ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    THE GANG เรื่องวุ่นวัยเรียน

    ลำดับตอนที่ #6 : ธรรมทายาท

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.69K
      62
      4 มิ.ย. 46

    THE GANG

    เรื่องวุ่นวัยเรียน



    ตอนที่ 6 : ธรรมทายาท

    CHAPTER 6 : When We Were Monks



              คนไทยมีความเชื่อสืบต่อกันมาว่าครั้งหนึ่งในชีวิตของลูกผู้ชายต้องผ่านการบวชเรียน ทางโรงเรียนของผมจึงได้ร่วมมือกับวัดแห่งหนึ่งจัดโครงการ “ธรรมทายาทบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อนประจำปี” ขึ้น เพื่อเป็นการฝึกให้บรรดานักเรียนชายทั้งหลายมีจิตใจใฝ่ธรรมะ พ่อแม่ผู้ปกครองของพวกเราเล็งเห็นแล้วว่าเป็นโครงการที่ดีมีประโยชน์ จึงส่งพวกเราเข้าร่วมโครงการนี้ ด้วยหวังว่าจะเกาะชายผ้าเหลืองของลูกชายขึ้นไปบนสวรรค์ ตอนปิดเทอมปลาย ม.3 ผมและเหล่าสหายห้าพยัคฆ์หนี จึงต้องใช้เวลาในช่วงนั้นศึกษาธรรม ณ วัดเล็กๆแห่งหนึ่งกลางกรุง ประมาณสามสัปดาห์



              ความรู้สึกครั้งแรกที่ผมโกนหัวบวชนั้นมันยากเกินอธิบาย พิธีการบวชมีขั้นตอนที่ยุ่งยากมากแต่ก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี สามเณรบวชใหม่อย่างพวกเราต้องมีพระพี่เลี้ยงคอยดูแล ซึ่งทางวัดจะแบ่งพวกเราออกเป็นกลุ่มๆ ซึ่งไอ้ตี๋ ลิงนนท์ เพชรา และตัวผม โชคดีได้อยู่กลุ่มเดียวกัน ส่วนไอ้ไม้นั้นโชคร้ายโดนจับแยกไปอยู่กลุ่มอื่น ช่วงแรกๆผมยังปรับตัวไม่ค่อยได้ รู้สึกลำบากใจมากที่ต้องตื่นออกไปบิณฑบาตแต่เช้า ต้องทำวัตรเช้า-เย็น ต้องถือศีลของสามเณรถึง 10 ข้อ แล้วยังต้องปฏิบัติตามกฎที่เคร่งครัดของวัดอีกด้วย ข้าวเย็นก็ไม่ได้กิน หิวจนแสบไส้ แต่ผมถือเสียว่านี่คือการฝึกความอดทน อย่างน้อยสามเณรมือใหม่อย่างพวกเราก็ไม่ต้องถือศีลมากมายเป็นร้อยๆข้อเหมือนกับพระสงฆ์ เมื่อผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ผมก็เริ่มคุ้นเคยกับชีวิตสามเณรมากขึ้น ไอ้ไม้ชอบมาบ่นให้ผมฟังบ่อยๆว่าหลวงลุงที่เป็นพระพี่เลี้ยงของมันท่านเคร่งมาก ไอ้ไม้มันอยากสลัดจีวรกลับบ้านเต็มแก่ แต่ผมโชคดีที่พระพี่เลี้ยงของผมท่านเข้าใจว่าความอดทนของเด็กๆอย่างพวกเรายังมีน้อย ท่านจึงไม่ค่อยเคร่งครัดกับพวกผมเท่าไหร่



              เมื่อเข้ามาอยู่ในวัด สิ่งที่เด็กอย่างผมกลัวมากที่สุดก็คือ “ผี” คืนแรกที่ได้มาอาศัยอยู่ใต้ชายคาวัดแห่งนี้ผมนอนไม่หลับเลย สามเณรอย่างพวกเรามีกฎห้ามนอนบนฟูก ดังนั้นพวกเราจึงต้องนอนกันบนพื้นไม้กระดานแข็งๆตลอดระยะเวลาการบวช กลุ่มของผมได้นอนในหอสมุดของวัดซึ่งอยู่ติดกับที่เก็บกระดูกของบรรดาศพไม่มีญาติทั้งหลาย ความไม่สะดวกสบายของที่นอนและความสงบเงียบวังเวงภายในวัดประกอบกัน ทำให้ผมและเพื่อนๆนอนตาค้าง เกาะกลุ่มเบียดกันตลอดทั้งคืน กลางดึกคืนหนึ่งไอ้เพชรเกิดปวดฉี่ขึ้นมา เหลือผมเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ยังนอนไม่หลับ ผมจึงต้องกลั้นใจออกไปห้องน้ำเป็นเพื่อนไอ้เพชร ความมืดทำให้บริเวณรอบๆวัดในตอนกลางคืนดูน่ากลัวมากๆ บรรยากาศสุดระทึกชวนให้ขนหัวลุก ผมกับไอ้เพชรกุมมือกันแน่น เราสองคนเดินจ้ำอ้าว ในใจก็สวดมนต์ภาวนาไปด้วย ไอ้เพชรรีบทำธุระจนเสร็จแล้วเราก็วิ่งกลับหอสมุดด้วยความรวดเร็ว ในคืนนั้นไม่มีอะไรผิดปกติเกิดขึ้น หากเพียงแต่เราไม่คิดจินตนาการสร้างภาพหลอนกันไปเอง เราก็คงไม่ต้องมีอาการหวาดกลัวหัวหดขนาดนี้



              ก่อนทำการสึกนั้นทางวัดได้มีการจัดสอบประเมินผลว่าเด็กอย่างพวกผมได้รับความรู้อะไรติดตัวกลับไปบ้าง ปรากฏว่าผู้ที่ได้คะแนนมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งคือ “ไอ้ไม้” คนที่อยากสลัดจีวรกลับบ้านเป็นคนแรกนั่นเอง ไอ้ไม้มีท่าทีอิ่มบุญมากกว่าใคร ไอ้ไม้บอกกับพวกเราว่าถ้าหากมีโอกาสมันจะขอมาบวชที่นี่อีกครั้งหนึ่ง  สงสัยว่าอีกไม่นานวัดแห่งนี้คงต้องเปิดประตูต้อนรับพระภิกษุสงฆ์องค์ใหม่อย่างไอ้ไม้แน่นอน พวกเราเหล่าห้าพยัคฆ์หนีก็ขออนุโมทนาสาธุไปกับมันด้วย    



              ช่วงเวลาสามสัปดาห์ผ่านไปเร็วมากอย่างน่าใจหาย ผมรู้สึกดีมากๆกับการบวชเรียนครั้งนี้ ทั้งสนุกและได้เพื่อนเพิ่มขึ้น ได้ศึกษาพระธรรมวินัย ได้รับความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับพุทธประวัติและวัดวาอารามต่างๆ ได้ฝึกความอดทนและความมีระเบียบ สำหรับเด็กผู้ชายวัยเจริญพันธุ์อย่างผม ก่อนที่ผมจะต้องเปลี่ยนคำนำหน้าชื่อตัวเองจาก “ด.ช.” เป็น “นาย” ประสบการณ์ครั้งนี้ถือเป็นประสบการณ์ที่ดีครั้งหนึ่งในชีวิตวัยเด็กของผมเลยทีเดียว ผมภูมิใจที่อย่างน้อยผมได้เคยทำอะไรเพื่อเป็นการทดแทนบุญคุณของพ่อและแม่บ้าง ผมรู้สึกอิ่มใจกับรสพระธรรม ผมดีใจที่ครั้งหนึ่งในชีวิตของผมได้ทำหน้าที่ของชาวพุทธที่ดีและมีโอกาสได้เข้ามาอาศัยอยู่ภายใต้ร่มกาสาวภัตเรียบร้อยแล้ว      







                        

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×