สูญไป15ล. เร่งล่าคืน! บุกค้น6จุด แฉหัวโจก อดีตพนง.
ปล้นรถทอง- พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย รองผบ.ตร. แถลงข่าวจับกุมแก๊งปล้นรถขนทองคำแท่ง มูลค่า 15 ล้านบาท ของบริษัท บางกอกแอสเสย์ ออฟฟิศ จำกัด ยึดทองได้คืนบางส่วน เงินสด 2 ล้านบาท และอาวุธที่ใช้ก่อเหตุ |
ตำรวจแถลงจับแก๊งปล้นรถขนทองรายใหญ่กว่า 15 ล้านบาท บนถ.บางนา ตราด จ.สมุทรปราการ เมื่อเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา ได้ผู้ต้องหาถึง 8 คน โดยมี 4 คนเป็นอดีตพนักงานบริษัทที่ดักปล้น แฉลงมืออย่างแยบยลวางแผนซับซ้อนและทำลายหลักฐานอย่างดี แต่ก็ไม่พ้นมือตร.หลายหน่วยทั้งกองปราบฯ ตร. ภาค1 และสมุทรปราการ ที่เข้ามาร่วมทำงานโดยมี"อัศวิน ขวัญเมือง"ผช.ผบ.ตร.เป็นหัวหน้าทีม ยึดทองคำและเงินสดอีกนับล้านที่ได้จากการขายทอง
จากกรณีโจร โม่ง ใช้รถขับประกบปล้นรถขนทองบริษัทบางกอกแอสเสย์ ออฟฟิศ จำกัด ได้ทองคำแท่งหนัก 15 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 15 ล้านบาท เหตุเกิดขึ้นที่ก.ม. 22 ถนนบางนา-ตราด อ.บางเสาธง จ.สมุทร ปราการ เมื่อวันที่ 22 มิ.ย.ที่ผ่านมา ตร.แห่งชาติมอบหมายให้พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ช่วยผบ.ตร. ควบคุมคดีนี้ใช้ทีมงานกองปราบปราม ตำรวจภาค1 และตำรวจสมุทรปราการ กระทั่งเมื่อวันที่ 26 ก.ค.ที่ผ่านมา ตำรวจสามารถจับกุมคนร้ายได้ 5 ราย คนร้ายส่วนหนึ่งเป็นอดีตพนักงานบริษัทบางกอกแอสเสย์ฯ จึงทราบเส้นทางและเวลาขนทองเป็นอย่างดี ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น
ความ คืบหน้าเมื่อเวลา 14.00 น. พล.ต.อ. จุมพล มั่นหมาย รองผบ.ตร. แถลงข่าวจับกุมคนร้ายได้ผู้ต้องหารวม 8 คนประกอบด้วย 1.นายสมหมาย หรือหมาย สำราญพันธุ์ อายุ 35 ปี หัวหน้าแก๊งทำหน้าที่ปล้น 2.นายสมัชญ์ หรือปีเตอร์ แซ่ตัน อายุ 44 ปี ร่วมลงมือปล้น 3.นายวัฒนชัย หรือโอ๋ คงศิริ อายุ 30 ปี ขับรถให้ทีมปล้น 4.นายสมชาย หรือแว่น จูทีม อายุ 77 ปี ดูลาดเลาและขับรถรับทีมปล้นหลบหนี โดยทั้ง 4 คนเป็นอดีตพนักงานบริษัทบางกอกแอสเสย์ฯ 5.นายรำเพย สาลาด อายุ 44 ปี ขับรถปิดทางหนีของรถขนทอง 6.นายอำนาจ หรือนาจ ไชยวงศ์ อายุ 43 ปี จัดหาพาหนะและอาวุธ 7.นายอนุชา หรือนุ อุ้มเครือ อายุ 39 ปี ทำหน้าที่อำพรางรถโดยเปลี่ยนสีและทำลายรถของกลาง และ 8.นายเอกพล หรือหนุ่ม เหลืองสดใส อายุ 41 ปี รับซื้อทองจากคนร้าย
พร้อมด้วยของกลาง รถยนต์กระบะ ยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่น แกรนดิส สีเทาดำ ทะเบียน กง-1481 กทม., รถยนต์นั่งส่วนบุคคล ยี่ห้อ มิตซูบิชิ รุ่นอีคาร์ สีแดง ทะเบียน กบ-6880 ชลบุรี, ชิ้นส่วนรถยนต์ของรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ยี่ห้อมาสด้า รุ่น 626 ไม่ทราบทะเบียน ซึ่งเป็นรถคันก่อเหตุ และหลังก่อเหตุคนร้ายได้นำไปชำแหละชิ้นส่วน, อาวุธปืนพกสั้นแบบรีวอลเวอร์ ขนาด .22 ไม่มีทะเบียน จำนวน 1 กระบอก, ทองคำแท่ง จำนวน 10 แท่ง รวมน้ำหนักประมาณ 1 กิโลกรัม, ทองคำแท่งขนาด 100 กรัม มีสัญลักษณ์ของบริษัทบางกอกแอสเสย์ฯ จำนวน 1 แท่ง และเงินสดประมาณ 2,000,000 บาท นอกจากนั้นยังตรวจยึดทรัพย์สินได้อีกหลายรายการ ผู้ต้องหาให้การสารภาพตลอดข้อ กล่าวหา
พล.ต.อ.จุมพล กล่าวว่าพฤติกรรมของคนร้ายก่อนเกิดเหตุผู้ต้องหาที่ 1-5 ชักชวนกันร่วมวางแผนเพื่อจะก่อเหตุปล้นรถขนทองคำแท่งของบริษัทบางกอกแอสเส ย์ฯ ซึ่งคนร้ายเคยทำงานและรู้ช่องทางต่างๆ อย่างดี เริ่มจากเช่ารถแท็กซี่ไปตระเวนดูลาดเลาตามเส้นทางที่จะก่อเหตุ จากนั้นจัดเตรียมรถจำนวน 3 คัน คือรถที่ใช้ลงมือประกบรถขนทอง จำนวน 2 คัน และรถที่ใช้ดูต้นทางและส่งสัญญาณ รวมทั้งในการพาคนร้ายหลบหนี อีก 1 คัน จากนั้นจะติดต่อสื่อสารกันโดยใช้โทรศัพท์มือถือที่ได้เตรียมไว้ในการปล้นโดย เฉพาะ
วันเกิดเหตุนายสมชาย หรือแว่น ขับรถไปสังเกตการณ์ที่หน้าบริษัท บางกอกแอสเสย์ฯ เพื่อคอยส่งสัญญาณให้พวกทราบ เมื่อเห็นรถเป้าหมายออกมาก็โทรศัพท์แจ้งจากนั้นก็ขับรถไปยังจุดนัดที่ 2 เพื่อรับเพื่อนที่ลงมือแล้ว ส่วนการลงมือนั้นนายสมหมาย และนายสมัชญ์ ใช้รถเก๋งมิตซูบิชิ ที่มีนายวัฒนชัย หรือโอ๋ เป็นคนขับ เร่งเครื่องแซงรถขนทองเข้าไปดักรอบริเวณทางกลับรถใต้สะพานข้ามคลองมหาชื้น ซึ่งรถขนทองต้องเข้าไปกลับรถ โดยมีนายรำเพย ขับรถเก๋งมาสด้า ตามหลังรถขนทองเพื่อป้องกันถอยรถหลบหนี
นายสมหมาย และนายสมัชญ์ ใช้ท่อนเหล็กทุบกระจกรถขนทองจนแตก แล้วได้ใช้อาวุธปืนจี้พนักงาน 2 คนในรถให้เข้าไปที่เบาะแค็บ ใส่กุญแจมือใช้ผ้าปิดปาก-ตา ขับรถขนทองมาจอดทิ้งบริเวณ ริมถนนบางนา-ตราด กม.21 ขนทองใส่รถอีกคัน ก่อนที่จะแยกไปขึ้นรถที่นายสมชาย มารอรับ หนีไปอีกทางหนึ่งก่อนทยอยส่งนายสมหมาย และนายสมัชญ์ ลงกลางทางเพื่อขึ้นรถแท็กซี่ ส่วนรถที่ลงมือปล้นก็ขับแยกย้ายกันหลบหนีไป โดยนัดเจอเพื่อแบ่งทองที่บ้านนายสมหมาย
คนร้ายนำทองคำแท่งไปแปรรูป บางส่วน แล้วนำไปขายให้กับร้านรับซื้อเศษทอง ย่านสะพานพุทธ วงเวียนใหญ่ และสีลม ส่วนรถของกลางนั้นให้นายอนุชา ผู้ต้องหาที่7 เตรียมการเริ่มจากเปลี่ยนสีรถมิตซูบิชิ จากสีแดงให้เป็นสีขาวในช่วงลงมือ หลังเสร็จงานก็เปลี่ยนกลับมาเป็นสีเดิม และทำลายรถเก๋งมาสด้าโดยแยกชิ้นส่วนไปขาย ส่วนทองที่ปล้นมาได้ก็แบ่งกันคนละ 2-3 แท่ง บางส่วนก็ขายให้นายเอกพล และร้านค้าต่างๆ เบื้องต้นแจ้งข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีและใช้อาวุธปืน
ผู้ สื่อข่าวรายงานว่าก่อนหน้านี้ พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี ผกก.2 บก.ป. พร้อมด้วยพ.ต.ท. นิรันดร์ ปิตะกาศ รอง ผกก.2 บก.ป. พ.ต.ท. เมธา วงศ์อนันต์นนท์ พ.ต.ต.สุรพงค์ ธรรมพิ ทักษ์ สว.กก.2 บก.ป. นำกำลังและหมายค้นของศาลอาญาเข้าตรวจค้นตามจุดต้องสงสัยต่างๆ ที่มีข้อมูลว่าเกี่ยวข้องกับคดีปล้นรถขนทองรวม 6 จุด
ชุดแรกเข้าตรวจ ค้นที่ห้องเช่าของนายสมัชญ์ ซ.สุขสวัสดิ์ 14 แขวงบางมด เขตจอมทอง ชุดที่ 2 บ้านพักนายสมชาย ที่บ้านเลขที่ 364 ถ.รามคำแหง แขวงและเขตสวนหลวง ชุดที่ 3 เข้าตรวจค้นห้องพักนายสมชาย ที่ห้องเลขที่ 6 ชั้น 15 อาคารสาธรบีช ทาวเวอร์ ถ.ธนบุรี แขวงต้นไทร เขตคลองสาน ชุดที่ 4 เข้าตรวจค้นบ้านพักนายศรีวิศาล กองศรี เพื่อนของนายสมหมาย หัวหน้าแก๊งปล้น ที่บ้านไม่ทราบเลขที่ ซ.จอมทอง 12 แขวงบางค้อ เขตจอมทอง
กำลังชุด ที่ 5 เข้าตรวจค้นที่บ้านพักของนายหนุ่ม ไม่ทราบนามสกุล ที่บ้านไม่ทราบเลขที่ ภายในตรอกหิรัญ ถ.บริพัตร แขวงบ้านบาตร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ซึ่งทราบว่านายสมัชญ์ นำทองคำแท่งไปขายให้ จากการตรวจค้นเจ้าหน้าที่ตำรวจพบใบจำนำเศษทองคำหลายใบ ที่ไปจำนำไว้กับโรงรับจำนำสุขสวัสดิ์ เขตจอม ทอง และโรงรับจำนำย่งฮวดหลี เขตคลองสาน นอกจากนี้ยังพบเอกสารรายการนำฝากเงินธนา คารกสิกรไทย ในชื่อนายสมหมาย สำราญพันธุ์ จำนวน 4.3 แสนบาท จึงได้ยึดไว้เป็นหลักฐาน และกำลังชุดที่ 6 เข้าตรวจค้นที่บ้านไม้สองชั้นเลขที่ 364 ถ.รามคำแหง พบนางภัสสร นิจพรหม อายุ 30 ปี ภรรยานายสมชาย อยู่ในบ้าน จากการตรวจค้นพบทองคำแท่งของบริษัท บางกอกแอสเซย์ ออฟฟิศ ถูกตัดแบ่งออกเป็นชิ้นใหญ่ 3 ชิ้น ชิ้นเล็ก 7 ชิ้น รวมทั้งหมด 10 ชิ้น น้ำหนัก 1 กิโลกรัม โดยทั้งหมดถูกห่อด้วยหนังสือพิมพ์วางไว้ในกะละมังในห้องเก็บของใต้หลังคา จึงรวบรวมไว้เป็นหลักฐานต่อไป ก่อนที่จะเชิญตัวนางภัสสรมา สอบปากคำที่กองปราบปราม
นางภัสสร ให้การว่าอยู่กินกับนายสมชายมานานกว่า 7 ปี แล้ว จนมีลูกด้วยกัน 1 คน ก่อนหน้านี้นายสมชาย เคยทำงานเป็นช่างออกแบบแหวน และสร้อยให้กับบริษัทบางกอกแอสเซย์ แต่ได้ลาออกมาปีกว่าแล้ว ระยะหลังหันมารับงานทำเอง ทราบว่าทางสามี มีโครงการเตรียมลงทุนกับเพื่อนเปิดโรงงานทำ จิวเวลรี่ ส่วนของกลางที่พบในบ้านนั้นไม่ทราบว่าสามีนำมาซ่อนไว้ตั้งแต่เมื่อไร เพราะระยะหลังนายสมชายบอกว่าติดงาน นานๆถึงจะกลับมาบ้านสักครั้ง
ส่วน นายศรีวิศาล ให้การว่า รู้จักกับนายสมหมายมานานหลายปีแล้ว ที่ผ่านมานายสมหมาย มักจะนำเศษทองคำที่มีลักษณะเป็นแผ่นบางๆ ครั้งละ 200-500 กรัมมาให้ เพื่อให้ตนนำไปจำนำอยู่หลายครั้ง เมื่อได้เงินมาก็จะโอนให้นายสมหมาย ผ่านทางธนาคาร ซึ่งที่รับเศษทองไปจำนำให้ก็เพราะเห็นว่านายสมหมายเป็นเพื่อนที่รู้จักกันมา นานจึงไม่ได้ถามอะไร หลังจากสอบปากคำทางกองปราบปราม จึงนำตัวผู้ที่เกี่ยวข้องพร้อมของกลางทั้งหมดส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ สอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้งว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดหรือไม่
ความคิดเห็น