เงาที่เลือนหายในโลกที่ 4
เขียนโดย
nemocrazy
ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ เคยเขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้อย่างน่าสนใจว่า สิ่งที่กำลังเปลี่ยนแปลงระหว่างโลกเก่ากับโลกใหม่เป็นพหุมิติ โดยสิ่งที่เปลี่ยนนั้น เร็วกว่าการที่เราจะเรียนรู้หรือรับรู้ด้วยซ๊ำไป อาจกล่าวได้ว่ามิติความสัมพันธ์บนความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นบนโลกใบใหม่นี้ เป็น Non-Linear หรือ n-Order Differential Equation อันก่อให้เกิด Synchronicity, Uncertainty และComplexity มหาศาล
ทั้งนี้ การเดินหน้าของระบบทุนโลกาภิวัตน์ไปยังส่วนต่าง ๆ ของโลกนั้น เป็นประเด็นที่ก่อให้เกิดการพิพากษ์กันว่า ทำให้ประชาคมโลก “เดินหน้า” หรือ “ถดถอย” กันแน่? เพราะการผสมผสานทางสังคม(Social Integration) เพื่อมุ่งสู่กระบวนการเป็นเมือง (Urbanized Process) ที่ถูกเปลี่ยนผ่านกลไกทางอุดมการณ์ (Ideological) จากชนชั้นทุน ในลักษณะที่ใช้การ “บริโภคนิยม” ครอบงำความคิดมวลชน ด้วยการผลิตซ๊ำอุดมการณ์ (Reproduction) ผ่านสื่อมายังผู้คนในวงกว้างนั้น ไม่เพียงแต่ก่อปัญหาที่เกิดจากความยากจนทาง “เศรษฐกิจ” แต่ยังผลมาถึงความยากจน “ทางความคิด จิตใจ และจริยธรรม” ของผู้คนในยุคนี้อีกด้วย
อย่างสมัยก่อน ปัญหาโสเภณีที่เกิดขึ้นในบ้านเรา ส่วนมากผู้ค้าน้ำกามจะเป็นกลุ่มที่โดนล่อลวงบังคับให้ หรือทำเพราะความจำใจ เนื่องด้วยความจำเป็นทางเศรษฐกิจ อันส่งผลต่ออำนาจในการสร้างโอกาสชีวิต (Life Chance) และแบบชีวิต (Life Style) ในอย่างที่ฝัน...แต่ปัจจุบัน เมื่ออ่านผลการสำรวจและงานวิจัยหลายฉบับแล้วก็สะท้อนใจ เพราะนอกจากอายุเฉลี่ยของผู้ประกอบอาชีพขายบริการทางเพศจะลดน้อยลงแล้ว ส่วนมากยังเป็นกลุ่มที่มาทำด้วยความสมัครใจ บ้างก็ทำเพราะเห็นว่างานง่าย เงินดี บ้างก็เห็นว่าเป็นหนทางความสำเร็จสู่ของที่อยากได้ จะได้มีเหมือนคนอื่น
เรียกได้ว่าเป็นตัวอย่างส่วนหนึ่งของระบบสังคมที่มีความต้องการที่จะประสบ ความสำเร็จ (Need for Achievement) โดยไม่เลือกวิธีในการแสงหาโอกาสไขว่คว้า! เพราะไม่อยากเป็นส่วนที่ “ไม่มี” ในสังคม
ในบางรายโดยเฉพาะในผู้ชายขายตัว เหตุผลที่ได้คงทำให้คนรุ่นเก่าก่อนฟังแล้วแทบอยากปิดหูกับคำตอบที่ได้ว่า ...ทำเพราะสนุก เงินไม่สำคัญ ทำเพราะสนอง NeeD !
หรืออย่างการนำเสนอเรื่อง Gossip ศิลปิน-ดาราที่ก็ว่ากันไปว่าไร้สาระสิ้นดีในยุคที่รณรงค์ให้สังคมเป็นสังคม อุดมปัญญา แต่กลับขายดีแบบรั้งไม่อยู่ คุยติดปากกันทั่วเมือง จากการสำรวจคนที่ติดตามข่าวประเภทนี้ก็บอกว่าเฉยๆทั้งนั้น! หากแต่อ่านเพราะต้องการเกาะติดสถานการณ์ รู้เท่าคนอื่นหรือรู้ก่อนเขา
ไม่ต่างอะไรกับการแต่งกายผิดระเบียบของนักศึกษา หรือเหตุผลในการเลือกเข้าโรงเรียนของเด็กบางกลุ่มที่ดูจากเครื่องแบบ ว่าดูน่ารักอาโนเนะเหมือนแฟชั่นที่ตนชื่นชอบ จะได้สวยได้หล่อทันกระแส
ทุกอย่างที่ว่ามานี้ เพียงเพราะความอยากของมนุษย์บริโภคนิยมที่อยากเป็นส่วนที่ “มี”ของสังคม โดยการมองอย่างฉาบฉวย ไม่ได้คำนึงว่า Cost ที่ต้องสูญเสียไปกับการแลกเพื่อให้ได้มาในสิทธิ์ที่จะตามกระแสนั้น...คือ อะไรบ้าง?
คงไม่ผิดนัก หากเราจะพูดว่า ในยุคสังคมไร้ศักดินา ที่เหมือนจะมีทางเลือกมากมายให้เราเดิน.. แท้จริง...เพื่อเป็นการจ่ายค่าตั๋วสู่ทางเดินที่ถูกเรียกว่า Modernization ซึ่งกลายเป็นเสมือนวัฒนธรรมร่วมของหลากเชื้อชาติ บางคนยอมเสียตัวตน (Self-actualized) บางคนเพื่อเดินตามก็ยอมทอดทิ้ง Identity ในแบบตนไป...ท้ายสุดก็เป็นได้แค่คนประเภท Me too Product ที่รอวันแห้งเหี่ยวไปจากระบบทุนเอง
เหมือนกับที่ปรากฏการณ์การละทิ้งแบบแผนค่านิยมของชาวจีนในแบบเดิม ๆ (Latent-Pattern Maintenance) ของเด็กรุ่นใหม่ๆในเยาวราช ที่มองว่าประเพณี ภาษาอันเป็นรากฐานของบรรพบุรุษนั้นเป็นของ “เก่า” ไม่ “ทันสมัย” อย่างใครยังไหว้เจ้าเผากระดาษก็หาว่าเชย...ตามแบบคิดที่ได้รับมาจากแกนคิด สังคมเมือง ซึ่งรับมาจากวัฒนธรรมต่างชาติ...หล่อหลอมตัวตนของตนขึ้นมาในแบบที่มองว่า เป็น “สากล”อย่างที่ใครๆเขาก็ทำกัน...จนเกิดการถามไถ่ว่า ถ้าไม่ได้ดูที่การสืบสันดารโดยสายเลือดแล้ว อะไรที่บ่งชี้ว่าเป็นลูกหลานแดนมังกร....เช่นเดียวกับเด็กไทยหัวหลากสี แต่งตัวหลุดมาจากหนังสือแฟชั่น...ที่นอกจากภาษา (ซึ่งก็เพี้ยนกันเต็มที) ว่า...อะไรที่เหลือบอกให้รู้ว่า เราคือคนไทย
ท่ามกลางการวิวัฒน์ที่ก่อให้เกิดกระแสการเปลี่ยนแปลงที่เชียวกราดนี้ ทำให้เกิด Paradox of our time ขึ้น...คนเราอาจได้รู้จักกับโลกภายนอก (Out Space) มากขึ้น แต่กลับรู้จักโลกระหว่างคนใกล้ตัวน้อยลง รู้จักโลกภายในตัวเรา (Inner Space) น้อยลง...“ความเป็นตัวของตัวเอง” ของคนยุคใหม่ ที่อาจารย์นิธิ เอียวศรีวงศ์ เรียกว่าเป็น “สังคมปัจเจกนิยม” (Individualism) นั้น น่าสงสารที่ Pattern ให้เดินตามก้นกันนั้น เป็นเพียงความเหมือนในแพ็กเก็จที่ห่อหุ้มต่างกัน...แม้ว่าในโลกใบใหม่นี้ เราจะเข้าถึง Cyberspace แต่ Touch Space รวมถึงความเป็น “อัตตา” ของเรากลับจางลงทุกที...เหมือนเงาที่ทอดผ่านอยู่เบื้องหลัง...ใกล้ตัว...แต่ ไม่อยู่สายตา....
แจ้ง Blog ไม่เหมาะสม
18 มี.ค. 53
226
0
ความคิดเห็น