คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #24 : EP 21 100% [มีตัวละครจากอีกเรื่องแวะมาเยี่ยมแน่ะ]
21
แสงตะวันในโลกปีศาจทอประกายของตอนเช้า แม้จะร้อนสักเพียงไหนแต่ยังสู้จิตใจของ (สัตว์) ปีศาจสองตนไม่ได้ ทั้งสองตนสาวเท้ามาจนถึงหน้าปราสาทในเมืองแวมไพร์ด้านเหนืออย่างเร่งรีบ พวกเขาเผชิญหน้ากับทหารคุมประตูอย่างหงุดหงิด เพราะไอ้ปีศาจชั้นสวะสองตนนี้ไม่ยอมให้พวกเขาผ่านไปสักที
“โว้ย! ร้อนๆๆๆๆ” ฟอกซ์โวยวายอย่างรำคาญ ก่อนจะหันไปมองไลน์ที่เอาแต่ยืนนิ่งมองขึ้นไปด้านบนอย่างเดียว “ไลน์! เมื่อไหร่จะได้เข้าไปสักที!”
“เงียบน่า” เสียงบอกมาเรียบๆ ก่อนจะพยักหน้าให้มองขึ้นไปด้านบน “เจ้าสัมผัสความรู้สึกคุ้นๆ จากห้องนั้นได้มั้ย?”
“หา?! นี่มันใช่เวลาซะที่ไหนเล่า!” ฟอกซ์ทำท่าจะโวยใส่ไลน์จริงๆ แต่พอเห็นสีหน้าที่ออกจะติดหงุดหงิดเล็กน้อยนั้นก็ได้แต่เงียบแล้วมองตาม “อืม... นั้นสินะ คุ้นจริงๆ สัมผัสแรกของเจ้าเพียสนั้นแน่ แต่อีกหนึ่งนี่สิ... คือใครกัน?”
“ใช่มั้ยล่ะ แล้วอย่างหมอนั่นเนี้ยนะจะพาคนอื่นเข้าห้องตัวเอง ไม่มีทางซะหรอก ต้องมีอะไรแน่ๆ”
“น่าสงสัยจริงๆ นะ” ฟอกซ์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะตัดสินใจ “เอาวิธี ‘นั้น’ เลยก็แล้วกัน”
“นั่นสินะ” ไลน์ถอนหายใจน้อยๆ ก่อนจะเดินนำห่างออกจากประตูทางเข้าปราสาท หายกลมกลืนไปกับความมืดมิดของป่าด้านหน้าปราสาท
สายลมที่พัดพาเอากลิ่นหอมตามธรรมชาติมาแตะจมูกของผู้คุมประตู ทำเอาเคลิ้มเกือบจะหลับไปแล้วแต่ก็ตั้งสติได้ทัน หันกลับมาขยี้ตาหน่อยๆ ก่อนจะยืนนิ่งเพื่อเฝ้าประตูเหมือนเดิม แต่แล้วกลับรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างผ่านไป... เพียงวูบเดียวเท่านั้นก่อนจะหายไป จนเหมือนกับว่าเพียงแค่คิดไปเอง ดวงตาของปีศาจตนนั้นมองไปรอบๆ อย่างระแวดระวังเมื่อไม่เห็นมีอะไรก็ยืนเฝ้าอย่างเดิมต่อไป
ฟอกซ์และไลน์ที่ใช้เวทย์หายตัวขั้นสูงของเผ่าแวร์วูฟเดินผ่านผู้คุมประตูเข้ามาอย่างง่ายดายก่อนจะส่งกระแสจิตให้ไอ้เพื่อนรักอีกคนได้รับรู้การมาของพวกเขา
“พวกข้ามาแล้ว มีเรื่องจะปรึกษา ด่วน”
ใบหน้าของสัตว์ปีศาจทั้งสองเคร่งเครียดก่อนจะเดินไปตามทางในปราสาทอย่างคุ้นเคยเพราะมาเป็นประจำตอนที่ยังไม่ได้หนีไปเล่นที่โลกปีศาจ
พอเดินมาถึงห้องนั่งเล่นที่เพื่อนตัวดีมักจะใช้คุยกันเป็นประจำก็เปิดประตูผ่างเข้าไปทันทีไม่มีลังเล แต่แล้วก็ต้องชะงักกึกเมื่อมีคนอยู่ก่อนแล้ว แถมยังเป็นคนที่รู้สึกคุ้นหน้าด้วย
“สวัสดี” เสียงหวานดังขึ้นโดยที่ยังไม่แม้แต่จะหันมามอง คนๆ นั้นนั่งบิดลูกบิดที่มนุษย์เรียกว่า ‘รูบิคส์’ อย่างรวดเร็ว “ไม่เข้ามาล่ะ?”
“ทำไมเจ้าถึง...” ฟอกซ์พูดขึ้นอย่างตกใจมองใบหน้าที่พอจำได้ คนๆ นี้คือผู้ชายหน้าหวานปริศนาคนนั้นที่ได้รับคำทำนายจากดวงตาสวรรค์ที่ถ้ำของพวกเขา
“คำทำนายเป็นจริงแล้ว” เสียงหวานพูดเรียบๆ ก่อนที่ใบหน้าหวานจะยิ้มออกเพราะรูบิคส์ทั้งหกด้านกลายเป็นสีอย่างปกติ เมื่อเอาชนะได้ก็วางไว้บนโต๊ะก่อนจะหันมามองแขกที่เคยมาประจำทั้งสอง
“ทำไมเจ้าถึงอยู่ที่นี่ได้ล่ะ?” ฟอกซ์ที่ถึงคิดยังไงก็ไม่เข้าใจตัดสินใจถามดีกว่า เพราะคิดให้ตายก็ไม่เข้าใจอยู่ดี “แล้ว...”
“เสียใจนะ ตอนนี้ ที่นี่ ฉันคุม” เสียงหวานดังขึ้นอย่างเรียบเฉยพูดราวกับกำลังดื่มน้ำชาท่ามกลางบรรยากาศยามเย็นสบายอารมณ์
“ว่า... ไง... นะ...” ทั้งไลน์และฟอกซ์นิ่งค้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“เจ้าเอาเพียสไปไว้ไหน?!” ฟอกซ์โวยวายทั้งถาม ทั้งขู่ ทั้งตะคอก ทำเอาชายหนุ่มปริศนาถอนหายใจนิดๆ
“เอา... ไว้ไหน?” ใบหน้าหวานเอียงนิดๆ ราวกับจะบอกว่าไม่เข้าใจในคำกล่าวหานั้น “ฉันจะเอาเพียสไปไว้ที่ไหนได้”
“อย่ามาเรียกไอ้หมอนั่นอย่างสนิทสนมนะ!” ฟอกซ์ตะโกน อารมณ์ขาดผึ่ง! กระโดดเข้าหาอีกฝ่ายอย่างกับจะฉีกอีกฝ่ายให้เป็นชิ้นๆ
“จะทำอะไรกันน่ะ?” เสียงทุ้มที่แขกที่เคยประจำคุ้นเคยดังขึ้นจากหน้าประตูทำให้ฟอกซ์ชะงักก่อนจะหันไปมองอย่างช้าๆ ราวกับไม่แน่ใจ
“เจ้า! / เจ้า” ทั้งไลน์และฟอกซ์เรียกเสียงดังลั่นก่อนจะกระโดดเข้าหาอีกฝ่ายอย่างดีใจ
“ข้านึกว่าเจ้าจะเป็นอะไรไปแล้วซะอีก” ไลน์พูดก่อนจะตบไหล่อีกฝ่ายอย่างสนิทสนม ใบหน้าหล่อเหลาคลายความกังวลไปส่วนหนึ่ง
“ข้าก็คิดไปว่าเจ้าตายไปแล้ว! เพราะเจ้านั่นแหละ!” ฟอกซ์ที่ดีใจมากๆ หันกลับมาต่อว่าใส่เด็กหนุ่มร่างบอบบางที่นั่งอยู่บนเก้าอี้โซฟา ในมือบางนั้นมีหนังสือปึกใหญ่อยู่
“เสร็จแล้วเหรอ? เพียส” ดวงหน้าหวานถามโดยไม่ละสายตาออกจากหนังสือตรงหน้า มือบางเปิดผ่านราวกับไม่ได้อ่าน แต่เป็นเพราะความสามารถในการใช้ตาในการอ่านที่ดีกว่าปีศาจหรือเทพ หรือแม้แต่คนปกติทั่วไปทำให้เปิดต่อได้อย่างรวดเร็ว
“เฮ้! อย่าเมินข้าสิ!” ฟอกซ์โวยลั่น ทำท่าจะเข้าไปกระชากหนังสือออกจากมือบางแต่ว่าโดนมือของเพื่อนรักที่เป็นแวมไพร์ดึงไว้แน่น “เจ้ารั้งข้าไว้ทำไม?”
“ข้าให้เจ้าทำร้ายหมอนี่ไม่ได้” พูดออกมาเสียงเรียบ แล้วปล่อยมือเมื่ออีกฝ่ายมีท่าทีที่สงบมากขึ้น “ข้าไม่มีวันให้พวกเจ้าทำร้ายคนของข้าแน่นอน”
“เงียบเถอะน่า เพียส” ดวงหน้าหวานเบือนหนี ทั้งแก้มและใบหูขึ้นสีระเรื่อ
“หมายความว่ายังไง?” ไลน์ถามขึ้น แวมไพร์หนุ่มขยับยิ้มเล็กน้อยก่อนจะไปนั่งเคียงข้างเด็กหนุ่มร่างบอบบางที่นั่งอ่านหนังสือ
“นั่งก่อนสิ มีเรื่องจะคุยไม่ใช่เหรอ?” แวมไพร์หนุ่มชี้ไปที่โซฟาตรงข้ามกับของตน
“เพียส เล่มนี้มีเล่มต่อนี่ มันอยู่ไหนน่ะ?” เสียงหวานดังขึ้นก่อนจะปิดหนังสือปึกใหญ่ลงแล้ววางลงบนโต๊ะดังตุ้บ “เนื้อหายังไม่ครบเลย”
“เดี๋ยวหาให้นะ ตอนนี้คุยกับเพื่อนข้าก่อนนะ” แวมไพร์หนุ่มแตะแก้มร่างบางเบาๆ ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นบีบจมูกแทน “โอเคนะ?”
“ก็ได้ๆ” เด็กหนุ่มร่างบางหันมามองแขกเต็มตาก่อนจะเอ่ยขึ้น “สวัสดี”
“เออ... สวัสดี” ไลน์พูดด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจว่าควรทักกลับรึเปล่า แต่ในเมื่อเพื่อนรักของพวกเขาไว้ใจเขาก็คงจะไว้ใจได้เหมือนกัน
“เฮ้! ทำไมต้องพูดทำให้พวกข้าเข้าใจผิดแบบนั้นด้วยล่ะ” ฟอกซ์ถามน้ำเสียงขุ่นอย่างไม่พอใจ ตาคมตวัดมองอีกฝ่ายเล็กน้อย “ที่ว่า ตอนนี้เจ้าคุม น่ะ”
“รึไม่จริง?” ใบหน้าหวานหันไปมองแวมไพร์หนุ่ม แล้วยกคิ้วสูง ดวงตาใสเค้นเอาคำตอบ
“ฮะๆ ก็เรื่องจริงน่ะสิ” คนโดนเค้นหัวเราะนิดๆ ก่อนจะหันมาตอบเพื่อนรัก “ชีวิตของข้าเป็นของ ‘ยูน’ แล้ว”
“เพียส! นี่เจ้า... ไหนว่าจะครองตัวเป็นโสดตลอดชีพไง?” ฟอกซ์ถามอีกฝ่ายอย่างงุนงง
“เจ้าถามข้าเมื่อกี่พันปีที่แล้วล่ะ?” เพียสย้อนถามร่างโปร่งทำให้ฟอกซ์ชะงักกึกทันที เบือนหน้าหนีอีกฝ่ายอย่างจนปัญญาเพราะไม่รู้ว่าจะต่อยังไงดี
“แล้วเจ้าชื่ออะไร?” ไลน์เอ่ยถามร่างบางที่เอาแต่มองใบหน้าของพวกเขาทั้งสองคนนิ่งๆ “เมื่อกี้เพียสบอกว่าเจ้าชื่อ ‘ยูน’ สินะ แต่ว่า... เทพอย่างเจ้าจะมีชื่อได้ยังไงกัน”
“เรื่องมันยาวเป็นกิโลเมตร จะให้เล่าได้ยังไง” ยูนปฏิเสธหน้าตาเฉยและเรียบมาก “พวกนายมีเรื่องด่วนเกี่ยวกับเด็กคนนั้นไม่ใช่รึไง? ชิพ โนเอลล์”
“ใช่” ไลน์และฟอกซ์สับสวิตช์เข้าโหมดเครียดเล่นเอาเพื่อนรักอีกคนแทบตามไม่ทัน
“ชิพ... ชิพ โนเอลล์งั้นเหรอ? เขาเป็นใครกัน?” แวมไพร์หนุ่มถามอย่างไม่เข้าใจ
แอ๊ด~
“ขออนุญาตครับ เอาชาบ่ายมาเสริฟครับ” ชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง เดินเข้ามาพร้อมด้วยโต๊ะเข็นที่มีทั้งเค้กและชา
“เดย์! มาแล้วๆ” ร่างบางกระโดดขึ้นแล้วพุ่งไปหาเค้กก่อนที่เพียสจะทันได้ห้าม “อ๋า~ วันนี้เค้กนมสดเหรอ? ทำไมของเพียสได้ช็อคโกแล็ตล่ะ?”
“ข้าสั่งเอง ยูน มานั่งดีๆ สิ” แวมไพร์หนุ่มเตือนแต่มีหรือที่ร่างบอบบางจะสนใจ ทำให้ต้องถอนหายใจน้อยๆ ก่อนจะหาของล่อ “ถ้านั่งดีๆ ข้าจะให้กินเค้กส่วนของข้าด้วยนะ”
“โอเค!” ไม่ต้องคิดอะไรเลยร่างบอบบางก็กระโดดมานั่งข้างเพียสอย่างเต็มใจ ดวงตาใสกระพริบปริบๆ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เอาล่ะ เข้าเรื่องกันดีกว่า” เพียสโอบเอวบางเล็กน้อยแต่ก็โดนมือเล็กตีดังเพี๊ยะ แต่แล้วความหน้าด้านของแวมไพร์หนุ่มกลับมีเยอะกว่าโอบเอวต่อเฉยไม่ได้ชักกลับอย่างที่ควรจะเป็น
ทั้งไลน์และฟอกซ์เห็นท่าทางหวานแหวว (?) ของสองตนตรงหน้าแล้วคิ้วชักกระตุกยิกๆ อย่างหมั่นไส้ นี่ถ้าชิพอยู่คงไม่ต้องนั่งแหง่วเหงาหงอยโดดเดี่ยวเดียวดายอ้างว้างแบบนี้หรอก
“เข้าเรื่องจริงๆ แล้วนะ” เพียสหันมาทำหน้าจริงจังใส่เพื่อนอีกสองคนที่ต้องทนดูฉากสวีตของมันกับแฟน “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
“ชิพโดนจับตัวไป” ฟอกซ์พูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเล็กน้อย “แล้วอย่ามาถามนะว่าชิพเป็นใคร”
“แล้ว...”
“ชิพน่ะ... เป็นเทพนะ เพียส” เสียงหวานดังขึ้นจากริมฝีปาก “เป็นเทพที่โชคร้ายที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลยล่ะ ไม่ว่าจะอยู่บนสวรรค์ก็โดนกลั่นแกล้ง พอโดนสาปให้มาเป็นสัตว์ปีศาจก็ดันไปทำตัวเซ่อซ่าโดนจับไปอีก”
“เออ... ช่วยเปลี่ยนจากเซ่อซ่าเป็นไร้เดียวสาดีกว่านะ ฟังแล้วดูดีกว่ากันเยอะเลย”
ดวงตาใสตวัดมองเล็กน้อยแต่ไม่ได้เปลี่ยนคำพูดแต่อย่างใด
“ชิพเป็นคนรักของสองคนนี้” คำพูดสรุปทำให้แวมไพร์หนุ่มถึงกับช็อค “อย่าเวอร์น่ะ เรื่องแบบนี้มันกลายเป็นปกติไปแล้วสำหรับโลกนี้น่ะ”
“โอ้... เจ้ากำลังว่าข้าล้าหลังอยู่นะ” แวมไพร์หนุ่มหันมามองใบหน้าหวาน
“ก็จงใจนี่นา”
“เออ... ช่วยจริงจับกับเรื่องของพวกข้าให้นานกว่าหนึ่งนาทีได้มั้ย?” ฟอกซ์แทรกขึ้นระหว่างที่ทั้งสองตนทำท่าจะเถียงกันยาว
“ก็ได้ๆ” ยูนยกมืออย่างยอมแพ้ “นี่เพราะเป็นชิพหรอกนะ ฉันรู้แค่ว่าชิพโดนจับตัวไปโดยบุตรแห่งพระเจ้า ไม่ต้องทำหน้างงเลย เพียส บุตรแห่งพระเจ้าก็คือลูกชายของพระเจ้าคนนั้นน่ะแหละ แต่ว่าทำตัวน่าหมั่นไส้กว่ากันเยอะแยะ”
เด็กหนุ่มแสดงท่าทีว่าไม่ชอบใจบุตรแห่งพระเจ้ามากนักเหมือนกับตอนที่หลงอยู่ในโลกปีศาจเป๊ะ ใบหน้าที่บอกว่าไม่ได้เกลียด แต่ก็ไม่ได้ชอบทำให้เพียสชักสงสัย
“สำหรับบุตรแห่งพระเจ้าแล้วน่ะนะ ชิพ... เทพตนนั้นน่ะ เป็นพี่ชายที่แสนดี สอนแต่สิ่งดีๆ ให้ เคารพและรักพี่ชายมาก มากจนคิดว่าตนทำอะไรพี่ชายก็จะเห็นดีด้วยอย่างแน่นอน”
“งั้น...”
“ใช่” ยูนถอนหายใจน้อยๆ ก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้ง “เรื่องในคราวนี้น่ะ ไม่ได้เป็นความตั้งใจของชิพ แต่เป็นเพราะโดนจับไปต่างหาก จบข่าว”
-----
เม้นน้อยอย่างน่าตกใจ =O=;;
ก็ไม่ได้อยากจะเครียดนะ แต่ก็ยังคิดๆ อยู่ว่าเราแต่งไม่หนุกรึเปล่านะ?
มาบ่นนิดหน่อยแค่นี้แหละ
จะพยายามแต่งต่อไปล่ะกันน้า เม้นเป็นกำลังใจให้หน่อย
ความคิดเห็น