![]() | เพียง แค่จดหมาย(ลาครู) การ สังเกตพฤติกรรมของนักเรียน เป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะนักเรียนที่ย่างเข้าสู่วัยรุ่น ซึ่งจะพบว่ามีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงและเป็นปัญหาของครูและผู้ปกครอง post ครั้งแรก: Mon 25 June 2007, 9:44 pm ปรับปรุงล่าสุด: Tue 26 June 2007, 7:35 pm อยู่ในส่วน: ไม่ได้ระบุว่าให้อยู่ห้องใด |
หน้าที่ 1 - พฤติกรรมที่ฉันพบ
พฤติกรรมการเรียนรู้ของนักเรียน หรือพฤติกรรมที่แสดงออกของนักเรียนแต่ละคนซึ่งครูไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะนักเรียนระดับชั้นมัธยมต้นที่เข้าสู่วัยรุ่น กำลังเปลี่ยนแปลงทั้งด้านร่างกายและจิตใจ แม้ว่าพฤติกรรมต่าง ๆ มักจะก่อให้เกิดอุปสรรคและปัญหา แต่ทั้งนี้ครูจะหลีกเลี่ยงจากการไม่รับผิดชอบนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้ เช่นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อไปนี้
เวลา 09.30 -10.30 น. เป็นเรียนภาษาอังกฤษ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ปัญหาที่พบตลอดมาคือนักเรียนขาดระเบียบวินัย ไม่ตรงต่อเวลา เข้าห้องเรียนช้า หนีเรียน แอบไปอยู่ตามห้องน้ำหรือใต้ต้นไม้ บางทีก็หนีออกนอกโรงเรียน การเรียกชื่อก่อนเรียนไม่ได้แก้ปัญหาเช่นนี้ได้เพราะนักเรียนจะขออนุญาตไป ห้องน้ำตอนท้ายชั่วโมงแล้วไม่กลับเข้าห้องเรียนอีกเลย ทิ้งสมุดหนังสือไว้ตามโต๊ะเรียน จึงได้เปลี่ยนเป็นการเรียกชื่อตอนจบชั่วโมงหรือตอนที่เริ่มกิจกรรมไปบ้าง แล้ว หรือขณะที่นักเรียนทำงาน
ในชั่วโมงนี้พบว่าตุ๊กและน้อยขาดเรียนแต่มีใบลาวางไว้บนโต๊ะครู 1 ฉบับ ความรู้สึกบอกว่าเป็นเรื่องที่ผิดปกติ เพราะครูและนักเรียนได้ตกลงร่วมกันแล้วว่า ไม่มีความจำเป็นต้องเขียนจดหมายลาครู ถือว่าไม่มีตัวตนอยู่ในห้องเรียนแสดงว่าขาดเรียน หรือบางกรณีต้องอยู่ในดุลยพินิจของครูเท่านั้น จึงไม่ได้สนใจเกี่ยวกับจดหมายลาฉบับนี้สักเท่าไร แต่ด้วยบังเอิญเห็นว่าซองจดหมายอยู่ในสภาพที่ถูกแกะและเป็นลักษณะยับเยิน ไม่เรียบร้อย จึงได้เปิดและอ่านดูเป็นจดหมายของตุ๊กมีใจความว่าเป็นการลาด้วยเหตุ “ปวดศีรษะมาก ลุกไม่ขึ้น” ทำให้ย้อนทบทวนดูเหตุการณ์ของเมื่อวานที่ผ่านมา เห็นตุ๊กมีอาการปกติดี และตอนเย็นขณะที่เดินทางกลับบ้านเห็นตุ๊กเดินอยู่ข้างทางมีท่าทางสดชื่นดี อีกอย่างตุ๊กเป็นเด็กสุขภาพแข็งแรง ไม่น่าจะมีอาการแบบนี้ รวดเร็วเกินไป จากนั้นได้ไปพบกับคุณครูที่ปรึกษาทราบว่าหายไปเฉยๆ ไม่มีจดหมายลาทั้งสองคน พร้อมด้วยคุณครูที่ปรึกษาด้ไปหารือกับคุณครูฝ่ายปกครอง คุณครูทั้งสองท่านได้ออกติดตามไปยังบ้านของตุ๊ก ได้พบกับคุณแม่ซึ่งบอกว่าตุ๊กแต่งตัวชุดนักเรียนไปโรงเรียนแต่เช้า ส่วนน้อยนอนตื่นสายจึงขาดเรียนไม่ทราบเรื่องราวเกี่ยวกับตุ๊กแต่อย่างใดเลย
จนกระทั่งเวลา 11.30 น. นักเรียนกำลังพักรับประทานอาหารกลางวัน แม่ของตุ๊กได้ร้องห่มร้องไห้มาที่ห้องภาษาอังกฤษ บอกว่ามีชาวบ้านพบเสื้อผ้าชุดนักเรียนของตุ๊กอยู่ที่กระท่องกลางนาห่างจาก โรงเรียนประมาณ 500 เมตร และมีคนเห็นและยืนยันว่ามีเด็กหนุ่มรุ่นเดียวกันขับรถมอเตอร์ไซค์มารับที่ สี่แยกหมู่บ้าน ......
เหตุการณ์ผ่านไป.......ได้รับโทรศัพท์จากแม่ของตุ๊กตลอดเวลาว่ากำลังออก ตามหายังไม่เจอตัวลูกแต่อย่างใด จนกระทั่งเวลาประมาณ 22.00 น.ได้รับโทรศัพท์จากคุณครูฝ่ายปกครองอีกครั้งหนึ่งแจ้งว่ารู้ตัวว่าอยู่ที่ ไหน ไม่แน่ใจว่าจะพบตัวหรือไม่เพราะเส้นทางเป็นป่า เขารถยนต์วิ่งไปไม่ได้ ทุกคนต้องเดินด้วยเท้าและสัญญาณขาดหายไป....เวลา 24.00 น. ได้รับการติดต่ออีกครั้งหนึ่งว่าอยู่ที่สถานีตำรวจ ....(เหตุการณ์เป็นอย่างไรไม่กล้าถาม)
รุ่งเช้าไปเยี่ยมตุ๊กที่บ้าน พบพ่อมาจากกรุงเทพฯ ตุ๊กวิ่งเข้ามากอด ได้พูดปลอบใจและรับปากว่าจะดูแลช่วยเหลือแก้ไขปัญหา บอกพ่อ แม่ว่าไม่ควรลงโทษลูกเวลานี้ ส่วนคดีความปล่อยให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ ต่อมาอีกประมาณ 1 สัปดาห์ตุ๊กได้เล่าเรื่องราวที่ไปผจญมาให้ฟังโดยละเอียด แต่ก็ไม่กล้าตั้งคำถามแต่อย่างใด เพราะกลัวว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตุ๊กทั้งหมดเป็นการตอกย้ำความรู้สึก เพียงแค่สรุปว่า “ตุ๊กเกือบจะถูกผู้ชายคนอื่น ๆ รุมทำร้าย แต่เคราะห์ดีแม่ ครูและญาติๆ ไปพบเข้าเสียก่อน ส่วนผู้ชายที่พาตุ๊กไปนั้นได้หลบหนีไปและทิ้งตุ๊กไว้ในป่า”
จากวันนั้นจนถึงวันนี้เป็นเวลา 9 เดือนมาแล้วตุ๊กและครอบครัวต้องไปขึ้นศาลเด็กและเยาวชนตามที่ศาลนัดหมายเป็น ประจำและอยู่ระหว่างคดีความ พฤติกรรมของตุ๊กเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น เรื่องราวและเหตุการณ์จะเป็นอย่างไรนั้น ยังไม่อาจสรุปได้ แต่ทว่าหากฉันไม่ได้อ่านจดหมาย(ลาครู)ฉบับนั้น คงจะเสียใจไปมากกว่านี้ก็ได้
ตุ๊กมีอายุ 14 ปี เป็นพี่สาวคนโต มีน้องสาว 3 คน คนรองอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 คนเล็กเป็นคู่แฝดอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนเดียวกัน พ่อไปทำงานที่กรุงเทพ ส่วนแม่เป็นแม่บ้าน บางคราวตัดเสื้อผ้า ชอบเล่นการพนัน พ่อแม่ทะเลาะกันบ่อยมาก เมื่อ
ตุ๊กเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 - 6 ตุ๊กต้องดูแลน้องทั้ง 3 คน พ่อแม่ส่งเงินมาเป็นค่าใช้จ่าย เคยได้ข่าวตุ๊กชอบแอบเล่นการพนันกับเพื่อนบ้านบ่อย ๆ เมื่อครูถามตุ๊กให้เหตุผลเกี่ยวกับการเล่นการพนันเพราะต้องการเงินมาซื้อกับ ข้างให้น้อง ๆ และตัวเองรับประทาน พ่อ แม่ส่งเงินให้ไม่พอ และมีนิสัย(เดิม)ค่อนข้างก้าวร้าว พูดจาไม่สุภาพ เพื่อน ๆ ไม่ชอบ แต่ในปัจจุบันพฤติกรรมการเล่นการพนันไม่ทราบว่ายังเล่นอีกหรือไม่ แต่พฤติกรรมภายนอกดูดีขึ้นลดบทบาทของความก้าวร้าวลงไปมาก
จากการวัดพฤติกรรมโดยวิธีการพหุปัญญา ทำให้วิเคราะห์ได้ว่าตุ๊กชอบงานศิลปะ มีอารมณ์อ่อนไหว มีความคิดสร้างสรรค์ และมีจินตนาการ สังเกตจากการนั่งอยู่ใต้ต้นไม้เป็นเวลานาน ๆ และตั้งใจจัดสวนถาดชื้นและสวนถาดแห้ง นำมาให้ครูช่วยออกความคิดเห็นว่าแบบไหนเหมาะสม และขอให้ครูช่วยเหลือในการจัดหาอุปกรณ์มาให้ เพราะตุ๊กอยากจะเป็นตัวแทนของโรงเรียนไปประกวดการจัดสวนถาด.............ผล การจัดสวนถาดได้รับรางวัลชนะเลิศ
เวลา 09.30 -10.30 น. เป็นเรียนภาษาอังกฤษ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ปัญหาที่พบตลอดมาคือนักเรียนขาดระเบียบวินัย ไม่ตรงต่อเวลา เข้าห้องเรียนช้า หนีเรียน แอบไปอยู่ตามห้องน้ำหรือใต้ต้นไม้ บางทีก็หนีออกนอกโรงเรียน การเรียกชื่อก่อนเรียนไม่ได้แก้ปัญหาเช่นนี้ได้เพราะนักเรียนจะขออนุญาตไป ห้องน้ำตอนท้ายชั่วโมงแล้วไม่กลับเข้าห้องเรียนอีกเลย ทิ้งสมุดหนังสือไว้ตามโต๊ะเรียน จึงได้เปลี่ยนเป็นการเรียกชื่อตอนจบชั่วโมงหรือตอนที่เริ่มกิจกรรมไปบ้าง แล้ว หรือขณะที่นักเรียนทำงาน
ในชั่วโมงนี้พบว่าตุ๊กและน้อยขาดเรียนแต่มีใบลาวางไว้บนโต๊ะครู 1 ฉบับ ความรู้สึกบอกว่าเป็นเรื่องที่ผิดปกติ เพราะครูและนักเรียนได้ตกลงร่วมกันแล้วว่า ไม่มีความจำเป็นต้องเขียนจดหมายลาครู ถือว่าไม่มีตัวตนอยู่ในห้องเรียนแสดงว่าขาดเรียน หรือบางกรณีต้องอยู่ในดุลยพินิจของครูเท่านั้น จึงไม่ได้สนใจเกี่ยวกับจดหมายลาฉบับนี้สักเท่าไร แต่ด้วยบังเอิญเห็นว่าซองจดหมายอยู่ในสภาพที่ถูกแกะและเป็นลักษณะยับเยิน ไม่เรียบร้อย จึงได้เปิดและอ่านดูเป็นจดหมายของตุ๊กมีใจความว่าเป็นการลาด้วยเหตุ “ปวดศีรษะมาก ลุกไม่ขึ้น” ทำให้ย้อนทบทวนดูเหตุการณ์ของเมื่อวานที่ผ่านมา เห็นตุ๊กมีอาการปกติดี และตอนเย็นขณะที่เดินทางกลับบ้านเห็นตุ๊กเดินอยู่ข้างทางมีท่าทางสดชื่นดี อีกอย่างตุ๊กเป็นเด็กสุขภาพแข็งแรง ไม่น่าจะมีอาการแบบนี้ รวดเร็วเกินไป จากนั้นได้ไปพบกับคุณครูที่ปรึกษาทราบว่าหายไปเฉยๆ ไม่มีจดหมายลาทั้งสองคน พร้อมด้วยคุณครูที่ปรึกษาด้ไปหารือกับคุณครูฝ่ายปกครอง คุณครูทั้งสองท่านได้ออกติดตามไปยังบ้านของตุ๊ก ได้พบกับคุณแม่ซึ่งบอกว่าตุ๊กแต่งตัวชุดนักเรียนไปโรงเรียนแต่เช้า ส่วนน้อยนอนตื่นสายจึงขาดเรียนไม่ทราบเรื่องราวเกี่ยวกับตุ๊กแต่อย่างใดเลย
จนกระทั่งเวลา 11.30 น. นักเรียนกำลังพักรับประทานอาหารกลางวัน แม่ของตุ๊กได้ร้องห่มร้องไห้มาที่ห้องภาษาอังกฤษ บอกว่ามีชาวบ้านพบเสื้อผ้าชุดนักเรียนของตุ๊กอยู่ที่กระท่องกลางนาห่างจาก โรงเรียนประมาณ 500 เมตร และมีคนเห็นและยืนยันว่ามีเด็กหนุ่มรุ่นเดียวกันขับรถมอเตอร์ไซค์มารับที่ สี่แยกหมู่บ้าน ......
เหตุการณ์ผ่านไป.......ได้รับโทรศัพท์จากแม่ของตุ๊กตลอดเวลาว่ากำลังออก ตามหายังไม่เจอตัวลูกแต่อย่างใด จนกระทั่งเวลาประมาณ 22.00 น.ได้รับโทรศัพท์จากคุณครูฝ่ายปกครองอีกครั้งหนึ่งแจ้งว่ารู้ตัวว่าอยู่ที่ ไหน ไม่แน่ใจว่าจะพบตัวหรือไม่เพราะเส้นทางเป็นป่า เขารถยนต์วิ่งไปไม่ได้ ทุกคนต้องเดินด้วยเท้าและสัญญาณขาดหายไป....เวลา 24.00 น. ได้รับการติดต่ออีกครั้งหนึ่งว่าอยู่ที่สถานีตำรวจ ....(เหตุการณ์เป็นอย่างไรไม่กล้าถาม)
รุ่งเช้าไปเยี่ยมตุ๊กที่บ้าน พบพ่อมาจากกรุงเทพฯ ตุ๊กวิ่งเข้ามากอด ได้พูดปลอบใจและรับปากว่าจะดูแลช่วยเหลือแก้ไขปัญหา บอกพ่อ แม่ว่าไม่ควรลงโทษลูกเวลานี้ ส่วนคดีความปล่อยให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ ต่อมาอีกประมาณ 1 สัปดาห์ตุ๊กได้เล่าเรื่องราวที่ไปผจญมาให้ฟังโดยละเอียด แต่ก็ไม่กล้าตั้งคำถามแต่อย่างใด เพราะกลัวว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตุ๊กทั้งหมดเป็นการตอกย้ำความรู้สึก เพียงแค่สรุปว่า “ตุ๊กเกือบจะถูกผู้ชายคนอื่น ๆ รุมทำร้าย แต่เคราะห์ดีแม่ ครูและญาติๆ ไปพบเข้าเสียก่อน ส่วนผู้ชายที่พาตุ๊กไปนั้นได้หลบหนีไปและทิ้งตุ๊กไว้ในป่า”
จากวันนั้นจนถึงวันนี้เป็นเวลา 9 เดือนมาแล้วตุ๊กและครอบครัวต้องไปขึ้นศาลเด็กและเยาวชนตามที่ศาลนัดหมายเป็น ประจำและอยู่ระหว่างคดีความ พฤติกรรมของตุ๊กเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น เรื่องราวและเหตุการณ์จะเป็นอย่างไรนั้น ยังไม่อาจสรุปได้ แต่ทว่าหากฉันไม่ได้อ่านจดหมาย(ลาครู)ฉบับนั้น คงจะเสียใจไปมากกว่านี้ก็ได้
ตุ๊กมีอายุ 14 ปี เป็นพี่สาวคนโต มีน้องสาว 3 คน คนรองอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 คนเล็กเป็นคู่แฝดอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนเดียวกัน พ่อไปทำงานที่กรุงเทพ ส่วนแม่เป็นแม่บ้าน บางคราวตัดเสื้อผ้า ชอบเล่นการพนัน พ่อแม่ทะเลาะกันบ่อยมาก เมื่อ
ตุ๊กเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 - 6 ตุ๊กต้องดูแลน้องทั้ง 3 คน พ่อแม่ส่งเงินมาเป็นค่าใช้จ่าย เคยได้ข่าวตุ๊กชอบแอบเล่นการพนันกับเพื่อนบ้านบ่อย ๆ เมื่อครูถามตุ๊กให้เหตุผลเกี่ยวกับการเล่นการพนันเพราะต้องการเงินมาซื้อกับ ข้างให้น้อง ๆ และตัวเองรับประทาน พ่อ แม่ส่งเงินให้ไม่พอ และมีนิสัย(เดิม)ค่อนข้างก้าวร้าว พูดจาไม่สุภาพ เพื่อน ๆ ไม่ชอบ แต่ในปัจจุบันพฤติกรรมการเล่นการพนันไม่ทราบว่ายังเล่นอีกหรือไม่ แต่พฤติกรรมภายนอกดูดีขึ้นลดบทบาทของความก้าวร้าวลงไปมาก
จากการวัดพฤติกรรมโดยวิธีการพหุปัญญา ทำให้วิเคราะห์ได้ว่าตุ๊กชอบงานศิลปะ มีอารมณ์อ่อนไหว มีความคิดสร้างสรรค์ และมีจินตนาการ สังเกตจากการนั่งอยู่ใต้ต้นไม้เป็นเวลานาน ๆ และตั้งใจจัดสวนถาดชื้นและสวนถาดแห้ง นำมาให้ครูช่วยออกความคิดเห็นว่าแบบไหนเหมาะสม และขอให้ครูช่วยเหลือในการจัดหาอุปกรณ์มาให้ เพราะตุ๊กอยากจะเป็นตัวแทนของโรงเรียนไปประกวดการจัดสวนถาด.............ผล การจัดสวนถาดได้รับรางวัลชนะเลิศ

ความคิดเห็น