คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : chapter 6 :
หนาวววววววววววววววววว ~ หนาวจุงเบย นี่คือสิ่งที่ผมรู้สึกได้ในตอนเช้ามืด โอ้ย นี่แข็งไปถึงไข่แล้วนะ ผมใช้แขนและขาอันยาวเหยียดตวัดหาวัตถุไว้กอดรัดเพื่อคลายหนาว พอกอดเข้าไปเท่านั้นแหละรู้เลย นี่มันไม่ใช่หมอนข้างอันนุ่มนิ่มนี่นา มันแข็งๆแถมกลิ่นยังตุๆอีกด้วย พอพยายามเหลือกตาขึ้นมามองก็เห็นผมสีดำที่ส่งกลิ่นเน่าคล้ายศพหนูตาย อิเชี่ย นี่อิพี่ลู่ววววววววว ผมสะเดิดทันที นี่มันมานอนอยู่บนเตียงผมได้ไง! (เตียงมึงหรา) แต่สะเดิดได้ไม่นาน กุก็มุดกลับเข้าไปอยู่ในผ้าห่มเหมือนเดิม มันหนาวจริงๆนะหนิ กี่โมงละวะ ผมหันไปมองนาฬิกาข้างเตียงก็เห็นว่าตีสองกว่าแล้ว ได้เวลาละ
ผมเขย่าพี่หานเบาๆ เชร้ด เบื่อมุกนี้ป่าว ปลุกแล้วไม่ตื่นหนิ ผมเขย่าแรงขึ้นเรื่อยๆ นี่เขย่าจนเตียงสั่นละ ถ้านี่คือโรงแรมคาดว่าข้างห้องคงคิดว่ากุปฏิบัติภารกิจกันยามเช้าละ นี่จะไม่ตื่นใช่มั้ย เออดี งั้นก็เฉาตายอยู่บ้านนี่แหละ ไม่ต้องทำมาหาแดกอะไรทั้งนั้น คิดได้แล้ว ผมก็นอนแม่งเลย อากาศหนาวๆแบบนี้ ได้นอนเยอะๆดีกว่าฟิน
7:00 AM.
แง่มๆๆๆๆๆๆๆๆผมเปิดเปลือกตาขึ้นเพื่อต้อนรับวันที่จะได้ทำงานกับชาวบ้านเค้าซักที นี่อุตส่าห์ตื่นเช้าสุดๆเลย มองซ้ายมองขวาก็ไม่เจอมินซอก อื้ม สงสัยไปเตรียมของรอผมแล้วมั้ง ผมลุกจากที่นอนด้วยอาการสั่นระดับแปดริกเตอร์ หนาวขนาดนี้แนะนำให้หิมะตกให้ห้องกุเลย ผมเดินเข้าห้องน้ำไปทั้งเสื้อเชิ้ตบางๆกับบอกเซอร์สั้นๆ กะอาบน้ำก็คงไม่ไหวละ เครื่องทำน้ำอุ่นพัง ผมล้างเบ้าหน้าและชำระล้างน้องหานนิดนึงคือเมื่อคืนก็ไม่ได้อาบไงประเด็นเดี๋ยวมันเน่ามา ไม่ได๊นะ!! นี่เรื่องใหญ่ระดับชาติ เสร็จละผมก็เดินห่มผ้าเช็ดตัวที่เดี๋ยวนี้เตรียมไว้ในห้องน้ำแล้วกันฉุกเฉิน ทาแป้ง ทาโรลออนแต่งตัวเสร็จผมก็เดินลงไปข้างล่าง สรุปว่า กริบ………… ผมเดินออกไปดูนอกบ้านก็พบว่า เชร้ดทำไมตีสามฟ้าสว่าง พอวิ่งกลับเข้ามาดูในห้องก็พบว่า จะแปดโมงละสรึด ไอ้เด็กมินซอกไปไหน!!! นี่กุรีบจนลืมดูเวลา ผมวิ่งหาโทรศัพท์อยู่สองปีสี่ชาติครึ่งก็พบว่ามันอยู่บนโต๊ะข้างนาฬิกานั่นแหละ ผมโทรหามันด้วยใจระทึก
“ ว่า ”
โหดูตอบดิ งอนกุแน่ๆ
“ นี่อยู่ไหน ”
“ อยู่โรงเรียนละ ”
“ เห้ย รีบไปทำไม ละไปยังไง ใครไปส่ง ”
“ ไอ้เฉินมารับ ”
“ เฉินไหน ? ”
“ เพื่อน ”
“ เพื่อนไหน ?”
“ ถามทำไมหนิ ไม่รู้จักหรอก ”
“ ก็พามาเจอหน่อยดิ อยากเห็น ”
“ อยากเห็นทำไมหละ วู่ว แค่นี้นะ จะเข้าแถวแล้ว”
ตุ๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ตอนนี้ถึงมันงอนผมก็ไม่สนละ ไอ้เฉินนี่ใครวะ อยากเจอจังเลย!!
ผมมุ่งหน้าไปโรงเรียนด้วยใจเหี่ยวแห้ง คือรถติดมากอ่ะติดงี้แนะนำให้ลาออกไปเป็นกาวตราช้าง ผมนั่งอยู่บนเบาะรถจนหลับได้สามตื่น ป้าดดดด อะไรคือไฟแดง 400 วิ ตอนแรกผมคิดไว้ว่าจะทิ้งรถไว้นี่แล้ววิ่งไปหามันเสร็จแล้วก็วิ่งกลับมารถน่าจะเคลื่อนได้พอดี คิดทบทวนตีกันกับหัวสมองได้ซักพักรถฝั่งผมก็ปล่อยพอดี อืมขับๆไปเหอะเดี๋ยวก็ถึงผมเชื่ออย่างนั้น
11:00 AM
กุถึงโรงเรียนที่ห่างไกลจากตัวเมืองแล้วครับ คริสนะคริสจะส่งน้องมาเรียนทั้งทีนี่มึงต้องเอาให้สุดสิวะ ผมทึ้งหัวตัวเองด้วยอารมณ์เสียขั้นสุดกว่าจะถึงนี่น้ำมันก็แทบหมด เดินไปซักพักก็ป๊ะหน้ากับยามคนหล่อ อรั้ย ขอสากเธอแลกเบอร์โทร
พอเค้าเห็นใบหน้าอันหล่อเหลาดั่งพระเจ้าได้สรรสร้างปั้นอย่างประณีตของผม เค้าก็ยิ้มให้แล้วเปิดประตูต้อนรับอย่างยินดี โดยไม่ถามอะไรซักคำ หึ คนมันหล่อช่วยไม่ได้จริงๆฮะ
ผมเดินเข้าไปเรื่อยๆก็เห็นสาวกรี๊ดมาจากบนอาคาร แต่ก็ต้องสะดุดตากับสายตาคู่หนึ่งที่จ้องมาจากชั้น 4 มันส่งกระแสจิตมาหาผมว่า ‘มาทำอะไรที่นี่’ เห็นแล้วขนตูดผมก็ลุกออกมาโดยไม่ทราบสาเหตุ แต่ด้วยใจมุ่งมั่นผมจึงเดินไปชั้น 4 อย่างเร็ว จะเห็นให้ได้เลยไอ้เฉินหนิกล้าดียังไงมารับไอ้เด็กนี่โดยไม่บอกผมซักคำ ถ้าเกิดมันเป็นอะไรขึ้นมา ผมจะรับผิดชอบยังไง คนในครอบครัวก็ไม่ใช่ เป็นแค่คนดูแล
พอถึงแล้วผมก็แทบอยากจะเอาหัวมุดกลับเข้าไปในเสื้อเหลือเกิน จะมองกุทำไมเยอะแยะละยืนขอบๆให้เป็นทางเดินโดยมีไอ้เด็กมินซอกยืนอยู่ตรงกลางสุดปลายทางเดิน คล้ายว่ากุจะเดินไปสารภาพลักซ์งั้นแหละ ถ่อว วั้นนี้จะมาต่อยเด็กว้อย ผมเดินไปเรื่อยๆโดยมีเด็กนักเรียนหญิงส่งสายตาวิงค์ๆให้ตลอด แหม่ เด็กวัยนี้นี่มันน่ากินกันจริงๆนักแล
“ มาทำไม ”
มันเปิดประเด็นถามทันทีที่ผมเดินไปถึง
“ มาหาเฉิน ไหน ทำไมกล้ามารับแกออกมาอย่างนี้ถ้าเกิดรถล้มมาจะทำไง เด็กแค่นี้ขี่มอไซ ฉันไม่ไว้ใจหรอกนะ ”
“ เป็นห่วงผมหรอ ”
ว่าแล้วมันก็หรี่ตาเป็นการยั่วยวนผมเล็กน้อย อะไรหนิ เกิดบ้าบออะไรถามแบบนี้
“ ถ้าแกเป็นไรขึ้นมา พี่แกเอาฉันตายแน่ ฉันยิ่งไม่อยากมีปัญหากับคริสด้วย ”
“ อ้อ นี่หรอเหตุผลพี่ อืมดี…… ไอ้เฉินออกมาดิ้ ”
จู่ๆก็มีมนุษย์ตัวสูงพอๆกับผมเดินออกมาจากห้องแบบพระเอกหนังจีน ล้วงกระเป๋าอย่างแมนอ่ะ แต่หน้าเหมือนพึ่งสึกใหม่ๆ นี่ต่อยได้ใช่ป่ะ ไม่บาปใช่ไหม ?
“ มีปัญหาไรครับพี่ ”
มันถามด้วยท่าทางกวนตีนขึ้นสุด คือล้วงกระเป๋าแล้วส่ายหัวไปมา โหว วอนตีนนะน้อง!
“ กล้าดียังไงรับน้องพี่ออกมาโดยไม่ขออนุญาตพี่ ”
“ น้องพี่โทรบอกผมไปรับเอง ช่วยไม่ได้ ”
“ ก็น่าจะขออนุญาตพี่มั่งป่ะ ”
“ ก็ขอกันเองดิ ผมไม่เกี่ยว ”
“………………………” เถียงไม่ออกครับ คือทำไมมินซอกไม่ขอผม แต่ไม่อยากด่ามันอ่ะ ฮิ
“ ว่าไงพี่ ”
“ น้องควรเคารพพี่นะ เอามือออกจากกางเกง ” ติเรื่องอื่นไม่ได้กุก็เอาเรื่องนี้แหละ
ละมันก็ทำตามครับ ประชดกุซะแบบยืนตรงเคารพธงชาติ
“ จบยัง ” มินซอกถามขึ้น
“ ไม่จบ นี่หิวข้าวไปกินกัน ”
พูดจบผมก็ลากมันออกมาจากตรงนั้น ทิ้งให้คุณน้องเฉินยืนตรงอยู่คนเดียว ก็จริงหนิตื่นมายังไม่ได้กินอะไรซักคำแค่ขับรถมาหานี่ก็เพลียมากละ สรุปวันนี้กุหอบสังขารมาเพื่ออะไรกันแน่
“ นี่กินไรยัง”
ผมหันไปถามไอ้ตัวแสบที่พยายามกระชากมือออกมาตั้งแต่ชั้น 4 ละ นี่พี่หานผู้แข็งแกร่งนะครับ จับแล้วไม่มีปล่อย
“ จะเรียนหนังสือ ลากมาทำไม ปล่อยเหอะ ”
“ อยากกินอาหารฝรั่งอ่ะ ร้านไหนดี”
“ ผมจะกลับไปเรียน ปล่อย ”
“ โอเค ร้านที่อยู่ตรงทางแยกปากซอยช้ะ ได้ๆ ”
“ พี่ฟังผมไหม ”
“ ขึ้นรถปะ เดี๋ยวไม่ทันนะ ได้ข่าวว่าร้านนั้นคนรอกินเย๊อะเยอะ”
“ ปล่อยเดี๋ยวนี้! ”
“ ไม่ต้องเกรงใจ มื้อนี้ฉันเลี้ยง ”
“ ตกลง ”
แหม่ พอกุบอกว่าเลี้ยงนี่เดินไปขึ้นรถแล้วรัดเข็ดขัดอย่างไวเลยนะ ไอ้นี่ ต่อให้เวลาผ่านไปนานแค่ไหนถึงตอนนี้จะมีอันจะกินอยู่บ้างแล้วแต่ก็ยังทำตัวแบบขอเค้าแดกอยู่ ต้องเข้าใจครับมันเป็นขันธสันดานของคน
ผมขับออกมาจากโรงเรียนเฮงซวยที่ขังกุเมื่อคืนแล้วครับ ละก็พบกับร้านอาหารฝรั่งตรงปากซอยจริงๆแต่มันเป็นร้านเล็กๆที่ไม่มีที่จอดรถเลยอ่ะทำไง คิดได้แล้วผมก็จอดขวางร้านซะเลย มอไซที่จอดหน้าร้านมึงก็ไม่ต้องออก แต่พอลงจากรถไอ้เด็กมินซอกมันก็แย่งกุญแจรถผมไปเคลื่อนรถซะเอง ชีวิตมึงนี่ขับอะไรไม่เป็นมั่ง
ผมเดินเข้าร้านไปรอมัน สัดนานนะนาน ไม่ใช่ว่าเคลื่อนแล้วชิ่งกุไปเลยนะ แต่พอคิดว่าอย่างมันหรอจะหนีของฟรี ผมก็โล่งใจ อย่างที่คิดนั่นแหละซักพักมันก็เดินเข้ามา
“ หิวไร ”
“ ไม่หิวอ่ะ ”
“ ก็บอกแล้วมื้อนี้เลี้ยง”
“ ก็ไม่หิวไง รอกินกับพี่ดีกว่าผมกินไม่เยอะหรอก สั่งมาเดะเปลือง ”
“ แล้วแต่นะ ”
ผมยักไหล่ให้มัน ก็ดีเหมือนกันไม่ปลืองตัง ฮิฮิ
แต่แล้วก็พบว่าผมคิดผิดอย่างมหันต์ เมื่อผมสั่งมาแล้วอย่างสปาเก็ตตี้คาโบนาร่าเงี้ย กุได้กินสามคำนอกนั้นอิคนไม่หิวนี่แดกเรียบ ผมรอเมนูต่อไปเรื่อยๆและก็นะกุได้แดกน้อยกว่ามันทุกอย่าง แต่มันโอเคตรงที่เรากินจานเดียวกันไง ด้วยความมารยาทดีขอมันเลยป้อนผมบ้างบางคำ
“ อิ่มเนอะ ”
อิ่มดิสัดดูมึงแดก
“ ไม่อ่ะ ยังหิวอยู่ ”
“ โหยพี่ นี่กินไปเยอะมากแล้วนะ อย่าเยอะๆมันเปลือง ”
ผมไม่อยากตอบโต้อะไร เดี๋ยวมันจะยาว
“ ไปร้านข้างทางก็ได้ ป่ะ ”
“ นี่มันจะบ่ายแล้วนะพี่ จะให้ผมเรียนแมะหนังสือ ค่าเทอมมันแพงรู้ไหม ”
“ รู้ดิ ฉันจ่ายไปตั้งสองหมื่นทำไมจะไม่รู้ ”
“……………….. ” มันเงียบ
“ ป่ะไปกัน ”
ว่าละผมก็ลากมันออกมาจากร้าน พอออกมาผมก็มองไม่เห็นรถผมเลย สึด นี่ไปจอดไว้ที่ไหน มันบอกว่าไปจอดไว้ไกลอยู่ตามมา มันพาผมเดินไปเรื่อยๆผ่านร้านนู่นนี่นั่นเต็มไปหมด ควรแวะแดกก่อนไหม รถเอาไว้ทีหลัง และความอดทนผมก็หมดลงเมื่อเจอกับร้าน ส้มตำ เจ้าที่เขาบอกว่าอร่อยเต็มไปด้วยรสอูมามิ
เมื่อเข้ามาในร้าน มันก็ทำให้ผมรู้นิสัยมันอีกอย่างละ มินซอกไม่ชอบส้มตำ แหม๊ รู้งี้น่าจะมาแต่แรก จะได้ไม่มีใครแย่ง ผมสั่งส้มตำ ลาบ ก้อยกุ้ง ไก่ย่าง ผักนานาชนิด ประหนึ่งแดกสิบคนต่อโต๊ะ พอเขาเอามาวางปุ๊บผมก็โซ้ยไม่ยั้ง และไอ้คนที่ว่าอิ่มแล้วเมื่อกี้แม่งแดกไก่ย่างเป็นตัวๆ หู้ย ใครคิดจะเลี้ยงมันบอกเลยว่ามึงจะไม่เสียใจ กินคุ้มตลอด แต่มึงอาจจะอดอยากปากแห้งและตายได้ในที่สุด และพอกินเรียบทุกอย่าง บอกเลยว่าเรียบครับ สั่งมาเยอะๆนี่ไม่เหลือ กุได้กิน 40% นี่แหละ ถึงมันจะไม่กินส้มตำแต่อย่างอื่นนี่กินหมด
“ กลับกัน ” มันเอ่ยปากชวนผม
“ กลับไปไหน ”
“ กลับบ้านดิ ไม่ไหวละง่วง ”
“ ไม่ไปเรียนแล้วหรอ ”
“ จะเอาไง นี่ชวนโดดทั้งวันแล้วยังจะให้กลับไปอีกหรอ ”
“ ก็ยังไม่อยากกลับบ้าน ”
“ แต่ผมอยากกลับแล้ว ง่วง!!! ”
“ งั้นนอนในรถละกัน เดะพาไปเที่ยว ”
“ เที่ยวไหน ? ”
“ เออน่า พรุ่งนี้ก็วันเสาร์ละโอกาสดีเลย คาจา~ ”
ผมลากมันเป็นรอบที่ร้อยของวัน แต่พอคิดได้ว่าเอ๊ะ กุไม่รู้หนิว่ารถจอดอยู่ไหน ผมเลยต้องปล่อยให้มันเดินนำหน้าไป หึ๊ ละอิอ้วน นี่ก็เดินช้าจังเลย มันเดินกุมท้องไปเรื่อยๆเนื่องจากว่าแดกเยอะเกินไป
“ ไหวมั้ย ”
“ ไหวดิ น้องซอกยังฟิต! ”
ฟิตโพร่ง ไม่ใช่ละนี่เค้าเรียกตัน
ผมเดินตามหลังมันไปเรื่อยๆโดยคิดว่า มึงไปจอดรถกุไว้ที่พม่ารึปล่าว จะไกลไปไหนเดินจนตะคริวแดกแล้วแดกอีก ความจริงถ้าที่จอดมันจะไม่มีขนาดนี้บอกกุมาตรงๆก็ได้จะได้ย้ายร้านแต่แรก
“ ขึ้นดิ ”
ผมวิ่งไปนำหน้ามันแล้วย่อเข่าให้
“ ขึ้นไร ไม่ นี่ยังไหว ”
“ ฉันว่าแกไม่ไหวอ่ะ แล้วฉันก็รีบด้วย ถ้ายังช้าจะไม่ทันเรื่องเด็ดนะ ”
“ อะไรเด็ด ? ”
“ จะสงสัยไรนักหนาหนิ ไม่ขึ้นใช่มั้ย ”
พูดแล้วมันก็ยังอึกอัก ผมเลยเกี่ยวขามันมันซะเลย ไม่ขึ้นกุก็จะให้ขึ้นอ่ะ มันตกใจเลยเอามือมาโอบรอบคอผมไว้ทันที แต่พอเวลาผ่านไปได้ไม่ถึงสิบวิ กุก็ปวดขาซะแล้วคือหนักมาก หนักแบบชิบหาย อยากให้ลงละแต่เดี๋ยวเสียฟอร์ม อีกอย่างผมก็เห็นรถอยู่ไม่ไกลแล้วด้วย พอมันขึ้นมาก็ไม่พูดไรเลยนะ เหมือนจะกินจนเหนื่อยละจริงๆ พอถึงรถผมก็ให้มันลงแล้วเอากุญแจคืน สภาพเหมือนเมื่อกี้มันหลับบนหลังผม ตาปรือๆเบลอๆ มิน่าแหละโคตรหนัก หลังจากเข้าไปนั่งในรถมันก็เอนเบาะ แล้วหลับเลย หึหึ ง่ายกว่าที่คิดไว้เยอะ ตามแผน
เอาหละมินซอก แกเสร็จฉัน!
Chanyeol’s parts.
ว้าย มีตอนกุด้วยหรา เขินจัง แล้วจะพูดไรดีหนิ ถ้าจะให้พูดถึงเรื่องรักนี่ก็ไม่มีกับเขา ตอนนี้ผมกำลังนั่งอยู่กับสหายทั้งหลายไม่นับไอ้ไคที่ไปกับแฟน ไม่นับไอ้ฮุนที่กลับบ้านไปละ ไม่นับไอ้เทาที่ไปส่งไอ้ฮุน สรุปเหลือผมกับไอ้เฉินสองคนเนี่ยแหละ สงสัยหละสิทำไมผมพูดคำหยาบ เอาจริงก็ไม่ได้พูดนะแค่คิด นี่ยังไม่ได้พูดซักคำเลย ที่จริงวันนี้ ผมกับเฉินถูกนัดหมายจากพี่หานให้แกล้งทะเลาะกับเขาหน่อย ถ้าถามว่าไปนัดกันตอนไหน ก็เมื่อคืนไง หลังจากที่พี่หานกับไอ้หมินกลับบ้าน ผมก็กลับไปที่ร้าน พวกไอ้เฉินก็ถามใหญ่เลยว่าหมินหละๆๆ แม้ว่าผมจะยืนยันแล้วว่าผู้ปกครองเขามารับ แต่ด้วยความเป็นห่วง พวกผมเลย โทรหามันอีกรอบ แล้วคนที่มารับโทรศัพท์นี่ก็คือพี่หานเนี่ยแหละ พี่แกบอกขอบใจมากๆๆที่โทรมา ตอนแรกไม่รู้แล้วว่าจะแสร้งพามินซอกออกจากโรงเรียนได้ยังไง ครั้งแรกที่พี่แกขอพวกผมก็ไม่ยอมหรอก แต่พอบอกว่าพวกผมมาร่วมแจมได้ ก็เป็นอันว่าตกลง! กิจกรรมนี้น่าสนุกออกนี่นา จะพลาดได้ไง ฮิฮิ
“ คิดไรอยู่สัด กลับบ้าน! ”
เสียงแปดหลอดของไอ้เฉิน กระแทกเบ้าหูของผมอย่างจัง คือถ้าจะพูดดังๆไปพูดไกลๆ หูกุยิ่งกางผิดมนุษย์อยู่หนิ ตะโกนทีนี่แทบจะบินได้ I belive I can fly.
เมื่อหลุดออกห้วงความคิดละพวกผมก็เกี่ยวแขนกันเดินไปเอารถกลับบ้าน เดินไปไอ้เฉินมันก็กระโดดขี่หลังกุมั่ง กัดหูอีก เห็นว่ากุใสๆนี่แกล้งจัง เอ๊ะ หรือนี่จะเป็น ชานเฉิน
แจ้งอะไรนิดนึง คือพฤนี้เราก็จะสอบแล้ว วันอาทิตย์นี้ก็สอบอีก อาทิตย์นี้ขอลงแค่นี้นะคะ อาทิตย์หน้าจะมาไฟว้ต่อ
และจันทร์ อังคารหน้าก็สอบอีก ขอลายาว 7 วันเลย ไม่เกินอาทิตย์หน้าแน่ ขอบคุณทุกคนที่เม้นท์ ที่อ่านเนอะ ให้ดีก็อวยพรให้หน่อยเสะ5555555555555 ใครเล่นทวิตก็แท็กด้วย5555 พอๆ รักน้า
ความคิดเห็น