สถาบันทั้ง ๕ คือ ๑. ต่อสถาบันพ่อแม่ ๒. ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ๓. ต่อสถาบันศาสนา ๔. ต่อสถาบันครูอาจารย์ ๕. ต่อสถาบันเพื่อน รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา
มีผู้ถามเกี่ยวกับที่มาของสำนวน “รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา” ผมเลยไปค้นเกี่ยวกับที่ของสำนวนนี้มาเล่าสู่กันฟังครับผม
สำนวน “รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา” เป็นได้ทั้งสุภาษิตและคำพังเพย เนื่องจากเป็นคำสอนที่ใช้ในเชิงอุปมา พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน ให้ความหมายว่า “ใฝ่ดีจะมีความสุขความเจริญ ใฝ่ชั่วจะได้รับความลำบาก”
คติธรรม - คำพังเพย สุภาษิตโบราณ ให้ความหมาย “รักการเรียน รักการดีต่างๆ ก็จะได้ทำงานดีๆ สบาย ถ้าไม่เอาใจใส่การเรียน ประพฤติแต่สิ่งชั่ว ก็จะต้องทำงานเหนื่อยยากลำบากมากเพราะไร้ความรู้ความดี”
สำนวนนี้เป็นการเปรียบเทียบว่า งานหามจั่วเป็นงานของพวกนายช่าง เพราะจั่วนั้นแม้จะเบาแต่หามยาก เป็นงานสำหรับผู้ใช้สมองมากกว่าแรงกาย ดังนั้นผู้ที่รักและตั้งใจเรียนตั้งใจทำความดี ก็จะได้ทำงานที่ใช้สมองมากกว่าแรงกาย ส่วนงานหามเสานั้น เป็นงานของกรรมกร เนื่องจากเสาหามง่ายแต่หนัก จึงเป็นงานสำหรับผู้ขาดความรู้ ไม่รักการเรียน ต้องใช้แรงกาย จึงเป็นที่มาของสำนวนนี้ด้วยประการฉะนี้ขอรับ
จั่วกับเสา จึงเป็นสิ่งที่มีวิธีที่หามแตกต่างกันไป แต่ถ้าหามไม่เป็นก็ล้มไม่เป็นท่า บ้านเมือง ของเรา ต้องพวกเรานี่แหละ ที่จะช่วยกันรักษา รักษาอะไร รักษาให้เป็นบ้านเมือง รักษาความเป็นชาติ รักษาวัฒนธรรม รักษาความเป็นไทย ที่สำคัญที่สุดรักษาความสามัคคี ปัจจุบันนี้ คนไม่รักกัน ต่างคนต่างยึดถือความเห็นของตนอย่างเหนียวแน่น เหนียวแน่นจนติดแปะแกะไม่ออก เหมือนแมลงที่ไปติดใยแมลงมุน หรือเหมือนนกกระจาบที่ติดตาข่าย ยิ่งดิ้นยิ่งแน่น ยิ่งดิ้นยิ่งรัด ถ้าทุกคนหันหน้าเข้าหากัน ปรึกษากัน เอาความแตกต่างของกันและกัน มาพูดคุยกัน คุยกันอย่างแลกเปลี่ยน ไม่ใช่แลกไม้แลกมือ แลกอาวุธกัน ต้องแลกเปลี่ยนเพื่อหาจุดศูนย์กลาง ถ่วงดุลกัน เพื่อให้เกิดความเท่าเทียม เพื่อให้เกิดปัญญา ปัญญาที่เห็นหลายแง่ หลายมุน อย่ามองเพียงจุดที่ตน ยืนอยู่เท่านั้น ต้องหัน หรือให้ผู้อื่นมาช่วยดูทิศทางอื่น แง่มุนอื่นมาให้ตนด้วย ต้องรับกันให้ได้ เมื่ออยู่ร่วมกัน เหมือนสามีภรรยา ถ้ายังไม่ได้เป็นสามีภรรยากัน อาจจะไม่รู้ ไม่เห็น สิ่งที่เป็นของตน เมื่อมาอยู่ร่วมกัน ต้องเห็นตนและเห็นเมียตนให้ได้ เมื่อนั้นปัญหาความแตกแยกก็จะไม่มี เหมือนปัญหาภาคใต้ในขณะนี้ก็เช่นเดียวกัน ถ้าให้แต่อีกฝ่ายเห็นอีกฝ่ายโดยไม่เห็นตน หรือเห็นแต่ตนไม่เห้นอีกฝ่าย ก็ไม่มีทางจะสงบสุจขไปได้เลย |
ที่มา : แว่วมา กับเสียงธรรม(พระมหาสถาพร)
|
ความคิดเห็น
ทรงโอบเอื้อ ชาวประชาที่ยากไร้และทุกข์เข็น
ทรงเหน็จเหนื่อยพระวรกายตรากตรำแสนลำเค็น
ทุกหยาดเหงื่อที่หยดนี้เพื่อชาวไทย
Gangkaitia "รักในหลวง"