คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #29 : ยกที่26 : พี่รักษ์ที่ทุกคนไม่รู้จัก
พี่รักษ์ที่ทุกคนไม่รู้จัก
“กูขอคุยกับปอนด์สองคนได้มั้ย”
หนึ่งที่ได้ยินพี่รักษ์พูดอย่างนั้นก็ได้แต่เหลือบมามองผมหน่อยๆ
พอมันเห็นผมพยักหน้าบอกไม่เป็นไร มันก็ขอตัวเดินเข้าบ้านไปก่อน
ทันทีที่หนึ่งปิดประตูบ้าน
บรรยากาศหน้าบ้านก็เปลี่ยนไปทันที
ผมมองพี่รักษ์ที่เปลี่ยนมานั่งไขว่ห้างแล้วเท้าคางมองมาทางผมยิ้มๆ
เหมือนจะปกติ
แต่ผมสามารถสัมผัสได้ว่าคนตรงหน้ากำลังโกรธหรือกำลังไม่พอใจมากแน่ๆ
“วันนี้ไปเที่ยวที่ไหนมาบ้างเหรอ”
พี่รักษ์ถามโดยยังคงใบหน้ายิ้มน้อยๆนั้นไว้อยู่ ผมเพิ่งรู้ตัวว่ามันค่อนข้างทำให้ผมผวาก็ตอนที่อยู่ดีๆหลังผมก็ไปชนกับกำแพงหน้าบ้านซะแล้ว
ผมถอยหลังหนีโดยไม่รู้ตัวซักนิด!
“...ไปเที่ยวแม่กำปองกับไปหาอะไรกินมา...ครับ”
“พี่ว่าพี่ไม่ได้คิดไปเองนะว่าเรากำลังหลบหน้าพี่”
ถึงตรงนี้ ผมเห็นพี่รักษ์ขมวดคิ้วหน่อยๆ
“วันสองวันมานี้มีอะไรที่พี่ไม่รู้เกิดขึ้นบ้างรึเปล่า”
“...ไม่มีครับ”
ผมตอบ ยิ่งพี่รักษ์อ่อนโยนมากขึ้นเท่าไหร่ ยิ่งน่ากลัวมากขึ้นเท่านั้น
ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากให้พี่รักษ์ตะคอกหรือตะโกนใส่หน้าผมไปเลยยังจะดีซะกว่า
ผมคงจะระบายความอัดอ้นทั้งหมดออกไปอย่างง่ายดาย ไม่เหมือนตอนนี้
...ที่มันกลายเป็นว่าคนที่ทำผิดคือผม
“แล้วทำไมวันนี้ต้องหนีพี่ด้วยล่ะ
ทั้งๆที่ปอนด์ก็เห็นว่าพี่มารออยู่ด้วยซ้ำ” แสดงว่าเมื่อตอนกลางวันพี่รักษ์เห็นผม!
ผมมองคนตรงหน้าที่เดินเข้ามาใกล้ผมก่อนคว้ามือผมขึ้นไปจับเล่น
“...คราวนี้ปอนด์ตอบพี่ได้รึยัง ว่าทำไมปอนด์ต้องหลบหน้าพี่ด้วย”
“...พี่รักษ์กำลังทำให้ผมกลัวนะครับ”
“ถ้าบทสนทนาระหว่างเรายังวนอยู่แค่นี้
พี่จะโมโหจริงๆแล้วนะ...ปอนด์รู้ใช่มั้ยครับ?”
ริมฝีปากของพี่รักษ์แตะลงเบาๆบนฝ่ามือของผม
ผมที่ไม่คิดว่าคนตรงหน้าจะทำแบบนี้ก็ตกใจกระชากมือกลับ
แต่กลายเป็นว่าอีกฝ่ายไม่ปล่อยให้เป็นแบบนั้น
พี่รักษ์จับมือผมไว้แน่นไม่ยอมปล่อยจนผมเผลอครางออกมาด้วยความเจ็บ
และดูเหมือนเจ้าตัวจะเพิ่งรู้ตัวว่าออกแรงมากเกินไปจึงเริ่มผ่อนแรงลงจนผมสัมผัสได้
ผมถอนหายใจสียงดัง บอกตรงๆว่าผมก็รำคาญตัวเองเหมือนกัน ผมไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนไม่ว่าจะกับใคร
สุดท้ายแล้วการคุยกันตรงๆคงเป็นแนวทางที่ดีที่สุดอยู่ดี
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครเหรอครับ”
“...อันนี้ก่อนจะตอบพี่คงต้องถามปอนด์ก่อน
ว่าปอนด์ถามพี่ในฐานะอะไร” พี่รักษ์ยกยิ้มมุมปากนิดๆ เหมือนเจอเรื่องให้ได้ต่อรอง
โดยที่ตัวเองเป็นฝ่ายได้เปรียบ
“ฐานะ?
ขอคำขยายหรือยกตัวอย่างคำว่าฐานะหน่อย”
“ฐานะผู้ชายคนหนึ่งที่สนใจฟ้า
หรือ...” พี่รักษ์พูดค้างไว้แค่นี้ก่อน ยื่นหน้าเข้ามาก่อนซิบประโยคถัดไปข้างๆหูผม
“ฐานะคนที่ใส่ใจเรื่องของพี่”
“อันหลังนี่หมายถึงฐานะคนที่อยากเสือกเรื่องของพี่?
อันนี้ผมว่าเป็นกันครึ่งมหาลัยได้อ่ะ” ...ขอโทษครับ ขอโทษ
บรรยากาศไม่น่ากวนตีนแท้ๆ แต่แม่งอดใจไม่ไหวจริงๆ
ใครใช้ให้ไอ้พี่รักษ์เสือกใช้คำพูดให้ชวนคิดไปในทางนี้วะ เชดแม่ม พี่มันนิ่งไปเลยครับ
เหมือนพี่รักษ์แม่งกำลังพยายามกลั้นขำอยู่
แน่สิ
อย่าขำออกมาเชียวนะ มึงเสือกเก๊กไว้ตั้งแต่ต้นตอน
ถ้าอยากเป็นพระเอกให้รอดก็ช่วยเก๊กไปให้จบ หรือไม่ก็หาทางลงดีๆหน่อยเถอะ
ตั้งแต่เปิดตัวกันมายังไม่มีตอนไหนที่เจอกันแล้วจะให้บรรยากาศซีรี่ย์เกาหลีมาก่อน
ถ้าพี่มึงหลุดขำตอนนี้จากบรรยากาศกรุงโซลจะกลายเป็นแลนด์ดิ้งลงดอนเมืองทันทีเลยนะ
“เชี่ย...
หมดมู้ดสัด พอๆ” นั่นไง
“สรุปน้องที่ชื่อฟ้านั่นเป็นใคร”
ผมถามย้ำ “หรือตอบไม่ได้ ตอบไม่ได้ก็ค่อยคุยพรุ่งนี้นะ ผมง่วง”
“ดุจังวะ หึๆ
ทำไม?
หึงกูเหรอ?” พี่รักษ์พูดขำๆพร้อมจูงมือผมไปนั่งบนขั้นบันไดหน้าประตูบ้าน
“...ไม่ได้หึงโว้ย
มีแต่คนมาถามผมแต่ผมตอบไม่ได้ เออ...อยากเสือกด้วยแหละ ไม่ได้เหรอ?” อันนี้คือกล้าตอบแบบเชิดหน้าชูตาเลย
การเสือกไม่ใช้เรื่องผิดศีลธรรม
“ไรว้า กูอยากให้มึงหึงแท้ๆ”
“...หะ?”
“ถามตรงๆนะครับน้องปอนด์
นี่มันยังไม่ชัดเจนพออีกเหรอวะว่าพี่ชอบมึง”
ลำบากใจว่ะ...
ผมพลิกตัวไปมาบนเตียงจนไอ้หนึ่งที่นอนอยู่ข้างเอาตีนมาสะกิดตูดผมเบาๆ
เป็นการเตือนว่าถ้ามึงยังดิ้นต่อไป มันจะไม่จบอยู่ที่การสะกิดแบบครั้งนี้แน่ๆ
เมื่อกี้พอไอ้พี่รักษ์เห็นผมอึ้งจนกู่ไม่กลับมันก็ได้แต่ส่ายหัวปลงๆก่อนปล่อยผมขึ้นมา
ยังดี(มากๆ)ที่ก่อนไปพี่มันยังไม่ลืมเมนหลักของการคุยครั้งนี้ มันทิ้งท้ายไว้ว่า
“ฟ้าเป็นลูกพี่ลูกน้องกูเอง มันลังเลใจว่าจะเรียนที่นี่หรือที่กรุงเทพ
ช่วงนี้เลยมาปรึกษากูบ่อยๆ ให้กูช่วยพาเดินดูมหาลัย ...ถ้ามึงไม่เชื่อ
มึงไปถามคนที่บ้านกูก็ได้ เดี๋ยวพรุ่งนี้กูพาไปถามเลย”
เชื่อแล้วครับ
จบเรื่องแบบกูแทบจะกราบตีนไอ้พี่รักษ์ เพราะพี่แม่งเดินจากไปแบบหน้าเหนือมาก
เหมือนว่ายกนี้มันชนะผมแบบไม่เห็นฝุ่น ซึ่งกูก็ยังนึกไม่ออกว่ากูแข่งอะไรกับมันอยู่
เวรจริงๆ
ผมกำลังปวดหัวว่าสถานการณ์มันเหมือนกำลังเป็นไปในทางที่ดีและเลวร้ายพร้อมๆกัน
เอาว่าผมรู้ตัวว่าตัวเองรู้สึกดีกับพี่รักษ์ในระดับที่เกิดความหึงหวงได้
และก็เป็นเรื่องดีมากๆซะด้วยที่พี่รักษ์พูดอย่างตรงไปตรงมาว่าคิดไปในทางเดียวกันกับผม
แต่คุณเอ๋ย
การคบกับผู้ชายมันไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น
พอรู้ตัวว่าอาจจะได้คบกับผู้ชายด้วยกันสมองผมก็ดันคิดเตลิดไปในทางที่ไม่ดีไปซะแล้ว
ผมไม่ใช่พวกมองโลกในแง่ดีหรือชอบเข้าข้างตัวเอง
เห็นๆกันอยู่ว่าถ้าผมกับพี่รักษ์คบกัน ใครมันจะเป็นฝ่ายเสียที่ดินหลังบ้าน!
เชื่อเอ๊ย
แค่คิดก็ปวดหัวใจไปยันหัวนม
“นี่มึงเครียดเรื่องที่กูพูดเมื่อวานถึงขั้นนอนไม่หลับเลยเหรอวะ”
พี่รักษ์พูดเสียงสูงทันทีที่เห็นหน้าผมในตอนเช้า
ทำท่าเหมือนตกใจที่เห็นหน้าโทรมๆของผมเสียเต็มประดา ทั้งที่เด็กสามขวบมองหน้ามันยังดูออกว่าพี่มันกำลังสนุกกับการแซวผมสุดๆ
“ไม่ใช่เรื่องนั้น”
ผมตอบหน้าเอือม “แต่ก็ไม่เชิง”
“กูชัดเจนขนาดนี้
มึงเครียดอะไรนักหนา” มือหนาของพี่รักษ์ขยีหัวของผมซะจนผมที่หวีมาแล้วกระเซิงจนผมรู้สึกได้
“วันนี้แวะกินโจ๊กหลังม.นะ มึงต้องกินของอ่อนๆอ่ะ”
...แม่งก็เป็นซะแบบนี้อ่ะ
ดีจนใจบาง ละแบบนี้กูจะถอนความรู้สึกยังไงวะ
อยากบอกพี่ชิบหายเลยว่ะ
ว่ากูเครียดเพราะมึงชัดเจนนี่แหละ
...ยิ่งมึงชัดเจน
ชะตากรรมในอนาคตของกูก็ยิ่งชัดเจนเหมือนกัน ว้อยยยยย!
ข่าวลือเกี่ยวกับพี่รักษ์และน้องฟ้าถูกลือกันไปต่างๆนาๆ
และเหมือนจะเริ่มซาเพราะทุกคนหันมาสนใจกับกิจกรรมที่กำลังจะจัดขึ้นเร็วๆนี้แทน
‘รับน้องขึ้นดอย’
รับน้องขึ้นดอยเป็นกิจกรรมที่มาแรงแซงทุกเรื่องราวในมหาลัยจนน่าตกใจจริงๆ
ซึ่งผมก็เข้าใจนะ ตอนปีหนึ่งผมตื่นเต้นจนนอนแทบไม่หลับเลยแหละ
พอปีสองความรู้สึกอาจจะเบาบางลงก็จริงแต่มันก็ยังทำให้พอจะใจสั่นๆลุ้นๆไปกับพวกน้องๆเหมือนกัน
เพราะปีสองจะได้เดินขึ้นและเดินลงทั้งสองอย่างเลยไงล่ะ
ผมกับเม่นและมีนไปวิ่งรอบมหาลัยเป็นการวอมแทบทุกเย็น ไอ้หนึ่งที่อยู่ชมรมกีฬามีซ้อมอยู่ประจำเลยไม่ค่อยกังวลเรื่องความฟิตของร่างกายซักเท่าไหร่
ส่วนไอ้บาสกับไอ้กุล...
คณะวิศวะแม่งขึ้นชื่อเรื่องนี้มากครับ
คณะนี้ต้องวิ่งตลอดเส้นทางจึงต้องฝึกกันแบบเคร่งๆหน่อย บาสกับกุลอยู่ปีสองจึงต้องดูแลน้องอย่างใกล้ชิดมันสองตัวกลับมาด้วยสภาพผีดิบแทบทุกคืนจนพวกผมได้แต่เป็นห่วง
และก็ทำได้แค่ซื้อของกินเข้าบ้านไว้ให้พวกมันได้กลับมากินในตอนดึกแทน
ส่วนพี่รักษ์
...กินข้าวเช้าด้วยกันทุกวันนั่นแหละครับ แต่หลังจากนั้นก็จะหายไปจากสารระบบเลย
จะโผล่มาอีกทีก็ตอนเช้าวันรุ่งขึ้นตอนมารับไปกินข้าวนั่นแหละ
ตอนแรกก็ไม่สบายใจหน่อยๆ
อยู่ดีๆก็มาบอกว่าช่วงนี้ให้กลับกับพวกมีนก่อน
พอถามไปถามมากับมีนและเม่นถึงได้รู้ว่าพี่แมนเองก็หายไปเหมือนกัน
เราสามคนเลยเข้าใจกันเงียบๆว่าปีสี่วิศวะคงยุ่งไม่น้อย
“พัสดุของแมนมาส่งที่บ้านอีกแล้วว่ะ”
เม่นเขย่ากล่องไปมาก่อนยกกล่องขึ้นมาดมหน่อยๆ “ขนมคลีนที่แมนชอบสั่งแน่เลย
จำชื่อร้านได้”
“แต่ช่วงนี้ติดต่อแมนไม่ได้นี่
ทำไงอ่ะ” มีนพูดเสริม
เหมือนพี่แมนจะชอบมีปัญหากับการตอบแชทหรือรักโทรศัพท์จนเป็นที่รู้กันในวงคนสนิท “ถ้าไม่ตอบเกินสามวันเราก็กินเลยดีป่ะ”
“ดีอยู่”
เม่นตอบ “แต่เหมือนช่วงนี้แมนมันบ่นๆว่าอยากกินขนมเพราะเครียดเรื่องทำโปรเจคจบ
อยากกินอะไรเล่นคลายเครียด อันนี้คงต้องเอาไปให้แมนแหละ
เรารอรอบหน้าให้แมนสั่งเผื่อละกัน”
“เปิดดูก่อนมั้ยมึง
ไม่ใช่ว่าหมดอายุพรุ่งนี้นะ จะได้เอาไปให้เลย” มีนรับกล่องที่เม่นยื่นให้ก่อนทั้งสองคนจะช่วยกันแกะกล่อง
ซึ่งก็เป็นไปตามที่ทั้งสองคนคิดจริงๆ ข้างในเป็นพวกขนมบราวนี่ คุกกี้ และขนมอบแปลกๆอีกสามสี่อย่าง
“แบบนี้คงต้องเอาไปให้แมนเร็วๆแล้วล่ะ
ถ้าเป็นขนมอบแบบนี้ไม่น่าจะเก็บได้นานอ่ะ” มีนว่า
เม่นพยักหน้าเห็นด้วยก่อนหันมาถามผม
“ฝากพี่รักษ์เอาไปให้ได้มั้ยวะปอนด์”
“ได้อยู่หรอก
แต่มันก็ต้องพรุ่งนี้เลยนะ”
“มันจะไม่ดีรึเปล่า
พวกเราเอาไปให้ที่คณะเลยก็ได้นี่” มีนเสนอความคิด
เหมือนตั้งแต่ไปนั่งถลุงคริสปี้ครีมที่โต๊ะพวกพี่แมนวันนั้น
ไอ้มีนกับไอ้เม่นก็รู้สึกกระดี้กระด้าในการไปคณะวิศวะจนผมสังเกตได้
“มึงอยากไปหาของฟรีแดกก็บอก”
ผมว่า “กูเคยเห็นพวกมึงแกล้งเมินพัสดุของพี่แมนเป็นอาทิตย์”
“อย่าหลุดปากเรื่องนี้ไปเชียว”
เม่นจุ๊ปากเบาๆก่อนทำท่าขนลุก
“ทุกวันนี้แมนยังเข้าใจว่าเป็นความผิดของไปรษณีย์อยู่
นึกถึงวันที่แมนโมโหจนยอมแดกขนมหมดอายุแล้วกูยังสยองไม่หาย”
และแม่งก็เป็นไปตามคาดจริงๆ
ผมโดนแฝด(เทียม)นรกนี่ลากมาหาพี่ชายมันจนได้ เอาตรงๆใจผมก็อยากมาด้วยหน่อยๆ
อยากเห็นเหมือนกันว่าช่วงนี้มันจะยุ่งอะไรกันนักหนา
และก็เหมือนว่าช่วงนี้ผมจะดวงดีเหลือเกินเหมือนกัน
พอมาถึงคณะก็เจอไอ้พวกพี่ๆสุดหล่อนั่งหูดำแซวน้องผู้หญิงปีหนึ่งกันแบบคึกคะนองจนเห็นแล้วอยากจะถลาตัวเข้าไปตบหัวให้ทิ่ม!
อย่าได้บอกใครเชียวนะว่าพวกกูกับพวกพี่มันรู้จักกัน น่าอายชิบหาย
ขนาดน้องผู้ชายน่าตาน่ารักพวกมันยังไม่เว้น
ผมนี่ตัดคะแนนจิตพิสัยไอ้พี่รักษ์แบบเหี้ยนแทบไม่เหลือตอ
พวกผมสามคนยืนมองพวกพี่ชายของตัวเองเงียบๆอยู่ตรงมุมอาคาร
คือจากลักษณะแล้วน่าจะเป็นการพักสันทนาการเตรียมตัวเข้าประชุมเชียร์ต่อหรืออะไรซักอย่างนั่นแหละครับ
แต่ก็นะ เปิดหูเปิดตาสุดๆ
ไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งจะได้เห็นมุมที่รับไม่ได้ของพี่รักษ์แบบนี้
สัมผัสได้เลยว่าหน้าตัวเองชาไปแถบหนึ่งเลยทีเดียว
“มีธุระอะไรรึเปล่าครับ”
หนึ่งในคนที่ยืนดูแลพวกน้องๆที่ยืนอยู่ใกล้ๆพวกผมถามขึ้น
ดูจากสัญลักษณ์เกียร์ประจำรุ่นที่หน้าอกก็ทำให้รู้ว่าเป็นปีสองเหมือนกันกับพวกผม
“มาหาใครรึเปล่า”
“มาหาพี่แมนครับ
เรียกให้เราหน่อยได้มั้ย” มีนบอก เห็นผู้ชายคนนั้นพยักหน้าหน่อยๆก่อนวิ่งไปสะกิดพี่แมนที่ยืนยิ้มๆอยู่ในกลุ่มคนที่ยืนเด่นอยู่ข้างหน้าแล้วกระซิบอะไรบางอย่างแล้วชี้มาทางพวกผม
ทันทีที่พี่แมนมองมาทางพวกเราจากไอ้ที่ยิ้มๆขำๆตามเพื่อนเมื่อกี้คือกลายเป็นยิ้มแข็งค้างไปเลยครับ
เหอะๆ ผมไม่อยากจะหันไปมองหน้าเพื่อนทั้งสองคนที่อยู่ตรงข้างๆเลยว่าพวกมันกำลังทำหน้ายิ้มสยองแบบไหนใส่พี่แมนอยู่
เพราะแค่ไม่ได้หันไปมองแต่แค่ยืนอยู่ข้างๆก็สัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิตขนาดนี้
บายครับพี่ ผมแผ่เมตตาให้ในใจตอนนี้ซักสองบทยังได้
พี่แมนที่ทำท่าจะเดินมาชะงักหน่อยๆก่อนหันไปสะกิดพี่รักษ์ที่กำลังรับส่งมุกแซวสาวกับพี่ธันวาและพี่โด่ง
พอพี่แมนชี้มาทางพวกเราเท่านั้นแหละ...รู้เลยนะครับว่าเมื่อกี้ไอ้มีนกับไอ้เม่นมันทำหน้าแบบไหน
หน้าแบบกูตอนนี้ไง
...หึ ดูดิ๊ เดี๋ยวพี่มันเดินมาแล้วจะพูดอะไรเป็นอย่างแรก
“เคยสอนแล้วใช่มั้ยว่าอย่าไปแซวน้องปีหนึ่ง!”
“พี่ไม่ได้แซวเลยนะ!”
“เมื่อกี้พวกน้องยืนดูอยู๋
ถึงแมนจะไม่ได้แซวแต่ก็ชงซะเละเป็นโจ๊กเลย ลูกรับดีจริงๆ!”
“ก็เขาบอกว่าให้สร้างบรรยากาศตลกๆ
ขำๆ”
“แต่ต้องไม่ใช่การแซวน้องๆ
มันน่าอายรู้มั้ย?! ถ้าใครถามไม่ต้องมาบอกเลยนะว่าเป็นพี่น้องกัน
สอนกี่ทีไม่รู้จักจำ ทำตัวเป็นเฒ่าหัวงูไปได้ยังไง น่าอายจริงๆ”
“หื้ออออออ
พี่ขอโทษษษษ”
เหอะๆ
ผมกับพี่รักษ์มองเม่นที่ยืนบ่นพี่แมนยาวโดยมีมีนพยักหน้าเห็นด้วยอยู่ข้างๆด้วยความรู้สึกหลากหลาย
หลายๆครั้งอยากจะลุกขึ้นปรบมือให้กับการสอนสั่งของบ้านนี้จริงๆ
“ที่แซวอ่ะ
ไม่ได้คิดอะไรจริงๆนะ” อยู่ๆพี่รักษ์ที่นั่งอยู่ข้างๆผมก็พูดขึ้น
“อะไร?”
“เมื่อกี้ไง...พวกกูแค่แซวสร้างบรรยากาศแค่นั้นเอง”
“แต่บางคนเขาอาจไม่ชอบป่ะวะพี่”
“งั้นวันหลังจะไม่ทำอีก
โอเคมั้ยครับ”
“พี่พังที่เม่นพูดไว้เลยนะ
ผมคิดแบบพวกนั้นจริงๆ” ผมว่า คือถ้าผมกล้ากว่านี้ซักสามสิบเปอร์เซ็นต์ผมคงยืนบ่นพี่รักษ์แบบนั้นแล้วอ่ะ
แต่ตอนนี้ยังมีความเกรงใจอยู่
“เข้าใจแล้วๆ
...ทีนี้เลิกทำหน้ายิ้มเย็นแบบนี้ใส่กันได้รึยัง”
“ผมทำหน้าแบบนั้นตรงไหน”
“ตรงนี้ไง” พี่รักษ์ยื่นนิ้วมาจิ้มแก้มผมเบาๆ
ผมสะดุ้งตกใจจนพวกพี่แมนแลพี่คนอื่นถึงกับหันมามอง
ไม่คิดว่าพี่รักษ์จะเล่นแบบนี้กับเขาด้วย
พี่รักษ์แค่ขำหน่อยๆก่อนลุกขึ้นยืนแล้วหันไปถามพวกพี่ปีสี่คนอื่นๆที่อยู่แถวนั้นเสียงค่อนข้างดัง
“ใครจะเอาน้ำอะไรบ้าง?
กูจะไปซื้อขนมมาเซ่นกุมารทองแถวนี้หน่อย”
“กูไปด้วย”
พี่แมนพูดเสียงอ่อน “รักยมบ้านกูก็จะแดกหัวกูแล้วเหมือนกัน”
อย่าให้ผมบรรยายถึงหน้าของรักยมของพี่แมนเลย
ผมหันไปมองยังหลุดขำออกมาแบบอดไม่ได้ พี่รักษ์ที่เพิ่งเรียกผมว่ากุมารทองก็โดนยกโทษให้ไปโดยปริยาย
ผมไม่แปลกใจเลยจริงๆที่แฟนของมีนและเม่นดูจะไม่ห่วงและค่อนข้างปล่อยทั้งคู่มากจนเมื่อก่อนผมและพวกเพื่อนคนอื่นสงสัย
ว่าพวกมึงดูจะเป็นอิสระซะเหลือเกิน ทั้งๆที่รักระยะค่อนข้างไกลและความน่ารักของแฝด(เทียม)ผีที่ไม่ใช่น้อยนั้นน่าจะเป็นจุดที่ทำให้อีกฝ่ายโคตรหวงและห่วง
ที่แท้ก็เพราะแฟนๆมันรู้ไงครับ
ว่าแค่มีพี่แมน แฟนมันก็ปลอดภัยเหมือนไข่นกกระทาที่อยู่ในหินหนักหลายสิบตัน
ผมสังเกตมานานแล้วว่าเวลามีนกับเม่นมาที่คณะวิศวะที่มีผู้ชายมากๆที่ไร
จะมีสายตาจากหลายๆคนมองมาอยู่เสมอ พี่แมนก็จะแจกรอยยิ้มกลับไปทันทีที่เห็นพร้อมลากน้องๆของตัวเองไปอยู่ด้านหลัง
บางคนที่จ้องหนักๆพี่แมนก็เดินไปแจกยิ้มถึงที่โต๊ะคนนั้นเลยก็มี
หลังๆมาเหมือนว่าไอ้ความหวงน้องนี่จะเริ่มกลายเป็นโรคติดต่อ
เหมือนพี่ๆคนอื่นก็เริ่มที่จะทำหน้าที่แทนพี่แมนบ้างตอนที่เจ้าตัวไม่สะดวก
ไม่ต้องยกตัวอย่างไกลตัวเลย ล่าสุด ไอ้พี่รักษ์...
“กูว่าไอ้ต้องปีสองมันมองน้องมึงมาหลายรอบละว่ะ”
“ไหน คนไหน”
“คนนั้นไง...ไอ้ต้องเครื่องกลปีสองไง”
“เชี่ย
มองจริงๆว่ะ จ้องแบบนั้นไม่เห็นหัวพี่ชายอย่างกูที่นั่งตรงนี้เลยใช่มะ”
“ไอ้นี่ชื่อเสียงเรื่องรักๆใคร่ๆไม่ดีด้วยนะมึง”
“ไม่ได้ๆ
แบบนี้กูต้องไปดัก”
“เดี๋ยว!”
“ทำไมวะ”
“กูจัดการให้มึงเอง!”
เพื่ออะไร! กูถามหน่อยครับว่าเพื่ออะไร!
ผมที่แอบนั่งเสือกบทสนทนาระหว่างไอ้พี่รักษ์กับพี่แมนนี่ถึงกับอยากวิ่งไปดึงพี่รักษ์ให้มันกลับมานั่งเลยครับ
คือถ้าพี่แมนแกเป็นคนไปอาละวาดมันก็สมเหตุสมผลไงครับ เพราะที่ไอ้คนชื่อต้อมมันมองน่ะคือน้องพี่แมนเขา
แต่ถ้าพี่มึงไปเนี่ยมันใช่มั้ย?!
“เห้ย!
ขอบใจมากว่ะเพื่อน แต่เดี๋ยวกูจัดการเองดีกว่า
แม่งจ้องน้องกูแบบไม่ให้เกียรติกูเลย”
อ่าครับ...ถึงผมจะผิดหวังนิดหน่อยเพราะคิดว่าพวกพี่จะช่วยกันหยุดเพื่อนตัวเองก็เถอะนะ
“งั้นไปพร้อมกันกับกู”
เอ้า!
เขาแค่มองนะเว้ยพี่
“...อย่าบอกนะว่ามึงเริ่มชอบน้องๆกูแล้วเหมือนกัน”
...
“เหอะ!
ไอ้ห่าต้อมนี่แหละที่มันขอจีบปอนด์กลางไลฟ์สดพวกเรา
ก่อนมองน้องมึงมันก็มองปอนด์มาซักพักละ”
“งั้นไป!”
เชี่ยเอ๊ยยยยยยย!
กูแผ่เมตตาให้มึงล่วงหน้าเลยแล้วกันต้อม!!!
***********************************************
ความคิดเห็น