ขอฝากฝัน วันวาน ที่ผันผ่าน
ล่วงเลยกาล วัยเยาว์ เฝ้าอ่านเขียน
ขยันอ่าน ทำการบ้าน งานพากเพียร
เพราะรักเรียน รักครู ผู้อาทร
แม่พ่อสอน ควรตั้งใจ ให้ใฝ่รู้
ต้องทนสู้ จดจำ คำครูสอน
การคบหา เพื่อนดี ที่อาทร
รู้จักผ่อน จ่ายใช้ ให้น้อยครา
พ่อแม่นี้ ไม่มี สมบัติมาก
นอกเสียจาก ส่งเจ้าเรียน เพียรศึกษา
ให้เป็นผู้ ที่รู้ดี มีปัญญา
เติบโตกล้า ศักดิ์ศรี ที่มั่นคง
ในวัยฝัน วันเยาว์ เนิ่นเนานัก
โตขึ้นจัก อยากเป็นครู ดูลุ่มหลง
พัฒนา เด็กไทย ในป่าดง
ที่นั่นคง ต้องการครู ผู้อุดม
กว่าความฝัน จะเฟื่องได้ ในวันนี้
ดวงฤดี เหหักไป เกือบไม่สม
จำต้องเรียน สาขาอื่น ไม่รื่นรมย์
ด้วยอุดม การณ์มั่น จึงผันมา
แม้นรู้ว่า อาชีพครู ไม่หรูเลิศ
สุดประเสริฐ มอบไว้ ให้ห่วงหา
แม้ต้องทน ลำบากบ้าง บางเวลา
รอจนกว่า เด็กดีได้ ไม่ระทม
คุณครูขา หนูนี้ ไม่มีพ่อ
หนูเฝ้ารอ แม่บ้าง อย่างขื่นขม
ขอให้ครู เป็นแม่พ่อ พนอชม
ทุกข์ระทม แทนหนู ครูสู้แทน
คุณครูครับ ผมลาไป ในพรุ่งนี้
ไปในที่ ห่างไกล ในสุดแสน
ไปรับจ้าง กลางป่า พนาแดน
ค่าตอบแทน เป็นข้าวปลา ผมย่ายาย
หากถามฉัน วันนี้ใย ท้อไหมบ้าง
หรืออยู่อย่าง สิ้นเยื่อใย ใจสลาย
หรือจะอยู่ สู้จนกว่า ชีวาวาย
คำตอบใน หัวใจ ยังไม่มี
บทกลอนข้างต้นเขียนขึ้นด้วยแรงบันดาลใจที่ได้อ่านกระทู้ของคุณครู(.....) ท่านหนึ่งที่ได้กล่าวถึงความยากลำบากและรู้สึกท้อแท้ใจ เป็นบทกลอนเกี่ยวกับในการแก้ปัญหาของนักเรียน และได้บรรยายถึงความรู้สึกว่าอาชีพครูเป็นอาชีพที่มีความทุกข์หนักแสนสาหัส นอกจากนี้พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ได้ให้ครูมีการทำวิจัยในชั้นเรียนและนำกระบวนการวิจัยมาใช้ในการพัฒนาการ เรียนการสอน ไหนจะสอนในสาระที่รับผิดชอบ ไหนจะต้องมาแก้ปัญหาที่เกิดกับนักเรียนอีกมากมาย................
ก็คงไม่แตกต่างกัน ภายหลังที่จบกิจกรรมของแต่ละหน่วยของการเรียนภาษาอังกฤษ และเพื่อไม่ให้นักเรียนเบื่อหน่ายมากไป นักเรียนถูกครูประเมินฝ่ายเดียวคงไม่ยุติธรรมนัก จึงให้นักเรียนประเมินครูผู้สอนบ้าง แรก ๆ นักเรียนไม่กล้าเขียนวิจารณ์มากมาย แม้ว่าจะไม่ให้ลงชื่อก็ตาม ได้ใช้วิธีการอ่านข้อวิพากษ์วิจารณ์ให้นักเรียนฟังทั้งชั้น (เปลี่ยนบรรยากาศ จากหน้าชั้นเรียนเหมือนอย่างที่เคย เป็นบรรยากาศเรียบง่าย นั่งรวมกันหลังห้องเรียนบ้าง ใต้ร่มไม้บ้าง) เมื่ออ่านไปแต่ละฉบับก็ทำเป็นเดาใจว่า...น่าจะเป็นแบบนี้ใช่ไหม....ต่อมานัก เรียนจึงเพิ่มความกล้าเขียนวิจารณ์ครูมากขึ้น และตรงกับความเป็นจริงที่สุด และยอมรับความเป็นจริงว่า “ต่อไปนี้ครูจะขอปรับปรุงตัวและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้เป็นไปตามที่นักเรียน ต้องการ”
สังเกตว่านักเรียนมีความสุข และภาคภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมในการแก้ไขพฤติกรรมของครู
แต่ในสิ่งที่เป็นจริงอย่างคาดไม่ถึง แปลกปลอมมาพร้อมกับคำวิพากษ์วิจารณ์ซึ่งต้องอ่านกลับไปกลับมาและเก็บรักษา มันไว้เป็นเวลา 5 ปีกว่าความว่า “คุณครูขา หนูมีบางอย่างอยากจะบอกคุณครูว่า หนูไม่เคยเห็นแม่มาหลายปีแล้วค่ะ แม่หนูมีพ่อใหม่มาเยี่ยมหนูนานๆ ครั้งและวันสองวันก็กลับ และหนูก็ไม่ทราบว่าทำอาชีพอะไร และก็ไม่รู้ว่าแม่อยู่ที่ไหน ทุกวันนี้หนูอยู่กับยาย วันเสาร์วันอาทิตย์หนูไปรับจ้างที่ไร่สัปปะรด ได้เงินมาซื้ออาหารเลี้ยงยายและเอาเงินมากินที่โรงเรียน ตัวยายก็ไม่แข็งแรงมีโรคประจำตัวมักจะเป็นลมบ่อย ๆ เวลายายทำงานหนัก เดิมยายเคยรับจ้างที่ไร่สัปปะรดแต่เดี๋ยวนี้ยายรับจ้างกรองหญ้าคาได้เงินวัน ละ 20 - 30 บาท ถ้าหนูว่างหนูก็จะช่วยยายกรองหญ้าคาด้วย จดหมายของหนูฉบับนี้หนูตั้งใจเขียนมาถึงคุณครู หนูอยากให้คุณครูทราบว่าหนูมีความทุกข์ที่เกิดมาไม่เหมือนคนอื่น ๆ และหนูก็ไม่เคยเล่าให้คุณครูคนไหนฟัง วันหนึ่งแม่ก็มาเยี่ยมอีกและบอกว่าจะเอาหนูไปอยู่ด้วย ไปช่วยทำงานบ้านและเลี้ยงน้องคนใหม่ แต่หนูไม่ยอมไป หนูไม่ได้พูดถึงพ่อเพราะหนูก็ไม่ทราบว่าพ่อหนูชื่ออะไร เป็นใคร อยู่ที่ไหน ในทะเบียนบ้านหนูเป็นลูกของตากับยาย หนูอยากจะเป็นคนที่มีอนาคตจะได้พึ่งพาตัวเองได้และเลี้ยงดูยาย แต่หนูก็ท้อแท้ใจที่ครอบครัวยากจนไม่มีคนส่งเสียให้เรียนไปสูง ๆ ตอนเช้าที่มาโรงเรียนหนูเห็นรอยยิ้มของคุณครูทำให้หนูชื่นใจและมีกำลังใจไม่ ท้อค่ะ และหนูอยากจะบอกคุณครูอีกว่าหนูรักคุณครู แต่หนูก็เกลียดแม่มากค่ะ หนูขอให้คุณครูจงมีสุขภาพแข็งแรงและมีความสุขตลอดไปนะคะ” (คัดลอกมาจากต้นฉบับทุกตัวอักษร)
หากดูเพียงผิวเผิน แทบจะไม่รู้เลยว่าน้องพลอยเป็นเด็กที่มีปัญหาทางครอบครัว เพราะเป็นเด็กร่าเริง คล่องแคล่ว ช่วยเหลือการงานของครูและกิจกรรมของโรงเรียนและอยู่ในกลุ่มเพื่อนได้เป็น อย่างดี ระดับการเรียนอยู่ในเกณฑ์ดีแทบทุกวิชา ชอบเล่นกีฬา รูปร่างเล็กแต่มีพละกำลังแข็งแรง ภายหลังที่อ่านจดหมายแล้ว ไม่กล้าที่จะถามไถ่เพราะไม่มั่นใจในตนเองกลัวความอ่อนแอของครูเอง คิดหาวิธีอยู่ระยะหนึ่ง ได้ตัดสินใจขับรถเข้าไปในหมู่บ้านที่น้องพลอยอาศัยอยู่เพื่อที่จะไปบ้านของ นักเรียนรุ่นพี่อีกคนหนึ่งซึ่งอยู่เลยบ้านของพลอยไป แต่ก็ไม่ทราบว่าบ้านพลอยอยู่หลังใด บังเอิญขับรถช้า ๆ ผ่านไปเห็นบ้านที่มีลักษณะกระท่อมเก่า ๆ หลังหนึ่งเห็นมีชุดนักเรียนตากอยู่ข้างบ้าน ก็นึกสงสัยว่าเป็นบ้านนักเรียนคนไหนกัน เมื่อตอนกลับจึงได้รู้ว่า “นี่เองบ้านของพลอย” โดยไม่ต้องถามใคร เพราะเห็นพลอยอยู่ในบ้าน ขณะที่บันทึกอยู่นี้ไม่สามารถจดจำความรู้สึกในขณะนั้นได้เลย
ต่อมา...อยากจะไปเยี่ยมพลอยที่บ้านมาก แต่ก็ยับยั้งชั่งใจ ไม่กล้าไป เพราะไม่ทราบว่าจะกล้ารับรู้มากไปกว่านี้ และนับว่าเป็นการบังเอิญมากที่ได้ดูรายการโทรทัศน์เกี่ยวกับการช่วยเหลือ เด็กในวัยเรียน แต่เด็กคนนั้นจะต้องเป็นเด็กดีที่เก่งและแกร่งช่วยเหลือครอบครัว ใกล้เคียงกับคุณสมบัติของพลอย ได้เก็บรายละเอียดมาเล่าให้พลอยฟัง โดยพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่สร้างความหวังให้กับพลอย เพราะถ้าเป็นไปไม่ได้พลอยอาจจะผิดหวัง จะเป็นการซ้ำเติมทับถมไปมากกว่านี้ นับตั้งแต่การให้พลอยเขียนจดหมายเล่าเรื่องส่วนตัว ทำหนังสือรับรอง ประสานงานทางโทรศัพท์ เวลาผ่านไปเกือบสามเดือนจึงได้รับการติดต่อจากบริษัทป่าใหญ่ครีเอชั่นว่าจะ มาทำการบันทึกเทปโทรทัศน์รายการของพลอย และในที่สุดพลอยก็ได้รับการช่วยเหลือด้านทุนการศึกษาตลอดไปจนจบปริญญาตรี และเงินช่วยเหลือครอบครัวอีกส่วนหนึ่ง รายการได้ถูกเผยแพร่ทางสถานีโทรทัศน์ไอทีวี เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2547 ปัจจุบันพลอยมีความสุขและเป็นเด็กดี มีความประพฤติเรียบร้อยและกตัญญูรู้คุณ
การวิจัยในชั้นเรียน ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นปัญหาการเรียนรู้ที่เกี่ยวกับสาระที่รับผิดชอบเท่า นั้น ครูสามารถแก้ปัญหาได้ทุกเรื่องจากหนักให้เป็นเบาในระดับหนึ่ง หรือแม้แต่การแสดงความรักความเมตตาความเอื้ออาทรต่อเด็ก หรือการชี้แนะแนวทางที่เหมาะสมมีการติดตามผล เรียบเรียงถ้อยคำเพื่อสื่อสารให้คนอื่นอ่านแล้วเข้าใจเพื่อวัตถุประสงค์ของ การยอมรับ ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้วิจัยว่าจะให้เกิดการยอมรับในสังคมระดับใด ในแต่ละวันเมื่อพบปัญหามากเท่าไรยิ่งเพิ่มความท้าทายให้ครูมากเท่าตัว เพียงแต่ครูคิดว่างานวิจัยเป็นเรื่องที่ยากหรือซับซ้อน มีกระบวนการและระเบียบวิธีการ มีตัวเลขที่แสดงข้อมูลทางสติถิและต้องใช้เวลามาก
การประเมินตัวเองของนักเรียน และการเปิดโอกาสให้นักเรียนได้ประเมินครูของเป็นวิธีการหนึ่งที่ส่งเสริมให้ นักเรียนมีความสามารถในการแสดงความคิดเห็นด้วยการเขียนอย่างสร้างสรรค์และ ปลูกฝังให้มีความยุติธรรม เคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น และเป็นแหล่งข้อมูลที่สำคัญ เพราะ “วิธีการได้มาซึ่งข้อมูล” จะรวมแนวทางกว้าง ๆ ในการทำวิจัยด้านการศึกษา เช่นความรู้สึก นึกคิดของแต่ละบุคคล หรือแรงผลักดันทางสังคมจะมีอิทธิพลที่สุดในชั้นเรียน (จูเลี่ยน สเติร์น. 1995 หน้า 37)และนอกจากนี้เด็ก ๆ จะเข้าใจพฤติกรรมของตนเองได้ดีกว่าครู นักเรียนจะรู้สึกสนุกในการสร้างกฎให้กับตนเองและชั้นเรียน และจะเห็นคุณค่าในตนเองเมื่อครูยอมรับความคิดเห็นในการร่วมตัดสินใจ (เกรฟนีย์. 1991 หน้า 199)
ล่วงเลยกาล วัยเยาว์ เฝ้าอ่านเขียน
ขยันอ่าน ทำการบ้าน งานพากเพียร
เพราะรักเรียน รักครู ผู้อาทร
แม่พ่อสอน ควรตั้งใจ ให้ใฝ่รู้
ต้องทนสู้ จดจำ คำครูสอน
การคบหา เพื่อนดี ที่อาทร
รู้จักผ่อน จ่ายใช้ ให้น้อยครา
พ่อแม่นี้ ไม่มี สมบัติมาก
นอกเสียจาก ส่งเจ้าเรียน เพียรศึกษา
ให้เป็นผู้ ที่รู้ดี มีปัญญา
เติบโตกล้า ศักดิ์ศรี ที่มั่นคง
ในวัยฝัน วันเยาว์ เนิ่นเนานัก
โตขึ้นจัก อยากเป็นครู ดูลุ่มหลง
พัฒนา เด็กไทย ในป่าดง
ที่นั่นคง ต้องการครู ผู้อุดม
กว่าความฝัน จะเฟื่องได้ ในวันนี้
ดวงฤดี เหหักไป เกือบไม่สม
จำต้องเรียน สาขาอื่น ไม่รื่นรมย์
ด้วยอุดม การณ์มั่น จึงผันมา
แม้นรู้ว่า อาชีพครู ไม่หรูเลิศ
สุดประเสริฐ มอบไว้ ให้ห่วงหา
แม้ต้องทน ลำบากบ้าง บางเวลา
รอจนกว่า เด็กดีได้ ไม่ระทม
คุณครูขา หนูนี้ ไม่มีพ่อ
หนูเฝ้ารอ แม่บ้าง อย่างขื่นขม
ขอให้ครู เป็นแม่พ่อ พนอชม
ทุกข์ระทม แทนหนู ครูสู้แทน
คุณครูครับ ผมลาไป ในพรุ่งนี้
ไปในที่ ห่างไกล ในสุดแสน
ไปรับจ้าง กลางป่า พนาแดน
ค่าตอบแทน เป็นข้าวปลา ผมย่ายาย
หากถามฉัน วันนี้ใย ท้อไหมบ้าง
หรืออยู่อย่าง สิ้นเยื่อใย ใจสลาย
หรือจะอยู่ สู้จนกว่า ชีวาวาย
คำตอบใน หัวใจ ยังไม่มี
บทกลอนข้างต้นเขียนขึ้นด้วยแรงบันดาลใจที่ได้อ่านกระทู้ของคุณครู(.....) ท่านหนึ่งที่ได้กล่าวถึงความยากลำบากและรู้สึกท้อแท้ใจ เป็นบทกลอนเกี่ยวกับในการแก้ปัญหาของนักเรียน และได้บรรยายถึงความรู้สึกว่าอาชีพครูเป็นอาชีพที่มีความทุกข์หนักแสนสาหัส นอกจากนี้พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ได้ให้ครูมีการทำวิจัยในชั้นเรียนและนำกระบวนการวิจัยมาใช้ในการพัฒนาการ เรียนการสอน ไหนจะสอนในสาระที่รับผิดชอบ ไหนจะต้องมาแก้ปัญหาที่เกิดกับนักเรียนอีกมากมาย................
ก็คงไม่แตกต่างกัน ภายหลังที่จบกิจกรรมของแต่ละหน่วยของการเรียนภาษาอังกฤษ และเพื่อไม่ให้นักเรียนเบื่อหน่ายมากไป นักเรียนถูกครูประเมินฝ่ายเดียวคงไม่ยุติธรรมนัก จึงให้นักเรียนประเมินครูผู้สอนบ้าง แรก ๆ นักเรียนไม่กล้าเขียนวิจารณ์มากมาย แม้ว่าจะไม่ให้ลงชื่อก็ตาม ได้ใช้วิธีการอ่านข้อวิพากษ์วิจารณ์ให้นักเรียนฟังทั้งชั้น (เปลี่ยนบรรยากาศ จากหน้าชั้นเรียนเหมือนอย่างที่เคย เป็นบรรยากาศเรียบง่าย นั่งรวมกันหลังห้องเรียนบ้าง ใต้ร่มไม้บ้าง) เมื่ออ่านไปแต่ละฉบับก็ทำเป็นเดาใจว่า...น่าจะเป็นแบบนี้ใช่ไหม....ต่อมานัก เรียนจึงเพิ่มความกล้าเขียนวิจารณ์ครูมากขึ้น และตรงกับความเป็นจริงที่สุด และยอมรับความเป็นจริงว่า “ต่อไปนี้ครูจะขอปรับปรุงตัวและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้เป็นไปตามที่นักเรียน ต้องการ”
สังเกตว่านักเรียนมีความสุข และภาคภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมในการแก้ไขพฤติกรรมของครู
แต่ในสิ่งที่เป็นจริงอย่างคาดไม่ถึง แปลกปลอมมาพร้อมกับคำวิพากษ์วิจารณ์ซึ่งต้องอ่านกลับไปกลับมาและเก็บรักษา มันไว้เป็นเวลา 5 ปีกว่าความว่า “คุณครูขา หนูมีบางอย่างอยากจะบอกคุณครูว่า หนูไม่เคยเห็นแม่มาหลายปีแล้วค่ะ แม่หนูมีพ่อใหม่มาเยี่ยมหนูนานๆ ครั้งและวันสองวันก็กลับ และหนูก็ไม่ทราบว่าทำอาชีพอะไร และก็ไม่รู้ว่าแม่อยู่ที่ไหน ทุกวันนี้หนูอยู่กับยาย วันเสาร์วันอาทิตย์หนูไปรับจ้างที่ไร่สัปปะรด ได้เงินมาซื้ออาหารเลี้ยงยายและเอาเงินมากินที่โรงเรียน ตัวยายก็ไม่แข็งแรงมีโรคประจำตัวมักจะเป็นลมบ่อย ๆ เวลายายทำงานหนัก เดิมยายเคยรับจ้างที่ไร่สัปปะรดแต่เดี๋ยวนี้ยายรับจ้างกรองหญ้าคาได้เงินวัน ละ 20 - 30 บาท ถ้าหนูว่างหนูก็จะช่วยยายกรองหญ้าคาด้วย จดหมายของหนูฉบับนี้หนูตั้งใจเขียนมาถึงคุณครู หนูอยากให้คุณครูทราบว่าหนูมีความทุกข์ที่เกิดมาไม่เหมือนคนอื่น ๆ และหนูก็ไม่เคยเล่าให้คุณครูคนไหนฟัง วันหนึ่งแม่ก็มาเยี่ยมอีกและบอกว่าจะเอาหนูไปอยู่ด้วย ไปช่วยทำงานบ้านและเลี้ยงน้องคนใหม่ แต่หนูไม่ยอมไป หนูไม่ได้พูดถึงพ่อเพราะหนูก็ไม่ทราบว่าพ่อหนูชื่ออะไร เป็นใคร อยู่ที่ไหน ในทะเบียนบ้านหนูเป็นลูกของตากับยาย หนูอยากจะเป็นคนที่มีอนาคตจะได้พึ่งพาตัวเองได้และเลี้ยงดูยาย แต่หนูก็ท้อแท้ใจที่ครอบครัวยากจนไม่มีคนส่งเสียให้เรียนไปสูง ๆ ตอนเช้าที่มาโรงเรียนหนูเห็นรอยยิ้มของคุณครูทำให้หนูชื่นใจและมีกำลังใจไม่ ท้อค่ะ และหนูอยากจะบอกคุณครูอีกว่าหนูรักคุณครู แต่หนูก็เกลียดแม่มากค่ะ หนูขอให้คุณครูจงมีสุขภาพแข็งแรงและมีความสุขตลอดไปนะคะ” (คัดลอกมาจากต้นฉบับทุกตัวอักษร)
หากดูเพียงผิวเผิน แทบจะไม่รู้เลยว่าน้องพลอยเป็นเด็กที่มีปัญหาทางครอบครัว เพราะเป็นเด็กร่าเริง คล่องแคล่ว ช่วยเหลือการงานของครูและกิจกรรมของโรงเรียนและอยู่ในกลุ่มเพื่อนได้เป็น อย่างดี ระดับการเรียนอยู่ในเกณฑ์ดีแทบทุกวิชา ชอบเล่นกีฬา รูปร่างเล็กแต่มีพละกำลังแข็งแรง ภายหลังที่อ่านจดหมายแล้ว ไม่กล้าที่จะถามไถ่เพราะไม่มั่นใจในตนเองกลัวความอ่อนแอของครูเอง คิดหาวิธีอยู่ระยะหนึ่ง ได้ตัดสินใจขับรถเข้าไปในหมู่บ้านที่น้องพลอยอาศัยอยู่เพื่อที่จะไปบ้านของ นักเรียนรุ่นพี่อีกคนหนึ่งซึ่งอยู่เลยบ้านของพลอยไป แต่ก็ไม่ทราบว่าบ้านพลอยอยู่หลังใด บังเอิญขับรถช้า ๆ ผ่านไปเห็นบ้านที่มีลักษณะกระท่อมเก่า ๆ หลังหนึ่งเห็นมีชุดนักเรียนตากอยู่ข้างบ้าน ก็นึกสงสัยว่าเป็นบ้านนักเรียนคนไหนกัน เมื่อตอนกลับจึงได้รู้ว่า “นี่เองบ้านของพลอย” โดยไม่ต้องถามใคร เพราะเห็นพลอยอยู่ในบ้าน ขณะที่บันทึกอยู่นี้ไม่สามารถจดจำความรู้สึกในขณะนั้นได้เลย
ต่อมา...อยากจะไปเยี่ยมพลอยที่บ้านมาก แต่ก็ยับยั้งชั่งใจ ไม่กล้าไป เพราะไม่ทราบว่าจะกล้ารับรู้มากไปกว่านี้ และนับว่าเป็นการบังเอิญมากที่ได้ดูรายการโทรทัศน์เกี่ยวกับการช่วยเหลือ เด็กในวัยเรียน แต่เด็กคนนั้นจะต้องเป็นเด็กดีที่เก่งและแกร่งช่วยเหลือครอบครัว ใกล้เคียงกับคุณสมบัติของพลอย ได้เก็บรายละเอียดมาเล่าให้พลอยฟัง โดยพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่สร้างความหวังให้กับพลอย เพราะถ้าเป็นไปไม่ได้พลอยอาจจะผิดหวัง จะเป็นการซ้ำเติมทับถมไปมากกว่านี้ นับตั้งแต่การให้พลอยเขียนจดหมายเล่าเรื่องส่วนตัว ทำหนังสือรับรอง ประสานงานทางโทรศัพท์ เวลาผ่านไปเกือบสามเดือนจึงได้รับการติดต่อจากบริษัทป่าใหญ่ครีเอชั่นว่าจะ มาทำการบันทึกเทปโทรทัศน์รายการของพลอย และในที่สุดพลอยก็ได้รับการช่วยเหลือด้านทุนการศึกษาตลอดไปจนจบปริญญาตรี และเงินช่วยเหลือครอบครัวอีกส่วนหนึ่ง รายการได้ถูกเผยแพร่ทางสถานีโทรทัศน์ไอทีวี เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2547 ปัจจุบันพลอยมีความสุขและเป็นเด็กดี มีความประพฤติเรียบร้อยและกตัญญูรู้คุณ
การวิจัยในชั้นเรียน ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นปัญหาการเรียนรู้ที่เกี่ยวกับสาระที่รับผิดชอบเท่า นั้น ครูสามารถแก้ปัญหาได้ทุกเรื่องจากหนักให้เป็นเบาในระดับหนึ่ง หรือแม้แต่การแสดงความรักความเมตตาความเอื้ออาทรต่อเด็ก หรือการชี้แนะแนวทางที่เหมาะสมมีการติดตามผล เรียบเรียงถ้อยคำเพื่อสื่อสารให้คนอื่นอ่านแล้วเข้าใจเพื่อวัตถุประสงค์ของ การยอมรับ ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้วิจัยว่าจะให้เกิดการยอมรับในสังคมระดับใด ในแต่ละวันเมื่อพบปัญหามากเท่าไรยิ่งเพิ่มความท้าทายให้ครูมากเท่าตัว เพียงแต่ครูคิดว่างานวิจัยเป็นเรื่องที่ยากหรือซับซ้อน มีกระบวนการและระเบียบวิธีการ มีตัวเลขที่แสดงข้อมูลทางสติถิและต้องใช้เวลามาก
การประเมินตัวเองของนักเรียน และการเปิดโอกาสให้นักเรียนได้ประเมินครูของเป็นวิธีการหนึ่งที่ส่งเสริมให้ นักเรียนมีความสามารถในการแสดงความคิดเห็นด้วยการเขียนอย่างสร้างสรรค์และ ปลูกฝังให้มีความยุติธรรม เคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น และเป็นแหล่งข้อมูลที่สำคัญ เพราะ “วิธีการได้มาซึ่งข้อมูล” จะรวมแนวทางกว้าง ๆ ในการทำวิจัยด้านการศึกษา เช่นความรู้สึก นึกคิดของแต่ละบุคคล หรือแรงผลักดันทางสังคมจะมีอิทธิพลที่สุดในชั้นเรียน (จูเลี่ยน สเติร์น. 1995 หน้า 37)และนอกจากนี้เด็ก ๆ จะเข้าใจพฤติกรรมของตนเองได้ดีกว่าครู นักเรียนจะรู้สึกสนุกในการสร้างกฎให้กับตนเองและชั้นเรียน และจะเห็นคุณค่าในตนเองเมื่อครูยอมรับความคิดเห็นในการร่วมตัดสินใจ (เกรฟนีย์. 1991 หน้า 199)
ความคิดเห็น