ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Got7] SDD : Sleep , Deep , Death [MarkBam]

    ลำดับตอนที่ #34 : Chapter 33 [End]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.54K
      19
      22 ก.ค. 58



    เสียงกริ่งสุดท้ายของการสอบไฟนอลสิ้นสุดลงพร้อมกับนักศึกษาที่เหลือเพียงไม่กี่คนในห้องทะยอยลุกจากโต๊ะ และ คิม ยูคยอม ก็เป็นหนึ่งในนั้น


    ร่างสูงเดินออกมาจากห้องก็เห็นสองเพื่อนซี้อย่างยองแจและแบมแบมยืนรออยู่ ทั้งสองคนยิ้มเนือยๆให้คนที่เพิ่งออกมา


    “จะเอาท๊อปรึไง” ยองแจถามยูคยอม


    “ประโยคนั้นเราน่าจะถามนายมากกว่า” ยูคยอมตอกกลับ


    “บ้าดิ ยากจะตาย เรานี่เหงื่อตกเลย”


    “โกหก/โกหก” ทั้งยูคยอมและแบมแบมพูดขึ้นมาพร้อมกัน


    “เฮ้ย..แบมต้องเข้าข้างเราดิ่” ยองแจเขย่าแขนแบมแบม


    “ก็ยองแจพูดแบบนี้แต่ก็ได้คะแนนเยอะทุกทีนี่” แบมแบมพูดความจริง


    “เอาเถอะๆ เรื่องผลสอบช่างมันเถอะ แต่ตอนนี้สอบเสร็จแล้ว ไปไหนดี”


    “นาย...ไม่ได้นัดกับพี่แจ็คสันไว้เหรอ” ยูคยอมถาม


    “ไม่อ่ะ รายนั้นมีสอบบ่ายด้วย สอบเสร็จก็คงไปฉลองกับพี่มาร์ค พี่จินยองนั่นแหละ” ยองแจบอก ช่วงหลังจากตกลงคบกันก็ไม่ได้ไปไหนด้วยกันเท่าไรหรอกเพราะดันมาตกลงเป็นแฟนกันตอนใกล้สอบเนี่ย


    “แหม่...จะเก็บไว้ไปเดทกันตอนปิดเทอมอ่ะดิ” ยูคยอมยังแซวอย่างต่อเนื่อง


    “อะไรกันเล่า” ยองแจบ่ายเบี่ยง


    “ทำเขินนะ ทำเขิน” ยูคยอมยังคงไม่ลดละ


    “ก็ดีกว่าบางคนแถวนี้ จะจีบก็ไม่จีบ ไม่ทำอะไรสักอย่าง จนเด็กมันจะหนีไปอยู่แล้ว” ยองแจตอกกลับ เล่นเอาอีกฝ่ายถึงกับนิ่งเงียบ




    แทงใจดำชะมัด


    “ยูคยอม...” แบมแบมสะกิดเพื่อนเบาๆเมื่อเห็นอีกคนนิ่งไป


    “ฮะ?...อะไรเหรอแบม” ยูคยอมสะดุ้งเล็กน้อยก่อนทำท่าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น


    “ระ..เราขอโทษนะ” ยองแจเอ่ยออกมา อยากจะเตะปากตัวเองที่ไวเกินไป


    “ขะ..ขอโทษทำไม ขอโทษอะไร ไปหาอะไรกินเหอะเที่ยงแล้ว หิว” ยูคยอมเบี่ยงประเด็นก่อนจะออกเดินนำเพื่อนอีกสองคน



    .

    .

    “แบม เรารู้สึกไม่ดีเลย ยูคยอมมันโกรธเรารึเปล่า” ยองแจถามเพื่อนอีกคนเบาๆ


    “เราว่าไม่หรอก.....ถ้าจะโกรธ มันน่าจะโกรธตัวเองมากกว่า” แบมแบมเอ่ยพร้อมมองไปที่แผ่นหลังของเพื่อนที่เดินจ้ำอ้าวไม่มีท่าทีว่าจะหันกลับมา

     

     

    ......................................................................................................................

     

    “กินของคาวแล้วก็ต้องกินของหวานล้างปาก”

     

    แบมแบมเอ่ยเสียงดังขณะเดินเข้าร้านขนมที่มาประจำ ยิ้มหน้าบานมาที่ตู้เค้ก ในขณะที่เพื่อนอีกสองคนเลือกมาหาที่นั่งก่อน แบมแบมชี้เค้กในตู้ก่อนชิ้นหนึ่งก่อนจะวิ่งกลับมาที่โต๊ะที่อีกสองคนนั่งจองไว้ก่อน


    “ไม่กินกันเหรอ” แบมแบมถามเพื่อนอีกสองคน


    “งั้นเราไปเลือกบ้าง นายล่ะเอาอะไรหรือจะไปเลือกเอง” ยองแจลุกขึ้นถามยูคยอม


    “เราเอาอะไรที่เป็นชีสเค้กกับช็อคโกแลตร้อนน่ะ ฝากสั่งหน่อย” ยูคยอมบอก


    ยองแจพยักหน้าก่อนจะเดินไปที่ตู้เค้กบ้าง


    .
    .
    .
    “โหย....ฮันนี่โทสต์น่ากินอ่ะ ดูดิ” แบมแบมบอกพลางชี้ไปที่เมนูโปรโมชั่นที่วางอยู่บนโต๊ะที่เป็นรูปขนมปังชิ้นหนาชุ่มเนยโปะด้วยไอศครีมและวิปครีปพร้อมทั้งผลไม้หลากหลายไม่ยั้ง


    “อืม ก็น่ากินดี” ยูคยอมเหลือบมองเล็กน้อยก่อนจะเออออ


    “กินมั้ย แบ่งกัน อยากกินอ่ะ” แบมแบมถามตาเป็นประกาย


    “เราเริ่มอิ่มแล้วน่ะ” ยูคยอมลูบท้องตัวเอง


    “ฮึ้ย....วันหลังก็ได้”


    “วันหลังกับใครล่ะแบม” ยูคยอมแซว


    “กับพี่มาร์ค พอใจยัง!!!” แบมแบมประชด เพื่อนบ้านี่ก็แซวอยู่ได้


    “ระวังนะแบม กินมากอ้วนนะ เดี๋ยวพี่มาร์คหนีไปชอบคนอื่นนะ” ยัง...ยังไม่หยุด


    “อะไรๆ พี่มาร์คหนีไปชอบใคร ยังไง?” ยองแจที่ไม่รู้เรื่องราวเดินกลับมานั่งพร้อมถามรัว


    “ยูคยอมมันก็พูดไปเรื่อย” แบมแบมบอกพลางเท้าคาง


    “เปล่า เราบอกแบมว่า กินมากเดี๋ยวอ้วนเป็นหมู พี่มาร์คจะเลิกจีบเอาน่ะ” ยูคยอมบอกขำๆ


    “อ้าว....นี่ยังจีบกันอยู่เหรอ นึกว่าเป็นแฟนกันไปแล้วซะอีก” ยองแจประชด


    “พอเลยพวกนาย” แบมแบมเอามือปิดปากยองแจ ยูคยอมหัวเราะน้อยๆกับท่าทางของเพื่อน


    ก่อนที่ทั้งสามคนจะถูกขัดจังหวะด้วยพนักงานที่เอาขนมทั้งสามชิ้นมาเสริฟก่อน แบมแบมมองขนมในจานเพื่อนทั้งสองก่อนจะเบะปากเล็กน้อย สั่งแต่แบบเดิมๆ ยองแจก็กินแต่สโคน ยูคยอมก็กินแต่ชีสเค้ก เซ็งเป็นบ้า



    “เป็นไรแบม” ยองแจหันไปถาม


    “พวกนายกินแต่เมนูเดิมๆ ไม่เบื่อบ้างเหรอ” แบมแบมถาม


    “ไม่นิ่” ยูคยอมส่ายหน้าก่อนจะตักชีสเค้กเข้าปาก



     

    .
    .
    .

    “เล่นบ้าอะไรเนี่ย ผมไม่ชอบชีสเค้ก”

     

     

    “ของอร่อย ไม่ชอบอีก”

     

    “ก็มันเละๆ แฉะๆ เปรี้ยวๆ”



    .
    .


    ยูคยอมสะบัดหัวสองสามทีเพื่อไล่ความคิด ก่อนจะดื่มช็อคโกแลตร้อนๆที่เพิ่งมาเสริฟตามเข้าไป

     




    .
    .
    .

    “ไม่ชอบของหวาน?”

     

     

    “ก็ไม่ได้ชอบ แต่ก็ไม่ได้ไม่ชอบอ่ะ เฉยๆ”

     

    “ถ้าไม่หวานมาก ก็โอเคนะ แบบช็อคโกแลตขมๆก็ได้อยู่”

     
    .
    .
    .



     

    ยูคยอมมองถ้วยช็อคโกแลตในมือพลางหยุดคิดถึงอีกคนไม่ได้ ช่วงก่อนหน้านี้เขาพยายามไปดักรอโจอี้ที่หน้าโรงเรียนแต่ก็เจออีกคนเพียงแค่สองสามวันแรกๆ ก็ได้แค่เดินไปส่งบ้าง เลี้ยงขนมบ้าง แต่เด็ก ม. ปลาย สอบเสร็จและปิดเทอมก่อนเด็กมหาลัยเป็นอาทิตย์ ก็เลยแทบไม่ได้เจอเลย พยายามจะส่งไลน์ ทักเฟสไปบ้าง แต่สุดท้ายก็ทำได้แค่กวนตีนอีกคนพอสนุกแค่นั้นเอง

     


    “ยูคยอม...” แบมแบมสะกิดเมื่อเห็นเพื่อนนั่งเหม่อ


    “ฮะ?...อะไรเหรอแบม?” ยูคยอมหลุดจากภวังค์


    “เป็นอะไรน่ะ เหม่ออีกแล้วนะ” แบมแบมทัก


    “อ๋อ เปล่าหรอก กินต่อเถอะ” ยูคยอมทำท่าจะจ้วงเค้กกินต่อแต่ยองแจกลับดึงจานออกมา


    “เป็นอะไรบอกก่อน” ยองแจถามจริงจัง


    “เราไม่ได้เป็นอะไรน่า” ยูคยอมทำท่าจะดึงจานกลับมาแต่คราวนี้ทั้งแบมแบมทั้งยองแจยื้อไว้


    “เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งนานนะ คิดว่าเราดูไม่ออกเหรอ” ยองแจถาม ส่วนคนถูกถามได้แต่เงียบ


    “น้องจะบินคืนนี้แล้วนะ” แบมแบมตัดสินใจเอ่ยขึ้นมา





    ยูคยอมมองหน้าอีกคนอึ้งๆ  ใช่...โจอี้จะไปคืนนี้ตอนสองทุ่ม และยูคยอมก็รู้ แค่ทำเป็นไม่รู้





    นั่นเพราะ.......เขาไม่อยากรับรู้





    “พะ..พูดถึงใครเหรอแบม” ยูคยอมแกล้งทำไม่รู้เรื่อง


    “โจอี้ไง” ยองแจบอก


    “นายเองก็รู้เหรอ” ยูคยอมถาม


    “ก็พี่มาร์คยืมรถพี่แจ็คสันคืนนี้” ยองแจบอก


    “นายจะปล่อยไว้แบบนี้เหรอ” แบมแบมถามจริงจัง


    “ปล่อยอะไรแบม” คนถูกถามยังทำเป็นไม่รู้เรื่อง


    “ความรู้สึกของนายไง” แบมแบมชี้ไปที่หน้าอกข้างซ้ายของเพื่อนตัวเอง

     


    ยูคยอมนิ่งอย่างไม่รู้จะพูดอะไร จะให้เขาทำยังไง ในเมื่อถึงเขาสารภาพกับโจอี้ไปว่าเขารู้สึกยังไง นั่นก็ไม่ได้ทำให้อีกคนเปลี่ยนใจไม่ไปไต้หวันไม่ใช่หรือไง พูดไปแล้วจะได้อะไร พูดแล้วพี่มาร์คจะเปลี่ยนใจไม่ให้โจอี้ไปไต้หวันรึเปล่า

     


    “ไม่มีประโยชน์หรอกแบม” ยูคยอมบอก


    “อะไรที่นายว่าไม่...”


    “ถึงยังไงโจอี้ก็ต้องไปอยู่ดี!!!” ยูคยอมเอ่ยเสียงดังขัดอีกคน




     

    ยูคยอมก้มหน้าก่อนจะลุกขึ้นยืน

     



    “เราขี้ขลาดแบม เราไม่อยากเสียใจ” ยูคยอมบอก

     

    “ขอโทษนะ เดี๋ยวค่าขนมเรามาเคลียร์วันหลัง”

     


    ร่างสูงเอ่ยก่อนจะทิ้งเพื่อนอีกสองคนไว้ทีร้าน ยองแจและแบมแบมได้แต่มองตามแผ่นหลังนั้นอย่างไม่รู้จะช่วยยังไง

     

    .............................................................................................................

     


    “เฮ้ย..เก็บของเสร็จยัง” มาร์คถามน้องชายที่กำลังเช็คของของตัวเอง


    “อืม ครบแล้วมั้ง” โจอี้บอก


    “ไปสักสี่โมงครึ่งนะ เผื่อๆ” มาร์คบอกพลางนั่งบนโซฟา


    “ยืมรถมาแล้วเหรอ” โจอี้ถาม


    “เรียบร้อย เดี๋ยวมันขับมาให้ เออ...วันนี้แบมแบมจะไปส่งด้วยนะ” มาร์คบอกขณะทีน้องชายนั่งลงข้างๆเขา


    “เหรอ..” โจอี้ตกใจเล็กน้อย


    “แล้ว.....มีใครไปอีกมั้ย?” โจอี้ถามต่อ


    “ก็คู่เพี้ยน แจ็คสัน ยองแจ ไอ้เจบีก็คงไปพร้อมแบมแบม แม่มขี้หวงชิบหาย ไม่ยอมให้แบมมากับกู” มาร์คบ่นอุบ


    “แค่นั้นเหรอ?” โจอี้ถาม


    “อ้อ...แล้วก็มี.......”




    โจอี้รอคอยคำตอบอย่างตั้งใจ



    “จินยองไง” มาร์คตอบ


    โจอี้รู้สึกผิดหวังน้อยๆกับคำตอบ แต่ก็ตัดสินใจถามออกไป


    “แล้ว....พี่ยูคยอม”


    “เออ....ไม่รู้ว่ะ แบมก็ไม่ได้บอก” มาร์คบอก


    “งั้นเหรอ” โจอี้นิ่งไปสักพัก

     





    จะไม่มาส่งกัน....จริงๆเหรอ?

     





    .
    .

     

    “นายชอบดูการ์ตูนเหรอ”

     

    “ก็ดีนะ ไว้คราวหน้าถ้ามีแอนิเมชั่นสนุก ฉันจะได้มีเพื่อนไปดูด้วย”

     

    “มีประโยคไหนที่ผมบอกว่าจะไปกับพี่กัน”

     

    “ทำเล่นตัวไปเถอะ อย่ามาเป็นฝ่ายชวนฉันก็แล้วกัน”

     
    .
    .
    .

     




    ยังไม่ทันได้ไปดูด้วยกันสักเรื่องเลยแฮะ

     



    .
    .
    .

    “ฉันชอบอากุมอน”

     

     

    “ดีเลย จะได้ไม่แย่งพาทาม่อนของผม”

     
    .
    .
    .

     


    โจอี้มองไปที่ตุ๊กตาดิจิมอนตัวกลมบนลังแพ็คของพลางนึกไปถึงวันที่ได้มันมาวันแรก

     


    “เฮ้ย เป็นอะไร เหม่อเชียว” มาร์คละจากหน้าจอมือถือมองหน้าน้องชาย


    “เปล่าน่ะ” โจอี้ส่ายหน้า


    “ตื่นรึไง กลัวที่จะนั่งเครื่องคนเดียวอ่ะดิ” มาร์คกอดคอน้องชาย


    “บ้าดิ ใครตื่น” โจอี้ผลักออก


    “เดี๋ยวของที่เหลือส่งไปทีหลังละกัน ฝากบริษัทไอ้แจ็คไป” มาร์คเอ่ยพลางลุกขึ้น


    “จะไปแล้วดิ?”


    “เออ ไปเหอะ จะสี่โมงครึ่งละ ไอ้แจ็คบอกอีกห้านาทีถึง แบกของลงไปก็พอดีแหละ” มาร์คบอก


    โจอี้ลุกขึ้นก่อนจะสะพายเป้และลากกระเป๋าใบโต ร่างเล็กเช็คความเรียบร้อยอีกครั้งก่อนจะออกจากห้องโดยไม่ลืมที่จะหันไปหาตุ๊กตาพาทามอนบนลังก่อนจะเอ่ยเบาๆ

     

    “แล้วเจอกัน”

     

    ................................................................................................................

     

     

    สนามบินอินชอน

     


    แจ็คสัน ยองแจ มาร์คและโจอี้มาถึงสนามบินตอนเกือบจะหกโมง ก่อนโจอี้และยองแจจะเดินไปเช็คว่าเริ่มเปิดให้เช็คอินหรือยัง มาร์คและแจ็คสันที่แบกของมาหาที่นั่งอย่างอ่อนแรง ไอ้เด็กนี่มันขนอะไรมานักหนาวะ


    “น้องมึงขนอะไรมาเยอะแยะวะเนี่ย” แจ็คสันถามพลางกระพือคอเสื้อ


    “ไม่รู้มันว่ะ เดี๋ยวกูโทรหาแบมแบมเห็นว่าถึงแล้ว” มาร์คบอกพลางกดมือถือโทรหาอีกคน

     

    เป็นขณะเดียวกับที่ยองแจกับโจอี้เดินกลับมาพอดี



    “เฮียล่ะพี่” โจอี้ถามแจ็คสันที่นั่งหอบ


    “โทรหาแบมแบม” แจ็คสันชี้ไปที่มาร์คที่ยืนคุยโทรศัพท์ห่างออกไป


    “อ่อ เขาเปิดให้เช็คอินแล้วล่ะ เดี๋ยวผมเอากระเป๋าไปโหลดก่อน” โจอี้บอก


    “ไม่รอไอ้มาร์คเหรอ”


    “แค่เอากระเป๋าไปโหลดน่ะ ก่อนคนมันจะเยอะ เดี๋ยวกลับมา” ร่างเล็กยกกระเป๋าไซส์ยักษ์สะพาย


    “เดี๋ยวพี่ช่วย” ยองแจบอก


    “มาๆๆ เดี๋ยวพี่ลากให้” แจ็คสันทำท่าจะลุกขึ้นช่วย


    “พี่นั่งนี่ไปเหอะ เดี๋ยวผมพาน้องไปโหลดกระเป๋าเอง” ยองแจสั่ง


    “ได้ไงวะ มันหนักนะยองแจ”



    “เดี๋ยวพี่ต้องขับรถกลับอีก นั่งไปเหอะน่า” ยองแจสั่งอีกรอบ

     

    ก่อนที่ทั้งสองคนจะลากกระเป๋าไปที่เคาน์เตอร์ของสายการบิน แฟนใครวะ ดุชะมัด

     

    .
    .
    .

    “น้องกูอ่ะ”  มาร์คที่เดินมาถึงถาม ตามมาด้วยแบมแบม ที่มาตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้


    “ไปโหลดกระเป๋า น้องแบมหวัดดี” แจ็คสันตอบเพื่อนก่อนจะหันไปทักแบมแบม


    “สวัสดีครับพี่แจ็คสัน” แบมแบมยิ้มพร้อมโค้งให้


    “แฟนมึงน่ารักนะ” แจ็คสันชงให้เพื่อนพร้อม

    “แน่นอน...โอ้ย!!” มาร์ครับก่อนร้องเสียงหลงเมื่อแบมแบมฟาดมาเต็มแรง


    “รับเต็มปากเต็มคำเลยนะครับ” แบมแบมกอดอกก่อนนั่งที่ม้านั่ง


    “ทำไมพี่โดนฟาดล่ะแบม พี่ไม่ได้เริ่มนะ” มาร์คลูบแขนก่อนนั่งลงบ้าง


    “พี่แจ็คสันก็เหมือนกัน แบมจะให้เพื่อนแบมจัดการ” แบมแบมขู่ แหม่ เอาซะกูไม่กล้าแซวเลย


    “โอ้ย น้องแบม แค่นี้พี่ก็เหมือนเป็นกระสอบทรายทุกวันแล้ว” แจ็คสันบ่น


    “แล้วนี่พี่ชายน้องแบมกับเพื่อนพี่ไปไหนซะล่ะ” แจ็คสันถามถึงเจบีและจินยอง


    “ไปซื้ออะไรกินน่ะครับ” แบมแบมบอก


    “เออแบม...ไอ้เด็กยักษ์ไม่มาเหรอ” มาร์คถามถึงยูคยอมบ้าง


    แบมแบมส่ายหน้าช้าๆ

    “เออแปลกนะ มันสนิทกันไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่มาส่งวะ” แจ็คสันถามบ้าง


    “กูจะไปรู้มันเหรอ” มาร์คบอก




    .
    .


    “เฮ้ย มึง” เสียงดังขึ้นมาขัดจังหวะคนทั้งสามก่อนที่ทั้งหมดจะเงยหน้าไปเจอ จินยองและเจบีที่เดินถือถุงขนมมาซะเยอะ


    “ซื้อมาแดกอย่างกับจะบินเอง” แจ็คสันแซว


    “แค่นั่งรถก็ชั่วโมงแล้วป่ะมึง กูหิว หลังสอบกูก็ไม่ได้แดกฉลอง เพราะพวกมึงห่วงแต่เล่นเกม ควาย!!” จินยองบ่นยาวพรืด


    “มาเป็นชุด ไงล่ะมึงอยู่ดีไม่ว่าดี” มาร์คขำ


    “มึงก็เหมือนกัน แทนที่จะหาอะไรแดกแล้วมาช่วยน้องมึงเก็บของ มัวแต่เรื่อยเปื่อยไปกับไอ้เหี้ยนั่น” จินยองยังบ่นไม่หยุด


    “แบมอย่าฟังคำหยาบนะ ตัวอย่างไม่ดี” มาร์คเอามือสองข้างอุดหูแบมแบม


    “เฮ้ยๆๆๆ น้องกูกูสอนได้ ลามปามละมึง” เป็นเจบีที่ลากคอมาร์คออกมา


    “งั้นกูฝากมึงสอนเพื่อนกูให้เลิกทำตัวฮาร์ดคอหน่อยสิ” มาร์คว่า


    “เดี๋ยวกูจัดให้...โอ้ย!!!!!” เจบีลูบหัวหลังจากที่จินยองม้วนนิตยสารในมือแล้วฟาดลงมา


    “ทะลึ่งละ” จินยองว่า


    “เพื่อนมึงนี่ดุจริงว่ะ” เจบีถอนหายใจ


    “เลิกนินทาได้แล้ว...อ๊ะ!..โจอี้!!” จินยองบ่นเจบีก่อนจะโบกมือให้คนที่เพิ่งเดินกลับมาพร้อมยองแจ


    “หวัดดีครับพี่ๆ มากันเยอะเลย” โจอี้ยิ้มก่อนโค้งให้


    “น้องชายพี่ จะไม่มาส่งได้ไงล่ะ” จินยองบอก


    “เอ่อ...แล้ว...พี่ยูคยอม...ไม่มาเหรอครับ?” โจอี้หันไปถามแบมแบม


    “อ๋อ...เอ่อ...มัน.....ติดธุระน่ะ...สำคัญมาก” แบมแบมแก้ต่างให้เพื่อน โจอี้พยักหน้าเหมือนเข้าใจ


    “ยังไงก็ขอบคุณที่มาส่งนะครับ” โจอี้โค้งให้ทุกคน


    "งั้นถ่ายรูปกันก่อนจาก" จินยองเสนอก่อนจะยื่นสมาร์ทโฟนให้เจบี

    "อ้าว แล้วผมอ่ะ" เจบีที่รับหน้าที่ตากล้องถามงงๆ

    "ก็เดี๋ยวค่อยสลับกันกับแจ็คสันไง" จินยองบอก

    "กูเหรอ?" แจ็คสันชี้ที่ตัวเองงงๆ แต่ก็ต้องเออออไปเมื่อเห็นสายตาจินยองส่งมาเชิงบอกว่า มึงนั่นแหละ


    หลังจากเก็บภาพความทรงจำก่อนบิน พร้อมทั้งพูดคุยเรื่อยเปื่อยตามประสา แซวนั่นแซวนี่บ้าง ก็ได้เวลาร่ำลา ต่อไปก็คงไม่ได้มาสุมหัวล่าผีด้วยกัน ไม่ได้สังสรรค์เฮฮาบ้าบอกันอีกแล้ว คิดแล้วก็ใจหาย ถึงไม่อยากไปก็คงเลี่ยงไม่ได้ ก็ในเมื่อเขาเป็นคนผิดสัญญากับมาร์คเอง


    “แล้วนี่..มึงจะหาอะไรกินก่อนรึเปล่า ก่อนเข้าไปน่ะ” มาร์คชี้ไปที่โซน ต.ม. ที่มีกระจกกั้น


    “อ๋อ..ไม่ดีกว่าเฮีย บนเครื่องคงมีให้กิน ผมว่าจะไปเลย คนมันเยอะกว่าจะได้เช็คพาสปอร์ตคงนาน” โจอี้ชี้ไปที่ห้องกระจกที่คนต่อแถวยาวเหยียด



    มาร์คพยักหน้าก่อนจะสวมกอดน้องชาย พร้อมกับตบไหล่เบาๆ



    “โชคดีมึง เดี๋ยวสไกป์คุยกัน” มาร์คบอก


    “เฮียก็ดูแลตัวเองด้วย” โจอี้ตบหลังพี่ชายเบาๆก่อนจะผละออกจากกัน





    โจอี้มองไปที่จินยอง ก่อนที่จินยองจะวิ่งเข้ามากอดเขาแน่น



    “ดูแลตัวเองนะ ฝากหวัดดีคุณลุงคุณป้าด้วย”


    “ขอบคุณสำหรับทุกอย่างพี่ พี่ก็ดูแลตัวเองนะ” โจอี้บอก



    หลังจากล่ำลาทุกคน โจอี้เหลือบมองไปข้างหลังเป็นครั้งสุดท้ายเผื่อบางทีอาจจะมีอีกคนที่เขารอตามมา แต่ก็ดูเหมือนจะไม่มีหวัง ร่างเล็กโค้งให้ทุกคนเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะหันหน้าไปที่ทางเข้าเพื่อไปที่เกท



    “ฝากเฮียด้วยนะครับ”



    ร่างเล็กโบกมือให้ก่อนจะออกเดินไป ทุกคนได้แต่มองตามคนตัวเล็กที่เดินห่างออกไปเรื่อยๆ




    .
    .
    .

    “เฮ้อ.....” จินยองถอนหายใจยาว


    “เป็นอะไรของมึง” มาร์คถามจินยอง


    “เอาตรงๆนะ กูไม่คิดว่ามึงจะให้น้องไปจริงๆ มึงไม่สงสารมันเหรอวะ มันดูหงอยมากอ่ะ” จินยองบอก


    “คืออันที่จริงกู.....”





    “แบมแบม!!!! พี่มาร์ค!!!” เสียงเรียกดังมาจากข้างหลังเรียกให้คนทั้งหมดต้องหันไปมองเด็กหนุ่มเจ้าของเสียงที่วิ่งกระหืดกระหอบมาแต่ไกล พร้อมกับเสื้อที่ชุ่มเหงื่อ



    “มะ..มึงมาไงเนี่ย” มาร์คเบิกตามองอีกคนอึ้งๆก่อนถามออกไป


    “ยูคยอม..” แบมแบมเรียกเพื่อนตัวเอง


    “แท็กซี่ดิพี่...โจอี้ล่ะ” ยูคยอมถามไปหอบไปพลาง


    มาร์คชี้ไปที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง  ยูคยอมไม่ฟังเสียงอะไรทั้งนั้นกลับวิ่งตรงไปตามทางที่มาร์คชี้อย่างรวดเร็ว เล่นเอาทั้งหมดอึ้งไปตามกัน มาร์คทำท่าจะวิ่งตามไปบ้างแต่แบมแบมกับรั้งไหล่เขาไว้ก่อนจะพยักหน้าช้าๆและยิ้มให้เบาๆ มาร์คจึงได้แต่มองยูคยอมที่วิ่งหายเข้าไปในฝูงคน

     

    ยูคยอมพยายามสอดส่ายสายตาหาอีกคนท่ามกลางผู้คนแถวนั้น ยูคยอมเห็นประตูเข้าด่านตรวจแล้วแต่กลับมองไม่เห็นอีกคนข้างในเลย ยูคยอมตัดสินใจจะลองเสี่ยงเดินเข้าไปแต่กลับถูกเจ้าหน้าที่สองคนดักไว้ก่อน


    “ขอดูบอร์ดดิ้งพาสด้วยครับ” ชายร่างสูงใหญ่ที่เป็นเจ้าหน้าที่สนามบินเอ่ยเสียงเรียบ


    “เอ่อ....คือ....” ยูคยอมอ้ำอึ้ง พลางชะเง้อมองหาโจอี้ข้างใน


    “บอร์ดดิ้งพาสครับ” เจ้าหน้าที่คนนั้นทวน


    “ผมขอเข้าไปหาเพื่อนแปบนึงได้มั้ยครับ” ยูคยอมชี้ไปที่ข้างในด่านตรวจ


    “ต้องขออภัยด้วยนะคะ ตามกฎแล้วผู้ที่ไม่ได้ทำการเดินทางจะไม่มีสิทธิ์เข้าไปค่ะ”  เจ้าหน้าที่หญิงที่ยืนใกล้ๆกันบอก


    “แต่ผมมีเรื่องสำคัญต้องพูดกับเขาจริงๆนะครับ” ยูคยอมขอร้อง


    “เสียใจด้วยครับ แต่เข้าไม่ได้ครับ” เจ้าหน้าที่ชายยืนขวาง ใบหน้าเริ่มขมวดคิ้ว ส่วนเจ้าหน้าที่หญิงก็ทำท่าจะหยิบวิทยุสื่อสารเตรียมพร้อม


    “ขอร้องล่ะครับ แค่ห้านาที  โจอี้!!” ยูคยอมพยายามจะเรียกอีกคนจากข้างนอก


    “ถ้าคุณไม่หยุด ผมจะให้ รปภ. มาเชิญคุณออกไปนะครับ” เจ้าหน้าที่ผู้ชายบอกด้วยเสียงเข้ม


    “ขอร้องล่ะนะครับ!! ได้โปรด ผมขอร้......”


    .
    .
    .
    “พี่ยูคยอม?” เสียงเรียกดังมาจากข้างหลังขัดก่อนที่ยูคยอมจะพูดจบ

     


    ร่างสูงหันไปมองตามเสียงที่คุ้นเคยก่อนจะเห็นร่างของเด็กผู้ชายที่เขาคิดถึงมาตลอดหลายอาทิตย์ที่ผ่านมา กำลังยืนทำหน้าแปลกใจ  ยูคยอมเบิกตากว้างอย่างดีใจเมื่อเห็นคนตรงหน้าก่อนจะเดินเข้าไปสวมกอดอีกคนอย่างถือวิสาสะ



    “ฮะ..เฮ้ย!!! พะ..พะ..พี่เป็นไรเนี่ย!!!” โจอี้ตะกุกตะกักพลางดิ้นไปมาในวงแขนอีกคน


    “ไม่ไปได้มั้ย” ยูคยอมโพล่งถามออกมา ทำเอาโจอี้ตั้งตัวไม่ทัน


    “อะ...อะไรของพี่เนี่ย” โจอี้ดันตัวอีกคนออกก่อนจะถามงงๆ ค่าตั๋วมันแพงนะเว้ย

    “ก็ฉันไม่อยากให้นายไปนี่หว่า” ยูคยอมจับไหล่ทั้งสองข้างของอีกคน


    “พี่......อกหักจนเพี้ยนไปแล้วป่ะเนี่ย”


    “ใช่ ฉันกำลังอกหัก.....................จากนาย” ยูคยอมแผ่วเสียงตอนท้าย


    “ฮะ??.....พะ...พะ...พี่..อย่าเล่นแบบนี้ พูดอะไรเพ้อเจ้อ ผมไม่ชอบ” โจอี้ปัดมืออีกคนออกแต่ยูคยอมก็ยกขึ้นมาจับไหล่เขาไว้เหมือนเดิม


    “ฉันชอบนาย” ยูคยอมจ้องหน้าอีกคน


    “นะ...นะ...นี่...ซ้อมไว้พูดกับใครเหรอ” โจอี้ถามอย่างไม่แน่ใจ


    “โจอี้ ฉันจริงจัง ที่ฉันเคยบอกว่าฉันชอบคนอื่นที่ไม่ใช่แบมอยู่ คนนั้นคือนาย” ยูคยอมจ้องหน้าอีกคนไม่ลดละ



    ร่างเล็กทำปากพะงาบ อย่างไม่รู้จะพูดอะไร เขากำลังงง กำลังสับสน อึ้ง ตกใจ ดีใจ เสียใจ ปนกันไปหมด เขากำลังจะไปไต้หวันนะเว้ยแล้วแนวโน้มคงไม่ได้กลับมาที่นี่อีก แล้วอะไรคือ ไอ้พี่บ้านี่มาบอกชอบเขาตอนที่เขากำลังจะไปเนี่ยนะ

     
     

    “ขอร้อง สัญญากับฉันได้มั้ยว่านายจะกลับมา” ยูคยอมขอร้องอีกฝ่าย


    “ผะ..ผม..”


    “ขอร้องล่ะโจอี้ กลับมานะ ฉันรอได้ ขอแค่นายบอกว่าจะกลับมา” ร่างสูงพยายามจะกลั้นน้ำตา


    “ผม...ผม.."


    .

    .

    .

    "ผมต้องไปแล้ว” โจอี้ตัดสินใจตัดบท




    ร่างสูงมองหน้าคนตัวเล็ก ดวงตาเริ่มมีน้ำเอ่อ ก่อนจะปล่อยมือทั้งสองข้างออกจากบ่าคนตัวเล็ก โจอี้ไม่มองหน้าอีกคน ก่อนเลี่ยงอีกคนเพื่อเดินไปที่ด่านตรวจ  ร่างเล็กหันมาหายูคยอมเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะยิ้มให้แล้วเอ่ยออกมาว่า



    “ดูแลตัวเองด้วยนะครับ”

     

    “ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง”

     

    ก่อนที่โจอี้จะหายไปพร้อมกับฝูงคนข้างใน น้ำตาที่ทำท่าจะไหลตอนนี้ไหลออกมาแล้ว คงเป็นภาพที่น่าสมเพชน่าดูกับเด็กผู้ชายตัวสูงกำลังร้องไห้อยู่กลางสนามบิน










     

    นี่ต่างหากที่เรียกว่าอกหักของจริง

     

     

     

    ............................................................................................................

     


    “พี่มาร์คไม่เห็นจะค่อยกินเลย” แบมแบมถามพลางจิ้มขนมปังชุ่มน้ำผึ้งเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย


    ปิดเทอมก่อนจะขึ้นปีสุดท้ายคงจะเป็นปีที่แสนวิเศษของมาร์ค ต้วนก็ว่าได้ สองสามอาทิตย์ที่ผ่านมาหลังจากปิดเทอมบอกเลยว่ามาร์คเจอหน้าแบมแบมบ่อยกว่าเปิดเทอมอีก เดี๋ยวก็ไปกินข้าว ไปเดินเล่น ซื้อของ ดูหนัง โคตรฟินอ่ะ ส่วนมากก็ไปด้วยเวสป้าของมาร์คนั่นแหละ คลาสสิก แถมแบมแบมก็ดูจะชอบไอ้แก่นั่นไม่น้อย ส่วนไอ้เจบีน่ะเหรอ เอาจินยองไปล่อก็จบ หลังๆก็ไฟเขียวให้มาร์คมารับแบมแบมได้ตามใจชอบ อย่างวันนี้ตอนแบมแบมบอกจะไปกินขนมกับมาร์คเจบีก็ไม่ได้ห้ามอะไรแค่เตือนๆว่าอย่ากลับค่ำแค่นั้น ดีจริงๆ

     


    “อ่า..ชิ้นข้างบนมันมีน้ำผึ้งเยอะไปอ่ะ เดี๋ยวพี่รอกินชิ้นล่างๆ” มาร์คตอบนั่งเท้าคางมองหน้าอีกคน


    “อ้อ...แบมลืมไปว่าพี่มาร์คไม่ค่อยชอบของหวาน” แบมแบมทำหน้าครุ่นคิด


    “แล้วพี่มาร์คพาแบมมากินขนมทำไมเนี่ย” แบมแบมถามอีกครั้ง


    “จะล่อลวงเด็กให้ออกมาด้วยกันก็ต้องใช้ขนมดิแบม ไม่ใช่เหรอ?” มาร์คยิ้ม


    “เด็กไหนล่ะพี่มาร์ค แบมไม่ได้หลอกง่ายขนาดนั้นนะ” แบมแบมหรี่ตา


    “โอเคๆๆ กินๆแบม อย่าอารมณ์เสียนะ” มาร์คดันจานไปให้อีกคนกินเต็มที่


    “พี่มาร์คไม่ต้องยัดเยียดให้แบมกินคนเดียวเลย เดี๋ยวแบมอ้วน”


    “ไม่อ้วนหรอกแบม ผอมจะแย่อยู่แล้ว”


    “พี่มาร์คอย่าโกหก ช่วงนี้แบมอ้วนขึ้นนะแบมรู้”


    “โอ้ยแบม อ้วนตรงไหนเนี่ย ใครบอกมาว่าอ้วน” มาร์คขำๆกับคนตรงหน้า


    “ก็ยูคยอมมันบอก”  แบมแบมว่าพลางจิ้มขนมเข้าปากอีก


    “แบมเชื่อพี่ดีกว่า ไม่ต้องไปฟังมันหรอก” มาร์คบอกพลางจิ้มขนมปังยื่นให้คนตรงหน้างับ


    “เออ พี่มาร์คครับ” แบมแบมทำท่าเหมือนนึกอะไรออก


    มาร์คเลิกคิ้วเชิงถามว่ามีอะไรมั้ย


    “แบมกังวลเรื่องยูคยอมน่ะครับ” แบมแบมบอกเสียงเครียด


    “ทำไมเหรอ?”


    “พี่มาร์ค แบมรู้นะว่าพี่มาร์คหวงโจอี้มาก แต่แบมรู้สึกได้นะว่าเพื่อนแบมมันต้องคิดอะไรกับน้องพี่มาร์คแน่เลย” แบมแบมค่อยๆถาม


    “มันจีบน้องพี่เหรอ? ใช่ป่ะ?”


    “ยังไม่ทันได้จีบเลยพี่มาร์ค ก็โจอี้ไปไต้หวันแล้ว”


    “อ่าฮะ?..แล้วไงเหรอ”


    “ไม่ต้องแล้วไงเลยพี่มาร์ค ตอนนี้แบมสงสารมันมาก ยูคยอมมันดูเศร้ามากจริงๆนะ” แบมแบมบอก


    “เศร้าอะไรแบม ไลน์ก็มี สไกป์ก็มี” มาร์คเสนอ


    “มันเหมือนกันมั้ยล่ะพี่มาร์ค” แบมแบมเริ่มเซ็งที่มาร์คยังดูวางท่าหวงน้อง


    “เอาน่าแบม เดี๋ยวเปิดเทอมก็ดีขึ้นเองแหละ”


    “ยังไงพี่มาร์ค ของแบบนี่ใช่จะลืมกันง่ายๆ” แบมแบมยังกินขนมต่อไปจิ้มให้มาร์คกินบ้าง


     “เดี๋ยวเปิดเทอมไอ้โจอี้ก็กลับมา” มาร์คพูดนิ่งๆ




    .
    .
    .


    “..................ฮะ?” แบมแบมไม่เชื่อหูตัวเอง


    “ฮะ?” มาร์คทวนคำพูดอีกคน


    “....อะไรนะ??” แบมแบมถามอีกคน


    “อะไรล่ะ” มาร์คยิ้ม


    “พี่มาร์ค อย่ากวนตีนแบมดิ เมื่อกี้พี่มาร์คบอกว่า..” แบมแบมถามรัว


    “พี่บอกว่า เดี๋ยวเปิดเทอมน้องพี่จะกลับมาเป็นนักศึกษาใหม่ที่มหาลัยเรา” มาร์คยิ้มกว้างเมื่อเห็นท่าทางเอ๋อๆของอีกคน


    “อะ...อ้าว...ก็ไหน...พี่มาร์คเคยบอกว่า...จะให้โจอี้ไปอยู่เลย”


    “ตอนแรกก็คิดงั้นแหละ แต่คิดไปคิดมา ทำงานคนเดียวมันเหนื่อยอ่ะ แล้วอีกอย่างพี่ก็ลากมันไปสอบสัมภาษณ์แล้วอาทิตย์ก่อนมันจะไป จนได้แล้วเนี่ย เดี๋ยวรอมันกลับมารายงานตัวอาทิตย์ก่อนเปิดเทอม”


    “แต่โจอี้พูดเหมือนจะไม่กลับมา”


    “ก็มันยังไม่รู้ว่าพี่จะให้มันกลับมา ดัดนิสัยมันหน่อย”  มาร์คบอกพลางกินบ้าง

    “พี่มาร์คใจร้ายอ่ะ ไม่เห็นต้องทำขนาดนั้นเลย” แบมแบมหน้างอ สงสารเพื่อนนี่หว่า


    “อย่างไอ้โจอี้ก็ต้องแบบนี้แหละแบม”


    “แบมจะโทรบอกยูคยอม” แบมแบมล้วงมือถือออกมา


    “เฮ้ย แบม อย่าเพิ่งบอกใครดิ นะๆ บอกยูคยอมเดี๋ยวมันก็ไปคุยกับโจอี้ แผนพี่ก็แตกดิ”


    “พี่มาร์คไม่สงสารน้อง ไม่สงสารเพื่อนแบมเหรอ” แบมแบมถามสีหน้าจริงจัง


    “ก็.....เอ่อ....”


    “ไม่เอา แบมไม่คุยแล้ว” แบมแบมหน้าบึ้งก่อนจะกินขนมต่อ แต่คราวนี้ตั้งหน้าตั้งตากินไม่เงยหน้ามามองอีกคนเลย มาร์คล่ะเสียวสันหลัง


    “แบมอ่า โกรธพี่เหรอ”


    “เปล่าครับ” แบมแบมปฏิเสธแต่ไม่เงยหน้ามามองอีกคน


    “โกรธเห็นๆเลยเนี่ย” มาร์คเกาท้ายทอย


    “ไม่ได้โกรธ แบมแค่สงสารเพื่อน” แบมแบมจ้วงขนมชิ้นสุดท้ายเข้าปาก


    “งั้นถือซะว่า พี่ทดสอบยูคยอมไปด้วยเลยละกัน” มาร์คบอก


    “ทดสอบ?” แบมแบมทำหน้างง


    “ก็..จะมาชอบน้องพี่ มันก็ต้องทดสอบกันหน่อย ขนาดพี่ทั้งตกตึก ทั้งโดนแทง กว่าไอ้เจบีมันจะยอมให้แบมออกมากับพี่เนี่ย......หรือไม่จริง”


    “นั่นมันไม่เหมือนกันซะหน่อย” แบมแบมแก้ต่าง


    “ไม่รู้สิ ถ้าเด็กนั่นทนแค่นี้ไม่ได้ ก็อย่าหวังว่าพี่จะยกน้องชายให้เลย” มาร์คกอดอกยักคิ้ว


    “ก็ได้ๆ แบมไม่บอกยูคยอมก็ได้” แบมแบมยอมแพ้


    “ดีมาก” มาร์คลากเสียงเอื้อมมือไปหยิกแก้มอีกคนเบาๆ แบมแบมปัดออกทำหน้าเซ็ง


    “แล้วนี่อิ่มยัง? เอาอะไรอีกเปล่า” มาร์คถามพลางมองจานที่เกลี้ยงกริบ


    แบมแบมส่ายหน้าเป็นคำตอบ


    “ส่ายหน้านี่คือไม่อิ่ม?” มาร์คถามยิ้มๆ


    “เปล่า แบมหมายถึงอิ่มแล้วไม่เอาอะไรแล้วต่างหาก” แบมแบมรีบเถียง


    “ฮะๆ..รู้แล้วๆ พี่เห็นอยู่ว่าแบมอิ่มจนพุงออกแล้ว” มาร์คยิ้มขำพลางชี้ไปที่หน้าท้องน้อยๆของอีกคน


    “พี่มาร์ค!!!” แบมแบมตีที่ไหล่อีกคนไม่เบานัก


    “โอ้ย ล้อเล่นน่า....ถ้างั้นไปเดินเล่นกัน โอเคมั้ย?”


    “ไปที่ไหนเหรอครับ?” แบมแบมถามอีกคน


    “สวนสาธารณะตรงนี้ไง” มาร์คชี้ไปตรงเส้นทางที่จะไป


    “ดีๆ แบมอยากกินซอฟท์ครีม”

     




    ร่างเล็กตาลุกวาวก่อนจะลุกนำหน้าอีกคนไปที่เคาน์เตอร์จ่ายเงิน มาร์คได้แต่ยิ้มขำๆกับท่าทางของอีกคนก่อนจะลุกตามไปบ้าง

     




    ไหนว่าอิ่มแล้วไง เด็กน้อยเอ้ย

     

    ................................................................................................................................

     


    “พี่มาร์คดูสิ นกเต็มเลย!

     


    แบมแบมที่ตอนนี้อยู่ตรงลานกว้างของสวนสาธารณะ กำลังเพลิดเพลินกับการให้อาหารนก ซึ่งตอนนี้กลายเป็นว่าแบมแบมถูกล้อมหน้าล้อมหลังไปด้วยนกพิราบเรียบร้อยแล้ว มาร์คเองก็ยืนโปรยอาหารไปมองแบมแบมไปอย่างเพลินๆดี


    “ทำไมมันไม่เห็นกินของพี่เลย” มาร์คถามเมื่อเห็นว่าไอ้นกขี้เต๊าะมันพากันไปรุมแบมแบมหมดเลยวุ้ย


    “มันอาจจะเห็นหน้าพี่มาร์คแล้วกินไม่ลงไง” แบมแบมยิ้มขำ


    “เดี๋ยวนี้นี่ปากคอเราะร้ายนะ” มาร์คว่าพลางเดินมายีหัวอีกคน


    “แบมเป็นแบบนี้ตั้งนานแล้วเหอะ แต่พี่มาร์คไม่รู้เอง” แบมแบมจัดทรงเล็กน้อยหลังมาร์คปล่อยมือ

     


    มาร์คหมั่นไส้อีกคนเลยแกล้งเอาแขนข้างหนึ่งกอดเอวอีกคนไว้ซะเลย

     


    “เฮ้ย..พี่มาร์ค อย่ามามือปลาหมึกเลยนะ ทำไมเป็นคนแบบนี้เนี่ย” แบมแบมตีมืออีกคนให้ปล่อย


    “พี่เป็นคนแบบนี้ตั้งนานแล้วเหอะ แต่แบมไม่รู้เอง” มาร์คย้อน


    “โอ้ย พี่มาร์ค ปล่อยเลย แบมเมื่อยแล้ว ไปหาที่นั่งแล้ว” แบมแบมแกะมืออีกคนออก ก่อนจะยัดถุงอาหารนกเปล่าๆใส่มือมาร์คแล้วเดินไปหาที่นั่งเงียบๆ


    มาร์คเองก็รีบเทถุงอาหารนกให้หมด ก่อนจะเดินตามอีกคนไป ร่างสูงเดินไปนั่งข้างๆคนตัวเล็กที่แอบมานั่งในมุมเงียบๆรับลมเย็นๆริมน้ำอย่างสบายใจ มาร์คทิ้งตัวลงบนพื้นหญ้าพลางเหยียดขามองหน้าอีกคนที่ยังหลับตา



    "เย็นดีนะครับ” แบมแบมลืมตาแล้วพูดกับมาร์ค


    “อืม” มาร์คพยักหน้า


    “พี่มาร์คครับ”


    “อะไรเหรอแบม”


    “ถ้าเปิดเทอมแล้วโจอี้กลับมา แล้วถ้ายูคยอมมันรอถึงตอนนั้น หมายความว่าพี่จะไฟเขียวให้เพื่อนแบมแล้วใช่มั้ย” แบมแบมจ้องหน้าอีกคนจริงจัง


    “นี่ยังไม่เลิกคิดเรื่องสองคนนั้นอีกเหรอเนี่ย” มาร์คอึ้งปนขำ


    “ก็แบมเป็นห่วงนี่”


    “เอาเป็นว่า พี่ขอคิดดูก่อน” มาร์คยิ้มกวนๆ


    “โอ้ย พี่มาร์ค เขี้ยวจัง” แบมแบมกอดอกหน้ามุ่ย


    “อะไรแบม ไม่ต้องมาบ่นพี่เลย ว่าแต่แบมเถอะ....” มาร์คเว้นจังหวะไว้นิดนึงก่อนจะถามต่อ

    .
    .
    .

    “ห่วงแต่เรื่องคนอื่น ไม่เห็นห่วงเรื่องของเราบ้างเลย”


    “เรื่องของเรา? เหรอครับ?” แบมแบมชี้ตัวเองสลับกับมาร์ค


    “ใช่ไงแบม”


    “เรื่องของเรา? เรื่องอะไรเหรอ?” แบมแบมยังงง


    “โหยแบม แบมยังไม่ได้ให้คำตอบพี่เลยนะ” มาร์คยีหัวตัวเอง


    “คำตอบอะไรอ่ะพี่มาร์ค”


    “ก็ที่พี่ถามแบมที่โรงพยาบาลไง” มาร์คย้อนให้ฟัง


    “ถาม?...”


    “ที่พี่ขอแบมเป็นแฟนไง” มาร์คบอกตรงๆ


    “อ๋อออออออ.....อะ...อ้าว...” แบมแบมร้องอ๋อ ก่อนจะทำท่าเหมือนนึกอะไรบางอย่าง


    ...
    ......
    .........
    .............


    “อ้าวอะไรแบม” มาร์คเลิกคิ้วถาม


    “กะ..ก็...ก็แบมนึกว่า” แบมแบมตะกุกตะกัก


    “นึกว่าอะไรครับ” มาร์คจ้องหน้าอีกคน


    ...
    ......
    ........
    ...........

    “โอ้ย..พี่มาร์คอ่ะ” แบมแบมตีมาร์คอีกที


    “อะไรล่ะแบม” มาร์คลูบแขนตัวเอง


    “อย่าจ้องดิ”


    “ฮะ?”



    ....
    .........
    ..............
    ..................

    “มันเขินนิ่” แบมแบมก้มหน้าซ่อนความเขิน


    “แบมมาเขินอะไรพี่ล่ะ” มาร์คขำก่อนจะจับบ่าทั้งสองข้างอีกคน


    “กะ...ก็...ก็แบม...แบมคิดว่า.." ร่างเล็กเว้นวรรคสูดลมหายใจ


    ...
    .....
    .......
    ..........


    "บะ...แบม...คิดว่า.....เราเป็นแฟนกันแล้วซะอีก” ร่างเล็กกลั้นใจพูด





    .
    .
    .

    “ฮะ?????????” มาร์คงงหนักกว่าเดิมครับ


    “กะ...กะ...ก็ให้พูดมันเขินนิ่ แบมก็เลยเนียนๆไป ปิดเทอมแบมก็อยู่แต่กับพี่มาร์ค..แบมก็นึกว่าพี่มาร์คจะรู้อยู่แล้วซะอีก ว่าแบม....เอ่อ....แบมคิดกับพี่มาร์คยังไง” แบมแบมหน้าแดงจัด มาร์คเองก็เขินไม่แพ้กัน


    “แบม..ชอบพี่เหรอ?” มาร์คย้ำให้แน่ใจ


    “นี่ยังไม่ชัดอีกเหรอครับ”


    “ไม่อ่ะ ไม่ชัด ไม่ชัดเลย จริงๆ”


    “พี่มาร์คอย่าแกล้งแบมดิ” แบมแบมตีไหล่อีกคน


    “ไม่ได้แกล้ง แต่พี่แบบเป็นคนหัวช้า” มาร์คยิ้ม


    “โกหก”


    “สรุปว่าไงแบม” มาร์คถามอีกที


    “ก็ได้..สรุปว่าแบมชอบพี่มาร์ค และแบมตกลงเป็นแฟนกับพะ...”

     

    ก่อนที่แบมแบมจะได้พูดให้จบริมฝีปากก็ถูกทาบทับด้วยริมฝีปากอีกคน เสียงทั้งหมดถูกดูดกลืนหายไปในลำคอ สัมผัสอ่อนโยนจากอีกคนทำให้แบมแบมหลับตาลงรับจูบโดยอัตโนมัติ สมองไม่รับรู้อะไรนอกจากสัมผัสของคนตรงหน้า หัวใจของคนทั้งคู่เต้นระรัว





    จูบที่แผ่วเบา







    แต่หนักแน่นด้วยความรู้สึก

     







    นับเป็นจูบแห่งการเริ่มต้นที่ดีจริงๆ

     

    ...................................................................................................................

     


    “โอ้ยคุณ...จะไปรับทำไม จนผมนั่งรถมากับแจ็คสันแล้วเนี่ย”


    เสียงบ่นงุ้งงิ้งใส่โทรศัพท์ของจินยองดังไปทั่วรถ คงจะไม่พ้นปลายสายเป็นเจบีอีกนั่นแหละ หวังจะทำคะแนนโดยการไปรับไปส่งจินยองแต่ดันตื่นสายตั้งแต่เปิดเทอมวันแรก


    เจริญ!!!!!


    ยองแจที่เป็นตุ๊กตาหน้ารถยิ้มขำๆกับท่าทางรุ่นพี่ตัวเล็ก ส่วนแจ็คสันได้แต่ทำหน้าเหมือนมีหมามาร้องงี๊ดๆข้างๆหู


    “งั้นเย็นนี้ผมจะรอคุณละกัน...ครับ....คร้าบบบ....ตื่นได้แล้วคุณ เดี๋ยวสาย” จินยองบอกปลายสายก่อนจะเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋า


    .
    .
    .

    “หมั่นไส้” แจ็คสันเบะปาก


    จินยองไม่ตอบแต่ฟาดหัวเพื่อนไปซะเต็มแรง


    “พี่แจ็คสัน จอดตรงนี้!!” ยองแจบอกเมื่อแจ็คสันที่ทะเลาะกับจินยองทำท่าจะเลยคณะเขา


    “เฮ้ย..ขอโทษ ขอโทษ” แจ็คสันเหยียบเบรกก่อนจะหันไปขอโทษแฟนตัวเอง


    “ไม่เป็นไร ตกลงพี่ยังไม่ตอบผมเลย ว่าเย็นนี้กินอะไร” ยองแจหันไปถาม


    “พี่เข้าบริษัทอ่ะ คงไม่ได้แวะที่ร้าน” แจ็คสันเสียงอ่อย


    “งั้นผมเอาข้าวไปฝากไว้ให้ที่คอนโดนะ จะได้ไม่ต้องออกไปหากินเอง” ยองแจยิ้ม


    “น่ารักเว่อ แฟนใครเนี่ย” แจ็คสันยิ้ม


    “โอ้ย...เอาเป็นว่ากินอะไรก็ได้แล้วกันนะ” ยองแจส่ายหน้าก่อนจะลงรถ


    “ได้ๆ เดี๋ยวเรียนเสร็จพี่โทรหานะ” แจ็คสันบอกพลางโบกมือให้อีกคน


    ยองแจได้แต่ยืนยิ้มโบกมือกลับ มองรถคันสวยแล่นออกจากหน้าคณะไป


    .
    .
    .
    “หมั่นไส้” เสียงดังมาจากข้างหลัง ทำให้ยองแจหันไปมอง เพื่อนสนิทร่างสูงที่ดูไม่สดใสเอาซะเลย


    “อะไร อิจฉารึไง” ยองแจถาม


    “เออ อิจฉา” ยูคยอมบอกตามตรง


    “ไอ้หมีเอ้ย” ยองแจตบไหล่เพื่อนตัวเอง




    .
    .
    .
     

    “เอ่อ...พี่ครับ ตึกคณะสัตวแพทย์ไปทางไหนครับ”

    .
    .
    .


    เสียงซึ่งเดาได้ไม่ยากว่าคงเป็นปีหนึ่งดังขึ้นขัดจังหวะเพื่อนสองคน ยองแจและยูคยอมหันมามองก่อนจะเบิกตากว้างโดยเฉพาะยูคยอมที่อ้าปากค้างไปแล้ว

     

    “จะ..โจอี้” ยูคยอมเรียกอีกคนเสียงแผ่ว

     
     

    “เฮ้ย” เสียงทุ้มๆดังมาจากข้างหลังโจอี้ ยูคยอมเงยหน้าขึ้นไปมองก็เห็นร่างของรุ่นพี่ที่คุ้นเคยกำลังทำท่าเหมือนจะคุยโทรศัพท์

    “ฝากเอาน้องกูไปส่งหน่อย กูคุยโทรศัพท์กับแฟนแปบ” มาร์คว่าก่อนพยักหน้าให้ยูคยอม


    เล่นเอารุ่นน้องยิ้มกว้างไปถึงใบหู

     



    ฝากเลยครับพี่ รับรองดูแลอย่างดี

     



    มาร์คหลังจากฝากฝังน้องไว้กับยูคยอมเรียบร้อยก็หันมาสนใจโทรศัพท์ที่คุยค้างไว้ต่อ


    “อะไรนะแบม....ไอ้เจบีเพิ่งตื่น......ให้พี่กลับไปรับมั้ย......” มาร์คว่าพลางขึ้นคร่อมเวสป้าที่รักเพื่อมุ่งหน้าไปคณะตัวเอง











     

    เปิดเทอมวันแรกก็วุ่นวายแบบนี้ล่ะนะ....ว่ามั้ย?



    ..........................END...................................


    จบแว้วววววววววววววววววววววววววววววววววววววว กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด จุดพลุๆๆๆๆๆๆๆๆๆ 
    สเปดีมั้ย????? คือพล็อตสเปมันก็มีอ่ะนะอยากเขียนอยู่แต่แบบไรท์ขี้เกียจสาหัสมากอ่ะช่วงนี้ อยากจะให้คอมมันพิมพ์ให้ตามคำบอกอ่ะ เอาจริงๆแบบสั่งการด้วยเสียง 
    ยังไงก็ขอบคุณจริงๆนะคะสำหรับการติดตาม ไม่อยากจะเชื่อว่าจะเขียนมาได้ขนาดนี้ ฮรืออออออ ขอบคุณทุกคอมเม้นต์ที่ทำให้ไรท์มีแรงจะเขียนต่อ โอ้ย ไม่รู้จะขอบคุณยังไงแล้ว ขอบคุณมากจริงๆค่ะ 

    ปล. ขอยังไม่กดจบละกัน เผื่อลงสเป (ถ้าขยัน) นะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×