิ”

    “...”

    “คุณคงไม่อยากทะเลาะกันตรงนี้หรอกนะ อายเขาแย่”

     

    ฉันหันมองไปรอบๆ ก็เห็นว่าร้านอาหารเต็มเกือบทุกโต๊ะ แต่ล่ะโต๊ะก็ดูผู้ดีๆ ทั้งนั้น เมื่อเทาเห็นฉันยอมอ่อนข้อเขาก็เปลี่ยนมาเป็นจับมือฉันแล้วจูงไปนั่งที่เก้าอี้ตัวเดิม

     

    “...” ฉันไม่พูดขอบคุณยามที่เขาเลื่อนเก้าอี้ออกให้ เทาเดินอ้อมโต๊ะไปนั่งอีกฝั่งตรงข้ามกัน

    “ทานสิ เดี๋ยวอาหารจะไม่อร่อย” เทาที่เข้ามานั่งแทนที่พี่ชานยอลบอกขณะที่เขาหยิบช้อนส้อมขึ้นมาถือไว้

    “...”

     

    ฉันน่าจะฉุกคิดสักหน่อยว่านี่อาจเป็นแผนของพวกเขา ไม่น่าโง่คิดว่าเทาจะยอมฟังสิ่งที่ฉันพูดเลย เหอะๆ

     

     

    ย้อนกลับไปเมื่อหลายวันก่อน

     

    กราบเท้าฉันสิ...กราบฉันแล้วฉันจะคบกับคุณ

    ‘!!!’

    ไหนๆ ก็สัญญาด้วยเกียรติแล้ว ก็ทิ้งมันไว้แทบเท้าฉันเลยสิ...

    ‘!!!’

    เพราะสักวัน...ฉันจะเหยียบเกียรติลูกผู้ชายของคุณให้จมดิน

    ผมทำไมได้ เสียงทุ้มเอ่ยปฏิเสธอย่างแผ่วเบา

     

    ฉันรู้...คนที่ทำร้ายคนอื่นได้อย่างไม่ยั้งคิดคงไม่มีวันยอมทิ้งศักดิ์ศรีของตัวเองให้กับผู้หญิงที่เขาไม่ได้รักหรอก

     

    งั้นก็ชัดเจนแล้วว่า...เราไม่ต้องมาพูดคุยกันอีก

    ทำไมคุณไม่ปฏิเสธงานหมั้น ถ้าคุณไม่สามารถให้อภัยกับความผิดในอดีตของผม

    ‘…’

    แทนที่คุณจะถอนหมั้นทีหลัง...ทำไมเราไม่ยกเลิกงานหมั้นซะตั้งแต่ตอนนี้ไปเลยล่ะ

    ถ้าฉันยกเลิกงานหมั้น...นายจะฆ่าฉันตรงนี้เลยมั้ย ?’ ฉันเชิดหน้าถามเสียงแข็ง

    ‘…’

    ฉันต่างหากที่ต้องถามคุณ...ฉันไปทำอะไรให้คุณโกรธแค้นมากมายถึงต้องมาทำร้ายฉันอย่างนี้ด้วย

    ซอลลี่ ผม...ใบหน้าคมเข้มมองฉันด้วยความเสียใจ ฉันสัมผัสมันได้ถึงความจริงใจที่เขาส่งผ่านแววตาเฉี่ยวคมคู่นั่น แต่ถึงยังไง...แววตาโหดร้ายที่ฉันเคยได้รับมันก็ยังอยู่สะท้อนกลับมาหาฉันอย่างไม่มีวันลืมเลือน

    ฉันจะหมั้นกับคุณ...ให้คุณทุกข์ทรมารอยู่กับผู้หญิงที่คุณเกลียดจนกระอักเลือดได้ยิ่งดี

    ‘!!!’

    แล้วเจอกันวันหมั้น!’

     

     

    กลับมาที่ปัจจุบัน

     

     

    เพราะตอนนั้นเราจากกันไม่ดีทำให้ฉันต้องใส่ชุดราตรีกลับมาที่บ้านซูจีด้วย อีกวันเลยต้องเอาไปคืนร้านให้แก้ตรงหน้าอกเล็กน้อย

     

    “ฉันว่าฉันบอกคุณแล้วนะว่าเราจะเจอกันวันหมั้น” ฉันบอกเขาโดยที่ไม่แตะอาหารตรงหน้าสักนิด

    “ผมยังไม่ได้ตกลง...คุณเออออของคุณเอง” เทาตอบกลับอย่างไม่สะทกสะท้านพร้อมกับตักข้าวเข้าปากไปเรื่อย “...จะนั่งดูผมกินเหรอ”

    “...” ฉันไม่ตอบแต่กอดอกแล้วเบนหน้าหนีไปทางอื่นแทน

     

    นอกจากจะไม่สนใจเขาแล้วฉันยังกวนประสาทเทาด้วยการหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดนู้นกดนี้จนกระทั่ง...

     

    นี่มัน!! กรี๊ด~ ยัยคริสตัลมันแสบจริงๆ ฉันได้ดูคลิปเมื่อวานตอนที่ยัยตัลสารภาพทุกอย่างให้ฟัง แต่ไม่คิดว่ายัยนี้จะกล้าลงรูปประจานความเลวของแฟนตัวเองได้ขนาดนี้...แต่ก็สมน้ำหน้าล่ะนะ เหอะๆ

     

    “คุณยิ้มอะไรของคุณ”

    “...” ฉันหรี่ตามองเทาอย่างไม่สบอารมณ์ที่เขามานั่งจ้องหน้าฉันไปตักข้าวเข้าปากไป “ยุ่ง”

    “ดูเหมือนจะมีเรื่องสนุกนะ”

    “เพื่อนคุณนี่ก็เลวดีเหมือนกันนะ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคบกันได้ หึ” ฉันจิกเทาก่อนจะเลื่อนดูคอมเม้นต์ด่าไคจากชาวเน็ตอย่างสนุกสนานแต่แล้วโทรศัพท์ในมือก็ถูกแย่งไปโดยเทา

     

    !!!

     

    ฉันยิ้มกว้างอย่างสะใจที่เห็นเทามีสีหน้าตาตื่น เขามองรูปภาพในมือก่อนที่จะเลื่อนนู้นเลื่อนนี้อยู่สักพักถึงจะเงยหน้ามาสบตาฉันที่มองอยู่ก่อนแล้ว

     

    “แหม...ผู้ชายสมัยนี้นี่ไว้ใจไม่ได้จริงๆ หน้าหล่อๆ แต่เอาไม่เลือก” ประโยคหลังฉันพูดเสียงแข็งจงใจให้กระทบคนตรงหน้าด้วย เทาก็เหมือนจะรู้ตัวเขาถึงได้ตวัดสายตามองฉันด้วยความไม่พอใจแต่วินาทีต่อมาก็จางหายไป

    “ไคมันก็นิสัยยังนี้อยู่แล้ว...เพื่อนคุณคิดผิดเองที่ยอมเสียตัวให้มัน”

     

    !!!

     

    ฉันขมวดคิ้วมองเทาด้วยความไม่พอใจอย่างมากที่เขากัดเพื่อนฉันทั้งที่ความจริงแล้วมันไม่ใช่แบบนั้น

     

    “ตายแล้ว~ ฉันเพิ่งรู้ว่าผู้ชายที่ขึ้นเตียงกับผู้หญิงไปทั่วนี่เป็นคนดี โอ้ย เพื่อนฉันจะติดโรคอะไรหรือเปล่าเนี่ย” ฉันจีบปากจีบคอพูดพลางโน้มตัวไปหยิบโทรศัพท์ตัวเองกลับคืนมาก่อนจะลุกขึ้นยืนเตรียมตัวออกไปแต่ก็มิวายโน้มตัวเข้าไปกระซิบข้างหูเขา “...คุณเองก็ควรระวังเหมือนกันนะ”

    !!!

     

    ฉันแสยะยิ้มมุมปากใส่เทาแล้วคว้ากระเป๋าก่อนจะเดินออกมาด้วยความโมโห แต่รู้สึกเหมือนจะยังไม่สะใจพอจึงเดินกลับเข้าไปใหม่แล้วคว้าแก้วน้ำที่วางอยู่บนโต๊ะมาสาดใส่หน้าเขาเต็มๆ ใจน้ำแข็งก้อนใหญ่ๆ กระทบลงบนใบหน้าหล่ออย่างแรง

     

    O_O!!!

    “สำหรับปากสกปรกๆ ของคุณ”

     

     

     

     

    ----------------------------

    80%

     

     

            แอ๊ดดดด

     

              เสียงฝีเท้าดังตามจังหวะการก้าวของเจ้าของร่าง ไม่ต้องหันไปมองฉันก็รู้ว่าเป็น...ไค

     

              คริสตัล

     

              ฉันยืนกอดอกมองไปยังวิวเบื้องหน้าผ่านกระจกใสของหน้าต่างในห้องนอน ลอบยิ้มอย่างได้ใจที่เห็นเขาเลือกที่จะขึ้นมาหาฉันแทนที่จะไปดูอาการของมือที่สาม ฉันรู้สึกได้ว่าไคมาหยุดยืนอยู่ข้างหลังแต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่พูดอะไร เราสองคนปล่อยให้ห้องนี้ตกอยู่ในความเงียบจนได้ยินแต่เสียงหึ่งๆ ของเครื่องปรับอากาศ

     

              เราเลิกกันมั้ย...เป็นฉันเองที่ทำลายความเงียบเพราะต้องการลองเชิงไคดูก่อน

             

              แม้ว่าจะไม่ได้หันไปมองคนข้างหลังแต่ก็รับรู้ได้ว่าเขาตกใจกับคำพูดฉันไม่น้อย

     

              ฉันจะไปเก็บของพูดพร้อมกับหมุนตัวแต่ถูกไคจับข้อศอกไว้ก่อน ฉันมองหน้าเขาด้วยแววตาราบเรียบแต่ในนัยน์ตาทั้งสองข้างก็ยังคงน้ำใสๆ ที่เอ่อรอบขอบตา

              “...”

              ฉันไม่ว่าหรอกที่นายจะมีผู้หญิงคนอื่น...เพราะเราก็ไม่ได้มีความรู้สึกให้กันอยู่แล้ว

              “...” ไคทำหน้าเหมือนจะเถียงแต่ก็ไม่ได้พูด

              นายเองก็ไม่ได้ชอบฉัน เราจะคบกันไปทำไม

              “...ผมชอบคุณเขาบอกเสียงเรียบ

     

              เหอะๆ ชอบฉันแต่ก็ชอบผู้หญิงคนอื่นไปด้วยเนี่ยนะ...ใครเชื่อก็โง่บรมแล้วล่ะ

     

              อย่างที่ผมเคยบอก ผมชอบคุณแววตาราบเรียบของเขาขณะที่พูดคำนี้ออกมามันทำให้ฉันอยากจะหัวเราะใส่ผู้ชายตรงหน้าเสียจริง

     

              โอเค...เขายังอยากเล่นละครต่อไป งั้นก็ได้

     

              งั้นอธิบายมาสิว่าทำนายต้องไปมีผู้หญิงคนอื่น...ไหนนายบอกจะมีแค่ฉันไง

     

              เอาตรงๆ เลยว่าฉันรู้สึกสะอิดสะเอียนกับคำพูดง้องแง้งของตัวเองเป็นอย่างมาก ตอนนี้ฉันกำลังทำตัวเหมือนแคร์เขาซะเต็มประดา ทั้งที่จริงแล้วในใจไม่อยากจะเห็นหน้าไคด้วยซ้ำ ผู้หญิงอย่างฉันไม่จำเป็นเลยสักนิดที่ต้องมาทำตัวเหมือนสนใจเขา! เหอะ

     

              มันแค่...ไคพูดไม่ออก เขาคงกระดากปากที่จะพูดนิสัยเลวๆ ของตัวเองน่ะสิ

              แค่อะไร...ฉันบอกเลยนะไค! ฉันจะไม่คบซ้อน ถ้านายชอบผู้หญิงคนอื่น ฉันจะไปบอกเสียงแข็งพลางมองไคอย่างจริงจังจนเขาแทบไม่กล้าสบตา ไคหันซ้ายหันขวาเหมือนต้องการหาตัวช่วยแต่ก็ไม่มีอะไรช่วยเขาได้

              ผมบอกแล้วไงว่าผมชอบคุณ...แต่เรื่องนั้นมัน...

              งั้นบอกฉันมาสิว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ?” ฉันเอ่ยตัดบท

              “!!!”

              ถ้านายชอบฉันสิจริงก็บอกมาสิ

              คริสตัล...

              นายบอกไม่ได้เพราะผู้หญิงคนนั้นสำคัญกว่าใช่มั้ย ?”

              “...”

              โอเค ฉันได้คำตอบแล้ว บายไคฉันสะบัดแขนให้หลุดจากการจับกุมของเขาแล้วเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า หยิบกระเป๋าลากใบใหญ่ออกมาก่อนจะ...ถูกไคกอดเข้าทางด้านหลัง

     

              !!!

     

              อย่าไป...เขาพูดพร้อมกับซบใบหน้าลงบนไหล่บาง

              “...”

              ผมไม่อยากให้คุณไป...ผมชอบตัวคุณ กลิ่นคุณ ริมฝีปากคุณ...ทุกอย่างที่เป็นคุณ

              “...”

              ผู้หญิงคนนั้นคุณไม่ต้องรู้หรอกว่าเป็นใคร...เพราะเธอไม่มีความสำคัญอะไรกับผมเลยแม้แต่น้อย

              “...”

              นะ คริสตัล...อย่าไปเลยนะ

     

              ฉันลอบยิ้มอย่างคนมีชัยก่อนจะเอี้ยวตัวไปด้านหลังแต่...เงาสะท้อนที่ไหววูบอยู่ตรงประตูห้องนอนที่กำลังแง้มออกอยู่นิดหนึ่งทำให้ฉันขมวดคิ้วเล็กน้อยและลอบยิ้มออกมาอย่างร้ายกาจ

     

              ฉันจะคืนดี...ถ้านายยอมบอกว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร

              “...คริสตัล ผมสัญญาว่าจะไม่มีเรื่องอย่างนี้อีก แต่ขอได้มั้ยคุณไม่ต้องรู้หรอก

              ทำไมฉันถึงรู้ไม่ได้ล่ะ” ...ท่าทางจะเป็นห่วงกันมาสินะ เหอะ

              เพราะไม่มีใครสำคัญไปมากกว่าคุณ

             

              ฉันอ้าปากจะเถียงแต่ไคกลับจับตัวฉันหมุนไปหาเขาแล้วประกบริมฝีปากหนาลงบนริมฝีปากฉันอย่างรวดเร็วจนฉันไม่ทันตั้งตัว ฉันไม่ได้ปฏิเสธสัมผัสนี้แต่ก็ไม่ได้ตอบโต้ มือของไคสวมกอดเข้าที่เอวบางช้าๆ รั้งให้ร่างกายของเราทั้งสองแนบชิดกันมากขึ้นโดยที่ริมฝีปากไม่ได้ละออกไปสักวินาทีเดียว ไคจูบฉันราวกับโกรธที่ฉันพูดอะไรไม่เข้าหูถึงได้ระบายออกทางริมฝีปากอันเร่าร้อนที่กำลังไล้ไปตามขอบริมฝีปากล่างคล้ายกับต้องการให้ฉันยอมโอนอ่อนผ่อนตาม

              ไม่นานนักเสียงวิ่งลงบันไดกับเสียงปิดประตูบ้านอย่างดังก็เกิดขึ้น...

     

              เห็นแล้วใช่มั้ยจูเนียล...ผู้ชายเลวๆ คนนี้ไม่เหมาะกับหนูหรอก

     

             

             

     

    --------------------------------

     

     

     

     

              Tao’s part

     

              ตึกๆๆๆ

     

              เสียงฝีเท้าหนักๆ ของผมก้องไปทั่วทางเดินที่วิ่งผ่าน ผู้คนที่เห็นผมต่างมองด้วยความสนใจแต่ผมไม่เสียเวลาไปมองพวกเขาหรอก ร่างบางในชุดเดรสสั้นสีเนื้ออ่อนนั่นต่างหากที่ผมสนใจ

     

            หมับ 

     

            “จื่อเทา!

     

              ซอลลี่ที่เห็นว่าผมเป็นเจ้าของมือที่ข้อศอกถึงกลับตะโกนเรียกชื่อผมด้วยความตกใจจนคนที่ยืนอยู่รอบข้างหันมามอง

              ผมลูบใบหน้าและเสยเส้นผมที่เปียกไปด้วยน้ำเย็นๆ ไปด้านหลัง มันเป็นฝีมือจากคนตรงหน้าเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา ยิ่งไปกว่านั้นน้ำแข็งก้อนใหญ่ยังกระทบเข้าเต็มๆ ที่เบ้าตาจนรู้สึกเจ็บไปหมด ผมว่าบางทีมันอาจจะมีรอยช้ำล่ะมั้งซอลลี่ถึงได้มองหน้าผมด้วยความตกใจอย่างที่เป็นอยู่ในตอนนี้

     

              “หน้าคุณ...”

             

    หมับ

     

    เป็นอีกครั้งที่ผมทำตัวเผด็จการใส่ซอลลี่ อ้อมกอดแข็งแกร่งกอดรัดร่างบางไว้แน่นจนคนตัวเล็กดิ้นไปไหนไม่รอด

     

    “ปล่อยนะจื่อเทา ทำบ้าอะไรน่ะ” ซอลลี่กระซิบอยู่ข้างหูเบาๆ ราวกับกลัวว่าคนรอบข้างจะได้ยิน

    “ผมบอกว่าขอโทษ คุณไม่ได้ยินหรือไง”

     

    เกิดเสียงฮือฮาขึ้นรอบข้างเมื่อเกาหลีมุงเริ่มยืนมองเราสองคนที่กอดกันกลม ไม่สิ ผมเป็นฝ่ายที่กอดเธอยู่ฝ่ายเดียวมากกว่า

     

    “ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้” ซอลลี่พูดเสียงเย็นแต่ผมหาได้กลัวไม่ ผมจะไม่ยอมเสียโอกาสแก้ตัวครั้งนี้ไปอีกแน่ๆ  

     

    ในเมื่อตอนอยู่กันสองคนเธอเล่นตัวไม่ยอมยกโทษให้นัก ลองดูซิว่าอยู่ต่อหน้าคนทั้งห้างเธอจะทำอะไรได้บ้าง...

     

    “คนมองใหญ่แล้ว ปล่อยฉันนะ!” ซอลลี่เริ่มส่งเสียงดังมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเห็นว่ามีคนมองมาที่เราเยอะขึ้น แต่ผมหาได้ทำตามเธอสักนิด เมื่อเธอยิ่งดิ้นผมก็ยิ่งกอดเธอแน่นขึ้น ไม่สนใจสักนิดเลยว่ามือเล็กๆ ที่กำลังจิกลงบนเนื้อตรงกลางแผ่นหลังจะสร้างความเจ็บปวดให้ตัวเองเพียงใด

    “...ยกโทษให้ผมสิแล้วผมจะปล่อย”

     

    เมื่อได้ยินสิ่งที่ผมพูด ซอลลี่เงียบลงทันที...

     

    “ขอโทษแล้วไง...คุณยกโทษให้ผมสิ” ผมบอกด้วยน้ำเสียงกึ่งขอร้องกึ่งคำสั่ง “...จะให้ผมทำอะไรก็ยอม”

    “หึ”

    “..”

    “อะไรก็ยอมงั้นเหรอ...ฉันบอกแล้วไงสิ่งที่ฉันต้องการคือให้นาย-กราบ-เท้า-ฉัน” ซอลลี่เน้นประโยคหลังอย่างชัดถ้อยชัดคำเข้าที่ใบหูผม

                       !!!

     

                       มันเป็นสิ่งที่เธอต้องการจริงๆ งั้นเหรอ...

     

                       ถ้าผมทำเธอจะยกโทษให้ใช่มั้ย ?

     

                       “หึ...ปฏิเสธสินะ”

                        “...”

    “งั้นก็ปล่อยฉันได้แล้วและอย่ามาทำตัวต่ำทรามกลางห้างอีก มันน่าอาย!” ซอลลี่ผลักไหล่ผมออกอย่างแรง และครั้งนี้ผมก็ยอมปล่อยให้มันเป็นไปตามที่เธอต้องการ สายตาซอลลี่ที่มองมามีแต่ความโกรธเคืองจนแทบไม่เหลือเค้าความสดใสของดวงตายิ้มที่ผมเคยเห็นเมื่อนานมาแล้ว...

     

              หรือจริงๆ แล้วผมเป็นคนลบรอยยิ้มออกจากเธอกัน

     

              “ได้ ถ้ามันเป็นสิ่งที่เธอต้องการ”

             

              ปึก

     

            เสียงเข่ากระทบลงบนพื้นห้างและเสียงแตกตื่นของผู้คนดังพอที่จะทำให้ผู้หญิงคนนั้นหันหลังกลับมา

     

              ถ้าผมยอมทิ้งศักดิ์ศรีที่ถือมาตลอดชีวิต...มันทำให้เธอยอมให้อภัย...ผมก็ยอม

     

              ใบหน้าซอลลี่ที่กำลังมองมาทางผมนั่นเรียบนิ่งซะจนผมที่คุกเข่าอยู่เป็นฝ่ายใจหาย แต่ก็ฮึดสู้ละทิ้งความอายลงคอเมื่อคิดว่าเธอคงหายโกรธในอีกไม่นาน ขาเรียวสองข้างก้าวเข้ามาตรงตำแหน่งด้านหน้าผม

     

              “นายกล้างั้นเหรอ...กลางห้างเนี่ยนะ” ซอลลี่เลิกคิ้วขึ้นสูงแล้วกอดอกมองผมด้วยสายตาดูถูกจนทำให้ผมถึงกับต้องกำหมัดแน่นเมื่อรู้สึกถึงความไม่พอใจในร่างกายตัวเอง

     

              เชื่อมั้ย....ผมไม่เคยรู้สึกหมดหนทางเท่านี้มาก่อนในชีวิต ทั้งที่เคยถูกรอบยิงมาหลายต่อหลายครั้งแต่ไม่มีครั้งไหนเลยที่ผมวิตกกังวลเท่าสิ่งที่กำลังเผชิญอยู่

     

              “...”

             

              ผมไม่ตอบแต่เลือกที่จะมองเธอกลับไปด้วยสายตาจริงจังจากนั้นก็พนมสองมือยกขึ้นแนบอกช้า

     

              ถ้านี่เป็นโอกาสเพียงครั้งเดียว...ผมก็ใช้มัน...

     

              “ซอลลี่ ผม...”

              “อุ้ย! ตายแล้ว” ซอลลี่ตะโกนเสียงดังอย่างตั้งใจพลางยกข้อมือขึ้นมาดูเวลาตามหน้าปัดนาฬิกาพร้อมกับขมวดคิ้วเล็กน้อย “...ขอโทษนะจื่อเทา พอดีฉันมีนัดรับชุดงานหมั้นน่ะ นี่ก็ถึงเวลาแล้วด้วย ฉันคงต้องไปก่อน”

              “!!!

              “เฮ้อ...แย่เลยเนาะ คุกเข่าเสียเที่ยวเลย” ซอลลี่จิบปากจีบคอพูดใส่ผมพร้อมกับตวัดสายตามองผมอย่างดูถูก

              “!!!

     

             

              เธอ...ต้องการจะแกล้งผมไปถึงเมื่อไหร่!

     

              “บายค่ะ” ซอลลี่แสยะยิ้มร้ายกาจก่อนที่เธอจะหมุนตัวฝ่าวงล้อมของผู้คนออกไปโดยที่ไม่ได้หันกลับมามองผมเลยแม้แต่น้อย มีแต่ผมเนี่ยแหละที่มองเธอยังคับแค้นใจตามหลังจนร่างบางลับสายตาไป

     

              ผมสูดหายใจเอาอากาศเข้าปอดดับความเดือดดาลในใจ...แต่เหมือนมันจะไม่ช่วยอะไร

     

              โกรธ แต่...ทำอะไรไม่ได้

               

    มาเป็นเปอร์เซ็นต์กันการหายไปของตัวเอง

    กลัวว่าถ้าไม่ลงจะค้างไว้นานเลยมาลงก่อน ทีเหลือจะตามมาเร็วๆ นี้ค่า~

    ช่วงนี้เทาซอลอยู่ในช่วงหมางเมินเลยอาจจะน้อยหน่อย~ แต่เดี๋ยวมีทริปพิเศษให้น้า

    ส่วนไคตัลก็....เหอะๆ อย่างที่บอกว่าผู้ชายเลวมากจริงๆ อันนี้ยังไม่เท่าไหร่ #บอกทำไม -_-
     

    ------------------------------

    มาแล้วว~ นิดเดียวเอง ก็มัน20% หนิเนาะ~

    ขอบคุณทุกกำลังใจที่มีให้หนูตัลและหนูซอล 55555

    ขอบคุณทุกคำด่าที่มีอีพี่ไค~

    จะพยายามอัพบ่อยๆ แต่ขึ้นอยู่กับนักอ่านด้วย~ กำลังใจเยอะก็จะรู้สึกหัวแล่น พิมพ์ไว

     

    ปล. เห็นมีคนชอบไคตัล คิคิคิ *จับมือ*

     

    ขอบคุณนักอ่านและทุกคอมเม้นต์ค่ะ

     

     

    THE★ FARRY
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×