ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Got7] SDD : Sleep , Deep , Death [MarkBam]

    ลำดับตอนที่ #33 : Chapter 32

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.3K
      16
      13 ก.ค. 58


    หลายสัปดาห์หลังจากเกิดเรื่องวุ่นๆ จินยองกลับนั่งถอนหายใจซ้ำแล้วซ้ำอีก เพราะตอนนี้มันมีเรื่องวุ่นๆอีกเรื่องเข้ามาแทนที่ นั่นคือการสอบ!!!!!!!
    ปกติก็จะไม่เครียดขนาดนี้หรอกเพราะมีเล็คเชอร์ไอ้มาร์คให้ยืมอ่าน รายนั้นมันชอบเก็งข้อสอบแล้วก็เก็งเก่งซะด้วย แต่งานนี้ไอ้มาร์คยังจะเอาตัวไม่รอด อย่าว่าแต่เล็คเชอร์เลย ตอนนี้ไอ้หัวแดงคงวิ่งตามขอซ่อมแล็บในช่วงที่มันเข้าโรงพยาบาลอยู่แน่นอน ส่วนไอ้แจ็คสันบอกตรงๆว่าไม่เคยคิดจะพึ่งมัน แถมช่วงนี้ก็ทำตัวแปลกๆ เลิกเรียนก็ไปนั่งอยู่คณะบัญชี คือตอนนี้ยองแจก็พักงานสอนไว้ก่อนนะเพราะต้องสอบแต่ไอ้บ้านั่นก็ยังไปทุกวัน พอถามว่าไปทำไมก็เอาแต่ยิ้ม ประสาทแดก!!!


    จินยองใช้เวลาที่อยู่คนเดียวมานั่งในห้องสมุดมากกว่าเพราะที่โต๊ะไม้ก็ไม่มีใครมานั่งด้วย เสียงคนติวกันก็รบกวนสมาธิทำให้หงุดหงิดใจเพราะไม่มีใครติวด้วย จินยองพลิกข้อสอบเก่าไปมาพลางเปิดหาคำตอบในหนังสือ ไม่ได้สนใจว่าใครจะผ่านไปมา จนกระทั่ง......

     



    “ตรงนี้มีคนนั่งมั้ยครับ” เสียงถามดังขึ้นเบาๆ


    “ไม่มีครับ” จินยองตอบกลับเบาๆแต่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามอง

     



    ร่างนั้นนั่งตรงข้ามกับจินยองพร้อมเปิดหนังสือที่หยิบมาบ้าง เสียงพลิกกระดาษไปมาไม่ได้สร้างความสนใจให้กับจินยองเท่าไร ทำไงได้พวกอ่านเฉพาะก่อนจะสอบก็เงี้ย ถึงวันสอบกูจะอ่านจบมั้ยยังไม่รู้เลย


    จินยองสนใจหนังสือตัวเองไปเรื่อยๆจนกระทั่งเริ่มรู้สึกเอะใจเมื่อเสียงพลิกกระดาษของอีกคนเงียบไป ร่างเล็กจึงค่อยๆเงยหน้าขึ้นมามองก่อนจะเห็นเจ้าของรอยยิ้มที่คุ้นเคยกำลังยกโทรศัพท์ขึ้นมาทำอะไรสักอย่าง



    “อิม แจบอม!!” จินยองเรียกอีกคนก่อนจะลดเสียงลงเมื่อนึกได้ว่าอยู่ในห้องสมุด


    “รู้สึกตัวช้านะ” แจบอมยิ้ม


    “คุณมาทำอะไร ถ้าไม่อ่านหนังสือก็กลับไปเหอะ” จินยองบอกเสียงเบา ก่อนชี้ไปที่สมาร์ทโฟนเครื่องสวยในมืออีกคน


    “มาถ่ายรูปไง น่ารักเนอะว่ามั้ย” เจบีบอกพลางโชว์รูปจินยองที่กำลังตั้งใจอ่านหนังสือให้ดู


    “นี่คุณจะบ้าเหรอ ถ่ายทำไมเนี่ย” จินยองเอื้อมตัวมาหวังจะคว้าโทรศัพท์แต่อีกคนชักกลับ


    “ชู่ววว...อย่าเสียงดังสิครับ ห้องสมุดนะ” เจบีเอามือแตะปากตัวเองเบาๆเป็นสัญญาณให้อีกคนเงียบซึ่งก็ได้ผล



    จินยองมุ่ยหน้า ทิ้งตัวลงนั่งเหมือนเดิมก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ ไม่ว่าจะผ่านไปกี่อาทิตย์เจบีก็ยังคงเหมือนเดิมคือใช้เวลาว่างมาหาจินยอง ซึ่งเอาจริงๆก็น่าจะถามกันบ้างว่าอยากให้มาหามั้ยอ่ะนะ ร่างเล็กพยายามไม่สนใจอีกคนเอาแต่นั่งอ่านหนังสือของตัวเองไปซึ่งดูเหมือนเจบีเองก็ไม่ได้กวนใจอะไรมากเพราะยังไงช่วงนี้ก็ใกล้สอบ อีกคนคงอยากอ่านหนังสือจริงจัง ร่างสูงตั้งรูปที่ถ่ายเมื่อกี้เป็นหน้าจอก่อนจะเก็บสมาร์ทโฟนของตัวเองเข้ากระเป๋ากางเกงแล้วเริ่มอ่านหนังสือบ้าง


    เมื่อความเงียบเข้าปกคลุม สมาธิเริ่มก่อตัวรอบๆคนทั้งคู่ และแน่นอนสิ่งที่ขาดไม่ได้เวลาอ่านหนังสือคือ ความง่วง จินยองที่เริ่มเปลี่ยนจากสมาธิเป็นเข้าสู่ภวังค์เริ่มตาปรือน้อยๆ ก่อนที่ใบหน้าเล็กๆกำลังจะทำท่าร่วงลงมาจากมือที่กำลังเท้าคาง เจบีที่นั่งมองเป็นระยะอดจะยิ้มน้อยๆไม่ได้ เจบีปล่อยให้คนตัวเล็กฝืนตัวเองอยู่พักหนึ่งก่อนจะเอื้อมมือไปสะกิดที่แขนอีกคนเบาๆ


    จินยองปรือตามามองอีกคนก่อนจะรู้ตัวว่าตัวเองเผลอหลับจึงสะบัดหน้าเบาๆไล่ความง่วง ให้ตายสิ เสียฟอร์มชะมัด ร่างเล็กพยายามหันไปสนใจหนังสือ แต่เจบีกลับดึงมันออกจากมือเขา


    “ไปหากาแฟกินมั้ย ผมง่วง”  เจบีชวน


    จินยองถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้ารับเพราะตอนนี้เขาก็ไม่ไหวเหมือนกัน


    ทั้งคู่ตัดสินใจปิดหนังสือก่อนจะเดินออกไปจากห้องสมุดพร้อมกัน ขณะเดินไปจินยองสังเกตได้ถึงสายตาของคนรอบๆที่มองมาที่เจบี อาจจะด้วยเดิมทีก็เป็นคนดังอยู่แล้ว บวกกับอาการรอดตายปาฏิหาริย์มาอีกยิ่งทำให้คนสนใจใหญ่ ส่วนจินยองเองถึงจะเป็นที่รู้จักบ้างในฐานะหนุ่มน่ารักของมหาลัยแต่ด้วยความโลกส่วนตัวสูงทำให้อาจไม่ค่อยเป็นที่สนใจเท่าอีกคน จินยองถอนหายใจเล็กน้อยขณะเดินข้างอีกคน เล่นเอาเจบีหันมามองงงๆ


    “เครียดเหรอ?” เจบีถาม


    “ฮะ?....เอ่อ....ก็นิดหน่อยน่ะ” จินยองบอกปัด


    “นิดหน่อยเหรอ คุณทั้งถอนหายใจทั้งขมวดคิ้วเลยนะ” เจบีบอกยิ้มๆพลางเอานิ้วจิ้มที่หว่างคิ้วอีกคน


    “ผะ..ผมก็เป็นแบบนี้อยู่แล้วน่า” จินยองปัดมือออก


    “คุณคิดอะไรอยู่ เรื่องสอบเหรอ” เจบีถามโดยที่คงไม่ได้สังเกตว่าคนรอบๆกำลังมองพวกเขาอย่างสงสัยในความสัมพันธ์อยู่


    ก็จะไม่ให้แปลกได้ไง อยู่ดีๆหลังอุบัติเหตุประธานสโมคณะบริหารก็กลับมาหมกตัวอยู่คณะวิทย์บ่อยถึงบ่อยมาก และต้องมาถามหาปาร์ค จินยองตลอด อย่างน้อยคนในคณะวิทย์ปีสามก็รู้กันทั้งรุ่น ถ้าไม่ติดว่าจะโดนจินยองหักคอล่ะก็ คงได้แซวกันสนุกปาก


    “ก็ประมาณนั้น” จินยองตอบเลี่ยงๆ


    “ไม่เอาน่า เรื่องยากกว่านี้คุณยังทำมาแล้วเลย” เจบีปลอบ


    “มันเหมือนกันที่ไหนล่ะคุณ” จินยองบอก


    “ทำไมคุณไม่ลองไปติวกับเพื่อนล่ะ”


    “ปกติก็ติวกับมาร์คกับไอ้แจ็คแหละ แต่ตอนนี้ไม่รู้พวกมันหายหัวไปไหน คุณเองก็เหอะ ขาดเรียนไปตั้งนาน ไม่คิดจะไปติวกับเพื่อนบ้างรึไง” จินยองถามบ้าง


    “ปกติผมมักติวกับไอ้ไคไง” เจบียิ้มแห้งๆ


    จินยองนิ่งไปนิดๆ ก่อนจะทำหน้าเครียดไปใหญ่


    “คุณนี่เครียดง่ายนะ ดูทำหน้าเข้า” เจบีแหย่เมื่อเห็นหน้าอีกคน


    “ขะ..ขอโทษนะ” จินยองบอกในที่สุด


    “ขอโทษทำไม จริงๆก็ไม่ได้สนิทมากหรอก แค่อ่านหนังสือในห้องสโมด้วยกันน่ะ อาจมีรุ่นน้องมาแจมบ้างบางวัน มันเงียบดี” เจบีวางมือบนหัวอีกคนเบาๆ


    “ถึงงั้นก็เหอะ ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นไงบ้าง จงอินน่ะ” จินยองบอกเสียงแผ่ว


    “อาแดเนียลไม่ได้เอาความน่ะ มันเองก็เห็นว่าจะย้ายไปอยู่ที่อื่น ย้ายมหาลัยโอนหน่วยกิจไป สงสัยอยู่โซลจะกลัวได้แย่งงานกับไอ้มาร์คมั้ง ฮะๆๆๆ” เจบีหัวเราะกลบเกลื่อน


    “แล้วอาแดเนียลเป็นไงบ้าง”


    “หนักเอาการ ตอนทำงานก็ไม่อะไรนะคงมีเรื่องให้คิดเยอะ แต่ตอนเวลาอยู่คนเดียวนี่สิ ไอ้ยูคยอมมันก็พยายามชวนอามันไปนู่นไปนี่อยู่นะ เห็นมันว่าคงต้องใช้เวลาพอสมควรแต่ก็ดีขึ้นจากวันแรกๆอยู่”


    จินยองพยักหน้าอย่างเข้าใจ คนเลิกกันก็ว่าเจ็บแล้ว แต่นี่ตายจากกันทั้งที่ยังรักกันเนี่ย มันโคตรเจ็บเลยมั้ย



    “ว่าแต่คุณนี่...ใจร้ายชะมัดเลยแฮะ” เจบีพูดต่อ


    “ฮะ? ว่าไงนะ?” จินยองทำท่างงๆ นี่กูไปใจร้ายตอนไหนวะ


    “คุณน่ะใจร้าย อยู่กับผมแท้ๆ ถามถึงแต่คนอื่นอยู่ได้” เจบีทำท่าแกล้งงอน  น่ารักตายล่ะ


    “คุณก็สบายดีนี่ ก็เห็นๆอยู่ ไม่เห็นต้องถาม” จินยองบอก


    ทั้งคู่เดินกันจนมาหยุดถึงร้านกาแฟที่อยู่เยื้องๆหอสมุด ก่อนที่เจบีจะถอนหายใจออกมาเล็กน้อยที่คนตัวเล็กไม่สนใจ


    “ผมไม่ได้สบายดีนะคุณ” เจบีบอก


    “เหรอ?...ผมดูไม่ออก เอาอเมริกาโน่เย็นแก้วนึงครับ” จินยองตอบเจบีก่อนจะหันไปบอกเจ้าของร้าน


    “จินยองอ่า” เจบีทำเสียงเหนื่อยใจ


    “แล้วนี่คุณไม่สั่ง?” จินยองถาม


    “คาราเมลแมคคิอาโต้ครับเฮีย” เจบีบอกอย่าสนิทสนม


    “วันนี้มาแปลกนะ สั่งอะไรหวานๆ” เจ้าของร้านแซวเพราะปกติเจบีมากินบ่อยส่วนมากสั่งอเมริกาโน่ตลอดนึกยังไงมาสั่งกาแฟที่ใส่ทั้งนมทั้งคาราเมลไม่ยั้งแบบนี้


    “เปลี่ยนบ้างน่ะครับ” เจบียิ้ม


    “นึกว่าเป็นเพราะมากับแฟนเลยต้องสั่งอะไรหวานๆ” แซวซะหนักเลย ก็เห็นงอนไปงอนมาตั้งแต่เดินมาละจะไม่ให้เข้าใจว่าเป็นแฟนได้ไง อีกอย่างตึกคณะวิทย์กับร้านกาแฟก็ไม่ได้ไกลกัน เวลาเม้ากันนักศึกษามันก็มาเม้าแถวนี้นี่แหละ เล่นเอาเจบีนี่ยิ้มกว้าง


    “มะ..ไม่ใช่นะครับ!! ผมจะเป็นแฟนหมอนี่ได้ไง!!!” จินยองปฏิเสธทันควัน


    “อ้าวเหรอ โทษที” เจ้าของร้านยิ้มขำๆพลางชงกาแฟ


    “ก็อยากเป็นแฟนอยู่หรอกเฮีย แต่เนี่ย จีบยากชะมัด ทำไงดีเนี่ย” เจบีปรึกษาไม่ได้สนใจจินยองที่ยืนหัวโด่อยู่เลย นี่ได้เชื้อหน้าด้านมาจากมาร์คใช่มั้ย ตอบ!!


    “นี่คุณ จะบ้ารึไง” จินยองฟาดไปที่ไหล่อีกคนแบบเต็มแรง


    “เนี่ย เอะอะก็ใช้กำลัง กว่าจะได้เป็นแฟนกัน ผมตัวน่วมพอดี” เจบียังทำเหมือนว่าจินยองไม่ได้อยู่ตรงนั้นอยู่ดี


    “ใครจะเป็นแฟนกับคุณวะ!!” จินยองเริ่มจะทั้งโมโหทั้งเขิน


    “ก็คุณไง” เจบีตอบหน้าตาย


    “นี่คุณติดนิสัยไอ้มาร์คมาใช่มั้ย”


    “คงงั้น”


    “โว้ย...ผมไปนั่งรอตรงนู้น เอากาแฟมาให้ผมด้วย” จินยองหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ดูจะเสียเปรียบด้วยการชี้ไปที่ม้านั่งไม่ไกลนัก


    อาการเขินๆเรียกรอยยิ้มให้เจบีและเจ้าของร้านได้ไม่ยาก




     

    ไม่นานนักเจบีก็เดินตามมาพร้อมกับกาแฟสองแก้วในมือก่อนจะยื่นกาแฟดำให้คนตัวเล็กที่นั่งหน้ามุ่ยพร้อมกับนั่งลงข้างๆ จินยองรับกาแฟมาก่อนจะทำท่าล้วงหาเงินในกระเป๋า


    “หาอะไร?” เจบีถาม


    “เงินไงคุณ ไม่เอาเหรอ?” จินยองถามกลับ


    “ไม่เอาหรอก ผมเลี้ยง”


    “แต่ผมจะจ่าย ผมไม่ได้อยากให้คุณเลี้ยงซะหน่อย”


    “งั้นเดี๋ยวค่อยเอาก็ได้ กินเหอะเดี๋ยวละลาย” เจบีบอกแต่ตัวเองก็ยังไม่ยอมดูดกาแฟของตัวเอง


    “ก็ได้” จินยองว่าก่อนจะดูดกาแฟอึกใหญ่แล้วทำหน้าเหยเก


    “เป็นอะไร?” เจบีถามยิ้มๆ


    “แหยะ ขมอ่ะ”


    “ก็มันกาแฟดำนิ่คุณ” เจบีหัวเราะน้อยๆ


    “ผมก็รู้อยู่ สั่งเพราะจะได้ตาสว่างๆไง แต่มันขมน่ะ” จินยองมองแก้วกาแฟก่อนจะชั่งใจว่าจะกินต่อหรือไม่กินดี คือแบบเห็นไอ้มาร์คชอบกินเวลาทำงานไง แต่กับคนไม่ชอบของขมๆเท่าไรนี่มันก็ไม่น่าจะโอเคเท่าไร


    “ผมคิดไว้แล้ว เอานี่” เจบียื่นแก้วกาแฟคาราเมลแมคคิอาโต้ให้อีกคน


    จินยองทำหน้างงเล็กน้อย


    “ปกติผมเห็นคุณกินแต่อะไรอ่อนๆ พวกนม หรือพวกอะไรหวานๆหน่อย มาแลกกัน”เจบีสลับแก้วในมือตัวเองกับจินยอง


    “ไม่เป็นไรคุณ ผมกินได้” จินยองบอก


    “แต่ผมกินไม่ได้ ผมกินแต่กาแฟดำ คุณช่วยแลกให้ผมหน่อยละกัน” เจบียิ้ม


    “ระ...รู้ว่ากินไม่ได้แล้วจะสั่งมาเพื่อ....” จินยองถึงจะรู้ว่าอีกคนสั่งมาให้เขาแต่ก็อดแขวะไม่ได้


    “ก็เหมือนคุณไง รู้ว่ากินไม่ได้แล้วจะสั่งมาเพื่อ” เจบีย้อน


    “นี่คุณ!!!” จินยองถลึงตาใส่อีกคน


    “โอเคๆ ไม่กวนละ ไม่กวน” เจบียิ้ม



    ทั้งคู่นั่งกินกาแฟไปเรื่อยๆอย่างไม่รีบร้อน จินยองเองก็เริ่มจะตื่นมาสักพักละหลังจากเถียงกับอีกคน ก่อนที่จินยองจะนึกอะไรได้



    “เออนี่คุณ เมื่อกี้ที่คุณบอกว่า คุณไม่สบาย จริงเหรอ?” จินยองถาม


    “จริงสิ”


    “เป็นไรอ่ะ ผมนึกว่าคุณหมอเลิกนัดคุณไปแล้วซะอีก”


    “รู้ด้วยเหรอ?” เจบีแปลกใจ ก็เรื่องนี้น่าจะมีแค่คนในบ้านที่รู้นะ


    “กะ...ก็ ได้ยินมาจากมาร์คอีกที” ใครจะบอกว่าถามมาจากแบมแบม


    “แล้วมาร์คมันรู้ได้ไง”


    “ก็คงถามแบมแบมมั้ง ผมจะไปรู้เหรอ”


    “เรื่องรถชนน่ะผมหายแล้ว แต่ไม่สบายเพราะเรื่องอื่นน่ะ” เจบีบอก



    เจบีหันมามองหน้าจินยอง ร่างเล็กเองก็ไม่ได้หลบตาแต่อย่างใด



    “คุณอยากรู้จริงๆเหรอ” เจบีถามอีกครั้ง


    จินยองพยักหน้า



    “ผมไปชอบคนคนนึงเข้า แต่...เขาดูไม่ค่อยชอบขี้หน้าผมน่ะ ผมก็เลยรู้สึกไม่สบาย.....ใจ” เจบีหันไปมองหน้าจินยองยิ้มๆ

    จินยองหน้าขึ้นสีไม่พูดอะไรก้มหน้าก้มตาดูดกาแฟ



    “คุณจะไม่ถามหน่อยเหรอว่าเขาเป็นใคร อะไรยังไง” เจบีถามต่อ


    “ผม..ต้องรู้ด้วยรึไง” จินยองถามไม่สบตา


    “อยากรู้หน่อยดิ” 


    “เออๆๆๆๆ” จินยองตอบด้วยความรำคาญ คือมึงจะชอบใครกูต้องรู้มั้ยวะ


    “เขาเป็นเพื่อนของเพื่อนผม เพิ่งรู้จักกันไม่นาน.....” เจบีเหลือบมองปฏิกิริยาอีกคนที่ยังนั่งนิ่ง


    “ไม่รู้เหมือนกันว่าผมชอบเขาได้ไง เขาเป็นคนปากร้ายมาก ชอบทำหน้าหงุดหงิดตลอดเวลาทั้งที่น่าตาโคตรน่ารัก แถมเวลาเจอหน้าผมนะต้องตีหน้าบึ้งแล้วก็จิกกัดผมตลอดเวลา...แล้วยัง...”


    “พอเลย พอๆ” จินยองยกมือห้ามอีกคนพูดต่อ


    “อะไรกันคุณ ผมยังเล่าไม่จบเลย” เจบียิ้มขำๆ


    “ผมไม่ฟังคุณหลอกด่าผมหรอก” จินยองบอก


    “อ้าว รู้ด้วยเหรอว่าผมชอบคุณน่ะ” เจบียิ้มขำๆ เล่นเอาจินยองหน้าแดงอย่างปิดไม่อยู่


    “กะ...กะ...ก็....” จินยองไม่ใช่คนโง่แล้วก็ไม่ใช่พวกใสซื่อนะเรื่องแบบนี้จะไม่รู้เลยก็ไม่ใช่ป่ะ


    “ดีเหมือนกัน ผมจะได้ไม่อ้อมค้อมมาก” เจบีวางแก้วกาแฟในมือก่อนถือวิสาสะจับมืออีกคน


    “ละ..ลามปามละคุณ” จินยองตีมืออีกคนให้ปล่อย


    “ผมชอบคุณจริงๆนะ” เจบีจ้องเข้าไปในตาจินยอง



    จินยองถอนหายใจออกมาเล็กน้อยก่อนจะหลบตาเล่นเอาเจบีใจแป้ว



    “คุณจะ...เอ่อ...ไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ” เจบีถาม


    จินยองลุกขึ้นยืนหลบตาอีกฝ่ายเหมือนพยายามนึกหาคำพูด


    “คือผม....” ร่างเล็กพยายามนึกคำพูด


    “ไม่เป็นไร ถ้าคุณไม่ชอบ ผมจะไม่ทำตัวให้คุณรำคาญ ถ้าคุณเบื่อที่ผมตามตื๊อผมจะไม่จีบคุณออกนอกหน้า แต่ผมแค่อยากให้คุณรู้ว่าผมรู้สึกยังไง” เจบีลุกตามทำหน้าเศร้า


    “ไม่ใช่อย่างนั้น คือผม...” จินยองกัดปากตัวเอง


    “...ผมรู้ว่าคุณรู้สึกยังไง และผมก็ไม่ได้รู้สึกแย่ที่คุณชอบผม....แต่...แต่ผมยังตัดสินใจลำบากน่ะ” จินยองเอ่ยในที่สุด





    “คุณเกลียดผมเหรอ?”


    “ผมไม่ได้เกลียด!


    “งั้นคุณ..ไม่ชอบผมเหรอ?”


    “ไม่ใช่อย่างนั้น”


    “งั้นคุณก็ชอบผมน่ะสิ” เจบียิ้ม


    “ผะ...ผม..ไม่ได้เกลียดคุณ” จินยองเลี่ยงคำตอบ


    “คุณตอบไม่ตรงคำถาม” เจบียังคงหลอกถามต่อไป


    “คุณจะให้ผมตอบว่าผมชอบคุณให้ได้ใช่ป่ะ?” จินยองเริ่มจะหงุดหงิด


    “แล้วชอบป่ะล่ะ”


     จินยองไม่ตอบแต่ทำท่าจะเดินไปจากตรงนั้น ร่างเล็กเดินไปได้สามสี่ก้าวโดยที่เจบีเองก็ไม่ได้ตาม ก่อนที่จินยองจะหันกลับมา

     



    “เอาเป็นว่า..ผมจะเก็บไปพิจารณา” จินยองบอก

     

    “คุณก็..ให้เวลาผมหน่อยละกัน”

     


    ร่างเล็กออกเดินอีกครั้งก่อนจะหันกลับมาที่เจบีอีกรอบ

     
     

    “คะ..คุณเองก็..อย่าไปจีบคนอื่นล่ะ..เข้าใจมั้ย”

     


    พูดจบจินยองก็วิ่งออกไปจากตรงนั้น เล่นเอาเจบียิ้มค้างไปเลย  ไม่จำเป็นต้องรีบในการสร้างความสัมพันธ์ เขารู้ว่าจินยองเองลึกๆยังคงกลัวที่จะสร้างความสัมพันธ์กับใคร แต่เจบีเองก็พร้อมที่จะยืนข้างๆอีกคนไปเรื่อยๆ เมื่อไรที่จินยองพร้อมสำหรับก้าวต่อไป เขาก็จะยังคงยืนอยู่ตรงนั้นรอให้อีกคนยื่นมือมาจับ




    แต่..ถ้าแค่ยืนรอเฉยๆ ก็ไม่ใช่ อิม แจบอมแล้วล่ะ


    ......................................................................................................

     

    “แล้วเจอกันนะยองแจ”  ร่างเล็กของเพื่อนซี้อย่างแบมแบมโบกมือให้ยองแจ


    “อ้าวแบม กลับเร็วจัง” ยองแจถามอีกคนที่ไม่อยู่อ่านหนังสือด้วยกัน


    “เราลืมสมุดเล็คเชอร์ไว้บ้านอ่ะ ไม่รู้จะอ่านอะไร” แบมแบมบอก


    “อ่ะเหรอ เอาของเรามั้ย” ยองแจเสนอ


    “ไม่เป็นไร อ่านเหอะ เดี๋ยววันนี้แบมกลับไปอ่านที่บ้านวันนึง” แบมแบมยิ้ม


    “แล้วกลับไงอ่ะแบม”


    “เดี๋ยวพี่มาร์คมารับน่ะ” แบมแบมบอก


    “แหม่ แบม ใกล้สอบละนะ อย่าหนีเที่ยวกับแฟนบ่อยนักสิ” ยูคยอมที่ยืนเงียบอยู่นานแซว


    “ยังไม่ได้เป็นแฟนสักหน่อย!!” แบมแบมเถียง เล่นเอาอีกสองคนอดขำไม่ได้


    “อย่าให้พี่มาร์คมันรอนานนะแบม สงสารมันว่ะ” ยูคยอมบอกแซวๆ


    “เอาเรื่องตัวเองให้รอดก่อนเถอะ คิม ยูคยอม” แบมแบมกัด


    ก่อนที่จะได้เถียงกันต่อ เวสป้าของมาร์คก็มาจอดเทียบท่าพอดี มาร์คยิ้มให้รุ่นน้องที่เหลือเล็กน้อยทักทายกันตามประสา ก่อนจะยื่นหมวกกันน็อคอีกใบให้แบมแบม แบมแบมใส่มันก่อนที่มาร์คจะช่วยปรับสายให้มันพอดี แน่นอนว่าภาพที่เห็นมาร์คมารับแบมแบมบ่อยๆในช่วงนี้ทำให้เกิดข่าวลือกันในมหาลัยหนาหูว่าสรุป สองคนนี้เป็นอะไรกัน  นี่ขนาดยังไม่ได้เป็นแฟนกันแบบทางการก็ทำเอาหลายๆคนอกหักไปซะละ


    แบมแบมโบกมือให้เพื่อนเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่รถจะแล่นออกไป

     


    “เดี๋ยวเราก็ไปแล้วเหมือนกัน” ยูคยอมเอ่ยทำลายความงียบ


    “ไปไหนอ่ะ?”


    “มีธุระนิดหน่อย” ยูคยอมตอบ


    “เดี๋ยวนี้ทำธุระบ่อยนะ ธุระแถวๆหน้าโรงเรียนมัธยมรึไง” ยองแจกัดเล็กน้อย  ไอ้โคแก่เอ้ย


    “ยุ่งจริง ว่าแต่นายเหอะ เพื่อนไม่อยู่ก็ไม่คิดจะกลับบ้านรึไง” ยูคยอมถามเมื่อเห็นยองแจยังกางหนังสือเหมือนเดิมไม่คิดจะเก็บ


    “อ่านคนเดียวก็ได้” ยองแจแกล้งทำเสียงงอนๆ


    “ไม่ต้องแอ๊บงอนเลย เชว ยองแจ รอใครบางคนใช่มั้ยล่ะ” ยูคยอมแซวบ้าง


    “ถ้าหมายถึงพี่แจ็คสันล่ะก็ บอกเลยว่าไม่ได้รอ เรานั่งอ่านหนังสือของเราปกติ พี่แจ็คสันมาเอง เราไม่เกี่ยว” ยองแจบอกกลบเกลื่อน


    “เออๆ ไม่แซวก็ได้ ไปละนะ” ยูคยอมโบกมือลาเพื่อน ยองแจเองก็โบกกลับ

     



    ตอนนี้เริ่มบ่ายแก่ค่อนเย็น แต่ช่วงใกล้สอบทำให้มหาลัยยังครึกครื้น นี่ก็ผ่านมาหลายเดือนแล้วตั้งแต่เกิดเรื่องแปลกๆของแบมแบมและพี่ชาย ไม่อยากจะเชื่อว่าตอนนี้พวกเขากำลังจะกลับมาใช้ชีวิตปกติ ไม่มีใครพูดถึงเรื่องที่เกิดก่อนหน้านี้เท่าไร ทุกอย่างดำเนินไปเหมือนอย่างที่ควรจะเป็น แต่ที่แปลกคือความสัมพันธ์เนี่ยแหละ แบมแบมก็ดูจะไปได้ดีกับพี่มาร์ค ยูคยอมก็ทำตัวแปลกๆเหมือนกระวนกระวายตลอดเวลา เอาแต่ถามว่าไต้หวันกับเกาหลีนั่งเครื่องห่างกันกี่ชั่วโมง ส่วนเขาก็เลยกลายเป็นมีคนแปลกๆอย่างพี่แจ็คสันเข้ามาในชีวิตซะได้ จากที่เริ่มต้นด้วยการเอาเงินปาใส่หน้า กลายเป็นว่าทุกวันนี้กลับบ้านพร้อมกันทุกวัน บางวันมันก็ไปกินข้าวที่ร้าน วันหยุดบางวันมันมาเป็นเด็กเสริฟให้ด้วยซ้ำ


    ขณะนั่งคิดอะไรเพลินๆ ก็มีเงาของใครบางคนหยุดอยู่ที่โต๊ะ ยองแจเงยหน้าขึ้นก่อนยิ้มให้ผู้มาใหม่



    “พี่มินโฮ สวัสดีครับ” ยองแจยิ้มทักทาย


    “ทำไมนั่งคนเดียวล่ะยองแจ เพื่อนหายไปไหนหมด” มินโฮนั่งลงฝั่งตรงข้าม


    “ไปกับแฟนกันหมดแล้วล่ะครับ” ยองแจแซวขำๆ


    “แฟนน้องแบมแบมนี่ ใช่คนที่มารับที่คณะบ่อยๆมั้ย ที่ขี่มอไซค์คันเล็กๆ” มินโฮถาม


    “ก็ยังไม่เป็นแฟนกันอย่างทางการหรอกครับ แต่อีกไม่นานก็น่าจะใช่” ยองแจบอก


    “แล้วยองแจเมื่อไรจะมีแฟน” มินโฮถาม


    “ถามอะไรแปลกๆอีกแล้ว ผมคงหายากอ่ะ” ยองแจพูดติดตลก


    “พูดอะไรอย่างนั้น ยองแจก็น่ารักในแบบของยองแจนะ” มินโฮลูบหัวอีกคนอย่างเอ็นดู

     


    .
    .
    .

    “แหม่ บรรยากาศชวนมุ้งมิ้ง” เสียงดังขัดขึ้นข้างๆโต๊ะ


    “พี่แจ็คสัน” ยองแจตกใจเล็กน้อยพลางผละออกจากมือมินโฮ


    “สวัสดีครับ” มินโฮทักทายอีกคน


    “มาตั้งแต่เมื่อไร” ยองแจถาม


    “ทันเห็นช็อทสวีท” แจ็คสันหงุดหงิดเล็กน้อยก่อนนั่งเบียดมินโฮ


    “แล้วรุ่นพี่มาทำอะไรที่คณะผมเหรอครับ” มินโฮถาม


    “อ่านหนังสือ” แจ็คสันตอบห้วนๆ


    “ทำไมรุ่นพี่ไม่ไปอ่านที่คณะรุ่นพี่ล่ะครับ” มินโฮตั้งใจกวน


    “ทำไม มึงเป็นเจ้าของตึกรึไง กูนั่งไม่ได้ใช่ป่ะ” แจ็คสันถาม


    “พี่แจ็คสัน!” ยองแจปรามเมื่อเห็นอีกคนเริ่มหยาบคาย


    “อะไร ก็เห็นอยู่ว่าหมอนี่มันกวนตีน” แจ็คสันว่า


    “พี่แค่ถามเฉยๆนะ” มินโฮบอกบ้าง


    “ผมขอโทษแทนพี่แจ็คสันด้วยละกันครับ”


    “อะไรอ่ะ ขอโทษมันทำไม กูทำไรผิด” แจ็คสันถาม


    “งั้นผมขอโทษพี่แทนพี่มินโฮด้วยเหมือนกัน” ยองแจบอก


    “ไม่ต้องหรอกยองแจ ผมขอโทษละกันครับถ้ารุ่นพี่คิดว่าผมไปกวนตีนรุ่นพี่” มินโฮบอกยองแจก่อนจะขอโทษแจ็คสันแบบไม่เต็มใจนัก


     “เออ ขอโทษเหมือนกัน” แจ็คสันบอกก่อนหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน มึงคิดจะทำให้กูดูเป็นตัวร้ายล่ะสิ กูรู้ทันเว้ย


    หลังจากสงบศึกสักพัก ต่างคนก็เริ่มอ่านหนังสือ แต่สิ่งที่ยังทำให้แจ็คสันหงุดหงิดใจคือไอ้อาการถามตอบข้อสงสัยในบทเรียนระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้องนี่สิ กูล่ะหมั่นไส้ มึงเป็นอาจารย์รึไงถึงตอบได้โชะๆแบบนั้นน่ะฮะ!!!


    “พี่มินโฮครับ ไอ้ข้อนี้มันเฉลยถูกมั้ยครับ” ยองแจยื่นข้อสอบเก่าที่ลังเลอยู่นานว่าจะถามดีมั้ย


    “อ๋อ อันนี้มันเฉลยผิดน่ะยองแจ เอามาดูใหม่มันต้องเป็นแบบนี้ บลาๆๆๆๆ” เสียงของมินโฮไม่ต่างจากเสียงแมงวันแมงหวี่สำหรับแจ็คสัน ทำไมถึงได้รู้สึกรำคาญลูกหูลูกตาอย่างนี้วะ นี่ขนาดลงทุนปัดหนังสือบ้าง ปัดปากกามันตกบ้างมันยังไม่สะทกสะท้าน

     

    ขณะเขากำลังอธิบายกันอยู่ แจ็คสันหยิบขวดน้ำขึ้นมาดื่มเพื่อดับกระหายตัวเองบวกกับดับความหงุดหงิดในใจ แต่ไม่รู้ด้วยความรีบร้อนหรือลื่นมือทำให้ขวดน้ำตกกลางโต๊ะและไหลไปที่หนังสือของมินโฮและยองแจ


    “เฮ้ย!!


    “เฮ้ย!!!!


    “เชี่ย!!!!




    ทั้งสามอุทานพร้อมกันพร้อมหยิบหนังสือบนโต๊ะที่เปียกมากอดไว้ ยองแจหันไปมองแจ็คสันที่ยืนหงอยๆอย่างเอาเรื่อง


     

    “เกินไปแล้วนะพี่แจ็คสัน!!” ยองแจบอกเสียงดัง


    “ใจเย็นนะยองแจ” มินโฮปราม


    “อะไร ก็ไม่ได้ตั้งใจนิ่” แจ็คสันเถียง


    “ไม่ได้ตั้งใจเหรอ พี่เป็นอะไรของพี่วันนี้ เดี๋ยวปัดนู่นปัดนี่ พูดจาหาเรื่อง แล้วยังมาแกล้งทำน้ำหกอีก คิดว่าผมไม่รู้เหรอ” ยองแจถาม


    “กูไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นี่ไม่เชื่อจริงๆเหรอวะ”


    “พี่ว่าพี่เขาอาจจะไม่ตั้งใจจริงๆนะยองแจ พี่เขาคงไม่ได้แกล้งเราหรอก” มินโฮพยายามจะช่วย?


    “พี่กลับไปเถอะ” ยองแจบอกแจ็คสันเพราะโมโหอีกคน


    “ไล่...เหรอ?” แจ็คสันถาม


    “ผมเปล่า แต่พี่ควรสงบสติตัวเองก่อน” ยองแจบอก


    “ไม่ไป จะทำไม?” แจ็คสันปฏิเสธ


    “งั้นผมไปเอง กลับก่อนนะครับพี่มินโฮ” ยองแจพูดจบก็เดินออกไปจากตรงนั้น ทิ้งให้อีกสองคนอึ้งๆ



    ยองแจเดินออกไปจากตรงนั้นอย่างเร็วๆ แต่ใช่ว่าคนอย่างแจ็คสันจะยอม เขาวิ่งตามอีกคนไป ทิ้งมินโฮที่ยังอึ้งๆจากยองแจโหมดดาร์กอยู่ แจ็คสันตะโกนเรียกอีกคนแต่ยองแจไม่ยอมหันมา ก่อนจะเร่งสปีดจนขวางหน้าอีกคนสำเร็จ




    “ยองแจ” แจ็คสันกางมือขวางอีกคนเอาไว้


    “หลีก” ยองแจสั่ง


    “ขอโทษ แต่เมื่อกี้ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ” แจ็คสันขอโทษเรื่องที่ทำน้ำหก

     


    ยองแจมองไปรอบๆ อย่างที่บอกช่วงนี้มีนักศึกษามานั่งอ่านหนังสืออยู่บ้าง แต่ตอนนี้รู้สึกเหมือนคนอื่นจะเริ่มหันมาสนใจพวกเขาบ้าง ถ้าเรื่องของมาร์คกับแบมแบมเป็นที่ลือกันในคณะล่ะก็ เรื่องของเขากับพี่แจ็คสันก็ไม่ต่างกัน

    ยองแจเริ่มเหนื่อยกับการที่จะต้องมานั่งอธิบายให้คนอื่นเข้าใจว่าเขากับพี่แจ็คสันไม่ได้เป็นอะไรกัน ยิ่งตอบยิ่งอธิบาย ก็เหมือนตอกย้ำตัวเองไปเรื่อยๆ พี่แจ็คสันอาจไม่ได้รู้สึกอะไร แค่สนิทกันตามประสารุ่นพี่รุ่นน้อง แต่ไม่ใช่กับยองแจ ไม่รู้ว่าเมื่อไรที่ความรู้สึกดีๆมันเกิดขึ้นแต่รู้อีกทีเขาก็รู้สึกกับอีกฝ่ายมากกว่าคำว่าพี่น้องไปซะแล้ว

     

    “ค่อยคุยกันวันหลัง ผมเหนื่อย” ยองแจเบี่ยงตัวจะเดินออกไปแต่แจ็คสันขวางไว้


    “ไม่เอา ยกโทษให้ก่อนดิ” แจ็คสันบอก


    “คนมองว่ะพี่ คุยวันหลังเหอะ” ยองแจทำเสียงเหนื่อย


    “แล้วไงอ่ะ?”


    “ผมไม่ชอบทะเลาะกันในที่คนเยอะๆ” ยองแจเลี่ยง


    “เออ งั้นไปคุยในรถ” แจ็คสันคว้ามืออีกคนขึ้นมา


    “ผะ..ผมเดินเองได้” ยองแจสะบัดออก


    “ทีกับกูสะบัดออก ทีไอ้มินโฮลูบหัวนี่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่” แจ็คสันประชด


    “อย่าเอาคนอื่นมาเกี่ยวได้มั้ย” ยองแจไม่ชอบเลยจริงๆที่แจ็คสันทำตัวแบบนี้ เวลาคนอื่นมองเขามองว่าพี่แจ็คสันหาเรื่องป่ะ


    “ทำไมต้องปกป้องมันด้วยวะ”


    “ผมเปล่า แต่พี่เขาไม่เกี่ยวจริงๆ”


    “มึงชอบไอ้มินโฮเหรอ?” แจ็คสันถามตรงๆ


    “ผมเปล่า!!!” ยองแจเสียงแข็ง


    “ก็เห็นๆกันอยู่นี่!!


    “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพี่ พี่ต่างหากที่เป็นอะไร ทำไมต้องโมโห ทำไมต้องแกล้งพี่มินโฮเขา พี่ไม่พอใจอะไรพี่เขานักหนา...” ยองแจพูดยาวเหยียดตอนนี้ไม่สนใจว่าใครจะมองแล้ว


    “กู..กู..” แจ็คสันหาคำตอบไม่ได้


    “พี่รู้อะไรมั้ย ผมเหนื่อย พี่ทำท่าเหมือนพี่กำลัง....แบบว่า...กำลังหึงผม” ยองแจพูด


    “ยะ..ยองแจ..”


    “ผมรู้ ผมรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่คนอย่างพี่จะมารู้สึกอะไรแบบนั้น ผมรู้ว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน และพี่คิดกับผมแบบไหน แต่ผม..ผม..” สิ่งที่อัดอั้นกำลังจะโพล่งออกมา น้ำตารื้นขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้



    “ยองแจ..พี่..” แจ็คสันอ่อนเสียงลงพลางเอื้อมมือไป




    “อย่าถูกตัวผม!!" ยองแจตะโกน  




    "ขอร้อง ถ้าพี่ไม่คิดอะไรกับผม ก็อย่าทำเหมือนว่าพี่คิด เพราะผมเหนื่อยที่ต้องย้ำกับตัวเองว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน ขอร้อง..."







    "อย่าให้ผมต้องชอบพี่ไปมากกว่านี้เลย” ยองแจน้ำตาไหลในที่สุด





    เสียงสะอื้นเบาๆอย่างคนที่พยายามกลั้นน้ำตาทำให้แจ็คสันรู้สึกสงสารอย่างบอกไม่ถูกในขณะเดียวกันความรู้สึกประหลาดใจปนดีใจก็เข้ามาผสม



    เมื่อกี้ยองแจบอกว่าชอบเขา.......งั้นเหรอ?




    แจ็คสันเดินเข้าไปหาอีกคนก่อนจะดึงอีกคนเข้ามากอดหลวมๆ ยองแจขืนตัวจากอีกคนแต่ไม่เป็นผล แจ็คสันกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นขณะที่ยองแจก็ดิ้นแรงขึ้น



    “ผมบอกว่าอย่ามาแตะผมไง” ยองแจดิ้นขลุกขลัก


    “ขอโทษ” แจ็คสันพูดพลางลูบหัวอีกคน






    .
    .
    .

    “เป็นแฟนกันนะ”  แจ็คสันพูดต่อ





    ยองแจผละตัวออกย่างแรง ก่อนจะจ้องหน้าแจ็คสัน




    “พี่พูดบ้าอะไร” ยองแจถาม


    “พี่..พี่หึงนายจริงๆ และที่พี่มะ..มาหานายทุกวัน นะ...นายไม่คะ..คิดเหรอว่าพี่อาจจะรู้สึกอะไรกับนาย...โธ่เว้ย” แจ็คสันติดอ่าง


    “เอาเป็นว่า เป็นแฟนกันนะ”  แจ็คสันถามอีกครั้ง


    “เอางี้เลยเหรอ?” ยองแจถาม


    “เออ ตอบมาดิ”


    “ผมต้องตกลงมั้ย”


    “ก็ควรนะ”


    “งั้น.....พี่ชอบผมเหรอ?” ยองแจถามพลางเช็ดน้ำตาลวกๆ


    แจ็คสันพยักหน้า


    “พี่..หึงผมจริงดิ”


    แจ็คสันพยักหน้าอีก


    “งั้นก็...อืม” ยองแจบอก


    “อืม อะไร”


    “ก็ตกลงไง”



    แจ็คสันยิ้มออกมาก่อนจะดึงอีกคนเข้ามากอด ยองแจผลักอีกคนออกหน้าขึ้นสี

     


    “ผลักทำไมวะ” แจ็คสันถาม


    “คนเยอะป่ะวะ หัดอายมั่งดิ” ยองแจบอกเขินๆ ถึงคนจะไม่เยอะมากแต่ก็ไม่น้อย ดังล่ะทีนี้กู ขอเป็นแฟนกลางมหาลัย


    “โอ้โห ทีฉากร้องไห้เมื่อกี้ไม่อาย” แจ็คสันว่า


    “ก็เพราะใครเล่า!!


    แจ็คสันคว้ามืออีกคนขึ้นมาอีกครั้งทำท่าจะออกเดิน


    “ไปไหนอีกเนี่ย” ยองแจถาม


    “เดี๋ยวพี่ไปส่งที่บ้าน”


    “พูดกูมึงเหมือนเดิมก็ได้นะ” ยองแจบอก


    “ชอบแบบดิบๆเถื่อนๆก็ไม่บอก” แจ็คสันแซว


    “เปล่า มันแปลกๆอ่ะ”


    “เออ ต่อไปจะเรียกแบบนี้แหละ ทำใจไว้เลย” แจ็คสันบอก


    “แล้วนี่ไปส่งบ้านจะไปหาข้าวกินอ่ะดิ”


    “ทำไม กินข้าวบ้านแฟนไม่ได้รึไง” แจ็คสันถามยิ้มๆ ยองแจหน้าแดงไปถึงหูแถมยิ้มไม่หุบ


    “ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่” ยองแจบอกก้มหน้าปิดความเขิน


    "นี่ยองแจ ต่อไปนี้ถ้าใครมาถามก็บอกเขาไปเลยนะว่าเป็นแฟนพี่ เข้าใจมั้ย"


    ยองแจยิ้มไม่หุบ เขาเชื่อว่าต่อให้เป็นแฟนกัน แจ็คสันก็คงไม่ได้เปลี่ยนอะไรมาก แต่ยองแจก็ชอบที่แจ็คสันเป็นแบบนี้ สถานะที่ชัดเจนมันดีแบบนี้เองสินะ 


    ........................................................................................................................

    ตอนหน้าจบ คงไม่ต้องบอกว่าคู่ใครนะตอนหน้า อันที่จริงมันก็เหมือนจบแล้วล่ะ แค่อธิบายความสัมพันธ์ให้มันเข้าล็อคนิดหน่อย ขอบคุณที่ติดตามกันนะคะ แบบว่าปริ่มมากเวลามีคนบอกว่าฟิคมันโอเค ขอบคุณจริงๆ 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×