ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Got7] SDD : Sleep , Deep , Death [MarkBam]

    ลำดับตอนที่ #31 : Chapter 30

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.38K
      13
      18 มิ.ย. 58

     

     

    แสงสว่างจ้าค่อยๆจางลงจนทำให้จินยองเปิดเปลือกตาออกได้ ภาพตึกร้างอับทึมยังคงอยู่ที่เดิม ความมืดเข้าครอบคลุมเช่นเดิม แต่มีบางอย่างที่ต่างออกไป แรงกดดันวิญญาณเบาบางลง กลิ่นอับฉุนเริ่มจางลงไป แต่ก็ยังไม่น่าตกใจเท่าภาพตรงหน้า


    แดเนียลกำลังยืนประจันหน้ากับหญิงสาวคนหนึ่ง ไม่สิ! จะเป็นคนได้ไงในเมื่อเท้าของเธอลอยอยู่กลางอากาศ!!!


    หญิงสาวหน้าตาสวย ผมสีดำขลับ ดวงตากลมโตมองเข้าไปในดวงตาของแดเนียล ริมฝีปากบางได้รูปโค้งขึ้นเผยรอยยิ้มอ่อนหวาน แดเนียลจ้องกลับไปที่เธอ ตัวของเขาสั่นเทา ไม่ใช่เพราะความกลัว แต่เป็นเพราะความรู้สึกบางอย่างที่มีต่อผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเสมอ เขาเอื้อมมือไปหวังจะสัมผัสอีกคนแต่กลับคว้าได้เพียงอากาศ ส่งผลให้น้ำตาไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้


    จินยองมองไปที่อีกฝั่ง จงอินยังอยู่ที่เดิมด้วยฝีมือของวิญญาณที่เขาปลุกเสกหรืออะไรก็ตาม ดวงตาของจงอินเบิกกว้างอย่างไม่เชื่อภาพตรงหน้า ร่างเล็กค่อยๆหันไปหาคนที่ยืนอยู่ข้างๆอย่างเจบีที่ยังหลับตาปี๋ จินยองแตะมืออีกคนเบาๆเป็นสัญญาณให้ลืมตา


    เจบีค่อยๆลืมตาอย่างกล้าๆกลัวๆ และเมื่อเห็นภาพตรงหน้า ไม่สิ สำหรับเจบีเขาเห็นแค่เป็นเงาแต่ไม่ใช่สีดำอย่างตอนแรกแต่เป็นเงาสีขาว แต่อย่างน้อยเขาก็รู้ว่านี่มันไม่ปกติจนอดไม่ได้ที่จะคว้าชายเสื้อจินยองเหมือนเป็นที่พึ่ง 


    จะควันขาวควันดำกุก็กลัวทั้งนั้นแหละ
    !!


    จินยองเมื่อเห็นหน้าตาซีดๆของเจบีก็ได้แต่ส่ายหน้าพร้อมกับกุมมืออีกคนไว้เป็นสัญญาณว่าไม่เป็นไร

     

    “อะ..อาแดเนียลเป็นอะไรเหรอ” เจบีถามเมื่อเห็นอาตัวเองร้องไห้


    “คงจะได้เจอคุณจีซูมั้ง” จินยองบอก


    “คุณเห็นเหรอ?”


    “ผมไม่ใช่คุณนะ แต่ผมแค่ไม่แน่ใจว่าผู้หญิงที่ผมเห็นใช่คุณจีซูรึเปล่า” จินยองบอก

     


    ทันทีที่จินยองพูดจบ ผู้หญิงคนนั้นหันมาสบตาเขา เธอพยายามจะพูดบางอย่างแต่เธอไม่สามารถพูดออกมาได้ แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรจินยองกลับเข้าใจสิ่งที่เธอพยายามจะบอก

     

    “สะ..สวัสดีครับ คุณจีซู” จินยองกล่าวทักทายโค้งเล็กน้อย เธอยิ้มตอบบางๆ


    “สื่อสารกับเธอได้เหรอ?” แดเนียลหันมาถามจินยอง


    “ผม..คิดว่าพอได้...แม่ผมเคยเป็นร่างทรง” จินยองตอบก่อนหันไปสบตาจีซู ทันทีที่สบตาความคิดคำพูดต่างๆของเธอแล่นเข้ามาในหัวจินยอง


    “เธอบอกว่า เธอได้ยินที่คุณพูดแต่เธอ..เธอพูดไม่ได้” จินยองบอก


    สีหน้าของเธอดีใจเมื่อเห็นจินยองสามารถถ่ายทอดคำพูดของเธอได้เป๊ะๆ จินยองมองหน้าเธออีกครั้งและคำพูดของเธอก็ไหลเข้ามาในความคิดเช่นเดิม


    “เอ่อ....เธอบอกให้ปล่อยเขาแปบนึง” จินยองชี้ไปที่จงอิน วิญญาณปลุกเสกของจินยองมีท่าทีฮึดฮัดแต่ก็ยอมปล่อย จงอินยืนนิ่งมองพี่สาวของเขา


    “พะ..พี่” จงอินเรียก เธอหันมามองยิ้มให้น้องชายคนละพ่อแม่




    .
    .
    .
    “เธอ...เธอขอโทษนาย” จินยองเอ่ย จงอินหันมามองจินยองสลับกับพี่สาว


    .
    .
    .
    “เธอบอกว่า...ขอโทษที่ทำตามที่พูดไม่ได้” จินยองเอ่ยต่อ


    .
    .
    .
    “ขอโทษ...ที่เคยบอกว่า...จะพานายออกไป”

    .
    .
    .
    “และขอโทษ...............ที่ตาย”

     


    จินยองเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา

     
    “ทำไมพี่ถึงเป็น..แบบนี้” จงอินถามเสียงแผ่วเบา


    จีซูยิ้มมองไปที่สร้อยคอรูปดาวที่น้องชายสวมอยู่


    “คะ...คุณหมายถึง...สร้อยนั่น” จินยองหันไปมองจีซู เธอพยักหน้าช้าๆ


    “อะไร สร้อย...ทำไม” จงอินถามจินยอง


    “เธอบอกว่า พ่อแม่บุญธรรมของเธอ...หมายถึงของนายด้วย....ผนึกวิญญาณของเธอไว้กับสร้อยนั่น...เพื่อใช้งาน” จินยองบอก จงอินทำหน้าอึ้งๆ


    “แล้วนายรู้ใช่มั้ยว่าถ้าวิญญาณถูกขังและบังคับให้ทำสิ่งชั่วร้าย สุดท้ายจะกลายเป็น...วิญญาณร้าย” จินยองพูดต่อ



    จงอินทรุดลงกับพื้น เขากำลังทำให้เธอเป็นวิญญาณร้าย พี่สาวที่แสนดีกลายเป็นผีร้ายที่ทำงานรับใช้เขาแต่เขากลับไม่เคยรู้ว่าเป็นเธอ จีซูรีบเข้าไปหาน้องหวังจะประคองแต่ก็จับต้องอีกฝ่ายไม่ได้ จงอินก้มหน้า น้ำตาไหลพราก



    “ผม..ผมขอโทษ” จงอินพูดแผ่วเบา



    .

    .

    .

    “นายไม่ผิดหรอก” จินยองพูดออกมา ทุกคนหันไปมองคนตัวเล็ก


    “เอ่อ..อันนี้เธอไม่ได้พูด..ฉันพูดเอง” จินยองทำท่าจะเดินเข้าไปหาจงอิน เจบีดึงมืออีกฝ่ายไว้เล็กน้อย แต่จินยองหันมาพยักหน้าให้บอกกลายๆว่า ไม่เป็นไร เจบีจึงยอมปล่อยมือ


    ร่างเล็กย่อตัวลงนั่งข้างหน้าจงอิน อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมามองเล็กน้อย


    “นายไม่รู้ใช่มั้ยล่ะว่า..วิญญาณผู้หญิงคนนั้นที่นายใช้ตามล่าพวกฉัน คือพี่สาวนาย” จินยองบอก


    .
    .
    .
    “เพราะงั้นนายก็..ไม่น่าจะผิด” จินยองเอ่ยจนจบ


    “นายจะปลอบใจฉันทำไม” จงอินบอกพลางจ้องหน้าอีกคน


    “เปล่า..ฉันแค่หวังว่าถ้าพูดอะไรดีๆกับนายบ้าง นายอาจจะล้มเลิกความคิดไล่ฆ่าพวกฉัน” จินยองบอก


    .
    .
    .
    “คุณแดเนียลเขาไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขนักหรอกนะ เมื่อพี่สาวนายหายไป เพียงแต่คุณแดเนียลเขาเข้มแข็งพอที่จะเก็บความเจ็บปวดไว้” จินยองหันไปมองแดเนียลสลับกับจีซู



    วิญญาณของเธอเคลื่อนตัวเข้าใกล้แดเนียลช้าๆ เธอสบตาเขา จากนั้นความคิดของเธอก็ไหลสู่จินยองทันที

     


    “เธอ...บอกว่าขอโทษ” จินยองบอก แดเนียลหันมาสบตาอีกคนเล็กน้อย


    .
    .
    .
    “....ทั้งที่บอกว่าจะอยู่ด้วยกันแท้ๆ....เธอขอโทษน่ะครับ”



    สิ้นคำจินยอง แดเนียลมองหน้าคนรักตรงหน้าก่อนที่น้ำตาจะไหลอีกครั้ง


    “ไม่....ผมต่างหากที่ไม่เคยปกป้องคุณได้...เป็นผม...ผมต่างหาก...” แดเนียลเสียงสั่น จีซูได้แต่ส่งสายตาเศร้าๆใส่คนรัก


    “คุณอย่าโทษตัวเองเลยครับ...เธอคงไม่อยากให้คุณโทษตัวเอง” จินยองบอกต่อ


    “แต่...”


    “นั่นเป็นทางที่เธอเลือกเองครับ” จินยองหันไปสบตาจีซูที่ยิ้มให้เขา


    “แหวนนั่น...เธอเป็นคนส่งให้คุณหลังจากที่...คุณกับเธอเลิกกัน...ไว้เป็นเครื่องรางคุ้มครอง” จินยองบอก แดเนียลชี้ไปที่แหวนที่อยู่ในถ้วยบนพื้น


    “ครับ...เธอบอกว่า...ขอบคุณที่เก็บมันไว้อย่างดี....ถ้าไม่งั้นเธอก็คงไม่กลับมาเป็นเหมือนเดิม”


    จีซูยิ้มให้จินยอง แต่อยู่ๆก็เกิดแสงสว่างขึ้นมาในตัวเธอ เป็นแสงสีขาวนวลตาส่องออกมาจากร่างของเธอ จินยองสบตาเธอก่อนจะเข้าใจว่ามันหมายถึงอะไร


    “เธอ...ต้องไปแล้ว” จินยองเอ่ยเบาๆ


    “ปะ..ไปไหน”


    “ไปไหน”


    ทั้งแดเนียลและจงอินพูดขึ้นมาพร้อมๆกัน


    “ไปในที่ของเธอ..ไม่รู้สิ ผมเองก็ไม่รู้ว่าตายแล้วไปไหน” จินยองไหวไหล่

     


    จีซูเคลื่อนกลับไปหาจงอินอีกครั้งก่อนจะจรดริมฝีปากของเธอบนหน้าผากของน้องชาย แล้วส่งข้อความบางอย่างผ่านสายตาไปให้อีกฝ่าย



    “เธอบอกว่า..นายเป็นคนดี...” จินยองเอ่ย


    “...เริ่มต้นใหม่...ขอให้ก้าวไปข้างหน้าแม้จะไม่มีเธอก็ตาม.....”


    จงอินมองหน้าจินยองสลับกับพี่สาว

     

    “เธอรักนายมาก....เธอไม่อยากเห็นน้องชายเธอทำร้ายคนอื่น” จินยองพูดต่อ จงอินมองหน้าอีกคน


    “จะเชื่อหรือไม่ก็ตามใจนาย” จินยองว่าพลางไหวไหล่อีกที


    จีซูหันมาหาจินยองส่งข้อความผ่านสายตาอีกครั้ง ซึ่งจินยองรับรู้ได้ว่ามันคือคำว่าขอบคุณ


    “ยินดีครับ” จินยองเอ่ยเสียงแผ่ว



    ร่างโปร่งแสงของจีซูเคลื่อนกลับไปหาแดเนียลอีกครั้ง ทั้งสองสบตากันก่อนที่หญิงสาวจะเคลื่อนริมฝีปากเข้าหาอีกคน สัมผัสที่ต่างฝ่ายต่างรู้สึกแค่เพียงในใจ แค่นั้นก็เพียงพอสำหรับจูบสุดท้าย

     



    ลาก่อน

     


    ประโยคแรกและประโยคเดียวที่แดเนียลรับรู้ได้จากคนรัก ก่อนที่จะเกิดแสงสว่างจ้า ปกคลุมพื้นที่อีกครั้ง

     


    ............................................................................................................................

     


    เสียงหวีดหวิวของลมที่พัดจากพื้นด้านล่าง มือที่ชื้นเหงื่อข้างหนึ่งของมาร์คกำลังจับอยู่ที่เหล็กเส้นที่ยื่นออกมาก่อนที่ร่างเขาจะทันร่วงลงพื้น  อาจเป็นโชคดีของมาร์คที่ตึกยังสร้างไม่ทันเสร็จก็ถูกทิ้งเป็นตึกร้างทำให้มีโครงสร้างบางส่วนที่ยื่นออกมาไม่เรียบร้อย ทั้งที่อากาศก็ไม่ได้ร้อนมากแต่เหงื่อกลับเต็มที่แผ่นหลังและมือทั้งสองข้างของมาร์ค ตาของมาร์คมองขึ้นข้างบนเพื่อหลีกเลี่ยงความหวาดเสียว


    ในขณะที่มาร์คกำลังเหวี่ยงแขนอีกข้างเพื่อพยุงตัวเองให้หลุดพ้นจากแรงโน้มถ่วงของโลก สายตาก็เหลือบเห็นร่างเล็กที่ผลักเขาลงมา กำลังเดินพร้อมจ้องลงมาที่เขา แบมแบมที่ไม่ใช่แบมแบมกำลังมองเขาด้วยสายตาที่ว่างเปล่า ก่อนที่จะ

     


    ฟึ่บ!!!!

     


    ร่างของแบมแบมถูกกระชากไปด้านหลังโดยฝีมือของเพื่อนสนิทอย่างยูคยอม ยูคยอมหันร่างแบมแบมเข้าหาตัวเองก่อนตบเบาๆที่หน้าอีกฝ่ายเพื่อเรียกสติ


    “แบม...แบมแบม!

     

    แบมแบมที่ไม่ใช่แบมแบมมองหน้าอีกฝ่ายด้วยดวงตาที่ว่างเปล่าเช่นกัน ก่อนจะเอื้อมมือสองข้างคว้าเข้าที่คอของยูคยอม

     

    “บะ..แบม...ระ...เราเอง” ยูคยอมที่โดนบีบคอพูดอย่างยากลำบาก

     

    โจอี้ที่วิ่งมาช้ากว่ารีบนำสร้อยเขี้ยวหมาป่าที่มาร์คให้เขายืมไว้ติดตัวตั้งแต่ก่อนหน้าสวมเข้าให้แบมแบมที่มัวแต่หันไปมองยูคยอม ทันทีที่สร้อยถูกสวมให้แบมแบม ร่างเล็กร้องออกมาก่อนจะปล่อยมือแล้วทรุดตัวลงบนพื้น

     

    “อ๊ากกกกกกกกกกกก” แบมแบมกรีดร้องพร้อมกับกอดตัวเองเหมือนเจ็บปวด


    “ออกมั้ย?” ยูคยอมถามถึงวิญญาณที่อยู่ในร่างแบมแบมพร้อมเอามือลูบคอตัวเองไปมา


    “ผะ..ผมไม่รู้” โจอี้บอกพลางมองดวงตาที่ของแบมแบมที่ยังคงว่างเปล่า


    “พี่มาร์ค!!” ยูคยอมนึกขึ้นได้เอ่ยออกมา


    โจอี้ที่เหมือนจะนึกออกตามมารีบวิ่งไปที่จุดเมื่อกี้พร้อมกับยูคยอมก่อนจะเห็นร่างพี่ชายห้อยจะหล่นแหล่มิหล่นแหล่


    “เฮีย!!” โจอี้เรียกอีกคน มาร์คส่งสายตาประมาณว่า ดึงกูขึ้นไปที ใส่อีกคน

     

    ร่างเล็กพยายามจะเอื้อมมือไปช่วยดึงพี่ชายขึ้นมาแต่อีกคนห้ามไว้ก่อน

     

    “ตัวเล็กอย่างนี้เดี๋ยวได้ตกลงไปทั้งคู่ นายคอยดูแบมแบมไว้ดีกว่า” ยูคยอมว่าก่อนยื่นมือไปคว้าข้อมือของมาร์คก่อนออกแรงดึงเต็มที่ มาร์คที่อาศัยแรงดึงของอีกคนปีนขึ้นตึกมาอย่างทุลักทุเล


    “ขอบใจ” มาร์คเอ่ยพร้อมกับหอบเหนื่อยไม่ต่างจากคนที่ดึงเขาขึ้นมา


    ทั้งสามมองไปที่แบมแบมที่กอดร่างตัวเองดิ้นไปมาเหมือนทรมาณ มาร์คทำท่าจะวิ่งเข้าไปหาอีกคนแต่ถูกน้องชายรั้งชายเสื้อไว้


    “คิดก่อนสิเฮีย จะเอาไงต่อ ท่าทางพี่แบมจะยังไม่กลับมา” โจอี้บอก


    “ทำไงดีครับ” ยูคยอมถาม ในใจรู้สึกสงสารเพื่อนแต่ก็กลัวว่าสิ่งที่ไม่ใช่เพื่อนจะคว้าคอเขาอีกครั้ง


    “ดื่มน้ำมนต์” มาร์คว่าเสียงเรียบ


    “ก็เข้าใจนะเฮียว่ามันเป็นวิธีไล่วิญญาณออกจากร่าง แต่นี่แค่เข้าใกล้ยังทำไม่ได้เลยป่าววะ”


    “ป้อนสิครับ” ยูคยอมเสนอ


    “นี่พี่ไม่ได้ฟังที่ผมพูดเลยใช่มั้ยเนี่ย!!!” โจอี้หงุดหงิดใส่ยูคยอม

     

    จังหวะที่ทั้งสามคนกำลังถกเถียงกันอยู่ แบมแบมกลับเอื้อมมือไปคว้ามีดพกของมาร์คขึ้นมา ร่างเล็กกดปลดใบมีดหันเข้าหาตัวเองหวังจะทำร้ายเจ้าของร่างเพื่อให้พ้นจากความทรมาณ เงาสะท้อนวิบวับของมีดทำให้โจอี้เป็นคนแรกที่สังเกตเห็น

     

    “เฮีย!!!!” โจอี้บอกมาร์คให้หันไปดู

     

    มาร์คเห็นใบมีดกำลังจะจ้วงเข้าลำตัวของแบมแบม ร่างสูงรีบวิ่งเข้าไปยื้อข้อมือเล็กนั่น ถึงแบมแบมจะเริ่มอ่อนกำลังจากสร้อยของมาร์คที่สวมอยู่แต่ก็ถือว่าไม่ง่ายสำหรับมาร์ค มือของแบมแบมพยายามปัดป่ายไปทั่วพร้อมกับมีด มาร์คพยายามกดมืออีกคนให้ลงต่ำเพื่อไม่ให้แทงตัวเองได้ถนัด แขนอีกข้างพยายามรวบตัวแบมแบมไว้อย่างยากลำบาก

     

    “โจอี้ มีน้ำมนต์มั้ย!!” มาร์คถาม

     

    เป็นยูคยอมที่ล้วงเอาขวดสเปรย์น้ำมนต์ในกระเป๋าที่พกติดไว้ตลอดออกมาก่อนจะเปิดฝาขวดแล้วรีบยื่นให้มาร์ค


    “นายถอยไปก่อน เดี๋ยวโดนลูกหลง มึงด้วยโจอี้” มาร์คบอก ยูคยอมเองก็รีบถอยแต่โดยดี




    มาร์คพยายามเอาน้ำมนต์เทใส่ปากแบมแบมแต่อีกฝ่ายเอาแต่ดิ้นพราดๆส่ายหน้าไปมาพร้อมร้องอย่างเจ็บปวดเมื่อน้ำมนต์หกรดส่วนอื่นของร่างกาย

     

    “แบมไม่กลืนว่ะ!!” มาร์คหันไปมองอีกสองคนแวบนึงก่อนจะพยายามรวบตัวแบมแบมให้หยุดนิ่งซึ่งไม่ง่ายเลย


    “ผมบอกให้พี่ป้อนไง!!!” ยูคยอมตะโกนกลับมา

    “กูก็ป้อนอยู่เนี่ย
    !!!


    “ไม่ใช่!! ผมหมายถึงป้อนด้วยปากอ่ะ!!!!” ยูคยอมตะโกนสุดเสียง


    “หา?!!?/ฮะ?!?” มาร์คและโจอี้อุทานออกมาพร้อมกัน


    “ถ้าจะให้ใครกลืนอะไรก็ต้องอุดปากใช่มั้ยล่ะ แล้วตอนนี้มือพี่ว่างมั้ยล่ะ!! ก็เลือกเอาว่าพี่จะใช้ปากหรือใช้ตีน!!!!” ยูคยอมชักโมโห


    “พี่โอเคนะ” โจอี้มองอีกคนงงๆ มึงชอบพี่แบมไม่ใช่เหรอวะ


    “ทำเหอะน่า!!! มีทางเลือกมากนักรึไงเล่า!!!!” ยูคยอมบอก

     




    มาร์คตัดสินใจกระดกน้ำมนต์เข้าปากตัวเองตามคำแนะนำของรุ่นน้อง ก่อนจะประกบปากตัวเองเข้ากับริมฝีปากอวบอิ่มของแบมแบม ร่างเล็กดิ้นไปมาเล็กน้อย แต่มาร์คก็พยายามล็อคอีกคนไว้ ก่อนจะค่อยๆปล่อยให้น้ำมนต์ไหลลงคออีกฝ่ายอย่างบังคับ ไอร้อนจากริมฝีปากของร่างสูงถ่ายทอดสู่ริมฝีปากที่เย็นเฉียบของคนในอ้อมกอด ร่างเล็กเริ่มผ่อนแรงลงแต่มาร์คก็ยังคงอยู่แบบนั้น ช่างเป็นการบังคับที่แสนอ่อนโยน

     

    โจอี้มองภาพตรงหน้าอึ้งๆไม่ต่างจากยูคยอม ก่อนที่คนตัวเล็กจะยกมือขึ้นมาปิดตาอีกคนแต่ยูคยอมปัดออก


    “อะไรของนาย” ยูคยอมถามอีกคนเบาๆ


    “พี่โอเคนะ”


    “โอเคอะไร?”


    “ก็..ภาพบาดตา พี่ไม่ควรดู” โจอี้ตั้งท่าจะยกมาปิดอีกแต่อีกฝ่ายจับไว้ไม่ปล่อยเพราะเดี๋ยวอีกคนจะยกมาปิดอีก


    “เด็กอย่างนายต่างหากที่ไม่ควรดู” ยูคยอมหรี่ตามองอีกคน


    “ผมไม่เด็กแล้วนะ”


    “อยากเชื่ออยู่หรอก” ยูคยอมส่ายหน้า


    “ว่าแต่พี่โอเคจริงๆนะ” โจอี้ยังคงห่วงความรู้สึกอีกคน


    “ถ้านายยังไม่หยุดพูด ฉันจะอุดปากนายด้วยวิธีเดียวกันกับพี่มาร์ค จะเอามั้ย?” ยูคยอมถามแกล้ง


    “แหวะ เงียบก็ได้” โจอี้เบะปาก

     


    แบมแบมในวงแขนมาร์คตอนนี้หยุดนิ่งแล้ว ไอสีดำจางๆค่อยลอยขึ้นจากร่างแบมแบมก่อนจะหายไปในอากาศ ร่างเล็กเบิกตาโพลงเมื่อกลับมามีสติและรู้ว่าตัวเองกำลังโดนจูบอยู่ แม้จะไม่เชิงว่าจูบแต่ก็เม้าท์ทูเม้าท์อยู่ดี มาร์คเมื่อเห็นอีกคนนิ่งก็ค่อยๆผละริมฝีปากออกมาเพื่อดูผลลัพท์

     


    “พะ...พี่มาร์ค” แบมแบมเรียกอีกคนเสียงแผ่วหน้าขึ้นสีอย่างห้ามไม่ได้


    “แบม ขอโทษนะ” มาร์คยิ้มพลางชี้ไปที่ปากอีกคนที่เจ่อนิดๆ


    “แบม..แบมขอโทษนะครับพี่มาร์ค..แบมควบคุมตัวเองไม่ได้” แบมแบมร้องไห้ก่อนจะโผเข้าหาอ้อมกอดอีกคน


    “ไม่เป็นไรแบม ไม่เป็นไร มันจบแล้วนะ” มาร์คลูบหัวอีกฝ่ายที่ซุกหน้าเข้ากับอกเขาพลางสะอึกสะอื้น

     


    ความอบอุ่นเข้าปลอบประโลมอีกคนช้าๆ แบมแบมได้แต่ร้องไห้พลางพร่ำคำขอโทษใส่อีกคน

     


    “อยากลุกมั้ย?” มาร์คถาม เขาเริ่มเจ็บๆที่หน้าท้อง สงสัยจะโดนอีกฝ่ายนั่งทับนาน


    “อ่ะ..คะ..ครับ” แบมแบมพยักหน้าเช็ดน้ำตาลวกๆ

     


    มาร์คพยายามประคองทั้งแบมแบมและตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งแต่จู่ๆความเจ็บปวดกลับไหลแปร๊บเข้าที่หน้าท้อง ความรู้สึกอุ่นชื้นบริเวณท้องทำให้มาร์ครู้สึกไม่ปกติ แต่ก่อนที่มาร์คจะได้ทันสังเกต แบมแบมกลับเบิกตากว้ามองมาที่ท้องของมาร์ค



    “พะ...พี่มาร์ค...เลือด” แบมแบมมองรอยเลือดที่ท้องของมาร์คสลับกับมีดที่ตกอยู่และมีรอยเลือดเช่นกัน และที่สำคัญก่อนหน้านี้มันอยู่ในมือแบมๆมาก่อน





    “นะ...นิดเดียวน่ะ” มาร์คพูดก่อนจะทรุดลงไปกองที่พื้น

     



    “พี่มาร์ค!!!



    ....................................................................................................................

     


    “นี่มีเจ้าหน้าที่ไปดูชั้นบนแล้วใช่มั้ยครับ” เสียงเจื้อยแจ้วของยองแจกำลังดังแข่งกับเสียงเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ตึกร้างที่เกิดเหตุ


    หลังจากจีซูจากไปไม่นาน แจ็คสันกับยองแจก็พาทีมตำรวจเข้ามาในพื้นที่ โดยแจ้งความข้อหาสงสัยว่ามีการลักพาตัวและกักขังหน่วงเหนี่ยว อันที่จริงถ้าแจ็คสันเป็นคนไปแจ้งความเองโดยไม่มียองแจมีหวังได้ถูกส่งโรงพยาบาลบ้าแน่ เพราะเขาต้องเผลอพูดเรื่องผีวิญญาณแน่นอน แต่ไอ้เด็กนี่กลับกลบเกลื่อนเรื่องได้เก่งโคตรๆโดยโบ้ยให้เป็นคดีลักพาตัวไปซะได้

     

    “ถ้ายังไงเดี๋ยวคงต้องไปให้การต่อ อาจต้องถึงในชั้นศาลอีกทีนะครับ” เจ้าหน้าที่กำลังพูดกับแจ็คสันและจินยอง ส่วนเจบีนั่งเงียบๆให้กำลังใจอาตัวเองอยู่ไม่ไกล


    จินยองพยักหน้ารับก่อนจะเหลือบไปเห็นจงอินที่ถูกคุมตัวอยู่กำลังจะเดินผ่านไปพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

     


    “เฮ้ย จงอิน” จินยองเรียกอีกฝ่าย

    .
    .

    จงอินหยุดเดินหันมามองอีกคนเล็กน้อย

     

    “ไม่ว่านายจะเชื่อหรือไม่ แต่ฉันเข้าใจนายนะ” จินยองบอกต่อ


    จงอินยิ้มแค่นหัวเราะ ก่อนจะเอ่ยออกมาว่า


    “ถ้าเราเป็นเพื่อนกันก่อนหน้านี้ก็คงดีว่ามั้ย” จงอินยิ้มให้จินยอง


    .

    .

    “ฝากขอโทษมาร์คด้วย” จงอินทิ้งท้ายก่อนจะถูกคุมตัวไป

     



    จินยองมองอีกคนลับสายตาไป ก่อนจะหันไปมองกลุ่มควันขาวๆที่หลบอยู่แถวมุมตึก ควันที่เขาสวดขึ้นมาเอง จินยองเดินไปหาเงานั่นซึ่งค่อนข้างเป็นจุดที่ไม่มีใครสังเกต ก่อนจะเห็นว่าควันนั่นเป็นร่างชายชราจริงๆ

     

    “ปู่ใช่มั้ยฮะ?” จินยองถามแต่ควันนั่นไม่ตอบ



    “...........”



    “ผมนึกว่าปู่ไปเกิดแล้วซะอีก” จินยองบอก



    “..............” ควันนั้นส่ายหน้า



    “ห่วงผมเหรอ?” จินยองเลิกคิ้วถาม



    ควันนั้นพยักหน้าเล็กน้อย



    “ผมเก่งแล้วนะจะบอกให้”



    “...........”



    “เลิกห่วงเถอะน่า....ไปเกิดได้แล้ว”



    “จินยองเก่งจริงๆนะครับ” เสียงทุ้มของเจบีดังขึ้นข้างหลังจินยอง เขายืนฟังจินยองพูดคนเดียวมาสักพักแล้ว


    “อ้าว..คุณ” จินยองตกใจเล็กน้อย


    “เขาช่วยผมกลับเข้าร่างด้วยครับ เป็นพ่อมดที่เก่งจริงๆครับ” เจบีพูดพลางมองไปรอบๆ


    “เห็นเหรอคุณ?” จินยองถาม


    “ไม่อ่ะ คุณก็รู้ว่าผมไม่เห็น”


    “แล้วพูดเป็นตุเป็นตะ” จินยองส่ายหน้า


    “ก็ผมเชื่อว่าคุณคงไม่บ้าพูดคนเดียวแน่” เจบียิ้มกวนๆ


    “นี่คุณ!


    “ผมจะช่วยดูแลเขาอีกแรงครับ” เจบีรับคำหนักแน่น ถ้าเจบีเห็นก็คงดีว่าควันนั้นพยักหน้าน้อยๆ



    “ปู่ไปเกิดเหอะ” จินยองย้ำอีกที



    “.......”



    “ถึงผมจะคิดถึงปู่ แต่ผมไม่อยากเห็นปู่อยู่ในสภาพนี้ตลอดไปหรอกนะฮะ” จินยองว่า



    ควันนั่นพยักหน้าเล็กน้อย



    “โชคดีนะฮะ” สิ้นคำจินยอง ควันนั้นก็ค่อยสลายหายไปกับอากาศช้าๆ

     


    จินยองหันมามองหน้าเจบีเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจ

     

    “คุณไม่ต้องมาช่วยดูแลผมจริงๆหรอกนะ” จินยองบอก


    “อะไรกัน ผมรับปากคุณปู่ไว้แล้วนะ”


    “คุณนี่มะ....”

     


    ก่อนที่จะได้พูดอะไรต่อ เสียงโวยวายจากวิทยุพกพาของคุณตำรวจก็ดังขึ้น

     


    “วอ 2 วอ 2!! ขอหน่วยพยาบาล ข้างบนมีคนถูกแทง”

     







    ถูกแทง?

     







    มาร์ค!!! แบมแบม!!!!

    ..................................................................................................................................................

    เฮลโล่วววววววว เกิดเป็นพี่มาร์คช่างลำบากเหลือเกินว่ามั้ย 55555555 อย่าเพิ่งตบไรท์นะ ไรท์ติดงานจริงๆ งานเก่าจบงานใหม่มาตลอดช่วงนี้ ฮอลลลลลล ขอบคุณที่ยังรอ ขอบคุณทุกเม้นทุกการติดตามนะรีดดดดดดดดดด

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×