ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    THE GANG เรื่องวุ่นวัยเรียน

    ลำดับตอนที่ #7 : กลองกับไม้ตี

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.37K
      46
      4 มิ.ย. 46

    THE GANG

    เรื่องวุ่นวัยเรียน



    ตอนที่ 7 : กลองกับไม้ตี

    CHAPTER 7 : Drum and Snare



              ทุกเช้าก่อนเข้าเรียนจะต้องมีการเข้าแถวเคารพธงชาติบริเวณสนามหญ้าหน้าเสาธง เสียงประกาศจากไมโครโฟนที่พวกเราเหล่านักเรียนได้ยินเป็นประจำคือเสียงอันเข้มแข็งดุดันทรงพลังของ อ.ทรงพล จะว่าไปแล้วการเข้าแถวเคารพธงชาติมันเป็นอะไรที่น่าเบื่อมากสำหรับผม นักเรียนชาย-หญิงเดินเข้าแถวลงจากห้องเรียนมายืนเรียงสลับกันกลางสนามตั้งแต่ชั้น ม.1 ไล่ไปจนถึง ม.6 เปล่งเสียงร้องเพลงชาติไทยและสวดมนต์ตามผู้นำซึ่งก็คือประธานนักเรียน หลังจากนั้นก็ฟังท่าน อ.ทรงพล เทศนาสั่งสอนพอเป็นพิธี จากนั้นก็เดินเรียงแถวกลับขึ้นไปยังตึกเรียน เสียทั้งเวลาและเสียทั้งพลังงานในการเดินขึ้นๆลงๆ 6ปีที่ผมต้องทำซ้ำๆแบบนี้อยู่ทุกวัน ผมจึงจำขั้นตอนเหล่านี้ได้ขึ้นใจ



             น้ำเสียงของ อ.ทรงพล หากใครได้ยินเป็นต้องสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ มีอยู่ครั้งหนึ่งในชั่วโมงวิทยาศาสตร์ที่ อ.ทรงพล เป็นผู้สอน อาจารย์เรียกไอ้โล้นหนึ่งในสมาชิกกลุ่มห้าพยัคฆ์หนีของผมให้ตอบคำถาม ไอ้โล้นไม่ทันตั้งตัว ขวัญกระเจิงจนทำหลอดทดลองแตกกระจาย ทุกคนต่างก็รู้ว่าไอ้โล้นกับ อ.ทรงพล นั้นไม่ค่อยกินเส้นกัน สาเหตุเนื่องมาจากว่า อ.ทรงพล ท่านทำหน้าที่เป็นอาจารย์ฝ่ายปกครอง คอยสอดส่องดูแลพฤติกรรมของบรรดานักเรียนทั้งหลายในโรงเรียน ส่วนไอ้โล้นนั้นก็รู้ๆกันอยู่ว่าเป็นพวกกลุ่มห้าพยัคฆ์หนีที่รักความบันเทิงเป็นหลัก ไม่ค่อยใส่ใจกับกฎระเบียบของโรงเรียนเท่าไหร่นัก กฎข้อไหนแหกได้ไอ้โล้นเต็มใจและภูมิใจอย่างยิ่งที่จะทำ แต่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเวรเป็นกรรมอะไรของไอ้โล้นที่ อ.ทรงพล มักจะจับได้ตอนที่มันทำผิดกฎอยู่เสมอ ทั้งสองคนเลยกลายเป็นคู่ปรับกันไปโดยปริยาย  

      

            มาพูดถึงไอ้โล้นเพื่อนของผมกันดีกว่า “ไอ้โล้น” เป็นเพียงแค่ฉายาที่เพื่อนๆตั้งให้มันเท่านั้น ชื่อเล่นจริงๆของมันชื่อว่า “จิ๋ว” ซึ่งขัดกับรูปร่างอันบิ๊กบึ้มอ้วนท้วนสมบูรณ์ของมันเหลือเกิน เพื่อนๆเห็นแล้วจึงรวมหัวกันลงมติให้เรียกมันว่าไอ้โล้นดีกว่า เพราะไอ้โล้นมันไม่มีผมบนศีรษะเลยสักเส้นเนื่องจากมันตั้งใจประชดชีวิตนักศึกษาวิชาทหารหรือที่เราๆท่านๆเรียกกันติดปากว่า ร.ด. ไงล่ะครับ ไอ้โล้นบอกว่า “ถ้าจะให้กูมีผมทรงหัวเขียงโคตรอุบาทว์แบบนั้นอยู่บนหัว กูขอตัดหัวทิ้งหรือไม่ก็โกนหัวบวชพระยังจะดีเสียกว่า” ตั้งแต่ ม.4 เป็นต้นมาก็ไม่มีใครได้เห็นเส้นผมบนหัวของไอ้โล้นอีกเลย



              ไอ้โล้นอยู่ชมรมฟุตบอลและค่อนข้างสนิทสนมกับไอ้ตี๋ หลังการจากไปของเพชราพวกเราก็ได้อ้าแขนรับไอ้โล้นเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ของกลุ่มห้าพยัคฆ์หนี ไอ้โล้นเป็นหนุ่มตัวใหญ่ ยิ่งเรื่องของใจก็ยิ่งใหญ่ตามตัวไปด้วย ไอ้โล้นมันเป็นคนกล้าได้กล้าเสีย เพื่อนฝูงมีเรื่องหนักหนาสาหัสขนาดไหนขอให้บอก ไอ้โล้นจะลุยให้เอง  เหล้า ยา นารี ไอ้โล้นเคยลองมาหมดแล้ว เป็นคนชั่วตัวอย่างเลยทีเดียว ถึงแม้ภายนอกไอ้โล้นมันจะดูโหดร้ายต่ำทรามแต่ความจริงแล้วจิตใจของมันอ่อนไหวและเปราะบางมาก ที่ไอ้โล้นพยายามทำตัวเปรี้ยวซ่าก๋ากั่นก็เพราะว่ามันต้องการปกปิดความอ่อนแอของมันไม่ให้คนอื่นรู้ ไอ้โล้นไม่ได้เก่งแต่เรื่องทำชั่วอย่างเดียวเท่านั้นหรอกนะ เรื่องความดีก็ยังคงมีปรากฎให้เห็นอยู่เหมือนกัน ครั้งหนึ่งไอ้โล้นเจอหญิงชราถูกรถชนนอนพะงาบๆอยู่กลางถนน ไม่มีใครสักคนที่คิดจะช่วยเหลือ ทุกคนได้แต่ยืนทื่อเป็นไทยมุง ไอ้โล้นค่อยๆรวบรวมสติทบทวนวิชาปฐมพยาบาลที่เคยได้เล่าเรียนมาตั้งแต่ครั้งยังเยาว์ แล้วตัดสินใจอุ้มหญิงชราคนนั้นไปส่งยังโรงพยาบาลใกล้ๆ ไอ้โล้นนั่งเฝ้าสวดมนต์ภาวนาอยู่หน้าห้องฉุกเฉินจนหญิงชราคนนั้นปลอดภัย เป็นวีรกรรมครั้งใหญ่ที่สามารถลบล้างความชั่วช้าที่ผ่านๆมาของมันได้อย่างไม่ต้องอุทธรณ์เลย



             ไอ้โล้นมันเป็นคนใจร้อน เวลาโดน อ.ทรงพล จับได้ตอนทำผิดมันมักจะโมโหเดือดดาลจนเกือบจะวางมวยทุกครั้งไป ทั้งๆที่มันก็รู้อยู่แก่ใจว่าอาจารย์น่ะเป็นฝ่ายถูก แต่สำหรับลูกผู้ชายแล้วไอ้เรื่องเสียหน้าแบบนี้มันยอมได้ที่ไหนกัน  ก่อนปิดเทอมต้นตอน ม.5 ทางโรงเรียนได้จัดพิธีอำลาอาลัยอาจารย์ที่จะต้องเกษียณอายุราชการซึ่ง อ.ทรงพล ก็เป็นหนึ่งในนั้นที่จะต้องจากโรงเรียนของเราไป หลังจากเสร็จพิธีการเรียบร้อยแล้วผมพยายามมองหาไอ้โล้นแต่ก็หาไม่เจอ ผมคิดว่ามันคงจะโดดเรียนอีกตามเคย แต่หาใช่ไม่ ความจริงแล้วไอ้โล้นแอบเอาพวงมาลัยไปไหว้ขอขมา อ.ทรงพล ถึงที่ห้องพักครู ไอ้โล้นน้ำตาอาบสองแก้มอูมๆของมัน อ.ทรงพล ก็บ่อน้ำตาตื้นไม่แพ้กัน อาจารย์เอามือลูบหัวไร้ผมของไอ้โล้นแล้วก็ให้โอวาทกับไอ้โล้นเป็นครั้งสุดท้าย สาเหตุแท้จริงที่ อ.ทรงพล คอยจับผิดและตักเตือนไอ้โล้นอยู่เสมอๆก็เพราะว่าอาจารย์รักและเอ็นดูมันมากกว่านักเรียนคนอื่นๆ ไอ้โล้นเข้าใจมาตลอดและเข้าใจเป็นอย่างดีเสียด้วย แต่ก็อย่างว่านั่นแหละนะ อาจารย์กับนักเรียนก็เปรียบเหมือน “กลองกับไม้ตี” ต้องมีการกระทบกันมันถึงจะเกิดเป็นจังหวะที่สนุกสนาน อ.ทรงพล กับไอ้โล้นก็เช่นกัน



              หลังจากเปิดเทอมปลาย ม.5 ไม่มี อ.ทรงพล อยู่ในโรงเรียนอีกแล้ว ไอ้โล้นกลายเป็นเด็กที่ตั้งใจเรียนมากขึ้น ลดดีกรีความเกเรลงไปเยอะจนน่าใจหาย (แต่ไปเพิ่มระดับความเลวในเรื่องอื่นแทน) เสียงประกาศออกไมโครโฟนหน้าเสาธงก็เปลี่ยนเป็นเสียงใสๆของ อ.พรพิมล อาจารย์สอนภาษาอังกฤษสาวสวยที่เข้ามารับหน้าที่ฝ่ายปกครองแทน อ.ทรงพล  ผมได้ข่าวว่า อ.ทรงพล ใช้ชีวิตหลังเกษียณอายุได้ไม่นานอาจารย์ก็ต้องลาโลกใบนี้ไปด้วยโรคมะเร็ง เป็นครั้งที่สองที่ผมได้เห็นน้ำตาของไอ้โล้นในงานศพของอาจารย์ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา อ.ทรงพล ได้ทุ่มเทให้กับการทำงานอย่างมาก ไม่เคยละเลยต่อหน้าที่ มีสามัญสำนึกและจิตวิญญาณของความเป็นครูอยู่เต็มเปี่ยม อาจารย์คือแม่พิมพ์ของชาติที่แท้จริง สมควรอย่างยิ่งแก่การยกย่องเชิดชู



                                       ผมขอไว้อาลัยให้กับการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของ อ.ทรงพล ณ ที่นี้ด้วยครับ







    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×