ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Got7] SDD : Sleep , Deep , Death [MarkBam]

    ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.34K
      27
      23 ม.ค. 58




    Chapter 1

     

     

    “ไอ้เหี้ยพี่มาร์ค!! ตื่น!!!” โจอี้ในชุดยูนิฟอร์ม ม.ปลายขว้างขวดบางอย่างใส่หัวแดงๆของพี่ชายที่ฟุบคาโต๊ะในห้องครัวอย่างแรง


    “งืม....เหี้ยไรของมึงเนี่ยโจอี้ กูง่วง” มาร์คงึมงำก่อนจะฟุบนอนต่อ


    “ผมเรียกจนคอจะแตกอยู่แล้ว เฮียตื่นก่อนดิ๊!!!” โจอี้ว่าพลางเขย่าตัวคนเป็นพี่ชาย


    “มึงจะไปเรียนก็ไป กูของีบก่อนวันนี้กูไม่มีแล็บ” มาร์คพูดก่อนจะโบกมือไล่น้องชาย หายากนะวันเรียนที่ไม่มีแล็บ ไม่มีควิซเนี่ย


    “เฮีย....ผมปวดท้อง” โจอี้ว่าพลางเอามือกุมท้อง


    “มึงเห็นหน้ากูเป็นส้วมเหรอ ปวดขี้มึงก็ไปขี้สิ ห้องน้ำมี อย่าเรี่ยราดกูเพิ่งขัด” มาร์คบ่นทั้งที่ไม่เงยหน้า


    “โอ้ยยยย ขี้บ้านเฮียอยู่ตรงลิ้นปี่เหรอ โรคกระเพาะเว้ย โอ้ย” โจอี้พูดก่อนจะกุมท้องอีกครั้ง


    “ยาธาตุน้ำขาวหลังตู้เย็น มึงนี่ไม่จำ” มาร์คยังคงฟุบอยู่


    “ไอ้ขวดที่ผมโยนไปเมื่อกี้ไง ผมกินจนหมดแล้วเฮีย มึงนี่ไม่ดู โอ้ย” โจอี้ย้อนก่อนจะทรุดลงไป


    “เฮ้ย...มึงอย่าล้อเล่น เป็นหนักอีกแล้วเหรอ” มาร์คที่ได้ยินเสียงน้องชายทรุดลงไปตื่นเต็มตา ก่อนจะลุกไปประคองร่างของน้องชาย


    “เฮีย..ผมปวดจริง ปวดมากเลย เฮียไปซื้อยาให้หน่อยดิ ผมไปไม่ไหวว่ะ เอายาเม็ดนะ” คนเป็นน้องพูดพลางลุกขึ้นนั่งเก้าอี้


    “บ้าละมึง ปวดหนักขนาดนี้ ไปให้หมอตรวจได้แล้ว กูเปลี่ยนกางเกงแปบ” มาร์คว่าพลางเหวี่ยงเสื้อเชิ้ตลายสก๊อตสีน้ำเงินทับเสื้อกล้ามตัวเดิม น้ำเนิ้มไม่อาบแม่มหรอก เปลือง


    “ไม่เอา ไม่ชอบโรงบาล กลัวตัวเอง” โจอี้พูดพลางนึกถึงครั้งสุดท้ายที่ตนเองไปโรงพยาบาล แทบจะยั้งมือไม่ให้ชักปืนไว้ไม่อยู่ วิญญาณลอยกันให้ควัก


    “เออ จากนักปราบผี มึงจะได้กลายเป็นผีแทนน่ะสิ ไปได้แล้ว กูไม่อยากให้มึงตายในห้อง” มาร์คว่าพลางลากคอน้องชายออกไป

     




    ..............................................................................

     



    “เป็นอาการปวดท้องจากโรคกระเพาะนะคะ เดี๋ยวหมอให้ฉีดยานอนสังเกตอาการสักครู่ ถ้าดีขึ้นก็กลับไปพักต่อที่บ้านได้ค่ะ” แพทย์หญิงหน้าตาจิ้มลิ้มเอ่ยบอกชายหนุ่มหัวแดงที่ยืนเฝ้าน้องชายข้างเตียงสังเกตอาการเอ่ย ก่อนที่ร่างสูงจะโค้งตัวแสดงความขอบคุณให้เธอสองสามทีก่อนที่เธอจะเดินออกไป




     

    “ไงล่ะมึง ซื้อยากิน โดนฉีดตูดซะ” มาร์คหันกลับมามองน้องชายที่นอนหน้าซีดอยู่


    “เฮียอย่าโง่ เขาฉีดเข้าเส้นเลือดที่แขน ใช่มั้ยครับ เอ๊อะ!!” โจอี้หันไปถามคุณพยาบาลที่ตั้งหน้าตั้งตาจิ้มเข็มลงไปตรงแขนขาวๆบริเวณข้อพับ ก่อนจะสะดุ้งพร้อมร้องออกมาเล็กน้อยเมื่อสัมผัสได้ถึงความแหลมคมของเข็ม



    “มึงกลัวเข็มเหรอ หน้าซีดเชียว” มาร์คแซวเมื่อเห็นคุณพยาบาลเก็บถาดอุปกรณ์เดินออกไปแล้ว


    “ป่าว....เฮีย...ข..ข้างหลังพี่ตรงเสา” โจอี้เหลือบไปมอง วิญญาณโปร่งแสงที่ยืนยิ้มอยู่ตรงเสาข้างหลังมาร์ค แต่ดูเหมือนวิญญาณคุณตาตนนั้นจะไม่ได้สนใจอะไรพวกเขานัก กลับชะเง้อมองแต่ตรงประตู


    “มึงจะอะไร ตาแกก็แค่ยืนเฉยๆ ไม่ได้ทำร้ายใคร แกอาจจะรอญาติก็ได้” มาร์คว่าพลางหันไปมองวิญญาณตนนั้น


    “ก็เข้าใจ แต่มันรู้สึกไม่ปลอดภัย เฮียพกเครื่องรางมาป่ะ ขอให้ผมหน่อยดิ” โจอี้ว่าพลางสะกิดพี่ชาย


    “เออๆ มีอันเดียว อันที่แม่ทำให้อ่ะ ถ้าป๊อดมากมึงพกของกูไปก่อน ของมึงอยู่ในกระเป๋านักเรียนใช่ป่ะ” มาร์คว่าพลางล้วงห่อผ้าเล็กๆสีหม่นๆคล้ายถุงสมุนไพรอันเล็กๆจากกระเป๋าสะพายเป้ตัวเองก่อนยื่นให้น้องชาย


    โจอี้รับมาก่อนจะยัดใส่กระเป๋ากางเกงด้วยสีหน้าโล่งใจขึ้นมา

     

    “มึงนอนนี่นะ เดี๋ยวกูไปหากาแฟกินก่อน”  มาร์คบอกน้องชายก่อนเดินออกไปจากห้องสังเกตอาการ

     



    .....................................................


    ร่างสูงเดินไปตามทางเดินโล่งๆของโรงพยาบาล ก่อนจะมาหยุดที่หน้าตู้กดน้ำ สายตาคมไล่มองดูตัวเลือกในตู้ก่อนจะล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบเหรียญออกมา และก็พบว่าตัวเองมีปัญญากดได้แค่กาแฟดำกระป๋องร้อนที่ราคาถูกที่สุด


    มาร์คค่อยๆหยอดเหรียญลงไปทีละเหรียญ แต่ด้วยความซวยไม่สิ้นสุดดันมีเหรียญนึงหลุดจากมือกลิ้งหลุนๆเข้าไปใต้เครื่องกดน้ำซะงั้น

     


    “เฮ้ย...ชิบหายละกู” ร่างสูงสบถก่อนก้มติดพื้นมองเหรียญของตัวเองที่นอนแอ้งแม้งในช่องแคบๆ


    “โอ้ย มาร์คเอ้ยยยย อะไรของมึงนักหนาเนี่ยวันนี้” มาร์คว่าก่อนจะโขกหัวตัวเองเข้ากับตู้

     

    ...


    .....


    .........
     

     

    “เอ่อ...ขอโทษนะครับ” เสียงหวานติดจะแหบๆดังขึ้นข้างหลังมาร์ค ทำให้ร่างสูงหันกลับไปมอง

     

    ร่างเล็กๆผมสีดำสนิท ตากลมโต แก้มป่องๆ หน้าตาจิ้มลิ้มที่กำลังส่งรอยยิ้มน้อยๆมาให้เขาใจสั่นเล่นนั่นคือใคร

     



    น...น่ารักชิบหาย

     


    “เอ่อ..คุณครับ” ร่างเล็กเรียกอีกครั้งเรียกสติร่างสูงให้กลับมาอีกครั้ง


    “ฮะ..เอ่อ...ครับ” ร่างสูงสะบัดหัวน้อยๆพลางเก๊กขรึมขึ้นมาซะงั้น



    ร่างเล็กหน้าหวานชี้ไปที่เครื่องกดน้ำ

     


    “อ๋อ..เอ่อ..คุณจะใช้เครื่องเหรอครับ ขอโทษนะครับ เดี๋ยวผมกดคืนเหรียญแปบนึง” มาร์คว่าพลางจะหันกลับไปที่เครื่อง


    “ป..ป่าวครับ” ร่างเล็กเอ่ยยั้งร่างสูง ทำให้มาร์คต้องหันมายกคิ้วเชิงถามอีกฝ่าย


    “คือ ผมจะใช้เครื่องแหละครับ แต่ผมมองอยู่นานแล้ว ถ้ายังไงเอาเหรียญผมไปก่อนก็ได้นะครับ เหรียญผมเยอะมากเลย” ร่างเล็กว่าก่อนจะยื่นเหรียญให้อีกฝ่าย


    “เอ่อ...จะดีเหรอครับ ผมเกรงใจน่ะ” ถึงมาร์คจะไม่ใช่สุภาพชนอะไรมาก แต่เรื่องความเกรงใจมันก็มีบ้างนะครับ


    “เอาเถอะครับ ถือว่าช่วยๆกัน อันนี้ใช่มั้ยครับ” ร่างเล็กหยอดเหรียญให้มาร์คก่อนหันมาถามพลางชี้ไปที่กาแฟที่คิดว่าร่างสูงต้องการ



    น่ารักแล้วยังใจดีอีก


    “อ่า..ครับ” มาร์คว่าก่อนจะเดินเข้าไปกดแล้วรับกระป๋องกาแฟร้อนมาไว้ในมือ


    “ขอบคุณนะครับ เอ่อ...คุณ...” เนียนถามชื่อซะเลยมาร์คต้วน


    “แบมแบมครับ แล้วคุณ....” ร่างเล็กถามพลางหยอดเหรียญเพื่อกดเครื่องดื่มของตัวเองบ้าง


    “มาร์คครับ” ร่างสูงตอบก่อนดื่มกาแฟอึกใหญ่แถมยังไม่ยอมไปไหนสักที

     

    “ยินดีที่ได้รู้จักครับ  แต่ เอ๊ะ....” แบมแบมบอกก่อนเหลือบไปมองช่องรับของที่ไม่มีกระป๋องโกโก้ร้อนออกมาสักที



    “ทำไมไม่ออกมานะ” แบมแบมพยายามกดที่ปุ่มโกโก้ซ้ำๆ เอามือเล็กๆทุบ แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะออกมา




    มาร์คเห็นอย่างนั้นจึงค่อยๆเดินไปหาร่างเล็ก

     



    “เอ่อ ขอโทษนะครับ เดี๋ยวผมลองดูให้” มาร์คว่าก่อนผายมือให้แบมแบมหลีกออกไปก่อน



    .....


    ..........


    .............
     


    ปึง!!!!!!!!

     

    เคร้ง!!!!!

     


    เสียงเท้ากระแทกกับตู้กดน้ำอย่างดังตามมาด้วยเสียงกระป๋องโกโก้ที่หล่นลงมา เล่นเอาร่างเล็กที่ยืนดูสะดุ้งโหยงเลยทีเดียว



    “ตู้มันเก่าน่ะครับ บางทีกระป๋องมันไม่ตรงร่อง นี่ครับ” มาร์คว่าก่อนยื่นโกโก้ให้อีกฝ่าย


     “ขอบคุณนะครับ คุณมาร์คนี่แรงเยอะจังนะครับ เล่นเอาขี้ก้างแบบผมอิจฉาเลย” แบมแบมพูดตามที่ใจคิดจริงๆ เห็นแล้วก็อดอิจฉาไม่ได้ ไหนจะร่างสูงสมส่วนดูแข็งแรง บวกกับหน้าตาหล่อเหลาขนาดนั้น เป็นผู้ชายที่ดูมีเสน่ห์จริงๆ


    “ไม่หรอกครับ เอ่อ...ว่าแต่..แบมแบมจะอยู่ที่นี่อีกนานมั้ยครับ เดี๋ยวผมจะไปหาแตกแบงค์เอาเหรียญมาคืน” มาร์คถาม ถึงจะแค่เล็กน้อยแต่เขาก็ไม่อยากติดเงินกับคนที่เพิ่งรู้จักหรอกนะ เสียภาพพจน์


    “ไม่เป็นไรครับ ถือว่าเป็นค่าลูกถีบเมื่อกี้ละกัน” ร่างเล็กยิ้มให้อีกที แหม่....มาร์คจะละลาย

     

    “ถ้ายังไง ผมขอตัวก่อนนะครับ” ร่างเล็กค้อมตัวเล็กน้อยให้อีกคน ส่วนมาร์คได้แต่โค้งตอบน้อยๆก่อนที่ร่างเล็กจะวิ่งออกไป

     

     

     

    นานๆที มาโรงพยาบาลก็ดีเหมือนกันแฮะ

     

     

    .......................................................

     


    แสงจากผ้าม่านในห้องสีขาวสาดเข้ามาที่เปลือกตาที่หลับสนิท ส่งผลให้เปลือกตาคู่นั้นค่อยๆขยับก่อนจะเปิดออกมา  ภาพห้องสีขาวที่ไม่คุ้นตา ดวงตาสีดำสนิทพยายามปรับกับแสงที่ผ่านเข้ามา ก่อนจะเริ่มเห็นอุปกรณที่ไม่คุ้นเคย ทั้งเสาน้ำเกลือ กับเครื่องแปลกๆที่ร้อง ติ๊ด ติ๊ด ตลอดเวลาพร้อมหน้าจอที่แสดงกราฟและตัวเลขที่เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร

     


    ร่างสูงค่อยๆยันกายก่อนจะระลึกถึงเหตุการณ์ต่างๆ ใช่...เมื่อวานเขาขับรถกลับบ้านกับน้องชาย แต่อยู่ๆรถก็เสียหลักพุ่งชนกับต้นไม้ จากนั้นก็จำอะไรไม่ได้เลย

     


    หรือว่าที่นี่คือโรงพยาบาล

     


    ร่างสูงเริ่มสำรวจเนื้อตัวของตัวเอง แปลกที่ไม่มีแผลเลย แถมยังไม่รู้สึกเจ็บด้วย หลังจากสำรวจตัวเองเสร็จดวงตาสีดำก็เริ่มสำรวจรอบๆอีกครั้ง และก็พบกับใบหน้าของหญิงผู้เป็นแม่ พร้อมด้วยผู้เป็นพ่อกำลังยืนโอบไหล่เธอจากข้างหลัง เธอกำลังกุมมือของใครบางคนด้วยสีหน้ากังวล

     


    “แม่” ประโยคแรกเอ่ยขึ้นกับอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มแต่ไม่มีทีท่าว่าอีกคนจะมองหน้าเขากลับ

     


    “แม่....แม่ครับ” ร่างสูงพูดพลางโบกมือไปที่หน้าอีกฝ่าย

     
     

    “แจบอม....แจบอมลูกแม่” หญิงคนนั้นเอ่ยแผ่วเบาด้วยเสียงที่สั่นเครือ

     

    ร่างสูงได้ยินชื่อตนเองก็ยิ้งยิ้มกว้างแต่ก็ต้องหุบลงเมื่อได้ยินประโยคถัดมา

     




    “แจบอม เมื่อไรลูกจะฟื้น ได้โปรดเถอะ ตื่นขึ้นมาคุยกับแม่นะ”

     

    เหมือนโลกหยุดหมุน ร่างสูงสับสนไปหมด

     


    เขาอยู่นี่ไง

     


    ฟื้นเหรอ...

     


    อะไรกัน?

     


    “แม่ แม่ครับผมอยู่นี่ไง แม่หันมาคุยกับผมสิ  แม่....มะ...” ชายหนุ่มตะโกนสุดเสียงพร้อมกับเอื้อมมือไปจับไหล่มารดาแต่กลับพบว่า......

     

     

    มือของเขาทะลุผ่านไหล่มารดาออกไป

     

    แจบอมก้มมองมือของตัวเองอย่างสับสนแล้วเพิ่งสังเกตได้ว่ามันโปร่งแสงมาก เขาค่อยๆลุกขึ้นยืน พร้อมกับประติดประต่อเหตุการณ์ข้างหน้า ร่างสูงค่อยๆหันกลับไปมองที่เตียงอีกครั้ง พร้อมกับภาวนาขอให้สิ่งที่เขาคิดไม่ใช่ความจริง  แต่ดูท่ามันจะไม่เป็นอย่างนั้น....

     

    อิม แจบอมพบร่างของตัวเองยังนอนหลับตาอยู่ที่เตียง ลมหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ ในปากยังมีท่อช่วยหายใจ เครื่องมือทางการแพทย์ที่ระโยงระยางไม่ได้ส่งสัญญาณเตือนน่ากลัวใดๆ ใบหน้าและตามลำตัวมีรอยผ้าก๊อซปิดแผลเต็มไปหมด มือข้างขวาที่ถูกมารดากำไว้แน่นยังไม่มีท่าทีว่าจะกระดิก

     


    บ้าน่า!!!.....นั่นมัน....เขา

     


    แล้วที่ยืนอยู่นี่คือใคร....ไม่สิ....คืออะไรมากกว่า

     

     


    “บ...บ้าน่า..ม..ไม่จริง......เฮ้ย!! แจบอมค่อยๆเคลื่อนตัวเข้าไปที่เตียงอีกครั้งก่อนจะตกใจสุดแรงเมื่อพยาบาลเดินทะลุผ่านร่างเขาไปที่เตียง

     

    “ตอนนี้หมดเวลาเยี่ยมช่วงเช้าแล้วนะคะ ถ้ายังไงเดี๋ยวบ่ายโมงจะเปิดให้เยี่ยมอีกทีนะคะ” พยาบาลสาวเอ่ยพร้อมรอยยิ้มให้คุณนายอิม


    “ข..ขอบคุณนะคะ....เดี๋ยวแม่มาเยี่ยมใหม่นะครับ” เธอหันไปเอ่ยขอบคุณคุณพยาบาลก่อนจะหันไปบอกลูกชายที่หลับไหลอยู่

     


    แจบอมเคลื่อนตัวตามมารดาออกไปนอกห้อง ไอซียู เพราะไม่รู้ว่าตัวเองควรจะอยู่ที่ใด ก่อนจะพบใบหน้าของน้องชายที่ดูเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด

     



    “แบม..แบม เจ็บตรงไหนมั้ย....” แจบอมถลาเข้าหาน้องชายหน้าหวานพยายามคว้าตัวอีกฝ่ายแต่ก็ทำไม่ได้


    “พ่อครับ พี่บีเป็นไงบ้าง”  ร่างเล็กที่มองไม่เห็นพี่ชายตนเองเอ่ยถามพ่อของตัวเอง


    “ยังไม่ฟื้นเลยลูก แต่หมอก็บอกว่าอาการอื่นๆคงที่” พ่อพูดพลางลูบหัวลูกชายคนเล็ก

     

    แจบอมมองร่างเล็กที่พยักหน้างึกๆ อย่างโล่งใจที่น้องชายเขาไม่ต้องเป็นคนที่นอนอยู่บนเตียง  ก่อนจะก้มลงไปมองแขนของน้องชายที่มีผ้าก๊อซผืนใหญ่แปะ  เขาทำให้น้องชายเจ็บและยังต้องมาเห็นน้ำตาของคนในครอบครัวตัวเอง ตอนนี้ถ้าแจบอมสามารถหลั่งน้ำตาได้ เขาคงฟูมฟายไม่ต่างจากเด็กตัวเล็กๆ

     


    ให้ตายเหอะ ทำไมต้องเกิดเรื่องแบบนี้ด้วย....

     



    “แบมแบม...พี่ขอโทษ” แจบอมเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา เสียงที่ไม่มีใครได้ยิน

     

     

     

    ............................................................

     


    “เออ....กูพาน้องมาโรงบาล เล็คเชอร์จบแล้วเหรอมึง” มาร์คเดินคุยโทรศัพท์ไปตามทาง


    [มึงจะไม่เข้ามาเหรอ แม่งมึงนัดกับไอ้จินยองโดดใช่มั้ย  แล้วแม่มไม่บอกกู] ปลายสายโวยวาย


    “มึงจะแม่มอีกนานมั้ย แจ็คสัน ก็น้องกูปวดท้อง นัดเนิดเหี้ยอะไร” มาร์คตอบถึงแม้ตอนแรกเขาคิดจะโดดจริงๆก็เหอะ


    [แม่มๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ....โดดแล้วไม่ชวนกู  แม่มๆๆๆๆๆๆ กูงอน] แจ็คสันยังคงโวยวายต่อไป


    “เหี้ยแจ็ค เลิกกระแดะ!! แล้วฟัง..กูต้องการของ” มาร์คสั่งเพื่อนเสียงเข้ม


    [อะไร...อะไรหมดอีก] แจ็คสันถามอย่างรู้ใจ


    “เกลือ...กูขอเยอะๆหน่อย ช่วงนี้แม่ม...ชุม” มาร์คบอก



    แจ็คสันนอกจากจะเป็นเพื่อนซี้มาร์คแล้ว ยังพ่วงตำแหน่งผู้ส่งของที่จำเป็นให้มาร์คอีก บ้านของแจ็คสันเป็นธุรกิจรับจัดส่งของ รับส่งของทั้งปลีกย่อยไปจนถึงสินค้าใหญ่ๆ มีตั้งแต่เมสเซนเจอร์ขี่มอเตอร์ไซค์ส่งตามบ้านไปจนถึงเรือส่งสินค้าไปต่างประเทศ เพราะฉะนั้นเครือข่ายของแจ็คสันมีตั้งแต่ตลาดไปจนถึงบริษัทใหญ่ ไม่ว่ามาร์คขอให้หาอะไร แจ็คสันคนนี้หาได้หมด ตั้งแต่เกลือ สมุนไพรหายาก ของป่า บลาๆๆ ค่าส่งไม่คิด คิดแค่ค่าของ



    [สัส หมดอีกละ คราวที่แล้วพ่อกูเพิ่งถามว่าส่งเกลือไปถมทะเลที่ไหนเยอะแยะ เออๆเดี๋ยวกูหาให้ แต่....] แจ็คสันเว้นคำพูด


    “แต่อะไร” มาร์คถาม


    [มึงมาช่วยกูทำรีพอร์ตแล็บเมื่อวันก่อนหน่อยดิ่ มึงส่งยัง พรุ่งนี้วันสุดท้ายนะ] แจ็คสันขอร้อง


    “เออ กูกับไอ้จินยองส่งแล้วเมื่อวาน แต่เดี๋ยวกูไปส่งน้องกูกลับบ้านก่อน เดี๋ยวไป”



    มาร์คคุยโทรศัพท์พลางเดินเรื่อยๆมาตามทางเดิน เขาเห็นวิญญาณเดินไปมาแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร วิญญาณส่วนมากจะเป็นคล้ายภาพโปร่งแสง หม่นๆเกือบจะคล้ายภาพขาวดำ แต่ถ้าเป็นวิญญาณร้ายจะมีออร่าสีดำๆและมีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ที่มีแต่คนแบบเขาได้กลิ่น



    แต่...เขาไม่เคยเห็นวิญญาณประเภทไหนที่มีออร่าสีขาวสว่างอย่างกับติดหลอดไฟนีออน เหมือนที่เขาเห็นในตอนนี้

     

    วิญญาณที่มองไกลๆเดาได้ว่าเป็นชายหนุ่มร่างสูงอายุไม่น่าต่างกับเขามากนักเดินคอตกมาอย่างช้าๆ สีค่อนข้างชัดเมื่อเทียบกับวิญญาณตนอื่น ชายคนนั้นสวมเสื้อสีฟ้า? ไม่สิ  น้ำเงินต่างหาก มีคราบหม่นๆดูเหมือนเลือดตรงหน้าอก ผมสีดำ ตาสีดำ ที่ดูรู้ว่าเป็นวิญญาณเพราะ ผู้ชายคนนั้นโปร่งแสงจนมองทะลุเห็นคนที่เดินอยู่ข้างหลัง

     


    มาร์คยืนมองอย่างสงสัยครู่หนึ่ง เมื่อเริ่มเห็นว่าวิญญาณตนนั้นใกล้เข้ามาชายหัวแดงจึงเริ่มก้มหน้าคุยโทรศัพท์ต่อ

     


    พ่อสอนไว้ว่า....ถ้าไม่อยากโดนรังควานอย่าทำให้ผีรู้ว่าเรามองเห็นเขา

     


    แต่ด้วยความสงสัย มาร์คจึงเงยหน้าอีกครั้ง



    “เฮ้ย..” มาร์คอุทานเบาๆเมื่อเห็นว่าตัวเองกำลังจะชนผีตนนั้น ก่อนจะเบี่ยงตัวหลบอีกฝ่ายอย่างลืมตัว

     

    [เป็นไรมึง] แจ็คสันถามเมื่อได้ยินเสียงอุทาน


    “ปะ...ป่าวว่ะ...เดี๋ยวแค่นี้นะ กูไปรับยาให้น้องกูก่อน” มาร์คตะกุกตะกักก่อนวางสาย

     

     



    ซวยแล้วมึง มาร์ค ต้วน  เจือกไปทักผีก่อนได้ง้ายยยยยยยย

     

     

    .............................................................................

     

    ผีแจบอมค่อยๆเคลื่อนตัวไปตามทางเดิน ตอนนี้จิตใจเขาล่องลอยไม่รู้จะทำอย่างไร ครอบครัวเขาออกไปหาข้าวกินแล้วแต่เขาไม่รู้สึกหิว ไม่รู้สึกเจ็บ ไม่รู้สึกอะไรเลย  เขาลองนอนทับร่างตัวเองหลายครั้งเพื่อหวังว่าวิญญาณจะเข้าร่างแต่ก็ไม่เป็นผล หลายคนเดินผ่านทะลุร่างเขาไปแต่เขาไม่ได้สนใจ ยังคงก้มหน้าเดินอย่างไร้จุดหมาย  จนกระทั่ง....

     

    “เฮ้ย...” เสียงอุทานเบาๆจากชายหนุ่มหัวแดงคนหนึ่งเรียกให้เขาตกใจเล็กน้อย ก่อนที่ชายคนนั้นจะเบี่ยงตัวหลบเขาไป

     

     


    เดินไม่ดูตาม้าตาเรือเลย คนสมัยนี้ มัวแต่คุยโทรศัพท์ แจบอมบ่นพลางส่ายหน้า

     


    แต่....

     


    เอ๊ะ.....

     


    เดี๋ยวนะ......

     


    ไอ้หมอนั่นตกใจ....

     


    แถมเบี่ยงตัวหลบเขา......

     


    คนทั่วไปต้องเดินทะลุดิ.........

     


    หรือว่า!!!

     

     

    ผู้ชายคนนั้นมองเห็นเขา!!






     

    ดีล่ะ......บางทีคนคนนั้นอาจช่วยเขาได้!!!!

     

     

     

    .........................................


    ตอนแรกมาแว้ววววววว พี่บี เป็นผี? จริงอ่ะ? เรื่องนี้ไม่ค่อยมีคนปกตินะคะ (เพราะไรท์ไม่ปกติ)

    ขอบคุณที่หลงมาอ่านนะคะ

    เม้นติชมได้นะคะ ไรท์อ่านทุกกรณี อิอิ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×