ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF/OS] All For GOT7

    ลำดับตอนที่ #4 : [SF] First Kiss - Bnior

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 386
      1
      9 พ.ค. 57

    First Kiss
    Bnior





     

     

     

     

     

     

    เฟิร์สคิส ..

     

    จูบแรก ..

     

    พวกคุณจำจูบแรกของตัวเองได้มั้ย?

    จำรสสัมผัสของจูบนั้นได้รึเปล่า?

     

    เชื่อว่าหลายคนเคยมีจูบแรกกันมาแล้ว

    บางคนมีตั้งแต่ยังไม่จบชั้นประถม

    บางคนมีเมื่อม.ต้น

    บางคนมีตอนม.ปลาย

    บางคนแม้กระทั่งจะจบมหาลัยแล้วยังไม่มี

     

    ผมเองจะจบม.ปลายแล้ว ..

    ประสบการณ์จูบแรกนั้นมีมาตั้งแต่ม.ต้น

    คุณอยากฟังมั้ยล่ะ ..

     

    มาสิ   ผมจะเล่าให้คุณฟัง

    เรื่องจูบแรกของผม

     

     

     

     












     

     

     

    "ร้อนชะมัด ทำไมต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วยว้า"

     

    เสียงบ่นอุบอิบดังมาจากเพื่อนร่วมห้องที่กลายมาเป็นเพื่อนร่วมชะตากรรมในวันที่อากาศร้อนเกินจะทนไหวแต่ต้องมา
    ทำเวรชดเชยเพราะโดดมาตลอดค่อนเทอม

     

     

    "บ่นน่า เอาขยะถุงนี้ไปทิ้งก็เสร็จแล้ว"

     

    ผมชูถุงขยะสีดำเจ้าปัญหาขึ้น อีกชีวิตในห้องแค่พยัก หน้ารับรู้แล้วไปจัดโต๊ะเก้าอี้ต่อ
    ผมเห็นแบบนั้นเลยเอาถุงขยะสีดำไปทิ้งข้างนอก

     

    เพราะจะปิดเทอมฤดูร้อนแล้ว แต่เพราะพวกผมที่โดนมอบหมายให้ทำเวรวันจันทร์นั้นไม่เคยโผล่หัวมาทำเลยตั้งแต่ต้นเทอมจนตอนนี้ผ่านมาค่อนเทอมแล้วจึงได้บทลงโทษเป็นการรับผิดชอบสองคนจากที่ปกติต้องทำทั้งหมดเจ็ดคน ใช่ว่าพวกผมจะโดดกันแค่สองคนทุกคนก็โดดกันหมดแต่เป็นเพราะเฉลี่ยกันออกมาแล้วกลายเป็นพวกผมสองคนนั้นโดดเวรกันเยอะที่สุด เลยได้รับโชคกันวันนี้

     

     

    "แจบอมกลับกี่โมง"

     

    คำถามดังขึ้นเมื่อผมเปิดประตูเข้าไป คนถามนั่งอยู่บนโต๊ะเรียนตำแหน่งของตัวเอง

     

    "แล้วจินยองกลับกี่โมง"

     

    "วันนี้แม่มารับตอนห้าโมงครึ่งอะ"

     

    ผมเหลือบมองนาฬิกาข้อมือ อีกครึ่งชั่วโมงถึงจะเป็นเวลากลับบ้านของเพื่อนร่วมห้องตัวเล็กคนนี้

     

    "เดี๋ยวรอเป็นเพื่อน"

     

    "เห้ย ไม่รบกวนเหรอ"

     

    จินยองตาโตปากเป็นรูปตัวโอ มองดูแล้วตลกดี เหมือนมีวงกลมตัวโอวางไว้สามจุดบนหน้า ที่ตาสองข้างและที่ปากอีกวง

     

     

    ผมยักไหล่ให้แทนคำตอบ สะพายเป้ของตัวเองแล้วกวักมือเรียกจินยองให้ออกไปที่หน้าตึกเรียนด้วยกัน

     

    "แจบอมไม่รีบเหรอ"

     

    "หึ ไม่อะ ไม่รู้จะรีบทำไม"

     

    "แล้วกลับบ้านค่ำพ่อแม่ไม่ว่าเหรอ"

     

    ผมส่ายหัวให้แทนคำตอบ

     

    "อ้าว ทำไมพ่อแม่ไม่ว่าล่ะ"

     

    ดูท่าว่าความสงสัยของเพื่อนคนนี้จะไม่หมดไปง่ายๆสินะ

     

    "ไม่ว่าหรอก ชีวิตใครชีวิตมัน"

     

    "อ่อ"

     

    จินยองพยักหน้ารับรู้ แล้วฮัมเพลงในลำคอเบาๆโคลงหัวตามทำนองไปมาแล้วกระโดดบ้างวิ่งบ้างนำหน้าผมไปเหมือนคนที่ไม่ชอบอยู่นิ่ง ส่วนผมก็ได้แค่ยิ้มขำๆกับเพื่อนร่วมห้องของตัวเองแล้วเดินตามไปอย่างเงียบๆ จินยองเป็นคนร่าเริง สนิทกับทุกคนในห้องได้ง่าย ต่างจากผมที่โลกส่วนตัวออกจะสูงซักหน่อย พูดไม่เยอะเท่าไหร่ หมายถึงพูดออกเสียงน่ะนะ ถนัดแต่พูดในใจซะมากกว่า

     

     

    "หยุดทำไมอะ"

     

    อยู่ๆคนที่เดินนำหน้าก็หยุดกึกตรงบันไดเหมือนมีใครมากดปุ่มพอสไว้  พอผมทักเขาก็หันมาจุ๊ปากใส่ แล้วชี้ไปตรงบันได

     

    ผมลองชะโงกหัวลงไปก็เห็นคู่รักคู่หนึ่งกำลังจูบกันที่บันได ดูเหมือนจะเป็นคู่รักห้องเอบีที่โด่งดังนั่นสินะ ผมไม่ค่อยจะสนใจอะไรเรื่องพวกนี้เท่าไหร่ แต่คงไม่ใช่กับจินยอง เขาดูสนอกสนใจกับเรื่องสองคนนั้นมากทีเดียว ริมฝีปากกลายเป็นรูปตัวโออีกครั้ง ดวงตาก็เบิ่งโตขึ้น จดจ้องกับทุกรายละเอียด ในที่สุดคู่รักคู่นั้นก็เลิกจูบกันแล้วเดินลงบันไดไป จินยองหันมามองหน้าผม ใบหน้ายังไม่หายจากอาการนั้น

     

     

    "โห แจบอมเห็นปะวะ สุดยอดอะ"

     

    "เห็นดิ ก็ยืนดูด้วยกัน"

     

    จินยองพยักหน้าขึ้นลงพลางพูดว่าสุดยอดอะซ้ำอยู่อย่างนั้นตลอดทั้งสามชั้นที่พวกเราเดินลงบันไดมา ผมไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก เพราะถือว่าเป็นเรื่องปกติที่คนรักกันจะต้องกอดจูบกัน แต่คงเร็วไปสำหรับม.ต้นปีสองในความคิดของผู้ใหญ่ แต่ทำใจเถอะครับ เด็กสมัยนี้ก็แก่แดดกันแบบนี้แหละ

     

    "อยากลองมั่งว่ะ"

     

    "หืม?"

     

    ผมที่กำลังจมอยู่กับความคิดตัวเองเงยหน้าขึ้นมาเมื่อจินยองพูดคำอื่นนอกจากสุดยอดว่ะได้แล้ว

     

    "บอกว่าอยากลองจูบบ้าง"

     

    "มีแฟนยัง ถ้ามีแล้วก็ลองกับแฟนไง"

     

    ส่ายหัวพรืดแทนคำตอบจนผมยุ่งเละเทะไปหมด

     

    "ไม่มีแฟนว่ะ แจบอมไม่อยากลองเหรอ"

     

    "ลองอะไร"

     

    "จูบไง"

     

    จินยองพูดกับผม ตาใสๆนั่นทอประกายซุกซนอะไรบางอย่างที่ผมเองก็อ่านไม่ออก แน่ล่ะ เด็กอายุสิบสี่จะไปอ่านแววตาบ้าบอนี่ออกได้ยังไง

     

    ผมหรี่ตามอง จินยองตัวเล็กกว่าผมทั้งที่เราเรียนอยู่ชั้นเดียวกันไหล่แคบกว่าไหล่ผมตั้งเยอะ น้ำหนักก็ดูเหมือนน้อยกว่าผมเป็นเท่าตัว เขาผอมมากจนข้อมือมีกระดูกอะไรซักอย่างโผล่มาอย่าเห็นได้ชัด

     

     

    ผมเดินเข้าไปใกล้คนตัวเล็ก เขาดูตกใจเล็กน้อยที่อยู่ๆผมก็เข้าใกล้เขาอย่างไร้เหตุผล มือข้างที่ถนัดคว้าคอของจินยองเข้ามาใกล้ๆ ประกบริมฝีปากลงบนปากแดงที่เพิ่งจะชวนให้ลิ้มลองมันจากคำพูดของเจ้าตัว ผมสอดลิ้นเข้าไปในโพรงปากของอีกคนตามวิดิโอที่เคยนั่งดูกับพี่ชาย อีกคนให้ความร่วมมือด้วยการเปิดทางให้ผมเข้าไปได้อย่างเต็มที่ ลิ้นของพวกเราพัวพันกันจนแยกไม่ออกแล้วว่าใครกันที่เป็นฝ่ายนำและใครเป็นฝ่ายตาม ดูเหมือนเขาจะพยายามรุกเข้ามาในโพรงปากของผม แต่ผมเองก็ไม่ยอมจะให้เขาเข้ามาได้ มันเป็นความรู้สึกที่ว่าตื่นเต้นก็ไม่เชิง ผมว่ามันเหมือนเกมอะไรซักอย่างที่เราสู้กัน ว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะ

     

     

    ในที่สุดจินยองก็ผลักผมออก เขาดูเหมือนคนที่หายใจไม่พอ พยายามกอบโกยอากาศอย่างหนัก ผมเองก็ไม่ต่างกัน แต่ดูเหมือนว่าเขาจะอาการหนักกว่าแค่นั้น คนตัวเล็กใช้หลังมือปาดริมฝีปากแล้วหันมามองหน้าผม

     

    "ไม่นึกว่าจะเอาจริงนะเนี่ย"

     

     

    "ก็ชวนเองนะ"

     

     

    "จูบแรกเหรอ"

     

     

    ผมพยักหน้าแทนคำตอบ

     

     

    "จูบแรกเหมือนกัน"

     

     

    ผมไม่รู้จะตอบอะไร ไม่รู้จะต่อบทสนทนาให้ไปในทิศทางไหน ในความรู้สึกผมคือไม่มีอะไรที่จะเป็นไปในด้านความชอบความพอใจอะไรนั่นได้เลย ดูจากจินยองแล้วคงจะเป็นความรู้สึกที่ไม่ต่างกัน เขาดูไม่เขินอะไรเลย พวกเราคงไม่มีโอกาสลงเอยกันเพียงเพราะจูบเดียวแน่นอน

     

     

     

    เสียงโทรศัพท์ของอีกคนดังขึ้น ฟังจับใจความคร่าวๆได้แค่ว่าแม่ของจินยองมารับแล้ว จอดรถไว้หน้าตึกเลยทีเดียว พวกเราเลยต้องวิ่งลงไป เมื่อโบกมือลาคนตัวเล็กกับคุณนายปาร์คแล้ว ผมก็ปั่นจักรยานคันเก่งกลับบ้านของตัวเอง

     

     

     

    วันนี้เป็นที่มีอะไรใหม่ๆเกิดขึ้น และเป็นอีกวันที่จะเต็มไปด้วยเสียงบ่นของแม่ผมที่ลูกชายคนเล็กกลับบ้านช้าอีกตามเคย

     

     

     

     

     
























     

     

     

     

     

     







     

     

    ตอนเย็นวันศุกร์ที่ควรจะรีบกลับบ้านไปพักผ่อนหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่คงไม่ใช่กับผมที่กลับบ้านช้าตลอดตั้งแต่เรียนมัธยมปีแรกจนตอนนี้ปีสุดท้ายแล้วผมยังไม่เคยกลับเร็วซักที ผมนั่งเล่นเกมในโทรศัพท์มือถืออยู่ที่หน้าตึกเรียนและนั่งคิดอะไรไปเรื่อย ทั้งเรื่องเกม บอล ข้าวเย็น แม้แต่เรื่องอนาคต

     

     

    "อ้าวแจบอม ไม่เจอตั้งนาน"

     

    เสียงใสดังขึ้นที่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะ เงยหน้าขึ้นไปก็เจอกับใบหน้าคุ้นตายืนยิ้มกว้างจนตาเป็นสระอิอยู่

     

     

    ปาร์ค จินยอง

     

     

    "เจอแหละ แต่จินยองไม่ทัก"

     

     

    อีกคนได้แต่หัวเราะร่วนแทนคำตอบ เราเจอกันบ่อยก็จริงแต่ไม่ได้ทักทายกัน เพราะเจอแค่แว้บเดียวแค่เดินผ่านกัน
    ตามตึกเรียนอีกทั้งยังเรียนคนละสายการเรียน จะให้ทักทายกันก็คงไม่มีเวลาตรงกันนัก

     

     

     

    "แล้วนี่ทำไมยังไม่กลับ"

     
     

    ผมยักไหล่แล้วชี้ไปยังห้องเรียนห้องหนึ่งที่ยังเปิดไฟสว่าง เสียงอาจารย์สุดขยันยังเล็ดลอดออกมา
    แม้จะเป็นเวลาห้าโมงกว่าแล้วยังไม่เลิกสอนซักที

     

    "อ่อ"

     

    "แล้วทำไมยังไม่กลับล่ะ"

     
     

    "เราเพิ่งแก้งานเสร็จ เดี๋ยวกลับแล้ว"


     

    "รอคนมารับ?" ผมเลิกคิ้ว


     

    จินยองไม่ตอบแต่พยักหน้าแทน ไม่ถึงห้านาทีเสียงล้อรถยนต์บดกับถนนก็เคลื่อนตัวเข้ามาใกล้กับม้าหินอ่อนที่ผมนั่งอยู่

     
     

    "อ้าว พี่มาร์คกลับจากเมกาแล้ว?"


     

    "อื้อซักพักแล้ว กลับนะแจบอม บายยย"

     
     

    คนตัวเล็กยกมือขึ้นโบกมือให้แล้ววิ่งไปขึ้นรถสีขาวที่ดูจะเป็นรถคันแพงราคาเลขแปดหลัก แต่ก็คงเป็นปกติที่พี่มาร์คคนดังของรุ่นที่จบไปเมื่อปีที่แล้ว จะว่าไปแล้วสองคนนี้ก็คบกันนานดีเหมือนกัน ขนาดพี่มาร์คไปอเมริกาเป็นปียังไม่เห็นจินยอง
    จะควงใครแทนพี่มาร์คเลย

     

     

    "แจบอมฮยอง!!!"


     

    เสียงตะโกนดังมาจากหน้าอาคารเรียน ผมส่ายหัวนิดๆกับความขี้โวยวายของคนที่ผมนั่งรอตั้งแต่สี่โมงเย็น
    เสียงมาก่อนตัวตลอด

     
     

    แรงโถมกอดจากด้านหลังเล่นเอาผมเซไปเล็กน้อย หัวทุยๆซบลงกับไหล่ของผมอย่างหมดแรง เสียงบ่นในลำคอดังแถวข้างหู ผมอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปยีหัวให้ผมนุ่มๆนั้นให้ยุ่งขึ้นไปอีก

     

    "ปะ กลับบ้านกันเร็ว"

     

    ผมลุกขึ้นยืนเต็มความสูง คว้าเป้ของตัวเองและอีกคนมาสะพายไว้ มือข้างซ้ายล้วงกระเป๋าหากุญแจดูคาติคันเก่ง
    แขนขวาพาดไหล่คนที่ตัวเล็กกว่า

     

     

    "แจบอมฮยองอะ เห็นเตี้ยกว่าใช่มะ กลายเป็นที่พักแขนไปเลย"

     

    อีกคนบ่นนู่นบ่นนี่ไปเรื่อย ปากเบะปากเบี้ยวไปตามเรื่อง ผมบีบแก้มยุ้ยนั่นอย่างหมั่นเขี้ยว ปากก็มีอยู่แค่นี้
    ไม่รู้ไปเอาคำบ่นมาจากไหนได้เยอะแยะ

     

     

    "โอ้ย เอาแก้มแบมไปเลยมั้ย บิดอยู่ได้"

     

    ผมหัวเราะ ยื่นหมวกกันน็อคสีขาวให้คนตัวเล็กแล้วก้าวขาขึ้นคร่อมรถคันเก่งรอคนอีกคนปีนขึ้นมาแล้วกลับบ้านพร้อมกันเหมือนทุกวัน

     
     

    "แจบอมฮยอง วันนี้กินข้าวบ้านแบมนะแม่อยากเจอ"


     

    "แม่อยากเจอลูกเขยเหรอ"


     

    ผมหัวเราะพร้อมกับแรงฟาดที่กลางหลังแบบไม่ออมแรง แต่ก็นะไม่รู้สึกเจ็บอะไรมากหรอก ชินซะมากกว่า
    แรงแค่นี้โดนฟาดมาตลอดสองปีกลายเป็นอะไรที่แผ่นหลังผมมันชินไปแล้ว

     

     

     

     

     

     

     








































     

     

     

    บางคนอาจจะคิดว่าจูบแรกควรจะเป็นเรื่องที่ประทับใจควรจะเกิดในสถานการณ์โรแมนติกมากที่สุดกับคนที่ตัวเองหลงรักเช่นการสารภาพรักใจวันวาเลนไทน์ การจูบลาที่หน้าบ้านในวันหิมะตก แต่สำหรับผมจูบแรกไม่ได้เป็นจูบที่น่าประทับใจขนาดนั้น มันก็เป็นแค่จูบ แค่ความอยากรู้อยากเห็นของเด็กผู้ชายสองคน ไม่มีรสชาติของความหอมหวานอะไรเลย
    ไม่ใช่จูบที่เต็มไปด้วยความรัก เพราะมันเป็นแค่ความอยากลองเท่านั้นเอง

     

     

    เราต่างคนต่างใช้ชีวิต ต่างคนก็มีคนรักเป็นของตัวเอง ผมกับจินยองเองก็เป็นเพื่อนกัน เพื่อนแบบบริสุทธิ์ใจ
    ผมไม่คิดว่าจูบเดียวจะผูกให้เรารักกับคบกันใช้ชีวิตเหมือนในนิยาย ชีวิตเราไม่ได้สวยงามขนาดนั้นเสมอกันหรอกครับ

     

     

     

     

    ผมไม่เสียใจ ไม่เสียดายอะไรในจูบนั้น ไม่เจ็บใจที่เห็นคนที่เป็นจูบแรกของผมไปเป็นของคนอื่น
    ผมคิดว่าเขาก็คงไม่สนใจเหมือนกันที่ผมจะคบใคร เราแค่เพื่อนกัน ไม่ได้มีความรักความผูกพันอะไรกันเลย

     

     

     

     

    จูบแรกมันก็แค่จูบ .. แค่นั้นเอง

     

     





    -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------





    TALK.

    หายไปน้านนาน ช่วงนี้ไม่ว่างจริงๆค่ะพี่น้อง เรียนทุกวันจันทร์ถึงอาทิตย์ จะบ้าล้าววว
    ไม่ได้แต่งฟิคเลย เรื่องนี้เราแต่งไว้นานนนนนนมากกกกกกกกกกกละ
    คือแบบเหมือนพี่บีในเรื่องนี้เป็นคนเนือยๆนิ่งๆอะค่ะ แบบไม่แสดงออกมาก 
    แต่เวลาอยู่กับคนที่รักจะน่ารัก ยิ้มง่ายหัวเราะง่ายอะไรแบบเนี้ย ซึ่งแฟนไม่ใช่จินยอง กำ
    คือจั่วหัวไว้ว่าบีเนียร์ แต่แบบก็บีเนียร์น้า นิดนึงอะตัว เนาะ 

    เม้นด้วยนะฮือ เราชอบฟิคเรื่องนี้มากเลยอะไม่รู้ทำไม

    ฝากด้วยนะคะ เริ้บนะ ฮริ้ง  (ノ・◡・)  









    ปล. จะมีใครโกรธมั้ยถ้าจะบอกว่าเราอาจจะไม่ต่อเรื่องบักเหยินช้างบ้านอาจารย์จินยองแล้ว โฮ 
    มันยากอะ เราเค้นไม่ได้เลย พยายามแล้วแต่ต่อไม่ติด .. ขอโทษนะเตง แต่ต่อไม่ไหวจริงๆ  
    ()   

    แต่ถ้าเค้นได้เราจะพยายามให้ถึงที่สุดนะคะ แง

     

     









    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×