ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Unlove_รวมพลคนหมดรัก(Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #29 : ยกที่26 : พี่รักษ์ที่ทุกคนไม่รู้จัก

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 112
      12
      17 ก.ค. 62




    พี่รักษ์ที่ทุกคนไม่รู้จัก

     




    กูขอคุยกับปอนด์สองคนได้มั้ย

              หนึ่งที่ได้ยินพี่รักษ์พูดอย่างนั้นก็ได้แต่เหลือบมามองผมหน่อยๆ พอมันเห็นผมพยักหน้าบอกไม่เป็นไร มันก็ขอตัวเดินเข้าบ้านไปก่อน

              ทันทีที่หนึ่งปิดประตูบ้าน บรรยากาศหน้าบ้านก็เปลี่ยนไปทันที ผมมองพี่รักษ์ที่เปลี่ยนมานั่งไขว่ห้างแล้วเท้าคางมองมาทางผมยิ้มๆ

    เหมือนจะปกติ แต่ผมสามารถสัมผัสได้ว่าคนตรงหน้ากำลังโกรธหรือกำลังไม่พอใจมากแน่ๆ

              “วันนี้ไปเที่ยวที่ไหนมาบ้างเหรอ” พี่รักษ์ถามโดยยังคงใบหน้ายิ้มน้อยๆนั้นไว้อยู่ ผมเพิ่งรู้ตัวว่ามันค่อนข้างทำให้ผมผวาก็ตอนที่อยู่ดีๆหลังผมก็ไปชนกับกำแพงหน้าบ้านซะแล้ว ผมถอยหลังหนีโดยไม่รู้ตัวซักนิด!

              “...ไปเที่ยวแม่กำปองกับไปหาอะไรกินมา...ครับ”

    “พี่ว่าพี่ไม่ได้คิดไปเองนะว่าเรากำลังหลบหน้าพี่” ถึงตรงนี้ ผมเห็นพี่รักษ์ขมวดคิ้วหน่อยๆ “วันสองวันมานี้มีอะไรที่พี่ไม่รู้เกิดขึ้นบ้างรึเปล่า”

    “...ไม่มีครับ” ผมตอบ ยิ่งพี่รักษ์อ่อนโยนมากขึ้นเท่าไหร่ ยิ่งน่ากลัวมากขึ้นเท่านั้น ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากให้พี่รักษ์ตะคอกหรือตะโกนใส่หน้าผมไปเลยยังจะดีซะกว่า ผมคงจะระบายความอัดอ้นทั้งหมดออกไปอย่างง่ายดาย ไม่เหมือนตอนนี้ ...ที่มันกลายเป็นว่าคนที่ทำผิดคือผม

    “แล้วทำไมวันนี้ต้องหนีพี่ด้วยล่ะ ทั้งๆที่ปอนด์ก็เห็นว่าพี่มารออยู่ด้วยซ้ำ” แสดงว่าเมื่อตอนกลางวันพี่รักษ์เห็นผม! ผมมองคนตรงหน้าที่เดินเข้ามาใกล้ผมก่อนคว้ามือผมขึ้นไปจับเล่น “...คราวนี้ปอนด์ตอบพี่ได้รึยัง ว่าทำไมปอนด์ต้องหลบหน้าพี่ด้วย”

    “...พี่รักษ์กำลังทำให้ผมกลัวนะครับ”

    “ถ้าบทสนทนาระหว่างเรายังวนอยู่แค่นี้ พี่จะโมโหจริงๆแล้วนะ...ปอนด์รู้ใช่มั้ยครับ?” ริมฝีปากของพี่รักษ์แตะลงเบาๆบนฝ่ามือของผม ผมที่ไม่คิดว่าคนตรงหน้าจะทำแบบนี้ก็ตกใจกระชากมือกลับ แต่กลายเป็นว่าอีกฝ่ายไม่ปล่อยให้เป็นแบบนั้น

    พี่รักษ์จับมือผมไว้แน่นไม่ยอมปล่อยจนผมเผลอครางออกมาด้วยความเจ็บ และดูเหมือนเจ้าตัวจะเพิ่งรู้ตัวว่าออกแรงมากเกินไปจึงเริ่มผ่อนแรงลงจนผมสัมผัสได้ ผมถอนหายใจสียงดัง บอกตรงๆว่าผมก็รำคาญตัวเองเหมือนกัน ผมไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนไม่ว่าจะกับใคร สุดท้ายแล้วการคุยกันตรงๆคงเป็นแนวทางที่ดีที่สุดอยู่ดี

    “ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครเหรอครับ”

    “...อันนี้ก่อนจะตอบพี่คงต้องถามปอนด์ก่อน ว่าปอนด์ถามพี่ในฐานะอะไร” พี่รักษ์ยกยิ้มมุมปากนิดๆ เหมือนเจอเรื่องให้ได้ต่อรอง โดยที่ตัวเองเป็นฝ่ายได้เปรียบ

    “ฐานะ? ขอคำขยายหรือยกตัวอย่างคำว่าฐานะหน่อย”

    “ฐานะผู้ชายคนหนึ่งที่สนใจฟ้า หรือ...” พี่รักษ์พูดค้างไว้แค่นี้ก่อน ยื่นหน้าเข้ามาก่อนซิบประโยคถัดไปข้างๆหูผม “ฐานะคนที่ใส่ใจเรื่องของพี่”

    “อันหลังนี่หมายถึงฐานะคนที่อยากเสือกเรื่องของพี่? อันนี้ผมว่าเป็นกันครึ่งมหาลัยได้อ่ะ” ...ขอโทษครับ ขอโทษ บรรยากาศไม่น่ากวนตีนแท้ๆ แต่แม่งอดใจไม่ไหวจริงๆ ใครใช้ให้ไอ้พี่รักษ์เสือกใช้คำพูดให้ชวนคิดไปในทางนี้วะ เชดแม่ม พี่มันนิ่งไปเลยครับ เหมือนพี่รักษ์แม่งกำลังพยายามกลั้นขำอยู่

    แน่สิ อย่าขำออกมาเชียวนะ มึงเสือกเก๊กไว้ตั้งแต่ต้นตอน ถ้าอยากเป็นพระเอกให้รอดก็ช่วยเก๊กไปให้จบ หรือไม่ก็หาทางลงดีๆหน่อยเถอะ ตั้งแต่เปิดตัวกันมายังไม่มีตอนไหนที่เจอกันแล้วจะให้บรรยากาศซีรี่ย์เกาหลีมาก่อน ถ้าพี่มึงหลุดขำตอนนี้จากบรรยากาศกรุงโซลจะกลายเป็นแลนด์ดิ้งลงดอนเมืองทันทีเลยนะ

    “เชี่ย... หมดมู้ดสัด พอๆ” นั่นไง   

    “สรุปน้องที่ชื่อฟ้านั่นเป็นใคร” ผมถามย้ำ “หรือตอบไม่ได้ ตอบไม่ได้ก็ค่อยคุยพรุ่งนี้นะ ผมง่วง”

    “ดุจังวะ หึๆ ทำไม? หึงกูเหรอ?” พี่รักษ์พูดขำๆพร้อมจูงมือผมไปนั่งบนขั้นบันไดหน้าประตูบ้าน

    “...ไม่ได้หึงโว้ย มีแต่คนมาถามผมแต่ผมตอบไม่ได้ เออ...อยากเสือกด้วยแหละ  ไม่ได้เหรอ?” อันนี้คือกล้าตอบแบบเชิดหน้าชูตาเลย การเสือกไม่ใช้เรื่องผิดศีลธรรม

    “ไรว้า  กูอยากให้มึงหึงแท้ๆ”

    “...หะ?

    “ถามตรงๆนะครับน้องปอนด์ นี่มันยังไม่ชัดเจนพออีกเหรอวะว่าพี่ชอบมึง”

     

     

    ลำบากใจว่ะ...

    ผมพลิกตัวไปมาบนเตียงจนไอ้หนึ่งที่นอนอยู่ข้างเอาตีนมาสะกิดตูดผมเบาๆ เป็นการเตือนว่าถ้ามึงยังดิ้นต่อไป มันจะไม่จบอยู่ที่การสะกิดแบบครั้งนี้แน่ๆ

    เมื่อกี้พอไอ้พี่รักษ์เห็นผมอึ้งจนกู่ไม่กลับมันก็ได้แต่ส่ายหัวปลงๆก่อนปล่อยผมขึ้นมา ยังดี(มากๆ)ที่ก่อนไปพี่มันยังไม่ลืมเมนหลักของการคุยครั้งนี้ มันทิ้งท้ายไว้ว่า “ฟ้าเป็นลูกพี่ลูกน้องกูเอง มันลังเลใจว่าจะเรียนที่นี่หรือที่กรุงเทพ ช่วงนี้เลยมาปรึกษากูบ่อยๆ ให้กูช่วยพาเดินดูมหาลัย ...ถ้ามึงไม่เชื่อ มึงไปถามคนที่บ้านกูก็ได้ เดี๋ยวพรุ่งนี้กูพาไปถามเลย”

    เชื่อแล้วครับ จบเรื่องแบบกูแทบจะกราบตีนไอ้พี่รักษ์ เพราะพี่แม่งเดินจากไปแบบหน้าเหนือมาก เหมือนว่ายกนี้มันชนะผมแบบไม่เห็นฝุ่น ซึ่งกูก็ยังนึกไม่ออกว่ากูแข่งอะไรกับมันอยู่ เวรจริงๆ

    ผมกำลังปวดหัวว่าสถานการณ์มันเหมือนกำลังเป็นไปในทางที่ดีและเลวร้ายพร้อมๆกัน เอาว่าผมรู้ตัวว่าตัวเองรู้สึกดีกับพี่รักษ์ในระดับที่เกิดความหึงหวงได้ และก็เป็นเรื่องดีมากๆซะด้วยที่พี่รักษ์พูดอย่างตรงไปตรงมาว่าคิดไปในทางเดียวกันกับผม

    แต่คุณเอ๋ย การคบกับผู้ชายมันไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น พอรู้ตัวว่าอาจจะได้คบกับผู้ชายด้วยกันสมองผมก็ดันคิดเตลิดไปในทางที่ไม่ดีไปซะแล้ว

    ผมไม่ใช่พวกมองโลกในแง่ดีหรือชอบเข้าข้างตัวเอง เห็นๆกันอยู่ว่าถ้าผมกับพี่รักษ์คบกัน ใครมันจะเป็นฝ่ายเสียที่ดินหลังบ้าน!

    เชื่อเอ๊ย แค่คิดก็ปวดหัวใจไปยันหัวนม

     

    “นี่มึงเครียดเรื่องที่กูพูดเมื่อวานถึงขั้นนอนไม่หลับเลยเหรอวะ” พี่รักษ์พูดเสียงสูงทันทีที่เห็นหน้าผมในตอนเช้า ทำท่าเหมือนตกใจที่เห็นหน้าโทรมๆของผมเสียเต็มประดา ทั้งที่เด็กสามขวบมองหน้ามันยังดูออกว่าพี่มันกำลังสนุกกับการแซวผมสุดๆ

    “ไม่ใช่เรื่องนั้น” ผมตอบหน้าเอือม “แต่ก็ไม่เชิง”

    “กูชัดเจนขนาดนี้ มึงเครียดอะไรนักหนา” มือหนาของพี่รักษ์ขยีหัวของผมซะจนผมที่หวีมาแล้วกระเซิงจนผมรู้สึกได้ “วันนี้แวะกินโจ๊กหลังม.นะ มึงต้องกินของอ่อนๆอ่ะ”

    ...แม่งก็เป็นซะแบบนี้อ่ะ ดีจนใจบาง ละแบบนี้กูจะถอนความรู้สึกยังไงวะ

    อยากบอกพี่ชิบหายเลยว่ะ ว่ากูเครียดเพราะมึงชัดเจนนี่แหละ

    ...ยิ่งมึงชัดเจน ชะตากรรมในอนาคตของกูก็ยิ่งชัดเจนเหมือนกัน  ว้อยยยยย!

     

    ข่าวลือเกี่ยวกับพี่รักษ์และน้องฟ้าถูกลือกันไปต่างๆนาๆ และเหมือนจะเริ่มซาเพราะทุกคนหันมาสนใจกับกิจกรรมที่กำลังจะจัดขึ้นเร็วๆนี้แทน

    รับน้องขึ้นดอย

    รับน้องขึ้นดอยเป็นกิจกรรมที่มาแรงแซงทุกเรื่องราวในมหาลัยจนน่าตกใจจริงๆ ซึ่งผมก็เข้าใจนะ ตอนปีหนึ่งผมตื่นเต้นจนนอนแทบไม่หลับเลยแหละ พอปีสองความรู้สึกอาจจะเบาบางลงก็จริงแต่มันก็ยังทำให้พอจะใจสั่นๆลุ้นๆไปกับพวกน้องๆเหมือนกัน เพราะปีสองจะได้เดินขึ้นและเดินลงทั้งสองอย่างเลยไงล่ะ ผมกับเม่นและมีนไปวิ่งรอบมหาลัยเป็นการวอมแทบทุกเย็น ไอ้หนึ่งที่อยู่ชมรมกีฬามีซ้อมอยู่ประจำเลยไม่ค่อยกังวลเรื่องความฟิตของร่างกายซักเท่าไหร่ ส่วนไอ้บาสกับไอ้กุล...

    คณะวิศวะแม่งขึ้นชื่อเรื่องนี้มากครับ คณะนี้ต้องวิ่งตลอดเส้นทางจึงต้องฝึกกันแบบเคร่งๆหน่อย บาสกับกุลอยู่ปีสองจึงต้องดูแลน้องอย่างใกล้ชิดมันสองตัวกลับมาด้วยสภาพผีดิบแทบทุกคืนจนพวกผมได้แต่เป็นห่วง และก็ทำได้แค่ซื้อของกินเข้าบ้านไว้ให้พวกมันได้กลับมากินในตอนดึกแทน

    ส่วนพี่รักษ์ ...กินข้าวเช้าด้วยกันทุกวันนั่นแหละครับ แต่หลังจากนั้นก็จะหายไปจากสารระบบเลย จะโผล่มาอีกทีก็ตอนเช้าวันรุ่งขึ้นตอนมารับไปกินข้าวนั่นแหละ

    ตอนแรกก็ไม่สบายใจหน่อยๆ อยู่ดีๆก็มาบอกว่าช่วงนี้ให้กลับกับพวกมีนก่อน พอถามไปถามมากับมีนและเม่นถึงได้รู้ว่าพี่แมนเองก็หายไปเหมือนกัน เราสามคนเลยเข้าใจกันเงียบๆว่าปีสี่วิศวะคงยุ่งไม่น้อย

     

    “พัสดุของแมนมาส่งที่บ้านอีกแล้วว่ะ” เม่นเขย่ากล่องไปมาก่อนยกกล่องขึ้นมาดมหน่อยๆ “ขนมคลีนที่แมนชอบสั่งแน่เลย จำชื่อร้านได้”

    “แต่ช่วงนี้ติดต่อแมนไม่ได้นี่ ทำไงอ่ะ” มีนพูดเสริม เหมือนพี่แมนจะชอบมีปัญหากับการตอบแชทหรือรักโทรศัพท์จนเป็นที่รู้กันในวงคนสนิท “ถ้าไม่ตอบเกินสามวันเราก็กินเลยดีป่ะ”

    “ดีอยู่” เม่นตอบ “แต่เหมือนช่วงนี้แมนมันบ่นๆว่าอยากกินขนมเพราะเครียดเรื่องทำโปรเจคจบ อยากกินอะไรเล่นคลายเครียด อันนี้คงต้องเอาไปให้แมนแหละ เรารอรอบหน้าให้แมนสั่งเผื่อละกัน”

    “เปิดดูก่อนมั้ยมึง ไม่ใช่ว่าหมดอายุพรุ่งนี้นะ จะได้เอาไปให้เลย” มีนรับกล่องที่เม่นยื่นให้ก่อนทั้งสองคนจะช่วยกันแกะกล่อง ซึ่งก็เป็นไปตามที่ทั้งสองคนคิดจริงๆ ข้างในเป็นพวกขนมบราวนี่ คุกกี้ และขนมอบแปลกๆอีกสามสี่อย่าง

    “แบบนี้คงต้องเอาไปให้แมนเร็วๆแล้วล่ะ ถ้าเป็นขนมอบแบบนี้ไม่น่าจะเก็บได้นานอ่ะ” มีนว่า เม่นพยักหน้าเห็นด้วยก่อนหันมาถามผม

    “ฝากพี่รักษ์เอาไปให้ได้มั้ยวะปอนด์”

    “ได้อยู่หรอก แต่มันก็ต้องพรุ่งนี้เลยนะ”

    “มันจะไม่ดีรึเปล่า พวกเราเอาไปให้ที่คณะเลยก็ได้นี่” มีนเสนอความคิด เหมือนตั้งแต่ไปนั่งถลุงคริสปี้ครีมที่โต๊ะพวกพี่แมนวันนั้น ไอ้มีนกับไอ้เม่นก็รู้สึกกระดี้กระด้าในการไปคณะวิศวะจนผมสังเกตได้

    “มึงอยากไปหาของฟรีแดกก็บอก” ผมว่า “กูเคยเห็นพวกมึงแกล้งเมินพัสดุของพี่แมนเป็นอาทิตย์”

    “อย่าหลุดปากเรื่องนี้ไปเชียว” เม่นจุ๊ปากเบาๆก่อนทำท่าขนลุก “ทุกวันนี้แมนยังเข้าใจว่าเป็นความผิดของไปรษณีย์อยู่ นึกถึงวันที่แมนโมโหจนยอมแดกขนมหมดอายุแล้วกูยังสยองไม่หาย”

     

    และแม่งก็เป็นไปตามคาดจริงๆ ผมโดนแฝด(เทียม)นรกนี่ลากมาหาพี่ชายมันจนได้ เอาตรงๆใจผมก็อยากมาด้วยหน่อยๆ อยากเห็นเหมือนกันว่าช่วงนี้มันจะยุ่งอะไรกันนักหนา

    และก็เหมือนว่าช่วงนี้ผมจะดวงดีเหลือเกินเหมือนกัน พอมาถึงคณะก็เจอไอ้พวกพี่ๆสุดหล่อนั่งหูดำแซวน้องผู้หญิงปีหนึ่งกันแบบคึกคะนองจนเห็นแล้วอยากจะถลาตัวเข้าไปตบหัวให้ทิ่ม! อย่าได้บอกใครเชียวนะว่าพวกกูกับพวกพี่มันรู้จักกัน น่าอายชิบหาย ขนาดน้องผู้ชายน่าตาน่ารักพวกมันยังไม่เว้น ผมนี่ตัดคะแนนจิตพิสัยไอ้พี่รักษ์แบบเหี้ยนแทบไม่เหลือตอ

    พวกผมสามคนยืนมองพวกพี่ชายของตัวเองเงียบๆอยู่ตรงมุมอาคาร คือจากลักษณะแล้วน่าจะเป็นการพักสันทนาการเตรียมตัวเข้าประชุมเชียร์ต่อหรืออะไรซักอย่างนั่นแหละครับ แต่ก็นะ เปิดหูเปิดตาสุดๆ ไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งจะได้เห็นมุมที่รับไม่ได้ของพี่รักษ์แบบนี้ สัมผัสได้เลยว่าหน้าตัวเองชาไปแถบหนึ่งเลยทีเดียว

    “มีธุระอะไรรึเปล่าครับ” หนึ่งในคนที่ยืนดูแลพวกน้องๆที่ยืนอยู่ใกล้ๆพวกผมถามขึ้น ดูจากสัญลักษณ์เกียร์ประจำรุ่นที่หน้าอกก็ทำให้รู้ว่าเป็นปีสองเหมือนกันกับพวกผม “มาหาใครรึเปล่า”

    “มาหาพี่แมนครับ เรียกให้เราหน่อยได้มั้ย” มีนบอก เห็นผู้ชายคนนั้นพยักหน้าหน่อยๆก่อนวิ่งไปสะกิดพี่แมนที่ยืนยิ้มๆอยู่ในกลุ่มคนที่ยืนเด่นอยู่ข้างหน้าแล้วกระซิบอะไรบางอย่างแล้วชี้มาทางพวกผม

    ทันทีที่พี่แมนมองมาทางพวกเราจากไอ้ที่ยิ้มๆขำๆตามเพื่อนเมื่อกี้คือกลายเป็นยิ้มแข็งค้างไปเลยครับ เหอะๆ ผมไม่อยากจะหันไปมองหน้าเพื่อนทั้งสองคนที่อยู่ตรงข้างๆเลยว่าพวกมันกำลังทำหน้ายิ้มสยองแบบไหนใส่พี่แมนอยู่ เพราะแค่ไม่ได้หันไปมองแต่แค่ยืนอยู่ข้างๆก็สัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิตขนาดนี้ บายครับพี่ ผมแผ่เมตตาให้ในใจตอนนี้ซักสองบทยังได้

    พี่แมนที่ทำท่าจะเดินมาชะงักหน่อยๆก่อนหันไปสะกิดพี่รักษ์ที่กำลังรับส่งมุกแซวสาวกับพี่ธันวาและพี่โด่ง พอพี่แมนชี้มาทางพวกเราเท่านั้นแหละ...รู้เลยนะครับว่าเมื่อกี้ไอ้มีนกับไอ้เม่นมันทำหน้าแบบไหน

    หน้าแบบกูตอนนี้ไง ...หึ ดูดิ๊ เดี๋ยวพี่มันเดินมาแล้วจะพูดอะไรเป็นอย่างแรก

     

    ************************************************************


    “เคยสอนแล้วใช่มั้ยว่าอย่าไปแซวน้องปีหนึ่ง!

    “พี่ไม่ได้แซวเลยนะ!

    “เมื่อกี้พวกน้องยืนดูอยู๋ ถึงแมนจะไม่ได้แซวแต่ก็ชงซะเละเป็นโจ๊กเลย ลูกรับดีจริงๆ!

    “ก็เขาบอกว่าให้สร้างบรรยากาศตลกๆ ขำๆ”

    “แต่ต้องไม่ใช่การแซวน้องๆ มันน่าอายรู้มั้ย?! ถ้าใครถามไม่ต้องมาบอกเลยนะว่าเป็นพี่น้องกัน สอนกี่ทีไม่รู้จักจำ ทำตัวเป็นเฒ่าหัวงูไปได้ยังไง น่าอายจริงๆ”

    “หื้ออออออ พี่ขอโทษษษษ”

              เหอะๆ ผมกับพี่รักษ์มองเม่นที่ยืนบ่นพี่แมนยาวโดยมีมีนพยักหน้าเห็นด้วยอยู่ข้างๆด้วยความรู้สึกหลากหลาย หลายๆครั้งอยากจะลุกขึ้นปรบมือให้กับการสอนสั่งของบ้านนี้จริงๆ

    “ที่แซวอ่ะ ไม่ได้คิดอะไรจริงๆนะ” อยู่ๆพี่รักษ์ที่นั่งอยู่ข้างๆผมก็พูดขึ้น

    “อะไร?

    “เมื่อกี้ไง...พวกกูแค่แซวสร้างบรรยากาศแค่นั้นเอง”

    “แต่บางคนเขาอาจไม่ชอบป่ะวะพี่”

    “งั้นวันหลังจะไม่ทำอีก โอเคมั้ยครับ”

    “พี่พังที่เม่นพูดไว้เลยนะ ผมคิดแบบพวกนั้นจริงๆ” ผมว่า คือถ้าผมกล้ากว่านี้ซักสามสิบเปอร์เซ็นต์ผมคงยืนบ่นพี่รักษ์แบบนั้นแล้วอ่ะ แต่ตอนนี้ยังมีความเกรงใจอยู่

    “เข้าใจแล้วๆ ...ทีนี้เลิกทำหน้ายิ้มเย็นแบบนี้ใส่กันได้รึยัง”

    “ผมทำหน้าแบบนั้นตรงไหน”

    “ตรงนี้ไง” พี่รักษ์ยื่นนิ้วมาจิ้มแก้มผมเบาๆ ผมสะดุ้งตกใจจนพวกพี่แมนแลพี่คนอื่นถึงกับหันมามอง ไม่คิดว่าพี่รักษ์จะเล่นแบบนี้กับเขาด้วย

    พี่รักษ์แค่ขำหน่อยๆก่อนลุกขึ้นยืนแล้วหันไปถามพวกพี่ปีสี่คนอื่นๆที่อยู่แถวนั้นเสียงค่อนข้างดัง “ใครจะเอาน้ำอะไรบ้าง? กูจะไปซื้อขนมมาเซ่นกุมารทองแถวนี้หน่อย”

    “กูไปด้วย” พี่แมนพูดเสียงอ่อน “รักยมบ้านกูก็จะแดกหัวกูแล้วเหมือนกัน”

    อย่าให้ผมบรรยายถึงหน้าของรักยมของพี่แมนเลย ผมหันไปมองยังหลุดขำออกมาแบบอดไม่ได้ พี่รักษ์ที่เพิ่งเรียกผมว่ากุมารทองก็โดนยกโทษให้ไปโดยปริยาย


    ผมไม่แปลกใจเลยจริงๆที่แฟนของมีนและเม่นดูจะไม่ห่วงและค่อนข้างปล่อยทั้งคู่มากจนเมื่อก่อนผมและพวกเพื่อนคนอื่นสงสัย ว่าพวกมึงดูจะเป็นอิสระซะเหลือเกิน ทั้งๆที่รักระยะค่อนข้างไกลและความน่ารักของแฝด(เทียม)ผีที่ไม่ใช่น้อยนั้นน่าจะเป็นจุดที่ทำให้อีกฝ่ายโคตรหวงและห่วง

    ที่แท้ก็เพราะแฟนๆมันรู้ไงครับ ว่าแค่มีพี่แมน แฟนมันก็ปลอดภัยเหมือนไข่นกกระทาที่อยู่ในหินหนักหลายสิบตัน ผมสังเกตมานานแล้วว่าเวลามีนกับเม่นมาที่คณะวิศวะที่มีผู้ชายมากๆที่ไร จะมีสายตาจากหลายๆคนมองมาอยู่เสมอ พี่แมนก็จะแจกรอยยิ้มกลับไปทันทีที่เห็นพร้อมลากน้องๆของตัวเองไปอยู่ด้านหลัง บางคนที่จ้องหนักๆพี่แมนก็เดินไปแจกยิ้มถึงที่โต๊ะคนนั้นเลยก็มี

    หลังๆมาเหมือนว่าไอ้ความหวงน้องนี่จะเริ่มกลายเป็นโรคติดต่อ เหมือนพี่ๆคนอื่นก็เริ่มที่จะทำหน้าที่แทนพี่แมนบ้างตอนที่เจ้าตัวไม่สะดวก ไม่ต้องยกตัวอย่างไกลตัวเลย ล่าสุด ไอ้พี่รักษ์...

    “กูว่าไอ้ต้องปีสองมันมองน้องมึงมาหลายรอบละว่ะ”

    “ไหน คนไหน”

    “คนนั้นไง...ไอ้ต้องเครื่องกลปีสองไง”

    “เชี่ย มองจริงๆว่ะ จ้องแบบนั้นไม่เห็นหัวพี่ชายอย่างกูที่นั่งตรงนี้เลยใช่มะ”

    “ไอ้นี่ชื่อเสียงเรื่องรักๆใคร่ๆไม่ดีด้วยนะมึง”

    “ไม่ได้ๆ แบบนี้กูต้องไปดัก”

    “เดี๋ยว!

    “ทำไมวะ”

    “กูจัดการให้มึงเอง!

     เพื่ออะไร! กูถามหน่อยครับว่าเพื่ออะไร! ผมที่แอบนั่งเสือกบทสนทนาระหว่างไอ้พี่รักษ์กับพี่แมนนี่ถึงกับอยากวิ่งไปดึงพี่รักษ์ให้มันกลับมานั่งเลยครับ คือถ้าพี่แมนแกเป็นคนไปอาละวาดมันก็สมเหตุสมผลไงครับ เพราะที่ไอ้คนชื่อต้อมมันมองน่ะคือน้องพี่แมนเขา แต่ถ้าพี่มึงไปเนี่ยมันใช่มั้ย?!

    “เห้ย! ขอบใจมากว่ะเพื่อน แต่เดี๋ยวกูจัดการเองดีกว่า แม่งจ้องน้องกูแบบไม่ให้เกียรติกูเลย” อ่าครับ...ถึงผมจะผิดหวังนิดหน่อยเพราะคิดว่าพวกพี่จะช่วยกันหยุดเพื่อนตัวเองก็เถอะนะ 

    “งั้นไปพร้อมกันกับกู” เอ้า! เขาแค่มองนะเว้ยพี่

    “...อย่าบอกนะว่ามึงเริ่มชอบน้องๆกูแล้วเหมือนกัน” ...

    “เหอะ! ไอ้ห่าต้อมนี่แหละที่มันขอจีบปอนด์กลางไลฟ์สดพวกเรา ก่อนมองน้องมึงมันก็มองปอนด์มาซักพักละ”

    “งั้นไป!

    เชี่ยเอ๊ยยยยยยย! กูแผ่เมตตาให้มึงล่วงหน้าเลยแล้วกันต้อม!!!



    ***********************************************

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×