NuT_N
ดู Blog ทั้งหมด

เล่าเรื่องเมืองทอง2

เขียนโดย NuT_N

หน้านี้ตอนที่สอง
ตอนที่หนึ่ง จิ้มๆ
http://my.dek-d.com/one-deadly/blog/?blog_id=10178864

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



อมรสิงห์เข้าไปในปราสาท พบศพนางอนุศยินีก็ตกใจ เพราะศพนั้นมีใบหน้าเหมือนนางกนกเรขา อมรสิงห์เข้าใจว่าเป็นนางกนกเรขาที่สิ้นลมไปแล้วก็เสียใจมาก ตกกลางคืนก็รำพึงถึงนางด้วยความอาลัย ครั้นรุ่งสางเมื่อเห็นเงาตนเองที่สกปรกก็ลงสรงในอ่างทองคำ พอโผล่ขึ้นจากน้ำปรากฏว่าตนได้กลับมายังเมืองอินทิราลัย และยังคงมีเสียงป่าวประกาศหาคู่ขององค์หญิงกนกเรขาดังทั่วเมืองอยู่ อมรสิงห์นึกสงสัยเพราะเข้าใจว่านางกนกเรขาตายไปแล้วตามที่ตนเห็นจึงเข้าไปถามความ เมื่อรู้ว่านางยังไม่ตายก็บอกแก่ผู้ป่าวร้องนั้นว่าตนรู้เรื่องเมืองกนกนคร ได้เข้าวังไปพบท้าวชัยทัตอีกครั้งหนึ่ง ท้าวชัยทัตเห็นอมรสิงห์ก็จำได้ว่าเคยโกหกกันมาก่อน อมรสิงห์พยายามหว่านล้อมว่าคราวนี้ตนรู้เรื่องเมืองทองนั้นจริงจนได้เข้าพบนางกนกเรขาอีกครั้ง อมรสิงห์จึงกล่าวแก่นางว่านางกนกเรขายังมีชีวิตอยู่นี้แท้ๆ เหตุใดในเมืองกนกนครนั้นจึงมีศพนางมาตั้งอยู่ได้  
 

นางกนกเรขาได้ยินที่อมรสิงห์กล่าวก็ระลึกจำได้แม้กระทั่งเรื่องตอนเป็นนางอนุศยินี ก็ร้องไห้กอดอมรสิงห์พลางเอ่ยว่าด้วยเคราะห์กรรมในชาติที่แล้วทำให้เราต้องพลัดพรากกัน ถ้าเจอนางอีกครั้งก็จะหลุดวิบากกรรมนี้ ให้ตามหานางให้เจอให้ได้ จากนั้นนางก็ล้มลงขาดใจตาย


ท้าวชัยทัตเห็นพระธิดาสิ้นใจก็ล้มลงสลบไป อมรสิงห์เห็นนางกนกเรขาตายไปต่อหน้าก็เสียใจมาก เที่ยวเซซังพาตัวเองออกจากวังมายังสระน้ำ เมื่อล้มตัวลงนอนก็ยังคงฝันถึงนางอีก ยิ่งเสียใจจนแทบสิ้นสติ ได้แต่เที่ยวระเหเร่ร่อนไปเจอใครก็ได้แต่ถามว่าเห็นนางภริยาข้าไหม


อมรสิงห์เที่ยวตามหานางมาจนถึงป่าใหญ่ก็ล้มลงหมดแรง ขณะนั้นพระอิศวรและพระอุมากำลังเสด็จเที่ยวชมป่า เห็นอมรสิงห์ที่กำลังประสบวิบากกรรมตามคำสาปก็นึกสงสารจึงช่วยเรียกเหล่าสัตว์ป่าและอมนุษย์ที่อาศัยอยู่ในป่ามาบอกกล่าวไม่ให้ทำอันตรายอมรสิงห์และนางกนกเรขาจนถึงแก่ชีวิต ให้ทำได้แต่เพียงหลอกหลอนยั่วเย้าเล่นเท่านั้น


ฝ่ายนางกนกเรขา เมื่อสิ้นชีพก็กลับไปเข้าร่างนางอนุศยินีที่เมืองกนกนคร เมื่อตื่นขึ้นมาไม่พบใครก็เดินออกไปจนถึงทะเล ขณะนั้นมีเรือใบลำหนึ่งแล่นมา หัวหน้าวานิชที่อยู่ในเรือเห็นเกาะเห็นปราสาทสีทอง ทั้งยังมีหญิงสาวยืนอยู่ที่หาดบนเกาะนั้นก็เทียบเรือเข้าฝั่ง เมื่อเห็นนางกนกเรขาก็หลงรัก นางกนกเรขาเล่าเรื่องของตนให้ฟัง ย้ำกับหัวหน้าพ่อค้าว่านางนั้นมีสามีแล้วแต่ได้พลัดพรากกันไป พระบิดาของตนคือท้าวชัยทัตครองเมืองอินทิราลัย หวังจะขอให้หัวหน้าพ่อค้าช่วยพานางกลับไปส่งบ้านเมือง หัวหน้าพ่อค้าได้ยินดังนั้นก็เกรงบารมีท้าวชัยทัต หากใช้กำลังปลุกปล้ำก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ จึงทำทีเชิญนางขึ้นเรือจะพาไปส่งบ้านเมือง แต่แท้จริงจะค่อยๆพะเน้าพะนอให้นางกนกเรขาค่อยๆหลงรักตน ยอมเป็นเมียของตนเอง


เมื่อเรือเทียบฝั่ง หัวหน้าพ่อค้าก็พานางกนกเรขามาอยู่ที่บ้านของตน ข่าวหัวหน้าพ่อค้าได้สาวสวยมากับเรือด้วยก็กระจายไปทั่ว จนทราบไปถึงพระราชาที่ออกมาล่าสัตว์ตั้งพลับพลาอยู่แถวนั้น พระราชาจึงทรงคชสารเดินทางไปยังบ้านของหัวหน้าพ่อค้า เมื่อเจอนางกนกเรขาที่คิดหนีอยู่แล้วก็รับนางกนเรขาขึ้นช้างมาด้วย


พระราชาเห็นนางกนกเรขาก็นึกรัก หวังนำนางไปเป็นสนม แม้นางกนกเรขาจะพยายามอ้อนวอนว่าตนมีสามีแล้วเท่าไหร่ก็ไม่ยอมฟัง เมื่อถึงวังพระราชาจะเข้าร่วมอภิรมย์ด้วยนางกนกเรขา นางก็พยายามบ่ายเบี่ยงโดยทำทีเป้นยินยอมแต่อ้างว่าวันนี้เป็นวันกาลกิณี ให้พระราชาออกว่าราชการเสียก่อนรอจนฤกษ์ดีแล้วค่อยกลับมาหานาง


เมื่อพระราชาออกไปจากห้อง นางกนกเรขาก็ให้สาวใช้พานางไปพบพระมเหสีของพระราชา นางกนกเรขาได้เล่าเรื่องของนางและบอกความต้องการของนางที่ไม่อยากเป็นพระสนมของพระราชาให้ฟัง พระมเหสีเห็นนางกนกเรขาก็เกรงว่าพระสวามีหากได้นางเป็นสนมจริงๆจะหลงนางกนกเรขา ไม่กลับมาไยดีตนอีก จึงช่วยนางกนกเรขาปลอมตัวเป็นไพร่หนีออกจากวัง


นางกนกเรขาหนีเข้าไปในป่า เที่ยวลำบากตรากตรำจนหมดแรงนั่งร้องไห้คร่ำครวญถึงความลำบากของตน  เหล่าสัตว์ร้ายในป่าถูกพระอิศวรกำชับมาก็ไม่ได้เข้าไปทำร้ายนาง แต่พวกภิลล์ซึ่งเป็นชาวป่าออกมาล่าสัตว์ ได้ยินเสียงผู้หญิงร้องไห้ก็ตามเสียงมาจนเจอนางกนกเรขา เหล่าภิลล์หวังจะได้นางต่างเข้าต่อสู้กันแย่งนางกนกเรขา


นางกนกเรขาเห็นพวกคนป่ากรูกันเข้ามายื้อแย่งนาง ทั้งยังก็ฆ่ากันตายเกลื่อนกลาดก็ตกใจกลัววิ่งหนีมา ตกเย็นนางก็หนีมาจนถึงหนองน้ำแห่งหนึ่ง จึงล้มตัวลงนอนหลับไป
แท้จริงแล้วหนองน้ำนั้นเป็นที่ซึ่งนางแทตย์ชอบมาเล่นเป็นประจำ และนางแทตย์ตนนั้นก็เป็นตนเดียวกับที่ล่อหลอกอมรสิงห์


 นางแทตย์เมื่อเห็นหญิงสาวมานอนอยู่ก็เข้าไปปลุกให้ตื่น เห็นนางกนกเรขามีดวงตาดำงดงามก็รู้ว่าเป็นผู้หญิงที่อมรสิงห์เคยกล่าวถึงอย่างแน่นอน จึงแสยะแยกเขี้ยวหลอกนางกนกเรขาให้กลัว แล้วเที่ยวบอกพวกอสูรในป่าจนเจอรากษสเฒ่าที่เคยโดนอมรสิงห์ตัดลิ้น นางอสูรก็บอกแก่รากษสเฒ่าว่าตนเจอคู่รักของอมรสิงห์อยู่ในป่า แม้จะฆ่านางไม่ได้แต่สมควรไปหลอกแก้แค้น


นางกนกเรขาเมื่อเห็นนางแทตย์แสยะแยกเขี้ยวขู่จะทำร้ายก็ตกใจกลัว ร้องไห้วิ่งหนีไปจนไปเจออมรสิงห์ยืนถือพระขรรค์ นางร้องไห้วิ่งเข้าไปกอดด้วยความยินดี แต่ปรากฏว่าอมรสิงห์นั้นกลายร่างเป็นยักษ์หน้าตาน่ากลัวยิ้มแสยะแยกเขี้ยวจะทำอันตรายนาง นางกนกเรขาตกใจกลัววิ่งหนีไปอีก ไปเห็นอมรสิงห์แต่งตัวมอซอนั่งอยู่ ก็เข้าไปถามอย่างกล้าๆกลัวๆ อมรสิงห์เห็นนางกนกเรขาก็เข้าไปกอดปลอบขวัญนาง เมื่อนางกนกเรขาลืมตามองอีกครั้งก็กลายเป้นยักษ์อ้าปากแยกเขี้ยวน่ากลัวอีกก็ตกใจผละกายหนี เที่ยวกระเซอะกระเซิงมองไปทางใดก็มีแต่อมรสิงห์ยืนหัวเราะเยาะเย้ยนางจนนางกนกเรขาล้มลุกคลุกคลานแทบเป็นบ้า


ฝ่ายอมรสิงห์ที่นอนหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อนได้ฝันไปว่าเห็นศพนางกนกเรขาในปราสาททองคำ พอเปิดผ้าคลุมหน้าศพนางกลับกลายเป็นใบหน้าของรากษสไวราคีที่ตนได้ตัดลิ้นไป เมื่อตื่นขึ้นมาได้ยินเสียงกรีดร้อง เห็นนางกนกเรขาก็วิ่งเข้าไปหาพลางร้องเรียก นางกนกเรขาเห็นอมรสิงห์ตัวจริงก็เข้าใจว่าเป็นอสูรแปลงมายิ่งตกใจกลัววิ่งหนีไปอีกจนสะดุดล้มลง ก็มีเสือใหญ่ตัวหนึ่งเข้ามาคร่อมทับนางแยกเขี้ยวขู่เอาไว้ อมรสิงห์เห็นเสือนั้นจะทำร้ายนางก็รีบชักพระขรรค์ฟันเสือหวังฆ่ามันให้ตาย


ปรากฏว่า เสือที่อมรสิงห์ฆ่าไปนั้นเป็นแค่เงาหลอก พระขรรค์ที่ฟันลงไปนั้นตัดหัวนางกนกเรขาตายไปเสียแล้ว อมรสิงห์เมื่อเห็นว่าตนเป็นคนฆ่านางกนกเรขาก็สิ้นเรี่ยวแรงล้มลง


เมื่อนั้นทั้งคู่ก็หลุดพ้นจากคำสาป นางอนุศยินีก็ฟื้นขึ้นมา เข้าปลุกพระสวามีให้ฟื้นขึ้น แล้วทั้งคู่ก็เหาะขึ้นฟ้ากลับไปอยู่ด้วยกันเช่นเดิม


ฝ่ายพระอิศวรเมื่อเห็นพญากมลมิตรและนางอนุศยินีพ้นคำสาป กลับขึ้นมาอยู่ด้วยกันในแดนคนธรรพ์แล้วก็สรวลเสียงดังไกลไปจนถึงเมืองมนุษย์ พวกมนุษย์ก็พากันเข้าใจว่าเป็นเสียงฟ้าร้อง---

 

จบแล้ววววววววววววววววว เย้!!!

ว่าจะย่อให้มันได้สองพาร์ทนะ แต่นี่ ลากยาวมาพาร์ทที่สามกันเลยทีเดียว  -o-

ไม่ได้คิดว่าจะมีใครมาอ่าน แค่อยากเขียนเก็บไว้ แต่จะบอกว่า ใครที่อ่านได้มาจนถึงตอนนี้ อิชั้น นับถือคุณมากๆ T^T

ขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งค่ะ!

ความคิดเห็น

หนิงลี่
หนิงลี่ 16 เม.ย. 57 / 12:24
สนุกมากค่ะ ^_^