ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตามเบ็คแฮมมาเรียนอังกฤษ

    ลำดับตอนที่ #1 : 1 st Step: ฝันให้ไกลแล้ว(พยายาม) ไปให้ถึง (ครึ่งแรก)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 280
      0
      26 ต.ค. 55

                  ทุกคนต่างมีฝัน บางคนก็ได้แต่ฝันไปวันๆ ในขณะที่บางคนกำลังพยายามเพื่อให้มาถึงฝันนั้น ตัวเราเองก็เหมือนคนอื่นๆ ฝันของเราตั้งแต่เด็กๆคือ จะต้องมาเหยียบแผ่นดินอังกฤษ เพือมาเกาะขอบสนามชมฟุตบอลพรีเมียร์ลีก มาดูเบ็คแฮมตัวจริงของจริงที่นี่ให้ได้ ผู้ใหญ่หลายคนอาจจะเห็นตัวเราในตอนนั้นไร้สาระ เพราะอะไรก็เบ็คแฮม (จะบ้าไปใหญ่แล้ว) แต่เราสิ่งที่เราบ้านั้นมันทำให้เราพยายามที่จะเรียนพิเศษภาษาอังกฤษ (คือภาษาเราง่อยมากค่ะ) หัดฟังเพลงภาษาอังกฤษ และดูหนังSoundtrack เผื่อไว้ว่าในอนาคตอาจจะได้มาอังกฤษจริงๆ

                 เมื่อเราเรียนจบปริญญาตรีที่เมืองไทย เราก็พยายามหาทุนค่ะ แต่มันติดอยู่นิดเดียว (แต่เป็นนิดเดียวที่ถือเป็นเกณฑ์แรกในการคัดนักเรียนเพื่อให้ทุนเลยก็ว่าได้) เกรดเฉลี่ยรวมของเราไม่ผ่านเกณฑ์ ( ดังนั้นถ้าน้องๆคนไหนอยากได้ทุนนะคะ พยายามทำเกรดสวยๆไว้ แล้วชีวิตน้องจะไม่ลำบากค่ะ แหะ แหะ)ฉะนั้นตัดเรื่องทุนไปเลย ถึงตอนนี้เราก็รู้ตัวแล้วว่าถ้าอยากจะมาอังกฤษก็ต้องมาด้วยตัวเอง  

                    เมื่อกำลังกายพร้อม กำลังทรัพย์พร้อม เราก็เตรียมตัวโดยตอนแรกก็หาข้อมูล คณะที่อยากเรียน ความเป็นอยู่ในมหาวิทยาลัยแต่ละแห่ง ถามคนนั้นบ้าง คนนี้บ้าง หาให้อินเตอร์เน็ตบ้าง ไปงานนิทรรศการศึกษาต่อบ้าง ข้อมูลก็ยังไม่ชัดเจน ในที่สุดจึงไปหาเอเยนซีตัวแทนของมหาวิทยาลัยในอังกฤษที่มีเพื่อนแนะนำ  ….ความแซ่บมันอยู่ตรงนี้แหละค่ะ เวลาน้องๆเลือกเอเยนซีก็ต้องเลือกที่มันดีๆนะคะ ถามคนอื่นเป็นข้อมูลก่อนตัดสินใจไปกับแต่ละเอเยนต์ให้ดี เพราะบางคนพอตัดสินใจให้เอเยนซีนั้นๆสมัครให้แล้ว ได้ค่าหัวคิวจากมหาลัยที่เราสมัครไปแล้ว ก็หายจ้อยไปเลย โทรไปไม่รับ บอกว่ายุ่งตลอดเวลา ดังนั้นขั้นตอนที่เหลือทั้งหมดตัวเราต้องมาทำเองค่ะ ไม่ว่าจะเป็นจองตั๋วเครื่องบิน จองหอพัก ติดต่อมหาวิทยาลัย เอกสารวีซ่า (เพราะถ้าต้องทำเองเกือบหมดนี่ เราก็ไม่จำเป็นต้องมาติดต่อเอเยนซี(เพื่อให้เค้าได้ค่าหัวคิวไปฟรีๆ) ตั้งแต่แรกเลย ทำเองไปเลยก็ได้) สำหรับตัวเรานั้น ไปหาเอเยนซีมาสี่ที่ค่ะ มีที่ดีจริงๆแบบดูแลและให้คำปรึกษาทุกขั้นตอนแค่ที่เดียวเท่านั้นค่ะ ดังนั้นถ้าใครภาษาอังกฤษแข็งแรง ไม่กลัวการกรอกเอกสารวีซ่า และรู้จักผู้ที่สามารถแนะนำเราเรื่องเรียนได้ การสมัครเรียนก็ไม่จำเป็นต้องผ่านเอเยนซีก็ได้ค่ะ

                    หลังจากได้ข้อมูลแล้ว ตอนนี้ก็มาทุ่มเทกับการสอบIELTsค่ะ เพราะต้องทำให้ได้ผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำของมหาวิทยาลัยที่เราอยากจะเข้า (ยิ่งมหาลัย rank ดีเท่าไหร่ เกณฑ์ก็จะสูงไปด้วย)….แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ขอบอกน้องๆว่ามหาลัยดังๆ เค้าก็ดูเกรดเฉลี่ยก่อน เป็นอันดับแรกค่ะ ขอให้เกรดผ่านเกณฑ์ที่เค้ารับ แล้วต่อมาจึงค่อยดูคะแนนIELTค่ะ เพราะจากประสบการณ์ตรงถูกปฏิเสธจากU Top 10แห่งหนึ่ง เพราะว่าเกรดไม่ถึง 3.3 ค่ะ คือสรุปว่าU นี้อย่างต่ำต้องเกียรตินิยมอันดับสอง

                    นอกจากคะแนนIELTs แล้ว เอกสารการสมัครก็ต้องมี Resume และ SOP ค่ะ ซึ่งเป็นการเขียนที่บรรยายจุดประสงค์ของตัวเราว่าทำใม ถึงอยากเข้าคณะนี้ มหาวิทาลัยนี้ เข้ามาแล้วคุณคิดว่าจะนำวิชาความรู้ที่ได้ไปทำอะไร อันนี้ก็ต้องเขียนให้ดูดีค่ะ เพราะเป็นเกณฑ์หนึ่งในการพิจารณาผู้สมัคร และที่ขาดไม่ได้คือ จดหมายรับรอง ถ้าใครเคยทำงานก็อาจขอจากเจ้านาย หรือถ้าไม่เคยก็ของจดหมายรับรองจากอาจารย์ที่มหาวิทยาลัย สองฉบับค่ะ  (อันนี้ก็แนะนำให้ตีซี้กับอาจารย์ตอนเรียนไว้ด้วยค่ะ จะได้เขียนถึงเราดีๆหน่อย อิอิ)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×