ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เหลี่ยมรักเสน่ห์ร้าย

    ลำดับตอนที่ #8 : เหตุเพราะ...ไก่ชน(1)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.61K
      16
      28 พ.ย. 64

    คำภาวนาของจ่อยดูจะไม่เป็นผล เพราะกุ้งนางกำลังลากแขนเพื่อนสาวเดินเข้าโรงนาอีกด้านหนึ่ง เสียงเฮของคนจำนวนไม่น้อยกำลังเชียร์ลั่นสะท้านโรงนาเก่าที่ถูกดัดแปลงเป็นสังเวียนไก่ชนชั่วคราว ยิ่งทำให้หญิงสาวรีบมุ่งตรงไปยังกลุ่มคนที่กำลังรายล้อมเป็นวง

    “ยัยเนตรมัวชักช้าเดี๋ยวก็ไม่ทันกันพอดี”

    เสียงเชียร์มันกระตุ้นต่อมยิ่งทำให้อยากดูกุ้งนางกึ่งลากกึ่งจูงแขนเนตรดาวให้เดินตามอย่างเร่งรีบจนขาแถบขวิด

    “จะรีบไปไหนของแก ไหนบอกจะมาธุระแล้วนี่อะไร”เนตรดาวมองไปที่กลางสังเวียนที่ไก่สองตัวกำลังตีกันอย่างเมามัน สร้างความหรรษาให้คนดูยิ่งนัก และแน่นอนมันต้องมีเรื่องพนันเข้ามาเกี่ยวข้อง

    “อย่าบอกนะว่าธุระของแกมันคือ...” 

     “ก็ใช่น่ะสิ เร็วเข้าเถอะนั้นคู่เอกของวันนี้เลยนะ” 

    เนตรดาวสายหน้าอย่างระอา เมื่อถูกลากให้มายืนตรงขอบสังเวียนวงกลมนั้น แสดงว่าเธอถูกหลอกให้มาเป็นเพื่อนอีกแล้วสิ

    “ฉันถามจริงเถอะ ทำไมแกถึงชอบนักนะไอ้ไก่ชนมันสนุกตรงไหนเหรอ” เนตรดาวสะกิดแขนเพื่อนที่กำลังส่งเสียงเชียร์อย่างสนุกสนาน

    “ไม่ชอบเหรอ...มันส์จะตาย” 

    “ใครจะไปชอบ แล้ว...ก็หวังว่าแกคงไม่ได้ลงพนันกับเขาด้วยหรอกนะ” เนตรดาวกระตุกแขนเพื่อนให้หันมามองตนเองอย่างคาดคั้น

    “รับรองเรื่องนั้นไม่เคยอยู่ในหัวคิดสักนิด ฉันรู้ว่าอะไรควรหรือไม่ควร ที่ฉันชอบดูไก่ชนเพราะคิดว่า..มันเป็นศิลปะป้องกันตัวที่ธรรมชาติสร้างให้กับสัตว์”เมื่อได้ยินแบบนั้นเนตรดาวก็เบาใจ

    “ศิลปะหรือทรมานสัตว์กันแน่ แกดูไก่ตัวนั้นสิถูกจิกจนหัวปูด”เนตรดาวชี้ให้ดูไก่ตัวหนึ่ง

    เมื่อหมดยกเจ้าของไก่ตัวนั้นก็ใช้เข็มเจาะตรงที่มีเลือดคั่งพร้อมกับก้มลงดูดเลือดที่คั่งออก เนตรดาวเบือนหน้าหนีรู้สึกถึงกลิ่นคาวเลือดจนคลื่นเหียน ต่างจากกุ้งนางที่เห็นภาพแบบนั้นจนชินตา

                “กุ้งนางเขากำลังทำอะไร”ถึงจะรู้สึกพะอืดพะอมแต่เนตรดาวก็อดถามด้วยความสงสัยไม่ได้

                “เจ้าของกำลังช่วยเอาเลือดที่คั่งออกอยู่ มันไม่เป็นอะไรหรอกน่า ตัวนั้นนะมันชื่อ ‘ฟ้าลั่น’ มันไม่เคยแพ้ใครส่วนอีกตัวเป็นผู้ท้าชิงชื่อเจ้า ‘หงอนแดง’ ตัวนี้ก็ไม่เบาค่อยสมน้ำสมเนื้อหน่อย..แกว่ามั้ย” 

                เนตรดาวมองไปที่ไก่ทั้งสองตัวเห็นสภาพที่ยับเยิบพอกัน มันช่างสมน้ำสมเนื้อเหมือนที่กุ้งนางพูดไว้ไม่มีผิด แต่ยังไม่มีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดยอมถอย เกมจึงต้องดำเนินต่อไป

                เสียงสัญญาณเริ่มยกใหม่กะลาที่เจาะรูตรงกลางถูกวางบนผิวน้ำ เจ้าของไก่ก็ปล่อยให้มวยคู่เอกเข้าหากัน

                ขณะบรรยากาศภายในโรงนากำลังสนุกสนาน พลันก็มีเสียงนกหวีดดังสนั่นขึ้น เหล่านักพนันทั้งหลายเงียบเสียงลงในทันที แต่ไม่เกินสองวินาทีก็เกิดความโกลาหลเมื่อชายในชุดกากีสี่ถึงห้านายปรากฏตัว และกำลังเข้าโอบล้อมกลุ่มคนรอบสังเวียน

                “หยุด! ห้ามขยับ ตำรวจล้อมไว้หมดแล้ว”

                เสียงเชียร์ก่อนหน้านี่ที่ว่าดัง ยังไม่เท่าเสียงเอะอะโวยวายในตอนนี้ นักพนันทั้งหลายวิ่งหนีกันแตกกระเซน ใครที่หนีไม่ทันก็ถูกจับ ใครที่ไวกว่าก็หนีรอดออกไปได้

                ความชุลมุนทำให้เนตรดาวและกุ้งนางต้องคลาดกัน เนตรดาวหนีรอดออกไปได้ แต่คนที่น่าห่วงกลับเป็นกุ้งนาง เธอวิ่งหนีมาด้านหลังโรงนา แต่กลับเจอกำนันแสนและตำรวจนายหนึ่งกำลังไล่จับนักพนันกลุ่มหนึ่งที่กำลังวิ่งตรงมาที่เธอ          

                เสียงนกหวีดก็ดังกระชันเข้ามาทำให้เธอต้องเร่งฝีเท้า แต่ชายกลุ่มนั้นกลับวิ่งแซงนำหน้า หญิงสาววิ่งตามจนมาถึงกำแพงสูง ผู้ชายสองคนแรกอาศัยความว่องไวและความแข็งแรงปีนข้ามกำแพงไปอย่างรวดเร็ว แต่ยังเหลือชายร่างอ้วนอีกคนกำลังตะเกียกตะกายขึ้นกำแพงอย่างทุลักทุเล

    เพราะกำแพงสูงไม่ใช่น้อย การที่จะข้ามไปคงไม่ใช่เรื่องง่ายหญิงสาวลังเลหันรีหันขวางอยู่ชั่วครู่ แต่เมื่อเสียงนกหวีดที่ไล่กระชั้นเข้ามาจึงทำให้กุ้งนางวิ่งไปที่กำพงสุดแรงเกิดกระโดดขึ้นเหยียบบ่าชายคนที่กำลังจะตะกายข้ามกำลังแพงไปด้วยความรวดเร็ว

     

    ธนาวิ่งไล่ตามมาติดๆ เขาเห็นคนกระโดดหนีข้ามกำแพงไปได้สองสามคน  โดยเฉพาะคนสุดท้ายที่แน่ใจว่าต้องเป็นผู้หญิง เพราะดูรูปร่างเล็กอรชรกว่าใคร

    “ใครวะเหยียบหัวกูมาได้ อย่าให้รู้นะโว้ย! พ่อจะเล่นให้น่าดูเชียว” 

    คนที่ถูกเหยียบจนล้มลงไปนอนกลิ้งโค่โร่ ลุกขึ้นนั่งโวยวายด่าคนที่เหยียบตัวเองเสียงดังลั่น

    “เจ้าฟ้าลั่นลูกพ่อเจ็บตรงไหนบ้าง”แม้ตัวจะเจ็บแต่ผันก็ยังเป็นห่วงไก่ที่เป็นของรักของตน

    นของร

    ธนาหยุดยืนดูผันที่นั่งพิงกำแพงอย่างหมดทางหนี โดยมีกำนันบ้านดงตาลมาสมทบทีหลัง

    “เป็นไงบ้างครับหนีไปได้กี่คน แหม! ไวกันยังกับปรอท เล่นเอาผมเหนื่อยแฮ่กเลย” 

    กำนันอาวุโสพูดไปหอบไป ยกยาดมขึ้นสูดที่รูจมูกทั้งสองข้าง รู้สึกหน้ามืดชวนจะเป็นลมเสียให้ได้แต่ต้องรักษาฟอร์มไม่ให้ขาแข้งสั่นหรือเป็นลมไปเสียก่อน

    “มีหนีไปได้สักสองสามคน ดีที่เหลืออีกคน”ปลัดหนุ่มพยักพเยิดไปทางผัน

    “นึกว่าใครที่แท้ก็ไอ้ผันนั้นเอง ลุกขึ้นมาเลยเอ็ง” 

    กำนันจับคอเสื้อของผันให้ลุกขึ้นไม่สนใจอาการฮึดฮัด ถึงหมดท่าหนีแต่ก็ยังนึกแค้นคนที่ทำให้ตนต้องถูกจับ

    “ถ้าฉันไม่ถูกถีบหัวจนล้มลงรับรองได้เลยว่าพี่แสนไม่มีทางจับได้แน่ อย่าให้รู้นะว่าเป็นลูกใคร จะเล่นงานให้น่าดู”

    “อย่าพาลถ้าเอ็งไม่เอาไก่มาพนันมีหรือจะถูกจับอย่างนี้”

    “ยอมให้แค่ครั้งนี้ละ”ผันยังทำฮึดอัด

    “คุณปลัดจะเอายังไงต่อดีครับ ”กำนันแสนหันมาถามปลัดหนุ่มขณะที่มือกำลังลากนายผันให้เดินตาม

    “กำนันอยู่จัดการทางนี้ผมจะอ้อมไปอีกทางเผื่อจะจับใครได้อีก” 

    ความข้องใจเพราะรู้สึกคุ้นตาเจ้านักพนันคนสุดท้ายทำให้ธนาอยากเห็นหน้าชัดๆ

    “เอาอย่างนั้นก็ได้ครับ ว่าแต่คุณปลัดก็ระวังตัวด้วยไอ้พวกนี้แต่ละคนมันไวยังกับลิงทั้งนั้น ”

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×