ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ Exo fx ] It's over tonight

    ลำดับตอนที่ #31 : [[ It's over ]]: C T 28 // Up 100%

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.97K
      5
      27 ส.ค. 56



     








     

    นี่สินะที่เขาเรียกกันว่า Sex

     

    ความสุขแบบที่ไม่สามารถพบเจอได้ตามท้องถนน ความสุขที่มีเพียงคนสองคนเท่านั้นที่รู้ ความสุขที่กอบโกยได้เพียงชั่วข้ามคืน...

     

    มันเป็นอย่างนี้เองสินะ

     

    “ตื่นแล้วเหรอครับคนขี้โกหก” เสียงงัวเงียจากทางด้านหลังมาพร้อมกับแรงกระชับอ้อมกอดให้เข้าไปแนบชิดอกแกร่ง แผ่นหลังเปลือยเปล่าของฉันสัมผัสเนื้อแท้ของเขาไปทุกสัดส่วน และอยู่ดีๆ ก็รู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ขึ้นมาอีกครั้ง

    “อือ” ฉันตอบรับเสียงเบาแล้วพยายามแกะมือที่อยู่ตรงเอวออก เพราะเขากอดฉันแน่นเกินไป แน่นจนส่วนที่มันอยู่กลางลำตัวเขาแนบชิดกับเอวของฉัน

    “คนขี้โกหก”

    “โกหกอะไร”

    “ก็เรื่องที่คุณจัดฉากว่าได้กับไอ้แทมแล้วน่ะสิ”

    !!!

     

    ใช่...ฉันลืมเรื่องนี้ไปเลย เมื่อคืนนี้เขาต้องรู้แล้วแน่ๆ เลยว่าฉันสร้างสถานการณ์

     

    “แทมินบอกผมหมดแล้วว่าคุณกลับมันร่วมมือกันหลอกผม...ร้ายนักนะ” ไม่เพียงแต่ว่า ไคยังก่อกวนฉันด้วยการฝังหน้าลงที่ท้ายทอย แถมยังพ่นลมหายใจร้อนๆ ไปตามแผ่นหลังเปลือยเปล่าราวกับต้องการจะแกล้ง

     

    พรึ่บ

     

    ไคพลิกตัวฉันให้หันไปทางเขาโดยที่ฉันไม่ทันตั้งตัวทำให้ต้องรีบรวบผ้าห่มไว้ก่อนที่มันจะหลุดมือแล้วเผยให้เห็นอะไรต่อมิอะไรที่มันไม่ควร แม้ว่าเมื่อคืนนี้จะเห็นหมดแล้วก็เถอะนะ

     

    “มีอะไรจะแก้ตัวมั้ย ?

    “...”

    “เป็นอะไรไปทำไมไม่ตอบ” ไคถามพลางเกลี่ยเส้นผมไปทัดหูให้ฉันช้าๆ “โกรธเหรอ”

    “เปล่า”

    “เจ็บใช่มั้ย”

    “...”

     

    ไม่ตอบเพราะมันเป็นเรื่องจริง ตอนนี้ฉันรู้สึกระบมไปทั้งตัว แค่ขยับเล็กน้อยก็เจ็บไปหมดโดยเฉพาะตรงนั้น จะไม่ให้เจ็บได้ยังไง นี่เป็นครั้งแรกของฉัน แถมตาบ้าที่กอดฉันอยู่ก็ไม่ยอมให้ฉันได้พักเลยสักนิด เมื่อวานนี้ฉันไม่รู้ว่าตัวเองถึงจุดนั้นไปกี่ครั้งแล้วด้วยซ้ำ...สาม...สี่ เอ๊ะ หรือมากกว่านั้น ไม่เอาๆ ไม่คิดๆ

     

    “ขอโทษ...ผมไม่น่าเลย” ไคทำสีหน้ารู้สึกผิดพลางใช้นิ้วโป้งเกลี่ยแก้มฉันไปมา

    “...”

    “ผมน่าจะคุมตัวเองได้”

    “...”

    “แต่ผมไม่เสียใจที่ทำแบบนั้น”

     

    เขาสบตาฉันด้วยแววตาหนักแน่นเหมือนดั่งเช่นเมื่อคืนยามที่เขาเอ่ยคำว่ารัก

     

    “รู้มั้ยว่าทำไม...”

    “...”

    “เพราะ...ผมรักคุณ และอยากให้คุณเป็นของผมแค่คนเดียว”

    “...”

    “นี่จะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ”

     

    ไคกระชับอ้อมกอดแล้วโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้จนจมูกของเราสองคนชนกันเบาๆ สายตาที่กำลังฉายแววรอคำตอบอย่างมีความหวังทำเอาฉันไม่รู้จะพูดอะไร

     

    สำหรับฉันเมื่อคืนนี้มัน...กึ่งมีสติกึ่งไม่สติ แน่นอนว่าในตอนแรกฉันไม่รู้ตัว แต่ตอนหลังฉันก็รู้หมดว่าเขากำลังทำอะไรกับร่างกายฉัน ฉันจะไม่รู้สึกอะไรเลยถ้าไม่ใช่เพราะว่าฉัน ยอมเอง ถ้าฉันเมาไม่รู้เรื่องยังดีซะกว่ารับรู้ทุกอย่างและดันไม่เอ่ยปากห้ามเขาสักนิด ฉันยอม...ให้เขาได้เวอร์จิ้นฉันไปง่ายๆ ได้ยังไง น่าอายชะมัด!

     

    อ่ะ เขาไม่รู้หนิว่าฉันมีสติอยู่ครบร้อย ใช่ๆ แกล้งทำเป็นเมาไม่รู้เรื่องแล้วกล่าวหาว่าเขาข่มขืนน่าจะดีซะกว่า อย่างน้อยจะได้ไม่อายเหมือนอย่างในเวลานี้ -////-

     

    “นาย...ข่มขืนฉัน” ฉันจ้องหน้าเขากลับไปอย่างคาดโทษ ไคสะอึกไปเมื่อเจอฉันว่าอย่างนั้น “นะ นาย...”

     

    ฉันทำเสียงสั่นคล้ายคนจะร้องไห้อย่างเสแสร้ง ไคที่เห็นอย่างนั่นมองฉันตาค้างคงเพราะไม่คิดว่าฉันจะกล้าพูดอย่างนี้ตรงๆ หึๆ มารยาหญิงจะถูกนำมาใช้ก็คราวนี้แหละ

     

    “ฮึก ทะ ทำไม ทะ ทำ กับฉัน บะ ฮึก แบบนี้” ว่าแล้วก็ต้องบีบน้ำตาแล้วทำเป็นสะอึกสะอื้นเล็กน้อยเพื่อความสมจริง แหมะ อยากจะบอกว่าเคล็ดลับบีบน้ำตาที่มีคนสอนตอนช่วงซ้อมละครเวที ฉันเพิ่งเห็นว่ามันมีประโยชน์จริงๆ ก็คราวนี้แหละ

    “คริสตัล...” ไคช็อคไปเลยที่เห็นน้ำตาฉัน เขายื่นนิ้วโป้งมาปาดมันออกไปช้าๆ

    “นายเห็นฉันเป็นตัวอะไร ฮึกๆ ฉันไม่มีค่าเลยใช่มั้ย”

     

    รู้สึกกระดากปากมากเลย แต่ก็ยังดีซะกว่าที่ฉันต้องยอมรับว่าตัวเอง สมยอม เขา แม้ว่านั่นจะเป็นความจริงก็เถอะ

     

    “ไม่ใช่นะๆ”

    “ฉันมันง่ายเหมือนผู้หญิงคนก่อนๆ ของนายใช่มั้ย ฮึกๆ ทำไมนายต้องขะ...ขะ...ขืน ฮึก ใจฉันด้วย”

     

    คิดอีกทีนี่ไม่ใช่ตัวฉันเลย ทำไมฉันต้องมาทำตัวอ่อนแอแบบผู้หญิงไร้ทางสู้แบบนี้ด้วย แต่เอาเถอะ อย่างน้อยการโยนความผิดไปให้เขาทั้งหมดก็ทำให้ฉันอายน้อยลง

     

    “ฉันเสียจายย ฮือ~” ฉันเบะปากร้องไห้ท่ามกลางความตกใจของไค เขาดูทำอะไรไม่ถูก และใบหน้าเหลอหลานั่นก็ทำให้ฉันเกือบหลุดหัวเราะ

     

    ก่อนที่ความจะแตกฉันก็ยกมือขึ้นปิดใบหน้าตัวเองแล้วแอบหัวเราะคิกคักที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผน หึๆ แม้ว่าฉันจะเสียบริสุทธิ์ให้นายไปแล้วแต่ฉันจะไม่ยอมเสียหน้าเด็ดขาด

     

    “ฮือ~

    “โอ๋ๆๆ อย่าร้องนะ ผมจะรับผิดชอบทุกอย่าง” ไครั้งฉันเข้าไปกอดแนบอก

    “ฮึกๆ”

     

    ดะ เดี๋ยวนะ รับผิดชอบทุกอย่างเหรอ...

     

    “ผมจะแต่งงานกับคุณก็ได้ ถ้าคุณต้องการ”

    “ห๊ะ ?” ฉันร้องอย่างตกใจที่ไคพูดแบบนี้ ตะ แต่งงานเหรอ ? ฉันไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลย แค่ร่วมรักกันครั้งเดียวถึงกลับต้องแต่งงานเลยรึไง บ้าหรือเปล่า!

    “แต่งงานไง ผมจะรับผิดชอบคุณทุกอย่างเลย”

     

    น้ำตาเหือดแห้งเลยค่ะทุกคน รับผิดชอบโดยการแต่งงาน ไม่ยักรู้ว่านายคนนี้หัวโบราณเหมือนกันนะเนี่ย!

     

    ตาบ้านี่คิดว่าฉันจะแคร์ถึงขนาดต้องทิ้งชีวิตที่เหลือไว้กับผู้ชายอย่างเขาหรือยังไง นี่คงจะจำไม่ได้สินะว่าฉันเคยเอาเงินฟาดหัวเขาเพื่อให้มันเรื่องมันจบหลังจากเขาหลอกฉันว่าเราสองคนมีอะไรกัน เขาคิดว่าฉันแคร์เวอร์จิ้นถึงขนาดไหนกันเชียว บอกตรงนี้เลยว่าเรื่องแบบนี้สำหรับฉันไม่ใช่เรื่องปกติ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องประหลาด ฉันเสียเวอร์จิ้นก็คือเสีย อีกอย่าง เขาก็ไม่ได้ข่มขืนหรือฝืนใจฉันเลย แต่ที่ต้องโกหกและบีบน้ำตาเพราะว่าอับอายเกินกว่าที่จะรับความจริงข้อนี้

     

    “ฉะ ฉันไม่ได้หมายถึง ฮึก เรื่องนั้น” ยังคงต้องบีบน้ำตาต่อไปเพื่อให้ดูน่าสงสาร ฉันผละออกมาจากอกเขาแล้วสบสายตาคม “ฮึก นายแค่ไม่ต้องยุ่งกับฉันก็พอ ฮือ”

    !!!” ม่านตาที่เบิกกว้างทำให้ฉันรู้ว่าเขาตกใจกับสิ่งที่ฉันพูดเป็นอย่างมาก

    “นายได้ฉันไปแล้ว ฮึกๆ เราก็ไม่ต้องมายุ่งกันอีก ทำให้เหมือนผู้หญิงคนก่อนๆ ของนายไง”

    “คริสตัล...”

    “ฮึกๆ”

    “ไม่มีทาง!” ไคปฏิเสธเสียงดัง เขาเชยใบหน้าฉันด้วยปลายนิ้วให้เราสบตากันและกัน ฉันมองเขาผ่านม่านน้ำตา (เทียม) ก็เห็นว่าใบหน้าคมกำลังฉายแววตาเจ็บปวดอย่างชัดเจน “อย่าพูดอย่างนี้ คุณไม่เหมือนผู้หญิงพวกนั้น คริสตัล คุณไม่เหมือนเพราะผมรักคุณ แต่กลับคนอื่นผมไม่ได้รัก และผมทำลงไปไม่ใช่เพราะความนึกอยากสนุกชั่วข้ามคืน แต่ผมทำเพราะ...เพราะ...”

    “...”

     

    เพราะอะไร ?

     

    “เพราะ...อยากใช้ชีวิตร่วมกับคุณตลอดไป”

    !!!

     

    ตึกตักๆ ตักตึกๆ ตึกตักๆๆๆๆๆๆ

     

    “เมื่อคืนนี้ ผมพยายามอดกลั้นแล้ว แต่...ไม่ไหวจริงๆ”

    !!!

    “คุณอาจจะหาว่าผมโกหกหรือคุณอาจจะคิดว่าผมโยนความผิดให้คุณถ้าผมจะบอกว่าคุณยั่วผมก่อน”

    !!!!

    “คุณเมา...และคุณก็จูบผมแบบนี้” เขาก้มต่ำลงมาเรื่อยๆ จนถึงซอกคอ ฉันสะดุ้งทันทีที่ริมฝีปากหนากัดเม้มเนื้อบริเวณลำคออย่างแรง มือข้างหนึ่งที่อยู่ด้านบนดันใบหน้าเขาออกโดยอัตโนมัติ

    “ทำอะไรน่ะ!

    “ทำให้คุณดูว่าเมื่อคืนคุณทำอะไรกับผมบ้างไง”

    “บะ บ้า ออกไปไกลๆ เลยนะ เมื่อวานยังไม่พออีกหรือไง”

     

    ร้อน ฉันรู้สึกร้อนที่หน้า ร้อนมาก เขากล้ามาทำแบบนี้หน้าตาเฉยได้ยังไง ฉันรู้หน่าว่าตัวเองเมาแล้วคงมีการยั่วเขาบ้างอยู่แล้วล่ะ แต่ไม่ต้องสาธิตก็ได้

     

    “อ่าว ผมกลัวคุณไม่เชื่อ ส่วนเมื่อวานก็พอแล้วครับ...แต่ถ้าได้อีกก็ดี”

     

    ช่า~

     

    ฉันรู้สึกหน้าร้อนขึ้นมาทันทีที่เขาพูดแบบนี้ ให้ตายสิ นี่ก็ไม่ใช่ฉันเลยสักนิด จะมาเขินเพราะคำพูดไร้น้ำหนักและไร้สาระของเขาทำไม ฉันคนเก่าต้องนิ่งและสามารถควบคุมอารมณ์ได้เป็นอย่างดีหนิ ไม่นะ เอาฉันคนนั้นกลับมา ยัยคริสตัลขี้อายออกไปจากร่างฉันเดี๋ยวนี้!!

     

    “อายเหรอ...หน้าแดงเชียว”

    “...”

     

    เงียบ...พยายามตีหน้านิ่งแต่ไม่ได้ผล ฉันอายจนไม่สามารถสบตาทรงเสน่ห์ของเขาได้แล้ว~

     

    “ไม่ใช่! เพราะร้องไห้ต่างหาก!”  ฉันเถียงแล้วลุกขึ้นนั่ง ไม่ลืมที่จะโกยผ้าห่มมาคลุมตัวเองไว้ แต่นั่นดูเหมือนจะเป็นสิ่งผิดพลาดเพราะผ้าห่มสำหรับคนๆ เดียวมันเล็กเลยทำให้ไคตอนนี้เปลือยต่อหน้าฉัน

    “เฮ้ย!

    “กรี๊ด!

     

    ฉันตกใจจนทำอะไรไม่ถูกที่เห็นน้องชายเขาชี้โด่ชี้เด่ไม่อายฟ้าอายดิน ไครีบกุมช่วงสามเหลี่ยมสุดสยิวนั่นไว้แล้วเอาหมอนมาปิดอีกที แหม อายเป็นเหมือนกันหนิ

     

    “ขะ ขอโทษ คือฉัน...”

     

    ฉันพูดไม่ออกเพราะภาพเมื่อกี้ยังคงติดตา ถึงฉันจะไม่ได้เชี่ยวชาญเรื่องเพศแต่ตอนที่ฉันเรียนสุขศึกษาอาจารย์ก็สอนว่า เวลาผู้ชายมีอารมณ์ทางเพศ อันแท่งนั้นมันจะชี้โด่ออกมา แล้วเมื่อกี้ของไคมันก็... (คิดเอาเอง)

     

    “ฉัน...” ได้แต่อ้าปากแต่ไม่มีเสียง อยากจะพูดอะไรบางอย่างให้สถานการณ์มันดีกว่าที่เป็นอยู่ แต่พอเอาเข้าจริงฉันก็พูดไม่ออก ยิ่งให้ใบหน้าคมคายที่มองมาทางฉันอย่างรักใคร่ ฉันก็ไม่รู้เลยว่าจากนี้ไปควรจะทำยังไงกับเรื่องของเราสองคน

     

    ฉันถลำตัวมาถึงขนาดนี้แล้ว...

     

    และฉันก็รักเขาเพราะถ้าไม่รักคงไม่ยอม ถ้าไม่รักคงรู้สึกโกรธไคและเกลียดไคที่กระทำกับฉันแบบเมื่อคืน

     

    ติ๊งต่อง~ ติ๊งต่อง~

     

    เสียงออดเหมือนเสียงสวรรค์ ฉันลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ ไม่ให้เขาได้ยิน ไคหันไปมองทางประตูห้องนอน แล้วขมวดคิ้วเล็กน้อยคล้ายกับกำลังไม่พอใจที่มีคนมาขัดจังหวะ

     

    “นาย...ไปเปิดประตูสิ”

    “คุณโอเคใช่มั้ย ?

    “อือ”

    “งั้นเดี๋ยวผมมา อยู่ในห้องนี้นะ เรามีเรื่องต้องคุยกันต่อ”

    “...”

     

    ฉันหลับตาปี๋ยามที่เขาลุกขึ้นยืน เสียงหัวเราะคิกคักจากคนเปลือยเหมือนจะสะใจที่เห็นฉันมีอาการแบบนี้ สิ้นเสียงประตูห้องฉันถึงค่อยลืมตาขึ้นมาอีกที

     

    เฮ้อ~

     

    เอาไงดีล่ะทีนี้ ทั้งชุดเดรสและชั้นในตัวเมื่อวานก็ไม่เห็นเลย เขาถอดไปไหนของเขาเนี่ย! ฉันเอาผ้าห่มมาพันตัวไปไส้กรอกแล้วลุกขึ้นไปเปิดตู้เสื้อผ้าคุ้นตา จำได้ว่าฉันไม่ได้เก็บพวกเสื้อยืดและกางเกงขาสั้นกลับไปด้วย และโชคดีที่ไคไม่ได้เอาไปทิ้ง ฉันหยิบเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงขาสั้นสีดำมาถือก่อนที่จะเดินเข้าห้องน้ำ

     

    บ้าเอ้ย!

     

    สบถในใจด้วยความเจ็บใจ รอยสีกุหลาบเป็นจ้ำๆ มีอยู่ทั่วร่างกายฉันจนไม่อยากจะมองภาพสะท้อนตัวเองในกระจก ตั้งแต่ลำคอขาวที่มีกว่าห้ารอย...เนินอก...หน้าอกทั้งสอง...ข้างไหล่...หน้าท้องและต่ำลงไปกว่านั้น เห็นรอยพวกนี้แล้วภาพบนเตียงอันร้อนแรงก็ลอยเข้ามาในหัว ไม่ว่าจะสะบัดหัวยังไงภาพพวกนั้นก็ไม่ยอมออกไปเสียที และน่าแปลกที่คนในกระจกกำลังยิ้มกว้างคล้ายกับมีความสุขเสียเหลือเกิน

     

    ฉันยิ้มทำไม ?

     

    หรือว่าฉันดีใจที่ได้เป็นของไค ? ไม่...ไม่จริง~

     

     

     

             

     

     

     

     

     

    หลังจากทำความสะอาดร่างกายตัวเองแล้วเดินออกมาจากห้องน้ำ ฉันก็เกือบหลุดเสียงกรี๊ดออกมาเพราะดันเห็นรอยสีแดงเป็นวงเล็กๆ บนเตียง รอยนั้นเป็นสิ่งที่ย้ำได้เป็นอย่างดีเลยว่า ฉันตกเป็นของเขาแล้ว และคราวนี้ไม่ใช่เรื่องหลอกลวง มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงล้านเปอร์เซนต์

     

    เอาเถอะ!

     

    ด้วยความที่คิดว่าแขกหน้าจะกลับไปแล้วฉันเลยเปิดประตูห้องนอนออก แต่สิ่งที่เห็นเมื่อมองจากด้านบนลงไปด้านล่างเท่าที่กำลังเดินลงบันไดถึงกับหยุดชะงัก

     

    นั่นมัน...จูเนียล

     

              ขวับ

     

              ฉันหันหลังทันที แต่ยังไม่ทันที่จะก้าวเดินเสียงจากทางด้านหลังก็ทำให้ฉันหยุดชะงัก

     

              “พี่ขอโทษ...แต่พี่รักคริสตัลแค่คนเดียว”

     

              เขาไม่ได้ตะโกน แต่ประโยคนั้นฉันกลับได้ยินชัดเต็มสองรูหูราวกับว่าฉันไปยืนอยู่ตรงหน้าเขา

     

              “...”

              “นอกจากคริสตัลแล้ว พี่คงไม่รักใครอีก”

              “...”

              “...”

              “ค่ะ หนูเข้าใจแล้วค่ะ ขอบคุณพี่ไคที่ตรงๆ”

              “...”

              “เราคงไม่ได้เจอกันอีกนาน ถ้าพี่ไคเจอพี่คริสตัลหนูฝากขอโทษด้วยนะคะ...”

     

              ฉันกลับขึ้นมาบนห้องก่อนที่จูเนียลจะพูดจบ ผ่านไปไม่ถึงห้านาทีเสียงเปิดประตูก็ดังขึ้น

     

              “ได้ยินแล้วใช่มั้ย”

     

              เขารู้ว่าฉันอยู่ตรงนั้น...

     

              “อือ” ฉันทิ้งตัวลงนั่งปลายเตียงแล้วแล้วก้มหน้ามองมือบนตักตัวเอง

     “เรื่องเมื่อคืนโกรธมั้ย ?

    “ฉัน...” เงยหน้ามองเขา แต่ก็ทำได้เพียงแค่ไม่ถึงเสี้ยววินาทีก็รีบเบือนหน้าออกไป “ไม่รู้”

    “ผมยินดีรับผิดชอบทุกอย่าง ถ้าคุณ...” เขาหยุดเพราะฉันยกมือขึ้นเป็นเชิงให้หยุดพูด

    “ฉันไม่ได้อยากให้นายมารับผิดชอบ เรื่องมันผ่านไปแล้วก็ให้ผ่านไป”

    “ผมไม่มีวันปล่อยคุณไป...จะไม่ยอมทำเป็นเหมือนเรื่องเมื่อคืนไม่ได้เกิดขึ้น ผมจะทำทุกวิถีทางให้คุณรักผม”

              !!!

     

              ฉันรักเขา...แค่ยังไม่รู้ว่าควรพูดดีหรือเปล่า

     

              เรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างเรามันคือความรักจริงๆ ใช่มั้ย เขารักฉันจริงหรือเปล่า ผู้ชายเจ้าชู้อย่างเขาจะรักฉันได้นานสักเท่าไหร่กัน จะรัก...ได้ชั่วชีวิตอย่างที่เอ่ยไว้หรือเปล่า

     

              “ขอโอกาสให้ผมได้พิสูจน์ตัวเอง” ไคเดินเข้ามาใกล้แล้วจับไหล่ฉันดึงขึ้นให้ยืนสบตากับเขาใกล้ๆ “สักครั้งก็ยังดี”

              “...”

              “...”

    “นายรักฉันจริงๆ เหรอ”

     

    เขาพยักหน้าช้าๆ

     

    “งั้นก็ได้”

     

    เขายิ้ม...ยิ้มอย่างมีความสุขที่ได้ยินฉันตอบตกลง ไม่ทันที่ฉันจะได้พูดอะไรเพิ่มเติม คนตรงหน้าก็รั้งฉันเข้าไปกอดแน่นจนแทบหายใจไม่ออก

     

    “ไค...แน่นไปมั้ย” ฉันยิ้มแล้วเกยคางไว้บนไหล่เขา

    “ก็คนมันโคตรมีความสุข”

    “เว่อร์ ไม่ได้หมายถึงจะกลับไปเป็นแฟนสักหน่อย”

    “ก็เป็นเมียแล้วไง ข้ามขั้นไปเลย”

     

    แปะ

     

    ฉันตีหลังเขาเป็นการลงโทษที่พูดอะไรไม่เข้าหู แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะตัวเองก็ยิ้มกว้างจนปากจะฉีกเหมือนกัน

    ฉันกับเขา...เราจะไปกันรอดมั้ยน้า...

     

    เอาเถอะ มันเป็นเรื่องของอนาคตแค่ปัจจุบันมีความสุขก็พอแล้ว

     

    “ถ้ารู้ว่าทำแบบนี้แล้วจะใจอ่อน ผมคงทำรวบหัวรวบหางคุณไปนานแล้ว หึๆ”

    “ทะลึ่ง!

    “ฮ่าๆ”

     

     

     

     

     

     

     

     

    -----------------------------------------

     

     

     

     

    Kai’s part

     

     

    ผมจอดรถที่หน้าร้านขายยาเล็กๆ ใกล้ๆ คอนโดของคริสตัลตามคำสั่งของเธอ  ก่อนที่เธอจะได้ลงจากรถผมจับมือบางไว้ซะก่อน

     

    “ไม่สบายเหรอ”

     

    พอจะรู้มาบ้างว่าครั้งแรกของผู้หญิงอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงหลายอย่างเช่น อ่อนเพลียและเป็นไข้ ยิ่งครั้งแรกของเธอกับผมเมื่อวานค่อนข้างหนักหน่วงจึงกังวลว่าเธออาจจะเป็นอะไรหรือเปล่า

     

    “เปล่า”

    “แล้วจะไปร้านขายยาทำไม”

    “มันเป็นเรื่องของผู้หญิงน่า”

    “เกี่ยวกับเรื่องเมื่อคืนหรือเปล่า”

    “อะ...อือ”

     

    ผมขมวดคิ้วกับท่าทางแปลกๆ เหมือนไม่กล้าพูดของเธอ คริสตัลที่มักจะตรงไปตรงมากลับมีท่าทางเลิ่กลั่กอย่างเห็นได้ชัด

     

    “มีอะไรหรือเปล่า เจ็บเหรอ ?” ผมถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล เพราะรู้ว่าเธอคงอาย คริสตัลปฏิเสธด้วยการส่ายหน้าไปมาแล้วหลบสายตาผม “ถ้าคุณไม่บอกผม ผมไม่ให้คุณลงไปนะ”

    “อย่ากดดันสิ”

    “นับหนึ่งถึงสาม ถ้ายังไม่บอกผมขับรถต่อล่ะนะ”

    “...” คริสตัลเบ้ปากใส่ผม ฮ่าๆ น่ารักจังเลยครับ

     “หนึ่ง...สอง...สะ...”

    “ก็ได้ๆ ฉันจะไปซื้อยาคลุม”

    “...” คราวนี้เป็นผมที่ตกใจแทน

    “ก็เพราะนายนั่นแหละไม่ยอมใส่ถุงยาง คนบ้าอะไรก็ไม่รู้เอาน้ำบ้าๆ มาใส่ฉันอยู่ได้ตั้งหลายครั้ง ขี้โกงที่สุด”

     

    ผมอ้าปากพะงาบๆ กับท่าทางเหวี่ยงๆ ปนเขินอายของเธอ อยากจะบอกว่าคำพูดตรงๆ ของเธอมันฟังแล้วน่ารักมากเลยครับ โถ่ ไอ้เราก็นึกว่าเจ็บตรงนั้นซะอีก ที่ไหนได้...โกรธที่ผมไม่ยอมใส่ถุงยาง

     

    “ฮ่าๆ ไม่เอาน่า~ อย่าโกรธผมเลย มันเร่งด่วนจริงๆ”

     

    จะว่าไปก็แปลกใจตัวเองเหมือนกัน ปกติผมไม่ใช่คนขี้ลืมอะไรเลย ยิ่งเรื่องความปลอดภัยผมไม่เคยพลาด ต่อให้ไม่ได้ใส่ก็ไม่มีทางปล่อยน้ำเชื้อเข้าร่างกายคนอื่นแน่ แต่เมื่อคืนนี้กับคริสตัล...ผมไม่ได้นึกถึงเรื่องความปลอดภัยเลยด้วยซ้ำ

     

    “โอ๋ๆ อย่าทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อย่างนั้นสิครับ ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ยังไงผมก็รับผิดชอบคุณอยู่แล้วจะแต่งงานเลยยังได้ ไหนๆ ก็เรียนจบแล้ว”

     

    ผมเรียนจบในเทอมที่ผ่านมาหากจะต้องแต่งงานก็คงไม่มีปัญหาอะไร แค่เมียคนเดียวเลี้ยงได้สบายมาก

     

    “แต่ฉันยังเรียนไม่จบ ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาฉันจะทำยังไง ป้องกันไว้ตั้งแต่ตอนนี้แหละดีที่สุด” คริสตัลเปลี่ยนโหมดมาเป็นจริงจังและตั้งท่าจะลงจากรถ แต่ถูกผมจับข้อศอกไว้ซะก่อน

    “งั้นคุณอยู่ในนี้แหละ เดี๋ยวผมลงไปซื้อให้”

    “...”

    “เดี๋ยวมานะครับ คุณภรรยา” พูดแล้วก็ส่งยิ้มที่คิดว่าเท่บาดใจที่สุดไปให้ภรรยาทางกาย แน่นอนว่าได้ผล แก้มใสๆ ขึ้นสีแดงระเรื่ออย่างที่ผมคิด

     

    น่ารักว่ะคิมไคจะบ้าตาย~

     

     

     

     

     


     

     

              ผมจอดรถที่หน้าคอนโด และมองคนข้างกายที่กำลังเอี้ยวตัวไปหยิบผ้าปูที่นอนสีขาวจากเบาะหลังมากอดไว้แนบอกอย่างหวงแหน

     

              ฮ่าๆ รู้มั้ยครับว่าทำไม เพราะผ้าปูที่นอนนั่นมันมาจากเตียงบ้านผมไง แล้วเผอิญว่ามันมีรอยแดงเป็นวง คริสตัลคงอายเธอเลยถอดมันออกจากเตียง และนำกลับมาที่ห้องด้วยแบบนี้ไง

     

              เดี๋ยวผมเอาไปทิ้งให้ก็ได้พูดไปก็พยายามกลั้นขำไป ไม่คิดเลยว่าเรื่องเมื่อคืนจะทำให้ผู้หญิงเย็นชาอย่างเธอเปลี่ยนมาเป็นเด็กน้อยขี้อาย พูดอะไรนิดอะไรหน่อยก็หน้าแดงซะแล้ว

              ไม่ต้องแหนะ ดูสิ แค่นี้ก็ไม่กล้าสบตาผม...จะอายอะไรนักหนาครับ ไปล่ะ

              เดี๋ยวผมถอดเสื้อหนังแขนยาวสีดำออกก่อนจะเอาไปวางคลุมที่ไหล่คริสตัล ใส่นี่ไปซะ

              ไม่

              ใส่ไป ถ้าไม่อยากให้คนรู้ว่าเมื่อคืนไปทำอะไรมาผมขู่เสียงต่ำพลางจ้องไปยังรอยแดงๆ บนลำคอขาว พอคริสตัลเห็นว่าผมมองอะไร เธอก็เข้าใจโดยทันทีและรีบจับเสื้อมาคลุมติดคอโดยที่อีกมือก็ยังกอดผ้าปูที่นอนไว้

              ขอบคุณ

              ไม่เป็นไร ผมเองก็ไม่อยากให้ใครมองผิวขาวๆ ของคุณ

              อะ อือฮ่าๆ เขินอีกแล้วครับ

              ไว้พรุ่งนี้เช้าผมมาหานะ

              อือ ไปล่ะ

              บายครับ

             

              ใจจริงผมอยากจะขึ้นไปส่งเธอถึงบนห้อง เนื่องจากกลัวว่าเมื่อคืนจะหนักเกินไปจนทำให้เธอเป็นลมเป็นแล้งระหว่างทาง แต่ดูเหมือนว่าคริสตัลจะไม่ต้องการความช่วยเหลือสักเท่าไหร่

              ผมรอจนเธอเดินหายเข้าไปด้านในถึงได้ขับรถออกไปจากหน้าคอนโดด้วยใบหน้าเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม แต่พอได้รับข้อความจากหนึ่งในเพื่อนรักผมก็ต้องขมวดคิ้วเล็กน้อยและค่อยๆ หุบยิ้มลงเพราะเนื้อความบอกว่ามีเรื่องด่วน...

     

            เหอะ

     

              พอได้อ่านรายละเอียดผมถึงกับรีบโยนโทรศัพท์ไปเบาะข้างๆ อย่างไม่ใส่ใจ จะให้ช่วยไอ้แอลได้คืนดีกับซูจีงั้นเหรอ ฝันเถอะครับ แม้ว่าจะเป็นเพื่อนกันแต่ตอนนี้ผมโกรธมันมาก เรียกได้ว่าถ้าเห็นหน้าคงต้องมีซัดมันสักหมัดสองหมัด

     

              ขอแช่งให้ซูจีโกรธมันไปอีกสักสักเดือนสองเดือน หึ

     

     

     

                      

    --------------------------------------------
    50%

     

     

    Sulli’s part

     

             

              ถ้านายมีธุระ เรากลับกันก็ได้นะฉันบอกเทาเมื่อเห็นว่าเขาทำหน้าเครียดๆ หลังจากอ่านข้อความ นี่ไม่ใช่รอบแรก แต่เป็นรอบที่สามแล้ว

              ช่างเถอะ ปล่อยให้มันแก้กันเอง

              หืม ?”

              เรื่องซูจีกับแอลน่ะ

             

              ฉันพยักหน้ารับเป็นเชิงรับรู้ และไม่ออกความคิดเห็นใดๆ ทั้งสิ้น เนื่องจากเห็นด้วยกับสิ่งที่ซูจีทำ นั่นคือการตัดขาดจากแอล แต่อีกใจฉันก็นึกสงสารเพื่อนเพราะรู้อยู่เต็มอกว่าเพื่อนฉันรักแอลมากแค่ไหน

     

              เราไปเดทของเราต่อกันเถอะเทาว่าพลางกุมมือฉันให้แน่นขึ้นแล้วเป็นฝ่ายเดินนำ

     

              วันนี้ฉันกับแอลมาเดทกันที่สวนสัตว์นอกกรุงโซล ไม่มีแสง สี เสียงเหมือนห้างดังๆ ในโซล มีแต่เสียงเจี๊ยวจ๊าวของเด็กน้อยที่มากับพ่อแม่หรือไม่ก็เสียงร้องของสัตว์บางชนิด ไม่มีของแบรนด์เนมให้ฉันซื้อ แต่มีอาหารสัตว์ให้ฉันซื้อเพื่อมาป้อนให้พวกมันทาน  ไม่มีเครื่องปรับอากาศคอยทำความเย็น แต่มีลมเย็นๆ จากธรรมชาติแทน

     

              รู้สึกดีกว่าไปซื้อของแบรนด์เนมพวกนั้นเยอะเลย...

     

              เทา...พรุ่งนี้มีงานหรือเปล่า ?” ฉันรั้งมือเขาไว้ให้หันกลับมา เทาหยุดเดินแล้วมองหน้าฉันอย่างตั้งคำถาม มีหรือเปล่า ?”

              ทำไม

              ถามก็ตอบสิ มีงานหรือเปล่า ?”

              ก็มี มีประชุมสำคัญน่ะ

     

              มีงั้นเหรอ...วันสำคัญยังจะมีงานอีกงั้นเหรอ!

     

              มีอะไรหรือเปล่า ทำไมทำหน้าแบบนั้น

              เปล่า

             

              ฉันส่ายหน้าแล้วเดินต่อไปเรื่อยๆ มือที่เคยกุมกันอยู่ก็หลุดออกจากกัน เขาไม่ว่างก็ไม่เป็นไรหรอก มันก็แค่วันธรรมดาๆ เท่านั้นเอง...

     

              ซอล รอด้วยสิ”  เทาพาดแขนมาบนไหล่ฉัน ทำหน้าบูดเชียว...งอน ?”

              เปล่า

              แต่ผมว่าซอลกำลังงอนนะ พรุ่งนี้มีอะไรสำคัญหรือเปล่า ?”

              เปล่า

              เปล่า แล้วทำไมเวลาพูดต้องไม่มองหน้ากัน

              เปล่า อ่ะ!ฉันร้องอย่างตกใจมืออยู่ดีๆ มือที่พาดไหล่ฉันก็รั้งท้ายทอยเข้าไปใกล้หน้าเขาจนเทามีโอกาสใช้ริมฝีปากแตะเบาๆ ที่ริมฝีปากฉัน ทำอะไรน่ะ ไม่เห็นเหรอว่ามีเด็กอยู่เต็มเลย

              ก็ผู้ใหญ่โกหกก็ต้องโดนทำโทษ

              บ้า! โกหกอะไรเล่า

              นี่ไงกำลังโกหกอยู่ หึๆ ถ้าไม่ยอมบอกผมว่าพรุ่งนี้มีอะไรจะจูบโชว์ตรงนี้จริงๆ ด้วย เอาให้ไอ้หมีแพนด้าตัวนั้นอายไปเลย

              ระ โรคจิต

             

              ฉันคิดจะเบือนหน้าหนี แต่ก็ทำได้แค่คิดเพราะว่าเทาจับท้ายทอยฉันไว้ไม่ให้หันไปไหนได้เลย เราสองคนสบตากันในระยะประชิด ดูเขาสิ ไม่อายเด็กที่กำลังมองเราบ้างเลยหรือไง

     

              ว่างไงครับ จะบอกไม่บอก

              ไม่บอกฉันยักคิ้วข้างหนึ่งด้วยท่าทางกวนประสาทก่อนจะงอเข่าช้าๆ แล้วจัดการสวนไปที่จุดสงวนของเขาเต็มแรง

              โอ้ย!!!

              ถ้านายอยากรู้ก็หาคำตอบเอาเอง ฉลาดไม่ใช่เหรอ หึ!

              ซอลลี่!!

     

               เทาค่อยๆ ล้มไปนั่งคุกเข่ากุมเป้าอยู่ที่พื้นด้วยใบหน้าแสดงออกถึงความเจ็บปวดสุดๆ เด็กๆ ที่อยู่รอบๆ มองมาที่เขาแล้วต่างหัวเราะออกมาอย่างไม่เกรงใจ รวมทั้งผู้ใหญ่หลายคนที่เดินผ่านไปมาก็หลุดขำกับท่าทางของเทา

     

              ไปล่ะ เจอกันที่รถนะคะ คุณคู่หมั้น

     

              เชื่อเขาเลยวันสำคัญขนาดนั้นยังลืมได้ เหอะๆ

             

             

     

     

     

     

     

              3 ชั่วโมงต่อมา

     

              หึๆ หึๆๆๆๆๆๆ

     

              เรียบร้อย...การจัดการผู้ชายร่างใหญ่ไม่ได้ยากเกินฝีมือซอลลี่สุดสวยคนนี้เลย ฉันมองเทาที่นอนหลับอยู่เบาะๆ ข้างด้วยความสะใจ ผู้ชายที่กำลังง้อฉันเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วบัดนี้หลับเสียสนิท เพราะอะไรน่ะเหรอ...ยานอนหลับที่ฉันแอบผสมลงไปกับน้ำชาแล้วให้เขาดื่มตอนขึ้นรถกลับเนี่ยแหละ

     

              ถ้าไม่ทำแบบนี้ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เขาจะได้พักกัน

     

              ทั้งที่เป็นวันเกิดตัวเอง แต่เจ้าตัวกลับจำไม่ได้ แถมยังมีงานต้องทำซะอีก เฮ้อ~ เชื่อเขาเลยผู้ชายคนนี้ คอยดูนะถ้าแต่งงานกันเป็นแล้วเห็นงานสำคัญกว่าลูกและเมีย แม่จะด่าฉาดเลยคอยดู อุ้ย นี่ฉันคิดไปถึงไหนเนี่ย แต่งงานมีลูก อ่า...เพ้อไปแล้วฉัน

     

              “พี่แกรี่คะ...เรียบร้อยแล้วนะคะ...เจอกันอีกครึ่งชั่วโมงค่ะ”

     

              แผนการในครั้งนี้ถูกเตรียมมาตั้งแต่เมื่อวานโดยมีพี่แกรี่ (เรียกพี่เพราะอายุมากกว่าฉันตั้งสิบกว่าปี) เป็นตัวนำ ต้องขอบคุณพี่เขามากๆ ที่โทรมาบอกฉันว่าพรุ่งนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดปีที่ 21 ของเทา เนื่องจากปีที่แล้วเทาไม่ได้ฉลองวันเกิดเพราะต้องเข้าบริษัทช่วยพ่อทำงาน และช่วงนี้เขาก็ยุ่งๆ จนเหมือนเจ้าตัวจะลืมไปว่าวันเกิดตัวเองกำลังจะมาถึง ฉันกับพี่แกรี่เลยช่วยกันวางแผนให้เทาหยุดงานและพาเขาไปพักผ่อนที่ต่างจังหวัดแทน เรื่องงานพี่แกรี่บอกว่าเขาจะจัดการเลื่อนไปสักสองสามวัน ส่วนเรื่องที่พักพี่แกรี่ก็แนะนำโรงแรมหรูแห่งหนึ่งให้ ตอนนี้พี่เขาก็คงรออยู่ที่นั่น

              ...จะว่าไป ฉันนี่เป็นคู่หมั้นที่แย่จริงๆ นะ แค่วันเกิดคู่หมั้นฉันยังไม่รู้เลย

     

              แย่จริงๆ

     

              หลังจากมาถึงพี่แกรี่ก็รีบมารับคนตัวโตขึ้นไปบนห้องตามด้วยฉันที่ลากกระเป๋าอยู่ด้านหลัง เพิ่งรู้ว่าห้องนั่นเป็นห้องประจำของตระกูล หวังไม่ต้องจองล่วงหน้าก็สามารถเข้าพักได้ทันที รวยจริงอะไรจริง หมั่นไส้จัง!

     

              “ขอบคุณมากนะคะ”

              “ไม่เป็นไรครับ ที่เหลือก็เป็นหน้าที่ของคุณซอลลี่แล้วล่ะครับ” สายตากรุ้มกริ่มของพี่แกรี่ทำเอาฉันทำหน้าไม่ถูก นี่เขากำลังคิดว่าฉันจะให้อะไรเป็นของขวัญวันเกิดเทาเนี่ย

              “ค่ะ ถ้ามีอะไรฉุกเฉินเดี๋ยวซอลจะโทรหานะคะ”

              “ได้ทุกเวลาครับ”

     

              หลังจากส่งพี่แกรี่กลับฉันจึงเดินเข้ามาในห้องนอนขนาดใหญ่ และหรูตามฉบับห้องสูท โรงแรมนี้อยู่ท่ามกลางป่าไม้ไม่ใช่ทะเลอย่างที่พวกฉันไปเมื่อครั้งก่อน หน้าต่างห้องนอนใสและใหญ่เป็นพิเศษ วิวยามราตรีด้านนอกทำให้บรรยากาศในห้องดูกลมกลืนไปกับธรรมชาติราวกับว่าเรากำลังนอนท่ามกลางป่าไม้  มีห้องครัว ห้องอาบน้ำที่มีอ่างจากุสซี่ ห้องนั่งเล่นและห้องนอน ทุกอย่างเพอร์เฟคหมดยกเว้นห้องนอนที่มีห้องเดียวนั่นแหละ นี่แสดงว่าฉันต้องนอนเตียงเดียวกับเขาใช่มั้ย ?

              โชคดีที่พี่แกรี่เปลี่ยนชุดให้เทาจากชุดไปเวทมาเป็นชุดนอนเสื้อยืดแขนยาวสีขาวกับกางเกงขายาวสีเทาแล้ว เพราะถ้าไม่อย่างนั้นหน้าที่เปลี่ยนชุดอาจจะเป็นของฉันด้วย

     

              ฉันก้มลงมองนาฬิกาบนข้อมือแล้วครุ่นคิดว่ายานอนหลับมันจะหมดฤทธิ์ในอีกกี่ชั่วโมง...

     

    เอาเถอะ อย่างน้อยก็คงไม่ใช่ชั่วโมงสองชั่วโมงนี้แน่

             

     

     

             

               

     

     

              8 โมงเช้า

     

              “Happy Birthday” ฉันพูดขึ้นทันทีที่เห็นร่างบนเตียงค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ ดูเหมือนคนที่เพิ่งตื่นจะตกใจกับเสียงกระซิบข้างหูไม่น้อยถึงได้สะดุ้งขึ้นนั่งหลังตรง

              “ซอลลี่!

              “Happy birthday Taotao

              “อะไรเนี่ย”

     

              เทาดูตกใจเป็นอย่างมากจนไม่หลงเหลืออาการของคนเพิ่งตื่นนอน ฉันยิ้มให้ใบหน้าตื่นๆ นั่นแล้วลุกขึ้นไปนั่งบนเตียงคู่กับเทาก่อนจะจับใบหน้าเขาให้หันไปด้านหน้าที่มีป้ายสีขาวยาวๆ ติดอยู่บนพนังสีเนื้อ เนื่องจากฉันเพิ่งหัดเขียนบนป้ายมีตัวอักษรภาษาจีนหวัดๆ

     

              ประโยคแรก...

     

              你。

     

          หว่ออ้ายนี่” (ฉันรักคุณ)

     

              และประโยคถัดมา...

     

              你是我的男朋友,好吗?

     

          หนี่ซื่อหว่อเตอะหนานเผิงโย่ว ห่าวมา” (เป็นแฟนกันไหม ?)

     

              ใบหน้าคมคายอึ้งค้างขนาดที่ว่ามือที่ประครองใบหน้าเขาอยู่ยังไม่สามารถรับรู้ได้ถึงลมหายใจที่หายไป ฉันยิ้มเบาๆ เพราะคิดไว้อยู่แล้วว่าเทาต้องตกใจเมื่อเห็นเซอร์ไพร์สแบบนี้ ฉันโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้ก่อนจะจรดปลายจมูกลงบนแก้มสากเบาๆ

     

              “หว่ออ้ายนี่ หนี่ซื่อหว่อเตอะหนานเผิงโย่ว ห่าวมา ? ฉันรักคุณ...เป็นแฟนกันมั้ย ?” พูดภาษาจีนที่แอบฝึกมาตลอดหนึ่งวันที่ผ่านมา อาจจะไม่เป๊ะแต่ฉันเดาว่าเทาน่าจะฟังออกว่าฉันพูดอะไร

     

              โอ้ย เขิน~

     

              ฉันไม่คิดเลยว่าตัวเองจะมาทำอะไรเลี่ยนๆ แบบนี้ เคยเห็นแต่ในหนังรักโรแมนติกและฟังเพื่อนเล่า ไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้ลงมือปฏิบัติเองเลยสักนิด

     

              “...”

             

              เทายังคงไม่พูดอะไร เขาเอาแต่มองไปที่ป้ายพวกนั้น แม้ว่าฉันจะหอมแก้มเขาเพื่อเรียกสติแต่เทาก็ยังคงนิ่ง

     

              หรือว่าเขาไม่ชอบ ?

     

              หรือว่ามีตรงไหนที่ฉันเขียนผิด ไม่น่าจะใช่นะ ฉันอุตส่าห์โทรไปขอคำปรึกษาจากคุณแม่ของเทาเลยนะ ท่านเป็นคนสอนฉันออกเสียงและยังส่งตัวอักษรของประโยคพวกนั้นมาให้ฉันฝึกเขียนอีกด้วย

     

              ถ้าเขาไม่ชอบฉันจะทำยังไงดี ฉันไม่ได้เตรียมรับมือกับความผิดหวังซะด้วยlb

     

              “นี่มัน...อะไรกัน”

     

              ฮือ เขาต้องไม่ชอบแน่เลย เทาไม่ยิ้มเลยสักนิด เขาต้องหาว่าฉันปัญญาอ่อนแน่ๆ

     

              “คือ...” ฉันพยายามจะอธิบายแต่เสียงดันไม่ออกซะดื้อๆ ดวงตาทั้งสองข้างก้มหลุบต่ำเพราะไม่กล้าสู้หน้าเทา

              “ทำไม ซอลถึง...”

              “ฉะ ฉันขอโทษ ถ้านะ นาย...นะ...” พูดไม่ไหวแล้ว ก้อนสะอื้นมามันติดตรงคอ ตอนนี้ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองตัวหดเหลือสองนิ้ว สัมผัสได้ว่าคนตัวสูงกำลังมองฉันตาเขม็ง

              “...”

              “...”

     

            หมับ

     

            !!!

     

              ฉันเบิกตาโตเมื่ออยู่ดีๆ เทาก็รวบตัวฉันเข้าไปกอดแน่นจนฉันถลาไปทับตัวเขาให้นอนราบไปกับเตียง ยังไม่ทันที่ฉันจะได้ขยับเลยสักนิด สองขาของร่างหนาก็เกี่ยวสะโพกฉันไว้ ส่วนสองแขนก็จัดการล็อคคอฉันไม่ให้ไปไหน กลายเป็นว่าตอนนี้ฉันนอนทับเทาอยู่ซะงั้น

     

              “ทำไมทำแบบนี้ รู้มั้ยว่ามันโคตรจะน่ารักเลย”

              “ห๊ะ ?

     

              ฉันได้ยินผิดไปหรือเปล่า...

     

              “บอกว่าโคตรของโคตรน่ารักเลย ผมไม่คิดเลยว่าคุณจะเซอร์ไพร์สแบบนี้ ให้ตายสิ ดีใจจนอยากจะร้องไห้แล้วเนี่ย”

              “!!!

              “ทำหน้างงอีก” เทาบีบจมูกฉันเบาๆ แล้วเปลี่ยนไปเป็นยีหัวจนผมกระเซอะกระเซิง “ผมลืมไปด้วยซ้ำว่าวันนี้วันเกิดผม”

              “นะ นายชอบจริงๆ เหรอ” ฉันไม่สนใจที่เขาพูดแล้วถามกลับไป “ชอบจริงๆ ใชมั้ย ?

              “มาก...หัวใจผมเต้นแรงจนจะระเบิดอยู่แล้วเนี่ย คุณคิดได้ยังไง ภาษาจีนพวกนั้นคุณไปเรียนมาจากที่ไหน”

              “จริงเหรอ นายชอบจริงๆ เหรอ”

              “ก็บอกอยู่ไงว่าชอบ ไม่เชื่อลองจับหัวใจผมดูสิ” ไม่พูดเปล่า เจ้าตัวยังจับมือฉันให้ไปวางตรงตำแหน่งหัวใจที่กำลังเต้นตึกตักๆๆ รัวอย่างน่ากลัว “บ้าชะมัด คุณทำผมอยากร้องไห้”

              “นายจะร้องไห้ไม่ได้นะ วันนี้เป็นวันเกิด นายห้ามร้องไห้”

              “ร้องไห้เพราะสำลักความสุขก็ไม่ได้เหรอ”

              “ไม่ได้ๆ ฉันไม่อยากเห็นน้ำตาของนาย วันนี้นายต้องหัวเราะทั้งวัน”

              “ฮ่าๆ ตกลงครับ”

              “ตกลง...นายหมายถึงตกลงว่าจะเป็นแฟนฉันหรือตกลงจะหัวเราะทั้งวัน”

              “อืม...” เทาทำสีหน้าครุ่นคิดอย่างกวนประสาท ยิ่งเขาเห็นฉันตั้งหน้าตั้งตารอคำตอบเจ้าตัวก็ยิ่งทำเป็นคิดนั่นคิดนี่ไม่ยอมพูดออกมาซะที “ทั้งสองอย่าง”

              “คิๆ ดีมาก ฉันรู้ว่านายจะไม่ปฏิเสธ” ฉันยิ้มกว้างแล้ววางมือข้างหนึ่งลงบนหัวเขาก่อนจะยีผมให้เขาเหมือนที่เขาแกล้งฉัน “ต่อให้นายปฏิเสธฉันก็ไม่ยอม”

              “ฮ่าๆ จริงๆ แล้วคุณน่าจะเขียนคำว่า ฉันรักคุณ แต่งงานกันไหม ?’ แทนนะ ยังไงซะเราก็เลยคำว่าแฟนมามากแล้ว”

              “เหอๆ ไม่เอาหรอก”

     

              ฉันเบ้ปากกับความคิดของเขา แค่แฟนฉันยังอายจนจะบ้าตาย ถ้าต้องเขียนคำว่าแต่งงานฉันคงต้องฆ่าตัวตายแล้วไปเกิดใหม่ถึงกล้าทำขนาดนั้น

     

              “ผมรักคุณจัง”

              “เพราะฉันน่ารักใช่มั้ยล่ะ คิ”

              “มาก...มากๆ เราจะรักกันตลอดไปใช่มั้ย”

              “ไม่รู้สิ ฉันรู้แต่ว่าตอนนี้ฉันรักนาย อยู่ใกล้ๆ แล้วก็มีความสุข ไม่ว่าเมื่อไรที่เห็นหน้าจื่อเทา ฉันก็จะรู้สึกดีเสมอ ตรงกันข้าม...ถ้าฉันไม่เห็นหน้านายฉันก็จะรู้สึกเหงาๆ เหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง”

     

              เทานิ่งไปเมื่อเจอคำพูดตรงๆ ของฉัน คงจะอึ้งล่ะสินะ แน่แหละเพราะฉันไม่เคยพูดอะไรเลี่ยนๆ แบบนี้หรอก มีแต่เทานั่นแหละที่เป็นบอกรักฉันทุกวี่ทุกวันตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน

     

              ...

     

              ไม่มีใครพูดอะไร มีแต่เสียงเครื่องปรับอากาศดังหึ่งๆ และเสียงลมหายใจเข้าออกของเราสองคน สายตาที่มองทอดกันอยู่ในขณะนี้ก็เพียงพอแล้วที่จะสื่อทุกอย่าง

     

              แค่มองนัยน์ตาคมนั่นก็รู้แล้วว่าเขารักฉัน...

     

              ฉันเองก็เหมือนกัน

     

              “รู้มั้ยฉันหลงเสน่ห์นายเข้าแล้ว...”

              “...”

              “ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีสายตาฉันก็คอยมองหาแต่นาย...นายคนเดียว”

              “...”

              “นายพูดถูกที่บอกว่าสักวันฉันจะต้องตกหลุมรักนาย นายเป็นหมอดูหรือเปล่า”

              “พูดจาน่ารักอย่างนี้ต้องให้รางวัลสักหน่อยแล้ว”

     

              จุ๊บ

     

              ฉันยิ้มหลังจากเทาผงกหัวขึ้นมาประทับริมฝีปากเบาๆ หนึ่งที่ก่อนจะผละออกไป เราสองคนยิ้มให้กัน คราวนี้เป็นฉันบ้างที่เป็นฝ่ายโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้เขาแล้วแตะริมฝีปากตัวเองลงบนตำแหน่งเดียวกัน และก็เหมือนว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกว่าครั้งเดียวมันไม่พอ

     

            จุ๊บ...จุ๊บๆๆ ...จุ๊บ...จุ๊บๆๆๆๆ

             

              “พอแล้ว ปากผมช้ำหมดแล้ว”

     

              แหม! ทำมาเป็นสำออยที่ตอนเขาจูบฉันล่ะ ผลักแค่ไหนก็ไม่ยอมปล่อย

     

              “พูดงี้ไม่ต้องมาจูบเลยนะ”

              “ฮ่าๆ แค่นี้ก็งอนด้วย”

              “ง่วง” ฉันเอ่ยตัดบทแล้วเกยคางตัวเองไว้บนหน้าอกเทา

              “เมื่อคืนได้นอนกี่ชั่วโมง”

     

              ฉันส่ายหน้า

     

              “นี่อย่าบอกนะว่านั่งทำทั้งคืน”

              “ไม่เชิง หลังจากที่หลอกให้นายดื่มน้ำชาผสมยานอนหลับฉันก็ทำป้ายนี้ให้ แล้วก็นั่งเฝ้าว่าเมื่อไหร่นายจะตื่น ฉันอยากจะเป็นคนอวยพรวันเกิดนายเป็นคนแรกนี่น่า”

              “...”

              “ถือว่าคุ้มที่ได้เห็นนายตกใจจนไปไม่เป็น อิๆ” ฉันยิ้มแต่เทาไม่ยิ้มด้วย เขามองฉันตาเขม็ง ดูเหมือนไม่พอใจอะไรสักอย่าง

              “อย่าทำแบบนี้อีกรู้มั้ย...คุณไม่ได้นอนทั้งคืนได้ยังไง ถ้าเป็นอะไรไปจะทำยังไง”

              “เว่อร์น่า~ แค่คืนเดียวเอง ทีแต่ก่อนฉันไปเที่ยวกลับตีสองตีสามนายยังไม่เห็นจะสน”

              “ตอนนี้จะไม่สนได้ยังไง คนมันรักหนิ”

              “ไม่รู้แหละ จะนอนแล้ว ห้ามปลุกด้วย” ว่าแล้วฉันก็แนบใบหูไปกับหน้าอกแกร่ง สัมผัสได้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจที่เต้นรัวไม่ต่างจากของฉันเลยสักนิด เทาลูบหัวฉันเบาๆ แล้วกอดฉันหลวมๆ ไม่นานนักฉันก็ผล็อยหลับไปในอ้อมแขนของเขา...

     

     

             

    -----------------------------------------

     

    ใครอยากได้แบบรูปเล่มเตรียมเก็บเงินไว้เลย~ เนื่องจากมีสองเล่มราคาเลยหนักตามไปด้วย เฮ้อ~

    เพิ่งรู้ว่าตัวเองแต่งได้ยาวมากกกกกกกกกก ตกใจเลยค่ะ คราวหลังจะลดลงมาหน่อย

    เนื้อหามีทั้งตัดและเพิ่ม แน่นอนว่ามีสเปเชี่ยลพาร์ทที่ไม่ลงในนี้แน่นอน

    คนที่ไม่ได้ซื้อไม่ต้องกังวลนะคะ เราลงจนจบอยู่แล้ว~

    เราจะไม่ให้แพงมากเพราะเราเข้าใจนักอ่านทุกคน เราตัดสินใจทำแล้ว ต่อให้คนสนใจน้อยเราก็โอเค ยังทำอยู่ดีเพราะอยากเก็บไว้เป็นที่ระทึก เอ้ย ระลึกของตัวเองด้วย(ยังจะเล่น)


    ปล. ใครที่แล้วชื่อไว้แล้วแต่ยังไม่ได้ฉากรถไฟเหาะ โปรดเม้นต์บอกด้วยน้า~

     

    ขอบคุณทุกคอมเม้นต์และนักอ่านทุกท่านค่ะ

             

             

     

     

    THE★ FARRY
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×