ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [fic HP]"I love you...Who you love?" [ SS x HP , DM x RW]

    ลำดับตอนที่ #7 : Part 7 เจ้าชายคาลวาโล

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 529
      26
      9 พ.ค. 59

    ตลอดเวลาตั้งแต่ที่มัลฟอยและรอนออกเดินทาง มัลฟอยไม่ได้ปริปากเอ่ยวจีใดๆออกมาเลย ใจหนึ่งรอนก็รู้สึกสบายใจที่ไม่ต้องมาทะเลาะกันด้วยเรื่องไร้สาระ แต่อีกใจหนึ่งก็รู้สึกแปลกๆ ปกติพวกเขาต้องทะเลาะกันทุกวันจนเหมือนกิจวัตรไปแล้ว ทำให้รอนรู้สึกอึดอัดและไม่ชอบใจบรรยากาศแบบนี้เอาซะเลย มันรู้สึกเงียบจนเกินไป เงียบจนเกิดความรู้สึกว่ามัลฟอยเลิกให้ความสนใจเขาไปแล้ว ทำให้รอนรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาแบบไม่มีเหตุผล

     

    ทางด้านมัลฟอย เขาเองก็รู้สึกอึดอัดที่ไม่ได้พูดคุยกับรอน ก็เขาน้อยใจนี่ ในใจของรอนมีแต่ไอ้หัวแผลเป็นนั่น ไม่ว่าเขาจะพยายามแค่ไหน รอนก็ไม่เคยและไม่คิดจะมีเขาในหัวใจอยู่แล้ว สู้อยู่เงียบๆ อย่าไปสร้างความลำบากและรำคาญใจให้รอนดีกว่า การที่รอนต้องมาจับคู่และอยู่ด้วยกันกับเขาเป็นเวลา 1 อาทิตย์ รอนคงรู้สึกแย่เต็มทีแล้ว จากที่เขาได้ยินคนตัวเล็กบ่นเป็นหมีกินผึ้งถึงการที่ต้องมาจับคู่กับเขา เขาก็รับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่รอนมีต่อเขา คงพูดได้คำว่า “รอนเกลียดเขาเข้ากระดูกดำ” เพราะฉะนั้นแม้เขาจะไม่สามารถลดระดับความเกลียดชังตัวเขาในใจรอนลงได้ ก็ขอแค่อย่าให้หมอนั่นเกลียดเขามากไปกว่านี้เลย

     

    ทั้งสองเดินทางไปเรื่อยๆ โดยไม่คิดจะพูดจากัน จนกระทั่งบรรยากาศรอบด้านเริ่มเปลี่ยนแปลง ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสี พระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า บ่งบอกว่าป่าต้องห้ามกำลังจะเข้าสู่รัตติกาล มัลฟอยจึงหยุดฝีเท้า เริ่มลงมือร่ายคาถาเพื่อป้องกันบริเวณโดยรอบ เสร็จแล้วก็มากางเต็นท์ หาอะไรใส่ปากใส่ท้อง แล้วรีบเดินเข้าเต็นท์ไปทันทีเมื่อเสร็จภารกิจ โดยตลอดเวลามัลฟอยก็ยังคงอยู่ในความเงียบ

     

    หลังจากที่คนตัวสูงเดินเข้าเต็นท์ รอนที่กำลังตักอาหารเข้าปากก็เงยหน้ามองตามแผ่นหลังนั้นไป เขาขมวดคิ้วและเริ่มรู้สึกตาขวากระตุกถี่ขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับอารมณ์หงุดหงิดที่ปะทุอยู่ภายในใจ

     

    ไอ้ซีดนี่ นายจะไม่พูดกับฉันจริงๆใช่ไหม ได้...ฉันจะให้เวลานาย ถ้าเช้าแล้วนายยังทำตัวงี่เง่าแบบนี้อีก เราได้เห็นดีกันแน่สายตาของคนตัวเล็กวาวโรจน์ แต่ก็ไม่วายหันกลับมาบริโภคอาหารตรงหน้าต่อ (ตะกละได้โล่นะรอนนี่)

     

    เช้าวันรุ่งขึ้น วันนี้รอนลงทุนตื่นเช้ามากกว่าปกติ เขารีบแต่งตัวและเดินออกมารอด้านนอก เขาตั้งใจจะดูว่ามัลฟอยยังจะแสดงละครใบ้ให้เขาดูอีกหรือเปล่า เมื่อเห็นคนตัวสูงเดินออกมาจากเต็นท์ รอนจึงจ้องหน้าคนตัวสูง หมายจะสื่อให้รู้ว่า พูดกับฉันซักทีสิโว้ยแต่ทางมัลฟอยกลับไม่แม้แต่จะมองเขาด้วยซ้ำ หมอนั่นลงมือเก็บข้าวของอย่างรวดเร็ว เมื่อเสร็จแล้วก็สาวเท้าเดินไปจากบริเวณนั้นทันที เท่านั้นเองสติของรอนก็แตกกระเจิง

     

    “มัลฟอย หยุดเดี๋ยวนี้นะ” รอนตะโกน

     

    มัลฟอยชะงักเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงคนตัวเล็ก เขาเหล่หางตามอง แล้วก็เดินต่อโดยไม่สนใจ รอนเห็นดังนั้นจึงกระโดดสองขาคู่ถีบไปที่กลางหลังของคนตัวสูงทันที จนมัลฟอยล้มไม่เป็นท่าทีเดียว

     

    “โอ๊ย...!!! นายทำบ้าอะไรน่ะวีสลีย์ นี่นายกระโดดถีบฉันทำไมเนี่ย”

     

    “อ้าว...ก็ฉันเรียกแล้วนายก็ยังเฉยนี่ ฉันก็เลยคิดว่านายอาจจะไม่ได้ยิน เลยสะกิดนายไง”

     

    “สะกิด...นายบอกว่าสะกิดเหรอ สะกิดซะฉันจุกเลยนะ”

     

    “โอ้...!!! ขอโทษทีนะ สงสัยฉันจะสะกิดแรงไปหน่อย” ปากพูดขอโทษ แต่ท่าทางที่รอนแสดงออกมา เด็กอนุบาลยังดูออกเลยว่าสะใจสุดๆ “เอาเถอะ ถ้าเกิดคราวหน้าฉันเรียกแล้วนายไม่ได้ยินอีก ฉันจะสะกิดให้เบาลงนะ”  

     

    “นายจะบ้าเหรอ” มัลฟอยสบถพลางคิด ยังจะมีคราวหน้าอีกเหรอ สงสัยถ้าโดนสะกิดอีกที คงต้องไปนอนที่เซนต์มังโกเลยล่ะ ตัวก็ไม่ใหญ่ แต่ทำไมเท้าหนักชะมัด มัลฟอยคิดพลางเอามือลูบหลังตัวเอง

     

    “เอาน่า เอาน่า การที่ฉันสะกิดนายน่ะ ฉันหวังดีนะ ฉันเห็นเมื่อวานนายเงียบทั้งวัน เลยคิดว่านายอาจจะลืมเอาเสียงมาน่ะ ฉันก็เลยตัดสินใจสะกิดเบาๆ เพื่อกระตุ้นให้ต่อมเสียงนายทำงาน อย่างน้อยตอนนี้เสียงของนายก็กลับมาทำงานได้ตามปกติแล้ว จริงๆนายควรจะขอบคุณฉันนะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” รอนหัวเราะออกมาด้วยน้ำเสียงสะใจสุดๆ “เอ้า...รีบเดินทางต่อสิ มัวแต่ยืนบื้ออยู่อย่างนั้น เดี๋ยวงานก็ไม่เสร็จหรอก” พูดจบ รอนก็ก้าวนำมัลฟอยไปเลย แถมตอนที่คนตัวเล็กเดินผ่านเขายังหันมายักคิ้วล้อเลียนเขาอีกด้วย

     

    ฝากไว้ก่อนเถอะ ฉันต้องเอาคืนนายแน่ๆ วีสลีย์

     

    ถึงการกระทำห่ามๆของรอนจะสร้างความขัดเคืองใจให้มัลฟอยอยู่บ้าง แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้บรรยากาศในการเดินทางดีขึ้นมากทีเดียว รอนท่าทางมีความสุขมากที่ได้แกล้งเขา ถึงขนาดเดินไปฮัมเพลงไปเลยทีเดียว จริงๆแล้วเขาควรจะโกรธหมอนั่นมากที่บังอาจทำกับเขาขนาดนี้ ตั้งแต่เกิดมา ไม่มีใครเลยที่กล้าทำกับเขาแบบนี้ แต่น่าแปลกที่เขาไม่รู้สึกโกรธคนตัวเล็กเลย แถมเมื่อเห็นท่าทางมีความสุขของคนตัวเล็ก ก็ทำให้เขาเผลออมยิ้มเลยทีเดียว

     

    ทั้งสองคนเดินทางต่อไปเรื่อยๆ รอนก็ยังคงเดินยิ้มและฮัมเพลงไปตลอดทาง แต่แล้วจู่ๆคนตัวเล็กก็หยุดชะงักอยู่กับที่ ท่าทางเหมือนตกใจอะไรบางอย่าง เมื่อมัลฟอยเห็นดังนั้นจึงรีบรุดไปหาคนตัวเล็กทันที

     

    “มีอะไรเหรอวีสลีย์”

     

    “นายดูนั่นสิมัลฟอย” รอนพูดพร้อมกับชี้นิ้วไปเบื้องหน้า มัลฟอยจึงมองตามไปยังทิศทางที่รอนชี้ แล้วเขาก็ต้องเบิกตากว้าง เพราะเบื้องหน้าของทั้งสองคือทุ่งหญ้าขนาดใหญ่ที่สวยงามและกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา แต่นั่นยังไม่ใช่เรื่องที่น่าตื่นเต้นที่สุด เพราะสิ่งที่พวกเขาพบอีกอย่างคือยูนิคอร์นตัวนึงที่พูดได้เลยว่าสวยและดูสง่างามกว่ายูนิคอร์นตัวใดที่ทั้งสองเคยพบเห็นมา ทั้งมัลฟอยและรอนหันมาสบตากันทันที  

     

    “หรือว่านั่นจะเป็น...” ทั่งคู่เอ่ยขึ้นมาพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย

     

    “เรารีบไปดูกันดีกว่า” มัลฟอยชวนรอนทันที

     

    “ไปสิ”

     

    แล้วทั้งคู่ก็สาวเท้าไปหายูนิคอร์นเบื้องหน้าทันที เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า ยูนิคอร์นตัวดังกล่าวจึงหันกลับมามอง

     

    “พวกเจ้าเป็นใคร เหตุใดจึงเข้ามายุ่มย่าม ณ สถานที่แห่งนี้”

     

    ทั้งคู่หันมาสบตากันอย่างรวดเร็วอีกครั้ง ตอนนี้สิ่งที่ทั้งคู่คิดคือ ยูนิคิร์นพูดได้ด้วยเหรอวะ

     

    “เอ่อ...เราสองคนเป็นนักเรียนของฮอกวอตส์” มัลฟอยตัดสินใจเป็นผู้ตอบคำถามดังกล่าว

     

    “แล้วเด็กนักเรียนฮอกวอตส์เข้ามาทำอะในป่าต้องห้ามแห่งนี้ล่ะ เท่าที่ข้ารู้ ทางโรงเรียนไม่อนุญาตให้เด็กนักเรียนเข้ามาเดินเล่นในนี้ไม่ใช่เหรอ”

     

    “คือ...เราสองคนได้รับภารกิจจากศ.ดัมเบิลดอร์ เราอยากจะขอพบกับท่านจ้าวยูนิคอร์น ครับ” คราวนี้เป็นรอนที่เป็นคนไขข้อสงสัยให้ยูนิคอร์นเบื้องหน้า

     

    “พวกเจ้าอยากพบท่านจ้าวเหรอ”

     

    “ครับ...ว่าแต่ว่า ท่านคือท่านจ้าวหรือเปล่าครับ” รอนสบโอกาส จึงเอ่ยถามสิ่งที่สงสัยออกไปทันที

     

    “ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เสียงยูนิคอร์นหัวเราะก้องกังวานไปทั่วทั้งป่า “ข้าเหรอ...ไม่หรอก ข้าไม่ใช่ท่านจ้าว นี่ข้าดูมีสง่าราศีขนาดนั้นเลยเหรอ”

     

    “ใช่ ท่านน่ะสง่าสุดๆไปเลย” เจ้าหัวแดงเอ่ย

     

    “เอาเถอะ เจ้าลงทุนชมข้าขนาดนี้ แถมเป็นเด็กนักเรียนที่ศ.ดัมเบิลดอร์ส่งมา ถ้าอย่างนั้นข้าจะนำทางไปพบท่านจ้าว ดีไหม”

     

    “เยี่ยมเลยครับ” รอนดีใจมาก กระโดดตัวลอย พร้อมกับปรบมือด้วยท่าทางมีความสุข

     

    หมอนี่ เวลาดีใจ ออร่าพุ่งพรวดขึ้นมาทีเดียว เล่นเอาคนรอบข้างสดใสกันไปหมด ชอบจริงๆเลยมัลฟอยคิดแล้วก็ยิ้มกว้าง

     

    “ถ้าอย่างนั้นก็” จู่ๆก็เกิดกลุ่มควันหนาขึ้นมาปกคลุมร่างยูนิคอร์นตรงหน้าจนมองอะไรไม่เห็น รอนตกใจก้าวถอยหลังมาชนกับแผงอกของมัลฟอย ซึ่งดูเหมือนเจตนามารอรับเขาอยู่แล้ว

     

    “เอ่อ...ขอโทษที” รอนพูด

     

    “ยินดีและเต็มใจยิ่ง ถอยมาชนบ่อยๆนะ ฉันชอบ” คำตอบจากคนตัวสูง ทำให้รอนหน้าแดงถึงหูเลยทีเดียว

     

    เมื่อควันสลายไป เบื้องหน้าคนทั้งคู่ไม่มียูนิคอร์นยืนอยู่แล้ว แต่ที่ตรงนั้นกลับมีชายหนุ่มรูปงามยืนอยู่แทน ผมสีเงินของชายผู้นั้นยาวระต้นคอ ดวงตาสีดำขลับเป็นประกาย จมูกโด่งเป็นสัน คิ้วเข้มหนา ปากหยักได้รูป พูดได้คำเดียวว่าหล่อฝุดๆ เล่นเอาเจ้าผมแดงของเรายืนมองตาค้าง อ้าปากหวอเลยทีเดียว

     

    ชายหนุ่มตรงหน้าก้มลงมาสบสายตากับคนตัวเล็ก แล้วยิ้มให้อย่างอ่อนโยนในความน่าเอ็นดูของรอน ซึ่งการกระทำดังกล่าวหาได้รอดพ้นสายตาเฉียบคมดุจตาเหยี่ยวของมัลฟอยไปได้

     

    “เจ้าตกใจรึ...นี่ข้าเอง ยูนิคิร์นตัวเมื่อครู่นั่นแหละ”

     

    “ห๊า...!!!” รอนแหกปากซะลั่น “ท่านจริงๆเหรอ หล่อและเท่ห์สุดๆไปเลย”

     

    เมื่อได้ยินดังนั้น ยูนิคอร์นหนุ่มก็ยิ้มกว้างมากขึ้นไปอีก นี่เขาจะรู้ตัวไหมนะว่ารอยยิ้มนั่นจะทำให้รอนละลายอยู่แล้ว

     

    “เจ้าช่างซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตนเองยิ่งนัก ให้ตายสิ...รู้สึกว่าข้าชักจะถูกใจเจ้ามากขึ้นเรื่อยๆแล้วนะ” พูดพลางส่งสายตาพราวระยับและรอยยิ้มแสนหวานมาให้เจ้าหัวแดงที่แทบจะยืนไม่อยู่แล้ว

     

    มัลฟอยได้ยินดังนั้น ก็ขมวดคิ้วและซักสีหน้าขึ้นมาทันที เขาจ้องหน้ายูนิคอร์นหนุ่มไม่ละสายตา ก็แววตาที่ไอ้ม้าบ้านั่นส่งมาให้คนตัวเล็กน่ะ มันเป็นแววตาแบบเดียวกับเด็กที่เจอของถูกใจอย่างไงอย่างงั้นเลย แถมไอ้ม้าบ้านั่นยังเหลือบตามามองเขาแล้วยิ้มเยาะให้อีกต่างหาก น่าโมโหชะมัด

     

    “ขอโทษทีนะ ข้าเสียมารยาทไปหน่อย ข้ายังไม่แนะนำตัวให้พวกเจ้ารู้จักเลย ข้าชื่อ คาลวาโล เป็นบุตรชายของท่านเปกาซัสหรือท่านจ้าวยูนิคอร์นที่พวกเจ้าอยากพบนั่นแหละ”    

     

    “ห๊า...!!!” เจ้าหัวแดงแหกปากอีกรอบ “ถ้าอย่างนั้น ท่านก็เป็นเจ้าชายยูนิคอร์นน่ะสิ เจ๋งชะมัด”

     

    “ฮ่า ฮ่า ฮ่า...ข้าช่างถูกใจเจ้ายิ่งนัก แล้วพวกเจ้าล่ะ ชื่ออะไรกัน”

     

    “อ๋อ...ผมชื่อโรนัลด์ วีสลีย์ เรียกว่ารอนก็ได้ครับ”

     

    “แล้วสหายของเจ้าล่ะ”

     

    “เอ่อ...ไม่ใช่สหายหรอกครับ แค่คู่ที่ผมจับสลากได้ในการทำภารกิจ เขาชื่อเดรโก มัลฟอยครับ”

     

    มัลฟอยได้ยินเช่นนั้นก็กำหมัดแน่นขึ้นมาทันที แม้แต่ความเป็นเพื่อน นายยังไม่คิดจะให้ฉันเลยเหรอวีสลีย์

     

    “เอาล่ะ...เจ้าทั้งสอง ตามข้ามาเถอะ ข้าจะพาไปพบท่านจ้าว”

     

    “ครับ” รอนตอบพร้อมยิ้มกว้าง แล้วหันไปหามัลฟอย “ไปเหอะ มัลฟอย” โดยไม่รอคำตอบ รอนก็ก้าวนำหน้าไปเดินเคียงข้างเจ้าชายคาลวาโลทันที โดยไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่ามัลฟอยเดินตามมาหรือไม่ (นี่นายกล้าไม่สนใจมัลฟอยได้ไง...รอน)

     

    “ไหน...เจ้าลองเล่าเรื่องที่ฮอกวอตส์ให้ข้าฟังทีสิ ระหว่างเดินไปน่ะ คงไม่เป็นการรบกวนใช่ไหม” เจ้าชายคาลวาโลกล่าว เมื่อเห็นคนตัวเล็กเดินมาข้างกาย

     

    “ไม่เลยครับ ท่านอยากรู้อะไร ผมจะเล่าให้ฟังทุกอย่างเลยครับ”

     

    ว่าแล้วทั้ง 2 คน หรือจะพูดให้ถูกคือ 1 คน กับอีก 1 ตัว ก็เดินเคียงข้างกันออกไป โดยทั้งคู่คงลืมไปซะสนิทว่ามัลฟอยยังยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้อีกทั้งคน

     

    วีสลีย์...เจ้าบ้านั่น ทำท่าระริกระรี้อย่างกับเด็กผู้หญิงเจอรักแรก เดินยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ตลอด แถมยังทำท่าเคลิบเคลิ้มแบบไม่ปิดบัง น่าหมั่นไส้ชะมัด ส่วนไอ้ม้าบ้านั่น สายตาที่มองหมอนั่นก็ไม่ธรรมดาเลย ทำราวกับว่าจะกินหมอนั่นเข้าไปอย่างงั้นแหละ สายตาหื่นชะมัด หมอนั่นก็ไม่รู้เรื่องรู้ราวเลย เดี๋ยวได้กลายเป็นเมียม้าไปหรอก...บ้าเอ๊ย...ไม่มีวันหรอก ฉันไม่มีวันยอมให้เกิดเรื่องแบบนั้นแน่

     

    แล้วเขาก็รีบสาวเท้าให้ทันการเดินของทั้งคู่ ซึ่งดูเหมือนจะไม่รับรู้ถึงการมีอยู่ของเขาอีกแล้ว

     

    TBC
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×